xs
xsm
sm
md
lg

ลูกทาส ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลูกทาส ตอนที่ 10

น้ำทิพย์กำลังให้กิ่งดูใบบัว ที่มีปอยผมของแก้วที่ตัดออกมาตอนโกนหัวบวชอยู่ กิ่งในอาการป่วยหนัก หยิบปอยผมของแก้วมาดูด้วยความปลาบปลื้มใจ น้ำตาคลอ

"บุญเหลือเกิน บุญของอีกิ่งเหลือเกิน ไม่นึกเลย ว่าจะได้เกาะชายผ้าเหลืองของพระขึ้นสวรรค์"
น้ำทิพย์ยิ้มปลื้มใจ
"พระแก้วยังฝากมาบอกป้ากิ่งด้วยนะจ๊ะ ว่าให้ป้าอดทนรักษาตัวให้หาย จะได้ไปตักบาตรพระอย่างที่ป้าเคยตั้งใจเอาไว้"
กิ่งน้ำตาคลอ
"เจ้าค่ะ บ่าวจะทำตาม บ่าวจะต้องได้เห็นชายผ้าเหลืองของพระ ได้ทำบุญตักบาตรให้พระสักครั้งก็ยังดี"
"คิดอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะจ้ะ ป้ากิ่งจะได้มีกำลังใจรักษาตัวให้หาย ฉันเองเสียดายเหลือเกิน ที่ไม่ได้ร่วมทำบุญในงานบวชของพระ เพราะคุณพ่อท่านห้ามขาดไม่ให้ฉันไป คุณพ่อท่านทิฐิแรงนัก กระทั่งบวชเป็นพระแล้ว ก็ยังไม่ละอาฆาตอีก"
น้ำทิพย์สีหน้าเศร้าๆ มองเห็นแต่อุปสรรคข้างหน้าระหว่างตัวเธอกับแก้ว

ตอนหัวค่ำ พระยาไชยากรกำลังคุยกับมาโนชอยู่ที่หน้าระเบียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
" จีวร ไม่ช่วยให้เลือดทาสในกายมันจางลงดอก อาจะไม่มีวันยอมปล่อยไอ้แก้วไปเด็ดขาด"
"แต่มันบวชอยู่ เราก็ทำอะไรไม่ถนัดนะขอรับ คงต้องรอให้สึกเสียก่อน"
"ข้อนั้นอารู้ดี แต่ระหว่างที่เราสองคนไปราชการกับท่านเจ้าพระยารัตนบดินทร์ อาเกรงว่าไอ้แก้วจะใช้ผ้าเหลืองบังกาย มาหาแม่มันน่ะสิ"
"มันจะกล้ามาเหยียบถึงเรือนเราเลยหรือขอรับ"
"นางกิ่งทรุดหนัก ไอ้แก้วมันอาจจะเสี่ยงมาก็ได้ บางที อาจจะเป็นแผนการของไอ้แก้วที่บวชเพื่อจะหาทางกลับมาหาแม่ของมัน"
ถ้าอย่างนั้น กระผมจะกำชับไอ้พลอยไอ้เข้ม ไม่ให้ไอ้แก้วผ่านเข้าเขตบ้านมาเด็ดขาด ถึงขั้นนี้แล้ว จะให้เห็นแก่เพียงผ้าเหลืองได้อย่างไร"
ทั้งพระยาไชยากร และมาโนช ต่างมีแววตาถมึงทึง สีหน้าเหี้ยมเกรียม

บุญเจิมซึ่งอยู่ในกรงขัง ก้มลงกราบพระแก้วที่มาเยี่ยมตอนสายวันใหม่ โดยมีคอกยืนอยู่ข้างหลังพระ
" อีชั้นปลื้มใจเหลือเกินเจ้าค่ะ ที่หลวงพี่แวะมาโปรดให้อีชั้นได้เห็นชายผ้าเหลือง ถึงอีชั้นตาย ก็ตายอย่างอิ่มบุญแล้วเจ้าค่ะ"
คอกยิ้มแย้ม
"หลวงพี่บวชตั้งสามพรรษา ยังมาให้เอ็งเห็นอีกหลายครั้ง เอ็งไม่ต้องกลัวไปดอกนังเจิม"
บุญเจิมนึกไม่ถึง
"สามพรรษาเชียวรึเจ้าคะ"
"อาตมาตั้งใจจะเล่าเรียนให้ได้เปรียญซักสามประโยคด้วย ก็เลยต้องบวชนานสักหน่อย"
บุญเจิมดีใจ
"บวชตั้งสามพรรษา กุศลแรงนัก แบ่งบุญให้อีชั้นบ้างนะเจ้าคะ อีชั้นจะมีบาปน้อยลงบ้าง"
"บุญต้องแบ่งให้อยู่แล้ว แต่กับข้าวกับปลาดีๆก็มีให้ทุกวันเช่นกัน เอ็งอิ่มหมีพีมันแน่นังเจิมเอ๊ย"
แก้วปราม
"โยมคอก"
คอกยิ้มแหยๆ
"ขอโทษขอรับหลวงพี่"
" วันๆมีคนตักบาตรให้หลวงพี่มากนักรึ ถึงมีมาแบ่งให้ข้าได้"
"คนตักบาตรถวายเพลมีไม่กี่คนดอก แต่กับข้าวกับปลาที่เอามาถวายน่ะสิ เลี้ยงพระได้ทั้งวัดเลยเชียว" คอกพูดแล้วแอบขำๆ
แก้วอึดอัดใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง

ภายในหอฉันภายในวัด อาหารมากมายทั้งคาวหวาน รวมๆกันสิบกว่าอย่าง วางเรียงกันเต็มไปหมด
น้อมลอยหน้าลอยตายิ้มแย้ม เพราะเป็นคนถวายอาหารทั้งหมดให้พระแก้ว โดยมีนิ่ม และอบเชยนั่งอยู่ใกล้ๆ
คอกนั่งอยู่ใกล้ๆแก้ว มองดูอาหาร แล้วชำเลืองมองแก้วแบบขำๆ แก้วกระอักกระอ่วนสุดๆ ไม่รู้จะทำยังไง เป็นพระ ทำอะไรมากก็ไม่ได้ ในขณะที่พระรูปอื่นๆ มีอาหารฉันเล็กน้อยแค่พออิ่ม แต่พระแก้วมีเหลือเฟือสุดๆ
น้อมยิ้มแย้มบอก
"ฉันสิเจ้าคะ ฉันเยอะๆเลย ถ้าอยากได้อะไรก็บอกอีชั้นได้เลยนะเจ้าคะ อีชั้นจะหามาถวายทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ"
แก้วหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติให้สำรวมที่สุดแล้วบอก
"ขอบใจสีกาน้อมมาก แต่การที่อาตมาปรารถนาสิ่งใดให้บอกนั้น เป็นการขัดเจตจำนงขององค์พระบรมศาสดา ที่กำหนดไม่ให้พระมัวเมาในเรื่องรูปเรื่องรส อาตมาหาทำเช่นนั้นได้ไม่"
"ท่านบวชสั้นๆจะเคร่งไปถึงไหนกันเจ้าคะ ยังไง ก็ไม่สำเร็จอรหันต์ไปได้ดอกเจ้าค่ะ"
น้อมพูดพลางหัวเราะคิกๆ นิ่มอายมาก
"แม่ พูดอะไรอย่างนั้นกันจ๊ะ นี่ต่อหน้าพระนะ"
"ท่านก็ไม่เห็นว่าอะไรเลย แม่นิ่มกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง"
น้อมทิ้งค้อนใส่ลูกสาว
แก้วถอนใจ แล้วพยายามสอนต่อ
"อันการบวชนั้น มาจากคำว่า “ปวช” แปลว่าไปให้หมดสิ้นจากบ้านเรือน สมัยพุทธกาล ย่อมหมายถึง
การไม่สึก เว้นแต่ทำผิดธรรมวินัยเท่านั้น มีแต่สมัยนี้ ที่เมืองเรากำหนดให้บวชเป็นพรรษาๆไป ซึ่งอาตมาเห็นว่า ยิ่งมีเวลาบวชน้อยเท่าใด ภิกษุยิ่งควรเคร่งในธรรมวินัยมากเท่านั้น"
อบเชยยกมือไหว้
"สาธุ หลวงพี่พูดถูกแล้วเจ้าค่ะ ...ป้าได้ยินแล้ว ก็อย่าเที่ยวถามพระอย่างนี้อีกนะ"
น้อมหันไปแยกเขี้ยวใส่อบเชย ก่อนจะหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้พระแก้ว
"บวชยังไม่ทันไร ดูรอบรู้ไปเสียหมดเช่นนี้ พอดีพอร้ายท่านเกิดบวชไม่สึกจะว่ายังไง มิทำให้คนอื่นเค้าต้องแอบนอนร้องไห้คิดถึงเอาหรือเจ้าคะ"
น้อมชม้ายชายตาให้พระแก้ว คอกกลั้นหัวเราะสุดๆ พระแก้วพูดอะไรไม่ออก หมดปัญญาสอนน้อมจริงๆ

เวลาบ่าย น้ำทิพย์กำลังให้ทาสต้มยา ทายาให้แก่กลุ่มทาสที่ถูกเฆี่ยนตี
"ใครที่ถูกเฆี่ยนโบย ฉันอนุญาตให้พักรักษาตัวจนกว่าจะหาย ไม่ต้องทำงานทำการอะไรทั้งนั้นนะ"
พวกทาสที่ถูกเฆี่ยน พากันดีใจยกมือไหว้น้ำทิพย์กันเป็นแถว
ทาส 1ยกมือไหว้
"ขอบพระคุณมากขอรับคุณน้ำทิพย์"
ทาส 2 คลานเข้าไปกอดเข่าน้ำทิพย์ถาม
"คุณน้ำทิพย์เจ้าขา ตกลงเรื่องลูกทาสที่เกิดปีมะโรงสัมฤทธิศกได้เป็นไท เป็นเรื่องจริงหรือไม่เจ้าคะ
ถ้าไม่จริง เหตุใดชาวบ้านร้านตลาดถึงได้เอาไปพูดกัน แต่ถ้าจริง ทำไมคุณมาโนชถึงต้องเฆี่ยนพวกบ่าวด้วยล่ะเจ้าคะ"
น้ำทิพย์หน้าเสีย อึกๆอักๆไม่รู้จะตอบยังไง
ทาส 1ปราม)
"เอ็งถามคุณน้ำทิพย์อย่างนี้ได้ยังไง อยากถูกเฆี่ยนอีกรึ"

ทาส 2 จ๋อยไปทันที กลัวถูกเฆี่ยนจนลนลานไปหมด น้ำทิพย์เห็นสภาพพวกทาสแล้ว ก็ยิ่งสงสารจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง

หน้าเรือนพระยาไชยากรตอนหัวค่ำ น้ำทิพย์เดินมาที่ห้องนอนของตน สวนกับทาสหญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านมา

"ทองก้อน เห็นนมอ้อนบ้างหรือไม่ ฉันไม่เห็นตั้งแต่เย็นแล้ว"
ทาส 1 คุกเข่าลงตอบ
"มีคนมาบอกคุณนม ว่าหลานชายป่วยหนัก คุณนมก็เลยรีบไปเยี่ยมเจ้าค่ะ คุณนมไม่ได้เรียนคุณน้ำทิพย์หรือเจ้าคะ "
"ไม่นี่ คงจะป่วยหนักจริงๆ นมอ้อนถึงได้ไปโดยไม่ทันบอกฉัน มีงานอะไรก็ไปทำเถอะ"
"เจ้าค่ะ"
ทาส 1 เดินเลี่ยงไป น้ำทิพย์ก็เปิดประตูเข้าห้องนอนไป
พอเข้าไปก็ปิดประตูห้อง มาโนชซึ่งแอบอยู่ ก็เข้ามาโอบเอวน้ำทิพย์ทันที น้ำทิพย์ตกใจสุดๆ รีบสะบัดตัวหนี
"พี่มาโนช"
มาโนชยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปใส่กลอนประตู ไม่ให้คนจากข้างนอกเข้ามา
"ออกไปเดี๋ยวนี้นะพี่มาโนช ไม่งั้นฉันจะร้องให้ลั่นเรือน"
มาโนชหัวเราะสะใจ
"ถ้าอยากร้องก็ร้องเลย พี่ก็อยากรู้นักว่าใครจะมาช่วย ถ้าหวังว่าอีแก่อ้อนจะเข้ามาขวางอย่างทุกครั้ง ก็เลิกคิดเสีย เถอะ เพราะพี่ให้คนหลอกอีแก่นั่นกลับบ้านมันไปแล้ว"
น้ำทิพย์ตกใจมาก
"นี่แผนการพี่เองรึ เลวร้าย เจ้าแผนการที่สุด"
มาโนชตะคอกใส่
"ใช่สิ คู่หมั้นอย่างพี่มันเลว ต้องไอ้ทาสลูกนังกิ่งใช่หรือไม่ ถึงจะเป็นคนดี"
มาโนชยิ้มร้ายๆเดินย่างสามขุมเข้ามาหา
"พี่รอวันนี้มานานแล้ว รอจนน้องตายใจว่าพี่ไม่กล้า แต่ให้พ้นวันนี้ไปก่อนเถอะ ฝ่ายที่ต้องไล่ตามจะไม่ใช่พี่อีกต่อไป เพราะถึงคราวที่น้องต้องงอนง้อพี่บ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าโดนผัวทิ้งยังไงล่ะ"
น้ำทิพย์โมโหสุดขีด
"ไม่มีวัน ฉันยอมตายเสียดีกว่าต้องตกเป็นเมียคนชั่วช้าอย่างพี่"
มาโนชตะคอก
"ชั่วยังไง ก็ไม่ใฝ่ต่ำทอดตัวไปหาทาสอย่างคุณน้ำทิพย์ดอกขอรับ ลูกสาวคนเดียวของพระยาไชยากร แล่นไปหาทาสถึงเรือนขัง ไอ้แก้วมันคงถึงอกถึงใจมากกระมัง ถึงไม่อยากมีผัวผู้ดีอย่างพี่"
น้ำทิพย์โมโหสุดขีด ตบหน้ามาโนชเข้าไปเต็มๆ เขาตรงเข้าปลุกปล้ำน้ำทิพย์ทันที น้ำทิพย์สู้สุดใจหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดๆ

พระแก้วกำลังอ่านหนังสือธรรมะเพื่อหาความรู้ในการสอบเปรียญอยู่ ในขณะที่คอกกำลังเติมน้ำร้อนใส่กาชาให้พระแก้วอยู่ แก้วอ่านหนังสือไปก็รู้สึกร้อนรุ่ม กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิเหมือนเคย พระแก้วพยายามรวบรวมสมาธิหันไปอ่านหนังสือต่อ ก็ไม่มีสมาธิอ่านไม่เข้าใจจนต้องปิดหนังสือ
คอกจับสังเกตท่าทางแก้ว
"ร้อนหรือขอรับหลวงพี่ กระผมไปตักน้ำเย็นๆมาให้ลูบหน้าลูบตา ดีหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้องดอก ที่อาตมาร้อนรุ่ม หาใช่เป็นเพราะอากาศไม่ แต่เป็นที่ใจคออาตมามากกว่า ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย เห็นที ต้องไปเดินจงกรมเรียกสมาธิเสียหน่อยแล้ว”
แก้วลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกุฏิไป คอกมองตามพระแก้วไปงงๆ

น้ำทิพย์วิ่งหนีมาที่ประตู พยายามจะเปิดประตูหนีออกจากห้อง มาโนชตามจับได้ทัน แล้วเหวี่ยงน้ำทิพย์จนล้มลงกับพื้น
"ยอมพี่แต่โดยดีเถอะ ยังไงวันนี้น้องก็ต้องตกเป็นของพี่แน่"
น้ำทิพย์ทั้งเกลียดกลัว และขยะแขยงสุดๆ
"ไม่มีวัน ต่อให้พี่มาโนชขืนใจฉันได้ ฉันก็ไม่มีวันรักพี่มาโนช จะมีให้ แต่ความเกลียดชังเท่านั้น"
"ก็ตามใจ ถึงจะเกลียดชังพี่ไปทั้งชาติก็ไม่เป็นไร แต่น้องต้องเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น"
มาโนชพุ่งเข้าไปจะปล้ำ เธอรีบลุกหนีแต่ก็ไม่ทัน โดนเขาจับได้เหวี่ยงลงบนเตียง แล้วตามไปปลุกปล้ำ แต่เธอสู้สุดแรงกัดเข้าที่หัวไหล่เขาเต็มเขี้ยวจนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด น้ำทิพย์ฉวยโอกาสผลักมาโนชออก แล้วรีบหนี เขารีบตามมาจับตัวไว้ แต่เธอฉวยโถลายครามที่ตั้งโชว์ หันกลับมาฟาดหัวมาโนชเข้าเต็มๆ จนเขาเลือดไหลโกรกทรุดลงกับพื้น
น้ำทิพย์ตะลึง ก่อนตั้งสติ เปิดประตูห้อง แล้ววิ่งหนีไปทันที

