xs
xsm
sm
md
lg

เงินเหมือนกระดาษ ตัดได้ทุกอย่าง ทั้งความซื่อสัตย์-เป็นคนดี! เปิดใจ “บิณฑ์” ดรามาสะเทือน เงินบริจาค!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บิณฑ์” เปิดใจ ในวันที่กอดเงินบริจาค 422 ล้าน รับเงินเหมือนกระดาษตัดได้ทุกอย่าง ทั้งความซื่อสัตย์ และเป็นคนดี แต่โชคดีที่ตนเป็นคนนิ่ง และใจบริสุทธิ์ เสียใจดรามาเงินบริจาคทำให้คนมองไม่ดี ฉะคนโกงเงินบริจาค กรรมตามทันแน่ ก่อนเผยวิธีเปิดรับเงินบริจาค ต้องบริสุทธิ์ใจ โปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบ

หลังจากมีประเด็นดรามาเกี่ยวกับคนดังเปิดบัญชีส่วนตัวรับบริจาคเงิน เพื่อไปช่วยเหลือกรณีต่างๆ ว่า อาจจะไม่โปร่งใส ทำให้ประชาชนคนไทยเริ่มตื่นตัวกับการบริจาคเงินมากขึ้น วันนี้มีโอกาสได้เจอ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นักแสดงที่ผันตัวไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์ตัวพ่อ ในงานเปิดตัว บริษัท โฮปฟูล จำกัด อย่างเป็นทางการ ณ ห้องเกรท บอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดับเบิ้ลยู เจ้าตัวเลยเผยวิธีในการเปิดรับบริจาคต่างๆ ให้ฟัง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา หรือคำครหาเรื่องความไม่โปร่งใสในส่วนของเงินบริจาค

“ช่วงนี้ก็ยังเดินหน้าช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอย่างต่อเนื่องครับ แต่ตอนนี้เราก็หันมาช่วยสัตว์แล้ว คือ เรื่องช้างเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ณ ตอนนี้หลายๆ จังหวัดที่เราไปมาก็เห็นความเดือดร้อนของคนที่เลี้ยงช้าง จังหวัดไหนขอให้เราไปช่วยก็จะไป เพราะยังมีเงินอยู่ในกองกลางประมาณเกือบ 2 ล้านบาท”

“การทำต่อเนื่องอย่างนี้ ผมถือว่าปัจจุบันนี้มันยังไม่ได้เข้าสู่สถานการณ์ปกติเท่าไหร่ ยังมีการรักษาระยะห่างบ้างในสังคม แต่ในชุมชนที่ผมบอกว่าทุกเสาร์-อาทิตย์ ผมก็อาจจะไปช่วยเหลือเด็ก คือ อาจจะเป็นการแบ่งเบาภาระของครอบครัว อย่างบ้านที่มีลูก 5 คน ผมก็จะเข้าเอาเงินไปให้คนละ 200 บาท รวมถึงขนมอะไรต่างๆ รวมแล้วเด็กต่อคนก็จะได้ประมาณ 400 บาท ซึ่งอันนี้เป็นเงินส่วนตัวของผมเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเงินบริจาคอะไรทั้งนั้น ตอนที่ผมทำโควิดมาเดินมอบให้พี่น้องประชาชนตามชุมชนต่างๆ มันก็เป็นเงินส่วนตัวของผมทั้งหมด ซึ่งได้มาจากค่าตัวจากการทำงานต่างๆ ประมาณ 10 กว่าล้านบาทที่เป็นเงินสดตัวจริงๆ

“บางคนสงสัยว่าผมไปเอาเงินน้ำท่วมที่เหลือมาช่วยหรือเปล่า ไม่เกี่ยวเลยนะครับ ช่วยน้ำท่วมหมดไปตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะว่าผมต้องเคลียร์ตัวเองให้กับสรรพากรว่าไม่มีแล้ว ทุกอย่างมันเคลียร์หมดแล้ว สรรพากรตรวจสอบแล้วก็คือจบแล้ว เพราะก็จะมีบางคนที่พูดว่าใครจะบ้าเอาเงินส่วนตัวมาเดินมอบให้กับพี่น้องประชาชนเป็น 10 กว่าล้าน ผมทำครับ

ยืนยันความบริสุทธิ์ใจและความโปร่งใสของตัวเองได้ เพราะมีเอกสารครบ สามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง
“ผมบอกเลยว่าขอให้ทุกหน่วยงานสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ ผมมีเอกสารเป็น 10-20 ลัง เกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วมที่อุบลฯ ทุกอย่างมันปิดลงแล้ว ไม่มีแล้ว ทางสรรพากรก็ตรวจสอบแล้วว่าโอเค อย่างผมเขาไม่ได้อะไรมากเพราะเชื่อใจอยู่แล้วในสิ่งที่เราทำมา 30 กว่าปี ไม่เคยมีนอกในเกี่ยวกับเรื่องเงินพวกนี้อยู่แล้ว”

