เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 8
เพลิงบึ่งมอเตอร์ไซค์ จนฝุ่นตลบ แล่นไปตามถนนลูกรัง มุ่งหน้าสู่ภูเขาเพื่อตามหาเอื้อมเดือน แต่ขับมาได้แค่กลางทางก็ต้องเบรกเอี๊ยด เพราะเจอไอ้เสือ จอมโจรลึกลับสวมหมวกปีกกว้างมีผ้าคาดหน้าอำพรางยืน อยู่กลางถนน
เพลิงนิ่งมองจอมโจรไอ้เสือที่เขาร่ำลือกัน
“นี่แก ไอ้โจรที่ออกอาละวาดปล้นชาวบ้านอยู่ตอนนี้”
“ใช่ ฉันเอง ไอ้เสือ จอมโจรที่พวกชาวบ้านผาปืนแตกกำลังกล่าวขวัญถึง”
เพลิงมองอย่างสงสัย ที่ไม่เห็นนางสิงห์มาด้วย เชนเลยเดินยียวนอาดๆเข้ามาจ้องเขม็ง
“ไม่ต้องสงสัยว่านางสิงห์คู่ของข้าหายไปไหน บางครั้งเสือกับสิงห์ก็ไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจร่วมกัน มันก็มีบ้างที่แยกกันออกหากิน”
“ถ้าข้าคือเป้าหมายที่แกกำลังเล็งอยู่ล่ะก็ เสียเวลาเปล่า ข้าไม่มีของมีค่าอะไรที่แกจะมาปล้นให้เสียเวลา”
ท่าทีของเพลิงไม่ได้เกรงกลัวโจรไอ้เสือแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำกำลังจะบิดมอเตอร์ไซค์ไปต่อ แต่เชนก็ชักปืนเขี้ยวไอ้เสือออกมา แล้วยิงขึ้นฟ้าขู่ เพลิงถึงกับชะงัก
“อย่าคิดท้ายทายไอ้เสือ ไม่งั้นนัดต่อไป ลูกปืนคู่ของเขี้ยวไอ้เสือจะฝังเข้ากลางกบาลเอ็ง”
เชนยกปืนลำกล้องคู่ จ่อไปที่เพลิง ที่มองนิ่งอย่างไม่หวั่นเกรง
“งั้นข้าก็คงต้องขอเตือนแกไว้ด้วยเหมือนกัน ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องไปทำ ถ้าไม่หลบทางข้า ข้าจะหักเขี้ยวเสือแล้วไล่เตะมันให้หนีเตลิดกลับเข้าป่าไม่กล้าออกมาอีก”
เชนชะงัก “นี่เอ็งกล้าขู่ไอ้เสืองั้นเหรอ ลองดีแบบนี้ โดนดีแน่”
เชนควงปืนเขี้ยวไอ้เสือแล้วเก็บเข้าที่เอวก่อนจะตั้งท่าเชิงมวย
“ข้าไม่ได้คิดจะปล้นเอ็ง แค่อยากใช้งานม้าพยศอย่างเอ็ง แต่เห็นทีคงต้องปราบพยศเอ็งให้ได้ซะก่อน”
เชนกำหมัดแน่นแล้วปรี่เข้าใส่ เพลิงไม่อยากมีเรื่องด้วยเลยถอยหลบ แต่ไอ้เสือเชนก็ยังไล่รุกใส่ไม่ยั้ง จนเพลิงเสียท่าโดนหมัดซัดเข้าไปเต็มๆ
“ธุระของข้ามันเกี่ยวกับความเป็นความตายของชาวบ้าน ถ้าเอ็งอยากไปทำธุระของเอ็ง เอ็งก็ต้องเสร็จธุระของข้าก่อน”
เพลิงจ้องหน้าไอ้เสือเชนเขม็ง
“คนอย่างไอ้เพลิง ไม่มีใครมาสั่งให้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ”
พูดพลางตั้งท่าเชิงมวย พร้อมเอาจริง เชนรู้ดีว่าถ้าไอ้เพลิงเอาจริง ก็ต้องเจองานหนักอีกแน่
วัลภานั่งนิ่งอยู่บนเตียง ในใจยังรู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีกับเชน ขณะเดียวกันก็เริ่มสับสนกับความรู้สึกตัวเอง
“เราก็ไม่ได้พูดอะไรผิดสักหน่อย ไม่เห็นจะต้องไปสนใจความรู้สึกของไอ้บ้าเชนเลย”
แต่ยิ่งไม่อยากคิด ไม่อยากสนใจ ถึงก็ยิ่งสะกิดให้อยากรู้อยากเห็น เธอเหลือบไปที่กล่องไม้ พลาง หยิบมันเปิดออกมา เป็นสนับมือสีทองสวยงาม วัลภาหยิบมาสวมมือแล้วพลิกดูไปมาอย่างสงสัย
“นี่น่ะเหรออาวุธเสริมเขี้ยวเล็บให้นางสิงห์ ก็แค่สนับมือสวยๆอันเดียว ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหนเลย”
วัลภา ที่คิดว่ามันก็แค่สนับมือธรรมดาเลยลองกำสนับมือแน่นๆ ทันใดนั้นมีละอองน้ำพ่นออกมาจากปลายสนับมือ ที่เป็นรูเล็กๆ เข้าหน้าวัลภาเต็มๆ ทันทีที่โดนเข้าไปก็รู้สึกมึนๆ ตัวเคว้งๆ จะหมดสติ
“รู้แล้วว่าพิเศษตรงไหน”
ขาดคำ วัลภาก็ตาปรือ แล้วร่วงผล่อยหมดสติลงไปบนเตียง
ทางด้านเชนก็โดนเพลิงชกอัดเข้าที่ลำตัวหลายหมัดเซจุก ขณะที่เพลิงก็โดนไปไม่น้อยเหมือนกัน
“พอที ข้าไม่มีเวลามาฟังคำพูดเชื่อไม่ได้ของโจร”
เพลิ’งขยับตัวจะเดินออกไป เชนเลยต้องตัดสินใจชักปืนออกมาแล้วยิงใส่ทันที กระสุนเฉี่ยวแขนเพลิงจนเลือดซิบ เพลิงชะงักหันมากำหมัดแน่นจะเอาเรื่อง แต่เชนก็ยกปืนจ่อ
“ข้าจะพูดกับเเอ็งครั้งนี้ครั้งสุดท้าย เอ็งจะต้องไปบอกพวกไอ้ชาติว่าเอ็งเจอไอ้เสือแล้ว เอ็งสู้กับมัน และรู้ว่าอยู่ที่ไหน แล้วไปพาพวกมันมา”
“ทำไมแกต้องใช้ข้าด้วย” เพลิงย้อนถาม
“เพราะตอนนี้มีชาวบ้านบริสุทธิ์หลายคน โดนไอ้ชาติจับตัวไปแล้วยัดข้อหาให้อย่างไม่ยุติธรรม ถ้าข้าไม่ไปช่วย พวกเขาจะไม่มีวันได้กลับออกมาทำมาหากินอีก”
เพลิงมองหน้าไอ้เสือเชนอย่างคาดไม่ถึง“นี่แก”
“ก็บอกแล้วไงว่าไอ้เสือไม่ใช่โจรชั่วร้ายอย่างที่คิด ว่าไง”
เพลิงยังสองจิตสองใจ เพราะใจหนึ่งก็ยังเป็นห่วงเอื้อมเดือนอยู่ เชนเห็นเพลิงยังลังเล ก็ลดปืนลง เหน็บคืนที่ข้างเอว แล้วล้วงกระเป๋าหยิบเอาผ้าคาดหน้าอีกผืนโยนให้เพลิง
“มีคนที่รู้จักแกเล่าให้ข้าฟังว่า แกเป็นคนดี ข้าเลยอยากทดสอบว่าแกจะเป็นคนดีจริงๆ รึเปล่า หรือว่าเป็นแค่ไอ้ขี้ขลาดตาขาว”
เพลิงกำผ้าคาดหน้าของไอ้เสือเชนแน่น “ข้าไม่ใช่พวกขี้ขลาดตาขาว”
เชนยิ้มเหยียด
“งั้นพิสูจน์สิ เพราะที่ผาปืนแตกต้องการวีรบุรุษ ไม่ได้ต้องการคนอ่อนแอมาทำให้มันแย่กว่าเดิม ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้กับพวกชั่วช้าสามานย์ ก็แสดงว่ายอมให้พวกมันเหยียบหัว เป็นได้แค่ขี้ข้าคนเลว”
ไอ้เสือเชนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พลางชี้หน้าเพลิง ก่อนที่จะเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไป
เพลิงหน้านิ่วคิ้วขมวดมองผ้าคาดหน้า พลางตัดสินใจ
เอื้อมเดือนเดินมาหยุดยืนที่บริเวณiริมผาสูง ที่เต็มไปด้วยโขดหิน มองลงไปเบื้องล่าง เห็นน้ำตก กำลังเชี่ยวกราก สีหน้าของเธอเศร้าสร้อย เพราะความเสียใจกับข่าวร้ายเรื่องพี่ชาย น้ำตาไหลอาบแก้ม พลางเดิน ไปยืนที่โขดหิน แล้วรำพันด้วยเสียงปนสะอื้น
“พี่สมาน พี่ทิ้งน้องไว้คนเดียวทำไม”
เอื้อมเดือนร้องไห้อย่างน่าเวทนาสงสาร ขณะที่ค่อยๆ ก้าวเดินออกไปที่โขดหิน ที่หมิ่นเหม่ เหลือเกิน
ทางด้านแสนกับจิก ก็ยังเฝ้าซุ่มดูพวกชาติอยู่ที่หน้าโรงพัก เมื่อเห็นไอ้เชิด ยังทยอยจับชาวบ้านที่ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเพิ่มอีก ก็ชักใจคอไม่ดี
“พวกไอ้ชาติมันยังไปจับเอาชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องมาอีก แบบนี้มันเหวี่ยงแหมั่วเลยนี่หว่า”
“ใจเย็นๆน่าไอ้แสน ต้องเชื่อใจไอ้เชนมัน”
แสนถอนหายใจ
“ไอ้เชนน่ะข้าเชื่อใจ แต่ไอ้เพลิงนี่สิ มันจะยอมร่วมมือด้วยเหรอวะ เห็นมันไม่อยากจะยุ่งกับใคร ไม่เอาอะไรสักอย่าง”
“งั้นถ้ามันไม่โผล่มา เอ็งกับข้าก็ต้องลุยแทน”
ระหว่างนั้นแสนหันไปเห็นเพลิงขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าโรงพัก
“เฮ้ย ไอ้เพลิงมาแล้ว”
พวกชาวบ้านที่ถูกจับมาเพิ่ม ถูกโยนเข้าห้องขังไปขังรวมกันจนแน่น ต่างอ้อนวอนขอร้องให้ปล่อยตัว เสียงดังเซ็งแซ่ จนชาติ ที่เอนหลังพิงเก้าอี้พักผ่อนสบายๆ เริ่มรำคาญ
เพลิงเดินเข้ามามองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็เห็นจริงอย่างที่จอมโจรไอ้เสือเชนบอกทุกอย่าง
เชิดหันไปเห็นเพลิง ก็ตกใจ
“เฮ้ยไอ้เพลิง แกมาที่นี่ทำไมวะ”
“มีธุระกับลูกพี่ของแก”
ไอ้เชิดยังถามเซ้าซี้ เลยโดนเพลิงจับบิดมืออย่างรวดเร็ว
“ประชาชนบริสุทธิ์ขึ้นมาที่นี่เพื่อให้ความร่วมมือ แต่ผู้รักษากฏหมายกลับปฏิบัติตัวอย่างนี้ เหรอ ไอ้เชิด”
พวกลูกน้องเห็นท่าไม่ดี รีบชักปืนเข้ามาจ่อปากกระบอกปืนล้อมรอบเพลิง จังหวะนั้นเอง ชาติก็เดินเข้ามา
“เฮ้ย ให้มันน้อยๆหน่อยเว้ย ไอ้เพลิงมันพูดถูก ที่นี่เราเป็นผู้รักษากฏหมาย ต้องรับใช้ประชาชน เอาปืนลง”
คำสั่งของชาติทำให้ลูกน้องเอาปืนลง พร้อมๆ กับที่เพลิงเลยปล่อยมือจากไอ้เชิด
“เมื่อกี้นี้เอ็งบอกว่ามาที่นี่เพื่อให้ความร่วมมือ หมายความว่าไงไอ้เพลิง”
เพลิงมองหน้าชาติแล้วโยนผ้าคาดหน้าของจอมโจรไอ้เสือให้
“ได้ยินว่าพวกแกกำลังต้องการตัวจอมโจรไอ้เสืออยู่ไม่ใช่เหรอ”
ชาติชะงัก
“นี่แกเจอตัวมันแล้วเหรอ”
ชาติพร้อมกับไอ้เชิดรีบขนอาวุธครบมือมาขึ้นรถจี๊ปสองคัน พร้อมลุยเต็มอันตรา
“ฟังข้าให้ดี อย่าให้ไอ้โจรกระจอกอย่างมันหนีไปได้ ถ้ามันขัดขืนไม่ยอมให้จับเป็น ก็จับตายมัน ไปเลย”
พวกลูกน้องรับคำอย่างฮึกเฮิมแล้วขับรถจิ๊ปออกไป ชาติหันไปสั่งลูกน้องที่เหลืออยู่ 2 คน
“เอ็ง 2 คนเฝ้าที่นี่ไว้”
สั่งเสร็จก็ขับรถจี๊ปตามออกไป เหลือลูกน้อง 2 คนเอาไว้เฝ้าโรงพัก
แสนกับจิกที่รอจังหวะนี้อยู่แล้วหันมายิ้มให้กัน
“ได้เวลาจัดแสดงของเอ็งกับข้าแล้วไอ้จิก”
“แบบนี้สิวะค่อยหายคันมือหน่อย”
