xs
xsm
sm
md
lg

ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 13

โรงพยาบาล ในเวลาต่อมา พยาบาลรีบวิ่งออกมาดู บุรุษพยาบาลช่วยกันจับตัวลำยอง แต่จับไม่อยู่เพราะลำยองดิ้นรนเตะถีบ เณรยังกอดรัดตัวแม่เอาไว้ ลำยง,ยายแล,ชุดตามหลัง

"ช่วยกันจับหน่อยครับ ช่วยกันจับด้วย"
ลำยองอ่อนแรงแล้ว แต่ยังไม่หมดฤทธิ์
"ปล่อยกู ปล่อยกู"
"คนบ้านี่ ทำไมไม่เอาไปส่งบ้านสมเด็จ เอามาทำไมที่นี่ ตัวสกปรกจังเลย" พยาบาลบอก
"เคยเอาไปส่งบ้านสมเด็จแล้วค่ะ แต่หมอที่นั่นบอกให้เอามาส่งโรงพยาบาลธรรมดา บอกว่าอะไรขึ้นสมองก็ไม่รู้" ลำยงบอก
บุรุษพยาบาลวิ่งไล่จับลำยองไว้ หมอออกมาดูพอดีเพราะเสียงดังกันมาก
"คนไข้เป็นอะไร อลหม่านกันไปหมด" หมอถาม
"เสด็จพี่ เสด็จพี่ของน้องหนีน้องมาอยู่นี่เอง เสด็จพี่"
ลำยองจะโผเข้าหาหมอ แต่เณร บุรุษพยาบาลฉุดเอาไว้ได้ หมอเข้าห้องตรวจ
"พาเข้าไปในห้องตรวจก่อน"
บุรุษพยาบาลล็อกตัวลำยองจะพาเข้าห้องตรวจ เณรยังไม่ยอมปล่อยแม่
"เณรรออยู่ข้องนอกเถอะค่ะ เณร" พยาบาลบอก
เณรไม่ยอมปล่อยแม่เข้าไปในห้องตรวจด้วย
"เณร เณร"

ในห้องตรวจ บุรุษพยาบาลต้องล็อกตัวลำยอง กดลงนอนเพื่อตรวจ
"แม่ครับ แม่ให้หมอตรวจเถอะนะครับ หมอจะได้รักษาแม่ แม่จะได้หาย"
"เณรออกไปคอยข้างนอกก่อนเถอะค่ะ"
"อาการหนักมากแล้วนะเนี่ย" เณรบอก
"ช่วยรักษาแม่ผมด้วยเถอะนะครับหมอ"
"ห้องผู้ป่วยเตียงคนไข้เต็มหมดแล้วนะคะหมอ คงรับตัวไว้ไม่ได้หรอกนะคะ" พยาบาลบอก
เณรคุกเข่าลงยกมือไหว้หมอ และพยาบาล น้ำตาไหลพราก
"ช่วยแม่ผมด้วยเถอะครับ ช่วยรับตัวแม่ผมไว้รักษาด้วยนะครับ"
หมอ, พยาบาลอึ้ง ลำยองยังดิ้นทุรนทุราย

ลำยง, ชุดเดินกลับมาพร้อมเอกสารประจำตัวคนไข้ ยายแลนั่งคอยอยู่กับเณร
"ได้บัตรมาแล้วแม่" ลำยงบอก
"แล้วหมอเขาจะรับตัวมันไว้ไหม"
หมอออกมาจากห้องตรวจ
"หมอให้ยานอนหลับคนไข้แล้ว ไม่อย่างนั้นอาละวาดไม่ยอมหยุด หมอจะรับตัวคนไข้ ไว้ชั่วคราวนะ"
เณรยิ้มออกทั้งคราบน้ำตา
"สาธุ เณร ได้ยินไหม ไม่ต้องห่วงแล้วนะ" ลำยงบอก
"ขอบคุณครับ"
"ตกลงแกเป็นอะไรครับหมอ" ชุดถาม
"ซิฟิลิส...ขั้นสุดท้ายแล้วเพราะเชื้อขึ้นสู่สมอง"
"รักษาให้หายได้ใช่ไหมครับ" เณรถาม
"เณร...หมอทำได้ดีที่สุด ก็แค่ช่วยให้คนไข้หายคลั่งด้วยยาเท่านั้นเอง คนไข้มาช้าเกินไป"
"แล้วมันจะอยู่ได้อีกนานไหมคะ" แลถาม
หมอนิ่งอึ้งโดยเฉพาะเมื่อเจอสายตาเณรที่ตั้งใจฟังคำตอบจากหมอ

ภายในโบสถ์ที่มืดสลัวเวลาค่ำ แสงสว่างสาดลงจางๆที่องค์พระประธาน กับเณรซึ่งกราบพระอยู่
เณรพยายามสงบใจตัวเอง หวังให้การสวดมนต์ก่อกุศลส่งไปถึงโยมแม่ อย่างน้อยก็คลายความเจ็บปวดทรมานลงบ้าง
ค่ำต่อมา หน้ากุฎิ หลวงตาปิ่นเดินออกมา ชะโงกมองเณรที่นั่งก้มหน้าอยู่ที่บันไดกุฎิ
"อ้าว...เณร กลับมาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่ขึ้นมาล่ะ หายไปไหนมาจนค่ำ"
เณรร้องไห้อย่างสุดที่จะกลั้นเอาไว้
"ร้องไห้ทำไมเณร"
"ผมพบโยมแม่แล้วครับหลวงตา พาแม่ไปหาหมอแล้ว หมอให้อยู่ที่นั่นชั่วคราว"
"ก็ดีแล้วนี่เณร ได้อยู่ใกล้หมอก็ไม่น่าห่วงอะไร"
"ผมกำลังนึกว่า พอโยมแม่ค่อยยังชั่วกลับมาอยู่บ้าน ใครจะเป็นคนคอยดูแลโยมแม่ แล้วยังน้องๆอีก โยมยายคนเดียวก็คงไม่ไหว ผมคิดว่าผมคงต้องสึกครับหลวงตา"

ที่วัด เวลากลางวัน

"อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเลยเณร หมอสมัยนี้เขาเก่ง แม่เขาอาจจะหายสบายดี ไม่ต้องให้ใครดูแลก็ได้ ย่าว่าใจเย็นไว้ก่อนเถอะ" ปั้นบอก
"โยมย่าไม่ได้เห็นอาการของโยมแม่นี่ครับ"
"มันหนักหนานักรึไง ยัยแล"
ยายแลพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้า
"แต่ยังไง ย่าก็ไม่อยากให้เณรใจร้อน รอไปอีกหน่อยเถอะ นึกถึงปู่นึกถึงพ่อเขามั่งเถอะนะเณร"
"อุตส่าห์ได้บวชได้เรียนให้ยายได้อาศัยเกาะชายผ้าเหลืองทั้งที อย่าเพิ่งสึกเลยนะเณร ยายจะดูแลแม่เขาให้เอง" แลพูดพลางน้ำร่วง
"ผมกับโยมแม่คงทำกรรมหนักหนาร่วมกันมาในชาติก่อน ถึงต้องมารับกรรมร่วมกันในชาตินี้ หนี้เวรหนี้กรรมของผมคงยังไม่หมดง่ายๆ ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ โยมยาย"
ปั้น, ยายแลพูดไม่ออก

