“รอมแพง” เผยยังไม่ได้เริ่มเขียนบุพเพฯ ภาค 2 อยู่ในช่วงหาข้อมูล จะพูดเรื่องราวสมัยพระเจ้าท้ายสระ “ขุนหลวงทรงปลา” บอกมีความเป็นคอมเมดี้คล้ายบุพเพฯ โอดตบมุขในบุพเพฯ ไปหมดแล้ว ต้องหามุขใหม่ๆ ถ้าอยากจะให้ดีกว่าภาคแรกอาจต้องรออีก 7 ปีหรือนานกว่านั้น แจงสร้างเป็นหนังจะเห็นภายใน 5 ปีนับจากวันที่เซ็นสัญญา บรอดคาซท์ฯ ลุยสร้างเองไม่เกี่ยวช่อง 3 รับบ่นผิดหวัง 3 ตอนพิเศษ ไม่มีอะไรสเปเชียล ในฐานะคนดูละคร
หลังจากที่เกิดปรากฎการณ์ “บุพเพสันนิวาส” กันทั้งบ้านทั้งเมือง ดังจริง เรตติ้งกระจาย คนหันมาสนใจประวัติศาสตร์ ซึ่งถึงแม้ตอนนี้ละครจะจบไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ และลุ้นว่าภาคสองในชื่อ “พรหมลิขิต” จะได้ออนแอร์เมื่อไหร่ ล่าสุดผู้สื่อข่าว MGR Online ได้เปิดใจ “รอมแพง” หรือ “อุ้ย จันทร์ยวีร์ สมปรีดา” ผู้เขียนบทประพันธ์สุดฮอตในงานเสวนาพิเศษ “จากนวนิยายรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด สู่ละครดัง” เจ้าตัวก็ยอมรับว่าถึงตอนนี้ยังไม่ได้เขียนเลยสักตัว และอาจต้องรอนานกว่า 7 ปี
“(หัวเราะ) ยังไม่ได้เขียนสักตัวเลย อยู่ในช่วงหาข้อมูลอยู่ เดี๋ยวเดือนพฤษภาคมจะไปรับข้อมูลจากอาจารย์ทางด้านภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แล้วก็จะไปหาข้อมูลที่หอสมุด ดูพวกวิทยานิพนธ์ ในภาคนี้จะพูดถึงเรื่องราวสมัยพระเจ้าท้ายสระ เพราะรู้สึกว่าท่านมีความคอมเมดี้ดี ท่านมีชื่อเล่นว่าขุนหลวงทรงปลา แล้วจะมีพระราชกำหนดห้ามประชาชนจับปลาตะเพียน กินปลาตะเพียนซึ่งมันคอมเมดี้มาก สมัยนั้นมันมีเรื่องราวที่น่าแปลกใจ มีเรื่องราวที่น่าสนใจเยอะอยู่เหมือนกัน เรามองว่ามันน่าจะเข้ากับนิยายของเรา ก็น่าจะออกมาคล้ายๆ กับบุพเพสันนิวาสนี่แหละแต่คนละสมัยกัน มีเรื่องรักเป็นเส้นหลัก มีความเพี้ยนของนางเอก แต่ก็จะเพี้ยนไปในอีกแบบหนึ่ง ต้องรอดูกันนะ”
“คนถามกันเข้ามาเยอะมากค่ะ แต่เราไม่ได้กดดันอะไร เราก็เขียนไปตามที่เราอยากจะเขียนอยู่แล้วมันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนอกจากที่เราจะเขียนในสิ่งที่เราอยากเขียนเท่านั้นเอง ก็พยายามทำให้มันออกมาดีที่สุด ส่วนผลมันจะออกมาเป็นยังไงก็แล้วแต่คนดู คนอ่านจะตัดสินใจ ตอนนี้ยังหาข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน ยังไม่รู้สึกว่าตอนนี้จะต้องมานั่งเขียนพล็อตที่ละเอียด ต้องรอให้ข้อมูลครบถ้วนก่อน แล้วเราก็ยังไม่ได้เริ่มอ่านข้อมูลหลายๆ อย่างที่น่าจะใช้ในการเพิ่มเหตุการณ์ในเรื่องราวของนิยายด้วย เราใส่มุขในบุพเพฯ จนแทบจะหมดแล้ว ก็ต้องขอเวลาเราคิดมุขใหม่ๆ ด้วย เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้สักแค่ไหนเพราะเราเองก็ยังไม่ได้เริ่มเขียน”
“3 ปีของบุพเพฯ คือว่างก็หา ไม่ว่างก็ทำอย่างอื่น เราไม่ได้มุ่งมั่นกะจะเอารางวัล มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ไปดูสถานที่จริงบ้างอะไรบ้าง เราทำไปเรื่อยๆ จนเรารู้สึกว่าเราตกตะกอนแล้วเราจะเขียน พรหมลิขิตก็น่าจะคล้ายๆ อย่างนั้น”
