xs
xsm
sm
md
lg

“บุ๋ม ปนัดดา” นางสาวไทยคนแรกที่เล่นเรือใบตามรอยในหลวง หลั่งน้ำตาปฏิญาณตนขอเป็นคนดีตราบจนตัวตาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บุ๋ม ปนัดดา” ตามรอยในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นนางสาวไทยคนแรกที่โลดโผนเล่นกีฬาประเภทเรือใบ ซื้อกล้องเป็นช่างภาพ เผยได้แรงบันดาลใจจากพระองค์ท่าน น้ำตาหลั่งอาลัยแทบไม่มีแรงยืน ปฏิญาณตนหน้ากำแพงพระบรมมหาราชวัง จะทำความดีตราบจนตัวตาย และต้องทำให้ได้เพื่อพ่อหลวง เตือนคนรุ่นใหม่ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์ อย่าทำให้แตกแยก

อดีตนางสาวไทย “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากพ่อหลวงมาตลอด ทั้งการเล่นกีฬาประเภทเรือใบ รวมไปถึงซื้อกล้องถ่ายภาพ อีกทั้งยังได้พากย์เสียงพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนกฉบับการ์ตูน ปฏิญาณตนจะขอทำความดีตราบจนตัวตาย

“บุ๋มมาในส่วนของกองทัพเรือ เพราะว่าตัวบุ๋มเองมีพระองค์ท่านเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตมาโดยตลอด ที่อยากเล่นเรือใบ เพราะมีแรงบันดาลใจจากการเห็นภาพของพระองค์ท่านทรงเล่น เราเลยอยากมีรูปแบบพระองค์ท่านบ้าง พระองค์ท่านมีพระปรีชาสามารถในการเล่นเรือใบ บุ๋มเองเลยไปเรียนเรือใบตอนสมัยเป็นนางสาวไทย ตอนนั้นก็แอบไปเรียนไปแข่งเองที่สัตหีบเป็นเรือใบรุ่นเดียวพระองค์ท่านเล่น”

“เรามีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างจริง ๆ เป็นแรงบันดาลใจทำให้บุ๋มเลือกงานอดิเรกนี้และอยากจะมีงานอดิเรกหลากหลายแบบพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านมีพระปรีชาสามารถหลายด้าน กีฬาดนตรี ศิลปะ วิชาการ บุ๋มเคยแข่งเรือใบชิงถ้วยพระราชทานได้ที่ 25 เป็นการแข่งในระดับนานาชาติมีต่างชาติมาร่วมแข่งมากมาย เป็นสิ่งที่ภูมิใจมากจากการได้เดินตามท่าน ยังมาถ้วยเก็บไว้ที่บ้าน ตอนนั้นที่ไปแข่งทางกองทัพเรือตื่นเต้นมากเพราะช่วง 10 กว่าปีก่อนไม่ค่อยมีผู้หญิงเล่นเรือใบ เขาไม่เคยเห็นนางสาวไทยคนไหนโลดโผนเหมือนเรา บุ๋มศึกษาทุกอย่างว่าพระองค์ท่านทรงประดิษฐ์เรือใบแบบไหน รุ่นใดและเคยลองเล่นทุกรุ่นที่พระองค์ท่านเคยเล่น”

“อีกกิจกรรมหนึ่งที่บุ๋มได้แรงบันดาลใจจากพระองค์ท่าน คือ การถ่ายภาพถึงขนาดที่บุ๋มต้องซื้อกล้องแบบมืออาชีพเพื่อจะได้เอามาถ่ายภาพตามแบบอย่างพระองค์ท่าน มีครั้งหนึ่งต้องช่วงฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี บุ๋มได้เป็นหนึ่งในทีมของการถวายงานให้พระองค์ท่าน ตอนนั้นช่างภาพระดับประเทศจะถูกคัดเลือกมาประมาณ 30 คนซึ่งบุ๋มได้เป็นหนึ่งในนั้น ไปถ่ายภาพโครงการหลวงคนละ 1 โครงการห้ามซ้ำกัน”

