“เอก ณกรณ์” แฉเบื้องลึกอาณาจักร “วุฒิศักดิ์ คลินิก” ล่มสลาย ครวญขาดทุน 900 ล้าน!! เปิดทางเยียวยาลูกค้าพันราย
รายการ “ถามสุดซอย” ออกอากาศวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.20 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย “เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส” เปิดใจสัมภาษณ์ “เอก ณกรณ์ กรณ์หิรัญ” ผู้ร่วมก่อตั้งวุฒิศักดิ์ คลินิก กรณีข่าวช็อกวงการความสวยความงาม เมื่อ “วุฒิศักดิ์ คลินิก” ยื่นต่อศาลล้มละลายกลางขอฟื้นฟูกิจการ
วุฒิศักดิ์มีหุ้นทั้งหมดกี่หุ้น?
“ตอนแรกที่ก่อตั้งกันมา ก็เป็นช่วงวัยรุ่นของเรา 3 คน มีหมอวุฒิศักดิ์ คุณพลพัฒน์ และผม”
รู้ตอนไหนว่าล้มละลาย?
“รู้ตอนข่าว ก็ตกใจเหมือนกัน ทุกคนโทร.หาผม ไลน์เข้ามาว่าเอกล้มละลายหรือเปล่า หมดตัวแล้วเหรอ เยอะไปหมดเลย จริงๆ ตอนเข้าวุฒิศักดิ์มีคนรู้ แต่ตอนออกไม่มีคนรู้ว่าผมไม่ได้บริหารแล้ว จริงๆ กลุ่มเราก็ขายหุ้นออกไปนานแล้วในตอนแรก”
ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวุฒิศักดิ์แล้ว?
“ผมเหลือหุ้นอยู่คนเดียวในบรรดา 3 คน แต่เหลือเล็กน้อยไม่ได้มาก เหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่มูลค่าเงินที่จ่ายไป ก็ 700-800 ล้าน ก็เยอะพอสมควร”
ตอนก่อตั้งวุฒิศักดิ์ช่วงแรกๆ เฟื่องฟูมาก เป็นเพราะอะไร?
“จริงๆ ต้องจับจุดให้ได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ลูกค้าต้องการความสวย ต้องการคนที่พูดตรง พูดจริง แล้วก็ทำแบบนั้นไป เมื่อก่อนสโลแกนเราคือทางเลือกของคนรักผิว ผ่านไปสักระยะนึง เราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ก็เลยกลายมาเป็นเพราะความสวยรอไม่ได้”
ตอนนั้นมีคู่แข่งมั้ย?
“อย่าเรียกว่าคู่แข่งดีกว่า ผมเข้ามาในวงการ ทำให้กระแสความงามดีกว่าเกาหลี ดีกว่ารอบบ้าน อย่างลาว พม่า ก็มาใช้บริการที่เราเยอะ ก็ดึงเงินมาในประเทศเราเยอะ”
นิติพนคลินิกใช่คู่แข่งมั้ย?
“ไม่ใช่ครับ จะเรียกว่าเราอยู่ในวงการเดียวกันดีกว่า”
วุฒิศักดิ์กำไรต่อเนื่องมากี่ปี?
“ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยรู้จักคำว่าขาดทุน จริงๆ วุฒิศักดิ์ไม่ได้กำไรเยอะเลยถ้าดูงบ แต่จำนวนคนไข้ต่อวันเป็นร้อย เราก็ได้อำนาจต่อรองเรื่องคุณภาพ ยา เรื่องปริมาณ เรื่องหมอ มีแพทย์เป็นร้อย เรามีการอบรมกึ่งๆ โรงเรียนในสมัยนั้นที่เราทำ”
ช่วงเฟื่องฟู เห็นว่าขยายสาขาไปร้อยกว่าสาขา?
“130 ครับ ไปต่างประเทศด้วย ผมไปเปิดเองหมด มีลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม”
แบ่งกันบริหารยังไงบ้างใน 3 หุ้นส่วน?
“คุณหมอวุฒิศักดิ์ก็ดูเรื่องแพทย์ไป ผมก็ดูเรื่องการเงิน การตลาด และอะไรที่แปลกใหม่ คุณพลพัฒน์ก็ดูสถานที่ โลเกชันเรื่องการเปิด”
พอทราบว่ามีการขายหุ้นให้ซิตีแบงก์บางส่วน?
