xs
xsm
sm
md
lg

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 9

มินตราในชุดสวยงาม ตีหน้าเศร้า เดินจะเข้าไปตำหนักเจ้าชายมาคี ทหารยามเข้าขวาง
“ฉันเป็นพี่เลี้ยงของพระคู่หมั้น มีเรื่องด่วนต้องเข้าเฝ้า เจ้าชายมาคีเดี๋ยวนี้”

พระนางสาวิตรีเข้ามาในบ้านนายพลวิฑูรอย่างร้อนใจ เทวีตามร้องห่มร้องไห้
“ทรงพระกรุณาด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจริงๆ”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าหฤทัยถูกมาคีข่มเหงจริง เราจะให้ความเป็นธรรมกับหลานเอง”
ทั้งสองมาถึงหน้าห้องที่สาวใช้เฝ้าอยู่ เทวีถามสาวใช้
“คุณหนูยังไม่ยอมเปิดประตูอีกเหรอ”
“ยังค่ะ เคาะเรียกก็เงียบไม่มีเสียงตอบเลย”
“ตายแล้ว หรือว่า ฤทัยจะคิดสั้น”
เทวีเข้าไปทุบๆ
“ฤทัย อย่านะลูก อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้”
พระนางสาวิตรีหันไปสั่งสาวใช้
“ไปเอากุญแจมาไขซิ ไป”
สาวใช้รีบไป เทวีร้องห่มร้องไห้ ครู่หนึ่งสาวใช้วิ่งกลับมา ไขกุญแจผิดๆ ถูกๆ ไม่ออก พระนางสาวิตรีดุ
“เร็วซิ ชักช้าอยู่ได้”
ประตูเปิดออกมาเอง หฤทัยยืนอยู่ พระนางสาวิตรีอึ้ง
“หฤทัย”

โถงรับแขก...หฤทัยย่อตัวขอโทษ
“ฤทัยต้องขอประทานอภัยด้วยเพคะที่ทำให้ทรงเป็นห่วง”
“อย่าพูดอย่างงั้น เราเป็นญาติกันนะ เราจะปล่อยให้เจ้าถูกมาคีรังแกได้ยังไง”
หฤทัยก้มหน้า
“ไหนเล่ามาตามความจริงซิว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” พระนางสาวิตรีคาดคั้น
หฤทัยนิ่ง เทวีแอบหยิก
“เล่าไปซิลูก ว่าเมื่อคืน พอลูกไปเฝ้าเจ้าชายแล้ว เจ้าชายทรงทำอะไรลูก ถึงกลับมาบ้านเอาเกือบเช้า...”
หฤทัยสูดหายใจ รวบรวมความกล้า
“หม่อมฉันเอาซุปไปถวายเจ้าชาย ตอนนั้นทรงเมามาก...”

ในตำหนัก...เจ้าชายมาคีหันขวับมาอย่างตกใจ
“เสด็จแม่ไปที่บ้านท่านลุง”
“พะยะค่ะ ป่านนี้ยังไม่เสด็จออกมาเลย”
เจ้าชายมาคีหน้าเครียด
“หฤทัยต้องฟ้องเสด็จแม่เรื่องเมื่อคืนแน่ เพราะเจ้า ชวาล ถ้าเมื่อคืนเจ้าไม่ปล่อยให้หฤทัยเข้ามาในห้องเราก็ไม่เกิดเรื่อง”
“โธ่ กระหม่อมจะขัดขืนคุณเทวีได้ยังไงล่ะพะยะค่ะ แผลคราวก่อนเพิ่งจะหาย อีกอย่างกระหม่อมก็ทูลห้ามแล้วว่าอย่าทรงดื่มมากไปก็ไม่ทรงเชื่อ”
“เงียบไปเลย เจ้ามันไม่ได้เรื่อง ถ้าคามินอยู่กับเรา เรื่องแบบนี้ต้องไม่เกิดขึ้น”
“เรื่องคุณกรรณิการ์ ท่านคามินก็รับเละไปแล้ว คงช่วยอะไรฝ่าบาทไม่ได้อีกหรอกพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีแค้น
“หฤทัย...อย่านึกนะว่าใช้วิธีนี้แล้วจะได้อภิเษกกับเรา”

พระนางสาวิตรีเดินออกมาจากบ้านนายพลวิฑูรอย่างเซ็งๆ เทวีกับหฤทัยตาม นางกำนัลกับทหารรออยู่ด้านหน้าตามราชินีไป
“เอาละไม่ต้องออกไปส่งหรอก ไปพักผ่อนเถอะหฤทัย”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ส่วนเรื่องมาคี เราจะตักเตือนลูกเอง”
พระนางสาวิตรีเดินออกไป นางกำนัลกับทหารตามไป
“ฝ่าพระบาท ช้าก่อนเพคะ ฟังหม่อมฉันก่อน”
เทวีเรียก แต่พระนางสาวิตรีไม่หันกลับมาอีกเลย เทวีหันขวับมาจ้องหน้าหฤทัย
“แก...เอาไว้ฉันจะกลับมาจัดการกับแก”
เทวีวิ่งตามไป หฤทัยถอนใจ จะเดินเข้าบ้าน แต่ปรากฏ องครักษ์เจ้าชายมาคีสองคนเข้ามาประกบ
“เจ้าชายให้มาเชิญคุณหฤทัยไปเฝ้าเดี๋ยวนี้”

พระนางสาวิตรีจะเดินมาขึ้นรถพลขับพร้อม ทหารเปิดประตูรถ เทวีวิ่งคุกเข่าจับมืออย่างถือวิสาสะ
“พระองค์อย่าทรงเชื่อหฤทัยนะเพคะ ลูกหม่อมฉันกลัวก็เลยไม่ยอมพูดความจริง...”
“นี่เทวี...พูดตรงๆนะ เราเองก็ไม่ได้ดีใจนักหรอกถ้าเรื่อง มันจะเป็นอย่างที่เจ้าพูดยังไงหฤทัยก็เป็นผู้หญิง...ทำผิดประเพณีแบบนี้มันก็ไม่สมควร”
“แล้วทีพระคู่หมั้นล่ะเพคะ ประวัติฉาวโฉ่ ทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรี แถมตอนนี้ก็ยังแอบหนีออกจากวังไปอีก มันไม่ยิ่งแย่กว่าหฤทัยเหรอเพคะ”
พระนางสาวิตรีชะงัก
“หมายความว่ายังไง”

ในตำหนักรับรอง...บุหลันกระวีกระวาดออกมาเฝ้าพระนางสาวิตรี
“ขอประทานอภัยที่ออกมาถวายการต้อนรับช้าไปเพคะ ไม่ทราบจริงๆว่าจะเสด็จมา”
“พอดี เราอยากจะมาเยี่ยมลูกสะใภ้ในอนาคตซะหน่อย”
“เอ่อ...” บุหลันมองเข้าไปข้างใน “พระคู่หมั้นยังนอนหลับอยู่เพคะ”
เทวีสวนทันที
“นอนหลับหรือยังไม่กลับกันแน่”
พระนางสาวิตรีจ้องหน้าบุหลัน
“ถอยไป”
“ทรงพระกรุณาประทับรอก่อน หม่อมฉันจะเข้าไปปลุก พระคู่หมั้นเดี๋ยวนี้เพคะ”
เทวีกระชากบุหลันเซไป
“ไม่ได้ยินรับสั่งองค์ราชินีเหรอบอกให้ ถอยไป”

พระนางสาวิตรีเดินลิ่วเข้าไปห้องนอน บุหลันวิ่งตาม

พระนางสาวิตรีเดินเข้ามาในห้องมัทนา เทวีตาม เตียงมีผ้าห่มคลุมอยู่ เทวีเดินเข้าไปเปิดผ้าห่ม แล้วชะงัก เห็นมัทนานอนหลับอยู่ เทวีอึ้ง
 
“เอ๊ะ”
มัทนาขยับตัว พระนางสาวิตรีหันมามองตำหนิเทวี
“ตกลงยังไง เทวี”
มัทนาละเมอ
“ไม่...ฉันไม่กลับ...ไม่”
มัทนาสะดุ้งตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นนั่ง ลืมตางงๆ เห็นพระนางสาวิตรียืนอยู่ มัทนาขยี้ตา
“ไม่...เราต้องฝันร้ายแน่”
มัทนามองไป พระนางสาวิตรียังยืนอยู่
“เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
มัทนาหยิกตัวเอง
“โอ๊ย...เจ็บจริง ไม่ได้ฝัน”
เทวีส่งเสียงดุ
“เมืองไทยอบรมเธอยังไง ถึงไม่ถวายความเคารพองค์ราชินี”
มัทนารีบลงจากเตียงย่อแล้วเซ บุหลันเข้าประคอง
“ขอประทานอภัยเพคะ พอดีหม่อมฉันยังมึนๆอยู่”
เทวีเบ้หน้า
“คงมึนเพราะมัวไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอกแล้วเพิ่งกลับละซิคะ”
บุหลันขัดขึ้น
“พระคู่หมั้นไปสวดมนต์ที่วิหารทั้งคืนก็เลยอดนอนค่ะ”
พระนางสาวิตรีมองมัทนา
“เราก็เพิ่งรู้นะว่า ผู้หญิงหัวสมัยใหม่อย่างเจ้าก็ชอบสวดมนต์เหมือนกัน”
“การสวดมนต์ของชาวพุทธคือการฝึกสมาธิ ทำจิตใจให้สงบเพคะ สำหรับหม่อมฉันแล้วก็ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง”
เทวีแทรกขึ้น
“แปลกนะคะ ทำไมถึงมีคนเห็นพระคู่หมั้นอยู่ที่หมู่บ้านภูสายธารล่ะ”
“คนๆนั้นคงจะตาฝาดน่ะค่ะ” บุหลันรีบแก้
เทวีจะเถียง พระนางสาวิตรีพูดขึ้น
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะได้ยินมาว่า ชาวพุทธถือว่าการโกหกเป็นเรื่องผิดบาป เจ้าคงจะไม่ทำอย่างนั้นแน่”

องครักษ์ทั้งสองพาหฤทัยมาหาเจ้าชายมาคีที่มุมหนึ่งของวังรายา หฤทัยเห็นเจ้าชายแล้วแค้นมาก ไม่ทำความเคารพ นิ่งเงียบ เจ้าชายมาคีบอกกับองครักษ์
“ออกไปก่อน แล้วเฝ้าข้างนอกไว้ อย่าให้ใครเข้ามา”
องครักษ์ทำความเคารพออกไป เจ้าชายมาคีเข้ามาบีบแขนหฤทัย
“บอกมา เรื่องเมื่อคืนเป็นแผนของเจ้าใช่มั้ย เจ้าคิดจะผูกมัดเราก็เลยถือโอกาสตอนที่เราเมาขาดสติ เข้าไปหาเราในห้องนอน นี่หรือกุลสตรีของรายา น่าละอายที่สุด”
หฤทัยเจ็บใจมาก
“ทรงคิดว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นเหรอเพคะ”
“ยังจะให้เราพูดออกมาอีกเหรอ ขอบอกซะก่อนนะว่าวิธีนี้ไม่มีทางได้ผล เพราะเรารักมัทนาคนเดียว มัทนาเท่านั้นที่จะได้เป็นชายาของเรา เป็นราชินีของรายา”
หฤทัยสวนแรง
“ไม่ต้องกังวลพระทัยไปหรอกเพคะ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน หม่อมฉันก็จะถือว่าเป็นแค่ฝันร้าย”
“อย่ามาพูดให้ตัวเองดูดี เรารู้ว่าเจ้าต้องไปฟ้องเสด็จแม่แล้ว”
“หม่อมฉันทูลองค์ราชินีว่าหม่อมฉันเอาซุปไปถวายแล้วก็เช็ดพระวรกายให้ฝ่าบาท...จากนั้น...หม่อมฉัน ก็กลับ”
เจ้าชายมาคีไม่เชื่อ
“ไม่จริง เราไม่เชื่อ”
หฤทัยหันหน้าไปทางวิหารปรารถนาที่มองเห็นอยู่ไกลๆ
“หม่อมฉันขอสาบานว่าหม่อมฉันพูดความจริง”
เจ้าชายมาคีอึ้งที่หฤทัยกล้าสาบาน
“หม่อมฉันกลับได้แล้วใช่มั้ยเพคะ”
เจ้าชายมาคีนิ่งงัน

มัทนาคุยเครียดกับบุหลัน
“ฉันต้องการรู้ว่าฉันกลับมาที่นี่ได้ยังไง...”
“ดิฉันทราบแต่ว่าคุณไปสวดมนต์ที่วิหารปรารถนาทั้งคืน เท่านั้นค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้ ก็ฉันไปที่...ฉันต้องการคุยกับพี่มิน”
“คุณมินตราไม่อยู่ค่ะ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าเธอออกไปไหน”
“แล้วคามินล่ะ”
“ท่านคามินไปคุมสร้างฝายที่หมู่บ้านภูสายธาร ยังไม่กลับมาค่ะ คุณอาบน้ำก่อนนะคะ ดิฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้รับประทาน แล้วก็จะได้รับประทานยาแก้อักเสบ”
“เดี๋ยวค่ะ คุณรู้ว่าฉันมีแผลถูกแมงมุมกัด แสดงว่าคุณก็รู้ซิคะว่าฉันไปที่หมู่บ้านภูสายธารมา...”
บุหลันนิ่ง
“ดิฉันทราบแต่ว่าคุณไปที่วิหารแค่นั้นจริงๆค่ะ”
“คุณโกหก ฉันดูหน้าคุณก็รู้ คามินเป็นคนจัดการทุกอย่างใช่มั้ย”
บุหลันนิ่ง
“ได้...คุณไม่พูดฉันก็จะไปหาความจริงทั้งหมดเอง...”
บุหลันมองข่มใจ ตอบเรียบๆ
“ถ้าหากคุณไม่อยากให้ท่านคามินถูกประหารก็ควรจะจบเรื่องทั้งหมดแค่นี้”
มัทนาชะงัก
“อะไรนะ”
“โทษของการลักพาตัวพระคู่หมั้นคือประหารด้วยการแขวนคอ”
“คามินไม่ได้ลักพาฉัน”
“ส่วนคนที่มีส่วนรู้เห็นก็ต้องถูกประหารหรือไม่ก็ต้องติดคุกตลอดชีวิต...”
มัทนาอึ้ง
“สิ่งที่ดิฉันจะพูดได้มีแค่นี้ ขอตัวนะคะ”
บุหลันออกไป มัทนาทรุดลงนั่งอย่างตกใจ เพราะไม่เคยนึกถึงข้อนี้มาก่อน

มินตรารออยู่หน้าตำหนักเจ้าชายมาคีอย่างหงุดหงิด ที่เจ้าชายมาคียังไม่กลับ ชวาลเดินหน้ามุ่ยออกมา
“อ้าว คุณมินตรา ยังอยู่อีกเหรอครับ ผมว่าอย่ารอเลยครับ ไม่รู้จะเสด็จกลับกี่โมง”
“ธรรมดา เจ้าชายจะเสด็จไหนต้องมีหมายกำหนดการไม่ใช่เหรอจ้ะ”
“โอ๊ย หมายกำหนดการนะมีครับ แต่มีไว้เฉยๆ เพราะ เจ้าชาย ไม่เคยทรงทำตาม ทรงนึกอยากจะเสด็จไหนก็เด็จ แล้วตอนนี้ก็ยิ่งทรงหงุดหงิดอยู่ด้วย”
“ทรงหงุดหงิดเรื่องอะไรจ้ะ”
“ก็เรื่องคุณหฤทัย...อุ๊บ” ชวาลนึกได้รีบปิดปาก “ก็เรื่องทั่วๆไปละครับ ถ้าไม่มีธุระด่วน คุณมินตรามาเฝ้าวันอื่นจะดีกว่า วันนี้อาจจะโดนมิใช่น้อย”
ชวาลเดินกลับเข้าไป มินตราได้แต่มองตามเซ็งๆ

มินตราเดินอารมณ์เสียกลับมา เรณูจัดโต๊ะอาหารอยู่ เห็น
“คุณมินตรา ไปไหนมาคะ คุณบุหลันตามหาให้วุ่น”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ใช่คนชอบก่อเรื่องวุ่นวายหนีหายไปให้คนเที่ยวตามหาหรอกน่ะ”
มัทนาออกมา
“พี่มิน...”
มินตราหันไป ตกใจ
“คุณมัท”

ในห้องนอนมัทนา...มินตราดึงมัทนาให้นั่งลงบนเตียง ถามร้อนใจ
“คุณมัทกลับมาได้ยังไงคะ”
มัทนาฉุน
“มัทเองก็ยังไม่รู้เลยค่ะ ตื่นขึ้นมาก็มานอนอยู่บนเตียงแล้ว เจ็บใจจริงๆ มัทไม่น่าเสียรู้คามินเลย”
มินตราตื่นเต้น
“แสดงว่าคุณมัทเจอกับคุณคามินแล้วสิคะ”
มัทนาพยักหน้า
“แล้วคุณคามินว่ายังไงคะ...”
“มัททั้งล่อทั้งชนแต่เขาก็ยืนกรานว่ากรรณิการ์เป็นคนรักของเขา แต่ยังไม่ทันที่มัทจะคาดคั้นอะไรต่อก็เกิดเรื่องก่อน” มัทนาถอนใจ
“เรื่องอะไรคะ”
“ท่านวิฑูรพาทหารตามมัทไปที่หมู่บ้าน คนของเขาไล่ล่าทำร้ายมัทกับคุณคามินด้วย โชคดีที่คามินพามัทหนีรอดไปได้”
มินตราตื่นเต้น
“เป็นไปได้ยังไง คุณมัทเป็นถึงพระคู่หมั้นนะคะ”
“มัทก็ไม่อยากเชื่อ แต่คิดอีกที ถ้าไม่มีมัทลูกสาวเขาก็ต้องได้เป็นชายาเจ้าชายนะคะพี่มิน”
“ทำไมคนที่นี่น่ากลัวแบบนี้”
“เฮ้อ...เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครเป็นศัตรูเราบ้าง รอบตัวเราอาจจะมีสายของท่านวิฑูรอยู่ ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่ามัทแอบหนีไปที่ที่ภูสายธาร”
“คุณมัทคงไม่ได้คิดว่าพี่จะไปบอกเขาใช่มั้ยคะ” มินตราแกล้งตกใจ
“ไม่หรอกค่ะ โธ่ มัทจะคิดบ้าๆแบบนั้นได้ยังไง” มัทนาหัวเราะ
“พี่ไม่อยากให้คุณมัทอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว เรารีบบอกเรื่องนี้ให้คุณท่านกับท่านหญิงรู้เถอะค่ะ”
“อย่านะคะ เรื่องนี้ให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นคุณคามินจะได้รับโทษถึงชีวิต...”
มินตรามองท่าทางร้อนใจ ห่วงใยคามินอย่างสงสัย
“พี่ถามคุณมัทจริงๆ คุณมัท...รักคุณคามินใช่มั้ยคะ”
“ถ้าเป็นอย่างงั้น มันจะผิดมากมั้ยคะ”
“ไม่เลยค่ะ ความรักไม่ใช่ความผิด”
“สำหรับพี่มินอาจจะไม่แต่สำหรับคนอื่นๆ มันตรงกันข้ามและมันก็อาจจะอันตรายสำหรับคนที่เรารักหลายๆคน”
มัทนาเดินไปยืนกอดอกริมหน้าต่างมองออกไปถอนใจครุ่นคิด มินตรามองตามรำพึงในใจ

“ถึงแกไม่ตอบฉันก็รู้แล้ว...คนใฝ่ต่ำอย่างแกไม่คู่ควรจะเป็นราชินีแห่งรายาหรอก”

ค่ำนั้น...คามินเดินถือตะเกียงเข้ามา ในกระท่อม เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้....
คามินอยู่ด้านนอกกระท่อม จนฝนซา ฐากูรถือกระบอกไม้ไผ่เข้ามา
“ท่านคามิน”
“ฐากูร...ได้ของที่สั่งมั้ย”
“นี่ครับ ในน้ำนี้ผสมว่านนิทราไว้แล้ว”
“ดี ขอบใจมาก...แล้วมาลีล่ะ”
มาลีในชุดนายพรานหญิง สะพายหน้าไม้ ดูแก่นแก้วเข้ามา
“มาลีอยู่นี่ ท่านคามินจะให้มาลีทำอะไรบอกมาเลย”