ในเวลาต่อมา พระยาไชยากรตบโต๊ะด้วยความโกรธจัด จนถ้วยชาบนโต๊ะกระเทือน น้ำทิพย์ และมาโนชนั่งอยู่ใกล้ๆ ฝ่ายมาโนชพันผ้าที่หัวเนื่องจากโดนน้ำทิพย์ใช้แจกันฟาดหัวมา
มาโนชรีบก้มลงกราบเจ้าคุณ
"อภัยให้กระผมด้วยเถอะขอรับคุณอา กระผมกระทำไปเพราะฤทธิ์สุรา แลเจ็บแค้นเรื่องไอ้แก้ว จึงขาดสติยั้งคิด อย่าถือโทษโกรธกระผมเลยขอรับ"
น้ำทิพย์หน้าตาโกรธจัด ไม่ให้อภัย
"ขาดสติรึ วางแผนหลอกนมอ้อนให้ไปพ้นเรือน ยังกล้าพูดว่ากระทำโดยขาดสติอีกรึ"
มาโนชกลัว ไม่กล้าพูดอะไรอีก
"เรื่องคราวนี้ ถ้าหากลูกไม่สู้สุดใจ คงถูกหยามจนไม่รู้เอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว คุณพ่อต้องให้ความเป็นธรรมแก่ลูกด้วยนะคะ"
"แม่น้ำทิพย์ต้องการอย่างไรก็ว่ามาเถิด พ่อต้องให้ความเป็นธรรมกับลูกแน่ ขอเพียงแต่อย่าให้เรื่องอัปรีย์เช่นนี้ แพร่ออกไปให้อับอายชาวบ้านก็พอ"
มาโนชหน้าเสีย ไม่กล้าเถียงซักแอะ
"ลูกไม่ขออะไรมากดอกค่ะ ขอเพียงได้ถอนหมั้นกับพี่มาโนชก็พอ เพราะลูกรังเกียจเกินกว่าจะร่วมชีวิตกับคนเช่นนี้ได้"
"รังเกียจหรือว่าฉวยโอกาสกลับไปหาไอ้แก้วกันแน่ ตอนนี้ มันเป็นไทแล้วไม่ใช่รึ"
น้ำทิพย์โมโห
"คุณพ่อดูเอาเถอะค่ะ ถึงขั้นนี้แล้ว จะสำนึกซักนิดก็ยังไม่มี"
"พ่อมาโนชออกไปก่อน อามีเรื่องจะพูดกับน้อง"
"ขอรับ"
มาโนชออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเจ็บแค้นใจ ขณะปิดประตูห้องก็ยังไม่วายจับตามองน้ำทิพย์ด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเอาชนะ เขาปิดประตูห้องเสร็จก็แอบฟังอยู่หน้าประตู เพราะหวั่นใจว่าพระยาไชยากรจะให้ถอนหมั้นจริงๆ พลันได้ยินเสียงพระยาไชยากรดังแว่วมา
"พ่อมาโนชกระทำเรื่องเช่นนี้ ยิ่งกว่าตบหน้าพ่อเสียด้วยซ้ำ"
ภายในห้อง เจ้าคุณบอก
"หากพ่อไม่คิดว่าเป็นหลาน แลเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อย พ่อคงเอาไม้ไล่ตีให้พ้นเรือนไปแล้ว อย่าว่าแต่ลูกขอให้ถอนหมั้นเลย"
น้ำทิพย์ดีใจมาก
"ถ้าอย่างนั้น คุณพ่อก็ตกลงให้ถอนหมั้นแล้วใช่หรือไม่คะ"
"ใช่"
มาโนช สีหน้าเจ็บแค้นใจ ไชยากรเสียงดังลอดนำออกมา
"แต่ลูกต้องรับปากกับพ่อข้อหนึ่งก่อน"
มาโนชสงสัย เงี่ยหูฟังต่อ
"อะไรคะ"
"เวลานี้ พระยานิติธรรมธาดากำลังรุ่งเรืองนัก ไม่เพียงแต่ได้เป็นพระยาตั้งแต่ยังหนุ่ม ยังมีอำนาจมากขึ้นทุกวัน ในเมื่อท่านเจ้าคุณเองก็ชอบพอลูกมานานแล้ว ถ้าแม่น้ำทิพย์รับปากว่าจะแต่งงานกับท่าน พ่อก็จะให้ถอนหมั้น เพราะถือว่าได้ท่านเจ้าคุณนิติธรรมมาเกินคุ้มกับที่เสียพ่อมาโนชไป"
น้ำทิพย์หน้าเสีย
"แต่ลูกไม่เคยรักท่านเจ้าคุณเลยนะคะ แล้วจะให้แต่งงานได้ยังไง"
ไชยากรตวาด
"ถ้าไม่แต่ง พ่อก็ไม่ให้ถอนหมั้น ถึงพ่อมาโนชจะกระทำหยาบหยามแค่ไหน ก็ยังไม่ชั่วช้าเท่ากับที่ลูกมีใจให้ไอ้แก้วดอก"
น้ำทิพย์อึ้งไป
"ถ้าลูกคิดจะกลับไปหาไอ้แก้วล่ะก็ พ่อยอมให้ลูกแต่งกับพ่อมาโนชเสียดีกว่า ลูกก็เก็บไปตรองดูเถิดระหว่างพระยานิติธรรม กับพ่อมาโนช ลูกจะเลือกใคร"
น้ำทิพย์หนักใจจนไม่รู้จะทำยังไง พ่อเกลียดแก้วจนยอมได้แม้แต่เสียสละความสุขของเธอ ที่หน้าประตูห้อง
 
มาโนชแอบฟังแล้วขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ โกรธที่เจ้าคุณจะถอนหมั้น แล้วยกน้ำทิพย์ให้กับพระยานิติธรรมธาดา ไม่ต่างกับการหักหลังกันเลยแม้แต่น้อย

เจ้าคุณกำลังยืนรอมาโนชอยู่ที่หน้าเรือนตอนเช้าวันใหม่ เพื่อเตรียมไปหัวเมือง พระยาไชยากรรออยู่นาน ก็ไม่เห็นมาซักทีจนหงุดหงิด หันไปสั่งทาสหญิงที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ

"เอ็งไปตามคุณมาโนชทีซิ ใกล้จะได้เวลาไปราชการกับท่านเจ้าพระยารัตนบดินทร์แล้ว ถ้าขืนชักช้าอย่างนี้ ก็ไม่ต้องไป"
"เจ้าค่ะ"
ทาส 1 กำลังจะไป แต่มาโนชเดินออกมาก่อน เจ้าคุณ๖มองอย่างไม่พอใจ
"ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเสียเลยพ่อมาโนช"
มาโนชยกมือไหว้
"ขอประทานโทษขอรับ กระผมปวดหัว ก็เลยตื่นสายไปหน่อย"
"ราชการคราวนี้ ความจริงไม่เกี่ยวข้องกับตำรวจอย่างพ่อมาโนชเลย แต่ที่อาให้ไปด้วย ก็เพราะอยากใกล้ชิดท่านเจ้าพระยาไว้ จะได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน พ่อมาโนชควรจะรู้ไม่ใช่รึ ว่าต้องกระทำตัวอย่างไร อย่าให้เสียหายมาถึงอาเป็นอันขาด"
"ขอรับคุณอา"
พระยาไชยากรเดินหงุดหงิดไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ มาโนชมองด้วยสายตาเกลียดชัง

เวลาสาย น้อมเดินยิ้มแป้น ถือถาดใส่อาหารเข้ามาในหอฉัน เพื่อจะเอามาถวายเพลพระแก้ว แต่พอเข้ามาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคุณกัลยาและตุ๊กตากำลังช่วยกันถวายเพลอยู่ โดยมีคอกคอยช่วยประเคน น้อมไม่พอใจ หึงหวงที่มีสาวๆชิงตัดหน้า ตุ๊กตาเห็นน้อม จึงรีบเข้ามาไหว้
"ให้ฉันช่วยนะจ๊ะคุณนาย"
ตุ๊กตาจะเข้าไปถือถาดใส่อาหาร น้อมทำงอน
"ไม่ต้อง"
"อ้าว คุณนายจะมาถวายเพลพระไม่ใช่หรือจ๊ะ"
"มีคนเอามาถวายตั้งมากมายแล้ว ยังจะต้องการกับข้าวฝีมือชาวบ้านอย่างฉันอีกรึ ฉันเอาไปถวายพระรูปอื่นก็ได้"
น้อมทิ้งค้อนเดินถือถาดเลี่ยงไป ตุ๊กตาได้แต่มองตามอย่างงๆ

น้อมกำลังคุยกับ นิ่ม และอบเชยด้วยสีหน้าบึ้งตึง ยังไม่พอใจเรื่องคุณกัลยามาแย่งถวายเพลอยู่
"น้องสาวเจ้าคุณนิติธรรมมาถวายเพล มันแปลกตรงไหนรึป้า ใครๆก็ถวายเพลพระกันทั้งนั้น"
น้อมตวาดแว๊ด
"แล้วทำไมต้องมาถวายพระแก้วด้วย พระมีตั้งมากมายหลายรูป จำเพาะเจาะจงต้องมาแย่งข้าถวายพระแก้ว"
นิ่มหน้าเจื่อน
"เอ่อ เค้าคงไม่ได้แย่งกระมังจ๊ะแม่ แต่คุณแดงเธอรู้จักมักจี่กับพระมาก่อน แลวันบวชก็ยังมาด้วย แล้วจะแปลกอะไรล่ะจ๊ะ ที่จะมาถวายเพลให้พระ"
"ถ้าถวายเพลธรรมดาไม่แปลกดอก แต่นี่ถวายไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป จะให้แม่คิดว่ายังไง พระนะพระ ไหนบอก ว่าก่อนบวชผูกสมัครรักใคร่กับลูกสาวอีตาพระยาไชยากรเท่านั้น แล้วนี่น้องสาวพระยานิติธรรมโผล่มาได้ยังไง"
น้อมสะบัดหน้าพรืด เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าข้างในไป
อบเชย และนิ่ม มองตามด้วยความหวั่นใจ
"พี่นิ่ม ฉันกลัว"
"อย่าพูด โบราณท่านถือไม่ให้ทัก เดี๋ยวจะเป็นจริง"
อบเชย และนิ่ม ถอนใจออกมาพร้อมกัน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กลัวน้อมจะสึกพระซะเหลือเกิน

เวลาเย็น น้ำทิพย์ยื่นห่อสมุนไพรให้คุณกัลยารับไป โดยมีตุ๊กตาอยู่ใกล้ๆ
"ฉันเห็นคุณแดงไอไม่หายมานานแล้ว พอดีได้สมุนไพรจากเมืองจีนมา ก็เลยเอามาให้น่ะค่ะ เอาไปต้มแล้วทานแต่น้ำนะคะ ช่วยบำรุงปอดแลชุ่มคอนัก ถ้าหมดเมื่อไหร่ ฉันจะให้คนเอามาให้อีกค่ะ" น้ำทิพย์พูดยิ้มแย้ม
"ขอบคุณมากนะคะคุณน้ำทิพย์"
คุณกัลยายื่นห่อสมุนไพรให้ตุ๊กตา แล้วสั่ง
"เอาไปจัดการตามที่คุณน้ำทิพย์บอกนะ"
"เจ้าค่ะ"
ตุ๊กตาเดินเลี่ยงไป แต่ก็ไม่วายแอบมองน้ำทิพย์ ยิ่งเห็นความสวยน่ารักของน้ำทิพย์แล้ว ก็ยิ่งหน้าสลดลง ทั้งรูปร่างหน้าตาคุณสมบัติของเธอไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้เลย
"วันนี้ไม่มีเรื่องด่วนอะไร ทำไมคุณน้ำทิพย์ถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ ไม่กลัวท่านเจ้าคุณไชยากรโกรธเอาหรือคะ" คุณกัลยาบอกพลางไอโขลกเป็นระยะ
"คุณพ่อท่านไปราชการหัวเมือง กว่าจะกลับก็อีกสิบกว่าวันน่ะค่ะ แลตอนนี้ ถึงคุณพ่อรู้ว่าฉันมาที่นี่ก็ไม่โกรธดอกค่ะ อาจจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ"
"หรือคะ ฉันได้ยินจากคุณพี่เหมือนกัน ว่าเดี๋ยวนี้ท่านเจ้าคุณไม่โกรธเคืองคุณพี่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
น้ำทิพย์หน้าเสียหนักเข้าไปอีก ที่พ่อไม่โกรธก็เพราะเห่อลาภยศของพระยานิติธรรม
"แต่ในเมื่อคุณน้ำทิพย์ไม่รีบกลับก็ดีแล้ว อยู่คุยกันก่อนนะคะ"
" ได้สิคะ ฉันเองก็อยากถามคุณแดงเรื่องพระแก้วเหมือนกัน ตั้งแต่ท่านบวช ฉันยังไม่มีโอกาสได้เจอท่านเลย"

คุณกัลยาหน้าสลดลง ถ้าไม่ติดเรื่องแก้ว เธฮกับน้ำทิพย์คงเป็นเพื่อนที่รักกันมาก ฝ่ายหนึ่งกระตือรือร้นอยากรู้เรื่องพระแก้ว อีกฝ่ายฝืนยิ้มจำใจเล่า

ผ่านเวลาซักครู่ อ้นเดินมาตามทาง เพื่อจะกลับมาที่เรือนแพ เจอชาวบ้านก็ทักทายกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตามประสาคนช่างพูด ก่อนที่อ้นจะเหลือบมาเห็นตุ๊กตา นั่งซึมๆอยู่ที่ริมทาง

"มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ แม่ตุ๊กตา"
ตุ๊กตาซึมๆบอก
"คุณน้ำทิพย์เธอมาเยี่ยมแลเอายาสมุนไพรมาให้คุณแดงน่ะจ้ะ ฉันต้มยาเสร็จแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยมานั่งเล่นอยู่ตรงนี้"
"ถ้าอย่างนั้น แม่ตุ๊กตาไม่ต้องรีบเข้าไปดอก ปล่อยให้คุณๆพูดคุยกันตามสบาย แลถ้าท่านเจ้าคุณกลับมา จะได้เจอคุณน้ำทิพย์ด้วย"
ตุ๊กตาหน้าเสีย
"พี่อ้นอยากให้ท่านเจ้าคุณได้เจอคุณน้ำทิพย์หรือจ๊ะ"
"ก็ใช่น่ะสิ ท่านเจ้าคุณชอบพอคุณน้ำทิพย์มานานแล้ว ฉันเองก็อยากให้คุณน้ำทิพย์มาเป็นคุณหญิงเหมือนกัน"
"แต่คุณน้ำทิพย์ชอบพี่แก้ว เอ่อ พระแก้วไม่ใช่หรือจ๊ะ"
"ลูกพระยากับลูกทาส จะรักกันเข้าไปได้อย่างไร แลท่านเจ้าคุณไชยากรก็คอยขัดขวางอยู่ทั้งคน เชื่อเถอะ อีกหน่อยคุณน้ำทิพย์เธอก็ทนไม่ได้เอง ถึงตอนนั้น ท่านเจ้าคุณของฉันก็มีโอกาสล่ะ"
อ้นยิ้มพอใจ ตุ๊กตาหน้าเสีย คิดตามที่อ้นพูดก็เห็นด้วย
"ไม่มีใคร จะสมกันราวกิ่งทองใบหยก เหมือนท่านเจ้าคุณกับคุณน้ำทิพย์อีกแล้ว แม่ตุ๊กตาคิดเช่นนั้นใช่หรือไม่เล่า"
ตุ๊กตานึกถึงตัวเองแล้วก็เศร้าใจ ดูเจียมตัว
"จ้ะ ทั้งรูปร่างหน้าตา ยศศักดิ์ เสมอกันทุกประการ ไม่มีใครจะคู่ควรมากไปกว่านี้อีกแล้ว"

คุณกัลยากำลังจิบน้ำสมุนไพร ขณะกำลังคุยกับน้ำทิพย์ไปด้วย
"ฉันรู้ค่ะ ว่ามีหลายคนเห็นว่าฉันกับท่านเจ้าคุณเหมาะสมกัน แต่ฉันมีแต่ความเคารพนับถือท่านเจ้าคุณนิติธรรมเท่านั้น แลฉัน ยังมีแก้วแล้วด้วย"
"ฉันนับถือในความมั่นคงของคุณน้ำทิพย์เหลือเกินค่ะ แต่คุณน้ำทิพย์คิดบ้างหรือไม่คะ ว่าขวากหนามข้างหน้านั้นยิ่งใหญ่นัก เหมือนลอยคออยู่กลางทะเล มองหาฝั่งไม่เห็นเลย"
น้ำทิพย์หน้าขรึมลง
"ฉันรู้ค่ะ คุณพ่อคงไม่มีทางคลายความเกลียดชังแก้วลงได้ แต่ฉันก็ยังอยากจะรออยู่ดี"
"รอไปถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ"
"ไม่รู้ค่ะ บางที ฉันกับแก้วอาจจะไม่มีวันลงเอยกันก็ได้ แต่ถึงอย่างไร ฉันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจเป็นอันขาด"
"แล้วจะรอไปเพื่ออะไรกันคะ"


" ไม่รู้อีกเหมือนกันค่ะ แต่ฉันคิดว่าความรักกับการอยู่ร่วมกัน อาจจะไม่ใช่เรื่องเดียวกันก็ได้ ฉันสุขใจที่ได้รักแก้ว แลรู้ ว่าแก้วก็รักฉันเช่นกัน แต่การอยู่ร่วมกันเป็นเรื่องของบุญวาสนา ถ้าไม่มีบุญ ก็คงต้องทำใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนใจดอกค่ะ คุณแดง" น้ำทิพย์พูดพลางยิ้มด้วยความมั่นใจ
คุณกัลยาเห็นความมั่นใจนั้น ก็ยิ่งรู้สึกสงสารทั้งตัวเองกับพี่ชายมากขึ้น

หน้าเรือนแพตอนหัวค่ำ พระยานิติธรรมดังนำมาก่อน
" คุณน้ำทิพย์เธอพูดถึงขนาดนั้นเลยรึ"
พระยานิติธรรมกำลังคุยกับน้องสาวอยู่ในห้องนอนของเธอ
"ค่ะคุณพี่ น้องเคยคิด ว่าเรื่องระหว่างแก้วกับคุณน้ำทิพย์ อาจเป็นเพียงอารมณ์ของชายหนุ่มหญิงสาวเท่านั้น วันหนึ่ง ทั้งคู่อาจจะทนความลำบากไม่ได้ จนต้องยอมแพ้ แต่ไม่คิดเลยว่าคุณน้ำทิพย์เธอจะรักมั่นคงขนาดนี้ เห็นอย่างนี้แล้ว น้องก็ละอายใจนักที่คิดหมิ่นเธอกับแก้ว" เธอพูดพลางไอโขลก
"ไม่ต้องละอายใจดอก เพราะไม่ว่าใคร ก็ต้องคิดเหมือนน้องทั้งนั้น แลเราสองคนพี่น้องควรจะดีใจมากกว่า"
คุณกัลยาแปลกใจ
"ดีใจ ทำไมกันคะ"
"เพราะเราสองคนไม่ได้รักคนผิดยังไงเล่า คนที่เรารักเป็นคนดีทั้งคู่ มีรักที่มั่นคง"
น้องสาวเจ้าคุณคิดตาม ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
"คุณพี่พูดถูกแล้วค่ะ เราควรจะดีใจจริงๆ แต่น้องก็ยังอดเสียใจไม่ได้อยู่ดี คงเป็นเพราะน้องอ่อนแอ ไม่เข้มแข็งเหมือนคุณพี่กระมังคะ ถึงยังตัดใจเรื่องแก้วไม่ได้เสียที"
ใช่ว่า ... คุณกัลยาจะเป็นคนเดียว แม้แต่เขาก็ยังตัดน้ำทิพย์ไม่ได้

