xs
xsm
sm
md
lg

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 8

ในสวนวังรายา...มินตราเดินมาอย่างระแวดระวังเห็นทหารยามเดินสวนมาสองนาย เธอรีบหลบมุม ทหารยามเดินผ่านไปไม่เห็น มินตราถอนหายใจโล่งอก จะเดินต่อแล้วชะงักเมื่อเห็นชวาลถือกล่องไม้สวยงามใบหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่หน้ากองไฟ เธอแอบมองอย่างสงสัย


ชวาลหยิบรูปและจดหมายของกรรณิการ์ออกจากกล่อง โยนใส่กองไฟอย่างรีบร้อนเพราะกลัวผี
“คุณกรรณิการ์ ขอให้ดวงวิญญาณของคุณให้อภัยผมด้วย ผมจำเป็นต้องทำลายหลักฐานตามพระบัญชาของเจ้าชาย ไม่ได้คิดจะลบหลู่อะไรคุณเลย”
“ดวงวิญญาณ...กรรณิการ์ตายแล้วเหรอ” มินตราสงสัยมาก
“ที่ผ่านมา สิ่งใดที่ผมมีส่วนร่วมทำให้คุณต้องพบจุดจบที่น่าอนาถแบบนี้ อภัยผมด้วยนะครับ”
มินตราเอาไอแพดเล็กๆ แอบถ่ายก้าวไปหามุม จนไปเหยียบใบไม้ดังกร็อบ ชวาลชะงัก
“สะ เสียงอะไร”
มินตราถอยกลับ เสียงดังอีก ชวาลหันมา
“ใครวะ อย่ามาล้อเล่นนะ...”
ชวาลกลัวๆกล้าๆ ค่อยๆ ขยับมาใกล้ มินตราเห็นจวนตัวเอาผมปรกหน้า ชวาลแหวกกิ่งไม้ฟึ่บเจอมินตราหัวกระเซิงในเงามืด ชวาลตาเหลือก
“ชัด...แจ่ม ผีหลอก”
ชวาลทิ้งรูปสุดท้ายที่ถือ วิ่งกระเจิดกระเจิงไป มินตราโล่งใจรีบวิ่งไปที่กองไฟ จะหยิบของออกมา แต่หยิบไม่ได้ไหม้หมดแล้ว มินตราเหลือบเห็นรูปกรรณิการ์ที่ตกหยิบมาดูอย่างสงสัย

เช้าวันใหม่...ราชาอินทรา คามิน และโภคิน ปรึกษากันถึงเรื่องกรรณิการ์อย่างเครียดๆ
“ถ้าข่าวการตายของกรรณิการ์หลุดออกไป ชาวรายาคงพากันรังเกียจมัทนาแล้วก็ไม่ยอมรับเป็นราชินีองค์ใหม่” ราชาอินทราพูดขึ้นอย่างหนักใจ
“เกล้ากระหม่อมสั่งการไปแล้วพะยะค่ะว่าห้ามให้ข่าวพวกนี้แพร่ออกนอกวังเด็ดขาด” โภคินกราบทูล
ราชาอินทรามองโภคินอย่างชื่นชมในความรู้ใจ คามินรู้สึกผิด
“หากเกล้ากระหม่อมดูแลความปลอดภัยให้เข้มงวดกว่านี้คุณกรรณิการ์คงเข้ามาในงานไม่ได้ ทั้งหมดเป็นความบกพร่องของเกล้ากระหม่อมโปรดลงพระอาญาด้วยพะยะค่ะ”
“เจ้าคนเดียว จะดูแลทุกคนให้ปลอดภัยคงไม่ได้ โดยเฉพาะ ถ้าต้องต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามที่มีคนหนุนหลัง”
โภคินแปลกใจ
“พระองค์ทรงหมายถึงสงสัยองค์ราชินีเหรอพะยะค่ะ”
ราชาอินทราหน้าเครียดไม่ตอบ

พระนางสาวิตรีคิดเครียด นึกถึงเหตุการณ์หลังงานเลี้ยงที่ผ่านมา จึงแอบคุยกับนายพลวิฑูรในมุมลับตา
“ทำไมพี่ถึงทำอะไรโดยพลการแบบนี้ น่าจะรู้ว่าน้องถูกเสด็จพี่จับตามองอยู่”
“เกล้ากระหม่อมต้องขอประทานอภัย ในเมื่อใบปลิวไม่สามารถ หยุดยั้งการอภิเษกได้ ก็มีแต่ทางนี้ทางเดียว”
“แต่นี่มันถึงตายเชียวนะ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ มาคีก็จะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย”
“วางพระทัยได้ องค์ราชาไม่มีวันยอมให้ชื่อเสียงขององค์รัชทายาทมัวหมองแน่ ที่น่าเป็นห่วงก็คือเจ้าชายเท่านั้น”

ปัจจุบัน...เจ้าชายมาคีมาพบพระนางสาวิตรี
“เสด็จแม่ กรรณิการ์ตายแล้ว”
พระนางสาวิตรีมองเจ้าชายมาคีอย่างสงสารรีบเข้าไปกอด
“แม่รู้แล้ว...ไม่เป็นไรนะลูก”
เจ้าชายมาคีร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก
“เสด็จแม่ทรงรับปากว่าจะดูแลกรรณิการ์อย่างดี ทำไมปล่อยให้กรรณิการ์ออกมาอย่างนี้พะยะค่ะ”
“ไม่มีใครรู้ว่ากรรณิการ์หนีออกมาได้ยังไง”
เสียงราชาอินทราดังเข้ามา
“แน่ใจเหรอ”
“เสด็จพ่อ”
ราชาอินทรามองมาคีอย่างตำหนิ
“นี่คงจะมาให้แม่เจ้าช่วยคิดละสิว่า จะแก้ปัญหาเรื่องกรรณิการ์ยังไง”
“ลูกยังไม่ได้ให้หม่อมฉันช่วยแก้ไขอะไรเลยเพคะ...แล้วตอนนี้ลูกก็กำลังเสียขวัญเสด็จพี่อย่าเพิ่งซ้ำเติมลูกเลยเพคะ”
“เราไม่ได้ซ้ำเติมแต่ที่เราต้องพูดเพราะต้องการเตือนสติ มาคีจะได้ไม่มอบกุณฑลให้ใครส่งเดชจนผู้หญิงคนนั้นต้องถูกทำร้ายแล้วพบจุดจบที่น่าอนาถย่างกรรณิการ์อีก”
เจ้าชายมาคีรู้สึกผิด
“ลูก...ลูกไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายขนาดนี้”
“ใช่...เพราะไม่คิด มันถึงได้เป็นแบบนี้”
“แล้ว...ลูกจะทำยังไงดี มัทนาต้องรู้เรื่องกรรณิการ์แน่ๆ”
“ลูกผู้ชาย กล้าทำ ต้องกล้ารับ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว ออกไปก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่เจ้า...”
เจ้าชายมาคีมองแม่ พระนางสาวิตรีพยักหน้า เจ้าชายมาคีจำต้องออกไป

ในตำหนัก...มัทนาตกใจกับสิ่งที่มินตราบอก
“ผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว”
มินตราพยักหน้า
“ค่ะ...พี่พยายามสืบถามจากพวกนางกำนัล แต่ก็ไม่ได้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ดูเหมือนทุกคนไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้”
“กรรณิการ์คนนี้ต้องมีความสำคัญอะไรสักอย่างถึงได้ลึกลับนัก”
“คำตอบอาจจะอยู่ในนี้ก็ได้ค่ะ...” มินตรายื่นรูปให้
“อะไรคะเนี่ย”
“พี่แอบเห็น นายชวาลมหาดเล็กของเจ้าชาย เอารูปพวกนี้ไปเผาทิ้ง พี่เก็บมาได้แค่รูปเดียว
หลังรูปมีข้อความเขียนอยู่ด้วยนะคะ”
มัทนาพลิกรูปอ่านข้อความ
“ภาษารายา มัทอ่านไม่ออกหรอกค่ะ”
“พี่เอามือถือถ่ายหลังรูปแล้วหลอกถามคุณบุหลันมาแล้วค่ะ มันเป็นเพลงพื้นเมืองของรายา นี่ค่ะคำแปล”
มินตรายื่นกระดาษที่จดคำแปลมาให้ มัทนารับมาอ่าน
“ให้รักนี้ได้ซึมซาบลงในดวงใจ ให้รักนี้เอ่ยคำที่ฉันพูดไป ใจของเธอมีฉันหรือไม่ แต่ใจฉันมีแค่เพียงเธอ...มันเป็นข้อความที่เขียนถึงคนรัก...หมายความว่าคุณชวาลกับคุณกรรณิการ์...”
“ผู้หญิงสวยขนาดนี้ไม่น่าจะสนใจคุณชวาลนะคะ แต่ถ้าเป็นเจ้าชายของคุณชวาลก็พอจะเป็นไปได้”
มัทนาเครียด นึกถึงเหตุการณ์ที่โดนกรรณิการ์ทำร้าย...กรรณิการ์บุกเข้ามาในงานเลี้ยง เธอเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างทันที

ห้องโถงวังรายา...ราชาอินทราพูดกับพระนางสาวิตรีอย่างไม่พอใจ
“แก้ปัญหาที่ตัวเองก่อยังทำไม่ได้...ขึ้นเป็นราชาจะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ยังไง”
“มาคียังเด็กเสด็จพี่ต้องให้เวลาลูกได้เรียนรู้การใช้ชีวิตบ้างนะเพคะ”
“เรียนรู้ชีวิตด้วยการไม่สนใจว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“คนเราต้องเคยทำผิดกันทั้งนั้นหรือเสด็จพี่ไม่เคยเพคะ”
ราชาอินทราเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง คิดถึงปรารถนาแล้วพูดอย่างเจ็บปวด
“เพราะเคยน่ะสิ เราถึงไม่อยากให้มาคีทำให้ใครเดือดร้อนเหมือนที่เราเคยทำ”
“เสด็จพี่ทรงทำสิ่งใดผิดพลาดเหรอเพคะ”
“เราไม่อยากพูดถึงมันอีก...ที่มานี่เพราะเราอยากรู้ว่ากรรณิการ์เข้ามาในงานพิธีได้ยังไง”
“น่าขำ คนของเสด็จพี่เป็นคนควบคุมกรรณิการ์ไว้นะเพคะ ไม่ใช่หม่อมฉัน”
“แล้วเรื่องใบปลิวนั่น...”
“นี่เสด็จพี่คิดว่าหม่อมฉันเป็นคนเอาใบปลิวพวกนั้นมาแจกเหรอเพคะ...แทนที่จะทรงร้อนพระทัยกับเรื่องฉาวๆของลูกสะใภ้ในอนาคต กลับทรงมาสอบสวนเอาผิดกับหม่อมฉัน”
ราชาอินทราได้แต่ข่มอารมณ์
“หม่อมฉันไม่เข้าใจเลย ผู้หญิงที่ประพฤติตัวเหลวแหลกขนาดนั้น....มีดีอะไรที่ทำให้ทรงต้องการยัดเยียดให้มาคีนัก ทำไมเพคะ ผู้ชายทั้งเมืองไทย ไม่มีใครอยากได้หล่อนแล้วหรือไง”
ราชาอินทราเน้นเสียงเข้ม
“มัทนาเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทั้งโลกใฝ่ฝันจะได้ไปเป็นคู่ชีวิต ตอนนี้มาคีต่างหากที่ไม่คู่ควร”

พระนางสาวิตรีโกรธสุดๆ ราชาอินทราเดินกลับไป

หน้าตำหนักเจ้าชายมาคี...ชวาลนั่งสวดมนต์ มัทนาเดินเข้ามา
“ชวาล”
ชวาลชะงัก ลืมตาเห็นชายกระโปรง
“มาอีกแล้ว...ฮือๆ คุณกรรณิการ์ อย่ามาหลอกมาหลอนผมเลย ที่ผมเอารูปคุณไปเผา เพราะเจ้าชายมีรับสั่งให้ทำ เพราะกลัวว่าคุณมัทนาจะมาเห็นเข้า”
“แล้วถ้า มัทนาเห็นแล้วจะเป็นยังไง”
“ก็บรรลัยน่ะสิครับ”
ชวาลหยุดแล้วเงยหน้าเห็นเป็นมัทกอดอกอยู่
“คุณมัทนา”
มินตรายืนอยู่ข้างหลังมัทนาด้วย

ลานซ้อมอาวุธ...เจ้าชายมาคีกำลังยิงธนูระบายอารมณ์ แต่ไม่โดนเป้า สินธรอยู่ข้างๆ คอยส่งลูกธนูให้
“โธ่เว้ย...” เจ้าชายมาคียิ่งยิงไม่ถูกยิงโมโห
“ฝ่าบาท ทรงพักก่อนเถอะพะยะค่ะ พระหัตถ์ห้อพระโลหิตแล้ว”
มือเจ้าชายมาคีแดง
“อย่ามาสั่งเรา เอาลูกธนูมา”
สินธรอึกอัก
“แต่กระหม่อมยอมให้พระองค์ทรงบาดเจ็บไม่ได้”
“มือของเรา เราจะทำมันเจ็บ เกี่ยวอะไรกับเจ้า บอกให้เอาลูกธนูมา”
เจ้าชายมาคีเดินไปหยิบเอง...จะยิง สินธรมาขวาง
“อย่านึกว่าเราไม่กล้ายิงนะ ถอยไป”
สินธรไม่ถอย คามินมาถึงพอดี
“อย่า...”
เจ้าชายมาคียิงออกไป แต่ปรากฏว่าไม่ถูก เจ้าชายมาคีฟาดคันธนูจนหัก แล้วเดินไป คามินหันมาถามสินธร
“เกิดอะไรขึ้น”

ชวาลพยายามปฎิเสธ ในสิ่งที่มัทนาถาม
“ผมไม่รู้จริงๆครับ รูปนี้ผมก็ไม่เคยเห็นมาก่อน”
“งั้นเหรอ แต่มีคนเห็นว่าเมื่อคืนคนที่เอารูปนี้ไปเผาคือนาย”
“ไม่ไช่ครับ ไม่ใช่แน่นอน...คนคนนั้นต้องตาฝ้าฟาง หรือไม่ก็จำคนผิด”
มินตรามองหน้ากับมัทนา แล้วส่งไอแพดเล็กๆให้ มัทนาเปิดภาพที่มินตราแอบถ่ายชวาลให้ดู ชวาล ตะลึงเข่าอ่อน
“ฮือๆ...มันต้องเป็นภาพตัดต่อแน่ๆ ผมถูกใส่ร้าย”
มัทนาเริ่มโมโห
“ได้ ถ้านายไม่ยอมพูด ฉันจะทูลองค์ราชาว่าเมื่อคืน นายแอบเข้าไปในตำหนักฉัน แล้วก็ขโมยเครื่องประดับฉันไป”
มัทนารูดกำไลที่มือออกมา ชวาลอ้าปากค้าง
“แต่ผมไม่ได้ทำ เจ้าชายไม่ทรงเชื่อแน่”
“งั้นก็ลองดูมั้ยล่ะ” มัทนาขู่
ชวาลซีด มัทนาทำหน้าเหี้ยม มินตราแอบยิ้ม