“ตอนนั้นเราอยากขายลดความเสี่ยงบ้าง ตอนนั้นกลุ่มเราก็เลือกระหว่างการเข้าตลาดและลุยงานต่อไปเรื่อยๆ กับการขายลดความเสี่ยง เมื่อก่อนรายจ่ายเราต่อเดือน 200 กว่าล้าน ช่วงนั้นมีเรื่อง อย. สาธารณสุขที่ไม่เข้าใจเรา ต้องเป็นการตลาด ฮาร์ดเซลโน่นนี่ เข้ามาตรวจ ภาครัฐไม่ได้สนับสนุนเรื่องการแพทย์ความงามมีอยู่ เข้ามาตรวจ กฎหมายเปลี่ยนรายวัน เราขายหุ้นออกไปได้ 8,000 กว่าล้าน แต่เราลดสัดส่วนแค่ 30-35 เปอร์เซ็นต์ ได้มา 3,000 กว่าล้าน ทั้งกลุ่มผม 3 คน”
สบายแล้ว?
“ก็ระดับหนึ่งครับ (หัวเราะ)”
น่าจะลอยลำ แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?
“จะบอกว่ากลุ่มพวกผมไม่ซักเซสในเรื่องธุรกิจก็คงไม่ใช่ เราทำให้มันโตขึ้นมา หลังขายให้ซิตีแบงก์ ผมบริหาร 1 ปี ทำสปอตทิ้งเอาไว้ ตอนนั้นมีพี่กบ ปภัสรา พี่หนูแหม่ม มีเจมส์จิ พี่ไก่ วรายุฑ ทีนี้อีกคนมาบริหารก็มองอีกแบบว่าแก่ไปหรือเปล่า ต้องเป็นวัยรุ่น การปรับเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว ประกอบกับตอนนั้นเหมือนมีคู่แข่งเริ่มเข้ามา เราจะเรียกว่าเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐานทุกอย่าง”
“เป็นที่เพ่งเล็งของทุกคน ถ้าจะไปจับ เยี่ยม ตรวจ ก็จะไปเบอร์หนึ่งก่อน แบรนด์ใหญ่ๆ ก็จะโดนเยอะในการตรวจ ของเราได้มาตรฐานยันเข็มฉีดยา แต่จะมาพร้อมต้นทุนที่มหาศาล เหมือนไปโรงพยาบาลชั้นนำ ทำไมรักษาแล้วแพง มันมีขั้นตอนที่ทุกอย่างต้องถูกต้อง เป๊ะจริงๆ นั่นแหละคือต้นทุน แล้วราคาเราขายถูกด้วย เพราะจำนวนเยอะ คนไข้เราหลักร้อยต่อวันทุกวัน ถ้าต่ำกว่า 50 ผมขาดทุนแล้ว เราจะเช็กมอนิเตอร์ เรามีร้อยสาขาต้องตรวจทุกวันว่าเป็นยังไงบ้าง”
ตอนขายให้ซิตีแบงก์ 3,000 กว่าล้าน บอกว่าเป็นราคาปั้นแต่งให้ได้ราคามากเกินความเป็นจริง?
“มีการขายอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นซิตีแบงก์ก็ส่งคนมาบริหาร มันก็เกิดปัญหาคือมันเริ่มดาวน์ลง ตอนนั้นไม่ได้บริหารเองยอดก็ตก ตอน 1 ปีที่บริหารอยู่ยอดก็ยังดี แต่หลังจากนั้นก็ถอนตัว ก็เปลี่ยนมือมาเป็นอีฟอร์แอล มาถือหุ้นใหญ่ 51 เปอร์เซ็นต์ จาก 8,000 กว่าล้าน ซื้อแค่ 4,500 ล้าน ก็มีคนชวนว่าเอามั้ย ผมก็ซื้อมาในส่วนผมเอง 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็กลับไปบริหาร ตอนนั้นถ้าดูในบัญชี จาก 70 กว่าล้าน ก็โตขึ้นมาเป็น 140 กว่าล้านในปีเดียว ขึ้นมาเท่าตัว เริ่มจะเข้าตลาดแล้ว ตอนนั้นเป็นที่ฮือฮาว่าเป็นไปไม่ได้หรอก อีฟอร์แอลจะซื้อบริษัทนี้ได้ เพราะบริษัทนี้ใหญ่กว่า เราเข้าไปบริหาร ปรับเปลี่ยนองค์กร สักพักเอาเราออกอีกแล้ว ข้อเสียของเราคือเวลาทำงานจะดุดันมาก คือถ้าไม่ใช่ก็ไม่ยอม การเข้ากับคนไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ เราออกมาปุ๊บ ทางโน้นก็เข้ามาบริหาร”
“ไม่อยากโทษใครว่าใครผิดใครถูก แต่เปรียบเทียบว่าเขาขับรถสิบล้อเก่งมาก แต่ของเราเป็นรสบัส คนบริหารอาจชำนาญรถประเภทหนึ่งแล้วมาขับรถอีกประเภทหนึ่ง วุฒิศักดิ์เปรียบเหมือนรถบัสที่มี 100 กว่าสาขา การเลี้ยววันนี้ไม่ง่าย เข้าไปผมบอกว่าต้องคุยกับหมอดีๆ นะ ถ้าเรียกมาตำหนินิดเดียว ออก ปัญหาการเทรนนิ่งยากมาก อ๋อ งั้นเอาหมอออกให้หมดเลย เราเป็นความงาม ไม่จำเป็นต้องใช้หมอ โอ้โห หมอลาออก 30 คน สักพักยอดกระทบ ยอดฮวบ ก็กลับมารับสมัครหมออีก ให้เพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์ มันก็กลายเป็นหมอเข้ามาใหม่ กว่าจะรู้จักลูกค้า กว่าจะตรวจเป็น มันมีดีเทล ธุรกิจบริหาร ต้องดูบริการตั้งแต่เริ่มต้น เคาน์เตอร์ หมอ เลเซอร์ ผลการรักษา ไม่ใช่ดูตัวเลขแล้วจบ ก็เป็นจุดล่มสลายส่วนหนึ่งเหมือนกันในการเป็นผู้นำ ตอนที่ผมออกไปแล้ว”
หมอออกไปเปิดคลินิกเองด้วย เป็นส่วนหนึ่งด้วยมั้ย?
“ผมว่าเป็นเรื่องการบริหาร กับสองภาครัฐไม่ให้การสนับสนุน ธุรกิจนี้มียาจริง ยาปลอม ยาหิ้ว อย่างคลินิกใหญ่ๆ เขาใช้ยาจริงหมด เพราะถ้ามีปัญหาจะไม่คุ้ม แต่ถ้าเป็นคลินิกเล็ก ต้นทุนต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เช่นยาหิ้ว อาจเอามาจากประเทศนั้นที่ผลิต เอามาจากเกาหลี แต่ไม่ได้ใช้ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ใช้ไปก็ดื้อยา ฉีดแล้วตึงจริงแต่แป๊บเดียว อีกประเภทคือการใช้ยาจากจีน เวียดนาม ยาปลอมเลย ซึ่งลูกค้าไม่รู้ เรายังดูยากเลย”
การล่มสลายของวุฒิศักดิ์ มาจากหนึ่งการบริหาร?
“สองคือต้นทุนการใช้ค่อนข้างสูง ถ้าเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ราคาไม่ถูก สังเกตมั้ยไปรพ.กรุงเทพแพงมั้ย การใช้ยาแต่ละตัวค่อนข้างสูง และความเชี่ยวชาญ”
การขายแฟรนไชส์?
“จริงๆ วุฒิศักดิ์ไม่ควรขายแฟรนไชส์ การบริหารของคนใหม่ เข้ามาปุ๊บ ฉีกวุฒิศักดิ์เป็น 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งขายดี 30 แห่ง ผมนั่งเป็นบอร์ดอยู่ ผมก็เฮ้ย ขายก็เจ๊งสิ 30 สาขาโดนทั้งน้ำท่วม โดนทั้งการเมือง มันยังไม่เจ๊ง แต่คุณเอาไปเข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ ไม่อยากจะบอก เดี๋ยวต้องเจอกันในศาลต่อไป สองขายให้กับบริษัทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ แล้วเหลืออะไรไม่รู้ ส่งให้เรามา”
สาขาดีๆ ให้คนอื่นขายแฟรนไชส์ไป เก็บแต่สาขาไม่ดีเอาไว้?