สันต์ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างคลั่งแค้น เมื่อรู้ข่าว
"กูจะฆ่ามึง อีลำยอง กูฆ่ามึง"
"ใจเย็นๆคุณ...ใจเย็นๆก่อน"
"อีนี่มันเป็นมารล้างผลาญชีวิตลูก ทำไมมันไม่ตายๆไปให้สิ้นเรื่อง จ้องแต่ทำลายอนาคตลูก หนังเหนียวนัก กูจะฆ่ามึงด้วยมือกูเอง อีลำยอง"
สันต์ผลุนผลันออกไปให้ได้ เทวีพยายามฉุดดึง แต่ถูกแรงเหวี่ยงจนเซ ปั้นตบหน้าสันต์ เรียกสติให้กลับคืนมา... สันต์ชะงักนิ่งงัน
ปั้นอั้นอยู่ในอก กลั้นสะอื้นเอาไว้
"ฆ่ามันแล้วเอ็งได้อะไร ติดคุกติดตะรางคิดดูบ้างไหม แล้วลูกเต้าจะอยู่กันยังไง"
สันต์ทรุดลงหมดเรี่ยวแรง
"ลำยองมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก เณรเขาจะสึกออกมาชั่วคราวแค่จะได้ดูแลแม่เท่านั้นเอ็ง อย่าใจร้อนไปเลยลูกเอ๊ย คิดในด้านดีเอาไว้บ้าง ว่าเขาใฝ่ดี...แม่เขาทั้งคนอุ้มท้องเขามา เลี้ยงเขามาจนโต จะดีจะเลวยังไงก็แม่ของเขานะลูก เขาทำความดีออกอย่างนี้แล้ว เราจะขัดขวางเขายังไงได้ คนดีมีความกตัญญูกตเวที ยังไงก็ไม่มีวันตกอับหรอก เชื่อแม่เถอะนะ ปลงซะเถอะ ทำใจให้ได้ อาฆาตมาดร้ายเขา เราเองนี่แหละจะเป็นทุกข์" ปั้นพูดทั้งน้ำตา
"ลูกได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว กลับถูกกระชากให้กลับลงมานรก"
"เชื่อแม่เถอะว่าถึงเราไม่อนุญาตให้สึก เณรก็ต้องแหกผ้าเหลืองสึกออกมาอยู่ดี"

ภายในโบสถ์ เจ้าอาวาสกำลังทำพิธีลาสึกให้เณรอย่างเรียบง่าย หลวงตาปิ่นนั่งอยู่ด้วย
เจ้าอาวาสกล่าวคาถาลาสึก แล้วดึงปลดผ้าบางชิ้นออกจากตัวเณร..เป็นอันเสร็จพิธี
เณรก้มลงกราบพระประธานด้วยใจเศร้าหมอง

วันเฉลิมใส่กางเกงขาสั้นนักเรียน เสื้อมอมๆธรรมดาเดินออกมาจากโบสถ์ สันต์, เทวียืนรออยู่ข้างล่างมองวันเฉลิมด้วยอาการซึมสิ้นหวัง วันเฉลิม ค่อยๆเดินลงบันไดมาหาสันต์ที่ขยับเข้าไปกอดลูก
"ผมเสียใจครับพ่อ เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวัง แต่ผมไม่มีทางเลือก"
"ลูกเลือกได้ถ้าจะเลือก แต่ลูกไม่เห็นแก่ตัวพอ ลูกรักตัวเองน้อยเกินไปรักคนอื่นมากไป"
"แต่คนอื่นคนนั้นคือแม่ของผมเอง ถ้าแม่ตกนรก ผมก็จะลงไปนรกเพื่อช่วยแม่ครับ"
"ลูกก็รู้ว่า ถ้าตกนรกแล้วช่วยกันไม่ได้ กระทั่งบุญที่ทำมาเองยังไถ่ถอนกันไม่ได้ บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ทุกคนต้องช่วยกันเอง แล้วถ้าพ่อตกนรกล่ะวันจะช่วยพ่อไหม"
"พ่อไม่มีทางจะตกนรกหรอกครับ เพราะพ่ออยู่ในโลกมนุษย์จริงๆ ถึงจะไม่ได้อยู่บนสวรรค์ก็เถอะ แต่ก็เฉียดๆเข้าไปแล้ว ครอบครัวของพ่อเป็นสุขดีมีหลักฐาน บ้านที่เป็นบ้านน่ะไม่ใช่สวรรค์หรอกเหรอครับ"

สันต์นิ่งงันกับความคิดของลูก เทวีสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันเฉลิมเดินออก สันต์, เทวี เดินตามไปที่หน้าโบสถ์หลวงตาปิ่นที่ยืนมองปลงตก เสียดาย

ลำยองตาลอย แผลเต็มตัว ซึมและมึนด้วยฤทธิ์ยาถูกประคองลงนอน

ชุดบอก
"เอ็งอย่าลืมอาบน้ำฟอกสบู่ซักสองรอบนะโว้ย...แล้วนี่หมอเขานัดไปตรวจอีกทีเมื่อไหร่"
"ยาหมดเมื่อไรก็ค่อยพาไปครับ"
"อืม...เอาไว้ดูกันอีกที"
ชุดลุกออกมา สันต์, ยายแลยืนดูอยู่มุมหนึ่ง
วันเฉลิมดูแลห่มผ้าให้ลำยอง
"มันคงไม่รู้ตัวมันหรอกมังว่าทำบาปขนาดไหน ขนาดพระเณรมันยังทำสึกออกมาจนได้...อีลำยองนะ อีลำยอง"
ตาปอเข้ามาสะกิดสันต์
"มาหาใคร"
"ไอ้ปอ มึงไปไกลๆ"
"ขอตังค์มั่งสิ จะเอาไปซื้อไอติม"
ยายแลฟาดแขนหลายเผียะ
"ไอ้ปอ"
"อย่าไปตีแกเลยน้าแล"
สันต์หยิบกระเป๋าตังค์ออกมายื่นสิบบาทให้ ปอไหว้แล้วไหว้อีก ดีใจจนเนื้อเต้น สันต์หยิบเงินอีกส่วนออกมาราว 200-300 บาท
"วัน เงินนี่เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายนะลูก"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ"
"เก็บไว้เถอะ ยังไงก็ต้องใช้"
วันเฉลิมไหว้ รับเงินมา
"ผมจะพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดครับ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของใคร"