บริเวณหน้าเรือนแพตอนกลางคืน ฝนกำลังเริ่มลงเม็ด ก่อนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เจ้าคุณยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ในใจคิดแต่เรื่องที่คุยกับน้องสาวโดยไม่ได้ใส่ใจกับฝนที่กำลังตกอยู่เลย ขณะนั้นเอง ตุ๊กตาก็เปิดประตูห้องเข้ามา แล้วตกใจ
" อุ๊ย ท่านเจ้าคุณอยู่ด้วยหรือคะ ตุ๊กตานึกว่าไม่มีใครอยู่ เลยจะมาปิดหน้าต่างเพราะกลัวฝนสาดน่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้น ตุ๊กตาออกไปก่อนนะคะ"
ตุ๊กตาหันหลังจะกลับออกไป
"ไม่ต้องดอก ฉันไม่ได้ทำงาน แค่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง หล่อนมาปิดหน้าต่างเถอะ"
"ท่านเจ้าคุณ ไม่สบายใจเรื่องคุณน้ำทิพย์ใช่มั้ยคะ"
นิติธรรมยิ้มเศร้าๆ
"รู้ดีนักนะ คุณแดงพูดให้ฟังล่ะสิ"
นิติธรรมถอนใจออกมา
"คุณน้ำทิพย์เธอรักมั่นคงกับเจ้าแก้ว แลฉันเองก็เอ็นดูเจ้าแก้วเหมือนน้อง เรื่องนี้ควรต้องตัดใจเสียที... แต่มันก็ยากนะตุ๊กตา"
"ตุ๊กตาทราบค่ะ ไม่มีอะไรจะยากไปกว่าการตัดใจไม่ให้รักอีกแล้ว"
นิติธรรมยิ้มขำๆ
"หล่อนอายุเท่าไหร่กันเชียว พูดราวกับเจ็บช้ำเพราะความรักมามากแล้วอย่างนั้นแหละ"
" เจ็บช้ำ ยังดีเสียกว่าต้องเก็บงำเอาไว้ ไม่ได้พูดออกไปนะเจ้าคะ"
"นี่หล่อนแอบรักผู้ชายอยู่รึ ก็น่าอยู่ดอก เป็นหญิงแสดงออกมากก็ไม่งาม แต่ฉันสงสัย ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันตาบอดรึ หล่อนเองก็สวยน่ารักไม่เป็นรองใคร มันไม่มีใจชอบหล่อนบ้างหรืออย่างไร"
ตุ๊กตาเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความน้อยใจ
"ตุ๊กตาเป็นแค่บ่าวไพร่ ไม่มีใครลดตัวลงมาชอบพอดอกเจ้าค่ะ แม้แต่มองก็ยังไม่มองเลยเจ้าค่ะ"
"พูดอะไรอย่างนั้น หล่อนเป็นบ่าวฉันก็ด้วยความจำเป็น แลถึงหล่อนจะยากจน แต่งานบ้านงานเรือนก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง หรือผู้ชายคนนั้นจะเป็นผู้ลากมากดี หล่อนถึงใช้คำว่า “ลดตัว” เป็นใคร บอกฉันได้หรือไม่"
ตุ๊กตาตกใจ รีบเบือนหน้าไปทางอื่นอีก
"ไม่ได้เจ้าค่ะ"
เจ้าคุณเดินมาดักหน้าอีก
"ทำไมรึ"
ตุ๊กตาอึกๆอักๆไม่รู้จะตอบยังไง ขณะนั้นเอง ลมก็พัดมาทางหน้าต่าง จนกระดาษเอกสารในห้องปลิวกระจาย ทั้งคู่รีบช่วยกันเก็บเอกสารทันที
"ตุ๊กตาเก็บเองเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไร ฉันช่วย"
ทั้งคู่ต่างก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสาร เลยไม่ทันระวัง มือควานไปจับกันพอดี สบตากัน ใบหน้าห่างกันเพียงนิด จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย เส้นผมของตุ๊กตาคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของเจ้าคุณเพราะแรงลมจากภายนอก ตุ๊กตาจะรีบรวบผมมา เจ้าคุณจับเส้นผมของตุ๊กตามาสูดดม
"ผมของหล่อนหอมเหลือเกิน ผู้หญิงทุกคน มีเรือนผมหอมอย่างหล่อนหรือไม่"
ตุ๊กตาใจเต้นโครมคราม ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
"ไม่ทราบเจ้าค่ะ"
เจ้าคุณดึงสติกลับมาได้ รีบปล่อยผมตุ๊กตา เพราะรู้สึกว่าไม่สมควร
"เอ่อ ฉันขอโทษ"
ทันใดนั้น ลมก็พัดเข้ามาอีกหอบใหญ่ จนตะเกียงในห้องถูกลมพัดดับลง
"ว๊าย"
ตุ๊กตาตกใจ เลยเผลอกอดเจ้าคุณตามสัญชาติญาณ ยิ่งภายในห้องมืดมิดและใกล้ชิดกันขนาดนี้ ก็ยิ่งยากจะยับยั้งชั่งใจ เพราะตุ๊กตาก็รักเจ้าคุณอยู่แล้ว ส่วนพระยานิติธรรมธาดาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนเช่นกัน
 
ทั้งคู่สบตากันนิ่งในความมืด
 
อ่านต่อหน้า 2

ลูกทาส ตอนที่ 10 (ต่อ)

พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้ารับเช้าวันใหม่ อ้นกำลังเคาะประตูห้องนอนพระยานิติธรรมธาดาอยู่

"ท่านเจ้าคุณขอรับ ตื่นหรือยังขอรับ"
พระยานิติธรรมเปิดประตูออกมา โดยใส่เสื้อไม่เรียบร้อย ท่าทางมีพิรุธ อ้นรีบคุกเข่าลง
"มีอะไรรึเจ้าอ้น"

" ท่านเจ้าคุณกำลังแต่งตัวอยู่หรือขอรับ งั้นก็ตื่นนานแล้วสิขอรับ"
อ้นมองเข้าไปข้างในห้อง แต่ไม่ได้คิดอะไร พระยานิติธรรมร้อนตัว รีบปิดประตูห้องทันที
ตุ๊กตากลัวถูกจับได้ นั่งซุกแอบอยู่ข้างเตียง สีหน้าหวาดกลัวปนอับอาย
เจ้าคุณแกล้งดุกลบเกลื่อน
"แกมีอะไรก็ว่ามา มาปลุกฉันแล้วก็โยกโย้อยู่นั่นแหละ"
"ขอประทานโทษขอรับ กระผมจะมาแจ้งข่าวเรื่องนางกิ่ง แม่ของพระแก้วขอรับ"
"มีอะไรรึ"
"ตอนนี้นางกิ่งอาการทรุดหนัก บ่าวบ้านท่านเจ้าคุณไชยากร มันลือกันว่า อาจจะไม่รอดแล้วขอรับ"
พระยานิติธรรมธาดาตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับแก้วขึ้น

เวลาเช้า บริเวณเรือนขังทาส หมอกำลังจับชีพจรกิ่งที่ไข้ขึ้นสูงจนแทบจะไม่ได้สติอยู่แล้ว โดยมีน้ำทิพย์ และอ้อนคอยดูด้วยความร้อนใจอยู่ใกล้ๆ
"ป้ากิ่งเป็นยังไงบ้างจ๊ะหมอ"
หมอหันมาส่ายหน้ากับน้ำทิพย์ เป็นเชิงว่าหมดทางช่วย
"ขอประทานโทษด้วยขอรับ"
น้ำทิพย์เครียดหนัก พยายามตั้งสติ ก่อนจะหันไปพูดกับอ้อน
"นมจ๊ะ ฉันจะปล่อยป้ากิ่งออกจากเรือนขังทาส วานนมช่วยไปนิมนต์พระแก้วมาทีนะจ๊ะ"
อ้อนหน้าเสีย
"แต่ท่านเจ้าคุณห้ามขาดไม่ให้พระแก้วเหยียบเรือน แลไม่ให้ปล่อยนางกิ่งออกไป ถ้าท่านรู้เข้า คุณน้ำทิพย์อาจจะโดนลงโทษหนักนะเจ้าคะ"
"คนเรา ลงได้ทำในสิ่งที่ถูก ไม่ควรจะกลัวโทษทัณฑ์ใดๆไม่ใช่หรือจ๊ะ นมไปนิมนต์พระเถอะ ทุกอย่างฉันรับผิดชอบเอง"
"เจ้าค่ะ"
อ้อนเดินเลี่ยงออกไป น้ำทิพย์มองกิ่งด้วยความสงสารจับใจ

ภายในวัด พระแก้วตกใจจนหน้าซีดเผือด เมื่อฟังอ้อนบอกข่าวเรื่องแม่ โดยมีคอกอยู่ใกล้ๆ
"รีบไปเถอะเจ้าค่ะ หากช้า ท่านอาจจะไม่ทันดูใจโยมแม่"
แก้วพยายามตั้งสติ
"ขอบใจโยมมาก อาตมาจะรีบไปหาโยมแม่เดี๋ยวนี้แหละ"
" แต่มันอันตรายนะขอรับหลวงพี่ ถึงท่านเจ้าคุณจะไม่อยู่ แต่คงไม่ยอมให้หลวงพี่ผ่านเข้าเรือนไปได้ง่ายๆแน่"
"อาตมารู้ แต่ต่อให้อาตมาต้องตาย อาตมาก็ต้องไปหาโยมแม่ให้ได้"

ทาสหญิงคนหนึ่ง กำลังปลดโซ่ตรวนให้กิ่ง โดยมีน้ำทิพย์อยู่ใกล้ๆ
"อดทนอีกหน่อยนะจ๊ะป้ากิ่ง ฉันให้นมอ้อนไปนิมนต์พระแก้วมาแล้ว อีกไม่นานก็คงจะถึง"
กิ่งอ่อนเพลียสุดๆ
"อย่าให้พระมา...นะเจ้าคะ เดี๋ยวพระจะมีอันตราย"
"ไม่ต้องกลัวจ้ะป้ากิ่ง ตอนนี้คุณพ่อกับพี่มาโนชไม่อยู่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรพระดอกจ้ะ"
" แล้วคุณน้ำทิพย์ล่ะเจ้าคะ คุณน้ำทิพย์ปล่อยบ่าวเช่นนี้ จะไม่โดนลงโทษหรือเจ้าคะ"
"ป้ากิ่งอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะจ๊ะ ต่อให้ฉันต้องถูกโบยตายคาหวาย ฉันก็จะไม่มีวันยอมให้ป้าถูกขังอีก ต่อไปแล้ว ยังไงวันนี้ป้าต้องได้เห็นชายผ้าเหลืองของพระแน่"
กิ่งยิ้มทั้งน้ำตา ดีใจเมื่อนึกถึงลูก
ทาสชายกลุ่มหนึ่ง ถือเปลเข้ามา เพื่อจะหามกิ่งออกไป
"มาแล้วรึ รีบช่วยกันหามป้ากิ่งไปที่เรือนใหญ่ที"
พวกทาสชายอึกๆอักๆ กลัวพระยาไชยากรจะลงโทษ
"หามไปเถอะ หากคุณพ่อจะลงโทษอะไรฉันจะรับไว้เอง ไม่ให้เดือดร้อนถึงพวกเจ้าดอก"
"ขอรับคุณน้ำทิพย์"
พวกทาสชายช่วยกันประคองกิ่งลงเปล แล้วหามออกไป น้ำทิพย์รีบเดินตามไปติดๆ ด้วยความร้อนใจ

บริเวณท่าน้ำ ทาสชายและคอกคอยจับเรือให้พระแก้วขึ้นท่าน้ำไปก่อน
"เร็วจ้ะนม"
คอกบอกและช่วยประคองนมอ้อนขึ้นท่าน้ำไป คอกรีบตามไปติดๆ
" พระแก้ว รอก่อนเจ้าค่ะ"
นมอ้อนและคอกร้อนอกร้อนใจรีบเดินตามพระแก้วไป
 
พระแก้วเดินฝ่าสนามตรงไปยังเรือนพระยาไชยากรด้วยสีหน้าแววตามุ่งมั่น มิได้เกรงกลัวความตายแต่อย่างใด ขอเพียงได้พบแม่กิ่งเป็นพอ

พลอย เข้ม และบรรดาทาสชายพร้อมอาวุธครบมือ กรูกันออกมาขวางหน้าบ้านไว้ ไม่ให้พระแก้ว คอก และอ้อนเข้ามา

"คุณมาโนชคิดไว้ไม่มีผิด เอ็งคิดฉวยโอกาสตอนบวชเป็นพระกลับเข้าเรือนมาจริงๆ แต่อย่าหวังเลยโว้ย ว่าจะกลับออกไปได้"
คอกโมโหมาก
"ไอ้พลอย มึงกล้าพูดอย่างนี้กับพระได้ยังไงวะ นรกกินกบาลมึงแน่"
อ้อนปราม
"ถือมีดถือไม้กันมาทำไม พระท่านแค่อยากจะมาเยี่ยมโยมแม่เท่านั้นเอง พวกเอ็งก็รู้ไม่ใช่รึ ว่านางกิ่งอาการเพียบหนักแล้ว พระท่านแค่จะมาดูใจแม่ พวกเอ็งยังจะห้ามกันอีกรึ"
เข้มกับพวกทาสชายพากันอึดอัด จริงๆก็ไม่อยากขวาง แต่กลัวพระยาไชยากรก็เลยต้องทำ
"คำสั่งท่านเจ้าคุณถือเป็นเด็ดขาด ถ้ากล้าเข้ามา พระก็พระเถอะโว้ย"
คอกโมโหมาก หยิบไม้ที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมา
"เอาสิวะไอ้พลอย ถ้ามึงกล้าทำร้ายพระ ก็ต้องข้ามศพกูไปก่อน"
"พอเถอะโยม อย่าให้ต้องมีการเสียเลือดเสียเนื้อเพราะอาตมาเลย จะเป็นบาปติดตัวอาตมาแลโยมแม่ไปเปล่าๆ"
พระแก้วเดินช้าๆเข้าไปหาพลอย ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"ถ้าโยมอยากจะทำร้ายอาตมา ก็ทำเถิด หาไม่แล้ว อาตมาต้องเข้าไปเยี่ยมโยมแม่ของอาตมาให้จงได้"
พลอยหันไปสั่งเข้มกับพวก
"คิดว่าห่มผ้าเหลืองโกนหัวแล้ว กูจะไม่กล้ารึ เฮ้ย จับตัวไว้"
เข้มกับพวกทาสชาย พากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ไม่กล้าเข้าไปซักคน
"เฮ้ย หูหนวกรึไงวะ" พลอยตะคอกซ้ำ
เข้มอึดอัดจนทนไม่ไหว
"นี่มันพระนะโว้ยไอ้พลอย เอ็งไม่กลัวบาปกลัวกรรมรึ แลตอนเราถูกเฆี่ยน ป้ากิ่งก็ช่วยดูแลเอ็งกับข้า เอ็งลืมไปแล้วรึ"
"แต่ตอนนางกิ่งป่วย ข้าก็ช่วยดูแลโว้ย ถือว่าชดใช้บุญคุณกันไปหมดสิ้นแล้ว แลถ้าเอ็งกล้าขัดคำสั่งท่านเจ้าคุณ เอ็งได้โดนดีแน่ไอ้เข้ม" พลอยพูดพลางชี้หน้าเข้ม
เข้มอึดอัดสุดๆ โยนดาบในมือทิ้ง
"เอ็งอยากทำก็ทำเองเถอะ ข้ากลัวบาป"
พวกทาสชายเห็นเข้มโยนดาบทิ้ง ไม่กล้าทำร้ายแก้ว ก็เลยโยนอาวุธในมือทิ้งตามบ้าง เพราะพวกตนก็กลัวบาปกลัวกรรมเหมือนกัน พลอยหน้าเสียที่ไม่มีใครเอาด้วย แต่ถึงขั้นนี้แล้วเป็นไงเป็นกัน
"ไอ้พวกตาขาว ถ้าท่านเจ้าคุณลงโทษพวกมึง อย่ามาโอดครวญก็แล้วกัน"
พลอยตรงเข้าไปหาพระแล้วเงื้อดาบจะฟัน แต่แก้วกลับมองพลอยด้วยสายตาสงบนิ่ง ไม่กลัวแม้แต่น้อย จนพลอยเป็นฝ่ายชะงัก เงื้อดาบค้างไม่กล้าฟันลงมา
พลอยขบกรามแน่น ลึกๆในใจก็ไม่กล้าทำร้ายพระเพราะกลัวบาปเหมือนกัน ได้แต่เงื้อดาบค้าง พระแก้วเดินนิ่งๆเข้าบ้านมา โดยไม่มีใครกล้าทำร้าย คอกและอ้อนเลยรีบตามเข้าไปทันที

น้ำทิพย์คอยดูแลกิ่งที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนตั่ง บนเรือนของพระยาไชยากร พระแก้วเดินขึ้นเรือนมาด้วยท่าทางสงบนิ่ง ตามด้วยนมอ้อนและคอก น้ำทิพย์ดีใจสุดๆ พนมมือไหว้
"พระมาแล้วจ้ะป้ากิ่ง นิมนต์เจ้าค่ะ"
พระแก้วเดินเข้าไปหาโยมแม่ กิ่งไข้ขึ้นสูง แต่พยายามผงกหัวขึ้นมองพระ
"อาตมาอยู่นี่ โยมแม่"
กิ่งน้ำตาคลอ ปลาบปลื้มตื้นตันสุดๆ
"พระคุณ...พระคุณของแม่ ทูนหัว แม่ชื่นใจนัก ชื่นใจที่ได้เห็นลูก"
แก้วเห็นสภาพแม่ ก็สงสารจับใจจนน้ำตาคลอ แต่ความเป็นพระทำให้จับเนื้อตัวแม่ไม่ได้
"เจริญพร โยมแม่ อาตมา... " พูดได้แค่นั้น ก็เหมือนมีก้อนจุกในคอ พูดต่อไม่ได้
กิ่งพนมมือขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาคลอ
"สมหวังแล้วลูกเอ๋ย สมหวังจริงๆ พระของแม่ แม่ไม่อาภัพเสียทีเดียว แม่ได้เห็นชายผ้าเหลืองตามที่
ตั้งหวัง ลูกเอ๋ย"
แก้วน้ำตาคลอ แต่พยายามยิ้มให้แม่สบายใจ
"โยมแม่ต้องหมั่นกินยารักษาตัวนะ อาตมาฝันเห็นโยมแม่หายเจ็บไข้ ทำอาหารไปถวายอาตมา
เพื่อยังชีพด้วยมือของโยมแม่เอง โยมแม่จะต้องเป็นไปตามที่อาตมาฝัน ใช่หรือไม่"
กิ่งร้องไห้ พนมมืออันสั่นเทาตลอดเวลา
"แม่จะพยายาม พระของแม่ แม่จะพยายามอยู่ พยายามกินยาให้หาย เผื่อแม่จะมีโอกาสทำอาหาร
ถวายลูกสักมื้อ"
พระแก้วน้ำตาคลอ
"อาตมาสวดมนต์ภาวนาทุกคืน ขอให้โยมแม่หายวันหายคืน โยมแม่จะได้เป็นมิ่งขวัญของลูก บุญกุศลใด ที่อาตมาได้รับจากการบวชเรียนนี้ โยมแม่เป็นผู้ได้รับไปทั้งสิ้นแต่ผู้เดียว ขอโยมแม่จงสงบเถิด เจริญพร โยมแม่ จงหายวันหายคืน"
กิ่งพนมมือฟังพระแก้วพูด ด้วยสีหน้าอิ่มเอิบใจ ก่อนจะหลับตาลง แล้วสิ้นใจตายไปทั้งๆที่ยังพนมมืออยู่
ทุกคนพากันตกใจที่เห็นกิ่งตายคาตา
"ป้ากิ่ง"
น้ำทิพย์ร้องไห้โฮออกมา คอกและอ้อนต่างพากันร้องไห้ เสียใจสุดๆกับการจากไปก่อนวัยอันควรของกิ่ง
พระแก้วยืนมองศพแม่ น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แต่กระนั้น พระแก้วจะยังดูสงบนิ่ง สำรวม ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย แต่ภายในใจก็ร้าวราน เสียใจถึงที่สุด