“แล้วสิ่งที่เราทำก็ไม่ใช่ว่าจะต้องขอรับบริจาคตลอด อะไรที่มันจำเป็นจริงๆ เพื่อส่วนรวมถ้าผมมีไม่พอก็จะบอกว่ามาช่วยกันดีกว่า ในสิ่งที่ผมทำมาตลอดเขาเห็นเลยว่าผมน่าช่วยจริงๆ แล้วเงินส่วนตัวของผมมันก็หมดไปหลายสิบล้าน”

เวลาเปิดบัญชีรับบริจาค เปิดเป็นชื่อตัวเองจริง แต่จะเปิดเป็นบัญชีส่วนกลาง บอกได้ตลอดว่าเงินเหลืออยู่เท่าไหร่
“ใช่ครับ บัญชีส่วนตัวผมจะไม่เปิด ผมจะเก็บของผมไว้ แต่บัญชีที่เป็นส่วนกลางผมจะเปิดและบอกตลอดเวลาว่าตอนนี้มีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่ ฉะนั้น อย่าไปคิดอะไรที่ไม่ดีกับผมเลย 30 กว่าปีก็บอกอยู่แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ผมพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าผมไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ยิ่งให้เท่าไหร่ผมก็ยิ่งได้รับกลับมาเท่านั้น สิ่งที่อยากจะบอกทุกคนก็คือทุกคนสามารถทำได้ ผมสร้างภาพครับผม”

รู้สึกเสียใจที่มีดรามาเกี่ยวกับเรื่องเงินรับบริจาคเยอะ ฝากพี่น้องประชาชนระมัดระวังและตรวจสอบให้ดีก่อนบริจาค
ผมก็ค่อนข้างที่จะเสียใจเหมือนกันนะครับ ที่มีสิ่งนั้นเกิดขึ้น ผมว่าสิ่งหนึ่งมันอาจจะไม่ได้ระมัดระวังตัวเองว่าคงไม่มีใครมาคิดอย่างอย่างนี้หรอก เพราะทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมคิดเสมอว่าถ้าทำอะไรแล้วด้วยความบริสุทธ์ใจจริงๆ เราก็จะมั่นใจตัวเองว่าเราจะปลอดภัยในสิ่งที่เราทำ แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับสังคมแล้วมันมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเงินบริจาค อันนั้นผมไม่รู้จริงๆ ก็อยากให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังและสำรวจตรวจสอบนิดหนึ่ง ว่าสิ่งที่ทำไปแล้วเราสบายใจไหม แล้วคนที่รับบริจาคนั้นเขาทำจริงไหม”

“พอเป็นอย่างนี้ขึ้นมาปุ๊บ อย่างผมเคยเปิดรับบริจาคมาก่อน ก็มีรู้สึกว่าคนก็ต้องมองเราเหมือนกัน บิณฑ์ก็ทำไม่เห็นไปตรวจสอบบ้างล่ะ แต่เราก็คือบริสุทธิ์ใจ ถ้าคุณสงสัยสามารถมาตรวจสอบได้เลย ทุกบัญชีที่ผมเปิดพอเสร็จสิ้นภารกิจก็จะปิดเลย”

อยากรู้คนที่เปิดรับบริจาคบังหน้า แต่ลับหลังเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง จิตใจทำด้วยอะไร
“ถ้าใครทำอย่างนั้นจริงๆ ผมว่ามันก็เป็นการที่คุณแอบแฝงบางอย่าง ผมรู้ว่าคนไทยเป็นคนขี้สงสาร ใครเดือดร้อนอะไรก็อยากจะช่วยเหลือ แล้วคนไทยเป็นพลังที่มหาศาลมาก บางคนได้เงินช่วยเหลือเป็น 10 ล้าน แล้วเงินก็เหมือนเป็นแผ่นกระดาษที่สามารถตัดได้ทุกสิ่งอย่าง ตัดความซื่อสัตย์ ตัดความเป็นคนดี ตัดพี่ตัดน้อง เพราะฉะนั้นทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา เงินช่วยน้ำท่วม 422 ล้านบาท ถามจริงๆ ถ้าผมใจไม่นิ่ง ถ้าคิดจะเอามันซิกแซกได้ สิบยี่สิบล้านถ้าผมจะเอา ผมเอาได้สบาย แต่ใจเรามันทำไม่ได้ แล้วเงินจากพี่น้องประชาชนที่เขาไว้ใจเรา รวมถึงสิ่งที่เราตั้งใจจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน มันทำไม่ได้จริงๆ แต่คนที่แอบแฝงและทำได้ ผมอยากรู้ว่าใจเขาทำด้วยอะไร”