เจ้าชายมาคีนั่งเครียดตามลำพัง คามินเดินเข้ามา
“ฝ่าบาท”
“เราไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยนะคามิน เราไม่ได้อยากให้กรรณิการ์ตาย”
“อย่าทรงโทษองค์เองเลย มันเป็นอุบัติเหตุ”
“แล้วมัทนาจะเชื่ออย่างนั้นหรือเปล่า”
“คุณมัทนาก็อยู่ในเหตุการณ์ เธอคงไม่โทษฝ่าบาทเหมือนกัน”
“แล้วถ้าคุณมัทรู้ว่ากรรณิการ์เป็นอะไรกับเราล่ะ...”
“องค์ราชาทรงมีพระบัญชาให้ทุกคนปิดปากเรื่องนี้แล้ว คุณมัทนาไม่มีทางทราบ”
“คุณมัทไม่ใช่ผู้หญิงแบบหฤทัยจะได้โดนหลอกง่ายๆ เธอไม่มีทางเชื่อ แล้วถ้าเธอรู้ความจริง เธอต้องเกลียดเรา แล้วเราก็จะสูญเสียเธอไปตลอดกาล...”
“ฝ่าบาท อย่าเพิ่งกังวลพระทัยเกินไป เรื่องไม่เลวร้ายแบบนั้นแน่ กระหม่อมจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้คุณมัทนาอภิเษกกับฝ่าบาทให้ได้”
เจ้าชายมาคีดีใจ
“จริงนะ คามิน นายรับปากเราแล้วนะ นายต้องช่วยเราจริงๆนะ เพราะขาดมัทนา เราคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้”
คามินมองเจ้าชายมาคีหนักใจ
“พะยะค่ะ กระหม่อมจะพยายามให้ถึงที่สุด”
เจ้าชายมาคีตบไหล่คามิน
“ขอบใจมาก พี่ชาย ขอบใจ”
คามินได้แต่ยิ้ม ในใจเจ็บปวดกับความรักของตัวเองที่เป็นไปไม่ได้

สุเทษมาพบนายพลวิฑูรในห้องทำงาน
“ผมจัดการปิดปากพวกทหารยามหน้าห้องกรรณิการ์เรียบร้อยแล้วครับ แม้แต่ซากก็ไม่เหลือ”
“ดี คราวนี้ก็มารอดูว่า ระเบิดลูกไหนจะระเบิดก่อน พวกที่เชื่อว่า ชะตาพระคู่หมั้นเป็นกาลกิณี หรือฝ่ายที่ทนความฉาวโฉ่ของพระคู่หมั้นไม่ได้”
“แต่ไม่ว่าระเบิดลูกไหนจะทำงาน การอภิเษกก็คงเป็นไปไม่ได้...”
“ขอแค่เลื่อนออกไป การกำจัดมัทนาก็ไม่ยากแล้ว”
หฤทัยถือถาดแก้วชามาหน้าห้อง พยายามแนบหูฟัง สุเทษเปิดประตูออกมา ถือกระเป๋าเอกสารมาด้วย หฤทัยผงะ นายพลวิฑูรเดินตามออกมาเห็นหฤทัย
“คุณพ่อ ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ ลูกกำลังจะเอาน้ำชาเข้าไปให้”
นายพลวิฑูรหันไปบอกสุเทษ
“ไปรอที่รถ”
สุเทษออกไป นายพลวิฑูรหันไปถามลูกสาว
“แกมีอะไรจะถามฉันใช่มั้ย”
หฤทัยมองวิฑูรงงว่ารู้ได้ไง
“คือ...หฤทัยได้ยินเขาลือกันว่ากรรณิการ์ตายแล้ว จริงเหรอคะ”
“ใช่”
“แล้วที่เขาพูดกันว่าที่กรรณิการ์เป็นบ้าเพราะถูกทรมานล่ะคะจริงรึเปล่า”
นายพลวิฑูรดุ
“นี่ไม่ใช่เวลาที่แกจะสนใจเรื่องของกรรณิการ์นะ...การอภิเษกกำลังจะถูกยกเลิกแกควรจะสนใจตัวเองว่าต้องทำยังไงเจ้าชายถึงจะยอมอภิเษกด้วยเพราะโอกาสกลับมาเป็นของแกอีกครั้งแล้ว”
“การอภิเษกยกเลิก ทำไมละคะ ก็พระคู่หมั้นยังอยู่ทั้งคน”
“ถึงอยู่ก็อยู่ได้อีกไม่นาน...”
นายพลวิฑูรจิบชา วางแล้วเดินไป หฤทัยครุ่นคิดหวั่นใจบางอย่าง

คามินกลับมากับเจ้าชายมาคีที่ตำหนัก ชวาลหน้าซีดร้อนรน คามินหันมาบอกเจ้าชาย
“ทรงพักผ่อน ทำพระทัยให้สบาย ทุกอย่างจะดีขึ้น”
“เราเชื่อนาย...ชวาลๆ เราอยากแช่น้ำอุ่น ด่วน”
เจ้าชายมาคีเดินเข้าไป ชวาลแอบอยู่แถวนั้นโผล่ออกมา
“ชวาล ไม่ได้ยินเหรอ เจ้าชายทรงเรียกหา” คามินดุ
“ได้ยินครับ แต่ตอนนี้มีเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่า การเตรียมห้องสรง”
“เรื่องอะไร” คามินสงสัย

ในห้องประชุมวังรายา...กรมวังกราบทูลราชาอินทรา
“ด้วยเหตุผลที่เกล้ากระหม่อมทูลมาทั้งหมด เกล้ากระหม่อมในฐานะกรมวังที่ดูแลฝ่ายใน อยากให้ฝ่าบาททรงพระกรุณาทบทวนเรื่องงานอภิเษกอีกสักครั้ง”
รัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเสริม
“เกล้ากระหม่อมเห็นด้วยกับท่านกรมวัง เพราะหากยังไม่สามารถชี้แจงเหตุที่เกิดขึ้นกับราชสภาได้ การอภิเษกก็จะไม่เป็นผลดี”
ราชาอินทราพยายามอธิบาย
“แต่เรากลับเห็นว่า การอภิเษกจะช่วยให้ภาพลักษณ์ของมาคีดีขึ้น”
พระนางสาวิตรีรีบขัด
“การแต่งงานกับผู้หญิงที่มีประวัติแย่ๆอย่างมัทนาน่ะเหรอเพคะ จะช่วยมาคี ถ้าจะช่วยจริงๆ เจ้าสาวควรเป็นหฤทัยต่างหาก”

ทุกคนฮือฮา เห็นด้วย

ในตำหนักมัทนา สินธรถามบุหลันอย่างแปลกใจ

“อะไรนะครับ ท่านคามินน่ะเหรอ ให้คนมารับคุณมัทนากับพี่เลี้ยงไปที่ตำหนักเจ้าชาย”
“เรณูบอกแบบนั้น”
“เมื่อสักครู่ ผมอยู่กับทั้งเจ้าชายทั้งท่านคามิน ไม่เห็นมีใครพูดเรื่องนี้ แล้วก็ไม่เห็นคุณมัทนาด้วย”
บุหลันหน้าตื่น
“หรือว่า เรณูจะถูกหลอกอีกแล้ว”
“แล้วคุณมัทนาเธอไปไหนละครับ...ไม่ได้แล้ว ต้องแจ้งท่านคามิน”
สินธรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที

มัทนาเดินมาด้านหน้าทางเข้าตำหนักราชาอินทรากับมินตรา สุเทษ ยืนอยู่กับทหารยาม
“ฉันต้องการเข้าเฝ้าองค์ราชา”
สุเทษขวาง
“องค์ราชาทรงประชุมกับองค์ราชินีแล้วก็ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คุณต้องรอก่อนครับ”
“คุณบุหลันไม่ชอบให้ฉันออกจากตำหนักนานๆ...ฉันไม่มีเวลารอจนองค์ราชาทรงประชุมเสร็จหรอก”
มัทนาจะเดินเข้าไปสุเทษเอาอาวุธขวาง
“ผมขอเข้าไปทูลถามองค์ราชาก่อนครับว่าประทาน อนุญาตให้คุณเข้าเฝ้าได้รึเปล่า”
มัทนาตวาด
“ฉันเป็นว่าที่พระคู่หมั้นที่องค์ราชาทรงเลือกเอง ยังไงก็ทรงอนุญาตอยู่แล้ว...หลีกไป”
สุเทษมองมัทนาอย่างเกรงใจแต่ไม่ยอมลดอาวุธ
“ไม่ได้ครับ”
มัทนายิ้มแล้วยังเดินเข้าไป สุเทษต้องถอย
“ถ้ากล้าแตะต้องตัวพระคู่หมั้นก็เอาซิ”
มัทนาถือโอกาสจู่โจมสุเทษแบบเตะตวัดขาจนสุเทษทรุด มินตราตกใจ

ในห้องประชุม...ราชาอินทราตรัสน้ำเสียงจริงจัง
“เราจะไม่พูดเรื่องคู่อภิเษกของมาคีกันอีก เพราะมัทนาไม่ใช่ตัวปัญหาของเรื่องนี้ การอภิเษก
ระหว่างมาคีกับมัทนาจะยกเลิกได้เพราะเหตุผลเดียว คือมัทนาขอถอนหมั้น”
มัทนาเดินเข้ามาถวายความเคารพแบบรายา
“ถวายพระพรและขอประทานอภัยเพคะ”
พระนางสาวิตรีมองมัทนาไม่พอใจ
“จะเข้าเฝ้าต้องให้ทหารเข้ามาขอประทานอนุญาตก่อน เธอเข้ามาโดยพลการได้ยังไงไม่มีมารยาทเลย นี่หรือหญิงในราชสกุลที่ผ่านการอบรมมาอย่างดี”
“หากไม่มีเรื่องด่วน หม่อมฉันคงไม่ถือวิสาสะเข้ามา และเท่าที่ได้ยินเมื่อครู่ ทุกคนก็กำลังพูดถึงหม่อมฉันอยู่หม่อมฉันควรมีส่วนรับรู้ด้วย”
“บังอาจ เห็นรึยัง คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้น่ะเหรอจะมาเป็นราชินีของรายา” พระนางสาวิตรีตวาด
ทุกคนทำหน้าไม่พอใจ ราชาอินทราหันมาหามัทนา
“ถ้าเจ้ามีเรื่องด่วนจริง เราก็จะพักการประชุมไว้ก่อน”
นายพลวิฑูรรีบขัด
“แต่การประชุมวันนี้เป็นเรื่องสำคัญนะพะยะค่ะ ไม่ควรปล่อยให้เนิ่นนาน โดยเฉพาะเรายังไม่ได้พูดเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานกันเลย”
มัทนาแทรกขึ้น
“ไม่ต้องพักหรอกเพคะ เพราะเรื่องที่หม่อมฉันจะพูดก็เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานและ ผู้หญิงคนนี้”
มัทนาชูรูป ทุกคนอึ้ง...

เจ้าชายมาคีอยู่ในห้องสรงฮัมเพลง หลับฝันดี เพลงเดียวกับที่เขียนหลังรูป ชวาล ยืนร้องไห้ เจ้าชายมาคีลืมตามอง
“นั่นเจ้าร้องเพลงอะไรชวาล น่ารำคาญ”
“กระหม่อมร้องไห้ต่างหากพะยะค่ะ”
“เป็นอะไรไปอีก ใครรังแกเจ้า เดี๋ยวเราจะไปจัดการให้”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ แค่ทรงประทานอภัยให้กระหม่อมก็พอแล้ว”
“คราวนี้ทำของแตก หรือของหาย”
ชวาลอึกอัก
“คือ คือว่า...ถ้ากระหม่อมสารภาพ ทรงสัญญานะว่าจะทรงยกโทษให้กระหม่อม”
“เออ”
“ไม่ทรงเตะ ไม่ทรงตี ไม่ทรงยิงกระหม่อมทิ้งด้วย”
“เออ”
ชวาลคุกเข่าพรวด คลานไปจับมือเจ้าชายมาคีที่เกาะขอบอ่างอยู่
“เฮ้ยๆ ทำอะไรวะ...ไอ้นี่”
“กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมบอกพระคู่หมั้นเรื่องคุณกรรณิการ์ไปแล้ว”
“หะ” เจ้าชายมาคีตะลึง

ในห้องประชุม...ราชาอินทรารับรูปมาดูอย่างตกใจ
“หลานเอารูปนี้มาจากไหน”
“ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันบอกที่มาไม่ได้ ทูลได้แต่เป็นบุคคลที่รู้ข้อมูลความสัมพันธ์ระหว่างกรรณิการ์กับเจ้าชายเป็นอย่างดี”
พระนางสาวิตรีโวย
“นี่เป็นเรื่องในราชสำนัก คนนอกอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย”
“แต่หม่อมฉันก็กำลังจะต้องเข้าไปเป็นคนในในไม่ช้า หม่อมฉันควรจะรู้จักผู้ชายที่หม่อมฉันจะเข้าไปใช้ชีวิตด้วยให้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอเพคะ”
นายพลวิฑูรขัดขึ้น
“ผมเกรงว่าคุณมัทนากำลังจะเข้าใจผิด คงมีใครต้องการให้ร้ายเจ้าชาย”
“ถ้ากรรณิการ์ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าชาย ทำไมถึงยังเก็บตัวผู้หญิงคนนี้ไว้ในวัง...ทำไมกรรณิการ์ถึงต้องทำร้ายหม่อมฉัน ถ้าไม่คิดว่าหม่อมฉันจะมาแย่งเจ้าชายไปจากเธอ”
นายพลวิฑูรทำท่าอึกอัก โภคินพูดขึ้น
“กรรณิการ์สติสัมชัญญะไม่สมบูรณ์ สิ่งที่เธอพูด เธอเขียนเป็นสิ่งที่คิดขึ้นเองทั้งนั้น”
“ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันขอเสนอให้เลื่อนการอภิเษกออกไป เพื่อที่หม่อมฉันจะได้สืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะหม่อมฉันจะไม่ยอมทำร้ายผู้หญิงด้วยกันเด็ดขาด”

ราชาอินทราอึ้ง พระนางสาวิตรีมองประเมินว่ามัทนาจะมาไม้ไหน

มินตราประคองสุเทษที่หน้านิ่วเจ็บขา
“คุณมัทนา เป็นแบบนี้เสมอ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ขอโทษแทนเธอด้วยนะคะ เจ็บมากมั้ย”
มินตรายั่วเต็มที่ แต่สุเทษยังคงเย็นชา
“ไม่...ผมไม่เป็นไร”
คามินวิ่งเข้ามา
“คุณมิน คุณมัทละครับ”
“อยู่ข้างในค่ะ”
คามินจะวิ่งเข้าไป สุเทษขวาง
“เฮ้ย เข้าไม่ได้”
คามินตวัดขาพับที่เดิม สุเทษทรุด
“ขอโทษ ฉันรีบ”

