พสกนิกรยังคงหลั่งไหลเข้าร่วมถวายสักการะพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ครบหนึ่งเดือนที่เสด็จสวรรคต คณะแพทยศาสตร์ศิริราช และกองทัพเรือ น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ จัดวงดุริยางค์ราชนาวี บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ ร่วมกันแปรอักษรหมายเลข ๙ ยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที พร้อมการขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไป จ.ปัตตานี เพื่อทรงเป็นองค์ประธาน ในการพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ที่ มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี วันนี้ จัดพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ บริเวณต้นไม้จันทน์หอม เวลา 14.09-14.39 น.( 14 พ.ย.)
พสนิกรทั่วสารทิศยังคงต่อคิวตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 16 ซึ่งในวันนี้เป็นวันครบ 1 เดือน ที่ในหลวงรัชกาลที่๙ เสด็จสวรรคต ซึ่งประชาชนทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา
วานนี้ (13 พ.ย.) บรรยากาศการถวายสักการะพระบรมศพ ซึ่งเป็นวันที่ 16 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. โดยมีประชาชนจากทั่วประเทศ เดินทางมาเฝ้ารอต่อแถว เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี อย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
**ทร.-ศิริราชน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เวลา 13.00 น. ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โรงพยาบาลศิริราช บรรยากาศการจัดกิจกรรม“น้อมดวงใจชาวศิริราช...ตามรอยพระราชปณิธานพระภูมิพล”จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และกองทัพเรือ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำ มาจับจองพื้นที่เพื่อร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเวลา 16.15 น. วงดุริยางค์ราชนาวี จำนวน 160 คน ได้นำเครื่องดนตรี 130 ชิ้น โดยมี นาวาเอก ภาสกร สุวรรณพันธ์ ผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ เป็นผู้ควบคุมวง ร่วมด้วยสมาชิกหลายรุ่นจากชมรมประสานเสียงศิริราช 45 คน บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เช่น เพลงแสงเทียน, อาทิตย์อับแสง, ชะตาชีวิต, ลมหนาว, ในดวงใจนิรันดร์, แผ่นดินของเรา, ยามเย็น, ในหลวงของแผ่นดิน เป็นต้น ในโอกาสนี้ วงดุริยางค์ราชนาวี ได้ประพันธ์เพลง“แสงเทียนแสงฟ้า” เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพิเศษด้วย
จากนั้น เวลา 17.15 น. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกับ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตบางกอกน้อย คณะผู้บริหารกองทัพเรือ กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพ และประชาชนผู้จงรักภักดี ทำพิธีถวายสักการะต่อเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดแรก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ชุดที่ 2 กองทัพเรือ ชุดที่ 3 ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช และ ชุดที่ 4 นักศึกษาวิทยาเขตบางกอกน้อย มหาวิทยาลัยมหิดล
เวลา 17.25 น. กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพและเหล่าพยาบาล ฝ่ายการพยาบาล รพ.ศิริราช จำนวน 140 คน ร่วมกันแปรอักษรหมายเลข ๙ อันหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม ส่งผลให้ประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนเปี่ยมไปด้วยความสุข นอกจากนี้ยังหมายถึงการครองหัวใจคนไทยทั้งแผ่นดินเอาไว้อีกด้วย นอกจากนี้ บนหลังคาของศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี ยังมีการแปรอักษรด้วยการจุดเทียน 1,700 เล่ม ข้อความ "ขอตามรอยพระราชปณิธาน" อย่างสวยงามอีกด้วย
เวลา 17.40 น. ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ เล่าความผูกพันในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า "กระผมเป็นทั้งชาวศิริราช และเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2518 แม้ปี 2518 พระองค์จะไม่ได้เสด็จมาศิริราช แต่ก็ได้มีส่วนช่วยถวายการรักษาพระองค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์เสด็จ รพ.ศิริราช เนื่องจากประชวรด้วยหลอดพระโลหิตพระหทัยตีบตัน หลายๆ ฝ่ายทั้งนอกและในศิริราช มีความเป็นห่วงมาก ซึ่งขณะนั้นชาวศิริราช ได้ร่วมกับคณะแพทย์นอกศิริราช มาช่วยถวายการรักษาจนประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง”