เผยตอนนี้วงการรับบริจาคเริ่มสั่นสะเทือนแล้ว แต่ไม่ได้สั่นจนไปถึงตน เพราะบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ตรวจสอบได้ทุกอย่าง
“ใช่ครับ มันสั่นสะเทือนมาก แต่ไม่ได้สั่นสะเทือนมาถึงผม ผมรู้สึกว่าใจตัวเองนิ่งมาก ใครจะบริจาคก็บริจาค ไม่บริจาคก็ไม่เป็นไร ผมพร้อมที่จะตรวจสอบทุกอย่างเพราะใจเราบริสุทธิ์มากเลย แต่คนอื่นผมไม่รู้ บางคนเขาอาจจะใจบริสุทธิ์จริงๆ แต่อาจจะพลาดไปเรื่องอื่น อันนั้นผมก็ไม่อยากจะเข้าไปก้าวล่วงหรืออะไรนะครับ เอาเป็นว่าถ้าสบายใจก็ทำ แต่ถ้าไม่สบายใจก็อย่าไปทำเลยครับ”

กรมสรรพากรแนะนำ ควรเก็บสลิปเงินเข้า-ออกทั้งหมดของบัญชีที่เปิดรับบริจาคไว้ทั้งหมด เพราะต่อให้ผ่านไป 10 ปี ก็ยังกลับมาตรวจสอบได้ ใครจะเปิดรับบริจาคอะไร ก็ขอให้มีความบริสุทธิ์ใจ
“ทุกอย่างเป็นความผิดกฎหมายหมด ถ้าคุณไม่ไปขออนุญาตในการเปิดรับบริจาค แต่อย่างเรื่องเงินบริจาคน้ำท่วมอันนั้นผมไม่ได้คิดถึงอะไรเลย คิดแค่ว่าเดี๋ยวจะกลับมากรุงเทพฯ อยากจะเบิกเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของผม ให้กับพี่น้องที่จังหวัดอุบลราชธานี ครอบครัวละ 1,000 บาท ก็น่าจะได้ประมาณ 1,000 ครอบครัว แต่ผมเห็นว่าตอนนั้นที่เห็นคือคนเดือดร้อนไม่ใช่แค่ 1,000 ครอบครัว ใครอยากจะร่วมทำบุญกับผมก็ได้ ผมขอแค่นั้นจริงๆ ปรากฏว่า มันเกินไปมากมาย ผมเองก็ตกใจว่าจะบริหารเงินยังไง”

“จนได้คุยกับทางสรรพากรเขาก็บอกว่า สิ่งหนึ่งก็คือผมรู้ว่าเงินเข้ามาหาคุณ ไม่ได้เก็บกอดไว้ เข้ามาเท่าไหร่ออกหมด และออกไปเพื่ออะไร เพราะฉะนั้นเขาบอกว่าถ้าจะเปิดรับบริจาคจริงๆ ถ้าใจเราบริสุทธิ์จริง สลิปทั้งหมดให้เก็บเอาไว้เพราะมันสามารถตรวจสอบได้ ของผมอีก 10 ปี จะกลับมาตรวจสอบก็ตรวจสอบได้ เพราะผมมีหลักฐานทั้งหมด ฉะนั้นการที่ใครจะเปิดรับบริจาคอะไรก็แล้วแต่มันอยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง”

บอกหากินกับเงินบริจาค จากความสงสารของคนอื่น ต้องเป็นคนที่จิตใจแย่มาก เวรกรรมตามทันแน่นอน ใครเป็นมิจฉาชีพแบบนี้ก็ขอให้เลิกเถอะ
ทันแน่นอน สิ่งที่คุณทำคุณก็นอนไม่หลับหรอกครับ คุณคิดเอาเงินบริจาคไปทำโน่นนี่ หรือปิดบัญชีแล้วก็หนีไป ผมว่าคุณใช้เงินได้ไม่เกินปีสองปีหมด แล้วคุณก็จะได้รับกับสิ่งที่คุณทำ ใครไม่รู้ใครไม่เห็นแต่คุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณไม่บริสุทธิ์ใจ หากินกับอย่างนี้จิตใจมันต้องแย่มากนะครับ มาหากินเอาจากความที่สงสารคนไทยด้วยกัน มันทำให้รู้สึกไม่ดี แต่ถ้าใครมาว่าผม ผมไม่โกรธเพราะใจเรานิ่งและบริสุทธิ์ ผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ฉะนั้น ก็ฝากด้วยถึงคนที่หากินมิจฉาชีพแบบนี้ เลิกเถอะครับ สงสารคนที่เขาตั้งใจทำจริงๆ จะทำให้เขาเสียไปด้วย”












กำลังโหลดความคิดเห็น