เรือนแพปั้น เทวีบอก
"อาว่าน้องเหน่งน่ะ เอาไปฝากเข้าโรงเรียนก็ดี ให้อยู่กับหลวงตาท่านซะจะได้แบ่งเบาภาระลงหน่อย"
"ก็ดีเหมือนกันนะ หลวงลุงท่านจะได้ช่วยขัดเกลา อยู่นี่ก็วิ่งเล่นไปวันๆ ไม่มีใครมีเวลาดูแล" ลำดวนบอก
"แม่จะไปคุยกับหลวงลุงท่านให้เอง" ปั้นบอก
ลำยงพาอ้อยออกมาพร้อมลังกระดาษใส่เสื้อผ้า
"ไปอยู่โรงเรียนกินนอนแล้ว ครูเขาว่าอะไรเอ็งก็ต้องเชื่อฟังเขานะนังอ้อย เข้าใจไหม"
อ้อยยิ้มลูกเดียว วันเฉลิมมองอ้อย ใจหาย เวลาของการพลัดพรากมาถึง
"น้องอ้อย...มาหาพี่วันมา"
อ้อยเดินยิ้มเข้ามาหาวันเฉลิม
"กระโปรงฉวยไหม"
"สวย...น้องอ้อยไปโรงเรียนแล้วอย่าดื้อนะ"
อ้อยยิ้มพยักหน้า
"ใครให้อะไรน้องอ้อยก็ต้องไหว้ขอบคุณเขานะ จำที่พี่วันสอนได้ไหม"
อ้อยยกมือไหว้แล้วยิ้ม
"ขอบคุณค่ะ"
วันเฉลิมยิ้ม
"ไปกันเถอะค่ะ ไป น้องอ้อย" เทวีบอก
"พ่อไปนะวัน"
"ครับ"
เทวีจูงอ้อยออกไป วันเฉลิมมองตามน้องทั้งสบายใจและเป็นห่วง

ครัวหลังบ้านยายแล ข้าวต้มในหม้อสุกกำลังดี วันเฉลิมยกหม้อลงจากเตาแล้วตักข้าวต้มใส่ชาม
ยายแลนั่งกอดเข่าใจลอยซึมอยู่มุมหนึ่ง ตาปอขยับเข้ามาใกล้เตา
"ตาอย่าเข้ามาใกล้ มันร้อน"
"กูหิว"
"ตารอก่อนนะ เดี๋ยวผมจะทอดไข่ให้"
ตาปอพยักหน้า
"เอาอร่อยๆนะ กูอยากกินไข่ทอด"
วันเฉลิมยิ้ม
"ครับ"

วันเฉลิมจะหันไปคว้ากระทะ เสียงลำยองกรีดร้องโหยหวยเหมือนเจ็บปวดหนัก ดังมาจากในห้อง วันเฉลิมรีบผละจากเตา, คว้าชามข้าวต้มเข้าไปดูแม่ ยายแลมองตามแล้วขยับลุกอย่างเนือยๆ

วันเฉลิมรีบเข้ามาในห้อง ลำยองดิ้นทุรนทุรายเหมือนได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส ลูกชายวางชามข้าวแล้วรีบเข้าประคองแม่

"แม่ครับ แม่"
"กูหิวเหล้า เอาเหล้ามาให้กู เอาเหล้ามาให้กู"
ยายแลตามมายืนดูที่ประตูเหมือนไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไร วันเฉลิมกอดรัดลำยองเอาไว้ให้หายทุรนทุราย
"มึงจะฆ่ากูใช่ไหม มึงจะฆ่ากู"
"แม่ครับ แม่ต้องอดทนนะครับ เดี๋ยวก็หาย แม่ต้องอดทนนะครับ เดี๋ยวกินข้าว แม่จะได้กินยา แม่ทนหน่อยนะครับ"
ลำยองดิ้นเตะถีบจนชามข้าวต้มกระเด็นข้าวหกเรี่ยราด
"ยายจะไปซื้อเหล้ามาให้มันนะไอ้วัน"
"ไม่ครับยาย"
"มันจะได้หายปวด หายทรมาน"
วันเฉลิมยังรัดลำยองเอาไว้แน่น
"แม่ครับ...แม่นึกถึงคุณพระเอาไว้นะครับ พระพุทธคุณจะคุ้มครอง นึกถึงพระเอาไว้ครับ"
ลำยองหงิกงอตัวเกร็งในอ้อมกอดวันเฉลิม ยายแลเบือนหน้าหนี ทรุดลงกอดเข่าน้ำตาร่วงพรู
วันเฉลิมออกมาหลังบ้านพร้อมชามเปล่ากับยายแล
"ผมจะทอดไข่ให้แม่ก่อน ป้อนข้าวแล้วจะได้กินยา"
วันเฉลิมชะงัก ตาปอตักข้าวต้มหว่านลงคลองสนุกสนาน
"เอ้า มากินกันเร็ว มากินกัน"
"ไอ้ปอ มึงทำอะไรของมึง ไอ้บ้า"
"กูเลี้ยงปลา"
ยายแลจะคว้าทัพพีจากมือ ตาปอเหวี่ยงหลบ โยนทัพพีทั้งหมอลงคลองไป, หัวเราะชอบใจ
"คนยังไม่ได้กินเลย มึงเลี้ยงปลาไอ้ฉิบหาย มีแต่ล้างผลาญ"
ตาปอหัวเราะร่วน
"กูทำทานโว้ย พวกมึงบาปหนาไม่เคยทำบุญทำทานหรอก"
ยายแลโกรธจัด เข้าฟาดทุบตีตาปอ วันเฉลิมรีบเข้ามายื้อห้าม
"ยายครับอย่า อย่าตีตา ตาไม่สบาย ตาไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ"
ยายแลร้องไห้อัดอั้นปวดใจ ตาปอวิ่งหนีไปซุกตัวซ่อนอยู่มุมหนึ่งเหมือนเด็ก ๆ

อีกมุมหนึ่ง ยายแลนั่งร้องไห ทุบตีตัวเองระบายแค้นที่สุมอก
"กูอยากตาย...ทำไมกูถึงไม่ตายให้มันพ้นทุกข์พ้นร้อนไปซะที"
วันเฉลิมขยับเข้ามาหา
"ยาย...ยายตีตัวเองก็เจ็บตัวเปล่า ๆ เอาเวลาร้องไห้มาทำงานหรือนอนพักยังจะดีซะกว่าครับ"
"ชีวิตนี้มันมีแต่ความทุกข์ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมแล้ว"
"ยาย ทุกคนก็มีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น จนก็ทุกข์รวยก็ทุกข์แต่ไหน ๆ ได้เกิดมาเป็นคนแล้วก็ต้องดิ้นรนกันไปให้เต็มกำลังสติปัญญาคิดเสียว่า ความลำบากที่เรากำลังเผชิญเป็นแค่บททดสอบจิตใจของเราบทนึงเท่านั้นนะ ยายจะสุขจะทุกข์อยู่ที่ใจของเราเอง บางเรื่องยายก็ปล่อยวางเสียเถอะ มีเท่าไรเราก็กินเท่านั้น เงินทองผมจะเป็นคนหามาเลี้ยงยายกับแม่เอง"
วันเฉลิมพยายามยิ้มให้กำลังใจ ยิ่งทำให้ยายแลร้องไห้หนักขึ้น