“ทุกครั้งที่ทรงประทับรักษาพระองค์ที่ รพ.ศิริราช เมื่อพระอาการดีขึ้นก็ทรงงานตลอด เกิดโครงการต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องจราจรติดขัด กระแสไฟฟ้าดับกะทันหัน กระผมเห็นว่า พระองค์ท่านทรงมีความคิดในการพัฒนาศิริราชตลอด โดยศิริราชเป็น รพ. เป็นสถานศึกษา และสถาบันวิจัย พระองค์ท่านสนับสนุนตลอด นอกจากนี้ พระองค์ยังสอนให้ทำงานร่วมกับผู้อื่น องค์กรอื่นๆด้วย โดยพระราชทานแนวคิดต่างๆ ในการทำงานร่วมกันกับแพทย์ต่างๆ ในต่างประเทศ กระผมรู้สึกว่า พระองค์ทรงมองไกล เป็นการพัฒนาความรู้ให้กับศิริราชด้วย และในการศึกษาวิจัยต่างๆ พระองค์ท่านก็มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ในเรื่องแพทยศาสตร์ศึกษา ชาวศิริราชประทับใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านมีความเมตตาต่อชาวศิริราช มีความรักต่อชาวศิริราช" ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม กล่าว
กระทั่งเวลา 18.00 น. เป็นพิธีแสดงความอาลัยและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ตามด้วยการขับร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี”โดยมีวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมแปลภาษามือ จากนั้นเหล่าพสกนิกรร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัย จากนั้นได้ให้ประชาชนทั้งหมดหันหน้าไปทาง“ต้นศรีตรัง” โดยผู้ดำเนินรายการประกาศว่า ต้นศรีตรัง ยังไม่จากไปไหน ชาวศิริราช จะคอยดูแลตลอดไป และพระองค์จะอยู่กับเราตลอดไป พร้อมทั้งร่วมร้องเพลง“ต้นไม้ของพ่อ” แทนความรู้สึกที่มีต่อต้น “ศรีตรัง”ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผู้เปรียบเสมือนพ่อของเราได้ทรงปลูกพระราชทานไว้ให้กับศิริราช ซึ่งชาวศิริราชจะดูแลต้นไม้ที่พ่อปลูกต้นนี้ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับคำสอนของพ่อให้งดงามคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน จากนั้นเป็นการขับร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด”โดยมี เรือตรี สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ ร่วมขับร้อง เป็นดั่งคำสัญญาของพสกนิกรที่จะบำเพ็ญตนเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดิน เพื่อ “พ่อ”ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องและร่ำไห้ไปทั่วบริเวณ
** สมเด็จพระบรมฯ เสด็จปัตตานี
มีรายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (14 พ.ย.) ตามหมายกำหนดการ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังจ.ปัตตานี เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในการพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯไว้เดิม ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2558 และผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2558 ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
**ตัดไม้จันทน์หอม14.09 น.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าการเตรียมพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม บริเวณต้นไม้จันทน์หอม ต้นที่ 15 ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ด้านหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือฤกษ์เวลา 14.09-14.39 น.วันนี้ ( 14 พ.ย.) นั้น นายวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ จะไปประกอบพิธีบวงสรวง และตัดไม้จันทน์หอม เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนเมื่อนายวุฒิ เดินทางไปถึงบริเวณมณฑลพิธี ต้นไม้จันทน์หอมต้นที่ 15 ทำการหลั่งน้ำเทพมนต์ พร้อมเจิมบริเวณต้นไม้จันทน์หอม ขณะที่โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ภูษามาลาไกวบัณเฑาะว์ พร้อมหลั่งน้ำเทพมนต์เจิมขวานสำหรับใช้ตัดต้นไม้จันทน์หอม จุดเทียนเงิน เทียนทอง ธูป บนโต๊ะเครื่องบวงสรวง และปักธูปบริวารที่เครื่องสังเวยทั้งหมด
จากนั้น นายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้างานโหรพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวง และไปยังบริเวณต้นไม้จันทน์ หอมต้นที่ 15 ประพรมน้ำเทพมนต์ ที่ต้นไม้จันทน์หอม และใช้ขวานทองฟันที่ต้นไม้จันทน์หอมต้นที่ 15 เป็นปฐมฤกษ์ พร้อมโปรยข้าวตอกดอกไม้ รอบบริเวณต้นไม้จันทน์หอม โหรหลวงทำการลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ภูษามาลาไกวบัณเฑาะว์ หลังจากนั้นจึงดำเนินการตัดต้นไม้จันทน์หอมที่เหลืออีก 3 ต้น พร้อมๆ กัน โดยใช้ฤกษ์ประกอบพิธีตั้งแต่ 14.09-14.39 น. เป็นอันเสร็จพิธี โดยในวันนี้จะยังไม่มีการนำต้นไม้จันทน์หอมที่ตัดแล้วออกมาจากพื้นที่บริเวณมณฑลพิธีแต่อย่างใด