ผ่านเวลาถึงบ่ายวันหนึ่ง คอกคุยกับบุญเจิมผ่านลูกกรงอยู่ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เสียใจกับการตายของกิ่ง
"ตั้งแต่ป้ากิ่งตาย พระก็ไม่ค่อยพูดค่อยจา คงยังเสียใจไม่หาย แต่ก็น่าล่ะนะ โยมพ่อของพระก็ตายตั้งแต่พระยังเด็ก มีกันสองคนแม่ลูกเท่านั้นเอง แล้วนี่แม่ก็มาตายไปเสียอีก"
"ถ้าท่านเจ้าคุณไม่ขังไว้ตั้งหลายเดือน ป้ากิ่งก็คงยังไม่ตายดอก ขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน แลยังล่ามโซ่ตีตรวน ต่อให้หนุ่มๆสาวๆก็ทนไม่ไหว อย่าว่าแต่คนแก่เลย"
"ท่านเจ้าคุณช่างโหดเหี้ยมนัก ขนาดเอ็งต้องอาญาแผ่นดิน ยังได้ออกมาปลูกข้าวปลูกผักเห็นแสงแดดบ้าง แต่นี่อะไร"
คอกถอนใจหนักๆกับความโหดร้ายของพระยาไชยากร บุญเจิมหน้าขรึมลง
"แต่ข้ากลัว ว่าเรื่องป้ากิ่งจะไม่ยุติเพียงเท่านี้น่ะสิ"
"ทำไมรึ"
"ก็ท่านเจ้าคุณห้ามขาด ไม่ให้พระแก้วเข้าบ้าน นี่นอกจากจะเข้าไปแล้วยังขึ้นไปถึงเรือนใหญ่อีก เอ็งไม่คิดรึ ว่าท่านเจ้าคุณจะโกรธขนาดไหน"
"แต่คนที่ฝ่าฝืนคำสั่งคือคุณน้ำทิพย์ ท่านเจ้าคุณจะโหดเหี้ยมแค่ไหนก็ไม่ลงโทษคุณน้ำทิพย์ดอกวะ"
"เรื่องอื่นก็คงใช่ แต่เรื่องพระแก้วก็ไม่แน่นักดอก เพราะท่านเจ้าคุณ เกลียดพระแก้วเข้ากระดูกดำ อาจจะเกลียดจนทำร้ายคุณน้ำทิพย์ก็เป็นได้"

คอกคิดตามที่บุญเจิมพูดก็มีสีหน้าวิตกกังวลเป็นห่วงคุณน้ำทิพย์ขึ้นมา

พระยาไชยากรระเบิดอารมณ์โกรธใส่น้ำทิพย์ โดยมีมาโนชอยู่ใกล้ๆ ในตอนหัวค่ำวันที่กลับมาจากราชการ

"ไปราชการแค่สิบกว่าวัน ไอ้แก้วก็บุกขึ้นมาหยามถึงบนเรือน ขี้ข้าเรือนนี้ มันน่าแล่เนื้อเอาเกลือทานัก"
น้ำทิพย์หน้านิ่งๆ
"คุณพ่ออย่าโทษบ่าวไพร่เลยค่ะ ทุกอย่างล้วนลูกเป็นคนออกคำสั่งเอง ถ้าคุณพ่อจะลงโทษ ก็ลงโทษลูกเถอะค่ะ"
เจ้าคุณโมโหสุดขีด ชี้หน้าลูกสาว
"นี่แม่น้ำทิพย์กล้าท้าพ่อเชียวรึ"
น้ำทิพย์ยกมือไหว้
"ลูกขอโทษเจ้าค่ะ ที่ทำให้คุณพ่อเข้าใจเช่นนั้น แต่ลูกไม่ได้ท้า ลูกเพียงแต่เห็นว่าป้ากิ่งอาการทรุดหนักแล้ว ลูกจึงกระทำไปเพราะเห็นแก่วิญญาณอันสงบของป้ากิ่ง อยากให้แกเห็นผ้าเหลืองก่อนตาย
เท่านั้นเอง"
มาโนชโมโห
"แล้วน้องรู้หรือไม่ ว่ามันเป็นการทำลายแผนการของคุณอาที่สู้อุตส่าห์วางมาอย่างดี ที่คุณอาจับนางกิ่งขังไว้ ก็เพื่อจะล่อไอ้แก้วให้ออกมา แต่น้องกลับทำลายมันเสียหมด"
"ฉันไม่ได้ทำลายคุณพ่อ ตรงข้าม ฉันกลับช่วยคุณพ่อด้วยซ้ำไป ช่วยปกป้องเกียรติยศของท่าน ไม่ให้คนเอาไปนินทาได้ ว่าพระยาไชยากรโหดร้ายทารุณ ขังทาสไว้จนตาย โดยไม่ให้ลูกมาดูใจแม่ แลยังสั่งบ่าวไพร่ให้ทำร้ายพระสงฆ์อีก"
"เลิกยอกย้อนได้แล้วแม่น้ำทิพย์ หากพ่อขาดสติขึ้นมา จะมาโทษว่าพ่อใจร้ายไม่ได้นะ"
น้ำทิพย์นิ่งสงบ ไม่เถียงอีก
"แผนการเราพังพินาศไปหมดแล้ว จะทำอย่างไรต่อไปดีขอรับคุณอา"
"อาไม่มีวันแพ้มันดอก พ่อมาโนชจำไว้ ว่าคนอย่างอาไม่มีวันแพ้ไอ้แก้วเด็ดขาด ต้องมีสักวัน ที่ไอ้แก้วตายคามือของอา"
น้ำทิพย์เห็นทิฐิของพ่อ ก็ถอนใจหนักๆแต่ไม่พูดอะไร เจ้าคุณเหล่มองลูกสาว ก่อนจะคุยกับมาโนชต่อแต่"ตอนนี้ อาต้องลงโทษคนที่ขัดคำสั่งของอา ปล่อยให้ไอ้แก้วเข้ามาเหยียบถึงเรือนก่อน จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป"
"ลูกบอกแล้วยังไงคะ ว่าไม่เกี่ยวกับบ่าวไพร่ คุณพ่อจะลงโทษ ก็ลงโทษลูกเถอะค่ะ"
"ข้อนั้นพ่อทำแน่ เพราะถึงแม่น้ำทิพย์จะเป็นลูกพ่อ แต่ถ้าขัดคำสั่งพ่อ พ่อก็ต้องลงโทษ... ด้วยการให้แม่น้ำทิพย์ แต่งงานกับพ่อมาโนชให้เร็วที่สุด"
มาโนชดีใจมากนึกไม่ถึง ในขณะที่น้ำทิพย์ตกใจจนหน้าถอดสี มาโนชดีใจสุดๆ
"จริงหรือขอรับคุณอา"
น้ำทิพย์ร้อนใจสุดๆ
"ไหนคุณพ่อบอกว่า รอให้พี่มาโนชเป็นหลวงก่อนยังไงล่ะคะ ถึงค่อยแต่งงาน"
"ใจจริง พ่อก็ต้องการอย่างนั้น เพราะพ่ออยากให้ลูกแต่งงานอย่างสมบูรณ์ด้วยยศศักดิ์ แต่ในเมื่อลูกกล้าขัดคำสั่งพ่อ แลยังเถียงยอกย้อนพ่ออีก ลูกก็ไปรอยศศักดิ์เอาในอีกหลายปีข้างหน้าเถิด ...แลที่สำคัญ พ่อต้องการให้ลูกแต่งงาน เพื่อพ้นจากความอัปรีย์อันเกิดจากไอ้ลูกทาสสารเลวนั่น"
มาโนชหัวเราะชอบใจ
"รอบคอบเหลือเกินขอรับคุณอา คุณอาไม่ต้องกังวลนะขอรับ กระผมจะไม่ให้น้องน้ำทิพย์ ต้องรอยศศักดิ์นานนักดอกขอรับ"
น้ำทิพย์หน้าเสีย ร้อนใจสุดๆ เข้าตาจน

บุญเจิมตกใจ ขณะกำลังคุยกับคอกอยู่ในคุกหญิงตอนเช้าวันหนึ่ง
"แต่งงานตอนนี้น่ะรึ"
"ใช่ อีกไม่นานนี้แหละ ที่เอ็งกลัวไว้ไม่ผิดเลยนังเจิมเอ๊ย ท่านเจ้าคุณโกรธจนลงโทษคุณน้ำทิพย์จริงๆ แลให้แต่งงานเช่นนี้ ยังทรมานมากกว่าเฆี่ยนตีเสียอีก"
"พระรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง"
"ทำไมจะไม่รู้ ท่านเจ้าคุณจงใจไปขอฤกษ์แต่งถึงวัดที่พระบวชแต่เช้ามืด ก็เพราะอยากจะให้ข่าวกระพือถึงหูพระ คงกะให้ร้อนผ้าเหลืองจนต้องสึกกันเลยกระมัง"
"ชั่วร้ายนัก ขนาดหนีมาบวชแล้ว ก็ยังไม่วายจองล้างจองผลาญอีก ไอ้คอก ถ้าข้าอยากจะแก้เผ็ดท่านเจ้าคุณ เอ็งจะช่วยข้าได้หรือไม่"
คอกสนใจทันที
"เอ็งบอกแผนมาเถิด ข้าเองก็อยากล้างแค้นให้ป้ากิ่งเหมือนกัน"
"ในเรือนท่านเจ้าคุณ นอกจากพี่แก้วแล้ว ยังมีทาสที่เกิดปีมะโรงสัมฤทธิศกอีกหลายคน ข้ามั่นใจ ว่าคนอย่างท่านเจ้าคุณ ไม่มีวันปล่อยใครเป็นไทแน่ ถ้าเราทำให้หลวงท่านรู้ ว่าท่านเจ้าคุณขัดพระบรมราชโองการได้ เอ็งว่าจะเป็นอย่างไรวะ"
คอกเห็นด้วย
"มีทางทำได้รึนังเจิม"
บุญเจิมพยักหน้ารับพร้อมยิ้มอย่างมั่นใจ คอกยิ้มสะใจ ถ้าทำสำเร็จ งานนี้พระยาไชยากรสาหัสแน่

เวลาสาย มุมหนึ่งในวัด พระแก้วเดินนำด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมพูดไป
"อาตมายอมรับ ว่าร้อนผ้าเหลืองเหลือเกินแล้ว คงยากที่จะบวชครบสามพรรษาตามที่ตั้งใจไว้ แม้แต่พรรษาเดียวก็คงไม่ครบ อยากจะสึกเสียวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ"
พระยานิติธรรมธาดาเดินตามเข้ามา
"กระผมก็นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้ พอรู้ข่าวเรื่องคุณน้ำทิพย์จะแต่งงานก็เลยรีบมาหาท่าน กระผมอยากให้ท่านตั้งสติแล้วตรองดู ว่าการสึกของท่านนั้น มีประโยชน์อะไรบ้าง"
แก้วนิ่ง คิดตามที่เจ้าคุณพูด
" ไม่มีเลยใช่หรือไม่ ถึงท่านสึกออกมา คุณน้ำทิพย์ก็ต้องแต่งงานกับคุณมาโนชอยู่ดี แลท่านเกิดบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป ก็ยิ่งเข้าทางท่านเจ้าคุณไชยากรให้หาโอกาสทำร้ายท่านได้โดยสะดวก" เจ้าคุณพูดต่อ
แก้วคิดตาม ก่อนจะพยักหน้ารับ
"ถูกของโยมเจ้าคุณแล้ว เช่นนี้ อาตมาควรทำอย่างไรต่อไปดี"
"ก็ทำตามที่ท่านตั้งใจไว้แต่แรกสิขอรับ บวชเรียนเพื่อจะได้ศึกษาหาความรู้ เพราะมีแต่ความรู้เท่านั้น ที่จะติดตัวท่านไปชั่วชีวิต แลที่กระผมมาที่นี่ ก็เพื่อจะเตือนสติท่านเรื่องนี้ยังไงล่ะขอรับ"

พระแก้วคิดตาม หน้าเศร้าลง ยอมรับว่าตนทำอะไรไม่ได้ และควรต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดก่อน

มาโนชตั้งวงเลี้ยงเหล้าพลอย เข้มและพวกทาสชายกันอย่างสนุกสนาน เมาเละเทะกันตั้งแต่บ่ายมาถึงเย็น
 
ทุกคนเมาพูดเสียงอ้อแอ้
" กินอีก กินเข้าไป ไม่พอก็เอาเหล้ามาอีก ต่อไป ข้าแต่งงานไปแล้ว ก็คงไม่ได้เมากับพวกเอ็งบ่อยๆแล้ว เพราะว่าที่เมียข้าเค้าไม่ชอบโว้ย" มาโนชพูดพลางหัวเราะชอบใจ
"ถึงไม่เมา ก็ไม่เป็นไรขอรับ ขอให้คุณมาโนชมีความสุขก็พอ" พลอยบอก
" คุณมาโนชต้องมีความสุขอยู่แล้วโว้ย ใครได้แต่งงานกับคุณน้ำทิพย์ ก็ต้องมีความสุขกันทั้งนั้นล่ะ แต่คนที่ไม่สุข ก็คือคนที่มันอิจฉาริษยาคุณมาโนชต่างหากล่ะวะ"
มาโนชหัวเราะลั่นอก ชอบอกชอบใจ กินเหล้าต่ออย่างสบายใจ
น้ำทิพย์ยืนดูอยู่บนเรือนด้วยสีหน้าทุกข์ใจสุดๆ นมอ้อนยืนอยู่ใกล้ๆ ทุกข์ใจไม่แพ้กัน
"ท่านเจ้าคุณเหมือนจะแกล้งฆ่ากันให้ตาย ให้คุณน้ำทิพย์แต่งงานกับคนหยาบกระด้างเช่นนี้ เห่ออยู่พักเดียว ก็คงไม่แคล้วโยนทิ้งไปเท่านั้น"
"แต่คุณพ่อท่านไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิจ๊ะ สำหรับคุณพ่อ ไม่มีอะไรน่ารังเกียจไปกว่าทาสอีกแล้ว"
อ้อนถอนใจหนักๆ
"คุณน้ำทิพย์ ยอมรับปากท่านเจ้าคุณ แต่งงานกับพระยานิติธรรมธาดาเถิดเจ้าค่ะ ยังไงเสีย ท่านเจ้าคุณนิติธรรมก็ดีกว่าคุณมาโนชร้อยพันเท่านักนะเจ้าคะ"
"ไม่จ้ะนม ฉันไม่มีวันแต่งงาน กับคนที่ฉันไม่ได้รักเป็นอันขาด"
น้ำทิพย์นิ่งไปเหมือนคิดอะไรบางอย่างในใจ แต่ไม่ยอมพูดออกมา
ขณะนั้นเอง ก็มีทาสหญิงคนหนึ่ง เดินคุกเข่าเข้ามาหาน้ำทิพย์
"คุณน้ำทิพย์เจ้าขา ยาที่..."
น้ำทิพย์รีบพูดสวนขึ้นทันที
"ทองก้อน ตามฉันมานี่"
"เจ้าค่ะ"
น้ำทิพย์เดินนำไป โดยมีทาส 1 รีบตามไป นมอ้อนมองตามไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ถอนใจส่ายหน้าเดินแยกไปทำงานต่อ

เวลาเย็น ภายในร้านธูปน้อม พระยาไชยากรวางข้าวของมีค่ามากมายต่อหน้านิ่มเต็มไปหมด
โดยมีน้อม อบเชยอยู่ใกล้ๆ
"ฉันไปราชการมาเสียหลายวัน ก็เลยซื้อของพวกนี้มาฝากแม่นิ่ม ... แม่น้อมกับแม่อบเชยด้วยนะ ฉันมีฝากทุกคน" เจ้าคุณหันไปพูดกับน้อมและ อบเชย กะเอาใจเต็มที่
น้อมเบะปากหมั่นไส้
"เป็นพระคุณเจ้าค่ะ แต่อิชั้นมีปัญญาซื้อหามาใช้เองได้ เชิญท่านเจ้าคุณเอากลับไปเถอะเจ้าค่ะ"
"ของมีค่าเกินไป อิชั้นก็ไม่กล้ารับไว้เหมือนกันเจ้าค่ะ" อบเชยว่า
ไชยากรไม่พอใจ แต่พยายามระงับอารมณ์ หันไปพูดกับนิ่ม
"แล้วแม่นิ่ม คงไม่รังเกียจของฝากของฉันอีกคนกระมัง"
"ไม่ดอกเจ้าค่ะ เมื่อท่านเจ้าคุณตั้งใจให้ ฉันก็จะรับไว้"
พระยาไชยากรยิ้มแย้มดีใจ คิดว่านิ่มเริ่มใจอ่อนแล้ว
"แม่อบเชย เอาของพวกนี้ไปแจกบ่าวไพร่แลคนงานให้พี่ที แจกให้หมด อย่าให้เหลือเชียวนะ"
แม้เจ้าคุณจะโมโห แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้
"เอาเถอะ ฉันให้แม่นิ่มแล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำ แล้วลูกล่ะ ลูกเป็นอย่างไรบ้าง"
"สบายดีเจ้าค่ะ เลี้ยงง่าย ไม่เจ็บป่วยเลย"
"ถ้าอย่างงั้น อุ้มลูกมาหาฉันที ฉันอยากเจอลูกเหลือเกินแล้ว"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ"
"ทำไม"
"ตอนที่ฉันแยกกับท่านเจ้าคุณใหม่ๆ ลูกเคยร้องหาท่านเจ้าคุณอยู่หลายวัน จนเดี๋ยวนี้ไม่ร้องแล้ว ฉันไม่อยากให้ลูกกลับไปงอแงอีก เอาไว้ให้ลูกโตกว่านี้ก่อนก็แล้วกันเจ้าค่ะ"
พระยาไชยากรโมโหมาก
"มากเกินไปแล้วนะแม่นิ่ม ฉันเพียรง้อแม่นิ่มมาเป็นปี นอกจากแม่นิ่มจะงอนจนเกินงามแล้ว ยังคิดจะไม่ให้ฉันเจอลูกอีกรึ หรือว่าแม่นิ่ม คิดจะยุแยงไม่ให้ลูกรักฉัน"
น้อมยิ้มเยาะสะใจ ขำ
"อุ๊ย ไม่เคยคิดเลยนะคะ แต่ท่านเจ้าคุณพูดอย่างนี้ก็ดีแล้ว พักนี้ยิ่งติดยายอยู่ด้วย ลองสอนมันดูท่าจะดี"
" ฉันจะหาลูก ถ้าแม่นิ่มกีดกันไม่ให้ฉันเจอลูกอีก ฉันจะแจ้งนครบาล"
อบเชยไม่พอใจที่ถูกขู่
"เรื่องเช่นนี้แจ้งนครบาล จะใช้ข้อหาอะไรกันเจ้าคะ"
"ก็ข้อหาพรากลูกพรากพ่อน่ะสิ"
"แต่ฉันเป็นแม่ แลเป็นคนเลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่ต้น เพราะพ่อของลูก ดูถูกว่าฉันเป็นคนไร้สกุลรุนชาติ มาตอนนี้ จะอยากได้ลูกของคนไร้สกุลรุนชาติไปทำไมล่ะคะ"
"ก็ได้ เมื่อแม่นิ่มต้องการอย่างนั้นก็ได้ แม่นิ่มไม่อยากให้ฉันเจอลูก ถ้าอย่างนั้น ฉันขอไปมีลูกใหม่กับผู้หญิงคนอื่น แม่นิ่มก็คงไม่ว่าอะไรฉันแล้วใช่หรือไม่"
นิ่มหน้าเสีย เสียใจที่เจ้าคุณขู่ว่าจะมีเมียน้อย แต่ทิฐิมีมากกว่า จึงรีบปั้นหน้าเฉยเมย
"ใช่ค่ะ ท่านเจ้าคุณอยากจะมีใครใหม่ หรือมีลูกอีกกี่คน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว ตามสบายท่านเจ้าคุณเถอะค่ะ"
พระยาไชยากรขบกรามแน่นด้วยความโกรธ เจ็บใจสุดๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านไป โดยไม่พูดอะไรอีก
น้อมหัวเราะสะใจ ก่อนจะหันมาพูดกับลูก
"ทำดีเหลือเกินแม่นิ่ม คนอย่างอีตาเจ้าคุณ..."
แล้วน้อมชะงักไป เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้ น้ำตาไหลพรากลงอาบแก้ม
อบเชยเห็นนิ่มร้องไห้ก็ตกใจ
"พี่นิ่ม"
นิ่มร้องไห้ เดินหนีกลับเข้าข้างในไป อบเชยรีบตามไปด้วยความเป็นห่วง
"พี่นิ่ม เดี๋ยวก่อนพี่นิ่ม"