คามินนั่งบนแคร่ เมื่อเห็นว่ามัทนาหลับไปแล้ว เขาค่อยๆประคองหัวเธอลงนอนบนแคร่แล้วเดินไปที่ประตูเปิดออก ฐากูรกับ มาลีรออยู่
“เอาเสื้อผ้าที่เตรียมมาเปลี่ยนให้คุณผู้หญิงคนนี้ แล้วมาลีก็สวมชุดของคุณผู้หญิงแทน”
มาลีจะถาม คามินยกมือห้าม
“ไม่ต้องถาม รู้ไว้ว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญต่อแผ่นดินรายามาก เราต้องพาเธอออกไปจากหมู่บ้านให้ได้”
“ไม่ถามก็ได้ อะไรที่ท่านคามินสั่ง มาลีทำทุกอย่าง”
มาลีเข้าไปในกระท่อมปิดประตู คามินอยู่ข้างนอกกับฐากูร
“ฉันไว้ใจนายนะ พาพระคู่หมั้นไปส่งถึงวังหลวงให้ได้”
“ท่านไม่ต้องห่วง ข้ารับรองด้วยชีวิต และทุกคนในหมู่บ้านก็จะไม่ปริปากเกี่ยวกับพระคู่หมั้นเด็ดขาด”
คามินตบไหล่ฐากูรเป็นเชิงขอบใจ

ปัจจุบัน...คามินนั่งที่แคร่ ลูบไปที่ไม้สัมผัสไออุ่นที่มัทนาทิ้งไว้ ภาพเหตุการณ์ที่มัทนาคาดคั้นให้ตอบแว่บเข้ามา คามินซบหน้ากับฝ่ามือด้วยความอัดอั้นใจ เขานั่งอยู่โดดเดี่ยว ในกระท่อมที่มีแสงสลัวราง

วันใหม่...พระนางสาวิตรีมองเจ้าชายมาคีที่มาหาที่ตำหนักอย่างสงสัย
“ทำไมต้องอยากรู้ว่าแม่คุยอะไรกับหฤทัย หรือว่าลูกไปทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร”
เจ้าชายมาคีสะดุ้ง
“ลูก...ลูกไม่ได้ทำอะไร หรือว่าหฤทัยทูลฟ้องอะไรเสด็จแม่ เสด็จแม่อย่าไปเชื่อหฤทัยนะพะยะค่ะ”
“หฤทัยไม่ได้ฟ้องอะไรแม่เลยสักนิด ก็แค่บอกว่าลูกเมามากแล้วหฤทัยก็เช็ดตัวให้ลูก”
เจ้าชายมาคีชะงัก
“แค่นั้นหรือพะยะค่ะ”
“ทำไมหรือว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น”
เจ้าชายมาคีถอนใจโล่งอก
“ไม่มีพะยะค่ะ ไม่มีแน่นอน ลูกแค่กลัวว่าหฤทัยจะพูดอะไรที่มากกว่านั้น เอ้อ...ทั้งๆที่มันไม่จริง”
“มันไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เพราะถ้าลูกล่วงเกินหฤทัยลูกก็ต้องรับผิดชอบ เพราะหฤทัยไม่ใช่ผู้หญิงอย่างกรรณิการ์แต่เป็นญาติผู้น้องของลูก”
“เสด็จแม่ไม่ต้องทรงวิตกไม่มีวันที่ลูกจะทำอย่างนั้นแน่นอน เรื่องกรรณิการ์เกิดขึ้นเพราะลูกยังไม่มีใคร แต่ตอนนี้ในใจลูกมีแต่คุณมัทเพียงคนเดียว”
พระนางสาวิตรีอารมณ์เสีย
“แล้วหล่อนมีลูกคนเดียวหรือเปล่า”
“เสด็จแม่หมายความว่ายังไง คุณมัทจะมีใคร”
“ก็คนใกล้ตัวลูกไงมาคี”
เจ้าชายมาคีคิดแล้วหัวเราะออกมา
“ถ้าหมายถึงคามิน เป็นไปไม่ได้หรอกพะยะค่ะ”
“จะแน่ใจได้ยังไง ประวัติมัทนาเหลวไหลเละเทะขนาดนั้น...มาคี ลูกไม่รู้จักมัทนาดีพอด้วยซ้ำ อย่าลืมสิว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่คามินหามาให้ ดีไม่ดีสองคนนี่อาจจะร่วมมือกันทำอะไรสักอย่างก็ได้”
เจ้าชายมาคีอึ้ง

มุมหนึ่งในรายา...คามินขี่ม้ามีสัมภาระมาชะงัก เพราะมีดาบพุ่งเข้าหาเขา คามินชักม้าหลบได้
อย่างหวุดหวิด แต่เสียหลักตกจากหลังม้า อย่างรวดเร็ว เจ้าชายมาคีพุ่งเข้าฟันดาบใส่ องครักษ์ที่ตามมาอารักขา ตกใจแต่ไม่กล้าห้าม
“คนทรยศ”
คามินกลิ้งตัวหลบ เจ้าชายมาคีไล่ฟันไม่ยั้งมือ คามินไม่สู้ สุดท้ายจับมือเจ้าชายมาคีไว้ได้
“พระทัยเย็นก่อนฝ่าบาท นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ไม่ต้องถาม สู้เราสิ เราสั่งให้สู้”
เจ้าชายมาคีสะบัดเล่นงานต่อ คามินได้แต่หลบหลีก ตะโกนไปด้วย
“ฝ่าบาท หยุดก่อน กริ้วกระหม่อมเรื่องอะไร”
คามินจับมือเจ้าชายมาคีไว้ได้อีกครั้ง
“นายกับมัทนาร่วมมือกันหักหลังเรา เสียแรงที่เราไว้ใจ”
คามินตกใจชะงักปล่อยมือเจ้าชายมาคีทันที เขาพูดเสียงนิ่งมาก
“ถ้าเชื่อเช่นนั้นก็ทรงลงดาบได้เลยพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีมองชั่งใจ จี้ดาบที่คอคามิน
“คิดว่าเราไม่กล้าเหรอ”
“หามิได้...แต่เมื่อทรงเชื่อว่ากระหม่อมทรยศฝ่าบาทก็ทรงลงอาญาได้เลย”
เจ้าชายมาคีเงื้อดาบ คามินหลับตา แต่แล้วได้ยินเสียงเจ้าชายมาคีหัวเราะดังลั่น คามินลืมตางงๆ

เจ้าชายมาคีเดินโอบไหล่คามินมาด้วยกัน อย่างร่าเริง
“นี่คงเป็นฉากเด็ดที่เสด็จแม่อยากเห็น”
“กระหม่อมไม่เข้าใจ”
“เสด็จแม่บอกว่านายจะหักหลังเรา”
คามินงง
“มีพวกคนที่ไม่หวังดีมาทูลเสด็จแม่ว่าคุณมัทนาหนีไปหานายที่หมู่บ้านภูสายธาร”
คามินหน้าเผือด เจ้าชายมาคีมองเข้าใจไปคนละเรื่อง
“นายอย่าถือสาเสด็จแม่เลยนะ นายก็รู้ว่าเสด็จแม่ไม่ชอบนาย กี่ครั้งแล้วล่ะที่เสด็จแม่พยายามให้เราเกลียดนายไปด้วย แต่มันไม่เป็นผลไง”
คามินอึ้ง เครียด ละอายใจสุดๆ เจ้าชายมาคีเห็นหน้าแล้วรีบตบไหล่
“ไม่เอาน่า คามิน ไม่ต้องเครียด เรามาเล่าให้ฟังขำๆ อย่าคิดมาก เราเชื่อว่าไม่มีวันที่นายจะทรยศเรา นอกจาก...”
เจ้าชายมาคีชะงัก หันมาจ้องคามิน แล้วก็หัวเราะร่าออกมาอย่างขำมาก
“พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกนั่นแหละ”

เจ้าชายมาคีขำสุดๆ คามินอึ้ง

เจ้าชายมาคีเดินอารมณ์ดีเข้ามาในตำหนักกับคามิน
“หวังว่าฝ่าบาทจะทรงทำตามที่รับสั่งนะพะยะค่ะ”
“แน่นอน คามิน เราทำได้แน่”
ชวาลเข้ามารีบบอก
“ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว กระหม่อมไปเอาไวน์ฝรั่งเศสจากห้องเก็บไวน์มาเมื่อกี๊นี้เอง จะเสวยเลยมั้ยพะยะค่ะ”
“ดี เราจะฉลอง...”
คามินมองหน้า เจ้าชายรีบเปลี่ยน
“ไม่เอา...เอาพวกน้ำผลไม้เย็นๆมาดีกว่า”
ชวาลชะงักอึ้ง
“หะ”
“ถ้าไม่มีก็เอาน้ำเปล่า...”
“ฮ้า...” ชวาลตาเหลือก
คามินยิ้มแย้มบอก
“ต่อไปนี้ เจ้าชายจะไม่เสวยเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีก...กระหม่อมขอตัว”
“ขอบใจมากนะคามิน”
คามินออกไป ชวาลยังงงๆ
“คือ...”
“นอกจากไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เราก็จะเลิกยุ่งผู้หญิงด้วย”
ชวาลตาโต
“ฮ้า หมายความว่าฝ่าบาทจะยุ่งกับผู้ชายเหรอพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคี มองหน้า ชวาลยิ้มแหยๆ
“กระหม่อมพูดเล่น เป็นมุกให้ทรงฮา...เอ่อ แล้วที่ทรงยุ่งไปแล้วเมื่อคืนล่ะพะยะค่ะ”
เจ้าชายมาคีดุ
“อย่าพูดพล่อยๆนะ เมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น หฤทัยบอกเราเองว่าเขาแค่มาเช็ดตัวให้เราแล้วก็กลับไป เสด็จแม่ก็รับรู้แล้ว เฮ้อ...เราโล่งอกสุดๆเลย”
“แบบนี้คุณเทวีคงผิดหวังแย่”
“เราขอบอกซะก่อน ต่อไปนี้ ห้าม ให้ผู้หญิงที่ไหนเข้ามาในตำหนักของเราอีก ไม่อย่างงั้น เราจะลงโทษเจ้าให้หนัก”
“พะยะค่ะ...”
เจ้าชายมาคีเดินเข้าห้องไป ชวาลนิ่งคิด
“เอ๊ะ แล้วถ้าบอกว่าให้คุณมินตราเข้ามาเมื่อกี๊ จะโดนมั้ยล่ะเรา งั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า”

บ้านนายพลวิฑูร...เทวียืนอึ้งกลัวๆ
“แก่จนป่านนี้ยังปล่อยให้เด็กเมื่อวานซืนมันหลอก” นายพลวิฑูรเสียงดัง
“น้อง...ไม่คิดว่านังมินตรามันจะกล้าหลอกเรา” เทวีอึกๆอัก
“ทีหลังก็หัดคิดซะบ้าง ข่าวแบบนี้ไม่กรองซะก่อนแล้วยังบังอาจไปทูลองค์ราชินี โง่เง่าที่สุด”
เทวีจ๋อย นายพลวิฑูรแค้นมาก
“จะเล่นงานคนอย่างไอ้คามิน มันต้องมีหลักฐานแน่นหนา ต้องจับให้มั่นให้มันดิ้นไม่หลุด”
นายพลวิฑูรหันกลับมาตะคอกเทวี
“แต่เธอทำให้มันไหวตัว ที่นี่ละยากที่จะเล่นงานมัน เฮ้ย...ไม่ได้เรื่อง”
นายพลวิฑูรปึงปังออกไป เทวีซีดแล้วเปลี่ยนเป็นโมโห
“นังมินตรา...แก...”

มินตราแถวเดินมาบ้านนายพลวิฑูรสีหน้าหมายมาด เธอนึกถึงที่พูดกับมัทนา
“ท่านวิฑูรพาทหารตามมัทไปที่หมู่บ้าน คนของเขาไล่ล่าทำร้ายมัทกับคุณคามินด้วย โชคดีที่คามินพามัทหนีรอดไปได้”
มินตราตื่นเต้น
“เป็นไปได้ยังไง คุณมัทเป็นถึงพระคู่หมั้นนะคะ”
“มัทก็ไม่อยากเชื่อ แต่คิดอีกที ถ้าไม่มีมัทลูกสาวเขาก็ต้องได้เป็นชายาเจ้าชายนะคะพี่มิน”
มินตราคิดตาม

เมื่อนึกถึงคำพูดของมัทนาแล้วมินตรายิ้มเหี้ยม
“ในที่สุดฉันก็หาคนที่จะช่วยกำจัดแกได้ มัทนา”
มินตรา เข้าไปบอกสาวใช้ที่เดินผ่านมา
“ฉันมาขอพบคุณเทวีค่ะ”

มินตราเดินเข้ามาในบ้านนายพลวิฑูรเจอเทวียืนกอดอกรออยู่ มินตราไหว้ เทวีไม่รับไหว้ลูกน้องเทวีสองคนเข้ามาสองข้าง ล็อคตัวไว้ มินตราตกใจ
“อะไรกันเนี่ย มาจับฉันไว้ทำไม”
เทวีเดินเข้ามา เงื้อตบเปรี้ยง มินตราหน้าหันตามแรงตบ เทวีตบซ้ำอีกที มินตราโมโห
“นี่คุณทำร้ายฉันทำไม”
“นี่คือการสั่งสอนที่เธอบังอาจมาหลอกฉัน ว่ามัทนาไปที่หมู่บ้านภูสายธาร”
“ฉันไม่ได้หลอกคุณนะคะ คุณมัทนาไปที่นั่นจริงๆ”
“โกหก ฉันกับองค์ราชินีเห็นกับตาว่ามัทนาอยู่ในห้องนอน”
“มีคนพาคุณมัทนากลับมาก่อนที่คุณจะเข้าไปเจอค่ะ”
“ฉันไม่เชื่อ ฉันน่าจะเฉลียวใจแต่แรกว่าอยู่ดีดี เธอจะเอาเรื่องของนายเธอมาบอกฉันทำไม”
“ก็เพราะฉันทนนังมัทนาไม่ไหวแล้วนะสิคะ”
เทวีอึ้งไป
“ที่มาเนี่ยเพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมาขอพึ่งบารมีของคุณ”

มินตราแต่งเรื่องเล่าให้ พระนางสาวิตรีถึงความร้ายกาจของมัทนาว่าร้ายมาก....
มินตราวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง เห็นมัทนายืนหันหลังนิ่งอยู่ที่หน้าต่าง
“คุณมัท...คุณมัทหายไปไหนมาคะ”
มัทนาหันมาหน้าบึ้ง
“ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่ง”
มินตราเข้ามาจับตัวมัทนา
“ครั้งนี้พี่ไม่ยุ่งไม่ได้แล้วละคะ ถ้าองค์ราชาทรงทราบว่า คุณมัทหนีไปหาคุณคามิน พี่ก็จะต้องโดนลงโทษฐานมีส่วนรู้เห็น”
“ก็ถ้าแกไม่บอกใครจะรู้”
“แต่คุณมัททำแบบนี้เท่ากับย่ำยีเกียรติของเจ้าชาย เจ้าชายจะทรงเสียพระทัยแค่ไหน เจ้าชายทรงรักคุณมัทมาก คุณมัททำแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
มัทนาตวาด
“ไม่ต้องมาสอนฉัน แกเป็นใครก็แค่ลูกแม่ครัว พอฉันเรียกพี่เข้าหน่อยทำเป็นลืมกำพืด”
มัทนาจิกหัวมินตรา
“โอ๊ยคุณมัท...พี่เจ็บค่ะ”
“จำไว้นะทีหลังอย่าแส่เรื่องฉันอีก”
มัทนาผลักมินตราหัวคะมำ

พระนางสาวิตรีนั่งลงจ้องหน้ามินตราที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ร้องไห้ อย่างสนใจในสิ่งที่เธอเล่า
“นี่ละเพคะ ตัวตนที่แท้จริงของมัทนา”
พระนางสาวิตรีจ้องมินตรา
“เธอรู้มั้ยว่าโทษของการโกหกสำหรับที่นี่มันร้ายแรงแค่ไหน”
“เพคะ หม่อมฉันทราบดี ก่อนที่หม่อมฉันจะมาเฝ้าก็ได้ตัดสินใจอยู่นาน เพราะคุณพ่อของคุณมัทและท่านหญิงมีบุญคุณกับหม่อมฉันมาก หม่อมฉันทำแบบนี้ก็เท่ากับเนรคุณ แต่...” มินตราร้องไห้ “หม่อมฉันก็ไม่อาจทนดูคุณมัทเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลต่อไปได้”
พระนางสาวิตรีกำมือแน่น เทวีพูดขึ้น
“ที่หม่อมฉันพามินตรามาเฝ้าก็เพราะอยากให้ทรงทราบถึงความร้ายกาจของนัง เอ่อ พระคู่หมั้นเพคะ”
“เราไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงกาลกิณีอย่างมัน มาเป็นเป็นราชินีแห่งรายา ไม่มีวัน”
พระนางสาวิตรีมองมินตราอย่างไม่แน่ใจ
“จะให้เราช่วยอะไร”
มินตราขยับเข้ามาจับเท้าพระนางสาวิตรี
“หากจะทรงพระกรุณา หม่อมฉันอยากถวายงานพระองค์เพคะ”
พระนางสาวิตรีชักเท้าหลบ
“คนที่เราจะไว้ใจให้ช่วยงานเรา ต้องมีผลงานให้เราเห็นก่อน”
“ทรงสั่งมาได้เลยเพคะ หม่อมฉันยินดีทำถวายทุกอย่าง”
“เราต้องการหลักฐานที่นังมัทนามีสัมพันธ์กับคามิน ถ้าเจ้าเอามาได้ นอกจากเราจะรับเจ้าไว้เป็นคนของเราแล้ว เรายังจะให้รางวัลเจ้าอย่างงามด้วยแต่...ถ้าเราจับได้ว่าเจ้าหลอกลวงเราละก็ คงไม่ต้องพูดว่าเจ้าจะเจอกับอะไรบ้าง...”
พระนางสาวิตรีโน้มหน้ามาใกล้ มินตรารู้สึกถึงรังสีอำมหิต

ค่ำนั้น คามินเดินออกมาเรื่อยๆจนถึงลานซ้อมอาวุธ เขานึกถึงคำพูดของเจ้าชายมาคี
“ถ้าเป็นเรื่องจริงพระอาทิตย์ก็คงต้องขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วล่ะ”

คามินหยิบทวนออกมาจากแท่น แล้วร่ายรำอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางแสงจันทร์ ภาพต่างๆระหว่างเขากับมัทนาสลับกับภาพที่เจ้าชายมาคีที่เล่นหัว หยอกล้อกับเขาอย่างรักไว้ใจแว่บเข้ามา...คามินร่ายรำ รวดเร็วดุดันขึ้น จนเหงื่อแตกเต็มตัวก่อนจะปักทวนลงกับพื้น คุกเข่าหอบหายใจ

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 9 (ต่อ)

วันใหม่...บุหลันวางกาแฟตรงหน้าโภคินและคามิน ในห้องทำงานบ้านโภคิน

“ขอบคุณ คุณบุหลันมากที่ช่วย”
บุหลันส่ายหน้านิดๆ
“คุณมัทนาเธอจะเอาเรื่องให้ได้ จนดิฉันต้องขู่ว่า คนที่จะเดือดร้อนที่สุดคือท่านคามิน ถึงได้ยอม”
คามินนิ่ง บุหลันถอยออกไป
“คุณมัทนาไปที่ภูสายธารเพราะเรื่องกรรณิการ์เรื่องเดียวเหรอ” โภคินสงสัย
คามินไม่สบตา
“ครับ...เธอไม่เชื่อว่ากรรณิการ์จะเป็นคนรักของผม”
“ถ้าคุณมัทนายังไม่รักไม่เชื่อใจเจ้าชายจริงๆ ปัญหาก็คงไม่จบ เธอเองก็จะเป็นอันตรายด้วย เราน่าจะทูลขอคำชี้แนะจากองค์ราชาอีกที”
“อย่าเพิ่งเลยครับ...เจ้าชายทรงเสน่หาคุณมัทนามาก ถ้าทรงปรับปรุงองค์เอง คุณมัทนาต้องรักพระเองค์ได้ไม่ยาก”
“ก็ได้...ตอนนี้ที่น่าสงสัยที่สุดคือทำไมนายพลวิฑูรถึงรู้ว่าคุณมัทนาจะไปที่ภูสายธาร”
คามินคิดตามสีหน้าไม่สบายใจ
“ผมให้สินธรไปสืบแถววิหารปรารถนาแล้ว ว่าวันที่คุณมัทนาแอบออกไปจากวิหารมีใครรู้เห็นบ้าง”
โภคินพยักหน้ารับรู้