บนกุฏิหลวงตาปิ่น
"ก็ดี...ให้มันมาอยู่กับหลวงตาซะที่นี่ เดินไปหน่อยเดียวก็ถึงโรงเรียนแล้ว"
"เหน่ง...หลวงตาสอนอะไร เหน่งต้องเชื่อฟังหลวงตานะ"
เหน่งพยักหน้า
"นังอ้อยก็หมดห่วงไปแล้ว ไอ้เหน่งก็มาอยู่นี่ เหลือแต่นังจิตรา"
"ครับหลวงตา น้าลำยงกับน้าลำดวนบอกว่าพอดูแลไหว ปีหน้าครบเกณฑ์แล้วค่อยพาไปเข้าโรงเรียนครับ"
"แล้วเอ็งล่ะไอ้วัน เวลามันผ่านไปเร็วนะ เอ็งควรจะคิดถึงอนาคตของตัวเองบ้าง"
"ถึงอนาคตของผมมันจะมืดมนมันก็ไม่สำคัญ เท่าวันนี้ของแม่กับน้อง ๆ หรอกครับหลวงตา"

วิมลยื่นถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าที่ไม่ใส่แล้วของสมฤดีให้วันเฉลิม
"เอาไปให้น้องสาวพ่อวันนะ"
วันเฉลิมยือมือไหว้
"ขอบคุณครับยาย"
"พี่วันไม่น่าเลิกเป็นเณรเลย หนูสมชอบให้พี่วันเป็นเณรมากกว่า หนูสมได้ตักบาตรพี่เณรทุกวัน"
วันเฉลิมยิ้มแห้ง
"พี่เขามีหน้าที่ที่สำคัญกว่าต้องทำนี่ลูก แล้วนี่แม่พ่อวันเขาเป็นยังบ้างลูก"
สมฤดีวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
"ได้แต่กินยาแก้ปวดครับ ไม่ยังงั้นจะเจ็บปวดทรมานมาก"
"มีอะไรให้ยายช่วยได้ก็บอกนะพ่อวัน"
"ตอนนี้ผมอยากได้งานทำมากกว่าอะไรทั้งนั้น จะได้มีเงินไว้ซื้อยาให้แม่ครับ"
สมฤดีวิ่งกลับออกมาพร้อมขนมในมือ
"หนูสมให้พี่วันค่ะ"
วันเฉลิมรับขนมมาจากสมฤดีด้วยรอยยิ้ม...น้ำใจจากคนรอบข้างพอเป็นกำลังใจให้หัวใจชุ่มฉ่ำขึ้นได้บ้าง

"ขอบคุณครับ"

ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 13 (ต่อ)

ลำยง, ลำดวน, ชุด ช่วยกันขายของให้ลูกค้าที่อยู่ไกล ๆ ยายแลนั่งกอดเข่าปรับทุกข์กับปั้นอยู่มุมหนึ่ง

"ข้าละอายใจเหลือเกินยัยปั้น เห็นไอ้วันมันแล้วก็สะท้านใจ มันไม่เคยตีโพยตีพายให้เห็นสักครั้งเดียว ไอ้เราซะอีกโวยวายเหมือนคนบ้า"
"สติไงยัยแล ยังงี้แหละเขาเรียกมีสติ"
"อยู่มาจนแก่ปูนนี้ ข้าไม่เคยทำได้ซักครึ่งของไอ้วันมันเลย"
"หลวงพี่ท่านสอนมันมาดี"
ยายแลยกมือไหว้ท่วมหัว
"สาธุ"
"ค่อย ๆ ฝึกค่อย ๆ ทำ ซักวันก็คงทำได้แหละ หัดปล่อยวางซะ ทุกข์ก็จะน้อยลงไปเอง"
"แก่แล้ว มันไม่มีเรื่องอะไรดีเลย คิดแล้วอยากตายให้มันพ้น ๆ เวร"
"คิดอะไรอย่างนั้น ยัยแล"
"ลำบากยามแก่นี่มันสุดจะทนแท้ ๆ ยัยปั้น"
ปั้นได้แต่เอื้อมมือมากุมแขนยายแลไว้ให้กำลังใจ

กลางซอย คนขายไอศกรีมสะพายกระติก สั่นกระดิ่งเรียกลูกค้าเดินผ่านมา วันเฉลิมเดินสวนแล้วมองตามหลังคนขายไอศกรีม วันเฉลิมตัดสินใจวิ่งตาม
"น้าครับ...น้าครับ"
คนขายไอศกรีมหันกลับมา

วันเฉลิมรีบกลับเข้ามาในบ้าน วางของแล้วรีบเข้าไปดูลำยองที่นอนร้องครางอยู่ ยายแลนั่งอยู่มุมหนึ่ง
"แม่เป็นยังไงบ้างครับยาย"
"มันหลับ"
วันเฉลิมดูแลแผลลำยองตามเนื้อตัว
"ต้องใส่ยาแผลจะได้แห้ง"
วันเฉลิมเตรียมยามาใส่แผล ตาปอรื้อถุงของ เจอขนมก็จับยัดใส่ปาก เหมือนตายอดตายยาก
"ไอ้ปอ มึงทำไมตะกละยั้งงี้" แลถาม
"ไม่เป็นไรหรอกครับยาย ปล่อยตาเถอะ"
ตาปอเหมือนกลัวโดนแย่ง ไปหลบมุมหนึ่งหันหลังรีบยัดขนมใส่ปาก
"ไอ้วัน...เอ็งไปอยู่กับพ่อเอ็งซะเถอะ"
"ผมไปแล้วใครจะดูแลแม่ดูแลยายกับตาล่ะครับ"
"ช่างมันเถอะ อีหน่อยก็ตาย ๆ กันแล้ว"
"ยายอย่าพูดยังงี้สิครับ แม่ยังอยู่อีกนาน ตาด้วย ยายด้วย ซักวันแม่ต้องหาย ผมจะหางานทำจะได้มีเงินพอพาแม่ไปหาหมอ"
"เอ็งจะไปทำงานอะไร ตัวแค่นี้ใครเขาจะจ้าง"
"ใครจ้างอะไรผมก็ทำทั้งนั้นครับยาย ขอให้ได้เงินเท่านั้นก็พอ"