ในห้องประชุม พระนางสาวิตรีจ้องหน้ามัทนา
“ถ้าเจ้าไม่พอใจ จะถอนหมั้นลูกชายเราก็ได้นี่”
ราชาอินทราปราม
“สาวิตรี”
“เสด็จพี่รับสั่งเองนี่เพคะว่า มัทนามีสิทธิ์จะถอนหมั้น ถ้าเจ้าระแวงสงสัยลูกชายเราว่าจะมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น ก็เชิญกลับเมืองไทยไปได้เลย เพราะเราจะไม่อนุญาตให้เจ้าสืบสวนอะไรทั้งสิ้น”
“เช่นนั้น หม่อมฉันทูลลา”
คามินเข้ามา
“ขอเดชะ”
นายพลวิฑูรตวาด
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าออกไปก่อน”
“ถ้ากำลังประชุมเรื่องการตายของกรรณิการ์ ผมเกรงว่าจะเกี่ยวกับผมโดยตรง...ผมมาที่นี่เพื่อจะมาทูลสารภาพกับองค์ราชาและองค์ราชินี”
ราชาอินทราชะงัก
“สารภาพ”
คามินมองรูปที่วางบนโต๊ะ
“รูปนั่น กรรณิการ์ให้เกล้ากระหม่อมไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่จะสติเลอะเลือน”
มัทนาเถียงทันที
“แต่ชวาลบอกว่า...”
คามินรีบตัดบท
“กระหม่อมเป็นคนให้ชวาลเอาไปทำลายทิ้งเพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่า กระหม่อมแอบคบหากับกรรณิการ์”
ทุกคนงงไปหมด มัทนาอึ้ง
“อะ...อะไรนะ”
“คุณเข้าใจเจ้าชายรัชทายาทผิด กรรณิการ์เป็นคนรักของผม”
มัทนาตะลึง

ชวาลวิ่งหนีเจ้าชายมาคีที่ใส่เสื้อคลุมแล้วสะดุดล้ม
“ไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย”
เจ้าชามาคีกระชากคอชวาลมา
“เจ้ารู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป เจ้าทำลายความรัก ความฝันของเราจนหมดสิ้น เราจะฆ่าเจ้า”
มาคีบีบคอชวาล คามินเข้ามา
“ฝ่าบาท อย่าพะยะค่ะ”
คามินดึงเจ้าชายมาคีออกไป
“ไอ้ชวาลมันหักหลังเรา มันเปิดเผยเรื่องกรรณิการ์ให้คุณมัทรู้”
“ชวาลทำไปเพราะถูกบังคับ อย่ากริ้วชวาลเลยพะยะค่ะ”
“นี่นายก็รู้ แล้วมัทนาล่ะ มัทนาว่ายังไง”
“คุณมัทไปเข้าเฝ้าองค์ราชาแล้ว”
เจ้าชายมาคีหมดแรง
“ถ้างั้นทุกอย่างคงจบแล้วซินะ”
“พะยะค่ะ จบแล้ว”
เจ้าชายมาคีทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้
“คุณมัทนาขอเลิกการอภิเษกเหรอครับ” ชวาลถาม
คามินส่ายหน้า
“การอภิเษกจะยังมีเหมือนเดิม”
ชวาลหน้าเหวอ
“อ้าว แล้วคุณมัทนาไม่โกรธเจ้าชายเรื่องคุณกรรณิการ์เหรอครับ”
“จะโกรธได้ไง ในเมื่อ กรรณิการ์เป็นคนรักของฉันไม่ใช่ของฝ่าบาท”
“นายบอกคุณมัทไปอย่างนั้นเหรอ” เจ้าชายมาคีอึ้ง
“พะยะค่ะ” คามินยิ้ม
เจ้าชายมาคีโดดกอดคามินอย่างดีใจ
“ขอบใจมากนะคามิน นายไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย”
“เมื่อกระหม่อมสัญญาแล้ว กระหม่อมก็ต้องทำให้ได้ และขอฝ่าบาทอย่าทรงลืมสัญญาเช่นกัน”
“แน่นอน มัทนาจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายของเรา”
คามินมองเจ้าชายมาคีทั้งดีใจและเจ็บปวดใจ

มินตรารู้สึกไม่ได้ดั่งใจ ถามมัทนาอย่างพยายามรักษาระดับน้ำเสียงไม่ให้หงุดหงิด
“คุณมัทเชื่อที่คุณคามินพูดเหรอคะ คุณคามินรักเจ้าชายมากกว่ารักตัวเองอาจจะรับว่ากรรณิการ์เป็นภรรยาเพื่อปกป้องเจ้าชายก็ได้นะคะ”
มัทนาพูดอย่างเจ็บปวด
“ไม่ว่าจะรับเพราะเหตุผลอะไรก็ทำให้มัทรู้ว่าเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้มัทอภิเษกกับเจ้าชาย สำหรับเขา หน้าที่สำคัญที่สุดเสมอ...หัวใจของมัทยังสำคัญสู้หน้าที่ของเขาไม่ได้เลย”
มัทนาเดินหนีไปอย่างเจ็บปวดใจ มินตรามองมัทนาครุ่นคิด
“หัวใจคุณมัทสำคัญสู้หน้าที่ของคุณคามินไม่ได้...หรือว่า....”
มินตราเริ่มสงสัยว่ามัทนาจะชอบคามิน

คามินเหม่อมองดาวบนฟ้าผ่านหน้าต่างห้อง มัทนาเดินเข้ามาจ้องหน้าคามิน
“สาบานซิ ว่าที่พูดเป็นความจริง”
คามินไม่หลบตา
“ผมสาบาน”
“คุณเป็นคนที่น่าทึ่งที่สุดที่ฉันเคยพบ...ท่านราชองครักษ์”
มัทนาเดินออกจากห้อง...คามินถอนใจ หยิบเป้ที่แขวนไว้ข้างเตียง มาเปิดแล้ว เอาเสื้อผ้ายัดใส่

วันใหม่...คามินในชุดเดินทาง แบกเป้ออกมาที่รถโฟร์วิลล์ที่จอดอยู่ สินธรยืนรออยู่ที่รถ
“ท่านไม่น่าเอาชื่อเสียงไปรับผิดแทนเจ้าชายอย่างนี้เลย ทราบมั้ยครับว่าตอนนี้คนในวังนินทากันสนุกปากจนชื่อเสียงท่านป่นปี้ไปหมดแล้ว”
“มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด อีกอย่างเราเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วแค่เสียชื่อเพื่อปกป้องราชวงศ์มันเป็นสิ่งที่องครักษ์อย่างเราควรทำ”
สินธรมองกระเป๋าเสื้อผ้าคามิน
“แล้วนี่ท่านจะไปไหนครับ”
“ฐากูรส่งข่าวมาบอกว่าท่านอาจารย์เมฆากลับจากหาสมุนไพรบนภูเขาแล้ว เราเลยจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”
“นอกจากไปเยี่ยมท่านอาจารย์แล้ว ยังทำทีเป็นหลบหน้าเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าข่าวท่านกับกรรณิการ์ เป็นเรื่องจริงด้วยใช่มั้ยครับ”
คามินหน้านิ่งไม่ตอบ
“ฝากดูแลความเรียบร้อยทางนี้ด้วย”

คามินหิ้วกระเป๋าออกไป สินธรมองตามหนักใจ

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)

มุมหนึ่งของวังรายา...พระนางสาวิตรีพูดกับนายพลวิฑูรอย่างร้อนใจ
“น้องไม่เชื่อว่าที่ไอ้คามินมันป่าวประกาศว่ากรรณิการ์เป็นเมีย มันแทนมาคีมันจะทำเพราะจงรักภักดีต่อบัลลังก์รายา”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชาเหลือเกินพะยะค่ะที่ไม่หลงกลของมัน เกล้ากระหม่อมสังเกตมาสักพักแล้วว่าไอ้คามินพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าชายอภิเษกกับมัทนา เกล้ากระหม่อมว่ามันต้องได้ประโยชน์จากการอภิเษกแน่ๆพะยะค่ะ”
“ยังไงนะ”
“พ่อของมัทนาเป็นพ่อค้า ต้องหวังจะเข้ามากอบโกยทรัพยากรของรายาแน่ คามินคงตกลงแบ่งผลประโยชน์กับมันเรียบร้อยแล้ว”
“นี่ไอ้คามินขายชาติเหรอ...เลวมาก”
นายพลวิฑูรยิ้มสมใจที่พระนางสาวิตรีเชื่อคำยุยง

ร้านอาหารหรูในกรุงเทพ...อสิตกับอัคนี ยืนอยู่หน้าห้องวีไอพี ผู้จัดการร้านยืนนอบน้อมอยู่ใกล้ๆ
“ห้องนี้มีลูกค้าจองไว้แล้วโต๊ะข้างนอกว่างเชิญทางโน้นนะครับ”
“ฉันไม่อยากให้ใครเห็นเวลาฉันอ้าปากกินข้าวมันไม่หล่อฉันจะนั่งในห้องนี้” อัคนีไม่ยอม
อสิตสั่งผู้จัดการ
“โทรไปบอกลูกค้าลื้อว่าห้องไม่ว่างแล้ว เดี๋ยวฉันเพิ่มเงินให้สองเท่า”
“เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้มกับชื่อเสียงของร้าน ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ”
อสิตโมโห
“งั้นก็ไปตามเจ้าของร้านมา ฉันจะซื้อร้านนี้ พอฉันเป็นเจ้าของร้านแล้วฉันก็จะไล่แกออก”
อสิต อัคนี ผู้จัดการหันไปเห็นธรรมรัตน์เดินมากับเหมันต์ ผู้จัดการรีบเข้าไปต้อนรับ
“สวัสดีครับ ท่าน”
อัคนีไหว้ธรรมรัตน์อย่างเอาใจ
“สวัสดีครับคุณอาหายดีแล้วเหรอครับ”
“หายแล้ว”
อสิตมองหยัน
“ว่าไปคุณนี่ก็ดวงแข็งนะโดนไล่ยิงสองครั้งสองครายังรอดมาได้...แต่ผมว่าถ้าคุณเลิกยุ่งเรื่องคนอื่นซะบ้างศัตรูคุณอาจจะน้อยลง”
เหมันต์มองอสิตไม่พอใจโต้แทนธรรมรัตน์อย่างทนไม่ไหว
“ท่านประธานไม่เคยยุ่งเรื่องใครหรอกครับ มีแต่คนอื่นที่ชอบมายุ่งเรื่องของท่าน”
อสิตมองเหมันต์ไม่พอใจอัคนีไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากเรื่องมัทนา
“แล้วนี่คุณมัทกลับจากรายารึยังครับ”
“อีกนานเลยล่ะ เพราะยัยมัทต้องอภิเษกกับเจ้าชายมาคีซะก่อนถึงจะกลับมาได้”
อัคนีตะลึง
“นี่คุณมัทจะแต่งงานกับเจ้าชายนั่งจริงๆเหรอ...ป๊าอ่ะถ้าลูกน้องป๊าไม่...”
อสิตมองอัคนีอย่างตกใจรีบปิดปากลูกชาย
“ไม่ต้องงอแง...ป๊ารู้แล้วว่าแกหิวมากไปหาร้านอื่นกินกันดีกว่าไป”
อัคนีดิ้นรนแต่อสิตจับแน่นลากออกไป ธรรมรัตน์ เหมันต์ ผู้จัดการมองอสิตกับอัคนีงงๆ

อสิตปิดปากลากอัคนีออกมาหน้าร้าน อัคนีดิ้นรนพูดทั้งที่ยังโดนปิดปาก
“ปล่อยผม”
อสิตปล่อยอัคนีอย่างหงุดหงิด
“ปิดปากปิดจมูกผมอย่างนี้ป๊าอยากให้ผมตายรึไง”
“แค่นี้ไม่ตายหรอกโว้ยแต่ถ้าขืนปล่อยให้แกปากโป้งจนไอ้ธรรมรัตน์รู้ว่าเราส่งคนไปจับลูกสาวมันเราตายแน่”
“แค่คดีลักพาตัวเอาเงินหว่านไปสักล้านสองล้านเรารอดแล้วป๊า”
“ถ้าแค่คดีลักพาตัวป๊าก็ไม่กลัวหรอก”
อัคนีชะงัก
“นี่ป๊ามีคดีอื่นด้วยเหรอ”
“มะ...ไม่มี๊ ป๊าเป็นคนดีจะตายจะมีคดีอื่นได้ยังไง ป๊างานยุ่งเลยไม่อยากยุ่งยากเรื่องอื่นอีกน่ะ”
อัคนีพยักหน้าเข้าใจแล้วโวยวายต่อ
“ป๊าได้ยินมั้ยว่าคุณมัทกำลังจะแต่งงาน ป๊าต้องส่งคนไปรายาชิงตัวคุณมัทคืนมาให้ผมนะ”
“พูดไม่คิด...ทางโน้นเขาเป็นเจ้าชายต่อให้ป๊าส่งคนของเราไปหมดบ้านก็สู้กองทัพของเขาไม่ได้หรอก”
“หมายความว่าป๊าจะไม่ช่วยผมงั้นเหรอ”
“ก็มันช่วยไม่ได้”
“ไหนว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ป๊าทำไม่ได้ไง ป๊าไม่แน่จริง ป๊าขี้โม้ แต่ไม่เป็นไรป๊าทำไม่ได้ผมก็จะทำเอง”
อัคนีจะเดินไปอสิตรีบจับไว้
“แกจะทำอะไร”
“ไปชิงตัวคุณมัทที่รายา”
อัคนีเดินออกไปอย่างหงุดหงิด อสิตมองตกใจแล้วเป่าปากเรียกลูกน้อง ดอน ดำ ยักษ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา อสิตรีบสั่ง
“ไอ้ดอน ไอ้ดำ ตามประกบไอ้หนูทุกฝีก้าวแล้วรายงานฉัน 24 ชั่วโมงว่าไอ้หนูมันทำอะไรบ้าง”
“ครับ”
ดอนกับดำวิ่งตามอัคนีทันที

เจ้าชายมาคีเดินเล่นกับมัทนาในสวนสวย เจ้าชายเก้อๆ ไม่กล้าสบตา มัทนาเดินเซ็งๆ
“หมดเรื่องร้ายๆไปซะที ต้องขอโทษทีทำให้คุณมัทต้องมาเสียอารมณ์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“ค่ะ”
“ตอนนี้เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว รายามีน้ำตกสวยๆหลายแห่ง เราไปเที่ยวกันนะครับ”
“ค่ะ”
“หรือถ้าคุณมัทไม่ชอบน้ำตก เราไปขี่ม้าเล่นชมทุ่งรัตยากันเหมือนคราวก่อนก็ได้ หรือไม่ก็ปีนเขา คุณมัทชอบกีฬาโลดโผนใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ...แต่หม่อมฉันก็เบื่อแล้ว ที่ที่รับสั่งมาหม่อมฉันไม่อยากไปสักที่”
“แล้วคุณมัทอยากไปที่ไหนครับ คงไม่ใช่กลับเมืองไทยนะครับ”
“มัทอยากไปไหว้ศพคุณกรรณิการ์ ทรงพาไปได้มั้ยเพคะ”
เจ้าชายมาคีเจื่อน มัทนาจ้องหน้า