“บุ๋มเลือกไปดอยอินทนนท์ เราขับรถไปคนเดียว ในวันที่แสดงภาพถ่ายทีมงานมาบอกบุ๋มว่าพระองค์ท่านทรงหยุดทอดพระเนตรภาพของบุ๋ม คำพูดแค่นี้เราดีใจมากแล้ว ภาพของบุ๋มเป็นภาพชาวเขากำลังยืนกอดแอปเปิลด้วยรอยยิ้ม บุ๋มรู้สึกว่าสิ่งที่ได้จากโครงการหลวงไม่ใช่เรื่องของเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวเขาที่เปลี่ยนไป บุ๋มดีใจที่ได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นกิจกรรมที่คุ้มค่ามากในชีวิตที่บุ๋มได้ทำ ตอนที่บุ๋มไปถ่ายภาพนั้นเป็นเพราะบุ๋มเชื่อว่าเมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม พืชผักของเราอุดมสมบูรณ์ ความเป็นอยู่ของคนที่เปลี่ยนไปเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พระองค์ท่านทรงแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และเป็นปัญหาที่แก้ได้ในระยะยาวจริง ๆ พระองค์ท่านเสด็จไปในพื้นที่ที่ทุรกันดาร ซึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นลำบากมาก”

“ในขณะที่คนยุคนนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย เรายังไม่เคยเข้าไปลึกเหมือนอย่างที่ท่านทรงเสด็จเลย บุ๋มเคยไปเรียนต่างประเทศมา 3 ประเทศ บุ๋มบอกได้เลยว่าไม่เคยเห็นพระมหากษัตริย์พระองค์ไหนบนโลกใบนี้ทรงงานหนักเท่ากับพระองค์ท่าน ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นพระมหากษัตริย์ทรงนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารหรู ๆ ในท้องพระโรงใหญ่ ๆ เมืองไทยเราก็มีเพราะเห็นได้จากงานราชพิธีแต่เราจะเห็นภาพพระมหากษัตริย์ของเราทรงงานจนเหงื่อไหลไคลย้อย บุกป่าเขาลำเนาไพร เรารู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้เกิดบนประเทศนี้ มีประโยคหนึ่งที่เขาจะขึ้นกันในช่วงนี้ว่าประเทศไทยอาจจะไม่ใช่ประเทศที่ดีที่สุด แต่มีพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุด จากประสบการณ์ที่บุ๋มไปเรียนต่างประเทศมา 3 ประเทศ บุ๋มบอกได้เลยว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ดีที่สุดแล้ว เราโชคดีมาก ไม่อย่างนั้นฝรั่งคงจะไม่ขวนขวายที่จะมาอยู่ในประเทศเรากัน”

สอนลูกสาวให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โชคดีเหลือเกินที่เกิดบนแผ่นดินรัชกาลที่ ๙
“ณ วันนี้บุ๋มพยายามสอนลูกสาวว่าเขาโชคดีที่เกิดมาในช่วงที่ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มีครบทุกสิ่งอย่าง เพราะท่านทรงงานหนักมากเพื่อพวกเราคนไทย บอกลูกว่าลูกโชคดีขนาดไหนที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงรักพวกเรามากขนาดนี้ สอนเขาร้องเพลง เปิดพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ของพระองค์ท่านให้ลูกดู ลูกบุ๋มเองรู้เรื่องแล้วเขาก็รู้ว่าแม่ของเขารักพระองค์ท่านมาก บุ๋มพยายามค่อย ๆ บอกเรื่องราวของท่านกับเขา สอนเขา อย่างพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก บุ๋มมีโอกาสได้พากย์เสียงในฉบับการ์ตูน ก็บอกลูกว่าเรื่องนี้แม่ได้พากย์ด้วยนะ บุ๋มพากย์เป็นพระมารดา ถือว่าเป็นบุญของเราที่ได้มีส่วนในนั้น บอกลูกว่านี่คือผลงานของพระองค์ท่าน นอกจากนี้บุ๋มยังบอกลูกว่าจะพาเขาไปวัดร่องขุ่น ให้ลูกได้เรียนรู้ว่าวัดที่สร้างในรัชกาลที่ ๙ เป็นอย่างไร ให้เขาซึมซับไปทีละอย่าง”