วันเฉลิมสะพายกระติกไอศกรีมเดินขายไปกลางตลาด ลูกค้าเรียกซื้อ เขาเปิดกระติกหยิบไอศกรีมออกมาขาย รับเงินมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงที่รัดหนังยางไว้แน่นหนากันร่วงหล่น
อีกมุมสันต์กับเทวีกำลังเลือกซื้อผ้าถุง-ผ้าขาวม้ากันอยู่ เทวีหันมาเห็นอย่างบังเอิญแล้วถึงกับอึ้งชะงักไปชั่วขณะ
"คุณ"
สันต์ที่เลือกผ้าขาวม้าอยู่มองตามสายตาเทวี เห็นวันเฉลิมกำลังขายไอศกรีมให้ลูกค้าอีกคน สันต์อึ้งไปอึดใจก่อนจะรีบวิ่งตามวันเฉลิม
"วัน วัน"
วันเฉลิมหันกลับมาเห็นพ่อ สันต์มองวันเฉลิมอย่างอดสะเทือนใจไม่ได้
"พ่อมาเยี่ยมย่าหรอครับ"
สันต์พยายามพูดน้ำเสียงเป็นปกติ
"ขายดีไหมลูก"
"ครับ บ่าย ๆ ก็หมดแล้ว เถ้าแก่เขาใจดีครับ ให้สองกระติกสิบบาท"
สันต์พูดไม่ออก
"ผมไปขายของก่อนนะครับ เดี๋ยวต้องรีบกลับไปดูแม่ ใกล้เวลาต้องกินยาแล้วครับ"

วันเฉลิมสั่นกระดิ่งเดินจากไป เทวีเข้ามาหาสันต์ รู้ดีว่าผัวสะเทือนใจขนาดไหน

ยายแลรับผ้าถุงพิมพ์ลายใหม่เอี่ยมสองผืนจากสันต์

"ผ้าขาวม้านี่ให้น้าปอครับ"
ตาปอดึงผ้าขาวม้าไปกอด ดีใจจนตัวสั่นเหมือนเด็ก ๆ
"ของแห้งพวกนี้เผื่อเอาไว้ขาดเหลือนะครับ"
ยายแลปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ด้วยความซึ้งในน้ำใจ สันต์อึ้งชะงักไปเหมือนกัน
"น้าแล"
"พ่อคุณ...ทำไมเอ็งถึงมีน้ำใจขนาดนี้ อุตส่าห์นึกถึงกันยามยาก"
"อะไรที่ผมช่วยได้ ผมก็ยินดีแล้วก็เต็มใจน้าแล"
"ข้ามันโง่เอง...เมื่อก่อนทำไมไม่เคยเห็นความดีของเอ็งยังงี้ ข้ามันโง่เง่าแท้ ๆ"
สันต์ปลอบใจแล
วันเฉลิมกลับเข้ามาพ้อมกระติกขายไอศกรีม
"แม่เป็นยังไงบ้างครับยาย ตื่นรึยัง"
ยายแลป้ายน้ำตาทิ้ง
"มันหลับดี วันนี้หลับยาวไม่กวนเลย"
"วัน...รองเท้าขาดหมดแล้ว พ่อจะพาไปซื้อคู่ใหม่นะลูก"
"ผมขอแลกเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ รองเท้าถึงมันจะขาด แต่มันก็ยังกันเจ็บเท้าได้อยู่ ผมอยากได้เสื้อนักเรียนให้น้องเหน่งมากกว่าครับ อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็จะเปิดแล้ว น้องเหน่งยังไม่มีเสื้อเลยครับ"
สันต์อึ้ง ลำยองกรีดร้องลั่น ลุกพรวดขึ้นนั่ง แล้วชักอย่างน่ากลัว เนื่อจากเชื้อกำเริบกินสมองจนไม่สามารถควบคุมได้ วันเฉลิมรีบพุ่งเข้าไปดูแล รัดตัวลำยองเอาไว้ให้สงบลง
"แม่ครับ...แม่ครับ แม่ได้ยินวันไหม วันอยู่กับแม่ตรงนี้ครับ...วันอยู่นี่"
สันต์สะเทือนใจ ลำยองฉุดทุกคนลงนรกจริง ๆ

ลำยงยื่นกับข้าวของสดให้วันเฉลิม
"ผักนี่เอ็งเอาไปต้มกระดูกหมูซะนะ แม่เอ็งเคี้ยวไม่ไหวให้ซดน้ำแกงก็ยังดี ข้าวสารยังมีเหลือไหม"
"เหลืออยู่หน่อยนึงครับ"
วันเฉลิมจะเดินออกมา ชุดยกเข่งมะพร้าวออกมา แล้วจู่ ๆ เข่งก็หลุดมือเพราะแขนขาข้างซ้ายเกิดชาและหมดแรงกะทันหัน ชุดล้มลงกับพื้น
ลำยง, ลำดวน, ปั้น, ตกใจรีบเข้ามาดู
"เป็นอะไรพี่ชุด" ลำดวนถาม
"ไม่รู้ อยู่ๆมันก็ชา ไม่มีแรงเลย"
"ตรงไหน เอ็งเป็นตรงไหน" ปั้นถาม
ชุดพยายามยกแขนซ้ายแต่ยกไม่ขึ้น
"แย่จริง แล้วยังงี้พรุ่งนี้จะไปจ่ายของที่ปากคลอง ไหวไหมพี่"
"ไม่รู้เหมือนกัน"
ชุดพยายามลุกขึ้น แต่ก็เดี้ยงเพราะขาซ้ายไร้เรี่ยวแรงแทบล้มตึง
"ทำไมต้องมาเป็นอะไรเวลานี้ด้วย"
ลำยง, ลำดวนช่วยกันประคองชุดไปนั่งมุมหนึ่ง

ลำยองอาละวาดรุนแรง
"กูอยากเหล้า เอาเหล้ามาให้กู"
วันเฉลิมพยายามเช็ดตัวให้ลำยองอย่างยากลำบาก
"กูอยากกินเป็ดพะโล้ อีแลใจดำ ไม่เคยซื้อเป็ดพะโล้มาให้กูกินเลย" ปอบอก
ตาปอคร่ำครวญอยู่หน้าจานข้าวถัดออกไป
"ไอ้วันยาจะหมดแล้วนะ" แลบอก
"ยาอะไรครับยาย"
"ทั้งยากินยาทาน่ะแหละ"
"พรุ่งนี้ผมจะซื้อเข้ามาครับ"
"เงินพ่อเอ็งให้มา เอ็งไม่ได้ใช้ซักบาท เอามาซื้อยาหมด"
"ไม่เป็นไรหรอกครับยาย ยังไงแม่ก็ต้องหาย"
"อะไรมันก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น"
"ตอนค่ำผมต้องไปนอนค้างที่แพย่า เพราะเช้ามืดผมต้องไปช่วยน้าลำยงจ่ายของที่ปากคลองนะครับ ผมฝากยายดูแม่ด้วย"
"นังลำยงมันจ้างเอ็งเหรอ"
"น้าชุดไม่ค่อยสบาย ผมอาสาช่วยเอง น้าลำยงไม่ค่อยมีเงินหรอกครับ ให้เท่าไรผมก็เอา"
แลเบือนหน้าหนี สงสารหลาน
"กูอยากกินเหล้า เอาเหล้ามาให้กู"
ลำยองสั่น บิดตัวงอทุรนทุราย
"กูอยากกินเป็ดพะโล้..เป็ดพะโล้"
วันเฉลิมลุกออกไปหลังจากเช็ดตัวลำยองเสร็จ
"พรุ่งนี้ขายของได้ ผมจะซื้อมาให้ครับตา"
"มึงอย่าหลอกกูนะ เป็ดพะโล้จริง ๆ นะ"
วันเฉลิมยิ้ม
"ครับตา"
วันเฉลิมเดินออกไปหลังบ้าน ปอดีใจจนตัวสั่น
"อีแล พรุ่งนี้กูได้กินเป็ดพะโล้แล้ว กูไม่ง้อมึงแล้ว"

ยายแลนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบ

เช้ามืด ลำดวนรีบเข้ามาช่วยยกเข่งผักของสดที่ลำยงกับวันเฉลิมไปจ่ายมาจากตลาด ชุดพยายามเข้ามาช่วยทั้งที่แขน ขาข้างซ้ายแทบใช้งานไม่ได้

"พี่ชุดไปรอแยกผักเรียงผักดีกว่า ตรงนี้ฉันทำเอง"
ลำยง, วันเฉลิมช่วยกันยกเข่งผักของสดหนักอึ้งตามเข้ามาอีกเข่ง
"เอ็งช่วยแค่นี้ก็พอไอ้วัน ที่เหลือเดี๋ยวพวกน้าทำกันเอง ผักนี่เอาไปทำกับข้าวให้ยายกับแม่เอ็งกินด้วยไป"
ลำยงแบ่งผักกาดยัดใส่มือวันเฉลิมแล้วหยิบตังค์ให้ห้าบาท วันเฉลิมไหว้แล้วรับตังค์มาใส่ชายเสื้อ มัดจุกด้วยหนังยาง
"กินข้าวกินปลาก่อนวันเอ๊ย ย่าต้มผักกาดดองซี่โครงหมูเอาไว้ให้"
"ไม่เป็นไรหรอกครับย่า ผมจะรีบไปรับไอศกรีมไปขาย ไปสายเดี๋ยวเถ้าแก่เขาจะยกให้คนอื่นไปครับ"
วันเฉลิมวิ่งออกไปทันที
ปั้น, ลำยงได้แต่สบตากัน
"แม่มันจะรู้ตัวไหมว่าทำลูกเต้าเดือดร้อนขนาดไหน" ลำดวนบอก

เวลาต่อมา สมฤดีวิ่งออกมาเพราะได้ยินเสียงกระดิ่งไอศรีม วิมลตามออกมา
"ไอติม ไอติม"
วันเฉลิมสะพายถังไอศกรีมสั่นกระดิ่งเดินมา สมฤดีตะลึงตาค้าง
"พี่วัน"
"พ่อวันเองเหรอลูก"
"ผมรับไอติมมาขายหลายวันแล้วครับ แต่ไม่ได้เดินมาทางนี้เลย"
"ขายดีไหมล่ะลูก"
วันเฉลิมเปิดฝากระติก
"ขายดีครับ ไม่ถึงเย็นก็หมดแล้ว"
"หนูสมเอาไอติมทุเรียน"
วันเฉลิมหยิบไอศกรีมออกมาแกะกระดาษห่อ ยื่นไอศกรีมให้สมฤดี
"เท่าไหร่ พ่อวัน"
"ผมให้หนูสมครับ"
"ไม่ได้หรอกลูก ของซื้อของขาย"
"หนูสมให้ขนมผมบ่อย ๆ ผมไม่เคยมีโอกาสตอบแทนเลยครับ คุณยาย"
วิมลส่งเงินยี่สิบบาทให้วันเฉลิม
"รับเอาไว้พ่อวัน แล้วก็ไม่ต้องทอนด้วย"
"คุณยาย"
"ให้ยายได้มีโอกาสช่วยเหลือพ่อวันบ้างเถอะนะ ยายรู้พ่อวันทำงานหนัก หาเงินมาซื้อยาให้แม่...ยายเป็นกำลังใจให้นะลูก ขอให้เด็กที่คิดดีทำดีอย่างพ่อวันสมหวังในทุกสิ่งที่พ่อวันตั้งใจ ขอคุณพระคุ้มครองนะลูกนะ"
วันเฉลิมไหว้และรับเงินมา
"ไอติมพี่วันอร๊อยอร่อยพี่วันต้องมาทุกวันเลยนะคะ"
วันเฉลิมยิ้ม

วันเฉลิมสะพายกระติกไอศกรีมเข้ามาในย่านตรอกเปลี่ยว แป้งยืนดักอยู่มุมหนึ่ง
"ไงวะไอ้วัน เป็นเณรหากินไม่คล่องรึไง ถึงได้มาแบกไอติมขาย วันนึงได้เท่าไหร่วะ พอยาไม้รึเปล่า"
"น้าแป้งทำไมไม่กลับบ้านบ้าง"
"กลับไปทำวะ ก็แม่เอ็งมันยึดหัวหาดไปแล้วนี่หว่า เหม็นเน่า น้ำเหลืองไปทั้งบ้าน ขืนเข้าไปใกล้ ๆ ติดโรคตายห่า เอ็งทำงานยังกะวัวกะควายแลกเงินสิบยี่สิบบาทยังงี้ สู้มาทำงานกะข้าไม่ดีกว่าเร้อ...งานสบาย ๆ"
"ผมไม่ทำงานทุจริต"
แป้งหัวเราะ
"เอ็งอย่าโง่ไปหน่อยเลยเล้ย...สมัยนี้เขาไม่สนกันแล้วโว้ย มือใครยาวก็สาวได้สาวเอา...ถ้าเอ็งมาทำงานกะข้า อย่างเบาะ ๆ ก็วันละร้อย เผลอ ๆ โชคดีก็ได้ส่วนแบ่งเป็นพัน...เป็นหมื่นนะโว้ย มีเงินเยอะ ๆ เอ็งจะได้เอาไปรักษาแม่บ้า ๆ ตัวเน่าของเอ็งไง"
"น้าแป้งอย่ามาหว่านล้อมผมให้เสียเวลาเลย ผมยอมเป็นคนโง่ทำงานเป็นวัวเป็นควายแลกเงินวันละสิบยี่สิบดีกว่าที่จะยอมขายศักดิ์ศรีทำงานที่สังคมรังเกียจอย่างน้าแป้งครับ"
วันเฉลิมเดินหนีออกมา แป้งตะโกนตาม
"ศักดิ์ศรีมันกินเข้าไปได้เหรอวะไอ้วัน...เอ็งไปคิดดูดี ๆ เปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็มาหาข้าได้ทุกเวลาโว้ย"