“ใช่ เขาบอกว่าไม่มีเงิน ขาดสภาพคล่อง จำเป็น ผมก็อ้าว ถ้าของของดีหมดเราก็เจ๊งสิ เสียงเราแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ทำอะไรได้ ผมก็เลยลาออกหมด เพราะเราไม่เห็นด้วยในการบริหาร แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลยในการทำงาน ไม่ได้ติดตามข่าว”
การลดจำนวนหมอทำให้วุฒิศักดิ์ขาดทุนหนัก?
“หนัก แต่ผมไม่รู้เรื่องเลยนะ ระหว่างขับรถอยู่ ประชุมบอร์ดครบวาระ ให้เราไปดูงบการเงิน เปิดมา ปีที่แล้วเราทำกำไร 140 ล้าน ปีนี้ขาดทุน 500 ล้าน โอ้โห ผมจำเหตุการณ์ได้เลย ตอนนั้นไม่เอาคนขับรถไป ขับเอง มันเบลอ มึน ขาดทุนยังไงวะ 500 ล้าน มึงใช้เงินกันยังไงวะ แล้วเราถือหุ้นเยอะ มันหลายปีแล้วไง เชื่อมั้ยมีคนมาถามผมวันก่อนว่าผมเสียหายเท่าไหร่ ผมคิดว่าเสียหาย 200-300 ล้าน เพราะผมไม่ได้จำว่ามีหุ้นเท่าไหร่ เมื่อกี้นั่งคิด เราขาดทุน 800-900 ล้าน แต่สิ่งหนึ่งที่เรางง คือ ภาพจำคือภาพเรา วุฒิศักดิ์คือเรา สะท้อนมาเต็มเลย เพราะคิดว่าเรายังทำอยู่ จริงๆ ผมไม่ได้เปิดตัวว่าผมทำอะไรอยู่ ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าเราก็เริ่มจากไม่มีกิน เรียนไม่จบ เริ่มจากไม่มีอะไรเลย เราทำได้ถ้าใส่ใจ ผมก็เปิดออกไปและย้ำเสมอว่าเราเป็น 1 ใน 3 ไม่ใช่เป็นเจ้าของ ตอนนั้นได้กระแสมาส่วนหนึ่ง คนรักเรา ยอดก็ดี พอเราออกปุ๊บเราไม่ได้บอกว่าเราทำธุรกิจอะไรบ้าง มันก็เยอะพอสมควร”
เห็นบอกว่าย้ายตึก ฮวงจุ้ยเปลี่ยน คิดว่ามีผลทำให้วุฒิศักดิ์มาถึงวันล้มละลายมั้ย?
“จริงๆ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ผมมีความรู้สึกอย่างนั้น เราอยู่กับหุ้นส่วนก็ไม่มีอะไร แฮปปี้ สักพักขายให้ซิตีแบงก์ ย้ายตึกใหม่ ห้องใหญ่ เมื่อก่อนอยู่ตึกแถว 17 ห้อง ตอนนี้ไม่ได้แล้ว ต้องย้ายไปอยู่ตึกใหญ่อยู่งามวงศ์วาน อยู่ดีๆ หุ้นส่วนทะเลาะเบาะแว้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สักพักขายให้ซิตีแบงก์ ซิตีแบงก์ก็มาตีกับเราเรื่องอะไรไม่รู้ สักพักมาเจออีฟอร์แอล เหตุผลอะไรไม่รู้ หมอตีฝ่ายโน้น ฝ่ายโน้นตีฝ่ายนี้ เราก็คิดว่ามันมีสะพานลอยหน้าตึก ตอนแรกที่เข้ามา เราก็ไม่ได้เอะใจ เพราะเราเชื่อว่าการทำงานก็คือการทำงาน ไม่น่าเกี่ยวกับฮวงจุ้ย พยายามวิเคราะห์หลายๆ แง่มุม พยายามดูฮวงจุ้ยว่าตึกนี้ทำไมใครอยู่ก็มีปัญหากัน”
เคยเอาเรื่องนี้เข้าที่ประชุมมั้ย?
“เคย (หัวเราะ) ก็มีการปรับศาลบ้าง กลายเป็นคนที่เข้ามาใหญ่กว่าผู้ถือหุ้นอีกจนตอนนั้นป่วน จนผมทำใจ ไม่เอาแล้ว เราทำธุรกิจอื่นดีกว่า เราชอบอะไรที่ได้ดูแลเอง ถ้าไม่ใช่คงไม่ได้ทำ”
วันที่เราสร้างมากับมือ กับวันนี้ที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้?
