xs
xsm
sm
md
lg

จิ้งจกเปลี่ยนสี!? “แอ๊ด บาว” แต่งเพลงเกาะรัฐประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุดมการณ์คือต้องมีกิน สำหรับราชาเพลงเพื่อชีวิต(ตัวเอง) “ยืนยง โอภากุล” หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ที่ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ฝั่งไหน ฝ่ายใดได้ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ควบคุมบริหารประเทศ พี่ท่านก็สามารถออกมาแต่งเพลง ร้องเพลง และเคลื่อนไหวทางการเมืองได้เป็นปกติเสมอ ต่างจากในอดีตที่น้าแอ๊ดคนนี้เคยแต่งเพลงแสดงอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาโดยตลอด ล่าสุดกลัวตกขบวนเมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา น้าแอ๊ดก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นมาจดปากกาแต่งเพลงนาวารัฐบุรุษให้กำลังใจพล อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทันที สร้างความอึ้งตะลึงที่เห็นการเกาะกระแสที่รวดเร็วว่องไวของนักร้อง นักแต่งเพลงรายนี้เป็นอย่างยิ่ง

แต่เพลงที่แต่งจากใจก็ต่างจากเพลงที่แต่งเพื่อเปลี่ยนสี ย้ายข้างไปวันๆ เพลงนาวารัฐบุรุษของแอ๊ดไม่ลุ่มลึกกินใจเหมือนบทเพลงของคาราบาวในอดีตเลยแม้แต่น้อย แทบทุกคนที่ได้ยินได้ฟังต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือหนึ่งในเพลงขยะที่แอ๊ดแต่งขึ้นมาเพื่อเกาะชายผ้าเหลืองผู้ชนะจะได้ทำมาค้าขายและมีที่ยืนอยู่ในสังคมได้เท่านั้น พฤติกรรมระยะหลังๆ ของแอ๊ดทำให้มีคนกลุ่มหนึ่งให้สมญาเขาว่าเป็น “จิ้งจกเปลี่ยนสี โสเภณีการเมือง”

แอ๊ดอ้างว่าในอดีตเขาเคยร่วมเป็นหนึ่งใน นปช. (แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) เมื่อครั้งที่มีการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2549 แต่บรรดา นปช.และพลพรรคคนเสื้อแดงบอกว่าไม่เคยเห็นแอ๊ดขึ้นหรือแม้แต่เฉียดเข้าไปใกล้เวทีการชุมนุมของ นปช. มาก่อนเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาก็ยืนยันว่าเคยเป็น นปช. เป็นคนเสื้อแดง เป็นเพื่อนคนหนึ่งของทักษิณ ซึ่งดูจากพฤติกรรมในอดีตก็เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะเขาเคยขึ้นเวทีโจมตีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งเวทีใหญ่และเวทีย่อย เคยด่ากลุ่มพันธมิตรฯในเวทีเล็กๆ แห่งหนึ่งของร้านอาหารยามค่ำคืนจนถูกคนรักชาติที่อดทนฟังมานานด้านล่างเขวี้ยงแก้วขึ้นไปบนเวทีมาแล้ว ส่วนเวทีใหญ่ๆ อย่าง “Road To Country Carabao & Friend” ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ แอ๊ดก็แสดงอาการไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยบอกว่าการยึดสนามบินสุวรรณภูมิทำให้เพื่อนเขา 2 คนที่ทำงานอยู่ไทยแอร์เอเชียต้องตกงาน

ในขณะที่เอ่ยปากด่ากลุ่มพันธมิตรฯ คำพูดที่แอ๊ดกล่าวถึงทักษิณในเวลานั้นล้วนเต็มไปด้วยการสรรเสริญเยินยอ ทั้งชมว่าเป็นคนดีที่มาช่วยเหลือคนจน อุ้มชูเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำอย่างทักษิณ ฉะนั้น อย่าด่าทักษิณแบบไร้เหตุผล ก่อนจะพูดปิดท้ายว่าคนที่มาชมคอนเสิร์ตของเขาในวันนี้เยอะกว่าคนที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยซ้ำ

การแสดงออกถึงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนของแอ๊ดในวันนั้นว่าชื่นชอบทักษิณ สนับสนุนเสื้อแดงทำให้คะแนนนิยมของเขาตกลงไปเยอะเลยทีเดียว สังเกตได้จากการที่เขาได้รับเชิญให้ไปร่วมงานกับ “แก้วสรร อติโพธิ” ในฐานะหนึ่งในทีมบริหารเมื่อครั้งที่แก้วสรรลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ซึ่งก็ทำให้คะแนนของแก้วสรรน้อยกว่าที่ควรจะได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหลายฝ่ายมั่นใจว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่เขาดึงแอ๊ดมาร่วมทีมนี่เอง

พอเห็นว่าคะแนนนิยมของตัวเองตกและโดนโจมตีที่เข้าข้างทักษิณ แอ๊ดก็กลับลำด้วยการออกมาประกาศว่าตัวเองเพิ่งปฏิเสธการขึ้นเวทีคนเสื้อแดงหลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงติดต่อมา จากนั้นก็เตือนคนเสื้อแดงว่าอย่าอ้างประชาธิปไตยและถ้ารักในหลวงจริงขอให้หยุดชุมนุมแล้วกลับบ้านไปทำมาหากิน แถมยังบอกว่าเขาเคยเตือนทักษิณด้วยว่าอย่าทำแบบนี้ สร้างความงุนงงให้กับสังคมเป็นอย่างมากที่จู่ๆ นักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดังก็กลับลำหักเลี้ยว 360 องศารวดเร็วขนาดนี้ ทำเอาหลายคนตามไม่ทันว่าสรุปแล้วน้าแอ๊ดของพวกเขามีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไรกันแน่