วิหารปรารถนาตั้งอยู่บนภูเขาสวยงาม เงียบสงบ...หฤทัยเดินมากับสาวใช้ที่หิ้วตะกร้ามาด้วย
“เธอรอฉันอยู่นี่แหละ”
หฤทัยฉวยตะกร้าเดินเข้าไป สาวใช้เดินแยกไป...เจ้าชายมาคีก มัทนา มินตรา เดินมาโดยมีสินธรตามอารักขา มินตราถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่สวยงามในมือ เจ้าชายมาคีหน้าซีด มีท่าทีไม่สบายใจ
“ที่นี่คือ วิหารปรารถนา ศพของคุณกรรณิการ์ถูกฝังไว้ที่นี่ครับ” สินธรบอก
เจ้าชายมาคีไม่สบายใจ
“ที่จริง คุณมัทนาไม่จำเป็นต้องมาถึงทีนี่เลย ฝากคุณมินตรามาไหว้ศพก็ได้”
“กรรณิการ์ตายในงานของหม่อมฉัน ยังไงหม่อมฉันก็อยากมาขออโหสิกรรม...ก็คือขอให้ไม่อาฆาต จองเวรต่อกันน่ะเพคะ เพราะชาวพุทธเชื่อว่า คนที่ทำร้ายคนอื่นไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ ก็ต้องได้รับผลกรรม” มัทนาจงใจพูด
เจ้าชายมาคียิ่งรู้สึกหายใจไม่ออก มินตราสังเกตเห็น
“เจ้าชาย พระพักตร์ซีดมากนะเพคะ”
“เรารู้สึกว่าหายใจไม่ออก”
มินตราทำเป็นตกใจ
“ตายจริง”
“เสด็จไปให้หมอหลวงตรวจพระวรกายหน่อยมั้ยพะย่ะค่ะ” สินธรเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแดด มันคงร้อน”
มัทนามองรู้ว่าเจ้าชายมาคี ไม่อยากไป
“ถ้าอย่างงั้น พี่มินคอยถวายการดูแลเจ้าชายแล้วกันนะคะ มัทเข้าไปคนเดียวได้”
มัทนาเดินเข้าไป มินตรามองเจ้าชายมาคีอย่างห่วงใย
“ไปประทับตรงนั้นก่อนเถอะเพคะ”

มินตรากับสินธรพาเจ้าชายมาคีไปนั่งที่เก้าอี้ เจ้าชายได้แต่มองตามมัทนาไม่กล้าตามไป

หลุมศพเป็นแผ่นหินอ่อน มีรูปกรรณิการ์ สลักปีคศ.ที่เกิดถึงตายเอาไว้ หฤทัยเอาดอกไม้วางหน้าหลุม
“ฉันหฤทัย ถึงไม่เคยรู้จักเธอเป็นการส่วนตัว แต่ฉันก็สงสารเธอมาก เธอคงทุกข์ทรมานน่าดู ที่ไม่สามารถอยู่กับคนที่เธอรัก และยังถูกทำร้ายจนต้องเสียสติ...”
มัทนาเดินมาข้างหลัง หฤทัยไม่เห็น
“คุณแม่บอกว่า เธอเป็นคนรักของคามิน แต่ฉันไม่เชื่อหรอก ที่เธอต้องมีชะตากรรมแบบนี้ก็เพราะ เธอรักเจ้าชาย ช่วยฉันด้วยนะกรรณิการ์ อย่าให้ฉันต้องเป็นแบบเธอเลย”
หฤทัยประสานมืออธิษฐานแล้ว ก็ลุกขึ้น หันมาเจอมัทนา...หฤทัยเดินหนีมัทนาเดินตาม
“เดี๋ยวซิคะ คุณหฤทัยรอก่อน ฉันอยากคุยกับคุณ”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย”
“ฉันขอยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นศัตรูกัน ไม่ว่าใครจะอยากให้เป็นแค่ไหน”
หฤทัยเก๊กหน้าเครียดเชิด
“ฉันมาที่นี่เพราะ ต้องทำตามสัญญาของพ่อกับแม่ เชื่อเถอะว่าเราเป็นเพื่อนกันได้”
มัทนายื่นมือไปให้จับ หฤทัยจะยื่นมือมาจับ แล้วชะงัก จะเดินหนีไป มัทนาฉุดไว้
“ช่วยตอบคำถามฉันก่อนแล้วค่อยไปได้มั้ย...คุณรักเจ้าชายรึเปล่า”
“ฉันไม่ตอบหรอก ปล่อยนะ”
“งั้นก็ขออีกคำถาม ทำไมคุณถึงไม่เชื่อว่า กรรณิการ์เป็นคนรักของคามิน”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
หฤทัยสลัดมือผลักมัทนาเซ ไป สินธรเข้ามาพอดี
“คุณทำอะไรคุณมัทนา...”
หฤทัยไม่ตอบวิ่งหนีไป
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวฉันจะเข้าไปไหว้กรรณิการ์ก่อน”
มัทนาเดินย้อนไปที่หลุมศพ สินธรมองตามหฤทัย ไม่พอใจ

หฤทัยเดินมามองหาสาวใช้ สินธรตามมา
“คุณมาที่นี่ทำไมครับ”
“ใครๆก็มีสิทธิมาสวดมนต์ที่วิหารนี่ทั้งนั้น”
“ผมนึกว่าคุณมาขอขมาวิญญาณคุณกรรณิการ์ซะอีก”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างงั้น”
“ก็ท่านพ่อคุณอยากให้คุณเป็นราชินี เมื่อกรรณิการ์ถูกสงสัยว่าเป็นชายาของเจ้าชาย คุณก็เลยทำร้ายเธอ”
“ไม่มีปัญญาหาตัวคนที่ทำร้ายกรรณิการ์เลยมาตั้งข้อกล่าวหาฉันมั่วๆนะซิ”
สินธรลุกมาประจันหน้า
“ผมตั้งข้อสงสัยไม่ได้กล่าวหา...คุณไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไรจำไว้นะว่าตั้งแต่วันนี้ไปผมจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของคุณทุกฝีก้าว”
“อยากทำอะไรก็เชิญ แล้วก็ขอบอกไว้เลยนะว่านายไม่มีวันได้หลักฐานอะไรทั้งนั้น เพราะฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด”
หฤทัยเดินหนีไปอย่างโมโห สินธรมองตาม

หฤทัยเดินมาอย่างโมโหแล้วชะงักเมื่อเจอมินตรากำลังนวดไหล่ให้เจ้าชายมาคีที่กอดอกหลับตา มินตราไม่หลบตา ไม่ทำความเคารพแต่ยิ้มให้และตั้งใจโชว์ หฤทัยมองแล้วก็เดินเลยกลับออกไป เจ้าชายมาคีลืมตา
“สบายจัง คุณนวดเก่งมาก”
“ขอบพระทัยเพคะ”
“ทำไมคุณมัทนาไปนานจัง”
“เดี๋ยวคงมาค่ะ ทรงพักต่อเถอะเพคะ หม่อมฉันจะนวดพระเศียรถวาย จะได้ทรงหายเครียด”
“ทำไมรู้ว่าเราเครียด”
“ถ้าเราใส่ใจใครเราจะสัมผัสความรู้สึกของเขาได้เพคะ”
เจ้าชายมาคียิ้มหลับตา ไม่เข้าใจว่าถูกยั่ว มินตรานวดหน้าผาก มองเจ้าชายมาคีอย่างหลงใหล

สินธรพามัทนาเดินกลับไปหาเจ้าชายมาคี มัทนาได้กลิ่นหอม
“กลิ่นอะไรหอมจัง”
“กลิ่นเทียนอธิษฐานครับ”
มัทนาสงสัย สนใจ

เทียนในถ้วยเล็กๆ จุดวางเรียงรายลอยอยู่ในอ่างน้ำพุใหญ่บางอันก็มอดไปแล้ว ชาวเมืองหนุ่มสาว ยืนถือถ้วยเทียนของตัวเอง หลับตาอธิษฐาน แล้วเอาลอยลงไปในอ่างน้ำพุ มัทนายืนมอง สินธรเอาถ้วยเทียนที่จุดแล้วเข้ามาให้
“นี่ครับ...ตั้งใจมั่น อธิษฐานสิ่งที่ต้องการ แล้วลอยถ้วยลงไปในอ่าง ระวังอย่าให้จม ควันและกลิ่นหอมของเทียนอธิษฐานจะลอยไปสู่สรวงสวรรค์ เทพเจ้าจะดลบันดาลให้สิ่งที่คุณปรารถนาเป็นจริง
มัทนารับมา สินธรหลับตาอธิษฐานแล้วลอย หันมาเห็นมัทนาที่ยังยืนเฉย”
“อ้าว...ทำไมไม่อธิษฐานละครับ”
“สิ่งที่ฉันปรารถนา เทพเจ้าองค์ไหนคงช่วยไม่ได้หรอก สินธร...”
“ก็คิดซะว่า เป็นการตั้งความหวังซิครับ...มันอาจจะเป็นพลังให้เราทำความหวังนั้นให้สำเร็จก็ได้”
“แล้วคุณอธิษฐานว่าอะไร”
“ขอให้ท่านคามินปลอดภัย”
“ฉันนึกว่าคุณจะอธิษฐานเรื่องความรักของคุณ หรือไม่ก็ราชบัลลังก์ ชาติบ้านเมือง หรือเจ้าชาย”
“ท่านคามินมีชีวิตอยู่เพื่อทุกพระองค์และทุกคนในรายาขอเพียงท่านคามินปลอดภัย รายาก็จะสงบสุขครับ”
สินธรเดินแยกไป มัทนามองเทียนในมือ

ค่ำนั้น...มัทนานอนพลิกไปมา นึกถึงสิ่งที่คุยกับสินธรเมื่อกลางวัน
“แล้วตอนนี้คามินอยู่ที่ไหน”
“ท่านไปเยี่ยมอาจารย์ที่หมู่บ้านภูสายธารครับ”
“สิ่งที่ฉันปรารถนา เทพเจ้าองค์ไหนคงช่วยไม่ได้หรอก สินธร...”
“ก็คิดซะว่า เป็นการตั้งความหวังซิครับ...มันอาจจะเป็นพลังให้เราทำความหวังนั้นให้สำเร็จก็ได้”
ขณะเดียวกัน มินตราที่นอนลืมตาอยู่หน้าเตียง นึกถึงเหตุการณ์ที่เธอนวดหัวให้เจ้าชายคามิน...มินตรานวดพร้อมกับจ้องมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเจ้าชาย เธอทำท่าเหมือนจะก้มลงจูบ เจ้าชายลืมตาพอดี มินตราหงุดหงิด อยากได้เจ้าชายมาคีมาก...

มัทนากลับมินตราลุกขึ้นนั่งพร้อมกัน หันไปถามกัน
“นอนไม่หลับเหรอ...”
มัทนาลงมานั่งกับมินตรา
“พี่มิน...มัทอยากไปหมู่บ้านภูสายธาร”

วันใหม่...คามินเดินมาที่บ้านพักเมฆา
“อาจารย์ครับ”
เงียบไม่มีเสียงตอบรับ คามินเข้าไปดูในบ้านไม่มีใครก็เดินกลับออกมา ปรากฏมีมีดลอยมา
คามินหลบมีดปักเสา เมฆาโดดเข้ามา จู่โจมคามินไม่ให้ตั้งตัวทั้งเตะต่อย คามิน ถอยไปตั้งรับไป สู้กันด้วยมวยรายา สุดท้ายอาวุธของทั้งคู่ต่างจ่อที่คอของอีกฝ่าย
“เก่งมาก ฝีมือเจ้าก้าวหน้าไปหลายขั้น”
“เพราะมีอาจารย์สั่งสอนครับ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน เมฆาตบไหล่คามิน

คามินกับเมฆานั่งดื่มชาร้อนด้วยกันในบ้าน
“ชาสมุนไพรนี่หอมดี”
“เป็นชารสที่องค์ราชาทรงโปรดที่สุด อาจารย์ตากเอาไว้ห่อใหญ่ กลับไปเมื่อไหร่ ฝากไปถวายด้วย”
“ผมคงยังไม่กลับไปตอนนี้หรอกครับ”
“ปัญหาที่เจอคงหนักไม่ใช่เล่น นักสู้อย่างเจ้ายังต้องหนี”
คามินยิ้ม จิบชา
“แต่ผมคงหนีตลอดไปไม่ได้ เรียกว่ามาตั้งหลักสักพักดีกว่า บางทีอาจจะคิดอะไรออก”
“เกี่ยวกับเจ้าชายหรือเปล่า”
ฐากูรเข้ามา
“ท่านคามิน อยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ”
“ว่าไง ฐากูร”
“ฝายสร้างเสร็จแล้วครับ ชาวบ้านอยากให้ท่านไปตรวจดู”
“เร็วดีนี่ ไป ผมขอตัวนะครับอาจารย์”
คามินรีบไป เมฆามองตาม

“คนอย่างเจ้า เป็นแค่เงาของใครไม่ได้หรอก คามินแต่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”

ในตำหนักมัทนา...มินตรายื่นกระดาษให้
“นี่ค่ะ แผนที่คร่าวๆ สิงหาบอกว่า หมู่บ้านนี้อยู่ ตอนเหนือของรายาค่ะ ติดชายแดนเดินทางลำบากมาก คุณมัทจะไปทำไมคะ”
“มัทมีเรื่องต้องคุยกับคนๆหนึ่งให้จบ”
“คุณคามินเหรอคะ”
มัทนาดูแผนที่
“นี่มันไปทางเดียวกับโบสถ์ที่เราไปเมื่อวานนี่คะ...พี่มิน มัทขอเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น เพราะถ้ามัทไม่จบเรื่องนี้ มัทจะไม่มีทางอยู่รายาอย่างมีความสุขได้เลย พี่มินช่วยมัทหน่อยได้มั้ยคะ”
มินตราครุ่นคิด

มินตราคุยกับบุหลันมุมหนึ่งในตำหนัก...
“สวดมนต์เหรอคะ” บุหลันถามอย่างแปลกใจ
“ค่ะ...เมื่อคืน คุณมัทฝันร้ายถึงคุณพ่อกับท่านแม่ของเธอทั้งคืน ร่ำร้องจะกลับเมืองไทยให้ได้ มินเลยต้องหาทางหลอกล่อให้ไปสวดมนต์ของพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นทางเดียวที่ทำให้คุณมัทหยุดอาละวาด คุณบุหลันก็รู้ฤทธิ์คุณมัทดีไม่ใช่เหรอคะ ช่วยหน่อยนะคะๆ”
บุหลันเครียด

ในวิหารปรารถนา...มินตราเดินพามัทนาที่แต่งชุดขาวยาว มีผ้าโพกผมมา สิงหากับนาคีตาม มินตราหันไปบอกทั้งสอง
“คุณเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ ฉันจะเข้าไปกับคุณมัท”
“ครับ” สิงหารับคำ
มินตราพามัทนาเข้าไป แล้วปิดประตู...สองสาวเข้ามาในวิหารมองซ้ายขวาไม่มีใคร มัทนาดึงชุดขาวที่พันๆตัวออก เป็นชุดเดินทางทะมัดทะแมง มินตรายื่นกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองให้
“ในนี้มีหมวก แว่น มือถือ เงินรายาแล้วก็ทุกอย่างที่คุณมัทสั่งค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่มิน ขอบคุณมาก เดี๋ยวมัทจะออกไปทางด้านหลัง...แล้วจะรีบกลับมานะคะ”
“เดี๋ยวค่ะ คุณมัท แล้ว ตกลงคุณมัทจะไปยังไงคะ”
“ขอให้มีเงิน มัทไปได้ก็แล้วกัน”
“ไปนะคะ” มัทนาหอมแก้มมินตรา
“ระวังตัวนะคะ”
มัทนาเดินออกประตูด้านหลัง มินตราเปลี่ยนสีหน้าจากห่วงเป็นหมั่นไส้
“แกหาเรื่องเองนะ ขอให้แกไปแล้วไปลับ”

รถบรรทุกเก่าๆแล่นมาตามถนนลาดแบบลงเขา โบสถ์อยู่ด้านหลังไกลๆ มัทนานั่งหน้าคู่คนขับ ใส่หมวก ใส่แว่น...รถบรรทุกจอดที่ทางแยกถนนลุกรังเข้าไปในป่า มัทนายิ้มให้
“แทงกิ้ว”
มัทนาส่งเงินให้แล้วลงจากรถๆแล่นไป...มัทนาโบกรถที่แล่นผ่านมา มีทั้งรถยนต์ รถบรรทุกเล็ก แต่ไม่มีใครจอดสุดท้ายเป็นมอเตอร์ไซด์มีที่นั่งพ่วงข้างยอมจอด มัทเอาแผนที่ให้ดู แล้วควักเงินให้ เจ้าของรถมอเตอร์ไซด์พ่วงพยักหน้า

หมู่บ้านภูสายธาร...มัทนาสะพายเป้เดินแหวกกิ่งไม้มาตามทางเล็กๆ ที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านหอบเหนื่อย เอาแผนที่มาดู
“แล้วมันไปไงต่อละเนี่ย”
มัทนาเดินต่อไป เธอเหนื่อยยืนเท้าต้นไม้เอาหมวกมาพัด
“นายคามิน คิดว่าหนีมาถึงนี่ ฉันจะตามนายไม่เจอเหรอ คนอย่างมัทนาไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว”
ทันใดนั้น งูเหลือมตัวใหญ่ห้อยหัวลงมาข้างๆ มัทนาตัวแข็งเหลือบไปมอง...
“แต่ ถ้า...เป็นงูใหญ่ขนาดนี้ก็...ตัวใครตัวมัน”
มัทนาวิ่งไปไม่คิดชีวิต...วิ่งเข้ามาในป่ามาสะดุดเข้ากับกับดักที่พรานทำไว้ดักสัตว์ กรงไม้หล่นลงมาครอบ
“ว้าย...”