“บุ๋มโชคดีที่มีโอกาสถวายงานพระองค์ท่านหลายอย่าง เป็นความทรงจำทุกวินาทีที่บุ๋มไม่เคยลืม ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าได้พากย์เสียงพระมหาชนก บุ๋มเคลียร์คิวงานทุกอย่างหมดเพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งในงานนี้”

น้ำตาคลอเห็นพระราชกรณียกิจพระองค์ท่านมาตั้งแต่เกิด ปฏิญาณตนจะทำความดีตราบจนตัวตาย
“เรามีพระองค์ท่านมาตั้งแต่เราเกิด (น้ำตาคลอ) ตั้งแต่จำความได้เราก็เห็นพระองค์ท่าน โตหน่อยเราก็เห็นพระราชกรณียกิจพระองค์ท่านทุกวัน เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยในทุกยุค เห็นการทะเลาะกัน สู้กัน ตีกันของคนไทยในบางยุค และพระองค์ท่านเป็นคนออกมาแก้ปัญหา พอวันนี้บอกว่าไม่มีพระองค์ท่านแล้ว (เสียงเครือ) บุ๋มรู้สึกว่าแล้วเราจะเป็นยังไงกันต่อไป แต่เราเป็นคนไทยเราต้องเข้มแข็งและอยู่ต่อไปให้ได้ เราต้องน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านที่สอนให้เราเป็นคนดี และเราต้องปฏิบัติตามให้ได้ด้วย บุ๋มปฏิญาณเมื่อเช้าวันที่ 20 ตุลาคม หน้ากำแพงวังว่าบุ๋มจะทำความดีตราบจนตัวตาย แล้วบุ๋มจะต้องทำให้ได้”

แนะเด็กรุ่นใหม่ใชโซเชียลอย่างฉลาดและให้เกิดประโยชน์ อย่าใช้แป้นพิมพ์ทำร้ายใคร
“เป็นห่วงมากเลยค่ะ เพราะพวกเขาอยู่ในยุคที่สบายหมดแล้วทุกอย่าง บุ๋มอยากขอร้องเด็กรุ่นใหม่ ง่าย ๆ เลยทำได้แน่คือการใช้สื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ ควรรู้ว่าข่าวช่องทางไหนควรรับไม่ควรรับ อยู่อย่างฉลาด เอาพระองค์ท่านเป็นแบบอย่าง นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าความดีจะทำให้ความรักคงอยู่ตลอดไป ยังไง พระองค์ท่านทรงสร้างความดีไว้เยอะมาก จนกระทั้งพวกเราต้องมาอยู่รวมตัวกันเยอะขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไรล่ะ ดังนั้นอยากฝากเด็ก ๆ ใช้สื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ค่ะลูก อย่าไปคอมเมนต์ทำนองสร้างความแตกแยก บางคนเขาจนจริง ๆ แม้แต่เงิน 50 บาทก็ยังไม่มีกินเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเสื้อดำ ดังนั้นอย่าไปด่าเขา อย่าใช้แป้นพิมพ์ไปทำร้ายผู้อื่น เราอยู่ของเราให้ดีที่สุดพอแล้ว คิดแค่ว่าจะทำประโยชน์อย่างไรเพื่อประเทศชาติ เพื่อสังคมพอแล้ว”

พระบารมีแผ่ไพศาล เพื่อนต่างชาติยังร่วมไว้อาลัย
“เพื่อนที่ต่างประเทศเขาเห็นรูปบุ๋มร้องไห้ในไอจี เขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เราเลยบอกว่าพระมหากษัตริย์ของเราเสด็จสวรรคต เขาก็เข้าใจความรู้สึก เขาเคยเห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน เห็นพระมหากษัตริย์ทั่วโลกมาประเทศไทยมาร่วมยินดี แสดงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่านยังไง ชาวต่างชาติรู้ว่าในหลวงของเราทำเพื่อคนไทยขนาดไหน แล้วยังบอกอีกว่าไม่เคยเห็นพระมหากษัตริย์ประเทศไหนทรงงานหนักขนาดนี้ อย่างทุกวันนี้รอบสนามหลวงบุ๋มก็เห็นฝรั่งที่เดินผ่านไปผ่านมาร่วมกันใส่ชุดดำเพื่อแสดงความอาลัย แสดงความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ประเทศเรา”

