แรงบันดาลใจ และเส้นทางสุขภาพดีของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน แต่สุขกาย และสุขภาพใจที่แข็งแรง ของเหล่าฮีโร่สุขภาพ ล้วนเริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ทั้งสิ้น เรื่องราวของครูโยะสาว “เจี๊ยบ-รสสุคนธ์ เตชะวิมล”เจ้าของ และผู้จัดการ 5f Yoga & Wellness ณ โรงแรมร่วมจิตต์แทรแวลลอดจ์ เลขที่ 11/1 สุขุมวิท ซอย 10 ที่ทำทุ่มทำงานหนักจนลืมดูแลตัวเอง น่าจะทำให้ผู้อ่านหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น
เส้นทางสายสุขภาพ
“เจี๊ยบ รสสุคนธ์” เรียบจบจากม. ธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศส เส้นทางสายสุขภาพของเธอเริ่มขึ้น เมื่อเธอตกหลุมรักดวงตาคู่สวยของหนุ่มตุรกี ขณะทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการเงินของคลับเมดภูเก็ต จากนั้นชีวิตของเธอก็โลดแล่นอยู่ต่างแดนในประเทศตุรกี ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของสามี
เมื่อกระแสนวด และสปาเริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก เธอตัดสินใจบินกลับเมืองไทย เพื่อเรียนนวดหลักสูตรต่างๆที่วัดโพธิ์ และที่อื่นๆ รวมถึงเรียนการดูแลร่างกายแบบจีน ขูดล้างพิษแบบกัวซา(Gua Sha) ครอบแก้วดูดพิษแบบปากัว(Ba Gua) และที่ตุรกีได้เข้าเรียนนวดน้ำมันแบบสวีดิช (Swedish Massage) นวดระบบต่อมน้ำเหลือง(Lemph Drainage massage) นวดเท้าแบบจีน นวดแบบญี่ปุ่นชีอะสึ (Shiatsu Massage) นวดแบบจีนทุยนา (Tuina Massage) ที่เต๋าการ์เด้น เชียงใหม่ กับอาจารย์ประเสริฐ (Mantak Chia ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ชางต่างชาติ)
พร้อมกับได้มีโอกาสศึกษาการดูแลร่างกาย การนวด ตลอดจนการใช้พลังงานจักรวาลในการรักษา แบบเต๋า (Healing Tao and Chi Nei Tsang- Abdominal Internal Vital Organ Massage) และได้เข้าเรียนการล้างพิษดูแลร่างกายตามหลักอายุรเวท (Ayurveda and Pancakarma) ที่ประเทศอินเดีย
ชีวิตรุ่ง แต่สุขภาพร่วง
สาว “เจี๊ยบ รสสุคนธ์” เข้าร่วมอบรมหลักสูตรบริหารจัดการสปา (Spa operation and Spa Management) ผสมผสานความละเอียดอ่อน นุ่มนวลของความเป็นไทยจนโด่งดัง ความสามารถทั้งศาสตร์การนวดแต่ละแขนง และความสามารถทางด้านภาษาไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส ตุรกี ทำให้เธอเป็นผู้หญิงไทยคนแรกๆที่ก้าวขึ้นมาเป็นครูสอนนวดให้กับเทรนเนอร์ตามฟิศเนส และสมาคมนวดต่างๆในอิสตันบูลและจังหวัดอื่นๆ ในประเทศตุรกี
เพียงแค่ 2 ปีจากจุดเริ่มต้น เธอก็หันมารับงาน จัดระบบสปา และสอนนวดให้กับ wellness และ Thalasso ทั้งในและนอกประเทศตุรกี พร้อมกับใช้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดรับนวดแก้อาการให้กับผู้บริหาร และนักร้องนักแสดงที่มีอเสียงโด่งดังมากในประเทศตุรกี