“ผมยังจำสาขาพระประแดง นอนไม่หลับเที่ยงคืน คือความสุขของผมคือไปดูงานช่าง เพราะวุฒิศักดิ์จะไม่มีปิด 360 วัน ลูกค้าออกไปปุ๊บต้องรีโนเวต เช้าเปิดรีโนเวต นอนไม่หลับอยู่แถวงามวงศ์วานก็จะไปพระประแดง บางวันไปอนุสาวรีย์ฯ ไปรีโนเวต ไปดูช่าง แค่หลอดไฟเดือนนึงก็เสียเป็นแสนแล้ว หลอดไฟหน้าป้าย ไปดูเองว่าคนเฝ้ายา เฝ้าจริงหรือเปล่า เอกสารเป็นยังไง เรามองเป็นลูกเรามากกว่า เราก็เสียใจนิดนึง”
ตอนนี้ทำอะไร?
“ผมทำพร็อพเพอร์ตี้ ทำคอมมูนิตีมอลล์ ขายที่คอมมูนิตีมอลล์ไป ปัจจุบันมีโรงแรมอยู่เชียงใหม่ 2 โรงแรม มีลงทุนอาหารเสริม น่าจะติด 1 ใน 50 สินค้าขายดีในเซเว่นฯ จริงๆ ผมตั้งโรงงานมาก่อนหน้านี้ เป็นหน้ากากกรองฝน”
ข่าวเจ๊งวุฒิศักดิ์ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เราลอยลำไปแล้ว?
“ก็เป็นภาพลักษณ์จดจำว่าเอกวุฒิศักดิ์ ถามว่าเสียหายมั้ย ส่วนตัวเสียหายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราทำงานมาหนัก วุฒิศักดิ์ก็ให้เรามาพอสมควร เราก็นอนไม่หลับเรื่องนี้เหมือนกัน ลอยแพพนักงาน กลับไปรอบที่ 2 ผมก็ช่วยเหลือพนักงาน จ่ายเงินเดือนพนักงาน รอบล่าสุดกลายเป็นคนไข้ซื้อคอร์สเยอะแยะไปหมด วันก่อนมีคนมาสัมภาษณ์ ผมก็เลิกคิดไม่เป็น เอาไงดีวะ มียาอยู่ มีโบท็อกซ์อยู่ เอางี้ดีกว่า เราจะให้ลูกค้าเราเยียวยาสักพันคน เราอยากให้เป็นความทรงจำดีๆ ที่เราคืนให้ลูกค้าของเราไป”
คุณสมบัติที่จะช่วยเป็นยังไง?
“ทุกคนที่ค้างยอดเกิน 6 พันบาท เราก็ให้ 6 พันบาทไปรับบริการที่คลินิก มีหลายคลินิกติดต่อเข้ามานะ ถ้ามีคลินิกที่ไหนอยากรับลูกค้าวุฒิศักดิ์ไป ไม่เป็นไร ผมมียาออฟเฟอร์ให้ได้ แต่ต้องไม่เก็บค่าใช้จ่ายนะ ดีลเข้ามาที่บริษัทผมเอง”
หลังจากนี้วุฒิศักดิ์จะเป็นยังไง?
“การเข้าแผนฟื้นฟู ต้องดูว่าทรัพย์สินวุฒิศักดิ์ก็มีหลายร้อยล้าน แต่ทำไมโอนออกไป ทำอะไรที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่รู้ ต้องมีการตรวจสอบอีกทีหนึ่ง และเข้าแผนฟื้นฟู ใครจะเป็นผู้ถือหุ้นต่อไปที่จะสามารถบริหารได้”
จะเหลือแค่ชื่อมั้ย?
“ผมไม่แน่ใจเลย ข่าวที่รู้ผมก็รู้พร้อมสื่อเหมือนกัน ทำใจ เราเสียหายไปเยอะนะ เสียหายหลายร้อยล้าน แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ ถ้าคิดแต่เรื่องเดิมๆ ผมว่าก้าวข้ามผ่านออกไปแล้วลุยใหม่ได้ดีกว่า”
มีโอกาส 3 หุ้นส่วนกลับมาทำธุรกิจด้วยกันอีกมั้ย?
“ไม่แน่ใจ แต่อยู่กัน 16 ปี เหมือนแต่งงานกันมานาน ก็แยกย้ายกันไปบ้าง”