ทั้งสองคนยิ้มชอบใจ พลางดึงหมวกไหมพรมที่สวมหัวอยู่ลงมา
เพลิงยืนมองพวกชาวบ้านที่ถูกจับยัดแออัดอยู่ในห้องขังอย่างน่าสงสารจนลูกน้องชาติเข้าไปไล่ เพลิงยอมเดินออกไป แต่ยังมองพวกชาวบ้านอย่างเป็นห่วง ลูกน้องคนหนึ่งเลยจะเข้าไปผลัก แต่เพลิงแค่เอี้ยวตัว หลบ เจ้านั่นเลยเป็นฝ่ายหน้าคะมำล้มลงไปที่พื้น มันลุกขึ้นมาจะปรี่เข้าไปเอาเรื่องอีก แต่แสนกับจิก ที่สวมหมวก ไอ้โม่งปราดเข้ามา พร้อมจ่อปืนไปที่พวกมันทันที
“เฮ้ย พวกแกทุกคนอยู่เฉยๆ อย่าขยับนะเว้ย”
ลูกน้องตกใจจะชักปืน แต่ยังช้ากว่าจิก ที่เอาปืนลูกซองยาวเข้าชี้หน้าทันที
“พูดภาษาคนให้มันรู้เรื่องหน่อย โยนปืนทิ้งไป เร็ว”
พวกมันโยนปืนทิ้งไปตกที่พื้นใกล้ๆ กับเพลิง เพลิงนิ่งมองปืนตรงหน้า แสนแกล้งหันมาตะคอกใส่เพลิง
“ เฮ้ย เอ็งนี่ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ไสหัวไป”
เพลิงนิ่งมองไอ้โม่ง แล้วชูมือว่าไม่มีอันตราย ก่อนจะเดินออกไปจากโรงพัก จิกหันขวับกลับมาที่ลูกน้องของชาติทันที
“แต่กับพวกเอ็ง พวกข้ามีเรื่องเยอะเลยว่ะ”
พูดพลางใช้ปืนกระแทกหน้ามันจนสลบเหมือด พร้อมกับที่แสนก็จัดการอีกคนจนสลบเหมือนกัน
จากนั้นจิกก็รีบไปหยิบกุญแจห้องขังมาแล้วไปช่วยเปิดลูกกรงช่วยพวกชาวบ้าน“ต่อไปนี้ถ้าใครถูกพวกไอ้ชาติกดขี่ข่มเหง โดนมันใช้อิทธิพลข่มขู่ ก็ให้เอาผ้าแพรมาผูกไว้ที่หน้า บ้าน ไอ้เสือกับนางสิงห์จะไปจัดการให้”
ชาวบ้านพากันหันมายิ้มดีใจแล้วรีบพากันออกไปจากโรงพัก
วัลภาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมา หลังจากที่สลบเหมือดไป “ไอ้บ้าเชน ทำไมไม่บอกกันเลย”
แต่พอขยับตัวจะลุกก็เซล้มลงไปอีกเพราะยังประคองตัวไม่อยู่
“ไอ้ผัวสันดานเสีย ชอบแกล้งเมีย ไอ้บ้าเชน”
ชาติพร้อมกับพวกลูกน้องอีก 6 คน ขับรถจี๊ปเข้ามาที่โรงไม้ พลางจอดเอี๊ยดจนฝุ่นตลบ แล้วหันมาสั่งการ
“ไอ้เชิด เอ็งพาพวกไปทางนั้น ข้าจะไปทางนี้เอง”
พอพวกมันแยกย้ายกัน เชนในคราบของจอมโจรไอ้เสือ ก็ก้าวออกมามองตามแล้วยิ้มร้ายกาจ
“ถึงเวลาที่พวกแกจะได้รับบทเรียนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่กับคนบริสุทธิ์เกินไปแล้ว”
ไอ้เชิดกับพวกลูกน้อง เดินเข้ามาค้นหาอีกด้านหนึ่งของโรงไม้ ลูกน้อง 2 คนเดินระวังนำหน้า ไอ้เชิดตามหลัง แต่ไปได้แค่ไม่กี่ก้าว จอมโจรไอ้เสือก็ยื่นปากกระบอกปืนเขี้ยวพยัคฆ์มาที่หลัง
“ไอ้เสือ”
ลูกน้องได้ยินเสียงหันขวับมาจ่อปืนแต่ไอ้เสือเชนใช้ไอ้เชิดเป็นที่กำบัง
“บอกลุกน้องแกให้ทิ้งปืน เร็ว”
พวกลูกน้องทิ้งปืน ขณะที่ไอ้เสือเชนปลดปืนจากเอวของไอ้เชิด แล้วผลักมันไปรวมกับพวกลูกน้อง
“พวกแกอยากจับไอ้เสือนักไม่ใช่เหรอ เข้ามาสิ มาจับเลย จะได้ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกชาวบ้าน ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีก”
ไอ้เชิดหัวเราะในลำคอ
“พวกข้า 3 คน รุมเอ็งคนเดียวเนี่ยนะ เอ็งจะมั่นใจตัวเองเกินไปแล้วไอ้โจรกระจอก”
“กระจอกรึเปล่า เอ็งก็ลองเข้ามาดูสิวะ ไอ้พวกลูกแป๋งไอ้ชาติ”
ไอ้เชิดโมโห บุกเข้าไปรุมเล่นงานไอ้เสือเชน แบบ 3 ต่อ 1 แต่กลับถูกไอ้เสือเชนเล่นงาน จนลูกน้องทั้ง 2 คนสลบเหมือด
ไอ้เชิดชะงักที่เหลือตัวต่อตัวกับไอ้เสือ
“มาสิไอ้เชิด รออะไรอยู่ มาจับไอ้โจรกระจอกอย่างข้าไปให้เจ้านายแก แกจะได้มีผลงานไว้อวด สาวๆ แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้าจับข้าไม่ได้ เอ็งโดนหนักแน่”
ไอ้เชิดก้มลงไปชักมีดพกที่ซ่อนอยู่ในถุงเท้าออกมาแล้วควงมีดอย่างคล่องแคล่ว
“อยากท้าทายนักใช่มั้ย งั้นเดี๋ยวแกได้เป็นเสือร้องไห้แน่”
เชนตั้งท่าพร้อมรับมือ โดยไม่มีแววสะทกสะท้าน
เพลิงรีบเข้ามาในป่า ลัดเลาะไปตามริมทางน้ำ พลางสอดส่ายสายตามองหาเอื้อมเดือน
กระทั่งไปถึงบริเวณน้ำตก จึงเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่บนโขดหินเหนือแอ่งน้ำตก
“คุณหมอ คุณหมอครับ “
เอื้อมเดือนชะงัก หันไปกลับทางต้นเสียง “นายเพลิง”
“ผมตามหาคุณหมอซะทั่ว เป็นห่วงแทบแย่”
เพลิงถอนหายใจโล่งอกที่เห็นเอื้อมเดือนปลอดภัย
“ผมรู้เรื่องพี่ชายคุณแล้ว ผมนึกว่าคุณหมอจะ”
เอื้อมเดือนมองไปที่แอ่งน้ำตก “นึกว่าฉันเสียใจจนคิดสั้นเหรอ”
“ผมว่าคุณหมอลงมาก่อนเถอะครับ ข้างบนนั้นมันลื่น เดี๋ยวพลาดตกลงไป”
เอื้อมเดือนพยักหน้ารับ เพลิงรีบปีนโขดหินจะขึ้นไปรับ แต่ระหว่างนั้นเอื้อมเดือนเกิดพลาดลื่น ตะไคร่น้ำ หงายหลังตกลงไปในแอ่งน้ำตกที่สายน้ำกำลังเชี่ยวกราก
“คุณหมอ”
เพลิงร้องเสียงหลงก่อนจะรีบกระโจนลงช่วยเธอ
เพลิงทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาจากแอ่งน้ำตก หลังจากดำลงไปหาเอื้อมเดือนแล้วไม่เจอ ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง แล้วดำลงไปอีก ครู่เดียวก็ทะลึ่งพรวด ขึ้นมาจากใต้น้ำ พร้อมกับเอื้อมเดือนที่หมดสติ เพลิงรีบไหว้พาเธอเข้าฝั่งทันที จากนั้นก็ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ด้วยการผายปอดพร้อมๆ กับที่ลุ้นไปด้วยว่าว่าเธอจะรู้สึกตัวรึเปล่า
“คุณหมอ คุณหมออย่าเป็นอะไรไปนะครับ คุณหมอต้องอยู่กับผม”
เพลิงพยายามเรียกสติ แต่เอื้อมเดือนก็ยังนิ่ง “คุณหมอต้องสู้สิครับ คุณหมอเป็นนักสู้คนนึง คุณหมอจะตายไม่ได้”
ระหว่างนั้นเองเอื้อมเดือนก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วสำลักน้ำออกมา
ทางด้านไอ้เสือเชน ก็ถูกไอ้เชิด ตวัดมีดพกรุกไล่ ไม่ทันให้ตั้งตัว แต่ก็หลบเลี่ยงคมมีดไปได้อย่าง คล่องแคล่ว ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบแล้วปัดมือในมือกระเด็นไปปักที่ท่อนซุงใกล้ๆ เฉี่ยวหน้าวัลภาที่โผล่มาในคราบ ของนางสิงห์ไปนิดเดียว
“ไอ้เสือ นี่คิดลอบกัดฉันเหรอ ถ้าพลาดไปอีกนิดเดียว แสกหน้าฉันไปแล้วนะ”
ไอ้เสือเชนหันมาเห็นนางสิงห์วัลภาก็ร้องทัก
“อ้าว นางสิงห์เมียรัก พี่ไม่รู้นี่ว่าน้องอยากมาสนุกด้วย”
“ฉันอยากมาสนุกแน่ แต่ไม่ใช่กับพวกมันอย่างเดียว กับแกด้วย ไอ้เสือผัวกวนบาทา”
จากนั้นทั้งคู่ก็โต้เถียงกัน จนไอ้เชิดรำคาญ
“เฮ้ย พวกเอ็งสองคนผัวเมียนี่แหละ ที่จะโดนข้ากระทืบ”
ไอ้เสือกับนางสิงห์หันมาตวาดเสียงดังพร้อมกัน “หุบปาก”
ไอ้เชิดชะงักเหวอ ก่อนที่จะฉวยจังหวะปล่อยหมัดเข้ามาใส่ไอ้เสือ แต่เชนเอี้ยวตัวหลบแล้ว ปล่อย หมัดเข้าหน้า จนมันหงายหลังโดยไม่หันไปมอง
ไอ้เชิดใช้มือกุมจมูก ที่เลือดกำเกาทะลัก แล้วเข้ามาซัดหมัดใส่นางสิงห์ แต่วัลภาเอี้ยวตัวหลบ แล้วหันกลับมาปล่อยหมัดใส่ จนมันหน้าหงายไปอีกรอบ
จากนั้นไอ้เสือกับนางสิงห์ก็เถียงกันต่อ
“โว้ย หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ไม่ผัวก็เมียนั่นแหละเข้ามาสักคน ไม่งั้นไม่รู้จะเล่นงานใครโว้ย”
ไอ้เสือเชนกับนางสิงห์วัลภา หันมามองหน้ากัน
“ฉันจัดการกับมันเอง”
“แน่ใจนะเมียที่รัก” เชนถามย้ำด้วยความเป็นห่วง
“เขี้ยวเล็บนางสิงห์มีเดี๋ยวก็รู้ ยังไงกลับไป ฉันก็ต้องเคลียร์กับแกแน่ไอ้ผัวกวนบาทา”
“งั้นเชิญตามสบาย”
เชนทำท่าส่งจูบให้เมียแล้วเดินออกไป วัลภาหันมาจิกหน้าเอาเรื่อง ไอ้เชิดยิ้มมุมปาก “เป็นผู้หญิงแต่คิดท้าทายผู้ชาย เดี๋ยวได้ร้องเสียวแน่”
ขณะที่ลูกน้องชาติอีกคนหนึ่ง กวาดปืนมองหาไอ้เสืออยู่อีกด้าน ไอ้เสือเชนก็โผล่มาข้างหลัง แล้วสะกิดไหล่ พอมันหันมา ก็ฮุคหมัดเข้าหน้าทีเดียวหงายสลบเหมือด
แต่ไม่ทันไรเสียงปืนก็ดังเข้ามา กระสุนเฉี่ยวหน้าไปนิดเดียว
“นี่น่ะเหรอวะตัวเป็นๆของไอ้เสือ หึๆ ฝีมือก็ไม่ได้เท่าไหร่วะ”
ชาติพูดพลางยิงใส่อีกเป็นชุด ไอ้เสือเชนรีบกระโจนหลบ ชาติยิงไล่ตามหลัง
“อย่างเอ็งมันไม่ใช่เสือสิงห์อะไรหรอก เป็นได้แค่หมาจนตรอกที่จะโดนยิงขาลาก”
ขณะที่ไอ้เชิดปรี่ใช้มีดจ้วงแทง จนนางสิงห์วัลภาเสียท่าถูกคมมีดเฉือนเข้าที่แขนได้เลือดซิบๆ
วัลภาฮึดสู้กำสนับมือแน่นแล้วพุ่งหมัดออกไป ละอองยาสลบเป็นฝอยพุ่งเข้าหน้าเชิดทันที ครู่หนึ่งมันก็หมดสติ เพราะฤทธิ์ยาสลบ
วัลภาหัวเราะ พลางดึงผ้าปาดหน้าลง แล้วกำสนับมือขึ้นมามองอย่างชื่นชมผลงานตัวเอง
“ก็ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย กรงเล็บนางสิงห์”
แต่แล้วกลับเผลอลืมตัวบีบสนับมือให้ละอองฝอยยาสลบพ่นใส่หน้าตัวเอง จนตาปรือร่วงลง ไป หมดสติ