ฝายกั้นน้ำ...คามินเปลือยท่อนบน ลุยน้ำตก ตรวจความแข็งแรงของฝาย ทุกคนลุ้น...
“ใช้ได้ ผ่าน”
ฐากูรนำทุกคนเฮ ชาวบ้านวิ่งมาแบกคามินโยน ดีใจกัน คามินถูกจับโยนน้ำตูม ชาวบ้านชายอีกคนวิ่งมาจากป่า
“ท่านหัวหน้าๆ”
ฐากูรหันไปถาม
“มีอะไร”
“เกิดเรื่องในป่าด้านโน้น...”
คามินเปียกปอน มองไป เห็นชาวบ้านกำลังเล่าบางอย่างให้ฐากูรฟัง คามินลุยขึ้นไปหา
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไอ้วายุมันบอกว่า ยามเราจับคนร้ายได้...มันเล่นงานคนของเราบาดเจ็บไปหลายคน เฮ้ย...พวกเรา ไปหยิบอาวุธแล้วตามข้ามา”
ชายฉกรรจ์ วิ่งขึ้นจากน้ำ คามินตาม

กรงถูกเปิดออกหงายอยู่ มัทนาแย่งปืนยาวชาวบ้านมาได้ เล็ง ใส่ชาวบ้านสองคนที่ นอนกลิ้งอยู่ ตาปูด ปากเจ่อ
“บอกมาว่า คามินอยู่ที่ไหน ไม่งั้นฉันยิงไส้แตก”
มัทนายิงขู่ที่พื้น ชาวบ้านตะเกียกตะกายหนี มาหาฐากูร ที่วิ่งมาพอดี มัทนายิงอีกที ฐากูรกระโดดหลบ
“เฮ้ยหลบก่อน...มันเป็นใครกันวะ”
“ไม่รู้ ตอนแรกเห็นเป็นผู้หญิงนึกว่าไม่มีพิษสงที่ไหนได้”
คามินเข้ามา
“อะไรนะ ผู้หญิงเหรอ”
“ครับ สวยด้วย แต่โหดชะมัด”
มัทนาจ่อปืนใส่ชาวบ้าน
“จะบอกหรือไม่บอก...”
คามินได้ยินเสียงคุ้นๆ
“เสียงคุ้นๆ หรือว่า...”
คามินวิ่งออกไปฐากูรตกใจ
“ท่านคามินระวัง”
มัทนาหันหลังอยู่ คามินวิ่งไปหยุดยืนข้างหลัง ชาวบ้านชี้ๆ
“คามินอยู่โน่น”
“อย่ามาล้อเล่น อยากพิการจริงๆใช่มั้ย”
คามินกลุ้ม เข้าไปเอื้อมจับกระบอกปืน
“เฮ้ย...”
มัทนาหมุนจะศอกคามินหลบ แล้วล็อคตัวมัทนาไว้
“ปล่อยนะ แกมันหมาลอบกัด”
“หยุดได้แล้ว”
มัทนาชะงัก
“สนุกพอรึยัง”
“คามิน” มัทนาดีใจ

อีกมุมเงียบๆใกล้หมู่บ้าน...คามินหน้าเครียด เสียงเครียด
“คุณต้องกลับไปเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่กลับ”
“ต้องกลับ”
“ไม่”
“ต้องกลับ” คามินเน้น
มัทนาเข้ามาจนชิดมากลอยหน้าใส่
“ไม่...ไม่...ชัดมั้ย”
มัทนาจ้องแค้นๆ คามินถอยห่าง มองอ่อนใจ พยายามพูดดีด้วย
“คุณหายไปแบบนี้รู้มั้ยว่าเจ้าชายมาคีจะทรงเป็นห่วงคุณแค่ไหน”
“ก็ช่างเจ้าชายปะไร”
“คุณไม่ควรพูดแบบนี้ เจ้าชายจะทรงเสียพระทัย”
“คุณนี่ควรได้รับรางวัลองครักษ์ดีเด่นจริงๆนะสนใจใส่ใจแต่ความรู้สึกของเจ้าชาย แล้วความรู้สึกของฉันล่ะ คุณเคยสนบ้างมั้ย”
ประโยคท้ายมัทนาถามอย่างน้อยใจ คามินอึ้ง
“คุณต้องการอะไร”
“ฉันต้องการรู้ความจริงเรื่องกรรณิการ์”
“ก็บอกไปแล้วไง...”
“ฉันไม่เชื่อ...” มัทนาเข้ามาจับตัวเขาเขย่าอย่างแรง “บอกความจริงฉันมาเดี๋ยวนี้ บอกมาสิ”
คามินจับมือเธอออก
“ผมพูดความจริงไปหมดแล้ว”
“ความจริงที่คุณแต่งขึ้นมาเพื่อช่วยเจ้าชายของคุณน่ะซิ ผู้ชายอย่างพวกคุณมันเห็นแก่ตัว กดขี่ทางเพศ ใช้ผู้หญิงที่อ่อนแอเป็นเครื่องมือ...”
“ด่าพอหรือยัง ถ้าพอแล้วก็มานี่”
เขาคว้ามือ มัทนาสะบัด
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่กลับ”

คามินอุ้มตัวลอย มัทนากระแทกหัวข้างหลังใส่คางเขา จนเขาปล่อยมัทนาจึงกระทืบเท้าใส่เท้าแล้ววิ่งหนี คามินร้องลั่น ส่ายหน้าแล้ววิ่งตาม ทั้งสองวิ่งผ่าน ฐากูรและกลุ่มชาวบ้านที่ยืนมองงงๆ

มัทนาปีนขึ้นต้นไม้ คามินวิ่งมาดึงขา
“ลงมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่”
มัทนาสะบัดหลุด
“ผมบอกให้ลงมา มันอันตราย”
มัทนาปีนไปที่กิ่งแล้วกิ่งไม้หัก คามินตาเหลือกวิ่งไปรับล้มลงเจ็บตามเคย มัทนามองเยาะ
“สมน้ำหน้า”
“คุณนี่มัน แสบจริงๆ”
“เพิ่งรู้เหรอ”
มัทนาลุกขึ้น คามินทำท่าว่าเจ็บมาก
“โอย”
มัทนาชะงัก
“เจ็บมากเหรอ”
“ใช่ หลังน่าจะหัก”
“หา...ทำไมกระดูกเปราะแบบนี้ งั้นคุณนอนนิ่งๆ นะ ห้ามขยับเขยื้อน”
มัทนาก้มลงมา คามินเลยรวบตัวเอาไว้
“บอกแล้วไงว่าอย่าขยับ เอ๊ะ...คุณไม่เป็นไรนี่ คุณนี่มันเจ้าเล่ห์ที่สุด”
“สู้กับคุณมันก็ต้องแบบนี้...”
“ปล่อย” มัทนาดิ้น
“ไม่”
“บอกให้ปล่อย”
“ไม่มีทาง...”
“ฉัน...ฉันหายใจไม่ออก”
คามินรู้สึกว่ารัดแน่นมากหน้าก็อยู่ใกล้กันสุดๆ ทันใดนั้นเสียงเมฆาดังขึ้น
“คามิน...”
คามินสะดุ้งได้สติ รีบปล่อยมือมัทนาหันกลับมา เมฆาเดินเข้ามามองมัทนาอย่างแปลกใจ

วิหารปรารถนา...มินตราเดินไปมาในวิหารดูเวลา...
“ถ้าไม่โชคร้ายจนเกินไป คุณก็คงไปถึงหมู่บ้านนั่นแล้ว แต่พี่คงจะรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วละคะ ขอโทษนะคะ”
มินตราวิ่งออกไป เปิดประตูหน้าตื่น
“สิงหา นาคี เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คุณมัทนาหายตัวไป”
สิงหากับนาคีตกใจมาก

ในวังหลวง...บุหลันมารายงานโภคินอย่างร้อนใจสุดๆ
“ทำไมเธอชะล่าใจแบบนี้ บุหลัน ปล่อยให้พระคู่หมั้นออกไปข้างนอกโดยไม่บอกใครได้ยังไง”
“ฉันเห็นว่าคุณมินตราเธอไปด้วยน่ะคะ แล้วที่นั่นก็อยู่บนเขาไม่น่าจะหนีไปไหนได้ง่าย”
สินธรวิ่งมา
“ผมสั่งการทีมเฉพาะกิจให้ค้นหาบริเวณนั้นเป็นการลับแล้วครับ กำลังพยายามติดต่อท่านคามินแล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้”
โภคินหน้าเครียด
“กำชับคุณมินตราด้วย อย่าเพิ่งให้ใครรู้เรื่องนี้ คุณมัทนาอาจเป็นอันตรายได้”
“ค่ะ เธอทราบแล้ว” บุหลันเครียดไม่ต่างกัน

มินตราเข้ามาที่บ้านนายพลวิฑูร นั่งลงที่ห้องรับแขก เธอนึกถึงเมื่อครั้งที่มัทนาเล่าเรื่องเกี่ยวกับรายาให้ฟัง
“นายพลวิฑูรเป็นพระญาติขององค์ราชินี เท่ากับหฤทัยมีศักดิ์เป็นหลาน องค์ราชินีก็ย่อมทรงรักเอ็นดูหฤทัยอยู่แล้ว”
“แต่ทำไมองค์ราชาถึงทรงต้องการให้เจ้าชายอภิเษกกับคุณมัทละคะ ทั้งๆที่น่าจะทรงเอ็นดูคุณหฤทัยเหมือนกัน”
“เดาง่ายๆจากที่ชอบดูหนังจีน องค์ราชากับท่านนายพลต้องไม่ลงรอยกัน”
“แสดงว่าท่านนายพลคงไม่ชอบคุณมัท” มินตราหยั่งเชิง
“ก็ไม่นะคะ ดูๆแล้ว ท่านก็ไม่ได้เกลียดอะไรมัทเลย คนที่เกลียดนะ คุณเทวี ชัดเจนแบบไม่ต้องอธิบาย”

เทวีเดินออกมา เห็นมินตราชะงัก
“เธอ...มาหาฉันมีธุระอะไร”
“ดิฉันมีเรื่องมารบกวนถามเกี่ยวกับคุณมัทนาค่ะ”
“เธอมาผิดที่แล้ว”
“ได้โปรดเถอะค่ะ นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย...ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจริงๆ...” มินตราน้ำตาคลอ
เทวีงงว่าจะมาไม้ไหน

ลานซ้อมอาวุธ...นายพลวิฑูรซ้อมยิงธนูเข้าเป้าทุกดอก สุเทษส่งธนูให้ ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น สุเทษหยิบมา
“ฮัลโหล ท่านนายพลซ้อมยิงธนูอยู่ครับ”
สุเทษฟังนิดหนึ่งแล้วเดินมา
“คุณเทวีจะขอพูดกับท่านครับ”
“มีเรื่องไร้สาระอะไรอีก บอกว่าฉันไม่ว่าง”
“แต่คุณเทวีบอกว่ามีเรื่องด่วนมาก เกี่ยวกับพระคู่หมั้น”
นายพลวิฑูรชะงัก ลดธนูที่กำลังเล็งรับมาพูด
“มีอะไรว่ามา...เหลวไหล นี่เธอเพ้ออะไร พี่เลี้ยงมัทนาจะมาหาเราทำไม...หมู่บ้านอะไรนะ...เอาละๆ เดี๋ยวฉันจะตรวจสอบดูก่อน”
นายพลวิฑูรกดตัดสาย สุเทษถามอย่างสงสัย
“พี่เลี้ยงคุณมัทนาทำไมเหรอครับ”
“มันมาหาเทวี บอกว่ามัทนาแอบหนีออกจากวิหารปรารถนาไปที่หมู่บ้านภูสายธาร”

เทวีวางโทรศัพท์บ้าน หันไปพูดกับหฤทัยที่ยืนอยู่ด้วย
“เนี่ยละนะ คนมันวาสนาบารมีมันไม่ถึงเราไม่ต้องทำอะไร มันก็ทำตัวของมันเอง”
“แต่ฤทัยไม่เข้าใจ ทำไมพี่เลี้ยงของคุณมัทนาต้องมาบอกเรื่องนี้กับเรา เราเป็นศัตรูกับเขานี่คะ” หฤทัยแปลกใจมาก
“ก็เพราะมันโง่ไง แล้วอารามก็คงตกใจที่นังมัทนาหายหัวไป เพราะมันก็ต้องมีความผิดด้วย”
หฤทัยคิด แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่มินตรานวดให้เจ้าชายมาคี แล้วสบตากับเธอที่วิหาร มินตรามองด้วยสายตาที่ร้ายมาก
“แต่หฤทัยไม่คิดว่า พี่เลี้ยงคุณมัทนาคนนี้เป็นคนโง่”
“ใช่ซิ ใครใครในโลกนี้ก็ฉลาดกว่าแกทั้งนั้น ไหนลองบอกให้แม่ชื่นใจหน่อยซิลูก หฤทัยว่า ตอนนี้เมื่อนังมัทนามันไม่อยู่ ลูกควรจะทำอะไร”
หฤทัยถอนใจ
“ไปเฝ้าเจ้าชายมาคี และทำทุกวิถีทางที่จะทำให้เจ้าชายทรงเสน่หาฤทัย”
“เก่งมาก ลูกแม่ ไปแต่งตัวให้สวยที่สุด...ใส่น้ำหอมที่หอมที่สุด...ทำให้เจ้าชายทรงลืมนังมัทนาให้ได้”
หฤทัยจะไปแล้วหันกลับมา
“แล้วถ้าเกิด คุณมัทนาเธอกลับมาละคะ”
“ลูกรัก ลูกคิดว่าคุณพ่อจะปล่อยให้ศัตรูหัวใจของลูกกลับมาได้เหรอจ้ะ”
หฤทัยฟังแล้วตกใจ กังวล