**วธ.แจกหนังสือ"ในหลวง ร.๙"2แสนเล่ม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า วธ.ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้จัดพิมพ์หนังสือพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ รวมทั้งให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้น้อมนำพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ที่พระราชทานไว้ในวาระต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ทรงดำรงสิริราชสมบัติ
ขณะนี้ วธ.จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เสร็จเรียบร้อยแล้ว เล่มแรกชื่อ“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจด้านต่างๆ ตลอดการครองสิริราชสมบัติ 70 ปี พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งมีหลายภาพเป็นภาพที่หาชมได้ยากรวบรวมไว้ในหนังสือทั้ง 2 เล่ม
ส่วนเล่มที่ 2 ชื่อ “๙๙ พระบรมราโชวาท น้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์”เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ แบ่งเป็นหมวดต่างๆ อาทิ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์, ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ฯ, รักษาวัฒนธรรมประเพณี, รู้จักดำรงตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง, คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ เป็นต้น รวมถึงเชิญพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
ทั้งนี้ วธ. จะแจกหนังสือทั้ง 2 เล่ม รวม 2 แสนเล่ม ให้แก่ประชาชน ในวันที่ 14 พ.ย. นี้ เวลา 13.30 น. บริเวณหน้านิทรรศการ“ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์”ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นอกจากนี้ วธ.จัดทำหนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นอีบุ๊ก เพื่อให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดด้วย
**ชมรมรักวิ่งจากชุมพรถวายสักการะ
ร.ต.อ.บุญชู จันทร์เดชะ อายุ 40 ปี ประธานชมรมรักวิ่ง หลังสวน-ชุมพร กล่าวว่า ชมรมวิ่งชุมพร เตรียมการที่จะวิ่งเพื่อถวายพระพรในหลวง ในวันที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ แต่เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ในหลวงเสด็จสรรคต ทางชมรมจึงรวมตัวกันเร็วขึ้น และตั้งใจที่จะวิ่งเพื่อส่งเสด็จพระองค์ท่าน โดยออกเดินทางจาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ในวันที่ 11 พ.ย. เวลา 06.00 น. และเดินทางมาถึงพระบรมมหาราชวัง ราว 10.00 น. (13พ.ย.) ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน โดยใช้การวิ่งผลัด แบ่งนักวิ่งออกเป็นชุด และสับเปลี่ยนกัน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ออกเดินทาง จะมีนักวิ่งวิ่งบนถนนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เดิมคาดว่าจะเดินทางมาถึงพระบรมมหาราชวัง เวลา 15.00 น. แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของนักวิ่งทุกคนทำให้วิ่งมาถึงก่อนกำหนด และได้ต่อแถว รอสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ
"ชาวชุมพรทุกคน มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้กับชาวชุมพร เมื่อปี 2540 พระองค์ท่านได้เสด็จมายังชุมพร เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม ทำให้เกิดโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแก้มลิง ขุดคลองหัววัง-พนังตัก เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำท่าตะเภาออกสู่ทะเล หลังจากปีนั้น เมื่อมีฝนตกหนักหรือพายุเข้าชมพรก็ไม่เคยน้ำท่วมอีกเลย จากเดิมที่บางปีน้ำท่วมสูงถึงชั้นสองของบ้าน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้" ร.อ.ต.บุญชู กล่าว
