คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และกองทัพเรือ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วงดุริยางค์ราชนาวีบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ร่วมกันแปรอักษรหมายเลข ๙ ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที พร้อมการขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
วันนี้ (13 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โรงพยาบาลศิริราช บรรยากาศการจัดกิจกรรม “น้อมดวงใจชาวศิริราช...ตามรอยพระราชปณิธานพระภูมิพล” จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และกองทัพเรือ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำมาจับจองพื้นที่เพื่อร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเวลา 16.15 น. วงดุริยางค์ราชนาวีจำนวน 160 คน ได้นำเครื่องดนตรี 130 ชิ้น โดยมี นาวาเอกภาสกร สุวรรณพันธ์ ผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือเป็นผู้ควบคุมวง ร่วมด้วยสมาชิกหลายรุ่นจากชมรมประสานเสียงศิริราช จำนวน 45 คน บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เช่น เพลงแสงเทียน, อาทิตย์อับแสง, ชะตาชีวิต, ลมหนาว, ในดวงใจนิรันดร์, แผ่นดินของเรา, ยามเย็น, ในหลวงของแผ่นดิน เป็นต้น ในโอกาสนี้วงดุริยางค์ราชนาวีได้ประพันธ์เพลง “แสงเทียนแสงฟ้า” เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นพิเศษด้วย
จากนั้นเวลา 17.15 น. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกับ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตบางกอกน้อย คณะผู้บริหารกองทัพเรือ กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพ และประชาชนผู้จงรักภักดี ทำพิธีถวายสักการะต่อเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดแรก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ชุดที่ 2 กองทัพเรือ ชุดที่ 3 ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช และชุดที่ 4 นักศึกษาวิทยาเขตบางกอกน้อย มหาวิทยาลัยมหิดล
ต่อมาเวลา 17.25 น. กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพและเหล่าพยาบาล ฝ่ายการพยาบาล รพ.ศิริราช จำนวน 140 คน ร่วมกันแปรอักษรหมายเลข ๙ อันหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม ส่งผลให้ประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนเปี่ยมไปด้วยความสุข นอกจากนี้ยังหมายถึงการครองหัวใจคนไทยทั้งแผ่นดินเอาไว้อีกด้วย นอกจากนี้ บนหลังคาของศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี ยังมีการแปรอักษรด้วยการจุดเทียน 1,700 เล่ม ข้อความ “ขอตามรอยพระราชปณิธาน” อย่างสวยงามอีกด้วย
และเวลา 17.40 น. ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ เล่าความผูกพันในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า “กระผมเป็นทั้งชาวศิริราช และเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2518 แม้ปี 2518 พระองค์จะไม่ได้เสด็จมาศิริราช แต่ก็ได้มีส่วนช่วยถวายการรักษาพระองค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์เสด็จ รพ.ศิริราช เนื่องจากประชวรด้วยหลอดพระโลหิตพระหทัยตีบตัน หลายๆ ฝ่ายทั้งนอกและในศิริราช มีความเป็นห่วงมาก ซึ่งขณะนั้นชาวศิริราช ได้ร่วมกับคณะแพทย์นอกศิริราชมาช่วยถวายการรักษาจนประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง”
“ทุกครั้งที่ทรงประทับรักษาพระองค์ที่ รพ.ศิริราช เมื่อพระอาการดีขึ้นก็ทรงงานตลอด เกิดโครงการต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องจราจรติดขัด กระแสไฟฟ้าดับกะทันหัน กระผมเห็นว่า พระองค์ท่านทรงมีความคิดในการพัฒนาศิริราชตลอด โดยศิริราชเป็น รพ. เป็นสถานศึกษา และสถาบันวิจัย พระองค์ท่านสนับสนุนตลอด นอกจากนี้ พระองค์ยังสอนให้ทำงานร่วมกับผู้อื่น องค์กรอื่นๆด้วย โดยพระราชทานแนวคิดต่างๆ ในการทำงานร่วมกันกับแพทย์ต่างๆ ในต่างประเทศ กระผมรู้สึกว่า พระองค์ทรงมองไกล เป็นการพัฒนาความรู้ให้กับศิริราชด้วย และในการศึกษาวิจัยต่างๆ พระองค์ท่านก็มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ในเรื่องแพทยศาสตร์ศึกษา ชาวศิริราชประทับใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านมีความเมตตาต่อชาวศิริราช มีความรักต่อชาวศิริราช" ศ.เกียรติยศ นพ.สงครามกล่าว