ในกระท่อมเมฆา...คามินกำลังก่อไฟอย่างทะมัดทะแมง ไฟเริ่มติด มัทนายืนมองทึ่งๆ
“ทำไมต้องให้ฉันโกหกว่าเป็นเพื่อนคุณจากเมืองไทยด้วย”
คามินลุกไปหยิบหม้อข้าวมาตั้งบนไฟ
“แล้วถ้าคุณบอกว่าคุณคือพระคู่หมั้นของเจ้าชายมาคี คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
มัทนานิ่งคิดก่อนยักไหล่
“ก็คงวุ่นวายพิลึก”
“นั่นล่ะคือเหตุผล”
มัทนามองคามินวุ่นวายทำโน่นนี่
“คุณจะทำอะไร”
“ทำกับข้าวให้อาจารย์กับคุณ”
คามินหันมามองพูดจริงจัง
“ทานเสร็จแล้วผมจะพาคุณไปส่ง”
มัทนาทำเฉย หยิบผักขึ้นมาดู
“นี่ผักอะไรไม่เคยเห็น”
“คุณได้ยินที่ผมพูดมั้ย”
มัทนาหันไปเห็นไข่ทำตื่นเต้น
“อุ๊ย...มีไข่ด้วย คุณจะเจียวไข่เหรอ ดีจังฉันกำลังอยากกินอยู่พอดี”
“คุณมัทนา”
มัทนาเฉยอีก ทำเดินไปเปิดหม้อข้าว
“ฮือ...จะเดือดแล้ว”
“คุณมัทนา...” คามินเสียงเข้มมาก
มัทนาหันมา
“เจ้าขา...ฉันรู้แล้วว่าฉันชื่อมัทนา ไม่ต้องเรียกบ่อยๆหรอกรำคาญ...ชิ ไปคุยกับอาจารย์ข้างนอกดีกว่า ทำเร็วๆเข้าล่ะท้องร้องจ๊อกๆแล้ว”
 
มัทนาลัลล้าออกไป คามินถอนใจเฮือกกลุ้มๆ

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)

แคร่หน้ากระท่อม...เมฆาหัวเราะมีความสุข
“เรื่องเกะกะเกเรเนี่ยไม่มี เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย”
มัทนานั่งฟังอย่างตั้งใจ
“กลับมาทีไรเป็นต้องหอบข้าวของมาให้ แล้วก็แถมด้วยการเข้าครัวทำกับข้าวแบบนี้ทุกที”
มัทนาค่อยๆตะล่อมถาม
“อาจารย์เลี้ยงคุณคามินมาตั้งแต่เด็กๆเลยเหรอคะ”
“ใช่สิ...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้จักคุณแม่ของคุณคามินสิคะ”
เมฆาเมินหน้าไป ไม่สบตา
“ใช่...แม่ของคามินเป็นนางรำในวังหลวง”
“เหรอคะ...แล้วคุณพ่อของคุณคามินละคะ”
“ฮือ...ไม่มีใครรู้หรอกแม่หนู”
“แล้วคุณคามินไม่เคยสืบหาพ่อเลยเหรอคะ”
คามินถือถาดใส่กับข้าวออกมาพอดีชะงัก
“จะสืบทำไม”
“ก็...ใครๆก็ต้องอยากรู้จักพ่อแม่ของตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ” มัทนาอึกอัก
“สำหรับผมไม่...ผมไม่เคยอยากรู้เรื่องพวกนี้ ผมรู้แค่ว่าผมเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดิน ปกป้องราชบัลลังค์รายา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
มัทนาอึ้ง เมฆาภูมิใจ คามินเข้ามาวางถาดบนแคร่ บอกอาจารย์อ่อนโยน
“ทานข้าวกันเถอะครับ”
มัทนามองคามินหยิบจานออกจากถาดเรียงบนแคร่ สีหน้าเรียบเฉย มัทนาจ๋อยไป

ตำหนักเจ้าชายมาคี...เจ้าชายวางแก้วไวน์เปล่าลงนั่งเอนตาปรือที่โซฟา
“ชวาล”
ชวาลวิ่งเข้ามา
“เติมไวน์หน่อย”
ชวาลเห็นขวดไวน์กลิ้งอยู่ก็ตาเหลือก
“ฮ้า...เสวยองค์เดียวเกลี้ยงขวดเลยเหรอพะยะค่ะ”
ชวาลเห็นอาหารบนโต๊ะยังอยู่
“แล้วทำไมถึงไม่เสวยอาหารล่ะพะยะค่ะ แบบนี้ก็ทรงเมาแย่”
“ดี เมาซะ จะได้หายกลุ้ม”
“จะทรงกลุ้มเรื่องอะไรอีกละพะยะค่ะ ตอนนี้ท่านคามินก็ช่วยรับว่าเป็นคนรักของกรรณิการ์ไปแล้ว งานอภิเษกก็เหมือนเดิม”
“แต่มัทนา ไม่เหมือนเดิม มัทนายังระแวงเรายังไม่เชื่อใจเรา มัทนาไม่รักเรา”
“ใครจะไปเหมือนพระองค์ล่ะพะยะค่ะ เจอปั๊บรักปุ๊บ เบื่อแป๊บ ทิ้งปึ๊บ”
มาคีขว้างแก้วเฉียดหัวชวาลไปโดนผนังแตกกระจาย ชวาลร้องลั่น
“แว๊ก”
“ถ้าไม่อยากตายไปเอาไวน์มา ไป”
“พะยะค่ะ”
ชวาลจะเดินออก ก็เบรกเอี๊ยดเพราะเจอหฤทัยยืนสวยอยู่ ถือจานที่มีผลไม้สลักสวยงามจานใหญ่
“คุณหฤทัย”

ในกระท่อม ยามค่ำคืน คามินกำลังจัดหมอนกับผ้าห่มวางบนเตียงไม้เก่าๆมุมห้อง มัทนาเข้ามาด้านหลังเสียงอ่อย
“ฉันขอโทษ...”
คามินหันไปมอง
“ไม่เป็นไร แค่คุณเข้าใจแล้วยอมกลับวังพรุ่งนี้ก็ดีแล้ว”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องกลับวังซะหน่อย ฉันหมายถึงเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของคุณ ฉันไม่ควรไปถามท่านอาจารย์เลย คุณคงไม่สบายใจใช่มั้ย”
“ผมชินซะแล้ว”
คามินเดินไปที่หน้าต่างกระท่อมมองออกไป
“บางทีผมก็อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป เพราะที่นี่ไม่เคยมีใครสนใจเรื่องชาติตระกูล”
“คนที่มีชาติตระกูลก็ไม่ใช่จะดีเสมอไป”
“แต่ยังไงก็คงดีกว่าคนที่ไม่มี” คามินเศร้า
“ไม่จริง...ฉันเถียงหัวชนฝาเลย”
หน้าตามัทจริงจังมาก จนคามินอดขำไม่ได้
“ขนาดนั้นเชียว”

“ใช่...คุณรู้มั้ยฉันต้องเหนื่อยขนาดไหนที่ต้องทำตัวให้สมกับเป็นราชนิกูล ไม่เคยได้ทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำ ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาๆเหมือนกัน”

มัทนาเดินไปยืนข้างคามินมองออกไปข้างนอก เห็นดาวเต็มฟ้า หันมามองหน้าเขา
“ฉันขออยู่ที่นี่ด้วยคนได้มั้ย เป็นมัทนาสาวชาวบ้านภูสายธาร แล้วคุณก็คือคามินหนุ่มชาวบ้านภูสายธารไม่ได้เป็นองครักษ์ ที่มีแต่คำว่าเพื่อราชบัลลังก์อยู่ในสมองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง...ได้มั้ย”
คามินอึ้ง ต่างคนต่างมองหน้ากัน ซึบซับความรู้สึกลึกซึ้งในใจ คามินเผลอตัวตอบ
“ได้สิ...”
“จริงนะ”
เสียงเมฆาไออยู่ข้างนอก คามินได้สติหัวเราะออกมา ทำเป็นตลกกลบเกลื่อนไป
“จริง...แต่คุณต้องยอมกลับวังนะ”
มัทนาเซ็งเดินกลับไปนั่งบนเตียง
“ไม่...”
“อย่าดื้อสิ”
“ฉันไม่กลับจนกว่า...จะรู้ความจริง”
“ความจริงก็คือ ตอนนี้เจ้าชายมาคีรักคุณ ไม่ใช่กรรณิการ์หรือใครทั้งนั้น”
“ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่ากรรณิการ์เป็นผู้หญิงของเจ้าชายไม่ใช่ของคุณ”
คามินรู้ว่าพลาดไป
“ผมไม่เถียงกับคุณแล้ว นอนเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้า”
“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ”
“ผมก็ต้องบังคับ”
“เอาเลย...ถ้าแน่จริงก็เข้ามาอุ้มฉันไปเลย”
“คุณคิดว่าผมไม่กล้า”
“กล้าแตะต้องตัวว่าที่ราชินีแห่งรายาเหรอ องครักษ์คามิน”
คามินอึ้ง มัทนาแลบลิ้นใส่ ล้มตัวนอนหันข้างให้พึมพำ
“เชอะเก่งแต่ปาก”
คามินมองอ่อนใจเดินมาหยิบผ้าห่มคลี่ออกคลุมให้ มัทนาเฉยแกล้งกรนซะด้วย คามินขำ เดินไปหรี่ไฟตะเกียง แล้วออกไป มัทนาลืมตายิ้มก่อนหลับตาสีหน้ามีความสุข

คามินเดินออกมา มองเข้าไปในกระท่อมหันกลับมายิ้มๆ
“ไม่ยักรู้ว่า เจ้ามีเพื่อนผู้หญิงด้วย” เมฆาถามเรียบๆ
“เธอไม่ใช่เพื่อนของผมโดยตรงหรอกครับ เธอเป็นลูกสาวของครูที่เคยสอนภาษาไทยให้ผม เธออยากมาเที่ยวรายา ผมก็เลยพูดเล่นๆให้มาที่นี่ ไม่นึกว่าเธอจะมาจริงๆ”
“อือ...เพื่อนเธอคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป...”
คามินหายใจไม่ทั่วท้องกลัวอาจารย์รู้
“เป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่มากๆ”
“ครับ ใช่” คามินโล่งใจ
“แต่เธอก็ทำให้เจ้ายิ้มออก”
“ครับ”
“ตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ หน้าเจ้างี้เครียดคล้ำดำไหม้อย่างกับแบกภูเขาไว้ทั้งลูก แต่ตอนนี้มันตรงกันข้าม”
“เหรอครับ น่าจะเป็นเพราะได้อากาศบริสุทธิ์มากกว่า”
“คามิน เจ้าเป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ภูมิใจมาก มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างยอดเยี่ยม แต่บางเรื่องมันต้องใช้ความรู้สึกจากข้างในบ้าง”
“ผม...ผมไม่เข้าใจ”
“ใช้หัวใจให้มากกว่าหน้าที่ไง...ง่วงแล้วอาจารย์ไปนอนก่อนล่ะ”
เมฆาโยนก้นใบจากทิ้ง ล้มตัวนอน ทิ้งให้คามินนั่งอึ้งครุ่นคิดคำพูดของอาจารย์

ในบ้านนายพลวิฑูร...สุเทษรายงาน
“ผมเอารูปคุณมัทนาให้ดู คนขับรถบรรทุกก็ยืนยันว่าใช่แน่ คุณมัทนาบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวอยากไปเที่ยวที่หมู่บ้านภูสายธาร คนขับเลยไปส่งที่เชิงเขาให้เธอโบกรถไปเอง”
นายพลวิฑูรสงสัย
“หมู่บ้านนั่น มันไม่ใช่สถานท่องเที่ยว มัทนาจะไปทำไม”
“ผมสืบมาแล้ว ตอนนี้คามินน่าจะอยู่ที่นั่น...”
นายพลวิฑูรชะงัก
“หมายความว่ามัทนาจะไปหาคามิน”
“ผมก็ยังสงสัยว่า ทำไมต้องแอบหนีไป”
นายวิฑูรครุ่นคิด เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เจอ มัทนากับคามินเดินมาด้วยกัน และนึกถึงเหตการณ์ที่มัทนาจะถอนหมั้นและเดินเข้าไปพูดกับคามินอย่างผิดหวังที่คามินสารภาพเรื่องกรรณิการ์...นายพลวิฑูรคิดออก
“เป็นอย่างงี้นี่เอง ทำไมนึกไม่ถึงแต่แรกนะ...”
“เราคงต้องออกเดินทางคืนนี้เลย”

สุเทษสายตามุ่งมั่น

ชวาลเมียงมองอยู่หน้าห้องบรรทมเจ้าชายมาคี
“ปล่อยให้คุณหฤทัยอยู่กันลำพังกับเจ้าชายแบบนี้ มันจะดีเหรอ...แต่ตอนนี้เจ้าชายทรงคลั่งไคล้ คุณมัทนา คงไม่มีอะไรหรอกน่ะ...แต่ว่าทรงเมาออกขนาดนั้น...”
ชวาลจะเข้าไปในห้องอีก เทวีเดินมาขวางหน้า
“เฮ้ย...โห คุณเทวี หัวใจผมเกือบวาย หมู่นี้ ผมยิ่งตกใจง่ายอยู่”
“ตอนนี้เจ้าชายมีหฤทัยคอยดูแลแล้ว เธอไปนอนได้แล้วชวาล”
“แต่ว่า...”
เทวีเข้ามาแตะปากชวาล
“แผลที่ปากหายเร็วดีนี่...ต้องระวังนะ อย่าไปทำอะไรขวางหูขวางตาใครเข้าอีก เดี๋ยวจะเจ็บตัวเปล่าๆ”
ชวาลสยอง
“ครับ...ขอบคุณที่เตือน ผมชักง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนนะครับ”
ชวาลเดินออกไป เทวีหันไปมองในห้อง
“หฤทัย...คราวนี้แกคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ”