วิหารปรารถนา...หฤทัยเดินมาถึงหน้าวิหารชะงัก ทรุดนั่งคุกเข่าด้านนอก
“กายของลูกไม่บริสุทธิ์ไม่สะอาดพอ ที่จะเข้าไปด้านในได้ ลูกเป็นหญิงมีราคี ขอโปรดเมตตาให้อภัยลูกด้วยเถิด”
อีกด้าน สินธรเดินคุยกับคนเฝ้าวิหาร
“ไม่มีคนของท่านวิฑูรมาที่นี่เลยครับ...”
“แน่ใจนะ”
“ครับ”
หฤทัยคุกเข่า แล้วจะลุกขึ้น ซวนเซจะล้ม เกาะเสา สินธรเห็น
“เดี๋ยวเรามา”
สินธรเดินไปหาหฤทัย
“คุณเป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่า...”
หฤทัยจะหันหลังกลับ
“แล้วคุณไม่เข้าไปข้างในเหรอครับ”
“ไม่ ฉันเข้าไปไม่ได้”
หฤทัยรีบถอยห่างสินธร เดินหนีไป
“คุณหฤทัย”
มีเด็กถีบจักรยานมาอย่างเร็ว หฤทัยไม่เห็น สินธรตกใจ
“ระวัง”
สินธรกระโดดไปกระชากตัวหฤทัยหลบ เด็กหันมามอง แล้วถีบต่อไปอย่างไม่สนใจ
“เกือบไปแล้ว ถึงจะเป็นแค่จักรยานก็บาดเจ็บได้นะครับ”
“ฉันไม่สนหรอก ดี ให้ขาหัก พิการ หรือตายไปเลยก็ยังดีกว่าต้องอยู่แบบนี้”
“ทำไมพูดอย่างงี้ละครับ ชีวิตคนเรามีค่านะ”
“ยกเว้นชีวิตฉัน” หฤทัยยิ้มหยัน “มันไม่มีค่าสักนิด”
หฤทัยลุกขึ้นเดินโซเซไป
“คุณหฤทัย”
หฤทัยไม่ฟัง สินธรคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาเห็นหฤทัยเดินออกมาจากตำหนักเจ้าชายมาคี สินธรไม่สบายใจพึมพำ
“หวังว่าคงไม่ได้เป็นอย่างที่ผมกลัวนะคุณหฤทัย”

ในตำหนักราชาอินทรา...เจ้าชายมาคีรินน้ำชาให้ราชาอินทราเอง คามินอารักขาอยู่ใกล้ๆ ราชาอินทรายิ้มหันไปถามคามิน
“บอกหน่อยสิคามินว่าวันนี้มาคีจะมาขออะไร”
คามินสำรวม เจ้าชายมาคีเก้อ
“เสด็จพ่อรับสั่งแบบนี้ลูกไปไม่ถูกเลยพะยะค่ะ”
ราชาอินทราหัวเราะ เจ้าชายมาคีมอง คามินพยักหน้าให้พูด ราชาอินทราส่ายหัวยกแก้วชาขึ้นจิบ
“แต่เชื่อได้ว่าคงเป็นเรื่องดีๆเพราะคามินเห็นด้วยนี่ใช่มั้ย”
“โธ่เสด็จพ่อก็ รับสั่งเหมือนลูกเป็นคนไม่มีความคิดดีๆอย่างนั้นล่ะ”
“เอาละมีอะไรก็ว่ามา”
เจ้าชายมาคีคุกเข่าข้างๆอย่างประจบ
“ลูก...อยากขอให้เสด็จพ่อทรงเลื่อนงานอภิเษกลูก กับคุณมัทให้เร็วขึ้นได้มั้ยพะยะค่ะ”
ราชาอินทรานิ่ง ถามจริงจัง
“เจ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วรึ”
“พะยะค่ะ ลูกสัญญาว่าลูกจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ลูกจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง ลูกอยากแต่งงานกับคุณมัทจริงๆ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรลูกก็ยอม”
ราชาอินทรามองคามิน ถามความเห็น
“เจ้าละคิดยังไงคามิน”
“เกล้ากระหม่อมเชื่อว่าเจ้าชายจะทรงทำได้อย่างที่รับสั่ง พะยะค่ะ”
ราชาอินทรานิ่ง เจ้าชายมาคีมองลุ้นๆว่าจะตกลงหรือไม่

เจ้าชายมาคีกับคามินเดินออกมา หน้าตำหนักราชาอินทรา เจ้าชายมาคีดีใจสุดๆ
“เยส...ในที่สุดเสด็จพ่อก็ตกลง คามินนายดีใจกับเรามั้ย”
คามินฝืนยิ้ม
“พะยะค่ะ”
คามินมองเจ้าชายมาคีที่กำลังดีใจ
“แต่อย่าทรงลืมว่าต้องพิสูจน์องค์เองให้ทุกคนโดยเฉพาะคุณมัทเห็นก่อนว่า ทรงพร้อมที่จะมีชีวิตครอบครัวจริงๆ”
เจ้าชายมาคีหันมา ร่าเริงสุดๆ
“ไม่ลืมแน่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำให้คุณมัทรักและไว้ใจเรา”
คามินพยักหน้า
“พูดแล้วก็คิดถึง ไปพี่ชายเราไปหาคุณมัทกัน”
คามินอึกอัก
“แต่กระหม่อม...”
เจ้าชายมาคีรีบเดินไปอารมณ์ดีสุดๆ คามินยังไม่ทันตอบจำใจต้องตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

ในห้องนอน...มัทนาหันกลับมาบอกมินตราอย่างรำคาญ
“พี่มินช่วยไปบอกเจ้าชายว่ามัทนอนหลับก็แล้วกันค่ะ”
“นี่มันบ่ายแล้วนะคะ”
“ก็มัทเป็นคนขี้เกียจชอบนอนกลางวันไงคะ”
“ตามใจค่ะ พี่ก็เห็นว่าคนที่คุณมัทอยากเจอตามเสด็จเจ้าชายมาด้วย แต่ถ้าคุณมัทไม่ออกไป พี่ก็จะไปทูลให้”
“เดี๋ยวๆ พี่มินหมายถึงคามินเหรอคะ”

ในห้องรับรอง...คามินหลบตามัทนาที่มือรับดอกไม้จากเจ้าชายมาคีแต่ตามองเขา
“ขอบพระทัยเพคะ “
เจ้าชายมาคียิ้มเอาใจ
“เอ่อ...คุณมัทสบายดีเหรอครับ”
“ค่ะ ไม่เจ็บไม่ไข้สบายดี แค่นอนไม่ค่อยหลับเท่านั้น”
“แย่จริง ผมพาไปปรึกษาหมอหลวงดีมั้ยครับ บางทีเขาอาจจะช่วยได้”
“ไม่ต้องถึงหมอหลวงหรอกเพคะ ปรึกษาท่านองครักษ์ก็ได้”
คามินชักหนาว เหลือบมอง
“ได้ข่าวว่าท่านองครักษ์มียานอนหลับที่ดีมาก ไร้สี ไร้กลิ่น ใครกินเข้าไป ก็จะนอนหลับสบายชนิดที่ใครอุ้มไปไหนก็ไม่รู้สึกตัวเลย”
เจ้าชายมาคีตื่นเต้น
“จริงเหรอ”
คามินไม่มองหน้า
“ข่าวนั้นคงเป็นเพียงข่าวลือพะยะค่ะ”
“นั่นสิ คามินเขาคงไม่มีหรอกเพราะไม่ต้องไปวางยาสาวที่ไหน ฮ่าๆ”
เจ้าชายมาคีหัวเราะอยู่คนเดียว คามินยิ้มฝืนๆ แต่มัทนาจ้องคามินแบบหมั่นไส้
“แล้วที่เสด็จมา มีอะไรให้หม่อมฉันรับใช้เพคะ”
“อย่าพูดอย่างงั้น ผมคิดถึงคุณ แล้วก็อยากมาคุยกับคุณเรื่องหมายกำหนดการ...”
มัทนาสวนทันที
“หมายกำหนดการ”
เจ้าชายมาคียิ้มกริ่ม

“ใช่...หมายกำหนดการออกเยี่ยมราษฎร”

เจ้าชายมาคีออกมาเดินคุยกับมัทนาในสวนของตำหนัก คามินตามห่างๆ
“ก่อนจะถึงวันอภิเษกเราสองคนต้องออกไปพบปะกับราษฎรทั้งในเมืองหลวงกับจังหวัดใหญ่ๆเพื่อให้ชาวรายาได้ชื่นชมบารมีของพระคู่หมั้น”
“ตกลงงานแต่งงานของเราจะมีขึ้นแน่ๆเหรอเพคะ”
“แน่สิครับ ทำไมพูดแบบนั้น”
“หม่อมฉันก็เห็นว่ามีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นบ่อยๆ มันอาจจะเป็นลางไม่ดีสำหรับชีวิตคู่ของเรา”
“คุณมัทยังติดใจเรื่องกรรณิการ์อยู่เหรอ”
มัทนามองคามิน
“ไม่ใช่หรอกเพคะก็คุณคามินยอมรับแล้วนี่เพคะว่าคุณกรรณิการ์เป็นคนรักของตัวเอง”
“นั่นน่ะสิครับ” เจ้าชายมาคีดีใจ
“แต่เจ้าชายทรงแน่พระทัยหรือเพคะว่า จะไม่มีเรื่องอื่นมาขัดขวาง” เจ้าชายมาคีนึกว่าเรื่องหฤทัย
“คุณมัทนาหมายความถึงเรื่องอะไรครับ หรือว่า...มีใครไปบอกอะไร คุณมัทไม่ต้องเชื่ออะไรใครทั้งนั้นนะครับ เรื่องหฤทัยมันเรื่องโกหกทั้งเพ”
เจ้าชายมาคีเกือบหลุด
“เจ้าชายทรงหมายความว่าอะไรเพคะ คุณหฤทัยทำอะไร”
เจ้าชายมาคีหลบตา
“เปล่า คือมันมีฝ่ายในที่เชียร์ให้หฤทัยเป็นชายาผมอยู่”
“แต่พูดไปคุณหฤทัยก็เหมาะจะเป็นชายาของเจ้าชายมากกว่าหม่อมฉันนะเพคะ”
เจ้าชายมาคีจับมือมัทนาละล่ำละลัก
“ไม่...ไม่มีใครเหมาะเท่าคุณอีกแล้ว ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้นมัทนา”
เจ้าชายมาคีดึงมัทนามากอด โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว คามินชะงัก มัทนามองคามิน ตอนแรกคิดจะผละออกแต่โมโหเลยกอดตอบ คามินเมินแล้วเดินเลี่ยงไป มัทนาเจ็บใจแกล้งร้องเสียงดัง
“โอ๊ย...”
เจ้าชายมาคีรีบผละออก
“คุณมัทเป็นอะไรครับ”
คามินวิ่งกลับมาพรวดเดียวถึงตัว
“มัทเจ็บ...”
มัทนาแกล้งทรุดลง คามินเป็นห่วง
“คุณเจ็บตรงไหน ถูกลอบยิงหรือเปล่า”
คามินเป่าปากกับนิ้วให้สัญญาณ องครักษ์วิ่งเข้ามา ชาลีนำหน้ามา
“พระคู่หมั้นถูกลอบทำร้าย กระจายกำลังค้นหาคนร้ายให้ทั่ว ชาลีคุ้มกันเจ้าชาย”
ชาลีควักปืนหันหลังชนเจ้าชายมองรอบๆ คามินอุ้มมัทนาตัวลอย
“เดี๋ยวๆ จะอุ้มฉันไปไหน”
“ไปโรงพยาบาล”
“แค่มดกัด ต้องไปโรงพยาบาลด้วยเหรอ”
คามินชะงัก
“ว่าไงนะ”
“มดกัด” เจ้าชายมาคีงงๆ
“เพคะ มดกัด สงสัยจะเป็นมดตะนอย เจ็บมากๆ”
มัทนาแกล้งเกาคอใหญ่ คามินอยากโยนมัทนาลง แต่ต้องค่อยๆวางๆ เจ้าชายมาคีหัวเราะออกมา มัทนาก็หัวเราะด้วย คามินหัวเราะดังกว่าใครแบบแค้นๆ มัทนายักคิ้วให้สะใจ ที่หลังต้นไม้มินตรา สังเกตการณ์อยู่

คามินเข้ามานั่งทำงานในห้องทำงานที่บ้านเปิดไอแพดเจอรูปมัทนา เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วทั้งขำทั้งโกรธ สินธรเคาะประตู
“ผมสินธรครับ”
“เข้ามา”
สินธรเข้ามารายงานคามิน
“นายพลวิฑูรต้องได้เบาะแสมาจากที่อื่นไม่ใช่ที่วิหารปรารถนาแน่นอนครับ”
“นายแน่ใจนะ”
“ผมตรวจสอบดูแล้ว คืนวันที่คุณมัทนากับคุณมินตราไปสวดมนต์ที่นั่น มีแต่คนของเราที่เฝ้าอยู่ไม่มีใครแปลกปลอมเข้ามาเลยครับ”
คามินนิ่ง พึมพำคนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นเกลือคงเป็นหนอนจริงๆ”
“ท่านหมายความว่าคนใกล้ตัวพวกเราเหรอครับ”
“ฉันยังไม่แน่ใจ นายสืบต่อไป ได้เรื่องยังไงมารายฉันด้วย”
“ครับ”
“นายไปได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ”
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง...แค่จัดทีมองครักษ์ตามเสด็จเจ้าชายกับคุณมัทนาตามหมายกำหนดการเสด็จเยี่ยมราษฎรฉันทำเองได้”
สินธรแปลกใจ
“เจ้าชายน่ะเหรอครับ”
คามินพยักหน้า สินธรเยาะ
“สงสัยฝนจะตกผิดฤดู เจ้าชายมาคีถึงทรงลุกมาทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้”
“ความรักเปลี่ยนแปลงคนได้” คามินปราม
“ท่านแน่ใจเหรอครับว่าเจ้าชายจะทรงเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ”
“ทำไม มีอะไร”
“เปล่าครับ ไม่มี”
สินธรก้มหัวให้เดินออกไป คามินกดรูปมัทนาขึ้นมาใหม่ มองแล้วถอนใจ
“ผมควรทำยังไงกับคุณดี มัทนา”

วันใหม่...บุหลันถือซองหมายกำหนดการเดินเข้ามาในตำหนักมัทนา เห็นมินตรากำลังจัดแจกันดอกไม้แล้ววางตามมุมต่างๆ บุหลันมองชื่นชม
“สวยจังค่ะ”
มินตราหันมาเห็นยิ้มแย้ม
“อ้าวคุณบุหลัน สวัสดีค่ะ”
“ค่ะดิฉันนำหมายกำหนดการเยี่ยมราษฎรมาให้คุณมัทนา เธออยู่ไหนละคะ”
“ยังหลับอยู่เลยค่ะ”
“หลับ...นี่มันสิบโมงเช้าแล้วนะคะ”
มินตราเล่าขำๆเหมือนเอ็นดู
“นี่ละค่ะเวลานอนของคุณมัท อยู่เมืองไทยเธอตื่นบ่ายทุกวัน เพราะกว่าจะได้นอนก็เกือบสว่าง”
บุหลันหลงกลถาม
“เอ แต่ตอนเธอมาถึงที่นี่ใหม่ๆ เธอก็ตื่นเช้าทุกวันนะคะ”
มินตราชะงักไปนิด
“คงแปลกที่ละซิคะ แล้วอยู่ที่นี่ก็ไม่มีกิจกรรมที่เธอโปรดปรานให้ทำด้วย”
บุหลันงงๆ
“กิจกรรมอะไรคะ”
“คุณมัทเธอชอบออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆนะคะ กว่าจะกลับก็สว่าง”
บุหลันอึ้ง มินตราแอบสะใจ ทำเปลี่ยนเรื่อง
“จะให้ฉันไปปลุกคุณมัทมั้ยคะ”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะงั้นฉันฝากคุณมินไว้ให้เธอด้วยก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
บุหลันยื่นซองให้ มองเข้าไปด้านในเผลอถอนใจออกมา แล้วเดินออกไป มินตราเปิดซองดูเห็นเป็นหมายกำหนดการเยี่ยมราษฎร
“คิดจะเปิดตัวว่าที่ราชินีแห่งรายาเหรอ”
มินตราคิดว่าจะทำไงดี...มัทนาเดินออกมา แต่งตัวรัดกุมเหงื่อเต็มหน้า
“พี่มิน”
มินตราตกใจนิดนึงแต่ก็ยิ้มแย้ม
“ฝึกโยคะเสร็จแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ สองชั่วโมงรวด หายเครียดไปเยอะ นี่มัทกะจะไปวิ่งในสวนต่ออีกนิด”
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ มาดูนี่ก่อนดีกว่า”
“อะไรคะ”

มัทนาอ่านหมายกำหนดการครุ่นคิด
“คุณมัทคิดอะไรอยู่เหรอคะ”
“เส้นทางที่จะเข้าหมู่บ้านต้องขี่ม้า”
“ใช่ค่ะทำไมเหรอคะ”
มัทนาคิดได้ ยิ้มออก
“มัทก็ควรต้องฝึกขี่ม้าให้คล่องซะก่อนไงคะ”
“แต่นี่มันไม่ได้อยู่ในหมายกำหนดการ แล้วคุณมัทก็เคยเจออุบัติเหตุตอนขี่ม้าด้วย”
“นั่นล่ะคะ ที่ทำให้มัทยิ่งอยากไป”
มัทนายิ้มเจ้าเล่ห์ มินตราสงสัย
“คุณมัทคิดจะทำอะไรอีกแล้วใช่มั้ยคะ”
“มัทก็แค่อยากจะดูน้ำหน้าคนปากแข็งว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”
มัทนายิ้มหมายมาด รีบออกไป มินตราสะใจ

“ดีอยากทำอะไรทำเลย ฉันจะได้มีหลักฐานเด็ดๆไปถวายองค์ราชินี”

ชาลีนำเหล่าองครักษ์เดินเข้ามาในคอกม้า ยืนอารักขาตามจุดต่างๆ เจ้าชายมาคีมองมัทนากับมินตราที่เดินเข้ามา
“ที่จริง คุณมัทไม่ต้องฝึกก็ได้นะครับ เพราะคามินบอกว่าเราสามารถใช้รถยนต์ได้เพียงแต่ ต้องใช้เวลานานกว่า”
“แต่มัทอยากจะใช้ม้าคะ ก็องค์ราชินีตรัสว่า ถ้าอยากเป็นชาวรายาก็ต้องขี่ม้าให้คล่อง”
“ผมแค่กลัวจะเกิดอุบัติเหตุอย่างคราวที่แล้ว”
“เรามีองครักษ์ที่เก่งที่สุดอย่างคุณคามินอยู่ทั้งคน เจ้าชายจะทรงกลัวอะไรละคะ”
มัทนาเดินยิ้มแย้มไปที่คอกม้า สินธรยืนอยู่กับม้าตัวสวย ครูฝึกอีกคนจูงม้าอีกตัว ไม่มีคามิน สินธรโค้ง
“ม้าสองตัวนี่เป็นม้าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ท่านคามินทดสอบแล้วครับ”
มัทนามองหา เจ้าชายมาคีหันมาถามสินธร
“แล้วคามินล่ะ”
“ท่านคามินติดงานสำคัญพะยะค่ะ แล้วท่านก็ให้มาทูลขอเจ้าชายด้วยว่า ให้ทรงม้าอยู่ในบริเวณคอกเท่านั้น”
“แล้วถ้าฉันอยากออกไปขี่ข้างนอกล่ะ”
“เกรงว่าจะไม่สะดวกครับ”
เจ้าชายมาคีหันมาบอกมัทนา
“เราทำตามที่คามินบอกเถอะครับ...”
มัทนาแค้นที่คามินหลบ มินตราเซ็ง...