ชาติวิ่งไล่หลังยิงใส่ไอ้เสือเชน แต่เชนกลับโดนเชน ที่ซุ่มอยู่ โผล่มาจากข้างหลัง แล้วเตะเข้าที่มือ จนปืนกระเด็น ชาติจะขยับตัว แต่เจอไอ้เสือเชน ชักปืนเขี้ยวพยัคฆ์ออกมาจ่อหน้า
“อย่านะครับ กฏหมายอาจจะอยู่ในมือแก แต่ศาลเตี้ยอยู่ในมือข้าเว้ย”
ชาติหัวเราะลั่น
“ศาลเตี้ยของแกน่ะเหรอ ถ้าคิดว่าจัดการฉันได้ แล้วแกจะลอยนวลต่อไปได้อีกล่ะก็ ฝันกลางวัน เกินไปแล้วไอ้เสือ”
เชนยิ้มเยาะ
“ข้ารู้ว่าต่อให้ฆ่าแกตายไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนอกจากแก แล้วคนที่ชักใยทุกอย่างในผาปืน แตก ก็คือไอ้กำนันปราบพ่อแก”
“งั้นแกก็มาเจอตอเข้าให้แล้ว ถ้าแกไม่รีบไสหัวไปจากผาปืนแตก แกจะโดนพวกข้าไล่ล่า ถลกหนัง เอาไปแปะข้างฝาบ้านแน่นอน”
เชนหัวเราะชอบใจ
“ก็บอกแล้วไงว่าเป็นเสือหิว ในเมื่อพวกแกปล้นคนที่นี่จนร่ำรวยได้แล้ว ทำไม ไอ้เสืออย่างข้าจะมา ปล้นพวกแกไปไม่ได้”
เชนยักคิ้วกวนแล้วควงปืนก่อนจะเก็บเข้าซองข้างเอว “ถึงไอ้เสือจะเป็นโจร แต่ก็แค่ปล้นเอาเงินอย่างเดียว เรื่องฆ่าคนไม่มีอยู่ในกฏของการทำมาหากิน”
เชนตั้งท่าเชิงมวยแล้วกวักมือให้ชาติมาปะทะกัน
“กล้ามากนะไอ้เสือ แต่โจรมันคือโจร ต่อให้อ้างคุณธรรมยังไง มันก็ต้องเสร็จมือกฏหมาย”
เชนมองชาติแบบเหยียดๆ“กฏหมายในมือโจร เอ็งกับข้ามันก็พวกเดียวกันที่สมน้ำสมเนื้อต่างหาก”
จากนั้นทั้งคู่ก็เปิดฉากแลกหมัดกันอย่างหนักหน่วง
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 8 (ต่อ)
ชาติถูกเชนเตะกระเด็นตัวลอยกลางอากาศแล้วมาหล่นแอ๊กกับพื้น
“จำไว้นะไอ้ชาติ นี่คือการสั่งสอนของไอ้เสือ แกไม่ต้องเสียเวลาไปไล่ล่าจับคนอื่น เพราะ ข้า นี่แหละ ที่จะโผล่ออกมาท้าทายพวกแกเอง และทุกบาททุกสตางค์ที่พวกแกได้มา จากการโกง การกดขี่ข่มเหง และ ใช้อิทธิพลแย่งชาวบ้านมา ไอ้เสือกับนางสิงห์จะปล้นมาให้หมด”
“เดี๋ยว ถ้าแกคิดอยากได้เงินอย่างเดียว ทำไมเราจะต้องมาเสียเวลาเล่นงานกันเอง ทำไมแกไม่มา ร่วมกับพวกเรา”
ไอ้เสือเชนหัวเราะลั่น
“พอจนตรอกก็คิดจะกล่อมข้าเหรอไอ้ชาติ ถึงข้าจะเป็นโจร แต่โจรอข่างข้าไม่เลือกนาย เพราะข้ามี เมียเป็นนายโว้ย”
เชนจะเข้าไปเล่นงานชาติอีก แต่คราวนี้ชาติกลิ้งตัวหลบ แล้วพุ่งตัวไปที่คว้าปืนมาขึ้นไก เล็ง ไปที่ไอ้เสือทันที
“เอ็งเสร็จข้าแล้วไอ้เสือ”
เสียงปืนจากปากกระบอกปืนของชาติ กับปืนลำกล้องคู่ของไอ้เสือเชนดังขึ้นพร้อมกัน ลูกปืนของ ชาติกับลูกปืนของไอ้เสือชนกันนัดหนึ่งที่กลางอากาศ แต่อีกนัด พุ่งไปที่เจาะเข้าไหล่ชาติ จนล้มลงปืนร่วงจากมือ
“พิษสงเยอะนักนะไอ้ชาติ แต่ก็ยินดีด้วยนะ ที่เอ็งได้รับเกียรติลิ้มรสความเจ็บปวด จากปืน เขี้ยวไอ้เสือของข้า”
ชาติจ้องเขม็งไปที่ไอ้เสือเชน
“ถ้าคิดว่าข้าจะกลัวล่ะก็ ไม่มีทาง ที่นี่ผาปืนแตก ไม่มีใครหน้าไหน สนใจหรอกว่ามันอยู่ส่วนไหน ของแผนที่ และก็ไม่มีใครสนใจหรอกว่าคนที่นี่ จะกินขี้หรือกินข้าว เพราะฉะนั้นถ้าเอ็งคิดจะมาหากินที่นี่ เอ็งก็ เตรียมตัวเจอศึกหนักได้เลย”
“ข้าพร้อมรออยู่ แล้วก็จำไว้ด้วย ถ้าแกไปยุ่งกับพวกชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกล่ะก็ เขี้ยวไอ้เสือ จะเจาะกลางกบาลแกฝังไว้ 2 รู”
พูดพลางไอ้เสือเชน ก็เตะผั๊วะเข้าปลายคาง ทีเดียวจนชาติหงายหลัง สลบเหมือด
จากนั้นเชน ก็เดินกลับเข้ามาหาวัลภา เห็นเธอนอนสลบหมดสติอยู่ไม่ไกลจากที่ไอ้เชิด เชนรีบดึงผ้าคาดหน้าลง แล้วประคองวัลภาขึ้นมา พลางเขย่าปลุกแต่วัลภาไม่รู้สึกตัว เชนรีบเช็คตามเนื้อตัวไม่พบบาดแผลก็โล่งอก
“ร้ายจริงๆนะนังสิงห์เมียไอ้เสือ”
ขณะที่เอื้อมเดือนนอนอยู่ที่เตียงในบ้านพัก โดยมีติ๋มช่วยดูแลเช็ดหน้าเช็ดตาให้ ระหว่างนั้นเพลิง กับยอด ก็เคาะประตู แล้วเดินเข้ามา
“คุณหมอเป็นยังไงบ้างติ๋ม”
“ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะจ้ะ แต่ต้องให้นอนพักไปก่อน นี่โชคดีมากเลยนะเนี่ยที่นายเพลิงช่วย ปฐมพยาบาลให้ ไม่งั้นคุณหมอคง”
ติ๋มหันไปมองเอื้อมเดือนด้วยความสงสาร“มีไอ้เพลิงอยู่ใกล้ๆ คุณหมอ รับรองไม่ต้องกลัวคุณหมอเป็นอะไร เพราะไอ้เพลิงมันยอมสละ ชีวิตตัวเองได้เพื่อคุณหมอ จริงมั้ยวะสหาย”
เพลิงนิ่งมองเอื้อมเดือนแล้วไม่พูดอะไร แววตามีแต่ความสงสาร
“ตอนนี้คุณหมออยู่ในสภาพที่น่าสงสารมากนะ มีพี่ชายอยู่คนเดียวก็ต้องมาจากไปอย่างน่า สงสาร แม้แต่ศพก็ยังเอากลับมาทำพิธีไม่ได้ ส่วนตัวเองก็ต้องมาอยู่ในเมืองที่ขื่อแปก็ไม่มี ขโมยขโจรก็ชุม”
ติ๋มพูดพลางถอนหายใจ ด้วยความเป็นห่วง ยอดได้ทีรีบพูดเสริม
“เวลาแบบนี้แหละเหมาะที่สุดที่คุณหมอจะต้องมีคนดูแล”
ยอดพูดพร้อมบีบไหล่เพลิง แต่เพลิงกลับนิ่งไปแล้วจับมือยอดออกจากบ่า
“ติ๋มคอยดูแลคุณหมอด้วยนะ ฉันต้องกลับแล้ว”
เพลิงพูดสั้นๆ เดินออกไป ทำเอายอดชะงักแปลกใจ
เพลิงเดินออกมาหน้านิ่ง แต่แววตาเศร้า ยอดรีบตามออกมาเรียกไว้
“เดี๋ยวสิวะไอ้เพลิง เป็นอะไรของเอ็งอีกวะ เอ็งมีธุระอะไรรีบร้อนนักหนา มากกว่าอยู่ดูแลคุณหมอ ที่นี่ ไอ้ที่ข้าพูดในนั้นเมื่อกี๊ ข้าว่าเอ็งเข้าใจ ไม่มีใครจะดูแลคุณหมอได้ดีเท่ากับเอ็งอีกแล้ว”
“ข้าดูแลคุณหมอไม่ได้”
เพลิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินออกไป
เชนเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้วัลภาอย่างเป็นห่วง ระคนชื่นชม
“เห็นตัวเล็กๆมือไม้อ่อนช้อย แต่ใจเธอนี่มันสู้ไม่ถอยจริงๆ ยอมรับเลยว่าฉันชักจะ”
เชนชะงัก รีบยั้งคำว่า “ชอบ” ไว้
ระหว่างนั้นวัลภาละเมอออกมาเบาๆ
“ไอ้พวกคนชั่ว นังสิงห์จะจัดการให้ราบคาบ”
วัลภาละเมอกำหมัดแล้วชกเปรี้ยงกลางอากาศ หมัดเลยเข้าหน้าเชนเต็มๆ เชนคิดว่าวัลภาแกล้ง แต่วัลภาละเมอสู้จริงๆ พอละเมอได้ชก ก็นอนยิ้มชอบใจ
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทางด้านชาติ ก็นั่งให้ลูกน้องช่วยเย็บแผลที่ถูกลูกปืนของไอ้เสือ ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“จะทำอะไรก็ทำไป แต่รีบๆทำให้เสร็จ ข้าไม่ชอบ เจ็บนานๆ มันทรมานโว้ย ไอ้ตุ่น เอาเหล้ามา”
ไอ้ตุ่น ที่รอท่าอยู่แล้ว รีบยื่นขวดเหล้าขาวให้ชาติทันที
“40 ดีกรีต้มเองกับมือ รับรองบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ชะงัดเลยครับลูกพี่”
ชาติรับขวดเหล้าใสๆเหมือนขวดน้ำเปล่ามากระดก ระหว่างนั้นลูกน้องแทงเข็มเย็บแผลลงเนื้อ ชาติถึงกับสะดุ้ง พ่นเหล้าในปากใส่หน้าลูกน้อง ก่อนจะเอาขวดเหล้าตีหัวมัน แล้วไล่ออกไปทันที
ลูกน้องเลือดอาบหัวแตก รีบถอยหนีออกไป ชาติหันมาที่ไอ้ตุ่น
“ตุ่น เอ็งมาทำต่อ”
ไอ้ตุ่นหน้าเหวอ
“ผมเหรอครับลูกพี่ไม่ดีมั้ง ผมเป็นพวกมือหนัก เกรงว่าจะทำแผลของลูกพี่ ยิ่งแย่กว่าเดิม”
ชาติไม่พอใจชักปืนออกมาจ่อไอ้ตุ่นทันที
“ถ้าข้าโผล่ไปให้หมอเย็บแผลให้ได้ล่ะก็ ข้าโผล่ไปตั้งนานแล้วโว้ย แต่ที่ไปไม่ได้เพราะถ้าพวก ชาวบ้าน รู้ว่าข้าเสียท่าให้ไอ้โจรห้าร้อยนั่น ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ไอ้ตุ่นพยักหน้า“นั่นสิครับ เสียเลือดแล้วยังต้องเสียหน้า นอกจากอายไปทั้งผาปืนแตกแล้ว ถ้าพ่อกำนันกลับมา จากธุระในจังหวัดรู้เข้า คงโดนด่าเปิงแถมด้วย”
ระหว่างนั้นเนื้อทอง ก็เดินเข้ามา
“ฉันทำให้เอง”
พูดพลางเดินเข้ามาที่ชาติ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วเอาผ้าก๊อซมาซับแผล
“ถ้าแค่นี้เธฮยังทนเจ็บไม่ได้ ก็สมควรแล้วที่เธอจะต้องแพ้ให้กับโจรกระจอก”
ชาติเจ็บใจที่ถูกเนื้อทองค่อนขอด พลางหันไปกระดกเหล้าเข้าปากแล้วพ่นเหล้า ใส่แผลตัวเอง เพื่อฆ่าเชื้อ พลางเบือนหน้าหลบ ปล่อยให้เนื้อทองเย็บแผลให้
ไอ้ตุ่นประคองชาติเข้ามาพักในห้องนอน แล้วรีบถอยออกไป จังหวะเดียวกับที่เนื้อทองตาม เข้ามาพอดี
“ฝากดูแลพี่ชาติด้วยนะจ๊ะเนื้อทอง”
ไอ้ตุ่นรีบปิดประตูทิ้งให้ชาติกับเนื้อทองอยู่กับตามลำพัง เนื้อทองมองชาติ พลางจัดหมอนจัดเตียงให้
“คืนนี้เธอนอนฝั่งนี้แล้วกันนะ เผื่อกลางคืนจะลุกจะเดินเข้าห้องน้ำจะได้สะดวก แล้วเดี๋ยวฉัน จะมาเช็ดตัว ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้”
เนื้อทองจะเดินออกไปเอาอ่างน้ำมาเช็ดตัวให้ แต่ชาติสงสัยเลยคว้าข้อมือเธอเอาไว้
“เดี๋ยว อยู่ๆก็มาดี มาใส่ใจฉันแบบนี้ มันดูผิดปกติไปนะเนื้อทอง”
เนื้อทองมองหน้าชาติ แล้วยิ้ม