กระทั่งเวลา 18.00 น. เป็นพิธีแสดงความอาลัยและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ตามด้วยการขับร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” โดยมีวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมแปลภาษามือ จากนั้นเหล่าพสกนิกรร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัย จากนั้นได้ให้ประชาชนทั้งหมดหันหน้าไปทาง “ต้นศรีตรัง” โดยผู้ดำเนินรายการประกาศว่า ต้นศรีตรังยังไม่จากไปไหน ชาวศิริราชจะคอยดูแลตลอดไป และพระองค์จะอยู่กับเราตลอดไป พร้อมทั้งร่วมร้องเพลง “ต้นไม้ของพ่อ” แทนความรู้สึกที่มีต่อต้น “ศรีตรัง” ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผู้เปรียบเสมือนพ่อของเราได้ทรงปลูกพระราชทานไว้ให้กับศิริราช ซึ่งชาวศิริราชจะดูแลต้นไม้ที่พ่อปลูกต้นนี้ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับคำสอนของพ่อให้งดงามคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน จากนั้นเป็นการขับร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” โดยมี เรือตรี สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ ร่วมขับร้อง เป็นดั่งคำสัญญาของพสกนิกรที่จะบำเพ็ญตนเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดิน เพื่อ “พ่อ” ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องและร่ำไห้ไปทั่วบริเวณ
ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า นับเป็นเวลา 1 เดือนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคต ประชาชนยังมีความโศรกเศร้าอาดูอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทุกคนจะแปลงความเศร้าเป็นพลังในการทำความดีตามรอยพระบาท ทั้งนี้ชาวศิริราช ทหารเรือ และประชาชนขอถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในการใช้พระบรมราโชวาทเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ตั้งมั่นในการเจริญรอยตามรอยพระบาท โดยเฉพาะด้านการแพทย์และสาธารณสุขนั้นจะดูแลสุขประชาชนทั้งแผ่นดินให้หายจากอาการเจ็บป่วย
น.ส.ศากุณ แสวงพานิช อดีตรองหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล รพ.ศิริราช อายุ70 ปี กล่าวว่า วันนี้ได้รวมกลุ่มอดีตพยาบาลเกษียณ รพ.ศิริราช เพื่อมาร่วมงานในวันนี้ ทราบข่าวทางกลุ่มไลน์ โดยเดินทางมาถึงประมาณ 11.00 น. ที่มีการรวมกลุ่มกันมาเพราะทุกคนล้วนมีความผูกพันธ์กับพระองค์ท่าน เมื่อครั้งยังไม่เกษียณอายุได้รับเสด็จพระองค์ท่านบ่อยครั้ง เห็นมาตลอดว่าพระองค์ทรงงานหนักมาโดยตลอด ทรงมีโครงการในพระราชดำรัสมากมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนเมื่อครั้งพระองค์ท่านยังอยู่มีความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ในวันที่พระองค์ไม่อยู่แล้วจึงรู้สึกใจหาย แต่อย่างไรก็ตามพระองค์จะสถิตต์ในหัวใจตลอดไป
ด้านนางพรสวรรค์ วันทอง อาชีพแม่บ้าน อายุ 66 ปี กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่ารพ.ศิริราชจะมีการบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสรรคตครบ 30 วัน มีความตั้งใจมาตั้งแต่แรก เพราะมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อครั้งพระองค์มีพระชนม์ชีพเมื่อทราบข่าวว่ามีการเสด็จจะตามรับเสด็จอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อทราบข่าวว่าพระองค์ท่านประชวร ก็ได้มาร่วมสวดมนต์ถึง 3 ครั้งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รักพระองค์ท่านมาก หากทำอะไรเพื่อท่านได้เป็นครั้งสุดท้ายก็ยินดีจะทำ ขนาดคนอยู่ต่างจังหวัดยังมาได้ ไม่อยากให้พระองค์จากไปรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก หากต้องทำอะไรให้พระองค์กลับมาได้ก็ยินดีจะทำ
ด้าน ผศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการ รพ.ศิริราช กล่าวว่า สำหรับงานในวันนี้เป็นควาร่วมมือของสองหน่วยงานหลักคือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกองทัพเรือ กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพฯ พร้อมทั้งหน่วยงานอื่นๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาช่วยดูแลความเรียบร้อยให้กิจกรรมเป็นได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม นอกจากการแปรตัวอักษรเลข ๙ และการจุดเทียนแสดงความอาลัยแล้ว พวกเราชาวศิริราชจะเดินตามรอยพระราชปณิธานของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเพียรในการทำงาน และความสามัคคี ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ได้แสดงถึงความสามมัคีในการร่วมใจกันทำกิจกรรม
ผศ.นพ.ธารา วงศ์วิริยางกูร รอง ผอ.รพ.ศิริราช กล่าวถึงต้นศรีตรังที่พระองค์ท่านทรงปลูกเมื่อครั้งประทับที่ รพ.ศิริราช ว่า สำหรับต้นศรีตรังชาวศิริราชมีการดูแลเป็นอย่างดี รวมทั้งกรมป่าไม้ก็เข้ามาช่วยดูแลตลอด ซึ่งขณะนี้มีใบเขียว ยืนยันว่าต้นศรีตรังยังไม่ตาย ขณะที่อีกต้นหนึ่งก็ยังคงอยู่ดีเช่นกัน