วันเฉลิมเดินลิ่วออกมา แน่แน่วไม่ลังเล

วันเฉลิมกลับเข้ามาในบ้านพร้อมถุงกระดาษ ตาปอนอนไขว่ห้างขวางทางอยู่
"ตา...ดูซิผมซื้ออะไรมาให้ตา"
"เป็ดพะโล้เรอะ"
"ครับ เป็ดพะโล้ที่ตาอยากกินไง"
"น้ำลายไหล น้ำลายไหล หิวข้าวแล้ว หิวข้าวแล้ว"
ยายแลเข้ามา
"เอาไว้กินด้วยกันตอนเย็น"
"มึงน่ะใจดำ"
ยายแลรับถุงกระดาษไปแล้วเก็บใส่ตู้กับข้าว ตาปอจ้องเขม็งไปที่ตู้กับข้าว
"เป็ดพะโล้มันแพงยังกะอะไรดี เอ็งเอาเงินที่ไหนไปซื้อ"
"ซื้อแค่ปลายปีกมาเท่านั้นแหละยาย ตาแกได้แทะ ๆ คงพอหายยากไปได้บ้าง"
ยายแลตวาด
"ไอ้ปอ"
ตาปอย่องไปแอบเปิดตู้กับข้าวสะดุ้งโหยงกลัวลนลาน
"มึงนี่ไม่รู้จักรอเลยรึไง กูบอกเอาไว้กินต้อนเย็นไม่รู้เรื่องรึไง"
"วันนี้ไอติมขายดี ตอนเช้าน้าลำยงก็ให้มาห้าบาท ผมซื้อยาแก้ปวดให้แม่แล้วก็ยังเหลือ...ยายเก็บเอาไว้นะ"
วันเฉลิมยื่นเงินให้
"เอ็งเก็บเอาไว้เถอะทำงานเหนื่อยแทบตาย"
"ผมไม่ได้ใช้อะไรหรอกยาย ยายเก็บไว้เผื่อจะได้ซื้อขนมแบ่งตากินไง"
วันเฉลิมยัดเงินใส่มือแล แลมองเงินในมือแล้วมองตามวันเฉลิมที่ขยับไปดูลำยองที่นอนครวญคราง
"แม่ครับ แม่...วันนี้วันซื้อเป็ดพะโล้มาด้วย แม่กินข้าวกับเป็ดพะโล้นะครับ"
ลำยองได้แต่ครวญครางสภาพไม่ต่างจากซากศพ ยายแลนั่งนิ่ง ยากจะเดาว่าคิดอะไรอยู่

ยายแลเดินใจลอยมาหยุดที่หน้าร้านขายของชำยืนมองเหมือนชั่งใจอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในร้าน เพื่อถามหา ซื้อของบางอย่าง คนขายหยิบของใส่ถุงกระดาษยื่นให้ หลังยายแลรับของก็เดินออกมา ลำดวนผ่านมาพอดี
"อ้าวแม่....มาซื้ออะไรล่ะ"
ยายแลชะงัก ตั้งตัวไม่ทัน
"ซื้อของใช้"
"พี่ลำยองมันเป็นยังไงบ้างล่ะ ฉันก็ยุ่งทั้งวันไม่มีเวลาได้หยุดเลย มันดีขึ้นไหมแม่"
"ก็เหมือนเดิม"
"ฉันล่ะเวทนาไอ้วันมัน มันยังหวังว่า แม่มันจะหาย มันจะหายเข้าไปได้ยังไง หมอเองเขายังบอกว่ารอวันตายเท่านั้น ฉันเองก็ไม่อยากจะพูด พูดไปก็เหมือนแรงน่ะแหละ มันน่าจะหมดเวรหมดกรรมไปซะที มันไม่ได้ทรมานคนเดียว คนอื่นเขาต้องพลอยทรมานไปกับมันด้วย"
ยายแลใจลอยแต่ลึกเข้าไปในความคิด ความมั่นใจในสิ่งที่จะทำก่อตัวขึ้นอย่างแข็งแรง

เวลาเย็น ปอแทะปลายปีกเป็ดพะโล้กินอย่างเอร็ดอร่อยดื่มด่ำในรสชาติ กระดิกตีนสบายใจ
วันเฉลิมใช้มือพยายามเลาะเนื้อหนังเป็ดตรงปลายปีกออกมาให้ได้มากที่สุด แล้วยื่นไปป้อนลำยองที่นั่งเบลอใจลอย
"แม่ครับ...แม่อ้าปากครับ วันได้เนื้อเป็ดชิ้นใหญ่เลยแม่ครับ แม่"
ลำยองค่อย ๆ มองลูกชายนิ่งนาน
"มึงเป็นใคร"
"วันไงครับ วันเฉลิมลูกแม่ไงครับ"
"ลูก"
วันเฉลิมยิ้ม
"ครับ วันเป็นลูกแม่"
ลำยองมองนิ่งแล้วน้ำตาค่อย ๆ ไหลออกมา
"ลูก"
"แม่กินเป็ดก่อนเถอะครับ"
ลำยองค่อย ๆ อ้าปาก วันเฉลิมป้อนเป็ดใส่ปากลำยอง
"แม่กินเยอะ ๆ เลยครับ แม่จะได้แข็งแรง"
วันเฉลิมตักข้าวต้มป้อนลำยอง ลำยองอ้าปากรับข้าวต้มโดยดี
"วันนี้แม่กินข้าวได้เยอะเลย กินให้หมดชามเลยนะครับ"
ลำยองค่อย ๆ หัวเราะออกมา วันเฉลิมนึกดีใจ .อาการแม่ดีขึ้นกว่าเคย อย่างน้อยก็หัวเราะออกมาได้
จู่ ๆ ลำยองก็พ่นข้าวทั้งหมดในปากใส่หน้าวันเฉลิม

วันเฉลิมไม่ได้รังเกียจการกระทำของแม่ แต่กลับมีความสุขด้วยซ้ำเพราะนานจนลืมไปแล้ว แม่ไม่เคยมีเสียงหัวเราะให้เขาได้เห็นและได้ยินเวลาอย่างเวลานี้เลย

ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 13 (ต่อ)

ยายแลกลับเข้ามาในครัวหลังบ้านเห็นวันเฉลิมกำลังล้างจานอยู่ที่มุมหนึ่ง ยายแลล้วงหยิบกระป๋องยาเบื่อหนูเหน็บเข้าเก็บหลังซอกตู้กับข้าว แล้วกลับเข้าไปในบ้าน ตาปอเล่นน้ำในกะละมังอยู่ รีบพุ่งพรวดไปส่องดูซอกหลังตู้กับข้าว เอามือล้วงเข้าไปหยิบกระป๋องออกมาดูอย่างสนใจ เพรานึกว่าเป็นของกิน
"ทำอะไรน่ะพ่อ"
ตาปอตกใจละล่ำละลัก กระป๋องยาเบื่อตกมือร่วงลงพื้น
"กูไม่ได้ทำอะไร กูไม่ได้หยิบ"
ลำดวนหิ้วกำถั่วฝักยาวที่มัดด้วยเชือกกล้วยเดินเข้ามา วันเฉลิมหันมามอง ตาปอคลานหนีไปเล่นน้ำต่อที่กาละมัง
ลำดวนก้มลงเก็บกระป๋องยาเบื่อขึ้นมา
"ยาเบื่อหนูนี่...เอามากินไม่ได้นะพ่อ"
"กูไม่ได้กิน"
"เอามาเล่นก็ไม่ได้"
"กูไม่ได้เล่น"
ลำดวนเก็บกระป๋องยาเข้าที่เดิม
"เบื่อซะบ้างก็ดี หนูตัวอย่างกับแมว ยั้วเยี้ยไปหมด"
ลำดวนหันไปบอกวันเฉลิม
"ไอ้วัน...ถั่วฝักยาวนี่เอาไว้ทำกับข้าวนะ"
"ครับ น้าลำดวน"