“ก็ฉันเป็นเมียเธอ ถ้าไม่ใช่หน้าที่ฉัน แล้วจะเป็นหน้าที่ใคร”
“เมียฉัน นี่เธอยอมรับเต็มปากเต็มคำแล้วเหรอว่าเป็นเมียฉัน”
เนื้อทองน้ำตาคลอแต่ทนกลั้นไม่ให้ไหล
“นอนอยู่กับเธอทุกวัน ถ้าไม่ให้เรียกว่าเมีย แล้วให้เรียกว่าอะไร เรียกว่าโสเภณีส่วนตัวเลยมั้ย ล่ะชาติ”
ขาดคำ เนื้อทองที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก็ปล่อยโฮออกมา แล้วรีบวิ่งออกจากห้อง
ชาติเดินตามออกมามองเนื้อทอง ที่วิ่งออกมายืนรี้องไห้อยู่ที่ระเบียง พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เนื้อทองแอบปรายตามองชาติ ด้วยอยากรู้อากัปกิริยา ว่าชาติจะทำยังไงเมื่อเจอการใช้มารยาของเธอ ล่อหลอก พลางย้อนนึกถึงตอนที่เธอเจอกับน้ำค้างกับพวกสาวรำวงโดยบังเอิญในตลาด
“อุ๊ยตายแล้ว นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็หนูตัวเบ้อเริ่มนี่เอง”
น้ำค้างจงใจเหน็บ พวกสาวรำวงมองน้ำค้างงงๆ
“หนูอะไรเหรอนังน้ำค้าง นี่มันนังเนื้อทองไม่ใช่เหรอ”
“แหม พวกแกนี่มันฉลาดน้อยตามฉันไม่ทันสักคน ก็นังเนื้อทองนี่แหละ นังหนูตกถังข้าวสารไง”
น้ำค้างกับพวกสาวๆรำวงหัวเราะชอบใจ เนื้อทองโกรธ แต่ไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย เลยรีบเดิน หนี น้ำค้างกับพวกมองตาม
“พวกหล่อน เราไปสนุกกันต่อดีกว่า มาเร็ว”
เนื้อทองเดินออกมาแต่ถูกพวกน้ำค้างตามมาล้อมหน้าล้อมหลัง “จะรีบไปไหนล่ะเนื้อทอง มาตลาดทั้งทีแต่ไม่เห็นได้อะไรกลับไปเลย”
น้ำค้างรีบเสริม
“แหมพวกหล่อนก็พูดไม่ดู เดี๋ยวนี้เนื้อทองเขาเป็นคุณนายสะใภ้กำนัน ก็แค่มาเดินดู ว่ามีอะไรบ้าง แล้วค่อยกลับไปบอกให้ลูกน้องผัวมาขนมาเหมากลับไปไงล่ะ”
เนื้อทองเริ่มทนไม่ไหว
“หลบไปนะน้ำค้าง. ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับเธอ”
“นี่ เนื้อทองจ้ะ ฉันไม่ได้มาชวนทะเลาะด้วยซะหน่อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเธอยังคบกับพี่เชน ฉันเห็นเธอเป็นศัตรูอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ เห็นเธอในสภาพนี้แล้วบอกตรงๆนะ ฉันอดเวทนาเธอไม่ได้จริงๆ”
น้ำค้างพูดพลางมองเนื้อทองหัวจดเท้า เนื้อทองชะงักไม่พอใจ จะเดินหนี แต่น้ำค้างก็ยังตาม ไป ขวางทาง
“ก็ดูเธอเข้าสิ จากลูกชาวไร่จนๆ แทนที่มีผัวรวยแล้วจะทำตัวให้สมกับฐานะผัว เธอกลับยังทำตัว เป็นแค่สาวบ้านนอกคอกนา ถามจริงๆเถอะ ลีลาเธอคงไม่แซ่บ ไม่ถึงใจผัวใช่มั้ย เขาถึงไม่ปรนเปรอ ให้เงิน ให้ทอง เธอใช้”
เนื้อทอง โกรธจนตัวสั่น “น้ำค้าง”
“ไม่เอาๆ อย่างเพิ่งโกรธสิ ของอย่างนี้มันสำคัญสำหรับผู้หญิงเรานะจ๊ะ กลเม็ดเด็ดพรายวิธีมัดใจ ผัวให้อยู่หมัดน่ะ ถามฉันได้ ฉันเชี่ยวชาญ เนื้อทองจ๊ะ เชื่อฉันสิ ที่ธรรมชาติสร้างให้ผู้หญิงเราอ่อนแอไปบู๊ ลุย นอกบ้าน สู้ผู้ชายไม่ได้ เพราะธรรมชาติต้องการให้เราบู๊อยู่ในบ้าน ให้เราใช้อาวุธประจำตัว เล่นงานพวกผู้ชายให้ อยู่หมัด พอมันหลงเราจนโงหัวไม่ขึ้น จากนั้นเธออยากได้อะไร อยากทำอะไรกับมัน โอ้ยสารพัดจะมากองตรงหน้า เลย”
เนื้อทองจะเดินหนีแต่น้ำค้างดึงแขนเธอไว้
“อย่ามาทำเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่อยากฟังหน่อยเลย ของมันเคยอยู่บ่อยๆ ดีไม่ดีเธอฟังฉัน แล้วกลับ เอาไปปฏิบัติตาม เธออาจจะได้อยากมาขอบใจฉันทีหลังก็ได้ แล้วฉันก็ไม่ขออะไรมาหรอก แค่แบ่งความร่ำรวย ที่เธอได้จากผัวเธอมาให้ฉันบ้าง แค่นี้ฉันก็พอใจ”
เนื้อทองชะงักมองหน้าน้ำค้างเริ่มสนใจที่น้ำค้างพูดมา
ชาติจับไหล่เนื้อทองเข้ามาประชิดแล้วมองเธออย่างเห็นใจ
“ฉันขอโทษนะเนื้อทอง ธอก็รู้ว่าตั้งแต่แต่งงานกัน ฉันไม่เคยไว้ใจเลยกลัวว่าเธอจะยังตัดใจจาก ไอ้เชนไม่ได้”
“เธอปฏิเสธไม่ได้หรอกนะชาติว่าเธอบังคับให้ฉันต้องมาเป็นเมียเธอ”
ชาติมองหน้าเนื้อทอง
“ฉันบังคับเพราะฉันรักเธอ ฉันไม่อยากเห็นเธอไปลำบากอยู่กับไอ้เชน เพราะถ้าเธออยู่ กับฉันเธอจะมีทุกอย่าง อยากได้อะไร ฉันสามารถหามากองให้เธอได้หมด”
“จริงเหรอชาติ” เนื้อทองถามย้ำ “ฉันก็ไม่ได้อยากได้อะไรมากนักหรอก ก็แค่ต่อไปนี้อย่าทำร้ายฉัน แล้วฉันจะเชื่อว่าเธอรักฉันจริงๆ”
ชาติพยักหน้า
“ก็ถ้าเธอรับปากว่าจะตัดใจจากไอ้เชน แล้วยกให้ฉันเป็นผัวเดียวที่เธอจะรักไปจนวันตาย”
“ฉันอยากเป็นเมียที่ดีนะชาติ เพราะชีวิตนี้ ฉันคงไม่สามารถแต่งงานได้อีก”
น้ำตาเนื้อทองอาบแก้ม พลางโผเข้าไปสวมกอดชาติ ทำให้ชาติเผลอเชื่อใจเนื้อทองไปเต็มๆ ขณะที่เนื้อทองกำหมัดแน่น จิกเล็บจนฝังเข้าไปในเนื้อ
เนื้อทองแกล้งหลับซบหน้าหนุนอยู่ที่ไหล่ในอ้อมกอดของชาติ จนแน่ใจว่าชาติหลับสนิท แล้วจึงค่อยๆลุกออกจากอ้อมแขนชาติ ก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมห้องซึ่งมีแสงสลัวๆ พลางร้องไห้สะอื้นออกมาอย่าง น่าเวทนา
“เชน ขอโทษนะ ฉันต้องทำให้เขาใจอ่อน ฉันต้องยอมเขา เพื่อว่าวันนึงเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือฉัน”
เนื้อทองมองชาติด้วยสายตาเคียดแค้น พลางใช้มือปิดปากตัวเองไว้ ไม่ให้เสียงสะอื้นทำให้ ชาติตื่น
ติ๋มเดินออกมานอกบ้านพัก แล้วหาวหวอดๆ ระหว่างนั้นเองเอื้อมเดือน ก็ลุกเดินตามมา “ดึกแล้ว กลับไปนอนพักที่บ้านก็ได้จ้ะติ๋ม เกรงใจจัง ติ๋มเลยต้องมานั่งเฝ้าฉัน”
ติ๋มหันกลับมายิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณหมอ ติ๋มเองก็ไม่อยากให้คุณหมอต้องอยู่คนเดียว ยิ่งช่วงเวลาแบบนี้แล้ว ติ๋มกลัวว่า”
“ฉันไม่ใช่คนที่จะคิดสั้นแบบนั้นหรอกนะติ๋ม”
“แต่คนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่มีญาติพี่น้องเหลืออยู่ ยังไงก็น่าเป็นห่วงนะคะ”
เอื้อมเดือนหน้าเศร้า น้ำตาซึม
“มันก็ใช่ จากนี้ไปฉันต้องมีชีวิตอยู่คนเดียวแล้ว ตอนที่ฉันจมลงไปในน้ำ วูบนึงฉันแอบคิดไปว่า ถ้าฉันจมลงไปแล้วไม่ขึ้นมาอีก ฉันก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจคิดถึงพี่ชายฉัน แต่เพราะตอนนั้น ฉันเห็นนายเพลิง ว่าย เข้ามาหาฉัน ไม่รู้สิติ๋ม วินาทีนั้น ฉันอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อ”
“เพื่อนายเพลิงเหรอคะ”
เอื้อมเดือนไม่พูดอะไร หันมาปาดน้ำตาที่ซึมออก
“ฉันว่าติ๋มกลับบ้านไปเถอะ ฉันอยู่ได้จ้ะ”
“แต่นายเพลิงบอกให้ติ๋มอยู่เฝ้าคุณหมอ” ติ๋มอิดออด ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่ได้จริงๆ ติ๋มกลับไปเถอะ”
เอื้อมเดือนแตะไหล่ติ๋มแล้วยิ้มให้
ขณะที่เพลิงนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่ในกระท่อม ระหว่างนั้นเสียงของไอ้ยอดดังเข้ามา
“ไอ้เพลิง ไอ้เพลิงโว้ย”
เพลิงรีบลุกขึ้นมาดูด้วยความสงสัย
“มีเรื่องอะไรของเอ็งวะไอ้ยอด นี่มันกี่โมงกี่ยาม”
เพลิงไม่ทันจะพูดจบประโยคดีนัก ยอดที่ยืนหลบอยู่ข้างๆ ก็ซัดหมัดเข้าหน้าทันที เพลิงไม่ทันตั้งรับ เลยโดนหมัดเข้าไปเต็มๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ายอดงงๆ
“นี่เอ็งเป็นบ้าอะไรของเอ็งวะเนี่ย”
ยอดจ้องหน้าเพลิงเขม็ง
“หงุดหงิดโว้ย กลับไปที่กุฎิ ข้าก็นอนไม่หลับ เพราะยิ่งคิดมันก็ยิ่งเหลืออดกับพฤติกรรมของเอ็ง ถ้าไม่สั่งสอนเอ็งซะบ้าง คืนนี้คงตาค้างถึงเช้า”
“ข้าไปทำอะไรให้เอ็งวะ” เพลิงยังไม่หายงง
“เอ็งไม่ได้ทำข้าเว้ย แต่เอ็งไปทำกับคนดีๆอย่างคุณหมอ ข้าโมโหเพราะเอ็งมันเป็นไอ้ขี้ขลาด ตาขาว คิดถึงแต่ตัวเอง ทั้งๆที่ตอนนี้เป็นเวลาที่คุณหมอไม่เหลือใครแล้ว และเขาก็มีแต่เอ็งที่คนเดียวเท่านั้น แต่เอ็งกลับใจแคบ ทอดทิ้งให้เขาต้องอยู่กับความเสียใจคนเดียว”
เพลิงได้ฟังก็ถึงกับนิ่งไป
“เอ็งได้ยินที่ข้าพูดมั้ยไอ้เพลิง”
“ได้ยิน แต่ถ้าจะมาพูดเรื่องนี้ เอ็งกลับไปนอนเถอะ”
เพลิงจะเดินกลับเข้าบ้าน ยอดยิ่งโมโหหันไปคว้าท่อนไม้ที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาแล้วปรี่เข้าไป
“ ไอ้เฮงซวย ข้าไม่อยากมีเพื่อนขี้ขลาดตาขาวอย่างเอ็งแล้วเว้ย”
ยอดจะฟาดท่อนไม้ใส่ แต่เพลิงหันกลับมาแล้วเอามือรับไม้ในมือยอด พลางจ้องหน้ากันเขม็ง
เอื้อมเดือนยืนเศร้าอยู่ที่ริมหน้าต่างในบ้านพัก แววตาทอดอาลัย ภาพ เหตุการณ์ที่เพลิงมา พบเธอที่โขดหินวันนี้ทำให้เธออดคิดถึงเขาไม่ได้
ขณะที่เพลิงคว้าท่อนไม้ที่ยอดตั้งใจจะหวดใส่เอาไว้แน่น พลางตวาดลั่น
“เอ็งไม่ต้องมายุ่งกับข้า กลับกุฏิไปซะ”