เจ้าชายมาคีกับมัทนาขี่ม้าเคียงคู่กัน วิ่งเหยาะๆไปรอบๆในคอก มีครูฝึกคอยดู สินธรคุมเชิงอยู่
มินตราหงุดหงิดที่คามินไม่มา เดินมาหาสินธร
“มินตรา ทำไมท่านคามินถึงไม่มาละคะ ในเมื่อเขาเป็นราช องครักษ์ประจำองค์ของเจ้าชาย เกิดมีเรื่องร้ายแรงขึ้นมาจะรับผิดชอบกันยังไง”
“ท่านคามินทราบดีครับว่าควรทำยังไงครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สินธรรับโทรศัพท์
“ขอตัวสักครู่”
สินธรเดินแยกไปพูดโทรศัพท์
“ครับ ท่าน ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี...ไม่มีอะไรผิดสังเกต ครับๆ”
สินธรกดสายวาง เดินคุมเชิงอยู่ตรงริมคอก

มินตราเดินไปนั่ง ด้านใน เอาหมวกมาโบกแก้ร้อน มองไปเห็นชาลีกำลังคุยกับคนเลี้ยงม้าคนหนึ่งที่ใส่หมวกผ้าพันคอ แบบปิดถึงปาก ชาลีท่าทางนอบน้อม มินตราสงสัยเดินไปดู คนเลี้ยงม้าเดินหนีไป ชาลีหันมาถาม
“คุณมินตรา ต้องการอะไรครับ”
“มันร้อนน่ะค่ะ เลยมาหลบแดด ผู้ชายคนนั้นใครเหรอคะ”
“คนเลี้ยงม้าครับ”
“เห็นท่าทางแปลกๆเลยเป็นห่วง”
“ท่าน เอ่อ...ไม่ใช่คนร้ายแน่ครับ วางใจได้ เดี๋ยวผมจะไปหาผ้าเย็นมาให้นะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ชาลีแยกไป มิตราคิดๆ
“ท่านเหรอ”
มินตราเดาได้ทันทีว่าเป็นคามิน

มัทนาควบม้าเร็วขึ้นๆนำหน้าเจ้าชายมาคีที่ควบตามหลัง วกกลับมารอบหนึ่ง เจ้าชายมาคีขี่มาทัน
“คุณมัทขี่ได้คล่องมาก ผมว่าไม่ต้องฝึกแล้ว”
“แต่หม่อมฉันว่าม้าตัวนี้ฝีเท้ายังไม่ดีเท่าไหร่ หม่อมฉันชอบม้าที่พยศหน่อยๆมากกว่า”
“ม้าตัวนี้คามินเป็นคนเลือก รับรองว่าต้องดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด”
มัทนาหมั่นไส้ ลงจากหลังม้า ครูฝึกวิ่งมารับ
“หม่อมฉันหมดสนุกแล้วละ หม่อมฉันจะกลับ”
เจ้าชายมาคีหน้าเสีย
“อ้าว...ได้ๆ ก็ดีเหมือนกัน ผมก็ชักเมื่อยแล้ว”
มินตราเดินเข้ามา เอาน้ำกับผ้าเย็นมาให้ ขณะที่ชาลีจัดการบริการเจ้าชายมาคี
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ ร้อน แล้วม้ามันก็วิ่งเหยาะแหยะน่าเบื่อ”
“พี่ว่า ไปเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กลับไปตำหนักดีกว่า”
มินตราจับมือบีบ
“ไปเถอะค่ะ เชื่อพี่”
มัทนางงๆ

มินตราเข้าห้องน้ำมากับมัทนา
“พี่มิน มีอะไรคะ”
“พี่รู้ว่าคุณมัทหงุดหงิดที่คุณคามินหนีหน้า”
“มัทไม่ได้สนใจเขาขนาดนั้นหรอกค่ะ ในเมื่อเขาไม่สนมัท มัทก็ไม่แคร์”
“ใครว่าเขาไม่สนใจ ไม่ห่วงคุณมัทละคะ”
มัทนาชะงัก
“หมายความว่าไงคะ”
มินตรามองซ้ายมองขวา กระซิบ มัทนาตาโต
“จริงเหรอคะ”
มินตราพยักหน้า มัทนาหรี่ตาแค้นใจ
“นายคามิน...”

มุมลับในคอกม้า คามินดึงผ้าพันคอออก ถอนใจโล่งอก สินธรยืนอยู่ด้วย
“ค่อยยังชั่ว หมดเรื่องซะที ทีนี้นายก็อารักขาเจ้าชายกับคุณมัทนากลับตำหนักเลย ฉันจะตามไปห่างๆ”
“ไม่ทราบว่าท่านคามินได้ข่าวอะไรมาเหรอครับถึงต้องวางกำลังอารักขาทั้งในเครื่องแบบนอกเครื่องแบบ”
“ก็แค่ซ้อมเอาไว้ เผื่อมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
“ก็จริงนะครับ ตั้งแต่พระคู่หมั้นมาถึงก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอดเวลา”
ชาลีวิ่งเข้ามา
“ท่านคามิน ท่านสินธร...พระคู่หมั้นครับ พระคู่หมั้น”
คามินตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

มินตราน้ำตาคลอเล่าความเท็จ
“หม่อมฉันรออยู่หน้าห้องน้ำตั้งนาน เห็นคุณมัทไม่ออกมาก็เลยเข้าไปดู แต่ก็ไม่เจอใครแล้ว”
เจ้าชายมาคีตกใจ
“หรือคุณมัทจะออกไปเดินเล่น”
สินธร กับคามิน วิ่งมา เจ้าชายแปลกใจ
“คามินนี่นายก็อยู่ด้วยเหรอ”
“พะยะค่ะ คุณมินครับ เราวางกำลังอารักขาเอาไว้แน่นหนาทุกจุด ไม่มีทางที่คุณมัทนาจะออกไปจากที่นี่ได้แน่ คุณลองคิดให้ดีว่าก่อนคุณมัทนาจะหายไปมีอะไรผิดปกติมั้ย”
มินตราแกล้งคิด
“วันนี้พอได้หมายกำหนดการมาคุณมัทก็มีท่าทางหงุดหงิดมาก บ่นว่าเบื่อ อยากกลับบ้านพอมินปลอบ เธอก็บอกว่าไม่มีใครเข้าใจเธอ เธอไม่อยากอยู่แล้ว”
เจ้าชายมาคีหน้าตื่น
“คุณมัทคงไม่คิดฆ่าตัวตายนะ”
“ไม่แน่นอน คุณมัทไม่มีทางทำแบบนั้น สินธร นายสั่งให้ปิดทางเข้าออกทุกทาง ขอค้นในอาคารทุกอาคารให้ทั่ว เราจะค้นในบริเวณนี้เอง” คามินบอกอย่างมั่นใจ
“เราจะช่วยด้วย” เจ้าชายมาคีร้อนใจ

“กระหม่อมเชิญเสด็จไปประทับรอในห้องรับรองก่อน เพื่อความสะดวกของการทำงาน เชื่อใจกระหม่อม นะพะยะค่ะ”
“ฝากด้วยนะคามิน”
ชาลีนำเจ้าชายมาคีไป คามินหันมาถามมินตรา
“แน่ใจนะครับคุณมิน ว่าไม่ใช่คุณมัทแค่อยากเล่นสนุกเหมือนเคย”
“ไม่หรอกค่ะ คราวนี้คุณมัทดูแย่มาก เหมือนกับคนอกหัก คุณมัทไม่เคยเป็นอย่างงี้มาก่อนเลยนะคะ”
คามินพูดไม่ออก รีบเดินออกไป มินตรามองมาอีกทาง มัทนาแอบมองอยู่ ทำมือโอเค ให้กัน มัทนาแอบตามคามินไป มินตรายิ้มร้าย ควักไอแพดออกมาเตรียมถ่ายคลิป

คามินมาตรวจในห้องน้ำ
“ห้องน้ำมีทางออกทางเดียว เป็นไปไม่ได้ ว่าคุณมัทจะออกไปได้ โดยที่ไม่มีใครเห็น นอกจากหายตัว”
มัทนาแอบฟังอยู่ข้างนอก ทำหน้าล้อเลียน แล้วแกล้งเตะอะไรให้ล้ม คามินวิ่งออกมา มัทนาวิ่งหนีไปเห็นแว่บๆ คามินตามมาจนถึงโรงม้า
“คุณมัท คุณใช่มั้ย...เลิกเล่นซะทีเถอะ”
มัทนามาแอบ แล้วหันไปเห็นกระป๋องสี มีแม่สีสามสี วางอยู่ มีไม้ที่จะทำคอกวางไว้ สีทาค้างไว้ มัทนาคิดอะไรบางอย่างได้
คามินเดินหา ม้าตัวหนึ่งร้อง คามินวิ่งมาดู เห็นว่ากำแพงที่พื้นมีเลือด แล้วผ้าพันคอมัทนาเปื้อนเลือดวางอยู่ คามินตกใจ หยิบมาดู

“คุณมัท”

คามินวิ่งดูมุมนั้นมุมนี้ด้วยความตกใจ ในที่สุดก็เจอ มีดดายหญ้าเปื้อนเลือดตกอยู่เล่มนึงถัดไป บู๊ทของมัทนายื่นมาข้างนึง เหมือนว่านอนอยู่ มีไม้บังไว้ คามินชะงักใจวูบ ผ้าพันคอตกจากมือ เขาเข้าไปใกล้เอื้อมมือที่สั่นด้วยความความกลัวเข้าไปเพื่อจะดึงไม้ออกแต่พอกระชากออกมาแล้วเจอแต่รองเท้าที่ยัดหญ้าเอาไว้ คามินอึ้ง ลุกขึ้น พอหันกลับก็เจอมัทนายืนกอดอกอยู่
“ว่าไง ท่านองครักษ์ ตกใจมากเหรอ”
คามินเข้าไปจับมัทนาเขย่า
“ทำไม ๆต้องทำแบบนี้ ทำไมๆ”
มัทนาสะบัด
“มันไม่ตลกเลยใช่มั้ยล่ะ มันก็เหมือนกับที่ คุณวางยาฉันแล้วก็ส่งฉันกลับ ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“คุณ...”
คามินโกรธ อัดอั้นใจสุดๆผละออก
“จะหนีอีกเหรอ คุณมันก็เก่งแต่หนีนั่นแหละ เนี่ยเหรอสุภาพบุรุษที่สุดของรายา องครักษ์ผู้พิทักษ์ราชบัลลังก์ ก็แค่ผู้ชายขี้ขลาดที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง หลอกลวงไปวันๆ”
“พอ...หยุดพูดแล้วก็กลับไปหาเจ้าชายได้แล้ว”
“ทำไม คุณไม่กล้าแม้แต่จะฟังความจริงงั้นเหรอ ความจริงที่ว่า คุณพาฉันมาทิ้งไว้ที่นี่ มาอยู่ท่ามกลางคนที่มุ่งร้ายหมายชีวิตฉัน มาเพื่อแต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รัก ถ้าเมื่อกี๊ ฉันต้องตายจริงๆ ฉันก็คงนอนตายอย่างเดียวดายโดยที่ไม่มีใครที่รักฉันอยู่ข้างๆแม้แต่คนเดียว คุณมันใจร้ายๆ”
มัทนาทุบๆ
“บอกให้พอไง”
คามินกระชากมัทนาเข้ามาจูบ มัทนาตะลึง มินตราแอบถ่าย ด้วยความตื่นเต้น

เจ้าชายมาคีวิ่งมาหามัทนาที่ยืนอยู่กับมินตรา
“คุณมัท”
เจ้าชายมาคีจะกอดแต่มัทนาขืนตัวไว้ เจ้าชายมาคีเลยแค่จับมือ
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ ที่ทำให้ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันก็แค่อยากจะล้อพี่มินเล่นสนุกๆ”
สินธรและองครักษ์ก้มหน้าแอบเซ็งกัน
“ขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้วุ่นวาย”
มินตราตีหน้าเศร้า
“หม่อมฉันเองละเพคะ ที่ตกใจไปเกินกว่าเหตุ ทรงลงโทษหม่อมฉันเถอะเพคะ”
เจ้าชายมาคีตัดบท
“ช่างเถอะๆ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว คามินล่ะ”
“ท่านคามิน ออกไปคุมเคลียร์เส้นทางเสด็จครับ” สินธรบอก
“งั้นก็กลับกันเถอะ”
“เพคะ”
ทั้งหมดเดินออก มัทนาเหลือบสบตากับมินตรา คามินเดินออกมามองตาม เขานึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขาคุยกับมัทนาที่มุมหนึ่งที่ห่างจากโรงม้า...คามินคุกเข่าต่อหน้ามัทนา
“ผมขอโทษ”
มัทนาคุกเข่าลง
“เลิกขอโทษ แล้วคิดว่าตัวเองผิดสักทีได้มั้ย เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย”
“คุณไม่เข้าใจ”
“เข้าใจซิ ทำไมจะไม่เข้าใจ ฉันเข้าใจแล้วก็รู้จักตัวเองทะลุปรุโปร่งเลย ฉันรู้ว่าฉันรักใคร และฉันก็ไม่มีวันปฎิเสธหัวใจตัวเอง”
คามินมองมัทนา
“ทุกอย่างมันควรจบได้แล้ว ฉันจะไปทูลองค์ราชา ขอให้ทรงยกเลิกการอภิเษก”
มัทนาจะลุกขึ้น คามินรีบห้าม
“อย่านะครับ...”
“คุณไม่ต้องกลัวว่ามันจะกระทบถึงคุณ...เพราะฉันจะไม่บอกเหตุผล ถ้าคุณไม่กล้า ฉันจะกลับเมืองไทยคนเดียว”
มัทนาลุกไป คามินตามจับมือไว้
“ฟังผมก่อน...สถานการณ์ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้ ถ้าคุณ...อยากให้เราได้อยู่ด้วยกันคุณต้องเชื่อผม”
“คุณจะซื้อเวลาอีกใช่มั้ย”
“ผมขอเวลาเพื่อจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับเราสองคน”
“ก็ได้...ฉันจะเชื่อคุณ” มัทนามองหน้าเอาเรื่อง “แต่ถ้าคุณโกหกฉันอีก คราวนี้คุณได้รู้ฤทธิ์ฉันแน่”
คามินฝืนยิ้มเครียดๆ...เมื่อนึกถึงสิ่งที่คุยกับมัทนา คามินชกต้นไม้ด้วยความโกรธตัวเอง

มินตรามาที่บ้านวิฑูร เธอส่งไอแพดให้ทีวีดูคลิปที่คามินกับมัทนาจูบกัน
“ตาย ตายแล้ว บัดสี น่าอายที่สุด” เทวีตะลึงกับสิ่งที่เห็น
“ดิฉันคิดอยู่นานว่าจะเอามาให้คุณดูดีมั้ย เพราะมัน...น่าละอายจริงๆ ดิฉันไม่คิดเลยว่าคุณมัทจะกล้าทำขนาดนี้”
“เธอทำถูกแล้ว มินตรา องค์ราชินีจะต้องพอพระทัยอย่างมาก”
“ดิฉันทำทั้งหมดก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของพรหมเทพ และไม่ต้องการให้ราชวงศ์รายาแปดเปื้อน”
“เธอเป็นคนดีจริงๆ ฉันจะรีบติดต่อท่านวิฑูรเดี๋ยวนี้”

บริเวณแหล่งพลอยที่คนงานแอบทำเหมืองเถื่อน ขุดพลอยกันที่เชิงเขา...นายพลวิฑูรดูก้อนมรกตที่คนงานเอามาให้ แล้วหันมาคุยกับสุเทษ
“อืม ก้อนนี้ถ้า ส่งไปเจียระไนที่เมืองไทยคงจะสวยน่าดู”
“เสียดายนะครับที่เราต้องแอบขุด ก็เลยได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าได้ทำเหมืองเป็นเรื่องเป็นราวคงเจออีกมหาศาล”
“เพราะเรามีผู้ปกครองที่ไม่กล้าได้กล้าเสีย เราถึงล้าหลังอย่างงี้ ทรัพยากรมากมาย ถูกทิ้งไม่ได้ใช้ประโยชน์”
“นายอสิตติดต่อมาหลายหนแล้ว เขาบอกว่าถ้าเราไม่พร้อม เขาคงต้องไปลงทุนที่อื่น”
“มันก็ขู่ไปอย่างงั้นนั่นแหละ ไม่มีที่ไหนจะทำเงินให้มันมหาศาลได้เท่าที่นี่อีกแล้ว...เดี๋ยวกลับไปฉันจะคุยกับมันเอง”
“อ้อ...แล้วคุณเทวีก็โทรเข้ามาบอกว่าได้หลักฐานเด็ดเล่นงานคามินกับพระคู่หมั้นแล้ว”
“ไม่รู้มีเรื่องอะไรงี่เง่ามาอีก ไม่ต้องโทรกลับ” นายพลวิฑูรบอกอย่างไม่ใส่ใจ

เทวีพยายามโทรหานายพลวิฑูร
“ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์นะ”
หฤทัยเดินเข้ามา เห็นแม่อยู่ ก็รีบเดินผ่าน
“เดี๋ยวก่อน ไปไหนมา”
“สวดมนต์ค่ะ”
“อีกแล้ว นี่ตกลงแกจะบวชเป็นแม่ชีเหรอ ถึงไปสวดมนต์ทุกวี่ทุกวัน”
“ถ้าบวชได้ฤทัยก็จะบวชค่ะ”
“อย่ามาประชดแม่นะ รู้มั้ยว่าทุกวันนี้แม่ทำทุกอย่างก็เพื่อแก แกต้องอดทนแล้วทุกอย่างก็จะสำเร็จนี่แกมาดูนี่”
เทวีลากฤทัยมาดู ไอแพดของมินตรา ฤทัยเห็นคลิปแล้วตกใจ
“คุณมัทนากับท่านคามิน”
“แกควรจะเรียกมันว่านังงูพิษกับไอ้คนทรยศมากกว่า”
“แต่ฤทัยไม่เชื่อว่า พี่เอ่อ ท่านคามินจะทำแบบนี้ ท่านคามินไม่มีทางจะทรยศเจ้าชาย คลิปนี้ต้องเป็นภาพตัดต่อแน่”
“ไม่มีใครซื่อจนโง่แบบแกหรอก ดีนะที่แกมีแม่ฉลาดอย่างฉัน งานนี้คามินมันโดนประหารแน่ นังผู้หญิงไทยก็คงถูกเฉดหัวกลับไป ส่วนลูกแม่ก็ซ้อมเข้าพิธีอภิเษกไว้ได้เลย”
เทวีเดินถือไอแพดร่าเริงไป หฤทัยมองตามอย่างกังวล

หฤทัยเข้ามาในห้องนอน คิดเครียด เธอนึกถึงตอนที่เจ้าชายมาคีปล้ำ และเหตุการณ์ที่เขาขู่ว่าอย่าบอกใคร และเธอสาบาน
“ก็ดีแล้วนี่ เจ้าชายจะได้รู้รสของความเจ็บปวดบ้าง”
หฤทัยนึกถึงคำพูดของแม่
“ไม่มีใครเขาซื่ออย่างแกหรอก โลกนี้มันก็มีแต่ คนหน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้น งานนี้คามินมันโดนประหารแน่ นังผู้หญิงไทยก็คงถูกเฉดหัวกลับไป ส่วนลูกแม่ก็ซ้อมเข้าพิธีอภิเษกไว้ได้เลย”
หฤทัยทรุดลงคุกเข่าประสานมือหันไปทางหน้าต่าง
“แต่พี่คามินต้องถูกประหาร แล้วเราก็ต้องแต่งงานกับเจ้าชาย...“ขอเทพแห่งแสงสว่างนำทางลูกด้วย ลูกควรจะทำยังไง ทำยังไงๆ”