บอกยังอยู่ในกำหนด 2 ปี แต่ถ้าอยากจะให้ดีกว่าบุพเพฯ ซึ่งใช้เวลา 7 ปี นับจากวันที่ซื้อบทประพันธ์ อาจจะนานกว่านั้นหรือเปล่า
“ก็ยังเป็นกำหนดเดิมภายใน 2 ปี เราก็กะเกณฑ์แบบกว้างๆ ยาวๆ ไว้ก่อนเผื่อเราทำไม่ได้(หัวเราะ) ก็รอกันไปก่อนนะคะ อย่างบุพเพฯ เองก็นานนะ ใช้เวลา 7 ปีกว่าจะได้ดูกันนับจากวันที่ซื้อบทประพันธ์ไป แล้วพรหมลิขิตถ้าจะให้มันดีกว่าบุพเพฯ ก็ต้องใช้เวลาที่มากกว่ารึเปล่า เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เขียนบท 2 ปี ทำเป็นละครนี่ก็น่าจะมากกว่า 2 ปี เราพยายามจะเขียนนิยายให้จบภายใน 5 ปี ตามที่เคยบอกไว้ เราไม่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวปีนี้ก็จบ ถ้ามันไม่จบขึ้นมา มันก็เกิดเป็นความคาดหวังของคนที่รอ เราก็ให้เขาคาดหวังไปสัก 5 ปี (หัวเราะ) ก็คิดว่าคนน่าจะรอได้ เหมือนที่เขารอบุพเพฯ เขายังรอกันได้เลย”
เผย “หน่อง อรุโณชา” ไม่บี้ไม่ถาม ส่วนตัวอยากให้ขาดตอนไปเลย คนจะได้ลืมของเก่าๆ
“ไม่มีบี้ ไม่มีถาม แล้วแต่เราเลยค่ะ เราคุยกันแล้วว่าเอาเท่าที่เราทำได้ ถามถึงเรื่องกระแสจะซา เราเองอยากจะให้กระแสมันขาดตอนไปเลยเหมือนกัน คนจะได้ลืมๆ ของเก่า ให้ความรู้สึกประทับใจของคนมันซาๆ ไป เพื่อที่งานใหม่มาเขาจะได้เปิดรับมันได้อย่างเต็มที่ ไม่เปรียบเทียบอะไรมากนัก ให้เขาจำไว้เป็นความทรงจำมันก็น่าจะดีกว่า เหมือนเขายังมีความทรงจำดีๆ ของบุพเพฯ พอมาเจอพรหมลิขิตก็เหมือนเขาได้มาเจอเพื่อนเก่าที่เปลี่ยนโฉมใหม่ มันก็น่าจะดี แต่เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะยื้อให้ยาว เราเอาตามที่เราทำได้ ซึ่งตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเมื่อไหร่ อย่างไร”
เผยภาพยนตร์บุพเพฯ จะได้เห็นภายในเวลา 5 ปีนับจากวันที่เซ็นสัญญา ลั่นบรอดคาซท์ฯ ทำเองไม่เกี่ยวกับช่อง 3
“ก็ต้องรออีก ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอะไร แต่เราพูดคุยทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว แค่ยังไม่ได้เซ็น ตอนนี้บุพเพฯ ก็ยังไม่ได้เซ็นเพราะหมดสัญญาไปเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ครั้งก่อนเซ็นสัญญาไว้ 5 ปี แล้วต่อสัญญาปีต่อปี แต่ปีนี้ยังไม่ได้เซ็น”
“ระยะเวลาสร้างเป็นภาพยนตร์ก็ 5 ปี นับจากที่เซ็นสัญญา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็น คือภาพยนตร์บุพเพฯ จะได้เห็นภายใน 5 ปี แต่ละครเรื่องพรหมลิขิต ยังบอกไม่ได้ว่ากี่ปี คือเรายังไม่ได้คุยรายละเอียด ส่วนภาพยนตร์ก็คุยแค่จะซื้อ และยังไม่ได้เซ็นสัญญา แต่ถ้าว่างคงนัดคุยกัน”
“เนื้อหาต่างกันขนาดไหนต้องรอดูค่ะ ภาพยนตร์มันต้องมีจุดสนใจมากกว่าละคร แต่เราไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนเขียนบท เพราะมันต้องขึ้นกับคนเขียนบทอย่างเดียวเลย และเราไม่ใช่คนเขียนคนบท เราขายแค่เรื่องเหมือนละคร แต่ภาพยนตร์คือจะไม่เกี่ยวกับช่อง 3 เลยนะคะ เหมือนเป็นทางบรอดคาซท์ฯ ทำคนเดียว ลงทุนเอง ไม่เกี่ยวช่อง”
ยอมรับจิกกัด 3 ตอนพิเศษ ไม่มีอะไรสเปเชียล บ่นผิดหวังในฐานะคนดูละคร