น้อมถอนใจส่ายหน้า รู้ว่านิ่มยังรักเจ้าคุณอยู่มาก เพียงแต่ยังถือทิฐิอยู่เท่านั้นเอง
 
อ่านต่อหน้า 3

ลูกทาส ตอนที่ 10 (ต่อ)

พระยาไชยากรเดินโมโหขึ้นเรือนมา ด้วยความโกรธจัด โมโหเรื่องนิ่มสุดๆ ทาสหญิงคนหนึ่ง เดินและคุกเข่าเข้ามารับหน้า

"ท่านเจ้าคุณจะให้ตั้งสำรับเลยหรือไม่เจ้าคะ
ไชยากรตะคอก โมโห พาลแหลก
"ไม่กินโว้ย ข้าไม่กินอะไรทั้งนั้น ไปเอาเหล้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้"
ทาส 1ตกใจกลัว
"เจ้าค่ะๆ"
ไชยากรกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น
Wแม่นิ่มนะแม่นิ่ม ท้าทายกันอย่างนี้ นึกว่าฉันไม่กล้ารึ คนอย่างพระยาไชยากร จะมีเมียน้อยซักสิบคน
ยี่สิบคนก็ยังได้"
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงนมอ้อน ร้องลั่นขึ้นด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดๆ
" คุณน้ำทิพย์ เป็นอะไรไปเจ้าคะ ไปตามหมอมาเร็ว ไปตามหมอมาช่วยคุณน้ำทิพย์เร็วๆเข้า"
พระยาไชยากรตกใจสุดๆ รีบเดินไปห้องนอนน้ำทิพย์ทันที

น้ำทิพย์กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง อ้อนร้องไห้ไปเลื่อนผ้าห่มแพรมาคลุมให้น้ำทิพย์ด้วยความสงสารจับใจ ในขณะที่พระยาไชยากรกำลังคุยกับหมออยู่
"ท่านเจ้าคุณไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ คุณหนูปลอดภัยแล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลารักษาหน่อย ถึงจะหายเป็นปกติดังเดิม"
เจ้าคุณหยิบถุงเงินให้หมอ
"ไม่เป็นไร ขอให้ลูกฉันปลอดภัยก็พอแล้ว ขอบใจหมอมากนะ"
หมอยกมือไหว้ ก่อนจะรับถุงใส่เงินมา
"ขอบพระคุณขอรับ ถ้าอย่างนั้น กระผมลากลับก่อนนะขอรับ"
หมอเดินเลี่ยงออกจากห้องไป สวนกับทาสหญิงคนหนึ่งที่เข้ามาในห้อง พร้อมกับคุกเข่าลง
" คุณมาโนชล่ะ ทำไมจนป่านนี้แล้วยังไม่มา"
"คุณมาโนชเมามาก บ่าวปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ"
อ้อนได้ยินเข้าก็ปล่อยโฮลั่นด้วยความสงสารน้ำทิพย์จับใจ
"ได้ยินแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะท่านเจ้าคุณ นี่น่ะรึผู้ชาย ที่ท่านเจ้าคุณให้หมั้นแลบังคับให้แต่งงานกับคุณน้ำทิพย์ แล้วคุณน้ำทิพย์จะไม่คิดสั้นได้อย่างไรเจ้าคะ"
เจ้าคุณโดนจี้ใจดำหันไปพาลตะคอกทาส
"ยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ไปให้พ้น"
"เจ้าค่ะ"
ทาสรีบออกจากห้องไป เจ้าคุณพยายามระงับอารมณ์ บอกกกับอ้อน
"เลิกร้องห่มร้องไห้เสียทีเถอะนมอ้อน ที่ฉันทำไปก็เพราะหวังดี อยากให้แม่น้ำทิพย์ได้คู่ที่เหมาะสม แลรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศของวงศ์ตระกูล ถึงตอนนี้พ่อมาโนชจะยังไม่ได้เรื่องได้ราวก็เป็นเพราะยังหนุ่ม เอาไว้มีเหย้ามีเรือนก็ดีขึ้นเองแหละ"
ขณะนั้นเอง เสียงน้ำทิพย์ดังขัดขึ้น เธอพูดด้วยสีหน้าเจ็บช้ำ จริงจัง น้ำตาคลอ
"ถ้ามีเหย้าเรือนกับหญิงอื่นก็คงได้ แต่ต้องไม่ใช่ลูกเป็นอันขาด"
ทุกคนหันไปมองตาม เห็นน้ำทิพย์รู้สึกตัว พยายามจะยันกายขึ้นมา นมอ้อนรีบเข้าไปประคองน้ำทิพย์ให้ลุกขึ้นนั่ง
" ฟื้นแล้วรึแม่น้ำทิพย์ ทีหลัง อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนี้อีกเลยนะลูก"
น้ำทิพย์อ่อนแรงมากเพราะเพิ่งกินยาฆ่าตัวตายมา แต่แววตายังเข้มแข็ง
"ลูกรับปากไม่ได้ดอกค่ะ เพราะถ้าคุณพ่อยังบังคับให้ลูกแต่งงานกับพี่มาโนช ก็เท่ากับลูกสิ้นหนทางเลือกจริงๆแล้ว ก็ขอให้คุณพ่ออุ้มเอาศพลูกไปเข้าพิธีแทนเถิดค่ะ"
เจ้าคุณไม่พอใจ
"นี่ลูกฟื้นขึ้นมาก็ขู่พ่อเลยรึ"
อ้อนสวนทันควัน
"ถ้าคุณน้ำทิพย์ไม่ถูกบังคับ ก็คงไม่ต้องขู่ดอกค่ะ นี่รึความหวังดีที่ท่านเจ้าคุณอ้าง ขนาดลูกฆ่าตัวตายแล้ว ยังไม่เปิด ตาดูบ้างว่าผู้ชายที่เลือกให้เป็นเช่นไร อย่างนี้ต้องเรียกว่าเห็นแก่ตัวเสียมากกว่า"
อ้อนพูดพลางทิ้งค้อนเจ็บแค้นแทนน้ำทิพย์สุดๆ เจ้าคุณขบกรามแน่นเจ็บใจสุดๆ แต่เถียงไม่ออก ยิ่งลูกทำแบบนี้ ก็ยิ่งกลัวใจน้ำทิพย์หนักขึ้น ได้แต่แอบชำเลืองมองหน้าลูกสาวก็เห็นแววตาที่แข็งกร้าวเอาจริง
เจ้าคุณถอนใจพรืดเดินออกไปจากห้องน้ำทิพย์ทันที
"อย่าคิดสั้นแบบนี้อีกนะคะทูนหัวของนม"
อ้อนกับน้ำทิพย์ร้องไห้ สะอึกสะอื้น กอดกันแน่น

พระยาไชยากรกำลังด่ามาโนชยกใหญ่ที่หน้าเรือนยามเช้า
"อาอับจนถ้อยคำ จนไม่รู้จะเถียงนมอ้อนได้ยังไงแล้ว เพราะคู่หมั้นของลูกสาวอา มันเมาจนไม่รู้เรื่องรู้ราว"
มาโนชถึงกับหน้าเสีย
"ข้อนี้ กระผมยอมรับผิดขอรับ แต่เรื่องน้องน้ำทิพย์ทำร้ายตัวเอง มันไม่ใช่ความผิดของกระผมเลย คุณอาได้โปรดอย่าเลื่อนงานแต่งออกไปเลยนะขอรับ"
"แล้วพ่อมาโนชจะให้อาทนดูลูกสาวอาตายต่อหน้าอย่างนั้นรึ"
"ถ้ากลัวอย่างนั้น กระผมก็ไม่มีวันได้แต่งงานกับน้องน้ำทิพย์น่ะสิขอรับ หรือคุณอาทนได้แล้วที่จะได้ไอ้แก้วเป็นลูกเขย"
ไชยากรตะคอก โมโหมาก เหล่มาโนชด้วยความไม่พอใจ
"รู้แล้วยังจะพูดอีก ถ้าอาทนได้ ก็คงไม่หักหาญน้ำใจลูกสาวอาอย่างนี้ รู้ทั้งรู้ พ่อมาโนชก็ยังหมั่นทำตัวเหลวไหล ให้แม่น้ำทิพย์รังเกียจรังงอนได้ไม่หยุดหย่อน"
เจ้าคุณถอนใจส่ายหน้า
"มันเป็นเพราะไอ้แก้วต่างล่ะขอรับ ถ้าไม่มีมันเสียคน น้องน้ำทิพย์ก็คงไม่รังเกียจกระผมถึงขั้นนี้"
"ก็ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว ยังจะปล่อยมันไว้อีกรึ"
มาโนชตกใจหน้าเสีย
"แต่มันบวชอยู่นะขอรับ"
"ถ้ารอให้สึก ก็ไม่ทันการแล้วล่ะ"
มาโนชฉุกคิดตามที่ไชยากรพูดและมองหน้ามาโนชอย่างดูถูก
"แต่ถ้าพ่อมาโนชไม่กล้า ก็ไม่เป็นไรดอกนะ เพราะเห็นพ่อมาโนชเมาเมื่อคืนแล้ว อาก็ไม่กล้าหวังอะไรมากนักดอก"
เจ้าคุณพูดเหมือนแอบยุมาโนชกลายๆ
" แล้วถ้ากระผมทำจริง คุณอาจะสัญญาได้หรือไม่ล่ะขอรับว่าจะไม่ยกน้องน้ำทิพย์ให้พระยานิติธรรมหรือคนอื่นที่กำลังรุ่งเรืองขึ้นมา กราบเรียนตรงๆ ว่ากระผมก็ไม่อยากถูกหลอกใช้เหมือนกัน"
เจ้าคุณหน้าเสีย ไม่คิดว่ามาโนชจะรู้เรื่องนี้เลยอึ้งไป ก่อนจะตัดใจ
" ได้ อาให้สัญญา ถ้ากำจัดไอ้แก้วได้ อายอมทุกอย่าง"

มาโนชยิ้มพอใจ ก่อนที่สายตาจะเหี้ยมเกรียมขึ้นมา

เวลาสาย น้ำทิพย์อาเจียนใส่กระโถน โดยมีอ้อนคอยลูบหลังให้ หลังอาเจียนเสร็จ เธอก็นอนปวดท้องอยู่บนเตียง อ้อนสงสารจับใจ

"อดทนหน่อยนะเจ้าคะคุณน้ำทิพย์ นมให้พวกบ่าวต้มยาแล้ว อีกไม่นานก็เสร็จแล้วเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไรดอกจ้ะนม มันเป็นผลกรรมที่ฉันต้องรับเพราะทำลายชีวิตตัวเอง สมแล้วล่ะจ้ะ"
"รู้อย่างนี้แล้ว คุณน้ำทิพย์ก็อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะ"
"ก็มันไม่มีทางเลือกแล้วนี่จ๊ะนม หากไม่ทำเช่นนี้ คุณพ่อก็คงไม่ยอมเลื่อนงานแต่งออกไป แลถ้าต้องแต่งงานกับคนอย่างพี่มาโนช ก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็นอยู่ดีล่ะจ้ะ "
อ้อนสงสารสุดๆ ถอนใจส่ายหน้า
"แล้วนี่จะมีใคร รู้บ้างหรือไม่เจ้าคะว่าคุณน้ำทิพย์ต้องทนทุกข์ยากขนาดไหน"
น้ำทิพย์ขยับตัวนอนปวดท้องอย่างหนัก แต่ก็ไม่ยอมร้องโอดโอยแม้แต่คำเดียว

พระแก้วหน้าซีดเผือด ตกใจมาก เมื่อทราบข่าวน้ำทิพย์ แต่พยายามตั้งสติ
"แล้วตอนนี้โยมน้ำทิพย์เป็นอย่างไรบ้าง"
พระยานิติธรรม คุณกัลยาและตุ๊กตา นั่งอยู่ใกล้ๆ
"ปลอดภัยแล้วขอรับ กระผมถึงได้กล้ามาเรียนท่านยังไงล่ะขอรับ"
แก้วถอนใจโล่งอก
"แต่ถึงจะรอด ก็คงไม่แคล้วเป็นขี้ปากคน คิดดูสิเจ้าคะ เรื่องเกิดเมื่อคืน เช้านี้พวกอิชั้นก็รู้กันทั่วแล้ว" ตุ๊กตาบอก
"แต่ก็ต้องยกย่องในความกล้าของคุณน้ำทิพย์เธอเหมือนกันนะคะ ถึงขนาดยอมตายก็ไม่ยอมแต่ง จนท่านเจ้าคุณไชยากรต้องยอมเลื่อนงานแต่งออกไปจนได้"
แก้วห่วงน้ำทิพย์มาก แต่เป็นพระแถมไม่ถูกกับพ่อน้ำทิพย์ เลยไม่รู้จะทำยังไง
"แต่ถึงอย่างไร การทำร้ายตัวเองก็เป็นบาป โยมน้ำทิพย์ไม่น่าทำอย่างนั้นเลย"
"ก็จริงขอรับ แต่ถึงอย่างไร งานแต่งก็ล้มไปแล้ว พระก็ตั้งใจเรียนแลศึกษาพระธรรมตามที่ตั้งใจไว้ต่อไปให้ดีเถิดขอรับ อย่าให้คุณน้ำทิพย์เธอต้องเสียสละโดยเปล่าประโยชน์เลย"
แก้วแววตามุ่งมั่นเอาจริง
"ขอบพระคุณโยมเจ้าคุณที่คอยเตือนสติ อาตมาจะไม่ยอมให้คนที่รักอาตมาทุกคนต้องผิดหวังในตัวอาตมาเป็นอันขาด"
พระยานิติธรรมธาดายิ้มออกมาอย่างชื่นชม คุณกัลยาหน้าสลดลง รับรู้ได้ถึงความผูกพันลึกซึ้ง ที่พระแก้วมีต่อน้ำทิพย์จนไม่อาจมีใครเข้าไปแทรกกลางได้

ทุกคน ยกเว้นพระแก้วเดินคุยกันมาที่มุมหนึ่งของวัด
คุณกัลยาหน้าจ๋อยๆบอก
"สองคนนี่ช่างมั่นคงต่อกันเหลือเกินนะคะ ขนาดคนหนึ่งบวชอยู่แลไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ อีกคนก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงแลใจคอยังเด็ดเดี่ยวนัก"
"แต่วิธีที่คุณน้ำทิพย์ใช้ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องดอก พี่คิดว่าหากคุณน้ำทิพย์ใช้ปัญญาไตร่ตรองมากกว่านี้ ก็คงไม่เลือกทางนี้"
"จริงเจ้าค่ะ แลถ้าหากตายไป ก็ไม่ได้อยู่กับคนที่ตนรักอยู่ดี แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะเจ้าคะ"
"ไม่มีประโยชน์ก็จริง แต่ฉันเข้าใจคุณน้ำทิพย์นะ เพราะถ้าต้องแต่งงานกับคนที่ตนไม่รักแลยังเลวร้ายอย่างคุณมาโนช ก็สู้ตายเสียดีกว่า คุณพี่เป็นผู้ชาย ส่วนตุ๊กตาเองก็ไม่เคยมีคนรัก คงไม่เข้าใจดอก"
พระยานิติธรรม และตุ๊กตา หันไปสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะหลบตากันด้วยความเขินอาย เพราะคนที่ไม่รู้ว่าตุ๊กตามีคนรักแล้ว คือคุณกัลยาต่างหาก
"แล้วเย็นนี้คุณพี่จะไปเยี่ยมคุณน้ำทิพย์หรือไม่คะ"
"คุณน้ำทิพย์เธอปลอดภัยแล้ว แลพี่ก็รำคาญท่านเจ้าคุณไชยากรกับคุณมาโนชนัก คงไม่ไปดอก"
คุณกัลยานึกไม่ถึง
"นี่คุณพี่ไม่ชอบพอคุณน้ำทิพย์แล้วหรือคะ หากเป็นเมื่อก่อน คุณพี่ต้องร้อนใจไปเยี่ยมคุณน้ำทิพย์ตั้งแต่รู้ข่าวแล้วด้วยซ้ำ"
นิติธรรมหน้าเจื่อนไป ก่อนจะรีบตัดบท
"คุณน้ำทิพย์เธอมีคนที่รักแล้ว แลพี่ตัดใจได้แล้วจริงๆ คุณน้ำทิพย์ก็เป็นเพียงมิตรสหายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านั้นดอก"
เจ้าคุณทิ้งสายตาไปที่ตุ๊กตาเล็กน้อย อีกฝ่ายแอบอมยิ้มดีใจ
"คุณพี่นี่ใจแข็งจริง น้องอยากทำได้อย่างคุณพี่เหลือเกิน"
คุณกัลยาเดินเศร้าๆเลี่ยงไป เจ้าคุณหันไปมองตุ๊กตาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนจะพูดเบาๆ
"รู้หรือไม่ ว่าทำไมฉันถึงตัดใจจากคุณน้ำทิพย์ได้"
ตุ๊กตาเขินอาย
"ไม่ทราบเจ้าค่ะ"
ตุ๊กตารีบเดินตามคุณกัลยาไปด้วยความเขินอาย พระยานิติธรรมมองตามด้วยสายตากรุ้มกริ่ม นับวัน ก็ยิ่งรักใคร่ตุ๊กตามากขึ้นทุกที