หฤทัยหลับตาพึมพำ ลมพัดเข้ามาวูบหนึ่ง ม่านหน้าต่างปลิวสไว หฤทัยลืมตา

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 9 (ต่อ)
วันใหม่...ราชาอินทราเดินเล่นในสวนวังรายาอย่างอารมณ์ดี โภคินกราบทูล
“ตอนนี้เจ้าชายกำลังทรงศึกษาข้อมูลของหมู่บ้านต่างๆตามที่ต้องเสด็จไป สินธรบอกว่าทรงตั้งพระทัยมาก”
“ถ้ามาคีเปลี่ยนแปลงได้จริง ก็ต้องขอบใจมัทนา”
“เป็นพระปรีชาของฝ่าพระบาทที่ทรงเลือกคุณมัทนา”
“มันเป็นความโชคดีของมาคีและแผ่นดินรายามากกว่า”
ราชาอินทราชะงักเพราะเห็นพระนางสาวิตรีนั่งจิบชาอยู่ในศาลา นางกำนัลนั่งรับใช้อยู่ พระนางสาวิตรีเห็นก็ดีใจ รีบลุกขึ้น ราชาอินทราหันมาบอกโภคิน
“เรากลับไปข้างในกันดีกว่า”
“แต่ว่า นั่นองค์ราชินี”
“เราไม่อยากทะเลาะกับใครแต่เช้า”
พระนางสาวิตรีเห็นราชาอินทราเดินหนีก็โมโห รีบเดินมาหา
“พอทอดพระเนตรเห็นหม่อมฉันก็จะเสด็จกลับเลยเหรอเพคะ”
“พอดี เราออกมาเดินนานแล้ว”
“ยิ่งใกล้วันอภิเษกรู้สึกจะทรงอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะเพคะ ถึงขนาดทรงออกมาเดินเล่นได้ คงจะทรงเห่อลูกสะใภ้คนนี้มาก”
“มัทนาทำให้มาคีรู้จักความรับผิดชอบ แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เธอเองก็น่าจะดีใจกับลูก”
“หม่อมฉันไม่ได้ตามืดบอดที่จะหลงใหลกับสิ่งหลอกลวงง่ายๆ ของสวยงามมันมักจะมีพิษร้ายเสมอ”
“แต่ความมืดบอดจากความอคติ ชั่วร้ายยิ่งกว่า”
“เสด็จพี่ต่างหากที่ทรงอคติ ไปชื่นชมหลงใหลคนที่มันคิดร้ายต่อราชบัลลังก์ ทรงทราบไว้ซะด้วยว่าคามินกับมัทนามันแอบลักลอบคบหากัน”
“เหลวไหล อย่าพูดจาไร้สาระแบบนี้อีก”
“แล้วถ้าหม่อมฉันมีหลักฐานละเพคะ จะทรงลงโทษมันตามกฎของเรามั้ย”
“ถ้ามันเป็นอย่างที่เจ้าพูด เราจะลงโทษคามินด้วยมือของเราเอง”
“หวังว่าตรัสแล้ว จะไม่ทรงคืนคำนะเพคะ”
ราชาอินทราเดินแยกไป นางกำนัล เข้ามา
“คุณเทวีกับคุณหฤทัยมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”

ในตำหนักมัทนา...มัทนาเล่นเปียโนอย่างมีความสุข นึกถึงเหตุการณ์ที่จูบกับคามินในโรงม้าแล้วยิ้มคนเดียว มินตราเข้ามามองหมั่นไส้ มัทนาเล่นจบ มินตรากระแอม
“อยากรู้จังว่าเกิดอะไรขึ้นที่คอกม้า คุณมัทถึงมานั่งยิ้มคนเดียวทั้งวันแบบนี้”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่มิน”
“ไม่เล่าก็ไม่เป็นไร เพราะอีกไม่นานทุกคนก็คงต้องรู้อยู่แล้ว”
“อะไรนะคะ”
“เปล่าค่ะ...” มินตราเข้ามากระซิบ “แต่ถ้าคุณมัทอยากติดต่อคามินก็ใช้มือถือที่พี่ให้ตอนไปหมู่บ้านภูสายธารก็ได้นี่คะ”
มัทนาโกหก
“เครื่องนั้นตกน้ำไปแล้วละค่ะ อีกอย่าง มัทไม่อยากฝืนกฎ แล้วมัทก็ไม่ได้อยากติดต่อเขาด้วย”
“ค่ะ” มินตราตอบรับ แต่ในใจนึกหมั่นไส้
“เอ่อ...พี่มิน มัทอยากกินน้ำผลไม้เย็นๆ พี่มินทำให้หน่อยนะคะ”
“ได้ซิคะ รอเดี๋ยวนะคะ”
มินตราออกไป มัทนาแอบเอาโทรศัพท์ที่บอกว่าทำหายออกมา

ในอดีต...คามินยื่นโทรศัพท์มัทนาให้
“ผมจะโทรหาคุณที่เครื่องนี้ทุกวัน ตอนบ่ายสองโมงทุกวัน...”
“นี่มันโทรศัพท์ของฉัน คุณขโมยไปตอนที่วางยาฉันใช่มั้ย”
“ก็ดีกว่าให้คุณบุหลันพบเข้า...ลบรูปที่ถ่ายออกด้วย เราไม่ควรเหลืออะไรที่เป็นหลักฐานว่าคุณมาที่นี่”
มัทนาเปิดดูรูปคามินที่ถ่ายไว้ จะกดลบแต่เปลี่ยนใจหันไปดูนาฬิกา บอกเวลาอีกสิบนาที บ่ายสองโมง

คามินอธิบายให้เจ้าชายมาคีฟัง มีแผนที่อยู่ตรงหน้า
“หมู่บ้านที่จะเสด็จไป อยู่ตรงนี้ หลายปีก่อนยังไม่มีถนนเข้าไปถึง แต่พอองค์ราชาเสด็จไปเยี่ยมชาวบ้านที่นั่น ก็มีรับสั่งให้สร้างถนนเข้าไปถึงตัวหมู่บ้าน”
“เราไม่ยักรู้ว่าแถวนี้มีชาวบ้านอาศัยอยู่ ทั้งๆที่ก็อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวง ต่อไปนี้เราคงต้องออกเยี่ยมราษฎรให้บ่อยขึ้น”
“นับเป็นโชคดีของชาวรายาพะยะค่ะ” คามินยิ้ม
คามินดูเวลา อีกสองนาทีถึงบ่ายสอง
“ได้เวลาพักแล้ว”
“ยังหรอก เรายังไม่อยากพัก นายไปพักเถอะ”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”
คามินโค้งแล้วเดินเลี่ยงออกมามุมปลอดคนแอบมากดโทรศัพท์หามัทนา

ห้องหนึ่งในตำหนักรับรอง โทรศัพท์มัทนาขึ้นภาพการ์ตูน อัศวินถือดาบ เป็นสัญญาณแบบสั่น ไม่มีเสียง มัทนากดรับ
“ตรงเวลามากท่านองครักษ์”
“คุณ สบายดีใช่มั้ยครับ”
“ไม่...ฉันปวดหัว ตัวร้อน ท้องเสีย เป็นไข้หายใจไม่ออกด้วย”
คามินขมวดคิ้ว
“จริงเหรอครับ”
“แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายแล้ว ขอบคุณนะที่ทำตามสัญญา”
คามินถอนใจในความกวนของมัท
“ครับ คุณก็ต้องทำตามสัญญาเหมือนกันนะ”
“ไม่ต้องห่วง คนอย่างมัทนาคำไหนคำนั้น”
“คืนนี้หลับฝันดีนะครับ”
คามินกดโทรศัพท์ อดยิ้มมีความสุขไม่ได้ คามินเดินไปดูเห็นเจ้าชายมาคีที่คร่ำเคร่งกับงานตรงหน้าแล้วก็ยิ่งละอายใจ

ในวังรายา...เทวีมาเฝ้าพระนางสาวิตรียิ้มแย้ม
“หวังว่าหลักฐานคราวนี้คงจะแน่นหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมานะ”
“แน่นชนิดที่ดิ้นยังก็ไม่หลุดทั้งสองคนเลยเพคะ รับรองว่าจะต้องทรงคิดไม่ถึงว่าทั้งคู่จะกล้าทำได้ขนาดนี้”
เทวีเอาไอแพดที่มินตราให้มาเปิด
“ทอดพระเนตรเองเถอะเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าดูจริงๆ มันน่าเกลียด บัดสี ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด”
เทวีกดแล้วปิดตา พระนางสาวิตรีรับมาจ้องดู

บริเวณตำหนักเจ้าชายมาคี คามินยืนครุ่นคิด เครียด โภคินเข้ามา
“คิดอะไรอยู่”
“อ้อ....ก็เรื่องวางกำลังอารักขาเจ้าชายนั่นแหละครับ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน มีเรื่องอื่นสำคัญกว่า”

โภคินหน้าขรึม

พระนางสาวิตรีวางไอแพดลง

“นี่เจ้ามาล้อเล่นอะไรเนี่ย”
“นี่ไม่ใช่เล่นๆนะคะ จูบจริงไม่มีเทคนิค ไม่มีมุมกล้องทั้งสิ้น”
“เราไม่มีเวลามาตลกด้วยหรอกนะ ที่เราสนิทสนมไว้วางใจเจ้าก็เพราะเจ้ามีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ แต่อย่าให้มันมากเกินไปนัก”
เทวีรีบเอามากดดูแล้วก็อึ้ง
“เป็นไปได้ยังไง มันไม่ใช่คลิปนี้นี่” เทวีกดหา ไม่มี “หม่อมฉันสาบานได้ มันเป็นคลิปที่คามินกับมัทนากอดจูบกันจริงๆนะเพคะ หฤทัยก็เห็น”
พระนางสาวิตรีไม่พูดไม่จา ลุกขึ้นเดินออกไป
“ฝ่าพระบาท”
เทวีมองไอแพทเป็นภาพการ์ตูน พระเอกนางเอกจูบกัน

โภคินคุยกับคามินในตำหนักเจ้าชายมาคี คามินแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เหมืองเถื่อนเหรอครับ”
“ใช่...บริเวณนั้นเป็นเขตอุทยาน ชาวบ้านไม่กล้าลักลอบทำเองแน่”
“ท่านนายพล”
“เพราะองค์ราชาไม่ทรงอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนทำสัมปาน ท่านวิฑูรก็เลยใช้วิธีนี้”
“องค์ราชาทรงทราบหรือยังครับ”
“ผมยังไม่ได้ทูลพระองค์ ตอนนี้กำลังทรงดีพระทัยที่เจ้าชายมีความรับผิดชอบมากขึ้น ผมยังไม่อยากให้ทรงเครียดอีก แค่ต้องทรงรับศึกจากองค์ราชินีก็หนักพอแล้ว”
คามินสีหน้าซึม จนโภคินอดถามไม่ได้
“คามินๆ ตกลง มีเรื่องอะไรหนักใจรึเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่ครับ ไม่มี”
“อดทนหน่อย ทุกอย่างกำลังจะไปด้วยดีแล้ว”

เทวีกลับมาบ้านอาละวาด หฤทัยนั่งจัดดอกไม้
“มันเป็นไปได้ยังไง หา ก็แกกับฉันเห็นกับตาว่าเป็นคลิปของไอ้คามินกับมัทนา แล้วทำไมมันกลายเป็นภาพบ้าบอนั่นไปได้...นี่ ฤทัย หูแตกเหรอแม่พูดได้ยินรึเปล่า”
“ได้ยินค่ะ แต่คุณแม่ไม่ได้ถามฤทัยนี่คะ”
เทวีกระชากดอกไม้ขว้างทิ้ง
“พอไม่ต้องจัดแล้ว ดอกไม้บ้าบอนี่ แกมาช่วยกันดูซิว่ามันเกิดอะไรผิดพลาดกับไอ้เครื่องนี้ หา”
เทวียื่นไอแพดให้ หฤทัย
“ฤทัยดูไม่เป็นหรอกค่ะ”
“งั้นแกก็ไปกับฉันไปยืนยันกับองค์ราชินีว่าแกก็เห็นคลิปเหมือนกับฉัน”
“ฤทัยไม่กล้าเหรอค่ะ เพราะฤทัยเห็นไม่ชัด แล้วก็จำอะไรไม่ได้แล้วด้วย”
“แกนี่มัน โอ๊ย...มีลูกกับเขาก็ไม่ได้ดังใจเลย”
เทวีเดินไป หฤทัยมองแม่แล้วมองไปที่ไอแพด

ในอดีต...กระเป๋าใบใหญ่ที่เทวีวางไว้ หฤทัยโผล่ออกมา มองซ้ายขวา เข้ามาหยิบไอแพดในกระเป๋าออกมา รีบกดไล่ดูแล้วจัดการส่งคลิปเข้ามือถือตัวเอง ก่อนจะลบคลิปทิ้งไป เสียงเทวีเดินออกมา สาวใช้ตาม ถือกล่องลวดลายสวยงามกล่องใหญ่
“เอาไว้ที่รถเลย ระวังด้วย ข้างในเป็นเครื่องแก้วสั่งมาจากอิตาลี ฉันจะเอาไปถวายองค์ราชินี ถ้ามีรอยบิ่นขีดข่วนแม้แต่นิดเดียวแกหัวขาด”
สาวใช้เดินถือเกร็งๆไป เทวีเดินมาแหวกกระเป๋า เห็นไอแพด
“คราวนี้ละ ฉันก็จะได้มีลูกเขยเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทและต่อไปก็ต้องได้เป็นแม่ยายพระราชา ใครมันจะโชคดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ฮ่าๆ”
เทวีเดินออก หฤทัยโผล่มองตาม หยิบมือถือตัวเองออกมากดเช็คภาพคลิป ครุ่นคิดตัดสินใจ

ห้องสมุดยามเย็น...คามินเดินเข้ามาในห้องสมุด เข้าไปหา เจ้าหน้าที่หญิง
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะท่านคามิน มีอะไรให้รับใช้คะ”
“ก็คุณไม่ใช่เหรอครับ ที่โทรไปหาผมบอกให้ผมมารับหนังสือที่เจ้าชายมาคีทรงสั่งไว้”
“เอ๊ะ ไม่นี่คะ ดิฉันยังไม่ได้ติดต่อไป และไม่ทราบเลยว่าเจ้าชายทรงสั่งหนังสือเล่มไหนไว้”
คามินหน้าเหวอ
“อ้าว”
คามินจะเดินออก หฤทัยเข้ามาในมือมีหนังสือเล่มหนึ่ง เกี่ยวกับต้นไม้ ดอกไม้ หน้าปกสวยงาม
“คุณหฤทัย สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ พี่ เอ่อ...ท่านคามิน บังเอิญจริงๆที่ได้เจอ”
หฤทัยยื่นหนังสือให้
“ขอบคุณมากนะคะที่ฝากหนังสือเล่มนี้กับสินธรมาให้”
คามินดูหนังสืองงๆ
“ผมน่ะเหรอครับฝากสินธรไปให้คุณ”
“ฤทัยอ่านแล้ว หนังสือปกสวย เล่มใหญ่แต่ข้างในไม่มีอะไรน่าอ่าน....เหมือนกับคนที่มองแต่หน้าไม่ได้”
คามินอึ้งๆ หฤทัยจะเดินเข้าไปข้างใน
“เดี๋ยวครับ แล้วคุณหฤทัยสบายดีแล้วเหรอครับ ได้ข่าวว่าป่วย”
“ฤทัยก็ป่วยๆหายๆแบบนี้มาตลอดนั่นแหละค่ะ ไม่ได้แข็งแรง แล้วก็ใจกล้าเหมือนพระคู่หมั้นหรอก”
คามินยิ่งผิดหู
“อย่าลืมตรวจด้วยนะคะ ว่ามีหน้าไหนขาดเสียหายไปบ้าง หนังสือมันเก่ามากแล้ว”
หฤทัยเน้นแล้วเดินไป คามินมองหนังสือแล้วเดินไป หฤทัยหันกลับไปมอง ถอนใจลุ้นว่าเขาจะเห็นสิ่งที่ซ่อนไว้มั้ย

ค่ำนั้น คามินเข้ามาในที่พัก โยนหนังสือไว้ที่เตียง ถอดเสื้อ แล้วก็เหมือนคิดอะไรได้ หันไป หยิบหนังสือมาเปิดปรากฏเจอว่าด้านในเจาะหน้ากระดาษแล้ว เอาแฮนดี้ไดรฟฝังไว้ ติดสก็อตเทป
คามินแกะมา เดินไปเสียบคอม ภาพคลิปที่จูบกับมัทนาปรากฏบนจอ คามินตะลึง

วันใหม่...มินตราแอบมาพบเทวี
“อะไรนะคะ คลิปนั่นหายไป หายไปได้ยังไงคะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไอ้เครื่องของเธอมันเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เทวีส่งเครื่องคืนให้ มินตรากดดูไม่พบ
“เป็นไปไม่ได้ มันต้องมีคนลบคลิปทิ้งแล้วก็เอาคลิปอื่นใส่เข้าไปแทน”
“ใครจะไปทำแบบนั้น ฉันเก็บเครื่องนี้ไว้กับตัวตลอด”
“แล้วจะทำยังไง คลิปนี้มันสำคัญมาก คุณรู้มั้ยว่ากว่าฉันจะได้มามันยากลำบากขนาดไหน”
“แล้วเธอคิดว่า ฉันไม่เดือดร้อนเหรอ องค์ราชินีกริ้วฉันมาก เธอต้องไปหาหลักฐานใหม่มาโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นเธอก็จะมีความผิดฐานหลอกลวงองค์ราชินี”
เทวีเดินออกไป มินตรางงว่ากลายเป็นตัวเองที่มีความผิดไปได้ยังไง

ห้องมินตราในตำหนักรับรอง...มินตรานอนกับมัทนาแต่ เก็บของส่วนตัวในห้องนี้ เธอเข้ามาในห้อง พยายามกดหาคลิป
“มันจะหายไปได้ยังไง ไม่มีทาง มันต้องอยู่ซิ”
มินตราพยายามหาแต่ภาพการ์ตูนก็ขึ้นมา เธอโมโหขว้างทิ้ง
“มันต้องมีคนช่วยนังมัทนาแน่ นี่ฉันต้องแพ้แกไปอีกนานไหร่กัน”
มินตราเดินพล่าน แล้วก็ชะงัก
“จริงสิ มีอีกคนที่จะช่วยได้”

มินตรายิ้ม...