การใส่ใจต่อสุขภาพคนอื่น จนลืมห่วงใยสุขภาพตัวเอง ทำให้เธอเจ็บป่วย ครูเจี๊ยบ รสสุคนธ์ เล่าว่า “ตอนนั้นทำงานมากจนลืมดูแลตัวเองค่ะ บาดเจ็บ ปวดเอว ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดคอ ขาตึงมาก ปวดแขน ปวดศอก ปวดข้อมือ ตึงนิ้วโป้งมาก ตาบวม (เพราะลมอั้นในขา) ในที่สุดนิ้วล็อก กางหรือกำนิ้วไม่ได้”
ถึงตรงแทนที่จะหยุด ความมุ่งมั่น และความไม่เข้าใจ ทำให้เธอเลือกที่จะไปต่อ “ดื้อคะ” เธอยอมรับ พร้อมกับเล่าว่า “ตอนนั้นไม่เข้าใจ ตัวเลขรายได้จำนวนมากทำให้เราทำงานหนักเหมือนเดิม เมื่อนิ้วล็อกจึงใช้มือนวดน้อยลง และหันไปใช้เท้าเหนียบมากขึ้น ๆๆๆ จนกระทั่งวันหนึ่งปากถุงมดลูกโผล่ออกมา เพราะเป็นกระบังลมหย่อน หน้าตาก็โทรม ไม่สดใสแก่เหี่ยวย้วย เพราะสุขภาพย่ำแย่”
เมื่อสุขภาพแย่จนไปต่อไม่ได้ เธอคิดได้ว่า คงถึงเวลาซ่อมแซมตัวเองซะที เพราะกว่า 45 ปีที่ผ่าน เธอดูแลแต่คนอื่นมาตลอด “เริ่มจากมองหากีฬาที่ตัวเองชื่นชอบก่อนค่ะ” ในที่สุดเมื่อว่ายน้ำไม่ได้เพราะอากาศที่ตุรกีหนาวมาก จึงหันมาลองเล่นโยคะ
จากที่คิดแค่ว่า “ลองดูก็ดี” ก็กลายเป็นชอบ และชอบมาก “ครูเจี๊ยบ รสสุคนธ์” ฝึกทุกอย่าง ตั้งแต่ Hatha yoga, Vinyasa yoga, Ashtanga yoga, Kripalu yoga, Shadow yoga, Kundalini yoga, Yin yoga, Yoga fly, Yoga on belt
ความอยากรู้ทำให้เธอเข้าอบรมหลักสูตรครูโยคะ ที่ The International Sivananda Yoga Vedanta Center in Neyyar Dam, Kerala, South of India โดยใช้ชีวิตแบบโยคี เพื่อล้างทั้งพิษกาย และพิษใจ ตามหลักสูตรที่กำหนด
โยคะเปลคู่ มหัศจรรย์สุขภาพ
เพราะเชื่อว่าการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกวันนี้ “ครูเจี๊ยบ รสสุคนธ์” เรียนโยคะเปลสัปดาห์ 5 ครั้ง วันละ3 คาบ คาบละ80 นาที เธอพูดถึงประโยชน์จากการเรียนโยคะเปลว่า “รู้สึกได้ว่าอาการเวียนศีรษะจากการแกว่งตัวหน้าหลังและกลับตัวขึ้นลงลดน้อยลง หน้าตา มีสีสันดี ขึ้น แขนขามีเรี่ยวแรงมากขึ้น กล้ามเนื้อและข้อต่อมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น ในกล้ามเนื้อบางส่วนรู้สึกได้ถึง พังผืดและหินปูนที่ สลายตัวไป ปรับสรีระให้สมดุลสมส่วน
ในยุคที่ทุกอย่างต้องเห็นผลทันที เจี๊ยบว่า “โยคะเปลคู่เป็นการฝึกสร้างความมหัศจรรย์ทางกายทั้งภายใน และภายนอกที่เหมาะกับคนเมืองใหญ่ที่อายุ 25 ปีขึ้นไปทุกเพศทุกวัยนะ เพราะเป็นการดูแลสุขภาพตนเองด้วยวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นการปรับสภาพร่างกายให้เลือดลมเดินได้สะดวก เพื่อซ่อมแซม และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวเองโดยไม่ต้องหันไม่พึ่งยาปฏิชีวนะ