ท้องฟ้ายามค่ำคืน พระแก้วที่กำลังยืนมองท้องฟ้าด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มเป็นห่วงน้ำทิพย์ แล้วก็อดหนักใจในอนาคตข้างหน้าของตน ได้แต่พยายามใช้ธรรมะเข้าข่ม แก้วตั้งสมาธิเดินจงกลมต่อไปเพื่อขจัดความคิดฟุ้งซ่าน ไม่นานนัก พระแก้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังขึ้น
แก้วแปลกใจ เลยเดินตามเสียงไป จนเห็นผู้หญิงสาวคนหนึ่ง กำลังนั่งร้องห่มร้องไห้เสียงดังอยู่
"สีกา ทำไมมืดค่ำแล้วถึงมาร้องไห้อยู่ในวัดเล่า เกิดอะไรขึ้นรึ"
หญิงสาวบีบน้ำตาสุดฤทธิ์ พนมมือไหว้
"อิชั้นชื่อยวงเจ้าค่ะ ขายของอยู่ที่ท่าพระจันทร์ มีทุกข์เหลือเกิน อยากจะมาเล่าให้พระท่านช่วยแนะนำทางแก้ทุกข์ให้เจ้าค่ะ" ยวงบอก
"ได้สิ สีกามีอะไรก็ว่ามา"
"อิชั้นไม่สะดวกจะเล่าที่นี่ ขอไปเล่าในกุฏิของท่านได้หรือไม่เจ้าคะ"
พลอยซึ่งแอบซุ่มดูอยู่ผลงานที่จ้างยวงมา เพื่อใส่ร้ายว่าแก้วอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองจะได้จับแก้วสึก แล้วต่อไปจะได้ทำร้ายได้ง่ายๆ
แก้วชักทะแม่งๆ
"ไม่ได้ดอก มันผิดวินัยสงฆ์ แต่หากสีกามีเรื่องทุกข์ร้อนต้องการเล่าให้อาตมาฟังที่กุฏิเท่านั้น ก็มาใหม่พรุ่งนี้เถิด อาตมาจะให้คนอื่นมาอยู่ด้วย เพื่อไม่ให้ผิดพระวินัย"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ อิชั้นว่างแต่เพลานี้เพลาเดียว ขอพระคุณท่านได้โปรดปลดทุกข์ให้คนยากด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
ยวงเข้าไปหา จะจับมือถือแขน พระแก้วรีบเบี่ยงตัวถอยออกมา ไม่ยอมให้ผู้หญิงถูกตัว
"ถ้าสีกามีทุกข์จริง ก็เล่าที่นี่แหละ อาตมาให้สีกาไปที่กุฏิไม่ได้ดอก"
ยวงเห็นพระแก้วระวังตัว ก็แกล้งร้องไห้ขึ้นมาอีก
"ก็ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านเข้ามาใกล้สักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ มันเป็นเรื่องน่าอาย อิชั้นไม่กล้าพูดดัง"
แก้วยอมเขยิบเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นเอง ยวงก็เตรียมกระโจนเข้าใส่แก้ว กะกอดให้แน่นแล้วแหกปากร้องโวยวายใส่ความ แต่ยวงยังไม่ทันได้กอด คอกก็พุ่งเข้ามารวบตัวยวงไว้ได้อย่างหงุดหงิด ยวงกอดพระแก้วไม่สำเร็จ
คอกโมโห โวยวาย
"อีคนบาป กับพระกับเจ้ายังไม่เว้นอีกรึ ดีนะ ที่กูได้ยินเสียงมึงร้องไห้เลยตามมาดู ... โว้ย มีใครอยู่บ้างโว้ย มีผู้หญิงหน้าด้านจะสึกพระโว้ย"
พลอยตกใจมาก ไม่คิดว่าแผนจะแตก ยวงหน้าตาตื่นทำอะไรไม่ถูก พยายามจะดิ้น แต่คอกก็กอดไว้แน่น จนดิ้นไม่หลุด
 
แก้วเคร่งเครียด มั่นใจว่าต้องมีอะไรลึกๆแน่

พลอยวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเข้มที่นั่งรออยู่ในเรือ

"เรียบร้อยแล้วรึไอ้พลอย"
"เรียบร้อยกับผีน่ะสิ แผนแตกแล้ว รีบหนีเถอะโว้ย" พลอยตวาด
ขาดคำ คอกก็วิ่งถือคบไฟนำลูกศิษย์วัดกลุ่มใหญ่มาตามจับ คอกชี้ไปทางพลอย
"โน่น มันอยู่ทางโน้น รีบไปจับไอ้พวกใจบาปเร็ว"
พลอย และเข้มตกใจ รีบลงเรือช่วยกันพายหนี คอกกับพวกลูกศิษย์วัดวิ่งตามมา เห็นว่าจะจับไม่ได้ ก็หยิบก้อนหิน เศษไม้ ก้อนดิน เท่าที่พอหาได้ขว้างตามไป พลอย และเข้ม โดนขว้างเข้าไปหลายชุด พายเรือหนีไม่คิดชีวิต เพราะถ้าถูกจับได้โดนหนักกว่านี้แน่
คอกได้แต่มองตามด้วยความเจ็บใจที่จับไม่ได้

ภายในยวงคุกเข่าพนมมือตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว โดยมีแก้ว คอก พระกับลูกวัดอีกกลุ่มหนึ่งยืนล้อมอยู่
พระ 1บอก
"เวรกรรมแท้ๆ เป็นผู้หญิงยิงเรือ แค่เกี้ยวผู้ชายก่อนก็น่าเกลียดแล้ว นี่ถึงกับจะปลุกปล้ำพระกันเชียวรึ เอาอย่างไรดีพระแก้ว จับส่งหลวงเลยดีหรือไม่"
ยวงกลัวมาก
"อย่าเจ้าค่ะ อย่าจับอิชั้นส่งหลวงเลยนะเจ้าคะ อิชั้นสำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ"
"ถ้ากลัวจริง สีกาก็ต้องสารภาพมา ว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร"
"อิชั้น... อิชั้นเป็นผู้หญิงสัญจรโรค อยู่โรงโสเภณีที่ประตูผีเจ้าค่ะ บ่าวไพร่บ้านพระยาไชยากรจ้างอิชั้นมาหนึ่งตำลึง ให้มาใส่ร้ายพระแก้วให้ปาราชิกเจ้าค่ะ"
คอกตบเข่าฉาด
"นึกแล้วไม่มีผิด ไอ้คนที่พายเรือหนี ต้องเป็นไอ้พลอยไอ้เข้มแน่ๆขอรับหลวงพี่ แม้กระผมจะไม่เห็นหน้า แต่ก็คุ้นท่าทางมันนัก ไม่ผิดดอกขอรับ"
แก้วถอนใจหนักๆ นับวันจะยิ่งเล่นงานกันหนักมากขึ้นทุกที จนไม่กลัวบาปกรรมกันแล้ว

กลางดึก บริเวณหน้าเรือนทาส มาโนชหลังมือตบหน้าพลอย และถีบเข้มจนหัวทิ่มไป ด้วยความโกรธจัดที่ทั้งคู่ทำงานพลาด เข้มยกมือไหว้
"พวกกระผมผิดไปแล้วให้อภัยด้วยเถิดขอรับ"
"พวกมึงยังกล้าขอกูอภัยให้อีกรึ กูสู้อุตส่าห์คิดแผนให้ไอ้แก้วถูกจับสึก เพื่อจะได้เล่นงานมันได้ถนัด แต่พวกมึงกลับทำเสียแผนหมด ไอ้พวกโง่"
"คุณมาโนช ให้โอกาสพวกเราแก้ตัวอีกสักครั้งเถิดขอรับ คราวนี้ เราจะทำให้พระแก้วถูกจับสึกให้ได้ขอรับ"
มาโนชตะคอก
"ถูกจับได้คาหนังคาเขาแล้ว ยังคิดว่าไอ้แก้วจะโง่หลงกลอีกรึ ถึงขั้นนี้แล้ว เมื่อทำให้มันสึกไม่ได้
ก็ต้องให้มันตายคาผ้าเหลืองนั่นล่ะวะ"
พลอย และเข้มตกใจมาก เพราะถึงพวกตนจะเลวยังไง ก็ไม่กล้าขนาดนี้
"แต่ฆ่าพระ มันบาปมากนะขอรับ ตายไป ต้องไปเกิดเป็นเปรตลงมหาอเวจีนรกเชียวนะขอรับ"
ขาดคำ มาโนชก็ถีบเข้มจนล้มคว่ำ
"แล้วตั้งแต่เกิดมามึงเคยเห็นเปรตเห็นนรกหรือวะ ถึงได้รู้ว่าตายไปแล้วต้องตกนรก พวกมึงอย่าโง่เง่าให้มันมากนักเลย เลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะให้ไอ้แก้วตาย หรือพวกมึงจะตายเอง"
พลอย และเข้มหันไปมองหน้ากัน อึดอัดใจสุดๆ ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี

บรรยากาศภายในตลาดตอนสาย มีผู้คนซื้อขายของกันพอสมควร พลอยและเข้ม เดินคุยกันมาด้วยความหงุดหงิด
"พอไม่ได้อย่างใจ ก็มาลงมือลงตีนที่พวกเราตลอด แล้วนี่ยังใช้ให้ไปฆ่าพระอีก ถ้าไม่กลัวบาปกรรมจริงอย่างปากว่า ทำไมไม่ทำเองล่ะวะ" เข้มบอก
พลอยเองก็ชักไม่พอใจ
"แต่เราเป็นทาสเค้า ถ้าไม่ทำตามคำสั่งนาย ก็คงไม่แคล้วตายเหมือนหมาเสียเท่านั้นเอง"
เข้มเดินหงุดหงิดมาที่แผงขายเหล้า ปรากฏว่าคนขายกำลังเก็บแผง
"อ้าว ไม่ขายแล้วรึ"
ชาวบ้าน 1บอก
"มีคนซื้อไปหมดแล้ว เอาไว้วันหลังเถอะพ่อคุณ"
เข้มเดินออกมาจากแผงเหล้าด้วยความหงุดหงิดหนักกว่าเดิม
"อะไรวะ เห็นทีต้องทำบุญสะเดาะเคราะห์ใหญ่เสียบ้างแล้ว เมื่อคืนก็เกือบโดนกระทืบตาย พอเช้ามาจะซื้อเหล้ากินก็ยังไม่มีขายอีก"
พลอยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอก
"ไม่มีเหล้า ก็หาอย่างอื่นแทนสิวะ"
"อะไรจะแทนเหล้าได้วะ ยิ่งนึกยิ่งเปรี้ยวปาก"
พลอยกระซิบเบาๆ
"ก็ฝิ่นไงวะ"
"นี่เอ็งริสูบฝิ่นรึไอ้พลอย เอ็งไม่เคยเห็นคนที่มันลงแดงเพราะอยากฝิ่นรึ ผีก็ไม่ใช่ สัตว์ก็ไม่เชิง"
"นั่นมันพวกสูบทุกวันถึงได้ติดดอกวะ นานๆข้าจะสูบเสียที ไม่ติดดอก แลเอ็งก็อยากกินเหล้าคลายความกลัดกลุ้มไม่ใช่รึ ในเมื่อ หาเหล้าไม่ได้ ทำไมไม่สูบฝิ่นแทนล่ะวะ มันเคลิ้มดีกว่าเหล้าหลายเท่าเลยนะโว้ย"
เข้มชักลังเล ใจนึงก็อยากลอง แต่อีกใจก็กลัว

เวลาบ่าย ภายในคุกหญิง บุญเจิมคุยอยู่กับคอก
"ไอ้พวกนรกกินกบาล ขนาดบวชแล้วก็ยังตามจองเวรไม่เลิกอีก ขอให้พวกมันถูกธรณีสูบให้หมดเลย"
คอกแค้นใจ
"ข้าเองก็แค้นใจไม่แพ้เอ็งเหมือนกัน ใจพวกมันทำด้วยอะไรวะ ถึงได้ชั่วช้าขนาดนี้"
บุญเจิมขบกรามแน่นด้วยความโกรธแค้น
"แล้วเรื่องที่ข้าใช้ให้เอ็งไปทำ ไปถึงไหนแล้ว"
"เมื่อวาน ข้าไปจัดการตามที่เอ็งบอกแล้ว แต่นครบาลท่านบอกว่า ท่านเจ้าคุณมีอำนาจมากนัก แลคุณมาโนชก็อยู่ในนครบาลด้วย คงต้องใช้เวลาหาหลักฐานให้มั่นคง เพราะหากจับไม่มั่นคั้นไม่ตาย จะย้อนกลับมาเป็นภัยได้"
บุญเจิมยิ้มเจ้าเล่ห์
"ข้อนั้นไม่เป็นไรดอก ขอให้นครบาลท่านรับเรื่องไว้ก็พอ ที่เหลือ ก็แค่ให้มีเจ้าทุกข์เท่านั้น"
คอกยิ้มพอใจตามบุญเจิมไปด้วย
คอกแอบมาคุยกับทาสชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่ละแวกบ้านพระยาไชยากรตอนหัวค่ำ
ทาส 1ตกใจ
"เอ็งปดข้าหรือเปล่าวะไอ้คอก จะเป็นไปได้ยังไงวะ"
"พุทโธ่ ฉันจะปดป้าไปเพื่ออะไรเล่า พวกลุงกับป้าก็รู้ ว่าฉันหนีนายเงินอยู่ แต่ที่ฉันเสี่ยงนัดพวกลุงกับป้าออกมา ก็เพราะไม่อยากให้พวกเราถูกหลอกใช้ต่อไปยังไงล่ะ"
ทาส 2เครียดหนัก
"เรื่องลูกทาสเกิดปีมะโรงสัมฤทธิศกได้เป็นไท ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ท่านเจ้าคุณกับคุณมาโนชบอกว่าเป็นเรื่องเท็จ ข้าก็เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี"

"จริงแน่นอน วันที่พระแก้วมาเยี่ยมโยมแม่ ทุกคนก็ได้เห็นกับตา พระท่านเกิดปีมะโรงสัมฤทธิศก จึงได้เป็นไทตามพระราชบัญญัติ ถ้าหากยังเป็นทาสอยู่ ใครจะกล้าให้ท่านบวชกันเล่า"

พวกทาสหันไปมองหน้ากัน เริ่มคล้อยตามเชื่อคอกกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ทาส 3 บอก
"แล้วท่านเจ้าคุณจะโกหกไปเพื่ออะไรกันวะ"
ทาส 1บอก
"ก็เพื่อให้เราเป็นทาสรับใช้ต่อไปยังไงล่ะวะ ข้านึกแล้วว่าต้องมีอะไรสักอย่าง จู่ๆก็เข้มงวด ไม่ให้พวกเราออกนอกเรือน เหมือนอย่างเคย จนข้าไม่ได้เจอญาติพี่น้องมาเป็นเดือนๆแล้ว ที่แท้ก็กลัวความลับรั่วนี่เอง"
"ถูกต้องแล้วป้า ยิ่งไอ้พวกที่เกิดปีมะโรงเหมือนพี่แก้วยิ่งโดนหนัก เพราะเป็นตายยังไง ท่านเจ้าคุณก็ไม่มีวันปล่อยพวกมันไปดอก"
ทาส 3 เครียดหนักถาม
"แล้วเราจะทำยังไงกันดีวะ"
"มีทางเดียว ถ้าอยากเป็นไท ก็ต้องฟ้องร้องท่านเจ้าคุณ แลฉันได้ไปขอทางนครบาลให้ช่วยเหลือไว้แล้ว อยู่ที่พวกเรา จะกล้าหรือไม่"
พวกทาสหน้าถอดสีกันเป็นแถว ถ้าถึงกับฟ้องร้องพระยาไชยากร ก็เป็นเรื่องใหญ่เกินความคิดพวกตนมากนัก
"แต่ถ้าหากอยากเป็นทาสเขาไปจนตาย ก็ตามใจเถอะ"
พวกทาสหันไปปรึกษาหารือกัน คอกมองพวกทาส แล้วยิ้มๆ แผนของตนกับบุญเจิม น่าจะไปด้วยสวย

3 เดือนต่อมา น้ำทิพย์กำลังจิบชาฝรั่งร้อนๆ อยู่บนเรือน โดยมีนมอ้อนร้อยมาลัยอยู่ใกล้ๆ
"คุณน้ำทิพย์ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากเลยนะคะ เห็นอย่างนี้แล้ว นมก็ค่อยโล่งใจหน่อย"
น้ำทิพย์ยิ้มบางๆ
"ก็รักษาตัวอยู่เป็นแรมเดือน จนลมหายใจมีแต่กลิ่นยา มันก็ต้องดีขึ้นบ้างล่ะจ้ะนม"
ขณะนั้นเอง พระยาไชยากรเดินออกมาจากข้างใน
"แม่น้ำทิพย์รู้อย่างนี้แล้ว ทีหน้าทีหลัง ก็อย่าทำร้ายตัวเองอีกก็แล้วกันนะลูก"
น้ำทิพย์หน้าขรึมลง
"คุณพ่อก็รู้ดีไม่ใช่หรือคะ ว่าลูกทำไปเพราะอะไร"
เจ้าคุณหน้าบึ้งตึง แต่ไม่อยากทะเลาะกับลูก
"เอาเถอะๆ แม่น้ำทิพย์หายก็ดีแล้ว เราอย่าทะเลาะกันเลย วันนี้ลูกรับสำรับเช้าเป็นเพื่อนพ่อก็แล้วกันนะ"
"ค่ะคุณพ่อ"
สองพ่อลูกกำลังคืนดีกัน แต่ขณะนั้นเอง ทาสหญิงคนหนึ่งก็เดินนำตำรวจกลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนเรือน
หัวหน้าตำรวจยกมือไหว้
"ท่านเจ้าคุณไชยากรใช่หรือไม่ขอรับ"
เจ้าคุณรับไหว้
"ใช่ ฉันเอง มาหาพ่อมาโนชรึ ฉันจะให้คนไปตามนะ"
"มิได้ขอรับ พวกกระผมมาที่นี่ เพราะมีคนร้องทุกข์ไปว่าท่านเจ้าคุณขัดพระบรมราชโองการ ไม่ยอมปลดปล่อยทาสที่เกิดปีมะโรงสัมฤทธิศกให้เป็นไท กระผมจึงต้องมาขอไต่สวนทาสกลุ่มนั้นขอรับ"
พระยาไชยากรตกใจสุดๆ ไม่คิดว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา น้ำทิพย์ที่หน้าถอดสี เพราะรู้ว่าคราวนี้พ่อโดนโทษหนักแน่ เจ้าคุณตั้งสติได้ รีบปั้นหน้าดุกลบเกลื่อน
"ใครกัน ที่มันใส่ร้ายฉัน บอกชื่อมันมาซิ ฉันอยากรู้นัก"
"ข้อนั้นคงไม่ได้ดอกขอรับ เพราะท่านเสนาบดีกำชับกระผมมาให้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ด้วยเกรงว่าผู้ร้องทุกข์จะเป็นภัยขอรับ"
น้ำทิพย์หน้าเสีย
"นี่เรื่องไปถึงท่านเสนาบดีเชียวหรือคะ"
"ขอรับ แลท่านมีหมายเชิญท่านเจ้าคุณไปชี้แจงด้วย"
ตำรวจยื่นหมายเรียกให้เจ้าคุณ
" หากจำเป็น อาจจะต้องเข้าเฝ้าในวันนี้เลย"
พระยาไชยากรรับหมายเรียกมาอ่าน ก็หน้าถอดสีทันที เพราะเรื่องร้ายแรงมากแล้ว