“ไม่กลับเว้ย คืนนี้เป็นไงเป็นกัน ข้าขอเอาความเป็นเพื่อนกับเอ็งมาเดิมพัน ถ้าเอ็งยังทำตัวเป็น ไอ้พวกเห็นแก่ตัว ขี้ขลาดตาขาว เป็นแค่กบที่ซุกอยู่ในกะลาไปวันๆ ข้าก็จะขอเลิกเป็นเพื่อนกับเอ็งตลอดชีวิต”
ยอดยื่นคำขาด พลางกระแทกเพลิงออกเต็มแรง จากนั้นก็ตามไปหวดท่อนไม้ใส่ เพลิงฉากหลบ แล้วจะสวนกลับ แต่ชะงักหมัด เพราะไม่อยากทำเพื่อน ยอดเลยได้ทีฟาดเสยเข้าปลายคาง จนเลือดซิบ
“ว่าไงไอ้เพลิง เอ็งกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชาย แต่ลูกผู้ชายหน้าไหนวะเก่งแต่ทำผู้หญิงร้องไห้”
“เอ็งไม่ใช่ข้าแล้วเอ็งจะไปรู้อะไร ข้าเป็นห่วงคุณหมอทุกลมหายใจ อยากไปดูแล อยาก ไปกอด ปลอบเธอแทบใจจะขาด แต่เพราะเธอเป็นน้องสาวของผู้กอง แล้วข้าจะไปแตะต้องเธอได้ยังไง”
“แต่ตอนนี้พี่ชายคุณหมอตายไปแล้วนะเว้ย เขาไม่เหลือใครให้เป็นที่พึ่งได้อีกแล้ว นอกจากเอ็ง คนเดียว”
เพลิงส่ายหน้า
“ข้าไม่อยากเป็นพวกฉวยโอกาส”
“โธ่เว้ย เอ็งมันใหญ่แต่ตัว แต่สมองแค่เม็ดถั่ว มันจะเป็นการฉวยโอกาสได้ไง คุณหมอชอบเอ็ง เอ็งก็ชอบคุณหมอ ความรักครั้งใหม่ของเอ็งจะทำให้แผลในอดีตถูกรักษา ไม่เห็นเหรอว่ามันมีแต่เรื่องดีๆ มีแต่คนจะ ได้รับการรักษาเพราะความรัก”
พูดพลางโยนท่อนไม้ทิ้งไปแล้วเข้าไปผลักอกเพลิง
“จากนี้ไปเอ็งจะไม่ถูกพี่ชายเขาตามล่าอีก เอ็งจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้หญิงดีๆ ที่ผาปืนแตกนี่ เชื่อข้าเถอะวะเพื่อน ได้เวลาที่ภูผาในใจเอ็งจะต้องถูกทำลายแล้ว”
เพลิงฟังแล้วก็นิ่ง พลางครุ่นคิดอย่างตัดสินใจ ในที่สุดเพลิงก็หันมาที่ยอดแล้วตบบ่าเพื่อน
“ขอบใจว่ะเพื่อนรัก”
พูดจบก็รีบเดินออกไปทันที ไอ้ยอดยิ้มแก้มปริตะโกนไล่หลัง
“ไปเลยไอ้เพลิง ความรักกำลังนำทางให้เอ็งได้พบกับความสุข ไปหาความสุขเลย”
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 8 (ต่อ)
เพลิงมาหาเอื้อมเดือนที่บ้านพัก ทั้งคู่อยู่คนละฝั่ง มีแค่เพียงประตูกั้นความรู้สึกของทั้งคู่ สุดท้ายเพลิงตัดสินใจเดินไปเปิดประตู จังหวะเดียวกับที่เอื้อมเดือนยืนอยู่ตรงประตูและเห็นเพลิงตรงเหน้าเธอเต็มๆ
“นายเพลิง”
“คุณหมอ”
ต่างคนต่างสบตากันนิ่งงัน ใจเต้นตึกตัก ใบหน้าวูบวาบด้วยกันทั้งคู่
เอื้อมเดือนเอาน้ำมาวางให้เพลิงที่นั่งประหม่า ทำตัวไม่ถูก
“ไม่ดื่มน้ำเหรอจ๊ะเพลิง”
“ครับ กำลังหิวน้ำพอดีเลย”
พูดจบ ก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาแล้วดื่มพรวดเดียวหมดแก้วแก้เขิน จนกระทั่งกินหมดไป 3 แก้ว
“เพลิงจ๊ะ มีอะไรเราคุยกันเลยดีกว่ามั้ย ไม่อย่างนั้นเธอกินน้ำในบ้านฉันหมดแน่”
เพลิงเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองมัวแต่ขัดเขิน เอาแต่กินน้ำจนไม่ทันสังเกต
“คือว่าผมตั้งใจแวะมาดูว่าคุณหมอเป็นยังไงบ้างครับ ถ้าคุณหมอสบายดีขึ้นแล้วผมก็หายห่วง”
“สภาพร่างกายฉันไม่เป็นอะไรแล้ว อยากขอบคุณเธอด้วยซ้ำที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีกครั้ง ไม่รู้เป็น อะไรเนอะ ทุกครั้งเวลาที่ฉันอยู่ในช่วงเป็นช่วงตาย เธอจะต้องมาช่วยฉันไว้ทุกที”
“บางทีชาติที่แล้วผมอาจไปทำอะไรคุณหมอไว้ ชาตินี้ผมเลยต้องมาชดใช้ให้คุณหมอ”
“แต่ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องหนี้เวรหนี้กรรมนะ ฉันกลับคิดว่ามันเป็นเรื่องของ”
แล้วทั้งคู่ก็พูดพร้อมกันอย่างไม่ตั้งใจ
“พรหมลิขิต”
แล้วต่างคนต่างก็ชะงักสบตากัน ใจของทั้งคู่เต้นตึกตักจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น
“ผมว่า ผมมารบกวนคุณหมอมากแล้ว ผมกลับดีกว่า”
เพลิงรีบลุกเดินออกไป แต่แล้วกลับปรี่เข้ามาแล้วรวบเอวเอื้อมเดือนมากอดไว้แน่น อย่างทนเก็บ ความรู้สึกไว้ไม่ได้อีกแล้ว
“ผมขอโทษครับคุณหมอ ผมไม่อยากเดินจากไปอีกแล้ว ผมอยากกอดผู้หญิงที่ผมรัก ไม่อยากทิ้ง ให้คุณหมอต้องอยู่คนเดียวอีก”
เอื้อมเดือนน้ำตาคลอเบ้า ค่อยๆหันกลับมาในอ้อมกอดของเพลิง
“ฉันก็ไม่อยากเห็นเธอเดินจากฉันไปอีก ฉันอยากเดินเข้าไปกอดเธอ อยากรู้สึกปลอดภัยใน อ้อมแขนของเธอ และอยากตอบแทนที่เธอเป็นห่วงฉันมาตลอด”
จากนั้นเอื้อมเดือนก็หลับตาพริ้มแล้วเชยหน้าขึ้น พร้อมๆ กับที่เพลิงค่อยๆก้มลงทาบริมฝีปาก ลงไปบนฝีปากเธอ
วัลภาที่เพิ่งตื่นนอน เดินออกมาจากห้อง พลางมองหาเชน แต่ไม่เจอ จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะตรงระเบียงมีฝาชีครอบอาหารวางอยู่พร้อมกับกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งเอาไว้ วัลภาหยิบขึ้นมาอ่าน
“ฉันเห็นเธอหลับสบายเลยไม่อยากปลุกเธอให้ตื่น ฉันขอชื่นชมผลงานนางสิงห์ของเธอเมื่อวาน ทำให้ฉันอยากขอโทษที่ต่อว่าเธอว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวเหมือนอย่างนายเพลิง ปฏิบัติการเมื่อวาน ฉันคง ช่วยชาวบ้านไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากเธอและนายเพลิง ดังนั้นเพื่อเป็นการขอบคุณนางสิงห์ของไอ้เสือ หรือวัลภาเมียของไอ้บ้าเชน ฉันเลยตื่นมาแต่เช้ามืดเพื่อทำกับข้าวให้เธอกิน เพราะคิดว่าตื่นมาเธอคงหิว กิน ให้อิ่มและกินให้หมดนะ เพราะฉันตั้งใจทำทุกเมนูอย่างสุดฝีมือเพื่อเธอโดยเฉพาะ”
วัลภาอ่านจบแล้วสีหน้าแปลกใจ มองไปที่ฝาชีซึ่งครอบอาหารตรงหน้า
“นี่นายตั้งใจทำให้ฉันจริงๆเหรอเนี่ย ไอ้บ้าเชน จะว่าไป ก็อย่างที่พี่เพลิงบอก เนื้อแท้นายเป็นคนดี เพราะฉะนั้น ขอบใจนะ ฉันจะกินกับข้าวฝีมือนายให้เกลี้ยงเลย”
วัลภายิ้มชื่นชม แล้วเปิดฝาชีออก ในใจคิดว่าต้องเจออาหารน่ากินๆ ที่เชนทำสุดฝีมือ แต่พอเห็น สภาพอาหารบนโต๊ะ วัลภาก็กระโดดเหยงถอยออกมาทันที
“ไอ้บ้าเชน นี่มันอาหารอะไรของแกเนี่ย”
วัลภาเห็นแล้วสยองเพราะบนโต๊ะมีแย้ทอดกระเทียมมาเป็นตัวๆ อีกจานก็ต้มขากบที่มาเป็นขา แถมอีกจานก็เป็นหนอนไม้ไผ่ทอดกรอบกองพูนจาน
ตรงข้ามกับเชน ที่กำลังตักไข่เจียวฟูๆ กินกับข้าวสวยในปิ่นโตอย่างเอร็ดอร่อย จนจิกมองแล้ว กลืนน้ำลายเอื๊อก
“ไอ้เชน น้าขอแบ่งไข่เจียวฟูๆกรอบๆของเอ็งสักหน่อยสิวะ เห็นแล้วมันน้ำลายสอเลยว่ะ”
“น้าอยากกินเหรอ”
“ปั๊ดโธ่ถามได้ ไข่เจียวทอดกรอบฟูๆของเอ็งน่ะ รสชาติมันสุดยอดที่สุดในปฐพีแล้ว”
เชนยืดอกอย่างภูมิใจ “ขนาดเมียฉันยังไม่ทำให้กินเลย แต่นี่เป็นน้านะ ฉันแบ่งให้ก็ได้”
แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังแทรกเข้ามา ช้อนไข่เจียวในมือเชน กระเด็นเพราะลูกปืน เชนสะดุ้งโหยง
ขณะที่วัลภาถือปืนจิกหน้าโกรธสุดฤทธิ์ ควันปืนยังกรุ่นอยู่ที่ปากกระบอกปืน
วัลภายิงใส่อีก เชนร้องเสียงหลง พลางรีบวิ่งหนีแล้วหาที่หลบสุดฤทธิ์
“สนุกมากใช่มั้ยที่ได้ยั่วโมโหฉัน งั้นฉันก็ขอสนุกที่ได้ยิงนายให้ร้องเอ๋งเหมือนหมาเลย”
แต่จู่ๆ เชนก็ก็กระโจนมาแย่งปืนมาโยนทิ้ง และจับวัลภามากอดรัดซะแน่น พลางยื่นหน้าจะจูบ วัลภาร้องดังลั่นและพยายามจะผลักเชนออกไป
เต็มแรง แต่ตัวเองดันจะลื่นหงายหลัง เชนเลยรีบคว้าตัวเธอเอาไว้ ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปด้วยกัน บังเอิญจังหวะที่ล้ม วัลภายกเข่าขึ้นมา เป้าเชนเลยโดนเข่าวัลภาไปเต็มๆ
วัลภาเอาสนับมือกรงเล็บนางเสือมากระแทกโต๊ะวางลงตรงหน้าจิก
“เอาของน้าคืนไปเลย ของแบบนี้ อย่าให้ฉันใช้เลยดีกว่า”
“ทำไมล่ะวัลภา นี่น้าตั้งใจทำเพื่อเสริมเขี้ยวเล็บให้เอ็งเลยนะ”
เชนเดินกุมเป้าเดินขาถ่างเข้ามาพอดี
“ของน้าน่ะดี แต่คนใช้น่ะสิใช้ไม่เป็น ของดีก็เลยเข้าตัว เล่นเอาสลบเหมือดไปข้ามคืนเลย ใช่มั้ยจ๊ะเมียจ๋า”
วัลภาจ้องหน้าเอาเรื่อง จนจิกส่ายหัวอย่างระอา
“เก็บไว้ใช้เถอะ วัลภา เอ็งเป็นผู้หญิงเวลาต้องต่อสู้ประชิดตัว เอ็งจะเสียเปรียบผู้ชาย อย่างน้อย มีมันไว้พกติดตัว จะได้ไม่ต้องกลัวเสียทีใคร”
วัลภายิ้มรับ พลางหันไปค้อนเชน จังหวะนั้น แสนก็เดินเข้ามาพอดี
“ไอ้เชน วัลภา เป็นเรื่องแล้วเว้ย รีบไปดูผลงานของพวกเอ็งเถอะวะ”
เชนกับวัลภาพร้อมแสนกับจิกเดินเข้ามาที่ถนนหมู่บ้าน เห็นต้นไม้ใหญ่มีผ้าแพรหลากสีผูกตาม กิ่งก้าน ท่ามกลางพวกชาวบ้านที่มุงดูกันเต็มใต้ต้นไม้
“ตกลงมันยังไงกันแน่วะนังน้ำค้าง” สำรวยหันมาถามลูกสาว “เอ็งบอกข้าว่าไอ้จอมโจรผัวเมีย ไอ้เสือกับนางสิงห์ มันมาปล้นบ้านเรา มันเป็นโจรโหด โฉดน่ากลัว แต่ดูนี่สิ มีพวกชาวบ้านมาแอบผูกผ้าแพร สรรเสริญ ให้ไอ้พวกมันจนเต็มต้นไปหมด”
“ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะพ่อ ก็มันมาปล้นฉันจริงๆนี่”
น้ำค้างยังไม่เลิกโกหก ขณะที่วัลภารีบบอก
“ไอ้เสือกับนางสิงห์เป็นโจรมีคุณธรรม การที่บุกไปช่วยพวกชาวบ้านออกมาก็แสดงให้เห็นว่า พวกนั้นไม่ใช่โจรที่น่ากลัวสำหรับคนดีๆ”
สำรวยพยักหน้าเห็นด้วย พลางอธิบายต่อว่าที่บ้านก็ไม่มีของหายเลยสักชิ้น“ฉันว่าถ้าน้ำค้างไม่ตาฝาด ก็คงเอาเรื่องไอ้เสือกับนางสิงห์มาเป็นข้ออ้างหาเรื่องเรียกร้อง ความสนใจมากกว่า”
น้ำค้างค้อนขวับ “วัลภา เธออย่ามาแส่ทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย”
ระหว่างนั้นชาติกับไอ้เชิดพากันเดินเข้ามาแล้วยิงปืนขึ้นฟ้าเสียงดัง จนพวกชาวบ้านตกใจ วงแตกกระจาย
ชาติเดินหน้าตาถมึงถึงจ้องเขม็งไปที่ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยผ้าแพรหลากสีเต็มกิ่ง พลางตะโกนสั่ง
“ไอ้เชิด เอาไอ้ของพวกนี้ลงมาให้หมด”
ไอ้เชิดกับพวกลูกน้องรีบเข้าไปดึงผ้าแพรออก ขณะที่เชนยิ้มกวนๆ สมน้ำหน้าชาติ
“เป็นอะไรไปไอ้ชาติ กับไอ้ของแค่นี้ ถึงกับต้องขนพรรคพวกมาจัดการเลยเหรอวะ นี่น่ะเหรอวะมือ กฏหมาย ที่อาสามาปกป้องทุกชีวิตในผาปืนแตก แค่ผ้าแพรหลากสีมันยังกลัวเลย”
ชาติขบกรามเจ็บใจเข้าไปกระชากคอเสื้อเชน
“ไอ้เชน ปากดีแบบนี้ไปนอนคุกสักคืนเถอะวะ”
เชนผลักอกชาติคืน
“อย่ามายัดข้อหาขี้ประติ๋วแบบนั้นให้ข้าเลยดีกว่าว่ะไอ้ชาติ เอ็งกับข้าเป็นญาติกันอยู่ อย่าลืม ว่าลูกเลี้ยงพ่อเอ็งน่ะ เมียข้านะเว้ย”
“ฉันขอนะจ๊ะพี่ชาติ” วัลภาพูดขึ้นบ้าง “เรื่องกระทบกระทั่งกันในวงศาคณาญาติ อย่าให้ต้องตก เป็นขี้ปากชาวบ้านเลย”
แสนได้ทีรีบเสริม“เพราะแค่เรื่องที่เอ็งเสียท่าให้ไอ้โจรห้าร้อยพวกนั้น มันก็เป็นขี้ปากชาวบ้านพอแล้วล่ะ” ชาติยิ่งเจ็บใจผลักเชนไปหาแสนแล้วยกปืนบิงขึ้นฟ้าอีกหลายนัด แล้วประกาศเสียงดัง “ทุกคนฟังให้ดี อย่าให้เห็นขยะพวกนี้รกหูรกตาฉันอีกเด็ดขาด ถ้าบ้านไหนเอามันไปผูกไว้แม้แต่ ผืนเดียว ฉันจะถือว่าบ้านนั้นเป็นพวกเดียวกับโจร และต้องรับโทษหนัก”
ไอ้เชิดกับพวกลูกน้องเอาผ้าแพรที่ดึงมาจากต้นไม้ลงมากองที่พื้น พลางเอาน้ำมันราดแล้วใ ห้ ชาติเผาจนมอดไหม้
เพลิงนอนหลับอยู่บนเตียงในบ้านพักของเอื้อมเดือน ภาพเหตุการณ์ตอนเห็นฟ้างามนอนตาย จมกองเลือด ยังคงตามมาหลอกหลอนถึงในความฝัน
เพลิงตะโกนสุดเสียงก่อนที่จะสะดุ้งตัวตื่น จังหวะเดียวกับที่เอื้อมเดือนซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต หลวมๆตัวเดียว กำลังปลุกเพลิงพอดี
“เพลิง เป็นอะไรรึเปล่า ฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้ง”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่นานแล้วที่ผมไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้เลย”
“รีบตื่นได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมอาหารเช้าให้”
เอื้อมเดือนเดินออกไป เพลิงมองตามแล้วยิ้มมีความสุขก่อนจะหันมามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ฟ้างาม ฉันขอโทษ แต่ไอ้ยอดพูดถูก ชีวิตฉัน มันถึงเวลาต้องเดินหน้าต่อไปแล้ว”
หลังจากอิ่มจากอาหารมื้อเช้า เพลิงกับเอื้อมเดือน ก็นั่งสบตากันซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่ช่วยเติมเต็มชีวิตคนที่มีค่าเพียงแค่เศษดิน ให้มีโอกาสได้สัมผัส กับความสุขเหมือนอย่างคนอื่นเขาซะที”
เอื้อมเดือนยิ้มหวาน
“ฉันให้โอกาสเธอเพราะฉันไม่เคยมองว่าเธอจะมีค่าด้อยเพียงดิน แต่ฉันเห็นเธอเป็นภูผา ที่แข็ง แกร่ง ให้ฉันได้พักพิง ได้โอบกอดฉันเอาไว้ทุกวัน ทุกคืน”
“ผมสัญญาครับว่าผมจะดูแลคุณหมอ จะเป็นภูผาที่ปกป้องคุณหมอไปจนชั่วชีวิต”
เพลิงให้คำมั่นพร้อมจูบเบาๆที่หน้าผากเอื้อมเดือน เพื่อยืนยันคำสัญญา“สัญญาแล้วนะเพลิง วันนี้ฉันไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากเธอ ถ้าวันนึงเธอผิดสัญญา ก็ขอให้รู้ไว้ ด้วยนะว่าเธอได้ทำลายชีวิตผู้หญิงตัวคนเดียวคนนี้ด้วยคำหวานจากปากเธอ”
เพลิงสบตาเอื้อมเดือนด้วยแววตามั่นคง“ถ้าผมทำอย่างนั้นกับคุณหมอจริงๆ ผมจะยอมให้คุณหมอยิงผมทิ้งเลย”
ฟ้าลั่นลุกจากที่นอน ขณะที่บนเตียง มีหญิงสาวของผีเสื้อราตรีนอนเปลือยกายคว่ำหน้าอยู่ 2 คน หลังจากเมื่อคืนได้ระเริงความสุขให้ฟ้าลั่นไปเป็นที่เรียบร้อย
พอฟ้าลั่นแต่งตัวแสร็จ ไอ้ก้านก็เข้ามาในเต๊นท์
“มีอะไรวะไอ้ก้าน”
“นายให้ผมมาตามคุณฟ้าลั่นครับ”
ฟ้าลั่นเดินมาดกวนๆ เข้ามาหาลายเสือ
“ให้ไอ้ก้านไปตามฉันมามีอะไรเหรอพ่อ เมื่อคืนกว่าจะนอนได้เกือบเช้า”
ลายเสือหันมาชี้หน้าเอาเรื่อง
“ไอ้ฟ้าลั่น ข้าให้เอ็งดูแลธุรกิจของผีเสื้อราตรี แต่ไม่ได้หมายความว่า วันๆ จะปล่อยให้เอ็งเอาแต่ ทดสอบสินค้า ไม่รู้จักโงหัวออกมาช่วยงานอย่างอื่นข้าบ้าง”
“โธ่เอ้ย บ่นอีกแล้วนะพ่อ ก็ตอนนี้ไอ้พวกเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยมันไล่บี้กดดันจนธุรกิจค้าฝิ่นของเรา หากินลำบาก ถ้าไม่มีธุรกิจสาวๆ ผีเสื้อราตรีของฉันมาช่วยหนุนอีกขาล่ะก็ เราจะเอาทุนที่ไหนมาเลี้ยงทหารทั้งค่าย จริงมั้ยพ่อ”
ฟ้าลั่นพูดแบบยกความดีเข้าตัว แต่ลายเสือไม่คล้อยตามด้วย
“เอ็งอย่ามาอวดฉลาดไปกว่าข้า ตั้งแต่ข้าสั่งให้พวกเราเปิดศึกกับพวกฝั่งไทย เราต้องเสียคน ของเราไปมาก ถ้ายังใจเย็นอย่างเอ็งอยู่ มีหวังค่ายของของข้าต้องโดนตีแตกแน่”
ระหว่างนั้นมีเสียงหัวเราะสมเพชสะใจจากผู้กองสมานดังขัดเข้ามา
“ข้าให้ไม่เกินอีกอาทิตย์นึง ค่ายของลายเสือ คำลือ ราชาค้ายาเสพติด 3 แผ่นดิน จะต้องโดน กวาดล้างให้ราบเป็นหน้ากลอง”
ฟ้าลั่นหันขวับไปที่ผู้กองสมาน ซึ่งถูกจับล่ามโซ่ขังอยู่ในกรงไม้ ตัวเนื้อมอมแมม ที่ดวงตาข้างหนึ่ง มีผ้าพันแผล ที่ชุ่มเลือดเพราะถูกควักลูกตาออกไปข้างหนึ่ง
“ไอ้ผู้กองใจเด็ด โดนควักตาไปข้างนึงแล้วยังห่ามปากเก่งอีก แบบนี้มันน่าสงเคราะห์ ให้หาย ทรมาน งั้นมึงตายไปเลยดีกว่า กูรำคาญมึงเต็มทีแล้ว”
ฟ้าลั่นจ่อปืนเตรียมจะยิง แต่ไอ้คมปราดเข้ามาแย่งปืนไปจากมือแล้ว ปลดลูกปืนออกจากลูกโม่ จนเกลี้ยง ตามคำสั่งของลายเสือ“เอ็งไม่ต้องไปเอาเรื่องไอ้คม มันมีหน้าที่ทำตามคำสั่งข้า ที่ข้าไม่ฆ่าไอ้ผู้กองใจเด็ดนี่ เพราะมัน ยังมีประโยชน์กับเรา”
ผู้กองสมานยิ้มเยาะ“ถ้าคิดว่าจะใช้ข้าเป็นเครื่องต่อรองเวลาพวกแกจนตรอกล่ะก็ คิดผิดแล้วไอ้ลายเสือ คนของข้า รู้ดีว่าข้ายอมสละชีวิตได้เพื่อจัดการคนเลว เพราะฉะนั้นข้าไม่ใช่เครื่องต่อรอง”
“จะใช่หรือไม่ใช่ เดี๋ยวก็รู้ว่าแกจะพูดแบบนี้ได้อีกรึเปล่า คม ปล่อยมันออกมา”
ผู้กองสมานที่ถูกล่ามโซ่จองจำโดนไอ้คมลากออกมาที่ลานโล่งในบริเวณค่าย
“อย่าบอกนะที่พ่อให้ไอ้คมลากมันออกมา เพราะอยากจะให้มันโดนควักตาอีกข้าง งั้นฉันขอ จัดการเองนะ รำคาญปากมันเต็มทีแล้ว”
ฟ้าลั่นขันอาสา แต่กลับโดนลายเสือตำหนิ
“เอ็งดูคนอย่างมันไม่ออกเหรอไอ้ฟ้าลั่น ต่อให้เอ็งควักลูกตามันออกมาทั้งสองข้าง ตัด แขนตัดขา จนมันพิการ มันก็ไม่กลัวเอ็ง ที่ข้าลากมันออกมา เพราะมีวิธีทำให้มันเจ็บปวดมากกว่าทรมานร่างกายมัน”
ลายเสือบอกลูกชายแล้วหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องลากตัวเชลยทหารไทย 3 คนที่ถูกมัดมือ มัด ปากเข้ามา
ผู้กองสมานเห็นทหารไทยพวกนั้นถูกจับตัวมาก็ตกใจ เพราะเดาอกว่าพวกมันจะทำอะไร “อย่านะเว้ย ไอ้พวกขี้ขลาด แน่จริงมาเล่นงานข้าสิเว้ย”
ไอ้คมมองหน้าผู้กองสมาน พลางยิ้มอย่างสะใจ“กับเอ็ง มันไม่มีอะไรน่าสนุกไปกว่านี้อีกแล้ว ไอ้ผู้กองใจเด็ด”
พูดพลางมันก็ชักมีดสปาร์ต้าออกมาแล้วควงอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็เข้าไปยืนข้างหลังทหาร หนุ่มคนแรก แล้วจับเชิดหน้าขึ้นมาเปิดให้เห็นคอชัดๆ ใบหน้าของทหารหนุ่มคนนั้นตื่นตระหนกหวาดกลัว
ผู้กองสมานร้องลั่น “อย่า อย่า”
แต่ไม่เป็นผล ไอ้คมใช้มีดปาดคอทหารหนุ่มอย่างเหี้ยมโหด ทหารที่เหลืออีก 2 คนตกใจกลัว ลนลาน คนหนึ่งรีบลุกแล้วพยายามจะวิ่งหนี แต่ฟ้าลั่นก็ชักปืนออกมาแล้วยิงไล่หลัง ตายคาที่ต่อหน้าต่อตาผู้กองสมานเป็นศพที่ 2 เหลืออีกคนที่กลัวจนตัวสั่น
“ไอ้พวกสัตว์นรกในร่างคน อย่างพวกแกต้องเวียนว่ายอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกัลป์”