“ไม่ได้น้อยใจ แต่เป็นการจิกกัด(หัวเราะ) คือไม่เชิงว่าไม่พอใจ เพียงแต่เรารู้สึกว่าทำไม อุตส่าห์นั่งดู ไม่เห็นมีเลย ไหนบอกว่ามี เราอยู่ในฐานะคนดู ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าของบทประพันธ์ เพียงแต่เราบ่นในแฟนเพจเรา ที่เราบ่นคือ บ่นเป็นเพื่อนกับแฟนคลับของเรา หัวอกเดียวกัน แบบเรามาสุมหัวกันตรงนี้เถอะ ประมาณนี้ แต่ไม่ได้โกรธเกรี้ยดกราดขนาดนั้น ไม่ได้ตำหนิ แค่รู้สึกเฮ้ยทำไม มันเป็นการจิกกัดของความผิดหวัง ว่าแม้แต่ผมของแม่ปรางก็ยังไม่ได้เห็นเลย อะไรกัน”
“ส่วนที่โพสต์ว่ารีรันเดือนหน้าจะดูดีมั้ย ยังไงก็ต้องดู แต่แค่รู้สึก หึ ไหนบอกว่าจะมีทำไมไม่มี แล้วจะให้ไปดูตอนรีรัน คือเป็นความรู้สึกเหมือนคนดูทั่วไป ไม่ใช่ขุ่นเคือง แค่บ่นออกมา แต่ไม่คิดว่าที่เราบ่นจะฮือฮา คนจะเอาไปโฟกัส เพราะเป็นเรื่องปกติของคนที่ตามดูละครบุพเพฯ อยู่แล้ว หลายคนก็บ่น ไม่ใช่แค่เรา”
เผย “หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธ์” ตกใจรีบโทร. มาหา ขอโทษที่ไม่ได้คุยกันล่วงหน้า
“เขาก็ตกใจ โทรมา บอกน้องอุ้ยๆ ไปพิมพ์อะไรหน้าเพจ เราก็บอกว่าพิมพ์ค่ะ ไหนบอกว่ามันจะมี ทำไมไม่มี คือแค่นั้นเอง เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้มาคุยกันก่อน ให้เราไปเห็นในเว็บของช่องเอง และเราเอามาคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้ เพราะเว็บช่องเขาบอกว่าจะมีตอนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพิเศษ”
อยากเห็นฉากลูกๆ แม่การะเกดก็แห้ว บอกช่องถูกโจมตีเยอะ หัวอกเดียวกับคนดู
“อยากเห็นลูกๆ ทั้ง 4 คนของการะเกด ฉากไปตลาด อยากเห็นแม่ปรางเพราะแม่ปรางน่ารัก คือมันไม่เชิงว่าอยากเห็นขนาดนั้น แต่เหมือนเขาบอกแล้วว่ามี แต่กลับไม่มี แค่ผิดหวังเหมือนคนดูคนหนึ่ง”
“คนก็โจมตีช่องเยอะ และก็มีที่เขาเข้ามาบ่นมาว่ากับเพจเราเหมือนกัน เราก็ตอบไป เนอะ เพราะเราก็รอดู เราเป็นพวกเดียวกัน”
ย้ำไม่ตายตอนจบ เพราะละครจบไปตั้งแต่ 11 เม.ย. แค่รู้สึกว่าไม่มีอะไรสเปเชียลทั้งที่บอกสเปเชียล
“ก็ไม่เชิงตายตอนจบ เพราะตอนจบสำหรับเราคือวันที่ 11 เม.ย. คือจบแล้ว แต่ส่วนทึ่เอามาฉายซ้ำหรือเป็นสเปเชียล เราก็อยากเห็นอะไรที่มันสเปเชียลไง แต่นี้มันไม่สเปเชียล”
“ถามว่าเสียดายมั้ย เพราะทำมาดีตลอด แต่กลับมาถูกคอมเมนต์เอา 3 ตอนพิเศษก็ไม่นะ ส่วนหนึ่งเราก็เข้าใจช่องด้วย ว่ายังไม่อยากให้ละครหนึ่งด้าวฟ้าเดียวมาในช่วงวันหยุดยาว คนก็ออกไปเที่ยว คงไม่มาโฟกัสกับละครใหม่ที่กำลังจะฉาย คือเราก็ไม่รู้ว่าช่องคิดอะไร แต่เราก็เข้าใจเขาในส่วนที่มาทำสเปเชียล แต่ไม่เข้าใจว่ามันสเปเชียลตรงไหน”
เสียดายตอนจบเร่งเร็วไปหน่อย แต่ก็สมบูรณ์แล้ว
“เราคิดว่าตอนจบมันเร่งไปหน่อย แต่มันมีเวลาแค่นั้นก็ต้องยอมรับ ซึ่งเขาทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว แค่ตัดเร็วไปนิด พลาดไม่ได้เลยสักนิด”
(ติดตามทุกข่าวสารในแวดวงบันเทิงทั้งหมดได้ที่ https://mgronline.com/entertainment)