ตำรวจกลุ่มหนึ่ง กำลังสอบปากคำทาสชาย-หญิง ที่เกิดในปีมะโรงสัมฤทธิศกปีเดียวกับแก้ว มาโนชเดินหน้าเครียดเข้ามาหาตำรวจ 1 ซึ่งเป็นหัวหน้าตำรวจ โดยมีทาสหญิงคนหนึ่งถือถาดใส่ขนมทองหยิบ ทองหยอดและมีฝาครอบถาดขนมตามหลังมาด้วย
มาโนชปั้นยิ้ม
"คุณศรนี่เอง นึกว่าใคร นี่มานานแล้วหรือขอรับ"
"สักครู่แล้วขอรับ กระผมมีหน้าที่ไต่สวนพวกทาส แลส่งหมายของท่านเสนาบดีให้ท่านเจ้าคุณไชยากร เสร็จแล้วก็จะกลับ เลยไม่อยากรบกวนคุณมาโนชน่ะขอรับ"
"จะเรียกว่ารบกวนได้อย่างไร มันเป็นหน้าที่เจ้าบ้านอย่างกระผมที่ต้องต้อนรับคุณศรอยู่แล้ว วันนี้ที่บ้านกระผมทำทองหยิบทองหยอด ขอเชิญคุณศรชิมสักหน่อยสิขอรับ"
ทาสหญิงคุกเข่าลง ยื่นถาดขนมให้ตำรวจ เมื่อเปิดฝาที่ครอบถาดออก เห็นจานทองหยิบทองหยอดวางอยู่ โดยข้างๆมีถุงใส่เงินวางแอบอยู่ด้วย ตำรวจ รู้ว่ามาโนชติดสินบน
มาโนชยิ้มเจ้าเล่ห์บอก
"เชิญขอรับคุณศร หากรสชาติถูกปาก ก็เชิญนำกลับไปทานที่บ้านได้เลยนะขอรับ"

ตำรวจปิดฝาครอบลงเหมือนเดิม
"คงไม่เหมาะกระมังขอรับ เพราะงานของกระผมยังไม่เสร็จ แลงานนี้เพียรหาพยานหลักฐานมาเป็น แรมเดือน กระผมจะเห็นแก่ของหวานจนเสียงานก็ไม่ควร ยิ่งหากท่านเสนาบดีถามถึง กระผมก็จะได้รับโทษหนักไปด้วย"

มาโนชหน้าเสียทันที รู้ว่าติดสินบนไม่สำเร็จก็ยิ่งเครียดหนัก
 
อ่านต่อหน้า 3

ลูกทาส ตอนที่ 10 (ต่อ)

ผ่านเวลาซักครู่ พระยาไชยากรแต่งตัวเตรียมไปหาเสนาบดีและเข้าเฝ้าเดินคุยกับน้ำทิพย์ออกมาจากข้างใน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหนัก

เจ้าคุณโกรธจัด
"ทำเป็นเถรตรง เรื่องแค่นี้ทำไมจะช่วยกันไม่ได้ ก็ไต่สวนอย่าง จดอีกอย่าง ไม่เห็นจะยาก"
น้ำทิพย์อับอาย
"คุณพ่อยังจะโทษคุณศรอีกหรือคะ เราเองต่างหากที่คิดไม่ซื่อไปติดสินบนเค้า เค้าไม่เอาเรื่องก็ดีเท่าไหร่แล้ว"
"ถึงเอาเรื่องพ่อก็ไม่กลัวดอก ไอ้เรื่องคราวนี้ก็เหมือนกัน พ่อไม่เชื่อว่าจะโดนลงโทษอะไรหนักหนา"
เจ้าคุณกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้น
"อย่าให้พ่อรู้ก็แล้วกัน ว่าใครมันเอาเรื่องนี้ไปฟ้องร้อง พ่อไม่เอามันไว้แน่"
"แต่เราก็ผิดจริงนะคะ ลูกเคยเตือนคุณพ่อหลายครั้ง แล้วคุณพ่อก็ไม่ฟัง"
"นี่มันใช่เวลาที่จะมาตำหนิพ่อรึแม่น้ำทิพย์"
น้ำทิพย์สีหน้าเจื่อนไป
"ขอประทานโทษค่ะ แล้วนี่คุณพ่อจะทำอย่างไรต่อไปคะ"
"พ่อก็คงต้องไปพูดให้ท่านเสนาบดีเข้าใจ แลอาจต้องเข้าเฝ้าพระองค์ท่านด้วย แต่ถึงอย่างไร พ่อก็เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แม้พ่อจะผิด แต่ก็คงไม่มีใครเห็นไอ้ทาสชั้นต่ำพวกนี้ดีกว่าพ่อเป็นแน่" เจ้าคุณพูดพลางยกมือไหว้ด้วยสีหน้ามั่นใจ
พระยาไชยากรเดินเลี่ยงลงจากเรือนไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำทิพย์หวั่นใจ เป็นห่วงพ่อมาก ความผิดคราวนี้ใหญ่หลวงนัก

บรรยากาศย่านร้านค้าตอนสาย คุณกัลยาเดินออกมาจากร้านหมอฝรั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตุ๊กตากำลังเลือกซื้อของอยู่ใกล้ๆ รีบเดินเข้ามาหา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
"พบหมอเสร็จแล้วหรือคะคุณแดง"
คุณแดงสีหน้าเศร้า พยักหน้ารับ
"ฉันอยากกลับเรือนแพ"
เธฮพูดพลางไอโขลก
"รอตรงนี้ก่อนนะคะ ตุ๊กตาไปตามรถลากมาให้"
ตุ๊กตารีบเดินเลี่ยงไป เธอยังไอต่อจนหอบ พอหยุดไอ ก็พยายามจะหาที่นั่งพักเพราะไข้ขึ้นจนไม่ไหว
แต่พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เวียนหัว เห็นทุกอย่างเบลอไปหมด เธอหน้ามืดเป็นลม ล้มลงกับพื้นตรงหน้าร้านหมอ

เวลาเที่ยง ภายในห้องนอน ในเรือนแพ คุณกัลยาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น เพราะรู้สึกเหมือนมีคนกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวตนอยู่อย่างระมัดระวัง คนเช็ดตัวคือ น้ำทิพย์นั่นเอง
"ฟื้นแล้วหรือคะคุณแดง"
คุณแดงไข้ขึ้นสูง งงๆ
"คุณน้ำทิพย์ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ"
"ฉันเห็นตุ๊กตาให้คนหามคุณแดงกลับมา เลยทราบว่าคุณแดงไม่สบาย
ก็เลยมาเยี่ยมน่ะค่ะ"
"ฉันจำได้ว่าไปหาหมอ แล้ว..."
"ตุ๊กตาเล่าให้ฉันฟังแล้วค่ะ พอคุณแดงหาหมอเสร็จ คุณแดงก็เป็นลมไป ตุ๊กตาเลยพาคุณแดงกลับเข้าไปหาหมอ แล้วก็ไปตามท่านเจ้าคุณน่ะค่ะ"
"มิน่าล่ะ ฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลย เอ่อ แล้วเจ้าคุณพี่ล่ะคะ"
"ท่านเจ้าคุณอยู่คุยกับหมอต่อน่ะค่ะ แล้วให้ตุ๊กตาพาคุณแดงกลับมาที่เรือนแพก่อน"
คุณแดงพยักหน้าช้าๆ พยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่ก็ไม่มีแรง ไอโขลกออกมาอีก
"คุณแดงยังมีไข้อยู่ นอนพักก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้นะคะ"
น้ำทิพย์ประคองคุณแดงให้นอนลง แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ไข้ลด

พระยานิติธรรมเดินนำอ้นกลับมาถึงเรือนแพ น้ำทิพย์และตุ๊กตาก็รีบเข้าไปหาทันที
"คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ" น้ำทิพย์ถาม
เจ้าคุณหน้าเครียดหนัก
"ฉันคุยกับหมอโดยละเอียดแล้ว อาการของน้องแดงตอนนี้... ถือว่าวิกฤติเกินจะรักษาได้แล้ว"
ทุกคนตกใจจนหน้าถอดสี น้ำทิพย์สงสารจับใจ
"ไม่มีทางรักษาอื่นเลยหรือคะ"
"คุณหมอให้รอยาตัวใหม่ แต่ความหวังก็ริบหรี่ ...ตอนนี้เป็นเวลาสำคัญ เราต้องรีบไปตามเจ้าคุณพ่อกับคุณน้าลออมาเยี่ยมน้องแดง ฉันอยากให้มีเวลาได้อยู่ด้วยกันนานที่สุดเท่าที่จะทำได้"
เจ้าคุณน้ำตารื้นขึ้นมาจนต้องเบือนหน้าไปอีกทาง อ้นดูเศร้าสลด ตุ๊กตาร้องไห้ออกมา น้ำทิพย์มีสีหน้าครุ่นคิดตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

เวลาเย็น พระแก้วกำลังยืนคุยกับน้ำทิพย์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่หน้ากุฏิ
"ฉันเห็นว่าอาการคุณแดงน่าจะหนักเอาการอยู่ เลยอยากจะนิมนต์ท่านให้ไปเยี่ยมคุณแดงเธอน่ะค่ะ"
พระแก้วเครียดหนัก
"มิน่าเล่า ปกติสีกาแดงจะทำอาหารมาถวายอาตมาเกือบทุกวัน นี่หายไปห้าหกวันแล้ว ที่แท้ก็ป่วยหนักนี่เอง"
"ฉันไม่อยากพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลเลย แต่คราวนี้ท่านเจ้าคุณนิติธรรม รีบไปตามเจ้าคุณพ่อของเธอกับคุณหญิงมาเยี่ยมอาการคุณแดงทันที ท่านเจ้าคุณคงเกรงว่า.."

น้ำทิพย์พูดไม่ออก น้ำตารื้นขึ้นมา แก้วเคร่งเครียดเป็นห่วงคุณกัลยาเช่นกัน

บริเวณเรือนแพตอนหัวค่ำ น้ำทิพย์เปิดประตูพาพระแก้วเข้ามาในห้อง พอเข้ามา ก็เห็นตุ๊กตากำลังดูแลคุณกัลยาที่นอนไข้ขึ้นอยู่
 
ตุ๊กตานึกไม่ถึง รีบคุกเข่าลงกราบสามครั้ง
"พระแก้ว"
คุณกัลยาเหลือบตามองพระแก้ว ดีใจมากที่ได้เจอ
"พระแก้วมาหรือคะ"
แก้วเดินเข้าไปหาเธอ
"อาตมาอยู่นี่สีกา"
เธฮยกมือไหว้ทั้งๆที่นอนอยู่ เพราะลุกไม่ไหว
"ท่านมาพอดี ฉันยังไม่ไร้วาสนาเสียทีเดียว"
เธอไอหนัก แถมทำท่าจะอาเจียน จนตุ๊กตาต้องรีบหยิบกระโถนไปให้อาเจียนออกมา ก่อนคุณแดงจะนอนลงต่ออย่างหมดแรง ตุ๊กตาวางกระโถนลง แก้ว และน้ำทิพย์เหลือบมอง เห็นในกระโถนเต็มไปด้วยเลือดสดๆเต็มไปหมด
แก้วสงสารจับใจ
"เจริญพร อาตมาใคร่ขอร้องอย่าได้พูดคำใดอีกเลย เพราะการพูดจะทำให้ต้องไอแลอาเจียนอีก ขณะนี้สีกา พึงสำรวมจิตตั้งมั่นเอาชนะโรคภัยเถิด"
เธอส่ายหน้าด้วยความอ่อนแรง
"ฉันเอาชนะสิ่งใดมิได้แล้ว เพราะฉันพ่ายแพ้ต่อสิ่งที่ตั้งหวังไว้ยับเยิน ชีวิตนี้ฉันไม่เสียดายเลย เพียงแต่เสียใจที่มิได้อยู่อุปถัมภ์พระให้ตลอดรอดฝั่ง"
เธอหันไปมองน้ำทิพย์นิดนึง น้ำทิพย์อ่านสายตาออกว่า คุณกัลยามีเรื่องต้องการคุยกับพระตามลำพัง เลยหันไปพูดกับตุ๊กตา
"ออกมาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิจ๊ะ แต่เปิดประตูห้องทิ้งเอาไว้ด้วยนะ พระท่านจะได้ไม่ผิดพระธรรมวินัย"
"เจ้าค่ะ"
ทั้งคู่เดินออกจากห้องไป โดยเปิดประตูทิ้งไว้
พระแก้ว กับคุณกัลยาต่างมองกันนิ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี

น้ำทิพย์เดินออกมาที่ชานเรือนพร้อมกับตุ๊กตา
"คุณน้ำทิพย์เป็นคนไปนิมนต์พระแก้วมาหรือคะ"
" จ้ะ ฉันพอจะรู้ว่าอาการคุณแดงหนักมากแล้ว เลยอยากเห็นเธอมีความสุข เผื่อจะมีกำลังใจเอาชนะโรคร้ายได้"
"คุณน้ำทิพย์ใจดีจังเลยนะคะ แลยังละเอียดรอบคอบอีกด้วย"
ขณะนั้นเอง พระยานิติธรรมธาดาก็เดินกลับเข้ามาพร้อมคุณหญิงลออและพระยาเดชารณภพ โดยมีอ้นเดินรั้งท้าย น้ำทิพย์ไหว้ทุกคน ตุ๊กตานั่งพับเพียบลงกับพื้น
เจ้าคุณเดชารณภพ คุณหญิงลออรับไหว้
"นี่คุณน้ำทิพย์ขอรับ เธอเป็นบุตรีท่านเจ้าคุณไชยากร อยู่เรือนฝั่งตรงข้ามคลองขอรับ ส่วนนี่ตุ๊กตา ...
เป็นคนดูแลน้องแดงขอรับ"
ตุ๊กตาแอบยิ้มดีใจ ที่เจ้าคุณแนะนำอย่างให้เกียรติ โดยไม่บอกว่าเป็นบ่าวไพร่ เธอก้มลงกราบเจ้าคุณกับ คุณหญิง
เจ้าคุณเดชารณภพทักทายน้ำทิพย์
"มาเยี่ยมแม่แดงหรือหนู ขอบใจมากนะ"
น้ำทิพย์ยิ้มรับ
"ฉันนึกว่าคุณน้ำทิพย์กลับไปแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าจะอยู่จนถึงมืดค่ำ"
"ฉันไปนิมนต์พระแก้วมาพบคุณแดงค่ะ ตอนนี้กำลังสนทนากันอยู่"
ลออห่วงลูกมาก
"นี่ถึงกับนิมนต์พระกันแล้วรึ ไหนท่านเจ้าคุณบอกน้าว่า แม่แดงยังมีเรี่ยวแรง แลหากได้ยาใหม่มาทัน อาจมีเหตุอัศจรรย์ก็เป็นได้อย่างไรล่ะ"
"มิได้ขอรับคุณน้า คุณน้ำทิพย์เธอไม่ได้นิมนต์พระแก้วมาเพื่อให้น้องแดงไปสู่สุคติ แต่นิมนต์มาเพื่อเหตุอื่นขอรับ"
"เหตุอันใดรึท่านเจ้าคุณ แลพระแก้วรูปนี้เป็นใครกันแน่"
เจ้าคุณนิติธรรมอึกๆอักๆ จะบอกว่าน้องมีใจให้อดีตทาสก็ยังไงอยู่
"เล่าไปเถอะขอรับท่านเจ้าคุณ ถึงขั้นนี้แล้ว ให้ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงทราบไว้ดีกว่าขอรับ" อ้นบอก
พระยานิติธรรมถอนใจ พยายามลำดับเรื่องเพื่อจะเล่าให้ฟัง

ภายในห้อง ที่เปิดประตูอ้าไว้ พระแก้วกำลังคุยกับคุณกัลยาที่ไอโขลกเป็นระยะอยู่
“เชื่ออาตมาเถอะสีกา อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย พักผ่อนก่อนเถอะ”
“ให้ฉันพูดเถอะค่ะ เพราะถ้าฉันไม่พูดตอนนี้ ฉันอาจจะไม่ได้คุยกับท่านอีกแล้ว อย่างที่ฉันบอก ฉันเสียใจที่จะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของท่าน แต่ฉันก็ยังหวังที่จะเห็นท่านรุ่งเรืองต่อไป แต่หากท่านอยู่ในเพศฆราวาสคงยากนัก ฉันจึงอยากขอให้ท่านบวชโดยไม่สึกตลอดชีวิต เพราะฉันมั่นใจในปัญญาของท่าน ว่าจะต้องได้เป็นสมเด็จในบรรพชิตเพศเป็นแน่”
พระแก้วตกใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะขอให้บวชไม่สึก จึงรีบตั้งสติบอกไปว่า
“อาตมาได้ตั้งปณิธานไว้นานแล้ว ว่าเมื่อพ้นจากความเป็นทาสเขาเมื่อใด จะพยายามใช้ชีวิต เพื่อสนองพระคุณท่านผู้ให้ความเอื้อเฟื้อทั้งทางปัญญาแลชีวิต มิให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เนรคุณ หากอยู่ในบรรพชิตเพศ โอกาสที่กล่าวนั้นก็จะมิมีหวังเป็นไปได้เลย หวังว่าสีกาคงเห็นด้วยกับความจริงข้อนี้”
เธอส่ายหน้าช้าๆ
“ฉันไม่เห็นด้วยดอกค่ะ เพราะฉันถือว่าการบวชตลอดไปโดยมิสึกนั้น นอกจากเป็นการเชิดชูพระศาสนาแล้ว ยังทำให้วิญญาณของฉันมีสุข ขอให้ท่านจงอยู่ในผ้าเหลือง จนเป็นสมภารเจ้าวัดเถอะค่ะ”
แก้วอึ้งไปครู่ ก่อนจะหน้าขรึมลง
“เจริญพร อาตมาขอภาวนาให้สีกาหายเจ็บไข้แต่บัดนี้เถิด ส่วนเรื่องการบวชต่อหรือสึกเพื่อภาระทางโลกนั้น อาตมาขอตรึกตรองดูก่อนสักเพลาหนึ่ง”
“ฉันไม่ต้องการคาดคั้นดอกค่ะ ที่ถามท่านเช่นนี้ ก็เพื่อจะปลดโซ่ตรวนในใจฉันเท่านั้น มาบัดนี้ ฉันเข้าใจแล้ว ว่าภาระสำคัญที่รั้งมิให้ท่านครองผ้าเหลืองตลอดชีพนั้นคืออะไร”
พอพูดจบ เธอก็ไอโขลกออกมาไม่ยอมหยุด จังหวะนั้นเอง เจ้าคุณก็พาพ่อกับคุณหญิงลออเข้ามาในห้อง
ทั้งสามคนยกมือไหว้พระแก้ว ก่อนที่คุณหญิงกับพระยาเดชารณภพรีบเข้าไปดูแลคุณแดง
“คุณพ่อ คุณแม่”
คุณหญิงลออห่วงและสงสารลูก
“แม่แดงลูกแม่ เป็นอย่างไรบ้างลูก”
เจ้าคุณหันมาพูดกับแก้ว
“ขอบพระคุณท่านมากนะขอรับ ที่มาหาน้องแดง”
พระแก้วยิ้มรับบางๆ
“อาตมาต้องมาอยู่แล้ว โยมเจ้าคุณ”

ทั้งคู่มองหน้ากันต่างรู้อยู่แก่ใจ ว่าชีวิตของคุณกัลยาเหลือน้อยและใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ผ่านเวลาพักใหญ่ พระยาไชยากรเดินกลับขึ้นเรือนมาด้วยสภาพอิดโรย ไม่มีสง่าราศี ดวงตาเหม่อลอยคนเดิมที่หยิ่งยโสลิบลับ