ผู้กองสมานสาปแช่งด้วยความโกรธแค้น แต่ลายเสือกลับหัวเราะลั่น
“ถ้าพวกข้าต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกัลป์จริง งั้นข้าก็ต้องชวนเอ็งให้ลงไปร่วมสนุก กันในนรกด้วยกัน เพราะเอ็งจะได้มือเปื้อนเลือดเหมือนกับพวกข้า”
ลายเสือยิ้มร้าย ไอ้คมปราดเข้าไปยัดปืนใส่มือผู้กองสมาน พร้อมจับยกเล็งไปที่ทหารคนสุดท้าย ในขณะที่ฟ้าลั่นหัวเราะสะใจ
“สุดๆเลยพ่อ ต้องแบบนี้สิ ไม่ต้องจับมันมาทรมานให้เหนื่อย แต่ให้มันมีชีวิตแบบคนตายทั้งเป็น”
“เอ็งดูแล้วก็จำเอาไว้ จะเป็นผู้นำมันต้องเด็ดขาดและฉลาดเท่านั้น”
ลายเสือพยักหน้าให้ไอ้คมบังคับมือของผู้กองสมานให้ยิงใส่ทหารคนไทยด้วยกัน ผู้กองสมานพยายามขัดขืนแต่สู้แรงของไอ้คมไม่ได้ ในที่สุดก็โดนมันบังคับให้ยิงคนไทยด้วยกัน กระสุนเจาะเข้าอกตายคาที่อย่างน่าเวทนา
ผู้กองสมานมองด้วยความรันทดใจ
ขณะที่บริเวณค่ายทหารไทยซึ่งมาตั้งกำลังสู้รบปราบปรามพวกลายเสือ ส่วนใหญ่พากันบาดเจ็บ กลับเข้ามา ต่างประคองกันส่งต่อให้หมอพยาบาลเข้าไปดูแลต่อ ขณะที่ลูกน้องของผู้กองสมาน ยังรอคอยกำลังเสริมด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ผู้กองสมานครับ ผมจะล้างแค้นให้ผู้กอง แล้วผมจะเอาศพของผู้กองไปให้น้องสาวผู้กองทำพิธี ให้ได้”
เพลิงเดินมาส่งเอื้อมเดือน ที่อนามัย พลางยืนส่งสายตาหวานให้กัน จนยอดกับติ๋มชะโงก หน้าออกมาแซว
“เห็นเอ็งมีความสุขแบบนี้แล้ว ข้าดีใจว่ะ แต่เอ็งไม่ต้องขอบใจข้านะเว้ย ขอเปลี่ยนจากคำขอบใจ แล้วถามคุณหมอว่า ยังพอมีเพื่อนสวยๆอย่างคุณหมอเหลืออีกมั้ย ข้าอยากได้เมียแบบนี้มั่งว่ะ”
เพลิงกระทุ้งศอกใส่เพื่อน “ทะลึ่งแล้วไอ้ยอด”
ส่วนติ๋มพอเห็นเอื้อมเดือนมองเพลิงแล้วยิ้มอายๆ ก็กระเซ้า
“คุณหมอคะ หน้าแดงแบบนี้ให้ติ๋มจัดยาให้สักชุดมั้ยคะ”
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 8 (ต่อ)
เพลิงมาทำความสะอาดเครื่องดนตรีทำงานตามปกติในวงดนตรีของครูประสิทธิ์ โดยมีไอ้ยอด ตามมาด้วย
“ครั้งนี้ถือว่าเอ็งเป็นหนี้บุญคุณข้าเลยนะเว้ย เพราะถ้าข้าไม่เสี้ยมให้ ป่านนี้เอ็งก็คงจมปลักอยู่ แต่กับอดีต ไม่ได้มีโอกาสได้ปีนขึ้นจากเหวมาเจอความสุขกับเขาหรอก”
“เรื่องนั้นข้าขอบใจเอ็ง แล้วจะเลี้ยงตอบแทนเอ็งชุดใหญ่ แต่ตอนนี้เอ็งช่วยกลับไปทำงานให้ หลวงพ่อ ได้มั้ย ข้าต้องทำมาหากิน”
“ปั๊ดโธ่เว้ยสหายข้า ขยันทำมาหากินขึ้นมาทันที ก็ใช่สิวะ มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วนี่ มันก็ต้องคิดเรื่องอนาคต แต่เป็นแค่ลูกจ้างในวง ทำความสะอาดเครื่องดนตรีอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่เอ็งจะเลี้ยง คุณหมอเขาได้วะ ไหนๆเอ็งก็ฝังอดีตเรื่องฟ้างามไปแล้ว น่าเสียดายความสามารถที่โดดเด่นของเอ็ง น่าจะขุดออก มาใช้ซะที รับรองว่าชื่อเสียงของเพลิง พญาไฟต้องกลับมาโด่งดังอีกครั้งแน่”
พูดพลางจับไมโครโฟนที่อยู่ใกล้ๆ ยื่นให้ เพลิงรับไมครโฟนมาแล้วนิ่งมอง แล้วหมุนตัว พร้อมไมค์ พลันภาพของเพลิง พญาไฟ ในมาดของนักร้องก็เข้ามาแทนที่ บนเวทีที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง และหางเครื่องอลังการ เพลิงทั้งร้องทั้งเต้น เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแม่ยกทั้งสาวทั้งแก่ที่แห่กันเข้าไปผลัดกัน หอมแก้ม คล้องพวงมาลัยเหน็บแบงค์เต็มคอ
ระหว่างนั้นน้อยเดินเข้ามาแล้วได้ยินเสียงคนร้องเพลง เลยเดินตามเสียงเพลงมา แล้วก็ชะงักเมื่อ เห็นเป็นเพลิง ด้วยไม่คิดว่าเพลิงจะมีน้ำเสียงดี ลีลาพลิ้วได้ขนาดนี้
จากนั้นน้อยก็รีบเข้ามาตามหาครูประสิทธิ์
“ครูจ้ะ ครูอยู่ไหนเนี่ย รีบไปกับฉันเร็ว เดี๋ยวจะพลาดของดี ครู”
ขณะที่น้อยเดินตามหาครูประสิทธิ์ ก็บังเอิญไปเดินชนเข้ากับชาติที่มาพร้อมกับไอ้เชิดและลูกน้อง
น้อยโวยวายว่าชาติเกะกะขวางทาง ชาติเลยจ้องหน้า พลางเดินตรงมาอย่างเอาเรื่อง จนน้อยผงะ
“ฉันมีหน้าที่ดูแลความสงบสุขในผาปืนแตก เพราะฉะนั้นฉันจะเดินไปตรอกซอกซอยไหนก็ได้ เท่าที่ฉันอยากจะไป แล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเสียเวลากับแกหรอกนะ นังแก่ “
พูดพลางเงื้อมือจะตบ น้อยหลับตาปี๋ ระหว่างนั้นเพลิง กับยอดก็โผล่เข้ามาเข้ามาขัด “หยุดนะไอ้ชาติ ทำร้ายผู้หญิงมันไม่เรียกว่าเป็นลูกผู้ชายหรอก”
“ไอ้เพลิง อยู่ที่นี่นี่จริงๆด้วย โผล่มาก็ดีไม่ต้องเสียเวลาไปตาม ฉันมีเรื่องจะสอบปากคำแก จะไปโรงพักด้วยกันดีๆ หรือจะให้ลูกน้องฉันหิ้วแกไป”
ขาดคำของชาติ ไอ้เชิดกับพวกลูกน้อง ก็เดินเข้ามาหาเพลิง แต่เจอไอ้ยอดก้าวมาขวาง พร้อมมีเรื่อง เพลิงจับบ่ายอด เป็นเชิงปราม
“เอ็งไม่เกี่ยว ไม่ต่องห่วงข้า”
พูดพลางเดินเข้าไปหาพวกไอ้เชิดอย่างไม่หวั่นเกรง
“แน่ใจนะไอ้เชนว่าเอ็งไม่ได้อยู่เบื้องหลัง”
ครูประสิทธิ์ที่มาหาเชนถึงเรือนหอถามย้ำ
“พ่อนี่ก็ ตั้งแต่มาหาฉันถึงบ้าน พ่อถามฉันเป็นครั้งที่สิบ ฉันก็บอกพ่อเหมือนเดิมทุกครั้ง ดูปากฉันนะ ฉันไม่รู้เรื่อง”
“คนอย่างเอ็งมันกะล่อน โกหกพ่อเอ็งก็ทำอยู่บ่อยๆ ข้าเชื่อใจยากว่ะ ข้าไม่อยากให้เอ็งหาเรื่อง เดือดร้อนใส่ตัว เพราะถ้าพวกไอ้ชาติมันรู้ว่าเอ็งปลอมตัวเป็นไอ้โจรห้าร้อยคอยเล่นงานตลบหลังพวกมัน มัน เล่นงานเอ็งตายแน่”
“แต่ฉันว่าอย่างพวกมันไม่มีทางเล่นงานไอ้เสือกับนางสิงห์ได้หรอก”
เชนพูดอย่างมั่นใจ ครูประสิทธิ์ถึงกับตกใจ
“ไอ้เชน เอ็งยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าเอ็งเป็นไอ้โจรนั่น”
ยังไม่ทันที่เชนจะตอบ วัลภาก็เดินเข้ามาพอดี
“เชนเขาไม่ได้เป็นโจรอะไรนั่นหรอกจ้ะพ่อ” พูดพลางยื่นน้ำให้ครูประสิทธิ์ ที่รับไปกิน ขณะที่ยังคงมองลูกชายอย่างไม่หายเคลือบแคลงใจ
เชนเอียงหน้าไปซุบซิบกับวัลภา
“พ่อเขาไม่ยอมไปหรอกจนกว่าเขาจะเลิกสงสัย เพราะฉะนั้น”
เชนยักคิ้วให้วัลภาทำตามที่เขาบอก วัลภาหน้าครุ่นคิด เป็นจังหวะที่ประสิทธิ์กินน้ำจากขันเสร็จ
“ขอบใจนะวัลภา แต่ที่พ่อมาคาดคั้นเอาความจริง เพราะพ่อเป็นห่วงกลัวว่าหนูจะโดนไอ้เชน บังคับให้ต้องไปทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนั้น”
“อย่างวัลภานี่น่ะเหรอจะโดนผมบังคับ รู้จักเมียผมน้อยไปแล้วล่ะพ่อ”
วัลภามองด้วยหางตา แล้วศอกใส่ทันที “ฉันทำไม”
“ก็นี่ไง ไม่ทันขาดคำก็จัดการผัวซะจุกเลย”
จากนั้นวัลภาก็หันมาพูดหวานกับครูประสิทธิ์
“พ่อจ๊ะ ถึงฉันจะดูเป็นผู้หญิง กระโดกกระเดกไม่ค่อยเป็นแม่บ้านแม่เรือนเท่าไหร่ แต่ก็แค่นิสัย ซนๆ ไม่ถึงขนาดลุกไปจับปืนผาหน้าไม้ไล่ยิงบู๊ดุเดือดกับพวกผู้ชายตัวโตๆ ได้หรอกจ้ะ”
“ใช่พ่อ เมียฉันน่ะจะห้าวมือหนักก็แค่กับผัวเท่านั้น ไม่เชื่อพ่อดูสิ”
พูดพลางจับไหล่วัลภามาหมุนรอบตัวให้ประสิทธิ์ดู
“ดูซะ ทรวดทรงองค์เอว อรชรอ้อนแอ้นอย่างกับนางแบบหนังสือปลุกใจ สะโพกแบบนี้ มีแต่เป็น แม่พันธุ์ ได้เท่านั้นแหละ เป็นนางสง นางสิงห์อะไรนั่นไม่ได้หรอก”
วัลภารีบเสริม
“พ่อจ๊ะ นอกจากฉันจะไม่ใช่นางสิงห์อย่างแน่นอนแล้ว ฉันก็อยากจะบอกพ่อว่า อย่าไปสงสัยเลย ว่าเชนจะเป็นโจรผู้มีคุณธรรมอย่างไอ้เสือได้หรอกจ้ะ เพราะอะไรรู้มั้ยจ๊ะ เขาว่ากันว่าไอ้เสือเป็นโจรอกผายไหล่ผึ่ง เป็นสุภาพบุรุษ แต่ดูนี่สิจ๊ะ อย่าว่าแต่อกสามศอกเลย ถึงศอกก็ยังไม่ได้ แถมความเป็นสุภาพบุรุษก็เหลือน้อย ถึงน้อยเต็มทีจ้ะพ่อ แล้วอีกอย่างที่ยืนยันแน่ๆว่าไม่ใช่ก็คือ ขี้เกียจตัวเป็นขน ตั้งแต่แต่งงานกันมา วันๆ ขยันทำ มาหากินที่ไหน เอะอะอะไรก็ใช้แต่เมีย จะกิน จะเข้าห้องน้ำ จะนอน ต้องคอยจัดการให้ทุกอย่าง ตัวโตอย่างกับ ควาย แต่ทำตัวเหมือนเด็กทารกช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วแบบนี้น่ะเหรอจะกล้าออกไปเป็นโจรช่วยเหลือคนอื่น .ให้หมาออกลูกเป็นแมว ฉันยังเชื่อมากกว่าเลยจ้ะพ่อ”
วัลภาสาธยายแบบจัดหนักใส่เชนไม่ยั้ง จนครูประสิทธิ์นคิดหนัก มองทั้งคู่อย่างตัดสินใจ จนในที่สุดก็ยอมแพ้
“ถ้าไม่ใช่กันจริงๆ พ่อก็สบายใจแล้ว เพราะพ่ออยากอุ้มหลานเร็วๆ เลยไม่อยากให้เอ็งไปคิดท ำ อะไรแผลงๆแบบนั้น”
เชนหัวเราะร่วน
“ถ้าพ่ออยากอุ้มหลานเร็วๆ งั้นฉันส่งพ่อแค่นี้แล้วกัน”
วัลภากระทืบเท้าเชนทันที “ต่อหน้าพ่อยังทะลึ่งอีกเหรอ”
“เอาล่ะๆ พ่อไม่อยู่กวนพวกเอ็งแล้ว ไอ้เชน เอ็งก็ทำตัวดีๆล่ะ เอ็งสัญญากับพ่อไว้แล้ว ว่าจะขยัน ทำมาหากิน ดูแลเมีย ดูแลครอบครัว”