นอกจากนี้ หลังจากที่เข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ แล้ว ชมรมรักวิ่งฯ ยังได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง บริเวณประตูเทวาภิรมย์ ด้วย
พสนิกรทั่วสารทิศยังคงต่อคิวตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ต่อเนื่องเป็นวันที่ 16 ซึ่งในวันนี้เป็นวันครบ 1 เดือน ที่ในหลวงรัชกาลที่๙ เสด็จสวรรคต ซึ่งประชาชนทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา
วานนี้ (13 พ.ย.) บรรยากาศการถวายสักการะพระบรมศพ ซึ่งเป็นวันที่ 16 ที่พระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. โดยมีประชาชนจากทั่วประเทศ เดินทางมาเฝ้ารอต่อแถว เพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี อย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. จากนั้นได้เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี
ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่นำมาจากบ้านไว้แนบอกตลอดเวลา และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
**ทร.-ศิริราชน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
เวลา 13.00 น. ที่บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โรงพยาบาลศิริราช บรรยากาศการจัดกิจกรรม“น้อมดวงใจชาวศิริราช...ตามรอยพระราชปณิธานพระภูมิพล”จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และกองทัพเรือ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำ มาจับจองพื้นที่เพื่อร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเวลา 16.15 น. วงดุริยางค์ราชนาวี จำนวน 160 คน ได้นำเครื่องดนตรี 130 ชิ้น โดยมี นาวาเอก ภาสกร สุวรรณพันธ์ ผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ เป็นผู้ควบคุมวง ร่วมด้วยสมาชิกหลายรุ่นจากชมรมประสานเสียงศิริราช 45 คน บรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ เช่น เพลงแสงเทียน, อาทิตย์อับแสง, ชะตาชีวิต, ลมหนาว, ในดวงใจนิรันดร์, แผ่นดินของเรา, ยามเย็น, ในหลวงของแผ่นดิน เป็นต้น ในโอกาสนี้ วงดุริยางค์ราชนาวี ได้ประพันธ์เพลง“แสงเทียนแสงฟ้า” เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นพิเศษด้วย
จากนั้น เวลา 17.15 น. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกับ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตบางกอกน้อย คณะผู้บริหารกองทัพเรือ กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพ และประชาชนผู้จงรักภักดี ทำพิธีถวายสักการะต่อเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดแรก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ชุดที่ 2 กองทัพเรือ ชุดที่ 3 ฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช และ ชุดที่ 4 นักศึกษาวิทยาเขตบางกอกน้อย มหาวิทยาลัยมหิดล
เวลา 17.25 น. กำลังพลฐานทัพเรือกรุงเทพและเหล่าพยาบาล ฝ่ายการพยาบาล รพ.ศิริราช จำนวน 140 คน ร่วมกันแปรอักษรหมายเลข ๙ อันหมายถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม ส่งผลให้ประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนเปี่ยมไปด้วยความสุข นอกจากนี้ยังหมายถึงการครองหัวใจคนไทยทั้งแผ่นดินเอาไว้อีกด้วย นอกจากนี้ บนหลังคาของศาลาศิริราช ๑๐๐ ปี ยังมีการแปรอักษรด้วยการจุดเทียน 1,700 เล่ม ข้อความ "ขอตามรอยพระราชปณิธาน" อย่างสวยงามอีกด้วย
เวลา 17.40 น. ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์ประจำพระองค์ เล่าความผูกพันในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า "กระผมเป็นทั้งชาวศิริราช และเป็นผู้หนึ่งที่มีโอกาสได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2518 แม้ปี 2518 พระองค์จะไม่ได้เสด็จมาศิริราช แต่ก็ได้มีส่วนช่วยถวายการรักษาพระองค์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์เสด็จ รพ.ศิริราช เนื่องจากประชวรด้วยหลอดพระโลหิตพระหทัยตีบตัน หลายๆ ฝ่ายทั้งนอกและในศิริราช มีความเป็นห่วงมาก ซึ่งขณะนั้นชาวศิริราช ได้ร่วมกับคณะแพทย์นอกศิริราช มาช่วยถวายการรักษาจนประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง”