ทั้งนี้เพราะโยคะเปลคู่เป็นการยืดโดยอาศัยหลักแรงดึงดูดของโลกในแนวดิ่ง พร้อมๆไปกับการยืดในแนวขวาง หากทำเป็นประจำ กล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะกระดูกสันหลังจะมีช่องว่างเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถ ยืน นั่งได้ตรง
ที่สำคัญการยืดแล้วคลายเป็นการบริหารกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เพิ่ม ตลอดจนอวัยวะทุกส่วน เสริมความยืดหยุ่น บริหารเส้นเลือด ให้แข็งแรง - กระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำเหลือง เพิ่มภูมิต้านทานโรคด้วย
นอกจากนี้การยืดกล้ามเนื้อให้ยืดยาว ช่วยให้กล้ามเนื้อ หรือไขมันที่จับเป็นก้อนๆ คลายและสลายตัวได้เร็ว เป็นผลพลอยได้ในการกำจัดไขมันส่วนเกินที่เห็นผลได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะทุกครั้งที่ยืดกล้ามเนื้อ หลอดเลือดจะถูกยืดยาวตีบลง ทำให้เลือดไหลเวียนเกือบไม่ได้ แต่พอเราคลาย เลือดจะสามารถวิ่งกระฉูดอย่างแรง คล้ายๆ ”การเปิดประตูลม” ในนวดไทย
สำหรับผู้สูงอายุโยคะเปลช่วยฝึก และฟื้นฟูการทำงานของประสาทอัตโนมัติ เพราะในวิถีแห่งโยคะ เชื่อกันว่าการห้อยศีรษะ คือการย้อนวัย (Anti aging) เป็นการดึงกล้ามเนื้อ ร่างกาย และอวัยวะทั้งหมดในทิศทางตรงกันข้าม ก่อให้เกิดการผันผวน ทำให้ร่างกายต้องปรับตัว เป็นการยกเครื่องจัดระบบร่างกายใหม่ ซึ่งเป็นวิธีนำเลือดไปเลี้ยงสมองได้เร็วที่สุด
ปีใหม่นี้ สำหรับผู้ที่ต้องการให้รางวัลตัวเองด้วยการหันมาดูแลสุขภาพจริงๆจังๆ ด้วยโยคะ ครูเจี๊ยบ แนะนำว่า “ก่อนอื่นต้องรู้จักสังเกตตัวเองว่า ไหวหรือเปล่า ที่สำคัญอย่าใจร้อน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อฉีก หรือกล้ามเนื้อพลิกได้
ดังนั้นการฝึกระยะแรก (ระยะที่ตื่นเต้น)ควรฝึกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หากร่างกายสู้ไหวก็สามารถฝึกได้มากถึงสัปดาห์ละ 6 วัน หยุดพักหนึ่งวัน หากร่างกายมีอาการเครียดควร อบตัว นวดคลายกล้ามเนื้อ หรือนอนแช่น้ำเกลืออุ่นๆทุกครั้งหลังจากฝึก
เมื่อฝึกเป็นประจำ จะรู้สึกได้ว่า โยคะเปล เป็นการออกกำลังการอย่างสนุกสนาน พร้อมสมาธิ สร้างความอดทน ช่วยทำให้คนเล่นหายใจอย่างมีจังหวะ เพิ่มประสิทธิภาพในการรับออกซิเจน
สุดท้ายครูเจี๊ยบฝากเตือนว่า สำหรับผู้ที่ตัดสินใจแล้ว จะคืนสุขภาพดีด้วยโยคะ ก่อนฝึกโยคะเปล ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว และฝึกกับผู้ที่มีความชำนาญในการถ่ายทอดเท่านั้น ความไม่รอบคอบ ประมาท ขาดสมาธิ อาจทำให้บาดเจ็บได้
ที่สำคัญปีใหม่นี้อย่ามัวแต่ทำงานหาเงิน จนลืมดูแลสุขภาพนะคะ