“พระบารมีของพระองค์ท่านกว้างไกลจริง ๆ เพื่อนฝรั่งเขาก็ให้กำลังใจให้พวกเราเข้มแข็ง เศร้าได้แต่ต้องเดินหน้าต่อ แต่เราก็ยังทำใจได้ยาก อย่างวันนี้ก็ผ่านมา 7 วันที่ท่านจากไปแล้ว ก็บอกกันตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้ แต่พอมาอยู่ใกล้ ๆ พระองค์ท่านข้างกำแพงวัง เราก็ร้องอีก ร้องจนแทบไม่มีแรงยืน อาจจะด้วยในวันที่เกิดเหตุการณ์บุ๋มอยู่ต่างประเทศ ความรู้สึกต่าง ๆ มันยังอั้นอยู่ในใจ วันนี้พอได้มาอยู่ใกล้พระองค์ท่าน ได้สัมผัสกำแพงวังรู้สึกได้ทันทีเลยว่าทำไมคนทั่วประเทศถึงพยายามจะมาให้ได้ เราอยากจะเห็นพระองค์ท่านไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่อยากจะเห็นท่านอีก นั่งถามตัวเองว่าพระองค์ท่านทำเพื่อใคร เพื่ออะไร เพื่อพวกเราเหรอ แล้วเราจะเห็นแก่ตัวแบบนั้นไม่ได้ พระองค์ท่านเข้มแข็งเพื่อพวกเรามามากพอแล้ว มันถึงเวลาที่พวกเราต้องเข้มแข็งแสดงความรักที่พวกเรามีต่อพระองค์ท่านให้สมกับที่พระองค์ท่านทำเพื่อพวกเราตลอดมา เราจะต้องทำให้พระองค์เห็นว่าเราจะต่อยอดคำสอนของพระองค์ท่านอย่างไร เราจะไปต่อกันอย่างไรเพื่อให้ประเทศชาติพัฒนาไปได้มากกว่า นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำเพื่อพระองค์ท่านได้ ฉันจะทำองค์กรทำดีให้ดีที่สุด ฉันจะทำดีตราบจนตัวตาย บุ๋มเองปฎิญาณกับท่านต่อหน้ากำแพงวังไว้แบบนั้น”

อาสาจัดระเบียบสนามหลวง
“ขอร้องเลยใครที่มารับผิดชอบตัวเองกัน ไม่ทำลายข้าวของหลวง แบ่งเบาภาระหน้าที่เจ้าหน้าที่ อาจจะมีการจัดระเบียบซุ้มแจกของ เพราะที่บุ๋มเห็นตอนนี้มีคนขายถุงรับของแจกแล้ว ซึ่งเรามองว่ามันไม่ใช่แล้วไง ถ้าจะให้ดิฉันจัดการยินดีเลยนะคะ ยินดีทำให้ฟรี เป็นอาสาช่วย กทม. เดี๋ยวจะแบ่งมุม จัดเป็นรอบ ๆ ให้กับผู้ที่อยากจะมาแจกของ แบ่งพื้นที่บริเวณรอบๆ ให้ถูกต้อง เจ้าไหนจะมาวันไหนเวลาไหนบ้าง จะได้เวียน ๆ กันมาให้ครบ แบบนั้นจะแฮปปี้กว่า”