“ทุกครั้งที่ทรงประทับรักษาพระองค์ที่ รพ.ศิริราช เมื่อพระอาการดีขึ้นก็ทรงงานตลอด เกิดโครงการต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องจราจรติดขัด กระแสไฟฟ้าดับกะทันหัน กระผมเห็นว่า พระองค์ท่านทรงมีความคิดในการพัฒนาศิริราชตลอด โดยศิริราชเป็น รพ. เป็นสถานศึกษา และสถาบันวิจัย พระองค์ท่านสนับสนุนตลอด นอกจากนี้ พระองค์ยังสอนให้ทำงานร่วมกับผู้อื่น องค์กรอื่นๆด้วย โดยพระราชทานแนวคิดต่างๆ ในการทำงานร่วมกันกับแพทย์ต่างๆ ในต่างประเทศ กระผมรู้สึกว่า พระองค์ทรงมองไกล เป็นการพัฒนาความรู้ให้กับศิริราชด้วย และในการศึกษาวิจัยต่างๆ พระองค์ท่านก็มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ในเรื่องแพทยศาสตร์ศึกษา ชาวศิริราชประทับใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านมีความเมตตาต่อชาวศิริราช มีความรักต่อชาวศิริราช" ศ.เกียรติยศ นพ.สงคราม กล่าว
กระทั่งเวลา 18.00 น. เป็นพิธีแสดงความอาลัยและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ตามด้วยการขับร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี”โดยมีวิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมแปลภาษามือ จากนั้นเหล่าพสกนิกรร่วมกันจุดเทียนแสดงความอาลัย จากนั้นได้ให้ประชาชนทั้งหมดหันหน้าไปทาง“ต้นศรีตรัง” โดยผู้ดำเนินรายการประกาศว่า ต้นศรีตรัง ยังไม่จากไปไหน ชาวศิริราช จะคอยดูแลตลอดไป และพระองค์จะอยู่กับเราตลอดไป พร้อมทั้งร่วมร้องเพลง“ต้นไม้ของพ่อ” แทนความรู้สึกที่มีต่อต้น “ศรีตรัง”ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผู้เปรียบเสมือนพ่อของเราได้ทรงปลูกพระราชทานไว้ให้กับศิริราช ซึ่งชาวศิริราชจะดูแลต้นไม้ที่พ่อปลูกต้นนี้ให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับคำสอนของพ่อให้งดงามคงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน จากนั้นเป็นการขับร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด”โดยมี เรือตรี สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ ร่วมขับร้อง เป็นดั่งคำสัญญาของพสกนิกรที่จะบำเพ็ญตนเป็นคนดี ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดิน เพื่อ “พ่อ”ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องและร่ำไห้ไปทั่วบริเวณ
** สมเด็จพระบรมฯ เสด็จปัตตานี
มีรายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (14 พ.ย.) ตามหมายกำหนดการ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังจ.ปัตตานี เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในการพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี ตามที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯไว้เดิม ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2558 และผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2558 ที่ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
**ตัดไม้จันทน์หอม14.09 น.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าการเตรียมพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม บริเวณต้นไม้จันทน์หอม ต้นที่ 15 ซึ่งอยู่บริเวณพื้นที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ด้านหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งถือฤกษ์เวลา 14.09-14.39 น.วันนี้ ( 14 พ.ย.) นั้น นายวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ จะไปประกอบพิธีบวงสรวง และตัดไม้จันทน์หอม เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนเมื่อนายวุฒิ เดินทางไปถึงบริเวณมณฑลพิธี ต้นไม้จันทน์หอมต้นที่ 15 ทำการหลั่งน้ำเทพมนต์ พร้อมเจิมบริเวณต้นไม้จันทน์หอม ขณะที่โหรหลวงลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ภูษามาลาไกวบัณเฑาะว์ พร้อมหลั่งน้ำเทพมนต์เจิมขวานสำหรับใช้ตัดต้นไม้จันทน์หอม จุดเทียนเงิน เทียนทอง ธูป บนโต๊ะเครื่องบวงสรวง และปักธูปบริวารที่เครื่องสังเวยทั้งหมด
จากนั้น นายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้างานโหรพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวง และไปยังบริเวณต้นไม้จันทน์ หอมต้นที่ 15 ประพรมน้ำเทพมนต์ ที่ต้นไม้จันทน์หอม และใช้ขวานทองฟันที่ต้นไม้จันทน์หอมต้นที่ 15 เป็นปฐมฤกษ์ พร้อมโปรยข้าวตอกดอกไม้ รอบบริเวณต้นไม้จันทน์หอม โหรหลวงทำการลั่นฆ้องชัย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ภูษามาลาไกวบัณเฑาะว์ หลังจากนั้นจึงดำเนินการตัดต้นไม้จันทน์หอมที่เหลืออีก 3 ต้น พร้อมๆ กัน โดยใช้ฤกษ์ประกอบพิธีตั้งแต่ 14.09-14.39 น. เป็นอันเสร็จพิธี โดยในวันนี้จะยังไม่มีการนำต้นไม้จันทน์หอมที่ตัดแล้วออกมาจากพื้นที่บริเวณมณฑลพิธีแต่อย่างใด