น้ำทิพย์รีบเข้าไปหาพ่อทันที
“คุณพ่อ ท่านเสนาบดีว่าอย่างไรบ้างคะ”
เจ้าคุณเดินซึมเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ แล้วพึมพำ
“หมดแล้ว หมดแล้วลูก ชีวิตพ่อหมดแล้ว”
น้ำทิพย์ และ นมอ้อน เห็นสภาพเจ้าคุณก็ใจคอไม่ดี เธอเป็นห่วง เข้าไปจับแขนพ่อไว้ ฝ่ายพ่อน้ำตาคลอเบ้ามองลูกสาว
“มีพระบรมราชโองการลงโทษพ่อ ไล่ออกจากราชการ พ่อหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วน้ำทิพย์”
พระยาไชยากรเดินเหมือนคนหัวใจสลายเข้าข้างในไป ท่ามกลางความตกใจสุดๆของน้ำทิพย์และ
นมอ้อน ไม่คิดว่าเจ้าคุณจะมีวันนี้

เวลากลางคืน มุมหนึ่งในบ้านไชยากร เข้มเดินเมาฝิ่น ยิ้มเคลิ้มมาเรื่อย ขณะนั้นเอง พลอยกำลังลงแดงอยากฝิ่น หงุดหงิด ก็ตรงเข้ากระชากแขนเข้ม
“ไอ้เข้ม เอ็งไปโรงฝิ่นมาใช่หรือไม่”
เข้มเมาฝิ่น หัวเราะรื่น
“รู้แล้วยังจะถามอีก ไอ้โง่”
พลอยโมโห เหวี่ยงเข้มจนล้มลงกับพื้น
“แล้วทำไมเอ็งไม่ชวนข้า”
“คราวก่อน เอ็งยืมเบี้ยข้าไปสูบฝิ่น ยังไม่ใช้คืนเลย แล้วใครจะชวนไปอีกวะ”
“มึง...”
ทันใดนั้นทาสชายจำนวนหนึ่งกรูกันออกมาจับตัวทั้งสองไว้ พลอยและเข้มตกใจ พยายามขัดขืนก็สู้ไม่ได้ เลยถูกจับกดลงกับพื้น
“พวกเอ็งทำกับข้าอย่างนี้ได้ยังไง ข้าจะฟ้องคุณมาโนช”
ขาดคำ มาโนชก็เดินออกมาอย่างหงุดหงิด
“มึงจะฟ้องอะไรกู กูเป็นคนสั่งเองล่ะโว้ย... เฮ้ย เอามันสองคนไปที่ท่าเรือ กูตกลงใจจะขาย พวกมันไปที่หัวเมืองปักษ์ใต้แล้ว ให้มันขุดแร่จนตายคาเหมืองไปเลย”
พลอยตกใจมากถาม
“พวกกระผมผิดอะไร คุณมาโนชถึงจะลงโทษเช่นนี้ล่ะขอรับ”
มาโนชตะคอก
“ก็กูสั่งงานอะไรพวกมึงล่ะ จนไอ้แก้วมันบวชครบพรรษาแล้ว พวกมึงก็เอาแต่ผัดผ่อนไม่ยอมทำงานให้กู แล้วกูจะเก็บพวกมึงไว้ทำไม... เอาพวกมันไป”
มาโนชสั่ง พวกทาสช่วยกันลากพลอย และเข้มขึ้นมา จะพาไปตามที่มาโนชสั่ง เข้มกลัวมาก
“เมตตาด้วยขอรับ คุณมาโนช กระผมยังไม่อยากตาย เมตตาด้วยขอรับ”
“ยอมแล้วขอรับ คุณมาโนชจะให้ทำอะไร กระผมยอมแล้ว ขอรับ”
“หยุด ปล่อยพวกมัน”
พวกทาสปล่อยทั้งคู่ตามคำสั่ง ทั้งคู่ตื่นตกใจ พอมาโนชเอาจริงก็ต้องยอม … ในที่สุด มาโนชก็บังคับให้พลอยและเข้มไปฆ่าแก้วได้แล้ว

เวลากลางวัน ภายในร้านธูปน้อม อบเชยพูดขึ้นอย่างนึกไม่ถึงกับเรื่องปลดเจ้าคุณ
“จริงรึป้า เป็นถึงพระยาพานทอง จะถูกปลดง่ายๆได้อย่างไร”
อบเชยกำลังคุยอยู่กับน้อม ส่วนนิ่มนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ใกล้ๆ รับรู้ข่าวร้ายของสามี แม้จะโกรธเคืองยังไง ก็ยังอดห่วงไม่ได้
“ของอย่างนี้ หากข้าไม่ไต่ถามจนแน่ใจแล้ว ไม่กล้าเอามาพูดดอกโว้ย อีตาพระยาไชยากรขัดพระบรมราชโองการ ไม่ยอมปลดปล่อยทาสที่เกิดปีมะโรงให้เป็นไท ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ ก็เลยโดนปลดออกจากราชการกลายเป็นไพร่ สาแก่ใจข้านัก”
น้อมตบเข่าฉาด หัวเราะสะใจสุดๆ
“ทำตัวเองแท้ๆ ฉันเองก็ไม่อยากจะซ้ำเติมดอกนะ แต่เป็นอย่างนี้ก็สมควรแล้ว หาความสงสารให้ไม่ได้เลย” อบเชยพูดพลางถอนใจ
นิ่มฟังทั้งคู่คุยกันแล้วหน้าซีดเผือด รู้ว่าสามีเป็นคนไม่ดี มีแต่คนสมน้ำหน้าแน่นอน น้อมสังเกตสีหน้าลูก แล้วพูดดักคอ
“แม่นิ่มคงไม่ลืมดอกนะ ว่าต้องซมซานกลับมาอยู่กับแม่เพราะอะไร ถึงไม่รักแม่ ก็ขอให้รักศักดิ์ของตัวเองบ้างเถอะ”
นิ่มหน้าเจื่อนไป
“แม่ไม่ต้องกลัวดอกจ้ะ ฉันกับท่านเจ้าคุณสิ้นวาสนากันแล้ว ไม่มีวันที่ฉันจะกลับไปหาท่านอีกดอก”
น้อมดีใจ เข้าไปโอบกอดลูก
“คิดถูกแล้วแม่นิ่มเอ๊ย อีตอนมีวาสนาก็หยามหมิ่นเรา ตอนนี้ถูกปลดเป็นไพร่เท่ากัน ใครกลับไปหาอีก
ก็โง่เต็มทนแล้ว”
น้อมยิ้มสะใจสุดๆ เมื่อนึกถึงเรื่องพระยาไชยากรถูกปลด ฝ่ายลูกสาวใจจริงยังเป็นห่วงสามีสุดๆ ยังไงก็ตัดไม่ขาด

ยามบ่าย ภายในห้องนอน ไชยากรนอนตาลอย นิ่งซึม หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ ชีวิตก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่น้ำทิพย์จะเปิดประตู พร้อมกับยกสำรับกับข้าวมาให้พ่อ
“พวกบ่าว บอกว่าคุณพ่อไม่ยอมทานข้าวปลา ลูกเลยยกสำรับมาให้คุณพ่อเอง ทานเสียหน่อยนะคะ วันนี้ทั้งวันคุณพ่อยังไม่รับอะไรเลย หากไม่ทานอีก จะล้มป่วยเอาได้นะคะ”
“ตายเสียได้ก็ดี พ่อไม่อยากจะอยู่แล้ว”
น้ำทิพย์สงสารพ่อสุดๆ
“อย่าพูดเช่นนั้นเลยค่ะ ลูกใจคอไม่ดี แลถึงคุณพ่อจะไม่มีอำนาจวาสนาเหมือนเก่า แต่เราก็ยังมีทรัพย์สมบัติอีกมากนัก คุณพ่ออย่าเป็นทุกข์ไปเลยนะคะ”
“พ่อจะฆ่ามัน หากพ่อรู้ ว่าใครเอาเรื่องไปกราบบังคมทูลให้พ่อต้องถูกปลดจากราชการ พ่อจะไม่เอามันไว้เด็ดขาด”
น้ำทิพย์หน้าเสีย ขนาดนี้แล้วพ่อก็ยังไม่สำนึกผิด
“ถึงขั้นนี้แล้ว คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ทาสที่เกิดปีมะโรงสัมฤทธิศกทุกคนก็ได้เป็นไท ย้ายออกจากเรือนไปหมดแล้ว แลตอนนี้คุณพ่อก็ไม่ได้รับราชการ คงไม่อาจเฆี่ยนตีทาสเหมือนก่อนได้อีก ลูกว่าคุณพ่ออย่าคิดเรื่องนี้อีกเลย ถือเสียว่าเป็นกรรมเก่าเถอะค่ะ”
ไชยากรนอนหันหลังให้ลูก ขบกรามแน่น น้ำตาคลอเบ้า ไม่ยอมพูดอะไรอีก เป็นตายยังไง ตนก็รับสภาพนี้ไม่ได้ น้ำทิพย์สงสารพ่อจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ในเมื่อพ่อเป็นคนดื้อดึงจนเรื่องบานปลายมาขนาดนี้

มาโนชยืนแอบมองอยู่หน้าประตูซึ่งไม่ได้ปิด เขาเหยียดปากดูถูก เมื่อเจ้าคุณถูกปลดลงเป็นไพร่ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องยำเกรงอีกแล้ว

เวลาเย็น เข้มกำลังเก็บข้าวของเตรียมหนี ทันใดนั้น ประตูก็เปิดอออก เข้มสะดุ้งตกใจ แต่พอเห็นว่าเป็นพลอย เข้มก็เป่าปากอย่างโล่งอก

“โธ่ ไอ้พลอย คิดว่าใคร”
“เอ็งจะไปไหนวะ ไอ้เข้ม”
เข้มหน้าเสีย อึกๆอักๆ
“เอ็งคิดจะหนีใช่หรือไม่ จะลงมืออยู่แล้ว ยังลังเลอะไรอีกวะ”
เข้มหน้าและเสียงเครียดสุดๆ
“นี่เอ็งจะทำจริงรึไอ้พลอย ฆ่าพระทั้งผ้าเหลือง ข้าทำไม่ได้ดอกวะ นรกกินกบาลเชียวนะเอ็ง”
“นรกจะกินกบาลหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่ถ้าถูกขายไปหัวเมืองปักษ์ใต้ ได้ทำงานจนตายคาเหมืองแน่”
“ข้าถึงจะหนีอยู่นี่ไงเล่า เอ็งก็ไปกับข้าเถอะวะไอ้พลอย เรื่องอะไรต้องอยู่รับใช้คนอย่างคุณมาโนชด้วย”
“หนีไป แล้วจะเอาเหล้าที่ไหนกิน เอาฝิ่นที่ไหนสูบล่ะวะ หรือว่าเอ็งจะทนอดได้”
เข้มเครียดหนัก ลังเลสุดๆ ไม่รู้จะเอายังไงดี

พระแก้วกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กลางดึกในกุฏิที่เปิดหน้าต่างเอาไว้ คอกยกกาน้ำชากาใหญ่มาวางใกล้ๆพระแก้ว คอกกระหยิ่มยิ้มย่อง
“เสียดายนัก ที่ท่านเจ้าคุณเพิ่งโดนปลดจากราชการตอนนี้ หากโดนปลดก่อนหน้านี้สักปีสองปี กระผมกับหลวงพี่ก็คงไม่ต้องตกระกำลำบากเช่นนี้แล้วขอรับ”
“การยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น ไม่ใช่สิ่งดีงามเลยนะโยมคอก การให้อภัยกันต่างหาก จึงเป็นหนทางแห่งการระงับเวรกรรมที่แท้จริง”
“หลวงพี่เป็นพระ ก็ต้องระงับเวรด้วยการไม่จองเวรน่ะสิขอรับ แต่กระผมเป็นฆราวาส ขอจองเวรบ้าง พอไม่ให้อึดอัดใจตาย ไม่เป็นกระไรดอกขอรับ”
แก้วส่ายหน้า ไม่รู้จะสอนยังไง ฉุกคิดขึ้น
“แต่จะว่าไป เรื่องนี้ก็พิกลอยู่ ท่านเจ้าคุณระมัดระวังนัก ไม่ให้พวกทาสรู้ความจริง แล้วเหตุใดพวก
ทาสถึงเอาไปฟ้องร้องได้ ชะรอยต้องมีคนชี้ช่องให้เป็นแน่ หรือโยมคอกว่าอย่างไร”
คอกหน้าเจื่อน กลัวความแตก
“เอ่อ หลวงพี่จะคิดไปทำไมขอรับ ท่านเจ้าคุณคิดคดขัดพระบรมราชโองการเอง ถือว่ากรรม
ตามสนองแล้ว อย่าไปสนใจเลยขอรับ ลมเริ่มพัดแรงแล้ว เดี๋ยวกระผมปิดหน้าต่างก่อนนะขอรับ”
คอกจะเดินไปปิดหน้าต่าง แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีคบไฟขว้างเข้ามาทางหน้าต่าง ท่ามกลางความตกใจของทุกคน พระแก้ว และคอกตกใจ รีบช่วยกันดับคบไฟ แต่คบไฟอันอื่นขว้างตามเข้ามาอีกหลายอันจนดับ
ไม่ไหว คอกตกใจสุดๆ
“รีบหนีกันก่อนเถอะขอรับ”
คอกรีบไปเปิดประตูจะหนี แต่พอเปิดออก ก็พบว่าหน้ากฏิกำลังถูกไฟไหม้โหมแรงจนฝ่าออกไปไม่ได้
คอกตกใจสุดๆ ทำอะไรไม่ถูก พระแก้วตั้งสติได้ รีบหยิบผ้าห่ม แล้วเอาน้ำชาในกาที่คอกเพิ่งเอามาให้ เทใส่ผ้าจนเปียกโชก แล้วเอาคลุมตัวคอกกับตนไว้ เพื่อกันไม่ให้ไฟไหม้ตัวเอง พระแก้วสั่งเสียงดัง
“รีบไปไอ้คอก”
พระแก้วใช้ผ้าคลุมตัวเองกับคอก วิ่งฝ่ากองไฟออกจากกุฏิไป

แก้ว และคอกใช้ผ้าเปียกน้ำคลุมตัวฝ่ากองไฟออกมา จนมาล้มลงที่หน้ากุฏิ พระแก้วรีบสะบัดผ้าที่คลุมตัวออก ตามเนื้อตัวมีแผลไหม้พุพองบ้างเล็กน้อย ไม่มากนัก ทั้งคู่ไอโขลกสำลักควันไฟ ทันใดนั้นเอง พระแก้วก็เหลือบเห็นชายสองคนใช้ผ้าคลุมหน้า ถือดาบยืนจังก้าอยู่ใกล้ๆพวกตน
“ไอ้คอก ระวัง”
พระแก้วรวบตัวคอกกลิ้งหลบ จังหวะเดียวกับที่พลอยฟันดาบใส่ทั้งทั้งคู่พร้อมกัน แก้วกับคอกรอดไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด เข้มตามเข้ามาซ้ำ พระแก้วหยิบผ้าเปียกที่คลุมตัวสะบัดคลุมใส่เข้ม แล้วพลิกตัวหลบก่อนจะลุกขึ้นยืน พลอยก็ตามเข้ามาเตะซ้ำแล้วใช้ดาบฟัน พระแก้วหลบได้ แต่ก็โดนเข้มตามมาฟันเฉี่ยวไปอย่างหวุดหวิด ทั้งสองคนจะเข้าไปซ้ำ แต่คอกหยิบไม้บนพื้นฟาดเข้ากลางหลังเข้มเต็มๆ

คอกหวดซ้ายหวดขวา ใส่พลอย และเข้มไม่ยั้ง ทั้งคู่ไม่ทันระวังตัวเลยโดนเข้าไปหลายที ฝ่ายพระแก้วตั้งหลักได้ เข้าไปช่วยแย่งดาบในมือเข้ม ทั้งคู่ยื้อยุดกันเต็มที่ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายแย่งดาบไปได้ ส่วนคอกก็ไล่ตีพลอยไม่ยั้ง พลอยโดนเข้าไปหลายทีก่อนจะเล่นงานคอกจนกระเด็นไป
พลอยเห็นจังหวะ ฉวยโอกาส จะแทงมีดเสียบใส่ด้านหลังพระแก้ว คอกตกใจ ตะโกนบอก
“หลวงพี่ระวัง”
แต่ไม่ทันที่พระแก้วจะรู้ตัว คอกจึงต้องพุ่งตัวเข้าขวางรับมีดที่พลอยแทงมาแทน พระแก้วเหลือบไปเห็นคอกถูกแทง ก็ตกใจสุดขีด
“ไอ้คอก”
คอกสะดุ้งเฮือก ตาแข็งค้าง แข้งขาอ่อนแรงจนค่อยๆทรุดลง แต่พอพลอยจะดึงดาบออก คอกก็จับข้อมือพลอยไว้แน่น ไม่ยอมให้พลอยดึงดาบออกไปได้ ระหว่างนั้น คอกเห็นรอยสักรูปหัวพญานาคเล็กๆที่ข้อมือก็จำได้
“ไอ้พลอย”
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านโวยวายดังนำมา
“ไฟไหม้กุฏิโว้ย เร็วเข้า ช่วยกันดับเร็ว”
เสียงชาวบ้านโวยวายลั่น พลอย และเข้มตกใจมาก พลอยทิ้งดาบที่เสียบตัวคอกอยู่ แล้วหนีไป ในขณะที่เข้มผลักแก้วออก แล้วรีบตามพลอยไปทันที พระแก้วรีบเข้าไปหาคอก เป็นห่วงสุดๆ
“ไอ้คอก แข็งใจไว้ ข้าจะรีบพาเอ็งไปหาหมอ ไอ้คอก”
คอกอ่อนแรงใกล้ตาย
“สายไปแล้วหลวงพี่... กระผมคงไม่รอดแล้ว”
แก้วน้ำตาร่วงพล๋อย เสียใจสุดๆ
“ไม่ต้องพูด เอ็งไม่ต้องพูดอะไรแล้วไอ้คอก ข้าจะให้คนช่วยกันหามเอ็งไปหาหมอ เอ็งต้องรอด อดทนเอาไว้ไอ้คอก... โยม ช่วยคนเจ็บทางนี้ด้วย”
คอกอ่อนแรงสุดๆ บีบแขนแก้ว เหมือนบังคับให้ฟังตน
“ไอ้พลอย ฉันจำรอยสัก ที่... ข้อมือมัน ได้” คอกรวมแรงเฮือกสุดท้ายบอกพระแก้ว ตาเริ่มลอย
“ไอ้คอก”
พระแก้วน้ำตาไหลนองหน้า หันตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยคนเจ็บด้วย”
ชาวบ้านโกลาหลกับการดับไฟกุฏิ ความวุ่นวาย เสียงดัง จนไม่มีใครได้ยินเสียงของแก้ว คอกน้ำตาไหลเอื้อมมือมาจะจับมือแก้ว พระแก้วรีบจับมือคอกไว้แน่น
“ฝากนังเจิมด้วย”
ขาดคำ ตาของคอกก็ปิดลง คอพับ มือที่แก้วจับไว้ก็ตกห้อยลง ขาดใจตายไป
“ไอ้คอก”
พระแก้วดึงศพคอกมากอดไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมสติและอารมณ์ไม่อยู่
 
คอกขาดใจตายในอ้อมแขนของพระแก้ว ๆ ที่ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน
 
อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น