ในห้องทำงานที่สำนักงาน อสิตกำลังดูภาพนายพลวิฑูรในโน๊ตบุ๊ค
“ท่านวิฑูร ท่านต้องเห็นใจผมนะครับ ตอนนี้ทั้งกำลังคนกำลังเงินผมพร้อมหมดแล้ว แต่ต้องมากองกันไว้เฉยๆ มันเสียประโยชน์ ถ้าท่านไม่แน่ใจ ผมคงต้องไปลงทุนที่อื่น”
“มันเป็นเพราะเสี่ยทำงานพลาด ถ้ากำจัดเป้าหมายได้ตั้งแต่ที่เมืองไทย ทุกอย่างมันก็ไม่ยืดเยื้อถึงวันนี้”
“แต่ท่านต้องเข้าใจ ว่างานมันนอกเหนือจากที่ตกลงกัน”
“ก็ได้ เสี่ยจะไม่รอก็ได้ ถ้าเสี่ยคิดว่า ที่อื่น จะมีมรกตแบบนี้”
นายพลวิฑูรเอาก้อนมรกตที่เพิ่งขุดได้มาถือโชว์ อสิตตาโต ชะโงกไปเกือบชนจอ
“โอ้โฮ ก้อนใหญ่กว่าที่ส่งมาให้ผมอีก”
“สองสามวันก่อน เราเพิ่งสำรวจเจอสายแร่สายใหม่ ถ้าเสี่ยรอไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ผมจะได้ลองคุยกับคนอื่นดู”
“ไหวครับไหว แหม คือตอนนี้คนของผมมันว่างงานก็เลยอยากทำงานน่ะครับ”
“เรื่องงานน่ะรับรองผมมีให้ทำแน่ กำลังคนที่เสี่ยเตรียมไว้ต้องได้ใช้ในเร็วๆนี้ ระหว่างรอผมอยากให้เสี่ยจัดหาอาวุธทั้งหนักเบาให้พร้อม”
“หะ...เข้าไปทำเหมืองต้องใช้อาวุธด้วยเหรอครับ หรือว่า แถวนั้นโจรป่าชุกชุม”
“แล้วผมจะบอกทีหลัง...แต่ผมขอย้ำว่างานนี้ต้องใช้คนมีฝีมือ ไม่ใช่พวกหางแถวเหมือนคราวก่อน”
นายพลวิฑูรตัดการติดต่อ อสิตหน้าเหวอ
“อ้าวท่าน เดี๋ยวซิ ยังพูดกันไม่จบเลย”

นายพลวิฑูรเดินออกมาจากที่พักบริเวณชายแดนกับสุเทษ มีรถจิ๊บจอดอยู่ หน้าที่พักมีทหารคุ้มกัน สุเทษสะพายเป้พร้อมเดินทาง
“แกกลับไปก่อน คอยดูเมียกับลูกฉัน อย่าให้ไปเที่ยวทำอะไรโง่ๆ ฉันจะอยู่สำรวจสายแร่แถวนี้อีกสามสี่วัน”
“ครับ”
สุเทษขึ้นรถขับไป นายพลวิฑูรเดินกลับเข้าไปข้างใน

ยักษ์เปิดประตูห้องออกมาอสิตเดินตาม
“ไอ้วิฑูรมันคง เห็นว่าเราง้อเลยเล่นตัวใหญ่”
“เราก็ไม่ต้องไปง้อมันสิครับท่าน ไม่เห็นจะยาก” ยักษ์สอดทันที
“ใช่ อั๊วว่าอั๊วยิงลื้อทิ้งน่าจะง่ายกว่า เพราะอั๊วมีลูกน้องอย่างลื้อ อั้วถึงได้ชวดเงินมหาศาล...เพราะฉะนั้นคราวนี้จะพลาดไม่ได้ จัดการไปรวบรวมพวกเราที่ฝีมือดีดีมา เอาที่ดีจริงๆ แล้วก็ติดต่อไอ้เชียรให้มาพบอั๊ว บอกว่าอั๊วต้องการออร์เดอร์อาวุธเถื่อนจากมัน”
“ครับเสี่ย”
“เออ...เดี๋ยว แล้วตอนนี้คุณหนูเป็นไง ยังคร่ำครวญหามัทนาอยู่มั้ย”
“ไม่แล้วครับ เห็นว่าให้ไอ้ดำไอ้ดอนเอาดีวีดีหนังสงครามมาดูทั้งวัน คงจะลืมคุณมัทนาไปแล้ว”
“ดี”
ทั้งคู่เดินถึงประตูจะออก แต่ประตูเปิดผัวะเข้ามา ดำกับดอนถูกมัดติดกัน หัวคะมำเข้ามามีสก็อตเทปปิดปาก อสิตตกใจ
“เฮ้ย ไอ้ดำ ไอ้ดอน...”
“ช่วยด้วยๆ” ดำพูดอู้อี้
ยักษ์ชักปืน
“ใครวะ...ใครทำเอ็ง”
“คุณ คุณ...อู๋”
ดอนยังไม่ทันพูดจบ อัคนีก็ก้าวเข้ามา ในชุดหน่วยจู่โจม มีหน้ากาก เสื้อเกราะ หมวก แว่นดำ ถืออาวุธเป็นปืนบีบีกัน
“ฉันเอง”
อสิตกับยักษ์ตะลึง
“แก...” แล้วอสิตก็งง หันไปถามยักษ์ “ใครวะ”
ยักษ์ส่ายหน้า
“ไม่รู้ครับ แต่มาเหยี่ยบจมูกถึงถิ่นแบบนี้เอาไว้ไม่ได้”
ยักษ์ชักปืน อัคนีจ่อก่อนเสียงเข้ม เหี้ยมโหด
“หยุด...อย่าคิดมาต่อกรกับฉัน ถ้าไม่อยากตายก็ทิ้งปืน”
“ใจเย็นๆ น้องชาย มีอะไรพูดกันได้”
“ทิ้งปืนซิไอ้ยักษ์” อสิตยกมือ
“เสี่ยนั่นมันปืนปลอมครับ” ยักษ์กระซิบ
“กระซิบกระซาบอะไรกัน เดี๋ยวปั๊ดยิงไส้แตก” อัคนีตวาด
“จ้ะๆ ไอ้ยักษ์หูแตกเหรอ”
อสิตขยิบตา ยักษ์แกล้งทำเป็นวางปืน
“ดีมาก”
อัคนีจะเข้ามาหยิบปืน ยักษ์พุ่งหัวเข้าชน อัคนีสู้ ยักษ์แย่งปืนได้เอาปืนตีอัคนีเซไป อสิตขยุ้มคอ เข่าใส่
“นี่แน่ะ แกกล้ามากที่มาท้าทายฉัน”
“อย่า...พ่อ...” อัคนีรีบบอก
“ทีอย่างงี้เรียกพ่อ...นี่แหนะ ใครเป็นป๊ะแก”
อสิตต่อยอัคนีกระเด็นไปหายักษ์
“หน้าอย่างแก ไม่มีทางได้เป็นลูกเสี่ยโว้ย”
ยักษ์ต่อยทั้งอัคนีลงไปกอง แล้วเสยปลายคางอีกทีน็อคไป ดำกับดอน ตะลึง อสิตหันไปบอกยักษ์
“เอาปืนมา ฉันจะจัดการมันด้วยมือฉันเอง”
ยักษ์ส่งปืน อสิตจะยิง ดำกับดอนส่งเสียงอู้อี้
“อย่า...อย่ายิงคุณหนู อื๊อ อ๊า”
“อะไรวะ ฟังไม่รู้เรื่อง”
ยักษ์ลอกสก็อตเทปออก อสิตเตรียมลั่นไก ดำตะโกน
“อย่ายิงครับเสี่ย นั่นคุณหนู”
“เออ...หา...”
อสิตตกใจเปิดหน้ากาก
“ไอ้หนูลูกพ่อ”

ในห้องออกกำลังกาย...อัคนีนอนเอนที่โซฟา ยักษ์ นวดเฟ้น อสิตหันไปโวยดำกับดอน
“ไอ้ดำ ไอ้ดอน อั๊วให้พวกลื้อเฝ้าคุณหนูไว้ ทำไมปล่อยให้เล่นพิเรนทร์แบบนี้วะ”
“ผมเห็นคุณหนูนั่งดูหนังทั้งวันนึกว่าไม่มีอะไรแล้ว” ดำเสียงอ่อย
ดอนเสริม
“แต่อยู่ดีดีคุณหนูก็ลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนี้แล้วก็จับพวกผมมัด ผมว่าคุณหนูต้องบ้าไปแล้ว”
อสิตถีบเปรี้ยง
“นี่แน่ะ กล้าว่าลูกอั๊วบ้าเหรอ หา”
อัคนีฟื้นขึ้น ยักษ์ดีใจ
“คุณหนูฟื้นแล้ว”
“ป๊าต่อยผมทำไม ผมจะซ้อมแผนจู่โจม ไปช่วยคุณมัท คุณมัทกำลังอยู่ในอันตราย”
“ใจเย็น ไอ้หนู มัทนาอยู่ในวังที่รายา ไม่มีใครทำอะไรได้หรอก”
“ป๊าไม่รู้อะไร คุณมัทส่งข้อความมาหาผม บอกให้ผมไปช่วยด่วน”
อัคนีควักมือถือออกมา อสิตเอาไปอ่าน
“คุณอัคนีที่รัก ตอนนี้มัทกำลังถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าคุณอัคนีไม่มาช่วยมัทคงต้องตาย...มาช่วยมัทด้วยนะคะ”
“เพราะป๊า ไม่ยอมช่วย คุณมัทถึงต้องไปผจญชะตากรรมในประเทศที่อันศิวิไลซ์แบบนั้น ผมจะปล่อยให้คุณมัทเป็นอะไรไปไม่ได้”
“แล้วลื้อตัวคนเดียว จะไปทำอะไรได้”
“ป๊าไม่เคยดูมิชชั่น อิมพอลสิเบิ้ลเหรอ ไม่ว่าภารกิจจะยากเย็นแค่ไหน ทอม ครูซก็ทำจนสำเร็จได้ คอยดูผมก็แล้วกัน อูย” อัคนีจุกที่โดนต่อย
“ไอ้หนู นั่นมันหนัง เรื่องจริงขืนตะลุยไปอย่างงี้ ตายลูกเดียว เอาอย่างงี้ ป๊าจัดการเอง ป๊าจะต้องไปรายาอยู่แล้ว”
“ไม่...ผมไม่เชื่อป๊าอีกแล้ว ผมจะไปด้วย ผมต้องไปช่วยคุณมัท”
“ไม่ได้ ไอ้หนู”
“แต่ผมจะไป ปล่อย”
อัคนีสลัดได้วิ่งไป อสิตตกใจ
“เฮ้ย หยุดคุณหนูให้ได้”
ยักษ์ส่งหมัดเข้าปลายคางเต็มๆ อัคนีตาเหลือกหมุนคว้างก่อนล้มลงในอ้อมกอดยักษ์พอดี ยักษ์หันมายิ้มแหย
“หยุดได้แล้วครับ”
อสิตด่าไม่ออก
“อุ้มคุณหนูไปที่ห้อง ดำ ดอน เฝ้าคุณหนูไว้ให้ดี อย่าให้ออกมาได้”
“ครับ” ดำกับดอนหามอัคนีไป

“ป๊า ขอโทษนะไอ้หนู แต่ถ้าไปสภาพนี้ ไม่โดนส่งเข้าโรงพยาบาลบ้าก็ต้องถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรแน่” อสิตถอนใจเฮือก

ในวิหารปรารถนา...หฤทัยมานั่งสวดมนต์นอกวิหาร และเอากระทงดอกไม้หลากสีวางไว้ ก่อนจะลุกขึ้น พอหันกลับก็เจอกับคามิน
“พี่คามิน...เอ่อ ท่านราชองครักษ์ มาสวดมนต์เหมือนกันเหรอคะ”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณหฤทัย”
“แต่หฤทัยต้องรีบกลับค่ะ ไม่อยากถูกคุณแม่ดุ”
“ได้โปรดเถอะ หฤทัย นี่มันเป็นเรื่องสำคัญมาก เราต้องคุยกัน”

หฤทัยเดินมาบริเวณด้านนอกวิหาร คามินตามมา
“มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ ฤทัยมีเวลาไม่มาก”
“จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆ เวลาฤทัยตามเสด็จองค์ราชินีมาที่วิหารนี่ ก็มักจะชอบหนีมาเล่นแถวนี้ แล้วผมก็ต้องมาตามหา...” คามินเดินไปที่พุ่มไม้ “จนเจอว่าคุณซ่อนอยู่ตรงนี้ทุกครั้ง”
“ฤทัยคงโง่มากนะคะ ที่รู้ว่าจะถูกจับได้แต่ก็มาซ่อนที่เดิมทุกครั้ง”
“คุณกลัวผมจะถูกทำโทษมากกว่าถ้าหาคุณไม่พบ”
“ฤทัยคิดอะไรซับซ้อนแบบนั้นไม่เป็นหรอกค่ะ”
“แล้วที่คุณซ่อนคลิปมาในหนังสือล่ะ”
“ฤทัยไม่เข้าใจที่ท่านราชองครักษ์พูด ฤทัยต้องกลับแล้วละค่ะ”
“ฤทัย พี่อยากจะขอร้อง...พี่รู้ว่าที่ฤทัยทำแบบนี้ก็เพราะฤทัยอยากจะช่วยพี่ ไม่อย่างงั้นฤทัยก็คงเอาคลิปไปให้คนอื่นแล้ว”
“เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ท่านราชองครักษ์ ที่ฤทัยทำทั้งหมด ก็เพื่อตัวเองต่างหาก...ใครๆอาจจะอยากเป็นราชินีแห่งรายา แต่ฤทัยไม่ต้องการ...”
“แล้วใคร เป็นคนเอาคลิปนั้นมาให้ฤทัย บอกพี่ได้มั้ย”
“ฤทัยไม่รู้หรอกค่ะ รู้แต่ว่าคนคนนั้นคงไม่พอใจมากถ้ารู้ว่า คลิปนี้โดนลบก่อนที่องค์ราชินีจะได้ทอดพระเนตร”
“พี่ขอบใจมาก”
“บอกแล้วไงคะ ว่าฤทัยไม่ได้ช่วยใคร แต่ทำด้วยความเห็นแก่ตัว เพราะฤทัยเห็นแล้วว่าโลกนี้มันก็มีแต่คนที่เห็นแก่ตัวทั้งนั้น ไม่มีใครรักหวังดีจริงใจกับใครจริงๆ แม้แต่คนที่ฤทัยเคยเชื่อถือศรัทธา”
หฤทัยเดินไป คามินจับมือ
“หฤทัย...ฟังก่อน เอ๊ะ ทำไมมือเย็นอย่างนี้”
“ปล่อยค่ะ ฤทัยจะกลับแล้ว”
หฤทัยสลัดแล้วเซหน้ามืด
“หฤทัย”
คามินประคอง

ในที่พักแม่ชี...คามินประคองหฤทัยเข้ามา แม่ชีใส่ชุดขาวยาว เกล้าผมมวยห้อยลูกประคำเดินนำ
“นั่งพักตรงนี้ก่อน”
แม่ชีไปเอากาน้ำมารินน้ำชา ถ้วยเล็กๆ ส่งให้คามิน
“น้ำสมุนไพร ค่อยๆจิบ จะดีขึ้น”
คามินป้อนหฤทัยๆยังไม่ทันกิน ได้กลิ่นก็ขยักขย้อน ลุกขึ้นคว้ากระโถนมาอาเจียน แม่ชีเข้าไปลูบหลัง คามินมองอย่างเป็นห่วงมาก
“น้ำเปล่าอยู่ตรงนั้น”
แม่ชีชี้ไป คามินรีบไปไปที่เหยือกน้ำ รินน้ำเปล่าในถ้วยเคลือบมาให้ หฤทัยบ้วนปาก แม่ชีจับมือหฤทัยมาตรวจชีพจร ขมวดคิ้ว แล้วเอื้อมไปแตะที่คอ
“ฤทัยดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณแม่ชีมากค่ะ”
คามินมองอย่างเป็นห่วง
“พี่ว่าไปโรงพยาบาล ตรวจหน่อยดีกว่า”
“แค่เพลียๆเพราะอดนอน ไม่เป็นไรจริงค่ะ”
แม่ชีพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก แม่หญิงแค่อ่อนเพลียเพราะตั้งครรภ์เท่านั้น”
ทั้งสองคนตะลึง
“อะไรนะครับ ตั้งครรภ์เหรอครับ”
“ใช่...” แม่ชีจับที่ท้องหฤทัย “เด็กคนนี้เป็นเลือดขัตติยะเป็นบุตรของสวรรค์ เลี้ยงเขาให้ดีนะ”
คามินมองหน้าหฤทัย
“แม่ชีพูดอะไรกันคะ ฉันยังไม่ได้แต่งงานจะมีลูกได้ยังไง” หฤทัยลุกขึ้น “ฉันต้องกลับแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”
หฤทัยรีบเดินโซเซออกไป คามินงง
“แม่ชีแน่ใจเหรอครับ”
“ผู้ทรงศีลไม่กล่าวเท็จ ก่อนบวชแม่เคยเป็นหมอทำคลอดที่หมู่บ้าน ชีพจรแม่หญิงท่านนี้บ่งบอกว่าตั้งครรภ์แน่”
คามินเครียด

คามินขับรถไปตามถนน หฤทัยนั่งข้างๆ มองออกไปนอกรถ ซ่อนน้ำตา คามินมองอย่างเป็นห่วง...คามินขับรถมาจอดหน้าบ้านนายพลวิฑูร แล้วมาเปิดรถให้หฤทัย
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“หฤทัย ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
“ก็บอกแล้วไงคะว่ามันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น แม่ชีคนนั้นเข้าใจผิดไปเอง”
“แต่ว่า...”
“กลับไปเถอะค่ะ ก่อนที่คุณแม่จะมาเห็น”
หฤทัยเซไป คามินเข้าประคอง สุเทษพรวดมา จ่อปืน
“ปล่อยคุณหฤทัยเดี๋ยวนี้”

ในห้องสปา...มัทนานอนแช่ในอ่างมีกลีบดอกไม้ลอยเต็ม บุหลันเทพวกเครื่องบำรุงผิว เครื่องหอมต่างๆลงไปในน้ำเรณูขัดผิวให้ มินตรายืนรอเบื่อๆ
“พี่มินคะ พี่มิน” มัทนาเรียก
“คะ”
“กี่โมงแล้วคะ”
“คงจะเกือบบ่ายสองแล้วค่ะ”
“มัทว่าพอแล้วละค่ะคุณบุหลัน ตัวมัทจะเปื่อยแล้ว”
“ไม่ได้ค่ะ ยังไม่ครบขั้นตอน”
“แต่มัทแสบผิว กว่าจะครบขั้นตอน มัทคงกลายเป็นจิ้งจกโดนถลกหนัง”
“ขอโทษค่ะ เรณูขัดเบาที่สุดแล้วนะคะ” เรณูจ๋อยๆ
มินตราถามหยั่งเชิง
“คุณมัทมีอะไรต้องทำ หรือนัดกับใครตอนบ่ายสอง รึเปล่าคะ”
“ไม่มีหรอกค่ะ มัทจะไปนัดกับใคร”
“ถ้าอย่างงั้นก็ทนอีกนิดนะคะ” บุหลันบอก
มัทนาคิดแล้วก็ร้อง
“โอ๊ยๆ...”
เรณูตกใจ บุหลันก็ตกใจดเรณู
“เรณู คุณมัทเธอบอกแล้วไง ให้เบามือ”
“คือ...”
“มัทปวดท้องกะทันหัน สงสัยจะท้องเสียนะคะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็รีบขึ้นมาก่อนค่ะ” บุหลันบอก
มินตรามองสงสัย แต่รีบช่วย เอาผ้ามาบัง เรณูหยิบเสื้อมาคลุม มัทนาสวมเสื้อคลุมแล้ว วิ่งไป หยิบกระเป๋าประมาณใส่เครื่องสำอางค์ ติดมือไป

มัทนาเข้ามาในห้องน้ำ ปิดประตู ถอนใจเฮือก รีบควักมือถือที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าออกมา กดเปิด เวลาขึ้นมาบอกว่าบ่ายสองพอดี มัทนายิ้ม

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 9 (ต่อ)

หน้าบ้านนายพลวิฑูร...คามินกลับสุเทษเผชิญหน้ากัน
“ผมขอตัวกลับก่อน”
คามินจะไป สุเทษเข้าขวาง
“เห็นอยู่ชัดๆว่าแกกำลังลวนลามล่วงเกินคุณหฤทัย ฉันคงปล่อยให้แกกลับไปง่ายๆไม่ได้”
หฤทัยรีบแย้ง
“แต่ท่านคามินไม่ได้ทำอะไรฉันเลย”
“ผมมีหน้าที่ดูแลที่นี่ คงจะต้องขอทำตามกฎคือค้นตัวท่านราชองครักษ์ก่อน ถึงจะปล่อยไปได้ ยกมือขึ้น”
คามินยกมือ สุเทษเข้าค้นตัว หยิบปืนออกมา โยนไป แล้วเจอโทรศัพท์มือถือ สุเทษล้วงออกมา ทำท่าจะกดดู
“นั่นเป็นสมบัติส่วนตัว นายไม่มีสิทธิ์”
“แต่นี่เป็นเขตบ้านของท่านวิฑูร ของที่อยู่ในเขตนี้ ฉันมีสิทธิ์ตรวจดู”
คามินมองระทึก แล้วก็ตัดสินใจจับมือสุเทษบิดแล้วทุ่มลงมือถือหลุดมือ กลิ้งไป หฤทัยตกใจ
“อย่า...หยุดนะบอกให้หยุด”
ทั้งสองสู้กัน กลิ้งไปมา พอคามินจะตะปบโทรศัพท์ สุเทษก็ดึงไว้แย่งมือถือไปได้ หฤทัยตกใจ วิ่งมาร้องห้าม
“หยุดนะท่านสุเทษ...เราบอกให้หยุด”
สุเทษหันไปฟัง คามินกลิ้งไปเอาปืนตัวเองมาได้ แล้วเข้าไปจ่อสุเทษ แล้วดึงมือถือออกไปได้ เทวีออกมางงๆ พอเห็นคามินไม่พอใจมากเสียงดัง
“คามิน...หยุดนะ”
คามินชะงัก สุเทษหยุด เทวีเข้ามา
“จะมากไปแล้ว...มาทำร้ายคนของเราถึงในบ้านอย่าคิดว่ามีองค์ราชาให้ท้ายแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ”
หฤทัยรีบอธิบาย
“ไม่ใช่นะคะคุณแม่ ท่านคามินมาส่งลูก”
“อะไรนะ ทำไมต้องให้มันมาส่ง”
“คือผม...” คามินจะอธิบาย
“แต่ที่ผมเห็นคือ คุณคามินกำลังลวนลามคุณหฤทัย” สุเทษสวน
หฤทัยโต้ทันที
“ไม่จริงนะคะ ลูกจะเป็นลม พี่ เอ่อ...ท่านคามินเลยประคองก็แค่นั้น”
“ผมต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด ขอตัวกลับก่อน”
คามินขึ้นรถขับกลับไป สุเทษมองแค้น
“แก...”
เทวีบีบแขนหฤทัย ถลึงตาใส่