แอ๊ดอ้างว่าเสื้อแดงพยายามจะดึงเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้เขาตาสว่างแล้ว และขอให้คนเสื้อแดงเลิกชุมนุมแล้วกลับบ้านไป “เชื่อผมสิ ถ้ารักในหลวงเสื้อแดงให้กลับบ้าน ตอนนี้สีแดงบอกว่าถ้ารักทักษิณก็เอาประชาธิปไตยมาอ้างแล้วก็โจมตีองคมนตรี ซึ่งมันสุ่มเสี่ยงมากกลับบ้านเถอะ อย่าพยายามที่จะดึงผมไปเกี่ยวข้อง ดึงไม่ได้หรอกผมเป็นตัวของตัวเองโตแล้ว อดีตผมอาจเข้าร่วมแต่วันนี้เห็นหมดไม่ใช่ทำไปโดยไม่รู้ แต่วันนี้เราตาสว่างแล้วกลับบ้านเถอะ”

หลังจากนั้น แอ๊ดก็ได้รับการว่าจ้างให้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ในงาน “ 65 ปีพรรคประชาธิปัตย์ สร้างอนาคตไทย ด้วยใจ ด้วยกัน ” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554 ณ ห้องแพลนนารี 1 - 3 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังจากร้องเพลงจบ พิธีกรบนเวทีชงให้แอ๊ดว่า “สุดท้ายอยากจะฝากอะไรที่เป็น ‘อุดมการณ์’ ทางประชาธิปไตยให้กับทุกคนด้วยครับ” ซึ่งแอ๊ดก็ตอบเชลียร์พรรคที่ว่าจ้างด้วยท่าทางที่ไร้เกียรติว่า

“พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ยืนหยัดเคียงข้างพี่น้องประชาชน และพระองค์ท่านนะครับ หลายครั้งที่ผมออกไปต่อสู้แล้วกระทบกระทั่งกับประชาธิปัตย์ วันนี้ผมอยากจะขอโทษนะครับ กราบขอโทษพี่น้องพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนเด็กน้อยๆ คนหนึ่งที่ไม่ประสีประสาทางการเมือง เขาชวนไปก็ไป เหมือนทุกวันนี้ที่เกลื่อนบนถนนน่ะครับ วันนี้ผม ...ผมขอสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ครับ”

เป็นการกระโดดหาหลักเกาะอีกครั้งของแอ๊ด คนที่นับวันสังคมจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทำอะไรเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น ใครมีเงินก็สามารถซื้อได้ อุดมการณ์ทางการเมืองที่เคยเขียนและร้องเอาไว้เมื่อครั้งที่วงคาราบาวโด่งดังได้มลายหายไปสิ้น แอ๊ดยอมรับว่าตอนนี้ถ้าใครมีงานจ้างให้เขาแต่งเพลงเขารับหมด โดยเฉพาะนักการเมือง พรรคการเมือง จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินได้ฟังเพลงของแอ๊ดที่แต่งแบบทำมาหากิน ไม่มีอุดมการณ์แรงกล้าหรือจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจนเหมือนในอดีตถูกปล่อยออกมาเยอะมาก

ทางด้านการแสดงออกทางการเมือง แอ๊ดจัดอยู่ในประเภทคนลอยชายขายของไปวันๆ ไม่ได้แสดงจุดยืนอะไรชัดเจน ใครมีท่าทางว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะเขาก็พร้อมที่จะเข้าไปรับใช้ ในการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อนนักดนตรีเพลงเพื่อชีวิตซึ่งเคยมีอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกับแอ๊ดอย่าง “น้าซู ระพินทร์ พุฒิชาต” จากวงซูซู ก็ออกมาเรียกร้องให้แอ๊ดกลับมาทำเพื่อประชาชนอีกครั้ง เพราะว่าเขาเคยประกาศจุดยืนว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชนมาโดยตลอด

ซึ่งผลงานสุดท้ายที่แอ๊ดทำเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณก็คือการแต่งเพลงที่ชื่อ สมภารเซ้งโบสถ์ ที่พูดถึงการทำทุจริตของทักษิณ ซึ่งอยู่ในอัลบั้มตะวันตกดิน ที่ออกมาในปี พ.ศ. 2549 ช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่เกิดรัฐประหารครั้งที่แล้วนั่นเอง แต่แอ๊ดก็นิ่งเฉย ยังคงทำมาหากินโดยการรับจ้างแต่งเพลง ร้องเพลง และทำธุรกิจต่อไป จนกระทั่งโผล่ออกมาอีกครั้งเมื่อเกิดรัฐประหารครั้งล่าสุด กับบทเพลงนาวารัฐบุรุษ ที่แอ๊ดประกาศชัดเจนว่าแต่งเพื่อให้กำลังใจพล. อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการนำพาประเทศให้พ้นวิกฤต โดยที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าแอ๊ดเคยแต่งเพลงต่อต้านรัฐประหารที่ชื่อราชดำเนิน แต่วันนี้กลับลำมาหนุนทหารเต็มตัว บางคนยังงงกับจุดยืนของแอ๊ด แต่หลายคนบอกว่าเข้าใจแล้วว่าทุกวันนี้แอ๊ดมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้นจริงๆ
....................................

ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 243 วันที่ 31 พฤษภาคม - 6 มิถุนายน 2557



กำลังโหลดความคิดเห็น