ชื่นชม “พระบรมฉายาลักษณ์” ที่หาดูได้ยากผ่านเลนส์ของ “จำนงค์ ภิรมย์ภักดี”

เพราะคุ้นชินกับภาพพระยาภิรมย์ภักดี (บิดา) สะพายกล้องถ่ายรูปข้างกายเสมอๆเมื่อครั้งเยาว์วัย จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ จำนงค์ ภิรมย์ภักดี ผู้บริหารบริษัทระดับ Top ของเมืองไทย กลายเป็นคนรักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ จนในที่สุดวันหนึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ถวายงานด้านการถ่ายภาพใกล้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่ชายสูงวัย 70 กว่าไม่เคยลืมเลือน

ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระกรุณาธิคุณของพระบรมวงศานุวงศ์อย่างหาที่สุดมิได้ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 เจ้าสัวจำนงค์ ภิรมย์ภักดี จึงร่วมกับ ศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดงานเปิดตัวหนังสือ “ภิรมย์ภาพภักดี” หนังสือภาพถ่ายเล่าเรื่องราวพระมหากรุณาธิคุณ เบื้องหลังพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ และพระฉายาลักษณ์พระบรมวงศานุวงศ์ กว่า 50 ภาพที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ถ่ายทอดผ่านเลนส์กล้องและประสบการณ์จริงที่เจ้าตัวได้มีโอกาสติดตามการทรงงานและถวายงานด้านการถ่ายภาพ

การนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทรงเป็นองค์ประธานเปิดงานนิทรรศการภาพถ่าย “ภิรมย์ภาพภักดี” โดยมี จำนงค์ ภิรมย์ภักดี เจ้าของผลงานนิทรรศการฯ, คุณหญิงสุภัจฉรี ภิรมย์ภักดี,จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี, หม่อมหลวงปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี,จีรานุช ภิรมย์ภักดี และจุไรรัตน์ ภิรมย์ภักดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน พาสินี ลิ่มอติบูลย์,เกตุวลี นภาศัพท์ และชฎาทิพ จูตระกูล ตลอดจนแขกคนสำคัญของงาน อาทิ อานันท์ ปันยารชุน,ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ,ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต,ท่านผู้หญิงพรรณวดี จุฑารัตนกุล,ธารินทร์ นิมมานเหมินท์, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ, และพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา เฝ้ารับเสด็จฯ ณ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

เจ้าของนิทรรศการเริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจจนสามารถทำหนังสือเล่มบันทึกประวัติศาสตร์เล่มนี้ขึ้นมาว่า

“เห็นคุณพ่อสะพายกล้องถ่ายรูปข้างกายเสมอๆ เมื่อครั้งเยาว์วัย ในเวลานั้นกล้องถ่ายภาพที่คุณพ่อถือเป็นอะไรที่ดูทันสมัย จึงมีความรู้สึกสนใจ อยากถ่ายภาพบ้าง อยากเป็นเหมือนคุณพ่อ พูดได้เลยว่าที่ลูกทั้งสามคน ทั้งพี่ชายคือวิทย์ ภิรมย์ภักดี และประจวบ ภิรมย์ภักดี และตนที่ชอบถ่ายภาพนั้นก็เพราะมีคุณพ่อเป็นแรงบันดาลใจจวบจนปัจจุบัน”

นอกจากนี้เจ้าสัวจำนงค์ได้เล่าถึวความประทับใจที่มีโอกาสได้ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดมานานกว่า 30 ปีว่า การได้มีโอกาสถวายงานรับใช้ใกล้เบื้องพระยุคลบาท ด้วยการถ่ายภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ถือเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตที่ได้เห็นทั้งสองพระองค์ทรงงานหนักมาตลอด ทรงบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ประชาราษฎร์อย่างมิได้ทรงย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ทรงให้ข้อคิด แนวทางปฏิบัติ ฯลฯ ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของทั้งสองพระองค์ที่พระราชทานแก่แผ่นดินไทยตลอดมา จึงเกิดความคิดที่อยากจะถ่ายทอดความรู้สึกประทับใจในเหตุการณ์สำคัญ รวบรวมเป็นหนังสือ “ภิรมย์ภาพภักดี” เล่มนี้ขึ้น

“อยากให้หนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งบันทึกของหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่พสกนิกรชาวไทยควรค่าแก่การได้เห็น ได้ศึกษา และน้อมนำแนวพระราชดำริ และแนวทางการทรงงานของพระองค์ไปเป็นแบบอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และขวัญกำลังใจในการเดินตามรอยพระบาท พร้อมเชิญพระราชดำรัส ซึ่งล้วนสะท้อนถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงรัก และห่วงใยพสกนิกร เพื่อประโยชน์สำหรับการค้นคว้าอ้างอิงในภายภาคหน้า และอาจสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อ่านในการทำความดีตามรอยเบื้องพระยุคลบาททั้งแก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติสืบไป” เจ้าสัวจำนงค์เล่าด้วยความปลื้มปิติ

ถือเป็นหนังสืออีกเล่มที่คนไทยทั้งประเทศต้องได้อ่านแล้วจะรู้ว่าไม่มีแผ่นดินไหนที่จะมีเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่รักพสกนิกรของพระองค์ได้มากขนาดนี้..