เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุกธุรกิจฟลีท จัดงาน “Add Another Star” นำทัพขบวนยนตรกรรมหรูระดับเวิลด์คลาสรุ่น S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive จำนวน 60 คัน ส่งมอบครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นรถลิมูซีนบริการลูกค้าคนสำคัญของ 8 โรงแรมชั้นนำระดับ 5 ดาวของประเทศไทย
นาย แมทเทียส เลอร์ส รองประธานบริหาร ฝ่ายขายรถยนต์นั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า “ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ซึ่งทำให้ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามของเมืองไทยเป็นจำนวนมาก โดยสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้น “รถลิมูซีน” ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้าง ความประทับใจให้กับลูกค้าตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาใช้บริการของทางโรงแรม ดังนั้น การเลือก รถลิมูซีนที่ดีที่สุด จึงเป็นเรื่องที่หลายๆ โรงแรมชั้นนำของเมืองไทยคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงได้มีโอกาสร่วมทำธุรกิจ รถฟลีทผ่านการเลือกใช้รถยนต์ในรุ่นเอส-คลาส กับหลากหลายโรงแรมชั้นนำ เนื่องด้วยเราต่างมีแนวความคิดที่ตรงกันในการที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าเสมอมา”
เอส-คลาส ถือเป็นรถยนต์หรูที่ได้รับความสนใจอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้ามาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากยอดสั่งซื้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดการณ์ว่าจะสามารถจำหน่ายรถยนต์ในรุ่นเอส-คลาส สูงถึง 110,000 คันทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และด้วยยอดจำหน่ายนี้ จะทำให้เอสคลาส เป็นรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ในตลาดระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ นับเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก พร้อมทั้งยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์หรูในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี, รัสเซีย, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย ท้ายที่สุดนี้ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เครื่องยนต์ไฮบริดได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เครื่องยนต์ไฮบริด เนื่องจากเราเป็นแบรนด์รถหรูรายเดียว ที่สามารถผลิตรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีนี้ภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าสามารถซื้อรถยนต์เหล่านี้ได้ในราคาที่เหมาะสม”
นาย ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้มีการเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ฟลีทมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี เพื่อตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจฟลีทในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ที่สามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและผู้บริโภค ผ่านการสะท้อนคุณค่าหลักของแบรนด์ที่ว่า Perfection และ Fascination โดยจากแนวทางกลยุทธ์การตลาดที่เด่นชัด ทำให้ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2557 ยอดขายของรถยนต์ฟลีทมีอัตราเติบโตสูงขึ้นถึง 20% จาก ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยในการเติบโตครั้งนี้ มีผลมาจากการที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้เลือกสรรอย่างหลากหลายครอบคลุมทุกรุ่นมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในกลุ่มฟลีทและกลุ่มองค์กรได้เป็นอย่างดี รวมถึงการจัดการโปรแกรมฟลีทที่ทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ออกแบบแพคเกจที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแท้จริง”
สำหรับธุรกิจฟลีทโรงแรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) นั้น เราได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้ให้บริการรถฟลีท (Fleet provider) รายใหญ่ของเมืองไทย อย่าง บริษัท เบลล์ ทรานสปอร์ต และบริษัทโอเรียนเต็ล ทรานซ์ แอนด์ คาร์ เซอร์วิส ในการเลือกนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นที่ดีที่สุด มาเพื่อให้บริการแก่โรงแรมระดับ 5 ดาวทั่วประเทศไทย โดยในการส่งมอบรถยนต์ S-Class ในวันนี้ ถือเป็นการเพิ่ม “ดาวอีกหนึ่งดวง” ให้แก่เหล่าโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ซึ่งการส่งมอบยนตรกรรมหรูระดับเวิลด์คลาสในรุ่น S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive จำนวน 60 คัน ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการส่งมอบขบวนรถยนต์ฟลีทครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเราถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ โรงแรมระดับ 5 ดาวของเมืองไทยทั้ง 8 โรงแรม อย่าง โรงแรมแชงกรี-ลา, โรงแรมโฟว์ ซีซั่นส์, โรงแรมเดอะ สุโขทัย กรุงเทพฯ,โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ, โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ, โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส โรงแรมชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท และโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เลือกใช้รถยนต์จากค่ายดาวสามแฉก อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ มาเพิ่มเป็นดาวดวงที่ 6 ที่แสดงถึงมาตรฐานและคุณภาพขั้นสูงที่ทางโรงแรมตั้งใจจะมอบให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง” นาย ไมเคิล เกรเว่ กล่าวเพิ่มเติม
มร.มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า “S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive ถือเป็นรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันพร้อมใส่ใจใน ทุกรายละเอียดในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหล สมรรถนะยอดเยี่ยม ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ความสะดวกสบายที่เหนือกว่าและยังคงความสปอร์ตปราดเปรียว ทำให้ S-Class เป็นที่สุดในทุกองค์ประกอบ สมเป็นยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก”
S300 BlueTEC HYBRID Exclusive เป็นรถยนต์เครื่องดีเซล 4 สูบแถวเรียง ซึ่งประกอบ ในประเทศไทย (CKD) ที่มาพร้อมกับเสน่ห์แห่งความภูมิฐาน ด้วยการออกแบบภายในอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นลายไม้ที่สวยสะดุดตา กับเบาะนั่งอันอ่อนนุ่มที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พร้อมไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่มีให้เลือกถึง 7 สี และ 5 ระดับ ด้วยหลอดไฟแบบ LED รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่สุดแห่งความบันเทิง ด้วย ชุดเครื่องเสียงคุณภาพ Burmester® surround sound system ซึ่งให้ระบบเสียงคมชัด เซอร์ราวด์รอบทิศทางแบบ “feel-good sound” โดยจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกับระบบ frontbass system ซึ่งเป็นระบบที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้และได้นำมาใช้ในรถยนต์ซาลูนเป็นครั้งแรก
สำหรับในด้านเทคโนโลยี S 300 BlueTEC HYBRID ได้รวบรวมสุดยอดนวัตกรรม ที่เป็นครั้งแรกของโลกมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น AIR-BALANCE package ระบบ active perfuming system ที่จะเพิ่มความสดชื่นและความรื่นรมย์มากขึ้น โดยการผลิต กลิ่นหอมที่มีให้คุณเลือกถึง 4 กลิ่น ซึ่งคุณสามารถปรับระดับความหอมได้ด้วยตนเอง ENERGIZING Massage ระบบนวดแบบผ่อนคลาย ที่ใช้หลักการนวดเหมือนการใช้หินร้อน ซึ่งสามารถเลือกโปรแกรมนวดได้ถึง 6 แบบ สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง ซ้าย-ขวา โดยระดับความเร็ว และความหนัก-เบาของแรงกดจะแตกต่างกัน ตามแต่ละโปรแกรม
ในเบาะที่นั่งด้านหลังฝั่งซ้ายเป็นแบบ Executive Seat สามารถปรับเอนพนักพิงเพิ่มขึ้นได้ถึง 43.5 องศา ซึ่งเป็นองศาของการปรับเอนพนักพิงที่มากที่สุดในเซ็กเมนต์ของรถยนต์รุ่นนี้ ส่วนที่นั่งตอนหลังได้มีการเพิ่ม Chauffeur package ที่สามารถปรับเลื่อนเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าออกไปได้มากถึง 77 มม. ทำให้มีพื้นที่วางขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นมาตรฐานใหม่ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในเรื่องการพักผ่อนแบบสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
“นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังได้สะท้อนถึงเป้าหมายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ต้องการจะเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมโลกสีเขียว (Green Leadership) ด้วยการนำเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID มาผสานเข้ากับการทำงานอย่างยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมระบบควบคุมพลังงานที่ชาญฉลาด โดยใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนน้อยที่สุดในทุกสภาวะ การขับขี่ ด้วยเหตุนี้ S 300 BlueTEC HYBRID จึงนับเป็นรถยนต์ที่สะท้อนคุณสมบัติของ ยนตรกรรมหรูระดับเวิลด์คลาส ที่มอบให้ทั้งความสะดวกสบาย และสมรรถนะอันดีเยี่ยมได้ในหนึ่งเดียว พร้อมทั้งยังสามารถตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของกิจการได้เป็นอย่างดี” มาร์ทิน ชูลซ์ กล่าวปิดท้าย