ในห้อง...เจ้าชายมาคีเมาหลับอยู่บนโซฟาที่เดิม มือหฤทัยเข้ามาเอาผ้าชุบน้ำเช็ดให้ เจ้าชายมาคีรู้สึกตัวค่อยๆลืมตา
“ใคร...”
“หม่อมฉันเองเพคะ”
เจ้าชายมาคียังไม่สร่างเมาสายตาพร่าเลือนเห็นเป็นหน้ามัทนา มองอยู่ พระองค์จับมือหฤทัยไว้
“มัทนา ในที่สุดคุณก็มาหาผม”
หฤทัยไม่พอใจพยายามดึงมือออก
“ไม่ใช่เพคะ...ไม่ใช่...”
เจ้าชายมาคีรั้งตัวหฤทัยเข้ามากอด
“ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน คิดถึงคุณตลอดเวลา ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้ว”
เจ้าชายมาคีซุกไซ้ซอกคอ หฤทัยตาเหลือกจะผลัก แต่แล้วเสียงแม่ดังก้องเข้ามาในหัว
“จำไว้ให้ดีนะไม่ว่าเจ้าชายจะทรงทำอะไรแก แกก็ต้องโอนอ่อนผ่อนตามห้ามขัดขืนแล้ววิ่งหนีมาอย่างครั้งก่อนอีก”
หฤทัยชะงัก มาคีโน้มตัวหฤทัยลงนอน ล่วงเกินไปพึมพำไป
“คุณมัท...คุณมัทนาผมรักคุณ ผู้หญิงคนอื่นเป็นแค่พลอย แต่คุณเป็นเพชรที่มีค่าทีสุด คุณจะเป็นรักเดียวของผมตลอดไป ผมสัญญา”
หฤทัยพยายามเคลิ้มแต่ก็ทนไม่ไหว ที่เจ้าชายมาคีพร่ำเรียกแต่มัทนา เธอผลักเจ้าชายกระเด็นไป เจ้าชายมาคีสลัดหัวงงๆเพ่งมองจนเห็นว่าเป็นหฤทัย
“เธอ หฤทัย”
“เพคะ หม่อมฉันเอง ไม่ใช่คุณมัทนา”
“เข้ามาทำไม”
“หม่อมฉันเห็นฝ่าบาททรงเมามาก เลยจะเช็ดพระวรกายให้”
มาคีหรี่ตามอง หฤทัยที่จัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย
“แน่ใจเหรอว่าแค่อยากจะมาเช็ดตัวให้พี่”
“หม่อมฉันจะไปตามชวาล” หฤทัยถอย
เจ้าชายมาคีฉุดหฤทัยมา
“ตามทำไม ในเมื่อฤทัยก็อยากอยู่กับพี่สองต่อสองอยู่แล้วนี่”
“ปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ...”
เจ้าชายมาคีกอดแน่น
“อย่าเล่นตัวเพื่อเพิ่มราคาให้ตัวเองหน่อยเลย ในเมื่อเธออยากเป็นชายาพี่จนตัวสั่น”
เจ้าชายมาคียิ้ม ตาปรือท่าทางน่ากลัวมาก
“ไม่เพคะ หม่อมฉันขอร้อง...อย่าทำอะไรหม่อมฉันเลย”
หฤทัยดิ้นรน สลัดจนหลุดวิ่งหนีแต่ เจ้าชายมาคีรวบตัวไว้ได้ ทั้งคู่ล้มลงไปบนโซฟา หฤทัยดิ้นรนแต่สู้แรงไม่ได้ น้ำตาไหล

เช้าวันใหม่...นายพลวิฑูรนั่งรอในเต๊นท์ ทหาร 4 คน คอยระวังอารักขา สุเทษกับทหาร 2 คน ลากวายุที่ผูกตาเข้ามา
“ปล่อย พวกแกเป็นใคร จะทำอะไรฉัน”
วายุถูกเหวี่ยงกองข้างหน้านายพลวิฑูร
“มันเป็นยามหมู่บ้านครับ”
สุเทษกระชากผ้าผูกตาออก วายุเห็นนายพลวิฑูร คุ้นหน้า
“ยังไม่เคารพท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีก” สุเทษตะคอก
“ข้าไม่ผิดอะไร จับข้ามาทำไม”
“ไอ้นี่...” สุเทษตวาด
นายพลวิฑูรปราม
“สุเทษ...เราแค่อยากจะถามอะไรเจ้าหน่อย รู้เรื่องแล้วก็จะปล่อยเจ้ากลับบ้าน”
นายพลวิฑูรเอารูปมัทนาออกมาส่งให้วายุดู

“ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่หรือเปล่า”

นายพลวิฑูร สุเทษและ ลูกน้องจู่โจมเข้าไปถึงหน้ากระท่อมเมฆา กระจายล้อมไว้ สุเทษตะโกน

“คามิน...เจ้าทำผิดกฎของรายา แอบพาตัวพระคู่หมั้นหนีมาอยู่ที่นี่ ออกมามอบตัวเสียดีๆ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบไม่มีการเคลื่อนไหว สุเทษพุ่งเข้าถีบกระท่อม นำลูกน้องเข้าไป ภายในกระท่อมว่างเปล่า นายพลวิฑูรตามเข้ามา มองรอบๆสีหน้าเจ็บใจ
“มันไหวตัวทัน คงหนีไปแล้ว”
สุเทษเจอ เป้ของมัทนา ข้างในมีผ้าพันคอ แว่น แต่ไม่มีหมวกและมือถือ
“นี่ต้องเป็นของคุณมัทนาแน่”
ทหารวิ่งเข้ามารายงาน
“มีคนอยู่ด้านหลังกระท่อมครับท่านนายพล”
สุเทษรีบวิ่งนำลูกน้องออกไปทันที

สุเทษวิ่งมาถึงลานดินหลังกระท่อมชะงัก เมื่อเห็นเมฆากวาดลานดินช้าๆ สุเทษตะคอกใส่
“ไอ้คามินอยู่ที่ไหน”
เมฆาไม่ตอบ กวาดเฉย สุเทษฉุน
“ไม่ได้ยินเหรอไอ้แก่ ฉันถามว่าไอ้คามินอยู่ที่ไหน”
เมฆาชะงักหันมามองสุเทษ ส่ายหัวสุ้มเสียงระอา
“คนสมัยนี่พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ สงสัยนายนี่คงเป็นลูกกำพร้าไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนแน่ๆ”
เมฆาหันกลับไปกวาดต่อ สุเทษโมโห
“วอนซะแล้วไอ้แก่”
สุเทษพุ่งเข้าไปด้านหลังยกฝ่ามือจะฟาดใส่ เมฆาตวัดไม้กวาดขึ้นรับทั้งๆที่ไม่ได้หันมา สุเทษแค้นจู่โจมต่อ เมฆาหันกลับมาใช้ไม้กวาดรับได้ทุกกระบวนท่า แถมใช้ไม้ฟาดใส่สุเทษกระเด็นไปนั่งงง ทหารทั้งหมดเข้ารุม แต่ก็ถูกซัดกระเด็นไปคนละทิศทาง สุเทษเข้าไป แล้วถูกเมฆาต่อยหลายมัด ชักปืนก็ถูกเตะปืนกระเด็น เมฆาจะเข้าไปซ้ำ นายพลวิฑูรเข้าขวางแล้วชะงักมองหน้าเมฆา
“อ๊ะ...วิฑูรไม่ได้เจอกันนาน งั้นมารื้อฟื้นกันหน่อยเห็นท่าจะดี”
เมฆาโยนไม้ทิ้ง ตรงเข้าจู่โจมนายพลวิฑูรด้วยเชิงมวยรายา นายพลวิฑูรรับมือได้ สองคนฝีมือสูสีผลัดกันรุกผลัดกันรับ สุเทษมองตะลึงพึมพำ
“ไอ้แก่นี่มันเป็นใครกันแน่”
เมฆากับนายพลวิฑูรงัดกันอยู่ นายพลวิฑูรรีบพูด
“พอเถอะผมไม่ได้คิดจะมาประลองกับท่าน”
“แล้วที่บุกเข้ามาแบบนี้มันหมายความว่าอะไร”
นายพลวิฑูรถอยฉากออกมา
“ผมต้องขอโทษคงเพราะลูกน้องผมเข้าใจผิดคิดว่าคามินอยู่ที่นี่ คามินทำผิดกฎของรายาด้วยการพาพระคู่หมั้นหนีมา ผมจะมานำตัวคามินไปสอบสวน”
“พระคู่หมั้น” เมฆาเข้าใจทันทีว่าคามินโกหก
“ใช่ พระคู่หมั้น เป็นราชนิกูลจากเมืองไทย ชื่อมัทนา”
เมฆานึกไม่ถึง ฐากรแอบดูอยู่ ตกใจ

ลำธารน้ำตก...มัทนา เอามือถือถ่ายรูป วิวต่างๆ สลับกับถ่ายตัวเองสนุกสนาน คามินตามมา
“คุณมัทนา...คุณมัท”
มัทนาหันมาถ่าย คามินเอามือบังหน้า
“นี่คุณทำอะไร”
“ก็ถ่ายรูปนายไง นายจะได้เห็นหน้ายักษ์ๆของตัวเอง”
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว ป่านนี้ทางโน้นคงตามหาตัวคุณให้วุ่น คุณต้องกลับ”
“พี่มินต้องควบคุมสถานการณ์ หาทางแก้ตัวให้ฉันได้อยู่แล้ว”
“คุณรู้มั้ยว่าความสนุกของคุณทำให้คนอื่นเดือดร้อนแค่ไหน คุณไม่สงสารคุณมินบ้างเหรอ ที่เขาต้องมานั่งรับหน้าแก้ปัญหาให้คุณอยู่ตลอดเวลา”
“เหมือนกับที่คุณทำกับเจ้าชายใช่มั้ย”
“ผมพูดถึงเรื่องของคุณ อย่าเบี่ยงประเด็น”
“มุมนี้กำลังสวยเลย อย่าขยับนะ โห...เหมือนนายแบบเลย”
คามินลมออกหูเอื้อมมาคว้าโทรศัพท์ มัทนาไม่ให้วิ่งหนี คามินเข้าแย่งมัทนาจะตกน้ำ คามินคว้าไว้ แต่หมวกเธอร่วงลงไป ฐากูรวิ่งเข้ามา
“ท่านคามินครับ”
ทั้งคู่ชะงักผงะจากกัน หันไปมองฐากูรที่หน้าเครียด
“ท่านวิฑูรพาทหารมาตามหาตัวคุณมัทนาที่นี่”

คามินกับมัทนาตกใจ

ล่ารักสุดขอบฟ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)

คามินดึงมัทนาให้เดินตามเข้าไปในป่า มัทนาพยายามขืนตัวไว้ โวยวาย
“ปล่อยสิ...บอกแล้วไงว่าไม่ไป”
“คุณมัทนา...นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นแล้วนะ ถ้าท่านวิฑูรเจอว่าคุณอยู่ที่นี่ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”
“แต่ฉันไม่กลัว ฉันจะไปยอมรับผิดเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“มันไม่ใช่เรื่องผิดหรือไม่ผิด แต่มันเป็นเรื่องของชีวิต”
มัทนาขืนตัว สลัดจนหลุด
“เดี๋ยว...คุณพูดยังกะท่านวิฑูรจะมาเอาชีวิตฉันอย่างนั้นแหละ”
“ผมไม่มีเวลาอธิบาย มากับผมก่อน”
“ไม่ คุณต้องตอบฉันก่อน”
คามินถึงตัวอย่างรวดเร็ว คว้ามัทนาขึ้นพาดไหล่ พาเดินไป มัทนาดิ้นโวยวาย
“ปล่อยนะคนบ้า โอ๊ยเลือดตกหัวแล้ว ปล่อยฉันสิ”
คามินเดินแบกไปเฉย มัทนาดิ้น
“คุณเป็นองครักษ์นะมาแตะต้องตัวฉันได้ไง ปล่อยฉันสั่งให้ปล่อย นายคามิน”

สุเทษพาทหารเดินมาถึงบริเวณน้ำตก
“แยกย้ายกันตรวจดูให้ทั่ว”
ทหารแยกย้าย ปรากฏว่ามีคนวิ่งผ่านแว่บเข้าป่าไป ฐากูรล่อให้ไปคนละทางกับคามิน ทหารคนหนึ่งชี้ไป
“เฮ้ย ทางโน้น”
ทหารสองนายวิ่งตาม ไป สุเทษกำลังจะตาม ปรากฏว่าเหลือบไปเห็นหมวกของมัทนาหล่นอยู่ที่ซอกหินอีกทาง เขาเก็บหมวกขึ้นดู แล้วเห็นรอยเท้า สุเทษตะโกนเรียกทหาร
“เฮ้ย ไม่ต้องตาม มันล่อเราให้ไปผิดทาง มาทางนี้”
ทหารที่เหลือสองคนวิ่งตามสุเทษไป

คามินแบกมัทนาวิ่งเข้ามาในป่า
“หยุด วางฉันลงได้แล้ว ฉันไม่หนีแล้ว”
คามินหยุดหอบ แล้วปล่อยเธอลง มัทนากุมท้องรู้สึกจุกมากๆ ลงไปนั่ง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“จุกน่ะซิ ถามได้”
“ผมขอโทษ”
“แล้วนี่คุณตั้งใจจะแบกฉันไปถึงไหน”
“ข้ามไปลงเขาอีกด้าน”
มัทนามองไปหน้าตื่น
“ฮ้า คุณคิดว่าคุณเป็นซุปเปอร์ฮีโร่มีพลังพิเศษรึไงเนี่ย”
“ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้คุณปลอดภัย...”
เสียงสุเทษดังมา
“เฮ้ย ทางนั้น...”
คามินตกใจ ฉุดมัทนาขึ้น
“หนี เร็ว...”
ทั้งคู่วิ่งหนี สุเทษกับพวกวิ่งเข้ามา เห็นหลังคามินไวไว
“นั่น...มัน อยู่นั่น”
สุเทษยิง หลายนัด ทั้งหมดวิ่งตาม

คามินกับมัทนาวิ่งมาถึงสะพานเชือกที่ข้ามลำน้ำ มัทนาเหลียวไปมอง
“ทำไมพวกท่านวิฑูรถึงต้องการฆ่าฉัน”
“ผมคิดว่า คุณน่าจะเดาคำตอบได้ไม่ยาก”
“หฤทัย”
“ข้ามสะพานนั่นไปเร็ว”
คามินฉุดมัทนาวิ่งข้ามไปได้นิดหนึ่ง เธอก็ดึงเขาให้หยุด
“เดี๋ยว”

คามินงง...ว่าหยุดทำไม...

สุเทษกับทหารวิ่งมาที่สะพานไม่มีใครแล้ว แต่สะพานยังสั่น เหมือนมีคนเพิ่งวิ่งผ่านไป
 
“ข้ามไป”
สุเทษกับทหารวิ่งข้ามไป พอพวกสุเทษลับไปแล้ว ที่ใต้สะพาน คามินกับมัทนาเกาะอยู่ ทั้งคู่พยักหน้าให้กันแล้วปีนกลับขึ้นไปข้างบน คามินขึ้นได้ก่อน ช่วยฉุดมัทนาขึ้นมา
“คุณเก่งมาก”
“เพิ่งรู้เหรอ ฉันไม่ใช่นางเอก ที่จะเอาแต่วิ่งหนีแล้วร้องกรี๊ดๆหรอกนะ ระดับมัทนา ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณเห็นเยอะ”
คามินยิ้มหยิบมีดสปาร์ตาที่คาดเอวไว้ฟันเชือก จนขาดแล้วทั้งคู่ก็วิ่งย้อนกลับไปทางเดิม

คามินกับมัทนาวิ่งกลับมาในป่า
“แล้วนี่เราจะไปไหน กลับเข้าหมู่บ้านไม่ได้ ข้ามไปทางนั้นก็ไม่ได้”
ฐากูรเข้ามาข้างหลัง
“ท่าน...”
มัทนาตกใจ
“เฮ้ย”
มัทนาหมุนตัวไป ปัดปืนล็อคคอ คามินรีบห้าม
“คุณมัทอย่า...ฐากูรมาช่วยเรา”
มัทนาปล่อย

สินธรเดินมาที่ตำหนักเจ้าชายมาคี เห็นหฤทัยเดินเลื่อนลอยออกมา สินธรสงสัยจะวิ่งเข้าไปถาม แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นมาก่อน มองหน้าจอแล้วรีบรับ
“ฐากูร ฉันติดต่อท่านคามินไม่ได้เลย ท่านอยู่ที่หมู่บ้านรึเปล่า...อะไรนะ”
สินธรมองซ้ายขวา กลัวว่าจะมีใครได้ยิน