เป็นบุญที่สุดในชีวิต “พระราชินี” จับมือ ทรงตรัสชมเป็นนางสาวไทยที่สวยมาก
“ตอนที่ได้เป็นนางสาวไทยใหม่ ๆ ได้ไปถวายงานสมเด็จพระราชินีหลายต่อหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งที่เดินแบบเสร็จ บุ๋มก็ไปรอส่งเสด็จกลับ จู่ ๆ ท่านก็เสด็จกลับมาตรงพรมแดงตรงที่บุ๋มนั่งอยู่ ท่านเดินเพื่อมาจับมือบุ๋มแล้วท่านก็ถามว่าหนูเป็นนางสาวไทยใช่มั้ยจ๊ะ บุ๋มก็ได้แต่อ้ำอึ้ง บอกท่านไปว่าเพคะ พระหัตถ์ท่านนุ่มมาก จนบุ๋มสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น แล้วท่านก็ตรัสว่าหนูสวยมากจ๊ะ เชื่อมั้ยว่า บุ๋มเข่าอ่อนยวบไปเลยแบบไม่รู้ตัว วันนั้นเราสัมผัสและรู้เห็นกับตัวเองเลยว่าพระบารมีนั้นมีอยู่จริง บุ๋มไม่มีแรงต้านทานอะไรทั้งสิ้น จะให้บุ๋มถวายชีวิตหรืออะไรก็ได้ บุ๋มจะทำให้ทุกอย่าง พระบารมีของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมีอยู่จริง เป็นพระเมตตาของพระองค์ท่านครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากขนาดนั้น พระองค์ท่านทรงจำชื่อบุ๋มได้ ถือว่าเป็นบุญของเราโดยแท้ค่ะ

“ท่านดูแลประเทศชาติมาเยอะ บุ๋มยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนภายใต้ฟ้าเมืองไทยจะทรงงานหนักขนาดนี้ ในหลวงอยู่ที่ไหน ท่านก็อยู่เคียงข้างตลอดในป่าในเขาที่ทุรกันดารท่านก็ไป สร้างโครงการต่าง ๆ ท่านก็ทำไม่ได้น้อยกว่าในหลวงเลย เพราะพระองค์ท่านเองก็มีในหลวงเป็นแบบอย่าง ท่านตรัสเช่นนั้นมาโดยตลอด ท่านทรงงานมาหนักมาก ท่านให้เราเห็นได้ในวันที่ 14 ต.ค. ก็ถือเป็นบุญของพวกเราแล้ว วันนั้นบุ๋มเชื่อว่าหลายคนตกใจไม่ต่างกัน ท่านทรงงานหนักมามากขนาดไหน วันนี้พระองค์ท่านยังยกมือโบกพระหัตถ์ได้ขนาดนี้พระองค์ท่านทรงเก่งมาก ตอนที่เห็นภาพบุ๋มดีใจนะ ร้องไห้ ดีใจที่ได้เห็นพระองค์ท่านอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้องยังมีกำลังใจจากพระองค์ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวของพวกเรา ในวัยขนาดพระองค์ท่านและต้องทำงานหนัก แค่บุ๋มสวยได้สักครึ่งหนึ่งหรือเพียงเศษเสี้ยวของท่านบุ๋มว่าก็เป็นบุญหัวของบุ๋มแล้ว ขอแค่ได้สวยเพียงแค่เสี้ยวเล็บของพระองค์ แต่นี่พระองค์ท่านยังทรงมาโบกพระหัตถ์ให้พวกเรา คือ สุดยอดมาก ๆ เราเห็นแล้วก็ตั้งใจว่าจะสืบสานช่วยเหลือโครงการต่างๆ ของในหลวงและพระราชินีต่อไป นี่คือสิ่งที่ตัวเล็กอย่างพวกเราจะทำได้ ช่วยกันทำให้เกิดเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศกันต่อไป”

“นอกจากนี้ แล้วก็ยังมีอีกหลาย ๆ พระองค์ บุ๋มไม่สนหรอกว่าใครจะเขียนยังไงในโลกโซเชียล แต่บุ๋มอยากบอกว่าบุ๋มจะเชื่อในสิ่งที่บุ๋มเห็นเท่านั้น บุ๋มเห็นพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเรียนทรงงานกันหนักมาก กระจายไปคนละด้าน ด้านศิลปะ อาหาร อักษร แพทย์ กฎหมายคนละด้านกัน สิ่งนี้ทำให้เห็นว่าแต่ละพระองค์ทรงสืบสานงานต่อจากในหลวงกันอย่างไร บุ๋มขอเชื่อในสิ่งที่บุ๋มเห็นค่ะ”





กำลังโหลดความคิดเห็น