นาย แมทเทียส เลอร์ส รองประธานบริหาร ฝ่ายขายรถยนต์นั่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า “ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ซึ่งทำให้ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามของเมืองไทยเป็นจำนวนมาก โดยสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้น “รถลิมูซีน” ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้าง ความประทับใจให้กับลูกค้าตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาใช้บริการของทางโรงแรม ดังนั้น การเลือก รถลิมูซีนที่ดีที่สุด จึงเป็นเรื่องที่หลายๆ โรงแรมชั้นนำของเมืองไทยคำนึงถึงเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงได้มีโอกาสร่วมทำธุรกิจ รถฟลีทผ่านการเลือกใช้รถยนต์ในรุ่นเอส-คลาส กับหลากหลายโรงแรมชั้นนำ เนื่องด้วยเราต่างมีแนวความคิดที่ตรงกันในการที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าเสมอมา”
เอส-คลาส ถือเป็นรถยนต์หรูที่ได้รับความสนใจอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้ามาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากยอดสั่งซื้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดการณ์ว่าจะสามารถจำหน่ายรถยนต์ในรุ่นเอส-คลาส สูงถึง 110,000 คันทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และด้วยยอดจำหน่ายนี้ จะทำให้เอสคลาส เป็นรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ในตลาดระดับโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ นับเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่เติบโตได้อย่างรวดเร็วที่สุด ด้วยอัตราการเติบโตในระดับตัวเลข 2 หลัก พร้อมทั้งยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดรถยนต์หรูในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น เยอรมนี, รัสเซีย, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย ท้ายที่สุดนี้ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เครื่องยนต์ไฮบริดได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์เครื่องยนต์ไฮบริด เนื่องจากเราเป็นแบรนด์รถหรูรายเดียว ที่สามารถผลิตรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีนี้ภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าสามารถซื้อรถยนต์เหล่านี้ได้ในราคาที่เหมาะสม”
นาย ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้มีการเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ฟลีทมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี เพื่อตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจฟลีทในตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม ที่สามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและผู้บริโภค ผ่านการสะท้อนคุณค่าหลักของแบรนด์ที่ว่า Perfection และ Fascination โดยจากแนวทางกลยุทธ์การตลาดที่เด่นชัด ทำให้ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2557 ยอดขายของรถยนต์ฟลีทมีอัตราเติบโตสูงขึ้นถึง 20% จาก ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยในการเติบโตครั้งนี้ มีผลมาจากการที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้เลือกสรรอย่างหลากหลายครอบคลุมทุกรุ่นมากยิ่งขึ้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในกลุ่มฟลีทและกลุ่มองค์กรได้เป็นอย่างดี รวมถึงการจัดการโปรแกรมฟลีทที่ทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ออกแบบแพคเกจที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแท้จริง”
สำหรับธุรกิจฟลีทโรงแรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) นั้น เราได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้ให้บริการรถฟลีท (Fleet provider) รายใหญ่ของเมืองไทย อย่าง บริษัท เบลล์ ทรานสปอร์ต และบริษัทโอเรียนเต็ล ทรานซ์ แอนด์ คาร์ เซอร์วิส ในการเลือกนำรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นที่ดีที่สุด มาเพื่อให้บริการแก่โรงแรมระดับ 5 ดาวทั่วประเทศไทย โดยในการส่งมอบรถยนต์ S-Class ในวันนี้ ถือเป็นการเพิ่ม “ดาวอีกหนึ่งดวง” ให้แก่เหล่าโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ซึ่งการส่งมอบยนตรกรรมหรูระดับเวิลด์คลาสในรุ่น S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive จำนวน 60 คัน ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในการส่งมอบขบวนรถยนต์ฟลีทครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และเราถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ โรงแรมระดับ 5 ดาวของเมืองไทยทั้ง 8 โรงแรม อย่าง โรงแรมแชงกรี-ลา, โรงแรมโฟว์ ซีซั่นส์, โรงแรมเดอะ สุโขทัย กรุงเทพฯ,โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ, โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ, โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส โรงแรมชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท และโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เลือกใช้รถยนต์จากค่ายดาวสามแฉก อย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์ มาเพิ่มเป็นดาวดวงที่ 6 ที่แสดงถึงมาตรฐานและคุณภาพขั้นสูงที่ทางโรงแรมตั้งใจจะมอบให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง” นาย ไมเคิล เกรเว่ กล่าวเพิ่มเติม
มร.มาร์ทิน ชูลซ์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า “S 300 BlueTEC HYBRID Exclusive ถือเป็นรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันพร้อมใส่ใจใน ทุกรายละเอียดในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหล สมรรถนะยอดเยี่ยม ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ความสะดวกสบายที่เหนือกว่าและยังคงความสปอร์ตปราดเปรียว ทำให้ S-Class เป็นที่สุดในทุกองค์ประกอบ สมเป็นยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก”
S300 BlueTEC HYBRID Exclusive เป็นรถยนต์เครื่องดีเซล 4 สูบแถวเรียง ซึ่งประกอบ ในประเทศไทย (CKD) ที่มาพร้อมกับเสน่ห์แห่งความภูมิฐาน ด้วยการออกแบบภายในอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นลายไม้ที่สวยสะดุดตา กับเบาะนั่งอันอ่อนนุ่มที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พร้อมไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร (Ambient Lighting) ที่มีให้เลือกถึง 7 สี และ 5 ระดับ ด้วยหลอดไฟแบบ LED รวมถึงการมอบประสบการณ์ที่สุดแห่งความบันเทิง ด้วย ชุดเครื่องเสียงคุณภาพ Burmester® surround sound system ซึ่งให้ระบบเสียงคมชัด เซอร์ราวด์รอบทิศทางแบบ “feel-good sound” โดยจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกับระบบ frontbass system ซึ่งเป็นระบบที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้และได้นำมาใช้ในรถยนต์ซาลูนเป็นครั้งแรก
สำหรับในด้านเทคโนโลยี S 300 BlueTEC HYBRID ได้รวบรวมสุดยอดนวัตกรรม ที่เป็นครั้งแรกของโลกมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น AIR-BALANCE package ระบบ active perfuming system ที่จะเพิ่มความสดชื่นและความรื่นรมย์มากขึ้น โดยการผลิต กลิ่นหอมที่มีให้คุณเลือกถึง 4 กลิ่น ซึ่งคุณสามารถปรับระดับความหอมได้ด้วยตนเอง ENERGIZING Massage ระบบนวดแบบผ่อนคลาย ที่ใช้หลักการนวดเหมือนการใช้หินร้อน ซึ่งสามารถเลือกโปรแกรมนวดได้ถึง 6 แบบ สำหรับเบาะนั่งด้านหลัง ซ้าย-ขวา โดยระดับความเร็ว และความหนัก-เบาของแรงกดจะแตกต่างกัน ตามแต่ละโปรแกรม
ในเบาะที่นั่งด้านหลังฝั่งซ้ายเป็นแบบ Executive Seat สามารถปรับเอนพนักพิงเพิ่มขึ้นได้ถึง 43.5 องศา ซึ่งเป็นองศาของการปรับเอนพนักพิงที่มากที่สุดในเซ็กเมนต์ของรถยนต์รุ่นนี้ ส่วนที่นั่งตอนหลังได้มีการเพิ่ม Chauffeur package ที่สามารถปรับเลื่อนเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าออกไปได้มากถึง 77 มม. ทำให้มีพื้นที่วางขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นมาตรฐานใหม่ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในเรื่องการพักผ่อนแบบสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
“นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังได้สะท้อนถึงเป้าหมายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ต้องการจะเป็นผู้นำ ด้านนวัตกรรมโลกสีเขียว (Green Leadership) ด้วยการนำเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID มาผสานเข้ากับการทำงานอย่างยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมระบบควบคุมพลังงานที่ชาญฉลาด โดยใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนน้อยที่สุดในทุกสภาวะ การขับขี่ ด้วยเหตุนี้ S 300 BlueTEC HYBRID จึงนับเป็นรถยนต์ที่สะท้อนคุณสมบัติของ ยนตรกรรมหรูระดับเวิลด์คลาส ที่มอบให้ทั้งความสะดวกสบาย และสมรรถนะอันดีเยี่ยมได้ในหนึ่งเดียว พร้อมทั้งยังสามารถตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของกิจการได้เป็นอย่างดี” มาร์ทิน ชูลซ์ กล่าวปิดท้าย