เจ้าชายมาคีไม่สวมเสื้อ ลุกขึ้นมาจากโซฟา กุมหัว สลัดความมึน มองไปรอบๆ ไม่มีใคร
“หฤทัย...ไม่มีนี่ หรือเมื่อคืนเราฝันไป”
เจ้าชายมาคีโล่งใจลุกขึ้น
“ชวาล”
ชวาลวิ่งเข้ามา
“พะยะค่ะ”
ชวาลมองหาในห้อง ไม่เห็นหฤทัย
“เมื่อคืนเราเมามากเหรอ”
“พะยะค่ะ”
“มิน่า เราถึงได้ฝันร้าย...”
“ฝันว่าอะไรพะยะค่ะ”
“ก็ฝันว่า หฤทัยเข้ามาในห้อง แล้วเราก็...”
ชวาลลุ้น...
“ก็...”
“ช่างเถอะ ยังไงก็เป็นความฝัน”
“แน่พระทัยหรือพะยะค่ะ”
“แน่ซิ เพราะถ้าเป็นความจริง ฉันไม่มีทางทำอะไรๆหฤทัยอย่างในฝันแน่...”
เจ้าชายมาคีเดินไปเหยียบผ้าหฤทัยที่ขาดออกเพราะแรงกระชากตกอยู่ แล้วชะงักหยิบขึ้นมาดู อึ้งมองหน้าชวาล
“ผ้านี่...”
ชวาลยิ้มแหะๆ

เทวีเข้ามาหน้าห้องหฤทัยสาวใช้ตาม
“คุณหนูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร ทำไมไม่บอกฉันหา”
“คุณหนูบอกว่าอยากพักผ่อน อย่าเพิ่งให้ใครรบกวนค่ะ”
เทวีทุบประตู
“หฤทัย”
หฤทัยนั่งขดตัวอยู่ในห้องน้ำ ปล่อยฝักบัวรดตัวทั้งชุดเปียกปอน ไม่รับรู้อะไร

คามินพามัทนาเข้ามาในกระท่อมกลางป่าสภาพเก่าทรุดโทรม
“เราต้องหลบอยู่ที่นี่ก่อน จนกว่าฐากูรจะกลับมา”
“คุณให้ฐากูรไปทำอะไร”
เสียงฟ้าร้องครืน คามินเปิดหน้าต่างแล้วแหงนหน้าดูฟ้า
“พายุมา”
“อะไรกันเมื่อกี๊ ฟ้ายังใสอยู่เลย”
“นี่ละ รายา หวังว่ากระท่อมนี่คงทนพายุได้นะ คุณกลัวหรือเปล่า”
“กลัวฟ้าน่ะเหรอ...เด็กๆ”
ฟ้าแลบ แล้วผ่าเปรี้ยง มัทนาสะดุ้งปิดหูกระโดดซุกคามิน
“ไหนว่าไม่กลัว” คามินขำๆ
“ฉันตกใจต่างหาก”
ฟ้าผ่ายอดไม้เปรี้ยง
“อ๊าย”
มัทนากอดเขาแน่นเข้าไปอีก คามินยิ่งขำ เธอค่อยๆลืมตาเงยหน้า
“ขำอะไร หัวเราะเยาะฉันเหรอ”
“เปล่า”
คามินพยายามกลั้นหัวเราะ แต่ก็ไม่สำเร็จ
“ในฐานะราชินีแห่งรายา ขอสั่งให้คุณหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้”
มัทนาพูดแล้วก็อึ้งไป คามินรีบถอยห่างจากมัทนา
“ขอโทษครับ...คุณพักก่อน ผมจะออกไปข้างนอก”
คามินเดินออกไป มัทนาเรียกไว้

“เดี๋ยวซิ ฝนตกจะออกไปทำไม คามิน”

เมฆานั่งจิบชาอยู่ในกระท่อมอย่างใจเย็น นายพลวิฑูรมองฝนเครียด
“ฝนที่นี่ตกไม่นาน เดี๋ยวก็หยุด”
“แต่มันก็อาจจะนานพอที่จะทำให้คามินพาพระคู่หมั้นหนีไปไกล”
“คามินไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น เรามั่นใจว่า คามินต้องกลับมา เรากล้าเอาหัวเป็นประกัน”
“เกรงว่าแค่หัวของท่านคนเดียวจะไม่พอ แต่ต้องเป็นหัวของคนทั้งหมู่บ้านภูสายธาร”
ฟ้าร้องครืนๆ

ฝนกำลังตกหนัก คามินยืนหลับตาแหงนหน้าให้ฝนกระหน่ำ ดับอารมณ์รัก มัทนาอยู่ในกระท่อมหงุดหงิด
“อยู่ดีดีก็ออกไปยืนตากฝน นึกว่าเป็นพระเอกเอ็มวีหรือไง เดี๋ยวก็ปอดบวมตาย”
มัทนาเดินไปนั่งที่แคร่
“เอ๊ะ หรือว่าจะถูกพวกนั้นจับตัวไป”
มัทนาลุกขึ้นแล้วรู้สึกเจ็บแปล็บที่ข้อมือ
“โอ๊ย...”
ฝนซาลง คามินเดินกลับเข้ามาในกระท่อม ถือกระบอกไม้ไผ่ที่มีน้ำเข้ามา เห็นมัทนานั่งพิงฝาหันหลังขดตัวจับข้อมือ
“คุณมัทนา หลับเหรอครับ คุณมัท”
คามินวางกระบอกไม้ไผ่ไว้ เข้าไปจับ มัทนาสะบัด
“อย่ามายุ่งกับฉัน โอย...”
คามินเห็นแมงมุมกระโดดไป
“แมงมุมป่า”
คามินจับมือมัทนามา
“บอกว่าอย่ามายุ่ง อยากไปไกลจากฉันก็ไปเลยซิไป”
“คุณโดนกัดนานหรือยัง”
“ก็ตั้งแต่ตอนคุณออกไปใหม่ๆนั่นแหละ ถ้ามันเป็นงูฉันก็ตายไปแล้ว”
“แมงมุมป่านั่นพิษก็ร้ายแรงไม่แพ้งู”
มัทนาตกใจ
“อะไรนะ...แล้ว...แล้วฉันจะตายมั้ย”
“ไม่มีทาง ถ้าผมยังอยู่”
คามินก้มลงดูดพิษที่ข้อมือ หลายครั้ง มัทนาอึ้งใจเต้น มองจนเขาบ้วนพิษทิ้ง คามินเงยหน้าขึ้นเจอมัทนาจ้องอย่างลึกซึ้งก็ตะลึงหลบตา
“คุณไม่ยอมให้ฉันตาย เพราะฉันเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าชายเท่านั้นเหรอ ชีวิตฉันไม่มีความหมายกับคุณเลยเหรอ”
“แผลอาจจะบวมอยู่หลายวันนะครับ กลับไปต้องทานยาแก้อักเสบ”
“นายไม่กล้ามองตาฉัน เพราะนายกำลังโกหก”
“ถ้าหมายถึงเรื่องกรรณิการ์ ผมขอยืนยันอีกครั้งว่ามันเป็นเรื่องจริง”
มัทนาฉุน
“กรรณิการ์เกิดวันเดือนปีอะไร”
คามินอึ้ง มัทนาได้ทีต่อ
“ชอบอาหารแบบไหน”
คามินอึกอัก มัทนารุกต่อ
“ชอบสีอะไรเป็นพิเศษ”
คามินตอบไม่ได้ มัทนามองเยาะ
“เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ แล้วบอกว่ารักกัน นายไปหลอกเด็กเถอะ”
“คุณมัท อย่าคาดคั้นผมเลย ผมขอร้อง”
คามินจะลุก มัทนาดึงมือไว้
“ที่นี่ไม่ใช่วังหลวง ไม่มีพระคู่หมั้น ไม่มีราชองครักษ์ที่นี่มีแต่เรา มีแต่ฉันกับคุณ...พูดความจริงกับฉัน คามิน”
คามินหันมาสบตามัทนา ต่างคนต่างมองกันนิ่ง
“ได้ ผมจะบอกความจริงคุณทุกอย่าง...”
คามินหยิบกระบอกไม้ไผ่มา
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ...เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน”
คามินป้อนน้ำ มัทนาดื่ม
“แล้วคุณไม่ดื่มเหรอ”
“ผมดื่มแล้ว...”
“บอกฉันได้หรือยัง”
คามินพูดอ่อนโยน

“ผมไม่อยากให้คุณใจร้อน เราต้องอดทนค่อยๆแก้ปัญหา...คุณเชื่อใจผมมั้ย”

มัทนามองคามินชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้า
“ฉันเชื่อคุณ”
“น่ารักมาก”
มัทนาตาปรือ หาว
“ง่วงจัง”
“นอนพักก่อนนะครับ”
“ไม่ บอกฉันก่อนว่า คุณรู้สึกอย่างเดียวกับฉันหรือเปล่า”
มัทนาเอนซบไหล่คามิน
“ฉันอยากฟัง”
“หลับตาซะคนดี ตื่นมาเมื่อไหร่ ผมจะบอก”
มัทนาหลับ คามินประคองให้นอนตัก คามินลูบผมมัทนาด้วยความรัก ก้มลงพูดที่ข้างหู
“ผมรักคุณ...”

สุเทษกับลูกน้องเดินมาอย่างสะบักสะบอมมองแมม กว่าจะหาทางข้ามกลับมาได้ ทหารนายหนึ่งชี้ไป
“ตรงนั้นมีกระท่อมครับ”
สุเทษหันไปดู เห็นคามินแบกหญิงชาวบ้านที่ปลอมเป็นมัทนาวิ่งออกจากกระท่อมไป สุเทษหน้าตื่น
“ไอ้คามิน ตามไป”

คามินแบกหญิงชาวบ้านมา สุเทษตะโกนไล่หลัง
“คามิน หยุด”
สุเทษยิงขู่ คามินชะงัก ทหารเข้าล้อม
“สุเทษ”
“นึกไม่ถึง ว่าแกจะบังอาจเหิมเกริม ขนาดกล้าลักพาตัว พระคู่หมั้น”
“พูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ถอยไป ฉันจะกลับหมู่บ้านภูสายธาร”
สุเทษหัวเราะขำมาก
“หึ...ไปหลอกเด็กอมมือเถอะคามิน วันนี้เราจะลากตัวเจ้าและผู้หญิงไทยคนนั้นกลับไปรับโทษที่รายา”
คามินค่อยๆวางผู้หญิงลง สุเทษสั่งทหาร
“จับมัน”
ทหารกรูเข้ามา แต่ถูกคามินจับมือบิดปืนร่วง อีกคนก็ถูกเตะกระเด็นกันไปหมด สุเทษเข้าจ่อปืนจนคามินชะงัก ทหารเข้าล็อคไว้ได้ หญิงที่นอนอยู่ลุกขึ้นวิ่งหนี สุเทษผละออกจากคามิน วิ่งไปที่หญิง หญิงจะวิ่งหนี สุเทษคว้าตัวไว้ได้
“หยุด คุณมัทนา”
สุเทษตวัดผ้าคลุมผมออก แล้วชะงักตะลึง หญิงชาวบ้านหน้าตื่น สุเทษหันไปมองคามินที่ยิ้มเยาะ

ทั้งหมดกลับมาที่กระท่อมเมฆา หญิงชาวบ้านก้มหน้ากลัวๆ คามินพูดขึ้น
“มาลีเป็นหลานของฐากูร หัวหน้าหมู่บ้าน ตามผมเข้าไปในป่า แล้วเกิดหลงป่า ข้อเท้าแพลง ผมก็เลยพาไปพักที่กระท่อม”
สุเทษสวนทันที
“โกหก หลานหัวหน้าหมู่บ้านจะมีเสื้อผ้าดีดีแบบนี้ใส่ได้ยังไง”
“ผมซื้อมาฝากมาลีเอง รวมทั้งกระเป๋ากับของพวกนั้นด้วย” คามินชี้ไปที่กระเป๋ามัทนา
นายพลวิฑูรเข้าไปหามาลี
“มาลี...ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกันลักพาตัวพระคู่หมั้นโทษถึงประหารเชียวนะ คิดให้ดีดี พูดความจริงมาดีกว่า” นายพลวิฑูรพูดนุ่มๆแต่โหด
“ท่านคามินซื้อมาให้มาลีจริงๆค่ะ แต่ถ้าแต่งตัวแบบนี้แล้วต้องถูกประหาร มาลีก็ไม่แต่งแล้ว”
สุเทษหันหาวายุที่อยู่ ในกลุ่มชาวบ้าน ฐากูรได้นัดแนะกับทุกคนไว้แล้ว
“แก...แกบอกว่าแกเห็นพระคู่หมั้นมาที่นี่”
“ฉันผิดไปแล้ว ตอนนั้นฉันอยากได้เงินจากท่านก็เลยพูดมั่วๆไป ฉันไม่เอาเงินแล้วก็ได้”
วายุเอาเงินรายาวางให้เป็นแบงก์สองสามใบ สุเทษจะตบหน้า นายพลวิฑูรปราม
“หยุด...พอได้แล้ว”
“แต่ว่า...”
“เป็นอันว่า ไม่มีใครในหมู่บ้านนี้เห็นพระคู่หมั้นเลยแม้แต่คนเดียว”
ทุกคนส่ายหน้าไม่ใช่เพราะกลัวแต่ทุกคนยินดีร่วมมือเพื่อไม่ให้คามินต้องคดี เมฆานิ่ง...นายพลวิฑูรมองเมฆา
“เช่นนั้นก็คงเป็นการเข้าใจผิดจริงๆ ที่สำคัญมีท่านเมฆาเป็นพยานทั้งคน”
นายพลวิฑูรมองหน้าเมฆา
“หากพบตัวพระคู่หมั้น เราจะรีบแจ้งท่านทันที” เมฆาพูดเรียบนิ่ง
นายพลวิฑูรออกคำสั่ง
“กลับ”
นายพลวิฑูรเดินนำ สุเทษจำต้องไปอย่างแค้นๆ คามินถอนใจ
“ขอบใจมากนะ มาลี ขอบใจทุกๆคน”
“เรื่องเล็กน้อย เรายอมให้ท่านถูกประหารไม่ได้หรอก”
ชาวบ้านพยักหน้าว่าใช่ๆ คามินหันไปมองเมฆา
“อาจารย์”
เมฆาเดินเข้าไปในกระท่อม คามินรีบตาม

ในกระท่อม...คามินตามเข้ามา คุกเข่าอย่างรู้สึกผิด
“ขอบคุณครับ อาจารย์ ที่ช่วยผม”
“เราเคยเชื่อมั่นในตัวเจ้ายังไง เราก็ยังรู้สึกอย่างงั้นไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าคงมีเหตุผลที่ทำเช่นนี้”
“ผมสาบานว่าทุกสิ่งที่ทำเพื่อแผ่นดินและราชบัลลังก์แห่งรายา”
“ระหว่างหน้าที่กับหัวใจ เจ้าเลือกแล้วซินะ”
คามินนิ่งเครียด

ระหว่างทาง...นายพลวิฑูรเดินเร็วๆหน้าเคร่งเครียด ก่อนมาหยุดหันไปมองกระท่อมไกลๆเจ็บใจ สุเทษยังโมโหไม่หาย
“เห็นชัดๆว่าพวกมันโกหก ทำไมท่านถึงยอมแพ้มันง่ายๆละครับ”
“แล้วแกจะทำไง เอาทหารค้นป่าทุกตารางนิ้วที่นี่เหรอ ถ้ามันร่วมมือกันซ่อนตัวมัทนา ก็ยากที่เราจะหาเจอ”
สุเทษแค้นใจ
“เจ็บใจจริงๆ ท่านครับ หรือว่านังพี่เลี้ยงมันแกล้งปั่นหัวเรา”
นายพลวิฑูรหน้าเครียด

“นังมินตรา”
 
จบตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น