เชนพยักหน้ารับคำ
“จ้ะพ่อ เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องห่วง ฉันอาจจะทำอะไรดูไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน สันดานก็ไม่ได้ เป็นคนดีซักเท่าไหร่ แต่อย่างนึงที่ฉันทำได้แน่นอน และคิดอยู่ทุกลมหายใจก็คือ ฉันจะดูแลคนรัก ดูแลครอบครัว ของฉันด้วยชีวิต”
วัลภาชะงักไปเพราะแววตาที่หนักแน่นและจริงจังของเชน ระหว่างนั้นน้อยเข้ามา
“ครูจ๊ะ”
เพลิงนั่งอยู่บนโรงพักท่ามกลางพวกของชาติที่ล้อมรอบ ด้วยท่าทีไม่สะทกสะท้าน
“ว่าไงไอ้เพลิง ถ้าเอ็งยังไม่ตอบคำถามที่ข้าคาใจอยู่ให้หายข้องใจ ข้าจะเล่นงานเอ็งในข้อหาสมรู้ ร่วมคิดกับไอ้โจรห้าร้อยนั่น”
เมื่อเห็นเพลิงนั่งนิ่ง ไอ้เชิดก็ปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อเพลิงขึ้นมา
“ปากเอ็งมันอมอะไรอยู่ อยากให้ข้าเอาปืนกระทุ้งให้ อ้าปากพูดมั้ย”
เพลิงจ้องไอ้เชิดเขม็งแล้วแล้วยิ้มมุมปากนิดๆ
“เอ็งจะเอาปืนจากไหนเหรอไอ้เชิด”
ไอ้เชิดก้มมองที่เอว แล้วก็ชะงักเพราะเพลิงแย่งเอาปืนจากเอว มาจ่อพุงของมันไว้โดยที่มันไม่รู้ตัว
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดหรอก เพราะทุกอย่างฉันก็พูดไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง”
เพลิงพูดพลางจ้องหน้าชาติเขม็ง
“แต่ข้าคาใจ เพราะหลังจากเอ็งโผล่มาบอกให้พวกข้าไปจัดการกับไอ้โจรห้าร้อย พรรคพวกของมัน ก็บุกเข้ามาช่วยพวกชาวบ้านออกไปจนเกลี้ยง”
ชาติพูดเสียงเข้ม ไอ้เชิดรีบพูดเสริมแบบเอาหน้า“มันสั่งให้เอ็งมาหลอกล่อให้พี่ชาติไปติดกับดักมันใช่มั้ย”
เพลิงหัวเราะขำ
“ติดกับดัก ? มันมีกันแค่สองคนผัวเมีย แต่พวกแกมีคนเยอะกว่ามัน แล้วจะเรียกว่าไปติดกับดัก ได้ยังไง น่าจะเรียกว่า ไปเสียท่าให้มันมากกว่า”
ชาติเจ็บใจตบโต๊ะ พลางลุกพรวด ไอ้เชิดกับพวการู้ใจ รีบเข้าไปล็อกแขนเพลิง
“หัวหมอนักนะไอ้เพลิง มาอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ยังกล้าปากดีกับเจ้าของเขาอีก”
พูดพลางซัดหมัดเข้าหน้าเพลิงจนเลือดซิบ
“พวกเอ็งไม่ใช่เจ้าของผาปืนแตก ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของผืนแผ่นดินไทย ทุกคนที่เป็นคนไทย มีสิทธิ์ เท่าเทียมกันบนทุกตารางนิ้วของแผ่นดินนี้”
ชาติฟังแล้วหัวเราะเยาะ พวกลูกน้องพากันหัวเราะตาม
“ไอ้เพลิงเอ้ย ข้าไม่รู้ว่าอะไรดลให้เอ็งโผล่มาที่ผาปืนแตก แต่ข้าบอกได้เลยว่าเอ็งมันเลือกมา เหยียบผิดที่ ผาปืนแตกมันเป็นเมืองที่ถูกลืม ไม่มีใครเขาสนใจหรอกว่าคนที่นี่ มันจะกินขี้หรือกินข้าว เพราะอะไร รู้มั้ย เพราะที่นี่มันเป็นเมืองของพ่อข้า”
กำนันปราบนั่งรออยู่ ที่หน้าห้องของหน่วยงานราชการ “ธรณีวิทยา” ระหว่างนั้นลำดวน ที่แต่งตัวสวย ถือถุงโชคดีเต็มมือ ก็เดินเข้ามา
“ยังไม่เสร็จธุระอีกเหรอจ๊ะพี่กำนัน กับไอ้แค่ก้อนหินก้อนเดียวทำไมใช้เวลานานจังเลย ลำดวน เที่ยวช้อปปิ้ง ซื้อของจนเบื่อจะแย่แล้ว”
“ถ้าคนทั่วไปมองว่ามันเป็นแค่ก้อนหินก้อนเดียว มันก็เป็นได้แค่พวกขี้ข้าคอยทำตามคำสั่ง แต่ถ้า คนที่มองว่ามันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา แต่มันมีค่ามากกว่านั้น คนนั้นแหละ คือคนที่คอยออกคำส่งให้คนอื่นทำตาม”
กำนันปราบพูดไปก็ยิ้มมุมปาก พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ระหว่างที่กำนันปราบใช้ปืนลูกโม่ยิงนกแต่พลาด ก็เลยโยนปืนลูกโม่ทิ้งให้ลูกน้องรับแล้วเอาปืน ลูกซองมายกขึ้นเล็งแทน แต่ก็ยังยิงไม่โดนอีก
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยจ้ะพี่กำนัน ฉันว่าพี่ลงมาแช่น้ำเย็นๆกับฉันดีกว่า จะได้หายหงุดหงิด”
กำนันปราบหันไปที่ลำดวนซึ่งอยู่ในชุดว่ายน้ำสวยเซ็กซี่ ลูกน้องมองตาม พลางทำตาโต จนกำนันปราบต้องไล่ออกไป เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน ลำดวนก็ยิ้มยั่วยวนชวนผัวลงมาเล่นน้ำ
กำนันปราบกอดรัดซุกไซร้ซอกคอลำดวนอยู่ในแอ่งน้ำตก
“พอเถอะจ้ะพี่กำนัน ฉันไม่ไว้ใจลูกน้องพี่ เดี๋ยวมันมาแอบดูเรา”
“ถ้ามันกล้าแอบดู มันได้ตาบอดแน่”
ลำดวนอิดออด
“แต่ไว้เราไปสนุกกันเต็มที่ที่บ้านดีกว่า ที่ฉันชวนพี่ออกมาเพราะอยู่บ้านแล้วพี่จะเจอแต่เรื่อง เครียดๆ ได้ออกมาปลดปล่อยบ้างจะได้มีแรงกลับไปลุยงานต่อ”
พูดพลางขยับมาบีบนวดเอาใจ
“ขอบใจนะลำดวน รู้มั้ยว่าทำไมที่นี่ถึงได้ชื่อว่าผาปืนแตก เล่ากันว่าสมัยก่อนที่นี่เป็นสนามรบ รบกันมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ ครั้งนึ่งมีการขนปืนใหญ่มาต่อสู้กันที่นี่ หวังใช้ที่นี่เป็นสมรภูมิเผด็จศึก แต่ปืนใหญ่ กระบอกนั้นกลับแตกซะก่อน ข้าศึกก็เลยบุกเข้ามาฆ่ากองทัพของเราตายจนเกลี้ยง”
“น่ากลัวจัง งั้นที่นี่ก็มีแต่วิญญาณคนตายน่ะสิ”
กำนันปราบหัวเราะในลำคอ
“หึๆ มันก็แค่เรื่องเล่าปากต่อปาก ไอ้ผีคนตายน่ะที่ไหนมันก็มี”
“แต่ฉันว่าเพราะเรื่องน่ากลัวสยองขวัญแบบนั้นเลยทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่”
กำนันปราบส่ายหน้า
“ไม่ใช่หรอก ที่ไม่มีใครสนใจที่นี่เท่าไหร่เพราะฉันอยากให้ไม่มีใครสนใจเมืองที่ฉันจะเป็นพระราชาคนเดียวได้ต่างหาก ตระกูลของฉันทุ่มเทเงินทองเพื่อเป็นเจ้าของที่นี่มาหลายชั่วอายุคน เพราะไม่มีใครรู้จักที่นี่ ไม่เคยสนใจที่นี่ ฉันถึงเป็นเจ้าของที่นี่ได้และต้องรักษามันไว้ให้เป็นของฉันตลอดไป”
กำนันปราบพูดไป ก็ซุกไซร้ลงที่หน้าอกลำดวน แต่จู่ๆ ลำดวนก็ร้องเสียงดัง
“เจ็บจังเลยจ้ะพี่กำนัน เท้าฉันเหยียบอะไรก็ไม่รู้”
ลำดวนก้มลงไปหยิบก้อนหินก้อนนึงขึ้นมา
“ไอ้หินบ้า บาดเท้าฉันได้เลือดเลย”
ลำดวนจะปาหินทิ้งไป แต่กำนันปราบสังเกตอะไรบางอย่างเห็นที่ก้อนหินก้อนนั้น
กำนันปราบมองดูหินก้อนนั้นอยู่ในกล่องไม้ ระหว่างนั้นชาติ ก็เดินเข้ามา “ไอ้ตุ่นมันไปบอกฉันว่า พ่อต้องไปทำธุระในเมืองเหรอ”
“ใช่ ธุระสำคัญคงต้องไปหลายวัน แกอยู่ทางนี้ดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย ระวังเรื่องไอ้ สองโจร ผัวเมียนั่นให้ดี อย่าประมาทว่ามันเป็นแค่โจรกระจอก เพราะที่นี่เป็นเมืองของเรา ถ้าปล่อยให้มีคนจากที่อื่นมา ทำให้เราเสียหาย ผลที่ตามมาจะไม่คุ้มกับที่ฉันแลกมาด้วยหยาดเหงื่อทั้งชีวิต”
ชาติพยักหน้ารับคำ
“ได้เลยพ่อ ฉันไม่ทำให้พ่อผิดหวังอยู่แล้ว ว่าแต่ไอ้ธุระที่ทำให้พ่อต้อง รีบเข้าเมืองคืออะไร เกี่ยวกับ ไอ้หินก้อนนี้รึเปล่า ฉันเห็นพ่อเอาแต่ดูมัน”
“ใช่ ถ้ามันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดาแล้วเป็นอย่างที่ฉันคิด ไอ้นี่แหละที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ครั้งใหญ่กับผาปืนแตก”
กำนันปราบคิดพลางยิ้มอย่างมั่นใจ ลำดวนมองด้วยความสงสัย
“พี่พูดอะไรลำดวนไม่ค่อยเข้าใจหรอก รู้แต่ว่าลำดวนอยากกลับไปผาปืนแตก จะได้ไปดูแล พี่กำนันของลำดวนซะที”
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินออกมาจากห้อง
“เรียบร้อยแล้วครับกำนัน”
กำนันปราบ รีบผละจากลำดวน แล้วเดินไปหาเจ้าหน้าที่ ซึ่งออกมาพร้อมกับกล่องไม้ที่ใส่ก้อนหิน จากลำธารก้อนนั้น
“เป็นยังไงบ้าง ตกลงใช่อย่างที่ฉันสงสัยรึเปล่า”
เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ
“ใช่ครับ สายแร่ทองคำบริสุทธิ์ ผมบอกได้เลยว่าที่ที่กำนันไปเจอ มันคือขุมทรัพย์มหาศาล”
กำนันปราบยิ้มพอใจ
“อย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ”
“ว่าแต่กำนันไปเจอมันที่ไหนเหรอครับ จะได้แจ้งให้ทางธรณีวิทยาไปตรวจสอบเพิ่มเติม”
“ผมไม่ได้เจอเองหรอก แต่มีเพื่อนเขาฝากมาให้ตรวจสอบ ยังไงเราไปคุยกับเขากันตอนนี้ เลยได้มั้ยครับ”
“ได้สิครับ”
กำนันปราบหันมาที่ลำดวน
“ฉันต้องไปทำธุระต่อ เธอไปรอฉันที่โรงแรม เก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านเลยนะลำดวน”พูดพลางก็เดินออกไปกับเจ้าหน้าที่ ลำดวนมองตามสงสัย
เสียงปืนดังขึ้นติดๆ กันหลายนัดในซอยเปลี่ยว เจ้าหน้าที่ทรุดฮวบ กระสุนทุกนัดเจาะเข้าร่างจน ตาเบิกค้าง ตายคาที่แทบเท้ากำนันปราบ ที่เป็นคนจัดการยิงทิ้ง พลางหัวเราะลงคออย่างร้ายกาจ ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“จัดการเอาศพมันทิ้ง อย่าให้ใครเจอมันอีก”
จบตอนที่ 8