**วธ.แจกหนังสือ"ในหลวง ร.๙"2แสนเล่ม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า วธ.ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้จัดพิมพ์หนังสือพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์ รวมทั้งให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้น้อมนำพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ที่พระราชทานไว้ในวาระต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ทรงดำรงสิริราชสมบัติ
ขณะนี้ วธ.จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เสร็จเรียบร้อยแล้ว เล่มแรกชื่อ“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจด้านต่างๆ ตลอดการครองสิริราชสมบัติ 70 ปี พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งมีหลายภาพเป็นภาพที่หาชมได้ยากรวบรวมไว้ในหนังสือทั้ง 2 เล่ม
ส่วนเล่มที่ 2 ชื่อ “๙๙ พระบรมราโชวาท น้อมนำราษฎร์ร่มเย็นเป็นสุขศานต์”เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ แบ่งเป็นหมวดต่างๆ อาทิ รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์, ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ฯ, รักษาวัฒนธรรมประเพณี, รู้จักดำรงตนตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง, คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติ เป็นต้น รวมถึงเชิญพระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 5 พฤษภาคม 2493 ว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
ทั้งนี้ วธ. จะแจกหนังสือทั้ง 2 เล่ม รวม 2 แสนเล่ม ให้แก่ประชาชน ในวันที่ 14 พ.ย. นี้ เวลา 13.30 น. บริเวณหน้านิทรรศการ“ทรงสถิตในดวงใจไทยนิรันดร์”ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นอกจากนี้ วธ.จัดทำหนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นอีบุ๊ก เพื่อให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดด้วย
**ชมรมรักวิ่งจากชุมพรถวายสักการะ
ร.ต.อ.บุญชู จันทร์เดชะ อายุ 40 ปี ประธานชมรมรักวิ่ง หลังสวน-ชุมพร กล่าวว่า ชมรมวิ่งชุมพร เตรียมการที่จะวิ่งเพื่อถวายพระพรในหลวง ในวันที่ 5 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ แต่เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ในหลวงเสด็จสรรคต ทางชมรมจึงรวมตัวกันเร็วขึ้น และตั้งใจที่จะวิ่งเพื่อส่งเสด็จพระองค์ท่าน โดยออกเดินทางจาก อ.หลังสวน จ.ชุมพร ในวันที่ 11 พ.ย. เวลา 06.00 น. และเดินทางมาถึงพระบรมมหาราชวัง ราว 10.00 น. (13พ.ย.) ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน โดยใช้การวิ่งผลัด แบ่งนักวิ่งออกเป็นชุด และสับเปลี่ยนกัน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ออกเดินทาง จะมีนักวิ่งวิ่งบนถนนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เดิมคาดว่าจะเดินทางมาถึงพระบรมมหาราชวัง เวลา 15.00 น. แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจของนักวิ่งทุกคนทำให้วิ่งมาถึงก่อนกำหนด และได้ต่อแถว รอสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ
"ชาวชุมพรทุกคน มีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมให้กับชาวชุมพร เมื่อปี 2540 พระองค์ท่านได้เสด็จมายังชุมพร เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม ทำให้เกิดโครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแก้มลิง ขุดคลองหัววัง-พนังตัก เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำท่าตะเภาออกสู่ทะเล หลังจากปีนั้น เมื่อมีฝนตกหนักหรือพายุเข้าชมพรก็ไม่เคยน้ำท่วมอีกเลย จากเดิมที่บางปีน้ำท่วมสูงถึงชั้นสองของบ้าน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้" ร.อ.ต.บุญชู กล่าว
นอกจากนี้ หลังจากที่เข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ แล้ว ชมรมรักวิ่งฯ ยังได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ข้างกำแพงพระบรมมหาราชวัง บริเวณประตูเทวาภิรมย์ ด้วย