มินตราทุบประตูห้องน้ำ เพราะเห็นมัทนาเข้าไปนาน
“คุณมัทเป็นอะไรรึเปล่าคะทำไมเงียบไปนานจัง”
มัทนาถอนใจ เซ็งที่คามินไม่โทรมา เธอตัดสินไม่โทรไปหาเขาก่อน เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า กดชักโครก แล้วเปิดประตูออกไป
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่มิน ท้องไส้ปั่นป่วนนิดหน่อย”

เมื่อเข้ามาในห้องนอนหฤทัย เทวีเขย่าหฤทัยอย่างโมโห
“ฉันเคยสั่งห้าม ไม่ให้แกคบค้าสมาคมกับมัน ทำไมแกกล้าขัดคำสั่งฉันหา”
“แต่พี่คามินเขาเคยช่วยชีวิตลูก เขาเป็นผู้มีพระคุณ”
“มันทำเพราะหวังให้คนเห็นว่ามันเก่งเท่านั้น มันไม่ได้คิดจะช่วยแกจริงๆ”
“ค่ะ ทีหลังลูกจะไม่ทำอีก”
“แล้วตกลงแกป่วยเป็นอะไร”
หฤทัยโกหกอย่างคล่องปาก ไร้อารมณ์
“ลูกแค่แกล้งป่วย เพราะได้ข่าวว่า เจ้าชายจะเสด็จที่วิหาร หวังว่าเจ้าชายจะเสด็จมาส่ง แต่กลายเป็นว่า คามินไปที่นั่นคนเดียว ลูกไม่อยากให้เขารู้ว่าลูกแกล้ง ก็เลยยอมให้เขามาส่ง”
“จริงเหรอ แกนี่น้า เพิ่งจะมาใช้มารยาหญิงตอนนี้มันจะช้าไปรึเปล่า เมื่อก่อนฉันเคี่ยวเข็ญแกๆก็ไม่เคยฟัง”
“ขอโทษค่ะ”
“เอาเถอะๆ ถ้ามันเป็นแค่แผนแม่ก็ไม่ว่า แต่อย่าให้รู้นะ ว่าแกไปคบค้านับญาติกับไอ้คามินอีกแม้แต่คู่หมั้นเจ้าชาย มันยังไม่เว้น โง่อย่างแก อาจจะตกหลุมมันเข้าก็ได้”
เทวีเดินออก หฤทัยขยักขย้อน วิ่งไปอาเจียนอีก คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...คามินบอกอย่างเป็นห่วง
“พี่ว่าไปโรงพยาบาล ตรวจหน่อยดีกว่า”
“แค่เพลียๆเพราะอดนอน ไม่เป็นไรจริงค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก แม่หญิงแค่อ่อนเพลียเพราะตั้งครรภ์เท่านั้น” แม่ชีบอก
ทั้งหฤทัยและคามินตะลึง
“อะไรนะครับ ตั้งครรภ์เหรอครับ”
แม่ชีจับทีท้องหฤทัย
“ใช่...เด็กคนนี้เป็นบุตรของสวรรค์ เลี้ยงเขาให้ดีนะ”
คามินมองหน้าหฤทัย เธอรีบปฏิเสธ

“แม่ชีพูดอะไรกันคะ ฉันยังไม่ได้แต่งงานจะมีลูกได้ยังไง”

หฤทัยน้ำตาคลอ หลังจากอาเจียนจนเหนื่อย
“ใช่ มันต้องไม่เป็นอย่างที่แม่ชีพูด ก็แค่ไม่สบายธรรมดา เราต้องไม่โชคร้ายแบบนั้น”
หฤทัยพยายามปลอบใจตัวเอง

คามินเดินครุ่นคิดมาที่ลานซ้อม อาวุธ สินธรกำลังคุมเหล่าองครักษ์ซ้อมต่อสู้กันเป็นคู่ๆ
บางคู่ซ้อมหอก ซ้อมทวน องครักษ์คู่หนึ่งซ้อมหอก แล้ว ตวัดหอกกระเด็นไปทางคามิน สินธรเห็น
“ท่านคามิน ระวังครับ”
สินธรคว้าทวนโดดไปปัดหอก กระเด็นไปปักพื้นใกล้ๆ คามินตกใจ งงๆ
“ขอโทษที คิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“นั่นสิครับ ปกติท่านไม่เคยเหม่อแบบนี้”
“ทำไมมาอยู่ที่นี่แล้วเจ้าชายล่ะ”
“รับสั่งว่าเมื่อคืนทรงพระอักษรทั้งคืน แทบไม่ได้บรรทม เลยขอบรรทมสักสองชั่วโมงครับ ทรงขยันมากจนน่าแปลกใจจริงๆ”
“ต้องพูดว่าน่าดีใจมากกว่า แล้วการซ้อมเป็นไง”
“ก็ให้วอร์มกันก่อนครับ เดี๋ยวตอนบ่ายสามโมงเย็นก็จะประชุมวางแผนการอารักขา”
คามินพยักหน้าแล้วนึกได้
“บ่ายสาม”
คามินดูนาฬิกา เห็นเวลาบ่ายสอง สี่สิบห้า
“แย่แล้ว”
“ทำไมครับ”
“เปล่า...ไม่มีอะไร นายคุมไปก่อน เดี๋ยวฉันมา”
คามินรีบเดินแยกไป

บุหลันส่งเอกสารที่อยู่ในแฟ้มกำมะหยี่สวยงาม ให้มัทนา
“นั่นเป็นร่างของคำพูดที่คุณมัทนาต้องกล่าวกับพวกประชาชนที่มารอต้อนรับค่ะ พิมพ์มาเป็นภาษาไทยเรียบร้อย”
มัทนาอ่านคร่าวๆ แล้วเห็นมีกระดาษอีกแผ่น เป็นภาษารายาซ้อนอยู่
“แล้วนี่ละคะ”
บุหลันอ่าน
“อ๋อ สงสัยเป็นตารางงานของท่านคามินติดมา”
“ยาวเหยียดอย่างงั้นเลยเหรอคะ”
“ค่ะ ดิฉันยังสงสัยเลยว่า ท่านคามินนอนตอนไหน เพราะนอกจากจะต้องควบคุมกองราชองครักษ์ทั้งหมด ยังต้องทำหน้าที่ประสานงานโครงการทุกโครงการที่องค์ราชาทรงดำริไว้แล้วก็ต้องอารักขาเจ้าชายมาคีเป็นพิเศษอีก”
มัทนาฟังแล้วรู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูก

มุมปลอดคน...คามินเอาโทรศัพท์มากด เป็นสัญญาณไม่มีคนรับ คามินกดซ้ำ ขณะเดียวกันมินตราเข้ามาในห้องมัทนาเพื่อมาหาประเป๋าให้มัทนา เธอค้นหาตามที่ต่างๆแต่ไม่เจอ แล้วหันไปที่ที่นอน เปิดผ้าคลุม เปิดหมอน เจอกระเป๋า เธอได้ยินสัญญาณโทรศัพท์สั่นเบาๆ จนนิ่งไป มินตราเปิดกระเป๋า เห็นโทรศัพท์ แล้วนึกถึงที่มัทนาบอกเธอว่าโทรศัพท์ตกน้ำหาย...
“แต่ถ้าคุณมัทอยากติดต่อ คามินก็ใช้มือถือที่พี่ให้ตอนไปหมู่บ้านภูสายธารก็ได้นี่คะ”
มัทนาโกหก
“เครื่องนั้นตกน้ำไปแล้วละค่ะ อีกอย่าง มัทไม่อยากฝืนกฎ แล้วมัทก็ไม่ได้อยากติดต่อเขาด้วย”
มินตรามองโทรศัพท์แล้วยิ้มเยาะ
“โกหกหน้าตายเหมือนกันนี่”
สัญญาณสายเรียกเข้าปรากฏขึ้นอีก รูปการ์ตูนอัศวินปรากฏหน้าจอ พร้อมชื่อ มิสเตอร์ เค
มินตราตื่นเต้น มัทนาเข้ามา
“พี่มิน”
มินตรารีบยัดโทรศัพท์เข้าไปเหมือนเดิม ปิดหมอนอย่างรวดเร็ว ทำเป็นตบๆที่นอน เธอหันหลังให้อยู่ มัทนาจึงไม่เห็นว่าทำอะไร มินตราหันกลับมาถาม
“ซ้อมงานพรุ่งนี้เสร็จแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ มัทเหนื่อยมากอยากงีบหน่อยค่ะ”
“จะนอนตอนบ่ายนี่เหรอคะ เดี๋ยวกลางคืนก็นอนไม่หลับพอดี”
“มัทไม่ไหวจริงๆ พี่มินอย่าให้ใครมากวนนะคะ”
“ได้ค่ะ พี่กำลังจะจัดที่นอนให้พอดี”
มัทนารีบตรงมาที่เตียง
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องจัดหรอก”
มินตราออกจากห้องไป มัทนารีบเอากระเป๋ามาจากใต้หมอน เอาโทรศัพท์มาดูเห็นสิบมิสคอล มัทนากดออก

เมื่อมัทนาโทรกลับมา คามินดีใจรีบกดรับ
“ผมขอโทษที่โทรมาช้า”
“มาก...วันนี้คุณช้าไปห้าสิบนาที และฉันไม่รับคำขอโทษ....เพราะ ฉันต้องขอโทษคุณ”
“ครับ” คามินงงๆ
“ฉันเอาแต่ใจตัวเองจนลืมไปว่าคุณยุ่งแค่ไหนแค่งานที่คุณรับผิดชอบก็หนักพอแล้ว ยังต้องมารักษาสัญญาเรื่องโทรศัพท์บ่ายสองอะไรนี่อีก ฉันรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่ามาก”
“คุณมัท”
“คามิน มันไม่ได้สำคัญว่าคุณจะโทรมากี่โมง เพราะสิ่งที่ฉันต้องการก็คือแค่ได้ยินเสียงคุณ เพื่อความมั่นใจว่าคุณยังอยู่ข้างฉัน”
“ผมอยู่ข้างคุณเสมอ”
“แค่นั้นแหละที่ฉันอยากฟัง ระหว่างรอ ฉันจะทำสิ่งที่ควรทำให้ดีที่สุด คุณวางใจได้ เราจะสู้ด้วยกันนะคามิน”
คามินกดวางสายอย่างครุ่นคิด กลุ้มใจ

วันต่อมา...มัทนาได้ไปเยี่ยมชาวบ้านตามเมืองต่างๆ พร้อมเจ้าชายมาคี คามิน สินธร มินตรา และองครักษ์จำนวนมาก ชาวบ้านมายืนออกันรับเสด็จ ถือธงเล็กๆโบกไปมาอย่างยินดีที่ได้ชื่นชมพระบารมี นักข่าว ช่างภาพได้มาทำข่าวกันมากมาย มัทนาเป็นกันเองกับชาวบ้าน จึงได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมาก

จากหมู่บ้านที่มีความเจริญ คามินขี่ม้านำขบวนม้าเจ้าชายมาคีไปยังถิ่นธุรกันดาร เมื่อไปถึงเจ้าชายมาคีคุยกับชาวบ้านที่จับมือทั้งคู่อย่างปลาบปลึ้ม บางคนก็เอากล้วยไม้ป่า ผลไม้ใส่กระจาดมาถวาย คามินกับสินธรคอยดู ระแวดระวัง
เจ้าชายมาคีกับมัทนา จะเดินกลับ ชาวบ้านยืนต้อนรับอยู่เต็ม ชาวบ้านชายคนหนึ่งอุ้มห่อผ้าเก่าๆ วิ่งพุ่งเข้ามา ส่งเสียงอื้ออ้า คามิน สินธร รีบเข้ามากั้น
“ชาลี สิงหา นาคี ถวายอารักขาเจ้าชาย พระคู่หมั้น”
ชาวบ้านมาช่วยกันจับชายใบ้ลากใบ้ ชายใบ้ดิ้นรน ทำไม้ทำมือเป็นภาษาใบ้ ว่าช่วยผมด้วย ผมเดือดร้อนมาก มัทนามอง สังเกตที่ห่อผ้า
“เดี๋ยวก่อน”
มัทนาจะเดินเข้าไปหา
“อย่า คุณมัท”
คามินรีบห้าม มัทนาไม่ฟังเข้าไปใกล้ ชายใบ้น้ำตาไหล ส่งเสียง คร่ำครวญ คุกเข่าลง
“ทำไมดื้ออย่างนี้นะ” มินตราพูดจงใจให้เจ้าชายมาคีได้ยิน
มัทนาพูดไปทำภาษามือไป
“ไม่ต้องกลัวนะคะ มีอะไรให้ช่วยบอกมาได้”
ทุกคนมองงงๆ ชายใบ้ยื่นห่อผ้าให้ ทำมือว่าช่วยลูกผมด้วย ลูกผมไม่สบาย มัทจะรับ แต่คามินรีบเข้าไปขวาง เจ้าชายมาคีจะตามไป มินตราดึงไว้
“อย่าเสด็จนะเพคะ จะเป็นคนร้ายรึเปล่าก็ไม่รู้”
สินธรเดินตามมา พร้อมองครักษ์
“อย่าครับ ในห่อผ้าอาจมีอาวุธ” คามินห้ามมัทนาอีก

“ไม่ใช่อาวุธหรอกค่ะ ในห่อผ้าเป็นลูกของเขา ลูกเขาไม่สบาย”

คามินอึ้ง รีบรับห่อผ้า มาเปิดดู เป็นเด็กตัวแดงนอนหายใจรวยริน เจ้าชายมาคีสลัดหลุดจากมินตราวิ่งมาดู
“เด็กจริงๆด้วย” เจ้าชายมาคีจับตัว “ตัวร้อนมาก สินธร พาไปส่งโรงพยาบาล เราจะรับเป็นคนไข้ของเรา”
“พะยะค่ะ” สินธรโค้งรับ
มัทนาพูดไปพร้อมภาษามือ
“ไม่ต้องกลัวนะ ลูกคุณต้องหายแน่ เราจะให้หมอที่ดีที่สุดรักษา”
เจ้าชายมาคีหันมาถามอย่างแปลกใจ
“ทำไมคุณมัทรู้ภาษามือละครับ”
“หม่อมฉันเคยไปเป็นจิตอาสา ทำกิจกรรมกับเด็กที่พิการทางหูน่ะเพคะ...”
เจ้าชายมาคีมองมัทนาอย่างชื่นชมมาก แต่มัทนาหันไปสบตากับคามิน มินตรามองหมั่นไส้สุด

หลายวันต่อมา มัทนาไปเข้าเฝ้าราชาอินทรา พร้อมเจ้าชายมาคี และคามิน
“หลานไม่ทำให้ลุงผิดหวังจริงๆมัทนา”
“หม่อมฉันเพียงทำสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเพคะ”
“ไม่จริง ถ้าคุณไม่ช่วยเด็กคนนั้นคงตายไปแล้ว เรื่องที่คุณทำยิ่งใหญ่มาก” เจ้าชายมาคียิ้มปลื้มมาก
“แล้วลูกล่ะมาคี มีผลงานอะไรมาอวด” ราชาอินทราหันไปถาม
“ทรงถามคามินดีกว่า ว่าลูกทำหน้าที่ครบถ้วนรึเปล่า” เจ้าชายมาคียิ้มแย้มภูมิใจตัวเอง
“เกินกว่าคำว่าครบถ้วนพะยะค่ะ” คามินบอกทันที
เจ้าชายมาคียิ้มแป้น ราชาอินทราพยักหน้ารับรู้
“งั้นเราไม่เชื่อก็คงไม่ได้”
“ทั้งหมดลูกขอยกความดีให้คุณมัทนาคนเดียว”
“ขอบใจมากนะ มัทนา ขอบใจจริงๆ ลุงและชาวรายาเป็นหนี้บุญคุณหลาน”
คามินและมัทนาก้มหน้าอย่างอึดอัดใจ
“อย่ารับสั่งอย่างนั้นเลยเพคะ หม่อมฉันไม่คู่ควร”
ราชาอินทราเข้าไปจับไหล่มัทนา
“หลานคือคนคู่ควรที่สุดจะอยู่เคียงข้างมาคีที่สุด มัทนา”
“แล้วสัญญาที่ลูกขอประทานไว้ ...” เจ้าชายมาคีรีบถาม
“เพิ่งทำงานได้ไม่กี่วัน ยังเร็วไปที่จะมาทวงสัญญา”
“ก็ได้ งั้นลูกจะรีบกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานต่อไป จะทำให้ดีขึ้น จนเสด็จพ่อปฎิเสธไม่ได้”
เจ้าชายมาคียิ้มกริ่ม มัทนาสงสัยว่าอะไร

เจ้าชายมาคีกับมัทนาเดินออกมาด้วยกัน
“สัญญาที่องค์ราชารับสั่งคืออะไรเพคะ”
เจ้าชายมาคียิ้มกริ่ม
“ไม่มีอะไรหรอกครับ กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”
มาคีประคับประคองมัทนาไป มัทนายังคิดหันไปทางห้องที่เดินออกมา

ราชาอินทรา โภคิน และ คามินนั่งคุยเรื่องเจ้าชายคามินอยู่ด้วยกัน
“นี่ถ้าเจ้าชายทรงทราบว่าฝ่าพระบาททรงกำหนด วันอภิเษกแล้ว ก็จะดีพระทัยมาก” เจ้าชายมาคีบอกยิ้มแย้ม
“เรายังไม่อยากให้ข่าวแพร่ออกไป จนกว่าทุกอย่างจะแน่นอน...คามินคงยังไม่รู้...”
คามินรอฟังอย่างตั้งใจว่าจะพูดเรื่องอะไร เจ้าชายอินทราหันไปยิ้มพยักหน้ากับโภคินให้บอกได้
“การอภิเษกจะเลื่อนขึ้นมาเป็นวันเพ็ญเดือนนี้”
คามินอึ้งทันที ราชาอินทราเข้ามาจับบ่าคามิน
“ไม่เสียแรงที่เราไว้ใจเจ้า ถ้ามาคีเปลี่ยนแปลงได้จริง เราก็ตายตาหลับแล้ว”
“อย่าตรัสเช่นนั้น พระองค์ต้องทรงอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวรายาตลอดไป”
“ความตายเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่เรามั่นใจ ขอเพียงมีเจ้าอยู่ข้างมาคี รายาก็จะรอดปลอดภัยจากทุกสิ่ง”
คามินทรุดลงกล้ำกลืนน้ำตา
“เกล้ากระหม่อม อาจจะทำไม่ได้อย่างที่ทรงหวัง”
“เจ้าต้องทำได้แน่ คามิน”
โภคินมองท่าทีคามินอย่างสงสัย

ค่ำคืนนั้น...คามินเดินมาที่ลานซ้อม หยิบอาวุธมา ร่ายรำซ้อมระบายอารมณ์ แต่ได้ยินเสียงเฮฮา เลยเดินไปดู เห็นเหล่าองครักษ์นำโดยชาลี กำลังนั่งกินเหล้ากัน
“ทำอะไรกัน”
ทุกคนลุกพรึ่บ ชาลีหน้าเสีย
“ท่านคามิน เอ่อ...คือ พวกผมออกเวรก็เลยมาดื่มอะไรกันนิดหน่อย”
“ไม่รู้เหรอว่าในเขตลานซ้อม ห้ามดื่มของมึนเมา”
“ผมผิดไปแล้วครับ”
“ถ้าไม่อยากโดนลงโทษ ก็ไปเอาแก้วมาอีกใบ”
“หะ” ชาลีกับทุกคนงง
คามินถอดเสื้อตัวนอกออกแล้ว นั่งชนแก้วกับลูกน้องจนเมา
“แด่ หัวหน้าที่เป็นแบบอย่างของพวกเรา” ชาลีชูแก้วขึ้น
“เฮ้ยๆ เปลี่ยนๆ เปลี่ยนเป็นแด่ หัวหน้าที่ไม่เอาไหนที่สุด แถมยังเลวไม่มีใครเปรียบ”
“ถ้าหัวหน้าเลวก็ไม่มีคนดีเหลือในโลกแล้วครับ”
“บอกว่าเลวก็เลวซิ กล้าเถียงผู้บังคับบัญชาเหรอ”
“ก็ได้ครับ แด่หัวหน้าที่เลวที่สุด”
“ดีมาก ฮ่ะๆ” คามินหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่มีใครเข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไร

วันใหม่ พระนางสาวิตรี นั่งดูโทรทัศน์ที่ลงข่าวเจ้าชายมาคีไปเยี่ยมชาวบ้านพร้อมมัทนาอย่างเครียดๆ เพราะชาวบ้านต้อนรับมัทนาอย่างดี จึงกดรีโมทปิดอย่างหัวเสีย นางกำนัลเดินเข้ามารายงาน
“ท่านสุเทษมาแล้วเพคะ”
สุเทษเดินเข้ามาทำความเคารพ
“ถวายพระพรพะยะค่ะ”
“ทำไมพี่วิฑูรยังไม่กลับมาอีก มัวทำอะไรอยู่รู้มั้ยว่าตอนนี้นังผู้หญิงไทยนั่นมันสร้างภาพจนคนรายาชื่นชมมันหมดแล้ว”
“ท่านวิฑูรติดภารกิจสำคัญอยู่ที่ชายแดนพะยะค่ะ”
“อะไรจะสำคัญมากกว่าเรื่องนี้อีก ถ้ามาคีแต่งงานกับมัทนาทุกอย่างก็จบ เราคงรอพี่วิฑูรไม่ได้แล้ว”
“เกล้ากระหม่อมทำงานพลาดไปหลายครั้ง คราวนี้ขอเกล้ากระหม่อมแก้ตัวจะได้มั้ยพะยะค่ะ”
สาวิตรีมองสุเทษ ชั่งใจว่าจะไว้ใจดีมั้ย


สินธรมาหาคามินที่บ้าน
“ท่านคามินครับ ท่านคามิน”
สินธรเปิดเข้ามาในห้องนอน ที่นอนเรียบเหมือนไม่มีใครนอน สินธรงง

มัทนาเดินออกมาจากตำหนัก เห็นเจ้าชายมาคียืนรอรับอยู่หน้ารถ สินธรยืนอยู่ด้วยพร้อมทหาร
มัทนาถอนสายบัว
“ความงดงามของคุณมัทไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย” เจ้าชายมาคีมองอย่างชื่นชม
มัทนายิ้มเซ็งๆ มองไปทั่วๆไม่เห็นคามิน
“เอ๊ะคุณคามินล่ะเพคะ”
“สินธรบอกว่าคามินไม่ค่อยสบาย”
“คุณคามิน ไม่สบายเป็นอะไร” มัทนาถามอย่างตกใจ แล้วรีบสงบลง พูดยิ้มๆ “คนเหล็กอย่างคุณคามินรู้จักคำว่าไม่สบายด้วยเหรอ”
“ช่วงนี้ท่านคามินทำงานหนักมากครับ” สินธรตอบเลี่ยงๆ
“นั่นสิปกติคามินไม่เคยลาไม่เคยขาดไม่เคยไม่สบาย เสร็จงานเย็นนี้คงต้องไปดูสักหน่อย”
เมื่อเจ้าชายมาคีบอกอย่างนั้น มัทนายิ้มหวานให้
“ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันขอตามเสด็จด้วยนะเพคะ”
“ได้สิครับ แต่ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะครับคุณมัท”
มัทนาขึ้นรถไป เจ้าชายมาคีขึ้นมานั่งคู่ สินธร รีบขึ้นรถไปนั่งคู่กับคนขับ รถออกจากหน้าตำหนักมัทนาไป

บริเวณศูนย์ทอผ้าในหมู่บ้าน ชาวบ้านทอผ้าพื้นเมืองกันอยู่ เจ้าชายมาคีกับมัทนาคุยกับชาวบ้านที่เอาผ้าที่ทอแล้วมาให้ดู มัทนาซักอย่างสนใจ สินธรตามอารักขาติดๆ พวกทหารองครักษ์ตามห่างๆ
“ลายสวยจังจ้ะคิดลายกันเองเหรอ” มัทนาสนใจมาก
“มิได้เพคะ มีคนคิดลายให้พวกเรา พวกเรามีหน้าที่ทอ”
“เก่งมาก ใครกันที่เป็นคนคิดลายแปลกๆพวกนี้” เจ้าชายมาคีสงสัย
ชาวบ้านหันไปมอง ไกลออกไป เห็นด้านหลังหฤทัยกำลังอธิบายชาวบ้านหญิงที่กำลังทอผ้าคนหนึ่งอยู่ หฤทัยหันหน้ามาพูดกับชาวบ้านอีกคนที่เข้ามาถาม เจ้าชายมาคีกับมัทนามองตามไป
เจ้าชายมาคีตะลึง ตกใจมาก ตรงข้ามกับมัทนาที่ดีใจ
“คุณหฤทัย”

มัทนารีบเดินลิ่วๆไปหา เจ้าชายมาคีหน้าซีดยืนนิ่ง สินธรมองมาคีอย่างไม่พอใจ

หฤทัยหันมาเห็นมัทนา เธอมองเลยไปเห็นด้านหลังมัทนา เจ้าชายมาคีกับ สินธรกำลังเดินมา
“ดีใจจังที่ได้พบคุณอีก คุณเป็นคนออกแบบลายผ้าเหรอคะ” มัทนาชวนคุย
“ค่ะ” หฤทัยอึกอัก
“เก่งจัง..คุณไปเรียนมาจากที่ไหนคะ”
เจ้าชายมาคีเข้ามาถึงพอดี จ้องหฤทัยเขม็ง หฤทัยถอนสายบัวไม่สบตา
“ไม่คิดว่าจะเจอน้องหฤทัยที่นี่” เจ้าชายมาคีพูดห้วนๆ
“หม่อมฉันก็ไม่คิดว่าจะเสด็จที่นี่เพคะ หม่อมฉันขอตัวก่อน”
หฤทัยรีบถอนสายบัว มัทนาท้วง
“เดี๋ยวสิค่ะ คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย”
เจ้าชายมาคีร้อนใจ ละล่ำละลักถาม
“บอกอะไร”
หฤทัยมองเจ้าชายมาคีอย่างน้อยใจรีบเลี่ยงไป
“หฤทัยเขาจะบอกอะไรคุณ” เจ้าชายหันมาซักมัทนา
“อ๋อไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไปดูทางโน้นดีกว่า”
มัทนาเดินแยกไป เจ้าชายมาคีมองตามหฤทัยอย่างกังวล หงุดหงิด
“ทำไมหฤทัยจะต้องจงใจมาที่นี่วันนี้”
“องค์ราชินีทรงมอบหมายให้คุณหฤทัยดูแลโครงการนี้นานแล้วพะยะค่ะ” สินธรอธิบาย
“เป็นข้ออ้างมากกว่า ทีหลังขอให้หมายกำหนดการของเราเป็นความลับ จะได้ไม่ต้องมีคนอื่นมาวุ่นวาย”
สินธรเซ็ง ที่เจ้าชายมาคีพูดเอาแต่ใจ

คามินนอนอยู่คนเดียวบนม้ายาว ในลานซ้อม เขาค่อยๆตื่นขึ้นเพราะแดดไล่มา ลุกขึ้นนั่งสลัดหัวอย่างมึนๆ
“โอย”
คามินตบต้นคอ หยีตาดูรอบๆ พอได้สติก็กลายเป็นตาเบิกโพลงอย่างตกใจ
“ทำไมเรามาอยู่ตรงนี้” คามินคิดทบทวน คิดถึงตัวเองที่ดื่มเหล้าจนเมา “บ้าจริง”

หฤทัยเดินมาห่างจากทุกคนออกมา เจ้าชายมาคีตามมาติดๆ ตะโกนเรียก
“หฤทัย”
หฤทัยตกใจหันไปมองเห็นเจ้าชายมาคีตามมา หฤทัยรีบวิ่ง แต่ถูกกระชากตัวไว้
“เจ้าชาย”
เจ้าชายมาคีตะคอก
“เธอจะบอกอะไรคุณมัท บอกอะไร”
“ตรัสเรื่องอะไรเพคะ”
“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อ เธอคิดจะบอกเรื่องคืนนั้นใช่มั้ย”
“เปล่านะเพคะ..หม่อมฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”
“โกหก ก็คุณมัทพูดอยู่เมื่อกี้ว่าเธอจะบอกอะไร”
หฤทัยเจ็บใจ
“ที่ทรงวิ่งตามหม่อมฉันมาเพราะทรงห่วงแค่เรื่องนี้เหรอเพคะ ทรงอย่ากังวลจนวิตกจริตเลยเพคะ หม่อมฉันสาบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์แล้ว น่าจะทรงวางพระทัยได้”
หฤทัยสะบัดหลุดจากเจ้าชายมาคี มองอย่างเย็นชาก่อนเดินไป
“เดี๋ยวก่อน หฤทัย” เจ้าชายมาคีตาม

หฤทัยเดินเร็วๆผ่านโรงนามา โรงรีดนมวัวอยู่ด้านหน้า หฤทัยมองซ้าย ขวาหาที่หลบ หันไปเห็นโรงนาด้านหนึ่ง จึงรีบวิ่งไปหลบอยู่ด้านใน มาคีตามมา
ภายในโรงนาเก่าๆ เต็มไปด้วยกองฟาง หฤทัยเดินไปแอบหลังกองฟาง
“หฤทัย” เสียงเจ้าชายมาคีดังมา
หฤทัยแอบอยู่เงียบๆ ครู่ใหญโผล่หน้าไปมอง ไม่เห็นเจ้าชายมาคีแล้วก็โล่งใจ จะออกไป แต่เกิดวิงเวียน เลยต้องทรุดลงนั่งพิงกองฟาง

โรงรีดนมวัว...มัทนากำลังลองรีดนมวัว เจ้าหน้าที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ สินธรชะเง้อชะแง้บอกชาลี
“ฉันจะไปตามเจ้าชาย นายอยู่ที่นี่”
“ครับ”
สินธรจะไป แต่มาคีเดินหน้ามุ่ยมา สินธรชะงัก
“เราอยากกลับแล้ว คุณมัทนาล่ะ”
“ทดลองรีดนมวัวอยู่พะยะค่ะ”
มัทนาลุกขึ้น เจ้าหน้าที่ส่งผ้าให้เช็ดมือให้ เจ้าชายมาคีเร่ง
“คุณมัทครับ ผมว่าเรากลับก่อนดีกว่า ยังต้องไปอีกหลายที่”
“หม่อมฉันว่า เราน่าจะชวนคุณหฤทัยไปด้วยนะเพคะ”
“อย่าเลยครับ ผมคุยกันฤทัยบอกว่าไม่ค่อยสบาย อยากกลับ อย่าไปทรมานเขาเลย”
“ก็ได้เพคะ”
จู่ๆกองฟางที่มัดเรียงไว้ด้านบน หล่นลงมา สินธรเงยไปเห็นก่อนรีบผลักเจ้าชายมาคีหลบไป
“อารักขาเจ้าชายเร็วเข้า”
ทหารรีบกรูเข้ามาช่วยประคองเจ้าชายมาคีที่ล้มลง สินธรเดินไปสำรวจกองฟางอย่างไม่ไว้ใจ
“นี่มันอะไรกัน บ้าจังมันหล่นมาได้ยังไง”
“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ” เจ้าหน้าที่หน้าเสีย
มัทนารู้สึกเหมือนเห็นคนวิ่งหลบออกไป มัทนาหันขวับมองตาม
“มีคนวิ่งออกไปทางนั้น”
ทุกคนกำลังสนใจแต่เจ้าชายมาคี มัทนาวิ่งตามออกไป มัทนาชะงักเห็นชายชุดดำ โพกหน้า ที่หยุดหันมามอง มัทนาตะลึง
“ไม่ใช่อุบัติเหตุ”
ชายชุดดำวิ่งต่อไปทางโรงนา มัทนาตามมาถึงประตูโรงนา ชายชุดดำหายไป มัทนามองประตู ลังเลมองซ้ายขวาเห็นไม้ท่อนหนึ่ง จึงคว้าขึ้นมา ค่อยๆเปิดประตูเข้าไป สุเทษซึ่งเป็ชายชุดดำคนนั้น ปิดล็อกกุญแจทันที

ในโรงรีดนมวัว...สินธรที่เดินสำรวจกลับมารายงาน
“ไม่มีอะไรพะยะค่ะคงเป็นอุบัติเหตุ”
“เราก็คิดว่ายังงั้น...แต่คุณมัทคงตกใจแย่” เจ้าชายมาคีชะงักไม่มีมัทนา “คุณมัท..คุณมัทหายไปไหน”
สินธรตกใจ ทหารพากันมองหา
“แย่แล้วเราหลงกลมันจนได้” สินธรหน้าซีด

มัทนาถือไม้ค่อยๆย่อง เห็นเงาหฤทัยที่นั่งพิงกองฟางอยู่ทอดออกมาที่พื้น มัทนาพุ่งเข้าไปทันทีเงื้อไม้
“แกเสร็จฉันแล้ว”
หฤทัยกรีดร้อง
“ว้าย...”
มัทนาเงื้อค้าง เสียงดังไม่แพ้กัน
“คุณหฤทัย”
ด้านนอก...สุเทษถือคบไฟจุดลงที่กองฟาง

เจ้านางสาวิตรีเดินเข้าไปในหอง นั่งลงอย่างไม่พอใจ ราชาอินทราเดินตามมานั่งด้วย
“เสด็จมาหาหม่อมฉันถึงห้องนี่คงมีธุระสำคัญมาก”
“เลิกประชดประชันกันสักทีเถอะสาวิตรี เราควรจะคุยกันดีดี ปรึกษากันเพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกของเรา”
“ปรึกษาเหรอเพคะ เท่าที่จำได้ ทรงตัดสินพระทัยด้วยองค์เองมาตลอด โดยหม่อมฉันไม่เคยได้ออกความเห็นอะไรเลย”
“แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่ามาคีลุกขึ้นมาตั้งใจทำงานก็เพราะมัทนา”
“ก็เพราะนังผู้หญิงคนนี้มันใช้เล่ห์มารยายั่วยวนลูกเราจนหน้ามืดตามัวน่ะซิเพคะ ผู้หญิงที่ช่ำชองเล่ห์โลกีย์ จะจูงจมูกผู้ชายยังไงก็ได้”
“นี่เจ้ากำลังดูถูกลูกชายตัวเองนะ”
“หม่อมฉันรู้จักลูกชายตัวเองมากกว่า มาคีหัวอ่อนรักง่าย เลิกง่าย ไอ้คามินมันก็เลยหาผู้หญิงอย่างมัทนามาล่อลวงให้มาคีหลง”
“เลิกพูดเหลวไหลแบบนี้ซะที”
“แต่คามินกับมัทนาเป็นชู้รักกันจริงๆ”
“นอกจากดูถูกลูกชายตัวแล้ว เจ้ายังดูถูกผู้หญิงด้วยกันอีกด้วย เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
ราชาอินทราโมโหมาก เดินออกไป
“ใช่ เราคงไม่ต้องคุยกัน เพราะจากวันนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อมัทนาอีกแล้ว” สาวิตรีบอกอย่างแค้นๆ

ในโรงนา...หฤทัยลุกขึ้นยืนอย่างตกใจมาก
“คุณมัทนา”
“คุณ..มาทำอะไรในนี้ค่ะ”
“ฉัน..คือ...”
มัทนาทำจมูกฟุดฟิด
“เอ๊ะกลิ่นอะไร”
หฤทัยมองไปทั่วๆเห็นควันไฟลอดเข้ามาทางประตู
“นั่นควันอะไร”
มัทนามองตามตกใจ
“ไฟไหม้..แย่แล้ว เร็วค่ะคุณหฤทัยเราต้องรีบออกไปจากที่นี่”
มัทนาวิ่งนำไปที่ประตูจะเปิดแต่เปิดไม่ออก พยายามเขย่าแรงๆ
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ฉันก็ไม่รู้..ทำไมอยู่ๆประตูเปิดไม่ออก”
มัทนาวิ่งไปรอบๆโรงนาหาทางออก หฤทัยวิ่งตามแต่ซวนเซล้มลง มัทนาหันมาเห็นเข้ามาประคอง
“คุณหฤทัย”
ควันไฟลอดเข้ามามากขึ้น สองคนเริ่มสำลักควันไอกันเสียงดัง
“คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะฉันจะลองไปดูด้านหลัง”
มัทนารีบวิ่งไป หฤทัยเริ่มแย่สำลักควันมากขึ้น มองมัทนาที่พยายามจะพังประตูด้านหลัง มัทนาเริ่มพร่า ขณะที่หฤทัยสลบไป มัทนาไม่ละความพยายาม ไอไป หาไม้งัดประตูสุดกำลัง
“ออกสิ..ออกสิ..”
มัทนางัดจนไม้หัก มัทนายืนหอบหันมาเห็นหฤทัยสลบกับพื้น มัทนาวิ่งมาประคอง
“คุณหฤทัย....คุณเป็นไงบ้าง..”
ควันเข้ามาหนาแน่นมากขึ้นทุกที มัทนาเริ่มไอหนัก ควันขาวเต็มโรงนา เสียงปืนดังปังที่ประตูหน้า มัทนาเพ่งมองผ่านควัน มัทนาดีใจที่คามินวิ่งฝ่าควันเข้ามา
“คามิน...”
มัทนาโผเข้ากอดคามิน
“คุณไม่เป็นไรนะ”
มัทนาพยักหน้า คามินหันไปเห็นหฤทัย คามินตกใจ
“คุณหฤทัย”
คามินรีบเข้าไปประคอง เขย่าเรียกท่าทางห่วงมาก
“คุณหฤทัยทำไมมาอยู่ในนี้”
“ฉันก็งงเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันถามอะไรกัน ไฟก็ไหม้ก่อน”
“คุณหฤทัยอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ ผมจะพาคุณออกไปเดี๋ยวนี้”
มัทนามองตาปริบๆ เมื่อเห็นดูจะเป็นห่วงหฤทัยมาก คามินช้อนตัวหฤทัยอุ้มขึ้น หันมาสั่ง
“ไฟแรงขึ้นทุกทีแล้ว เราต้องรีบออกไป ตามผมมาเร็วเข้านะ”
มัทนาพยักหน้า มองคามินอุ้มหฤทัยวิ่งนำไป มัทนารีบวิ่งตาม ทันใดนั้นกระท่อมโรงนาพังลงมาไฟลุกโชน สามคนรอดหวุดหวิด คามินวางหฤทัยลงเรียกเสียงดัง
“คุณหฤทัย ทำไมไม่ได้สติเลย”
มัทนามองท่าทางร้อนใจของคามินอย่างแปลกใจ
“คงสูดควันเข้าไปเยอะมั้ง”
สินธรวิ่งมารายงาน
“มันหนีไปได้ครับ”
“ฉันจะรีบพาคุณหฤทัยไปให้หมอตรวจ ขืนช้าแย่แน่ๆ นายพาเจ้าชายกับคุณมัทนากลับไปเดี๋ยวนี้”
คามินอุ้มหฤทัยวิ่งหน้าตื่นไป สินธรมองตามอย่างเป็นห่วง มัทนายืนงง เจ้าชายมาคีวิ่งมาถึง
“คุณมัท ผมดีใจที่คุณปลอดภัย”
“แต่คุณหฤทัยเธอสำลักควันจนสลบไปค่ะ คามินกำลังพาไปหาหมอ”
“หฤทัยเหรอ” เจ้าชายมาคีแปลกใจ

คามินนั่งอยู่หน้าห้องตรวจ เทวีวิ่งมาอย่างร้อนใจ
“ไหน หฤทัยอยู่ที่ไหน”
“อยู่ในห้องครับ หมอกำลังตรวจอยู่”
“ตกลงแกทำอะไรลูกฉัน หา...”
“ผม...”
ยังไม่ทันได้ตอบ หมอออกมาจากห้อง
“คุณหฤทัยฟื้นรึยังครับ”
“ยังครับ คงตกใจประกอบกับร่างกายของเธอตอนนี้อ่อนแออยู่”
“หมอก็รีบรักษาลูกฉันสิ ทำยังไงก็ได้”
“ไม่ต้องห่วงนะครับตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วโชคดีที่เธอสำลักควันไม่มาก จึงไม่เป็นอันตรายกับเด็กในท้อง”
“อะไรนะ ใครท้อง”
“คุณหฤทัยเธอตั้งครรภ์ได้เกือบเดือนแล้วครับ”

เทวีตะลึง คามินรู้แล้วจึงไม่ตกใจ แต่เครียด
 
จบตอนที่ 9


กำลังโหลดความคิดเห็น