ลำยองนอนลืมตา ตาลอย คราง”ฮือๆ”เหมือนเจ็บปวดจากข้างใน วันเฉลิมเข้ามาจะเช็ดตัวให้
"แม่ครับ เช็ดตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะได้ใส่ยา"
ลำดวนเข้ามาดูพี่สาว
"พี่ลำยอง เป็นยังไงบ้างวะ"
ลำยองตาลอย เหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
"เหม็นน้ำเลือดน้ำหนองอย่างกับอะไรดี เอ็งทนเข้าไปได้ยังไงวะไอ้วัน"
"ต่อให้ยิ่งกว่าน้ำเหลืองน้ำหนอง ผมก็ทนได้ครับ เพราะคนป่วยคนนี้เป็นแม่ของผม"
"เสร็จแล้วเอ็งก็ฟอกสบู่ฟอกแฟ็บให้ดีๆนา เชื้อโรคทั้งนั้น"
จู่ๆลำยองก็กรีดร้อง ชักดิ้นชักงอเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้

หลังบ้าน ยายแลนั่งซึมนิ่งเหมือนจมอยู่ในความคิดบางอย่าง ลำดวนล้างตัวเพราะถูกอ้วกลำยอง
"เวรแท้ๆ ไม่รู้จะอยู่ทรมานคนอื่นเขาไปทำไม ตายๆไปซะทีจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว" ลำดวนบอก
ยายแลนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ได้รับรู้อะไร ตาปอนั่งดูดกระดูกเป็ดพะโล้ ที่เหลือแทะจากเมื่อวานอย่างดื่มด่ำในรสชาติ วันเฉลิมตามออกมาหลังบ้าน ถือผ้าขี้ริ้วเช็ดตัวแม่ออกมาซัก
"เอ็งจะกลับด้วยกันเลยหรือเปล่าไอ้วัน"
"ผมยังไม่ได้ทำกับข้าวให้ยายเลยครับ"
"ข้าทำเองได้ ไม่เป็นไรหรอก" แลบอก
"เอ็งไปกินเอาที่บ้านย่าเอ็งเถอะ จะได้นอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ตีสามก็ต้องลุกแล้วไม่ใช่เหรอ"
"เอ็งไปเหอะ ไปนอนโน่นดีกว่า"
"พรุ่งนี้เอาเป็ดพะโล้มาอีกนะ...อร่อย"
วันเฉลิมยิ้ม

"ครับตา"

ระหว่างทาง วันเฉลิมเดินมากับลำดวน
"แม่เอ็งมีแต่ทรงกับทรุด หมอเขายังบอกเลยว่าไม่มีทาง เอ็งเลิกหวังซะเถอะไอ้วัน เหนื่อยเปล่าๆ ทำงานตัวเป็นเกลียวได้มากี่บาทก็กลายเป็นค่ายาแม่เอ็งหมด สงสารตัวเองบ้างเถอะโว้ย"
วันเฉลิมไม่โต้ตอบอะไรทั้งสิ้น

ลำยองนอนร้องครวญครางเจ็บปวดแม้ในยามหลับ ยายแลเปิดฝาโอ่งน้ำกิน แล้วใช้ขันตักน้ำขึ้นมาไม่ถึงครึ่งขัน

วันเฉลิมกำลังเดินอยู่กับลำดวน จู่ๆก็หยุดเดิน และหันกลับไปทางบ้านยายแล
"อะไร ไอ้วัน"
"วันว่าวันนี้วันนอนบ้านยายดีกว่าครับ"
"อะไรของเอ็งวะ"
"เผื่อกลางคืน แม่อาละวาดขึ้นมา ยายจะอดหลับอดนอนเปล่าๆ น้าลำดวนบอกน้าลำยงด้วยแล้วกันนะครับ เช้ามืดผมจะรีบไป"
วันเฉลิมยกมือไหว้ลำดวน แล้วเดินกลับบ้านยายแล

ลำยองนอนร้องครวญครางในลำคอ ยายแลนั่งมองลำยองมีขันน้ำตรงหน้า
"กูเป็นคนผิดเอง ที่เลี้ยงมึงมาไม่ดี กูมันโง่...ที่หลงส่งเสริมมึงแต่ในทางที่ผิด มึงอย่าเป็นห่วงผูกคอไอ้วันมันอีกต่อไปเลยนะ อีลำยอง ปล่อยลูกมึงให้มันมีอนาคตที่ดีกว่านี้เถอะนะ"
ยายแลกำกระป๋องยาเบื่อหนูจนแน่น ลำยองพลิกตัวร้องครวญคราง ปวดไปทุกส่วนของร่างกาย
"มันคงไม่เจ็บปวดไปกว่าที่มึงเป็นอยู่เท่าไหร่นักหรอก ชีวิตมึงกูเป็นคนให้กำเนิด มันไม่ผิดหรอกที่กูจะเป็นผู้ทำลายเสียเอง"
ยายแลตัดสินใจ พยายามเปิดฝากระป๋องยาเบื่อหนู แต่ฝากระป๋องปิดแน่นมาก
"ยายครับ"
ยายแลใจหายวาบ สติสัมปชัญญะกลับคืนมา วันเฉลิมกลับเข้ามาในบ้าน
"ยายยังไม่ได้ทำกับข้าวใช่ไหมครับ"
ยายแลเหงื่อแตกพลั่กๆ กำกระป๋องแน่น
"ยัง"
"เดี๋ยววันจะผัดถั่วฝักยาวใส่ใข่ให้ยายนะครับ"
วันเฉลิมจะเดินออกไปหลังบ้าน
"เอ็งกลับมาทำไมไอ้วัน"
"คืนนี้ผมนอนเฝ้าแม่ที่นี่ดีกว่า เช้ามืดค่อยออกไปช่วยน้าลำยงครับ"
วันเฉลิมออกไปหลังบ้าน
ยายแลค่อยๆหันไปมองลำยอง เสียดายโอกาสทองที่หลุดมือไป

เวลากลางคืน ภายในชุมชนแออัด หมาจรจัดขี้เรื้อนขดตัวนอนมุมใครมุมมัน ภายในบ้าน ตาปอนอนละเมอ หน้าตามีความสุขอยู่ในมุ้งโทรมๆหลังหนึ่ง
"อย่าลืมเป็ดพะโล้นะไอ้วัน...อร่อยๆๆ"
วันเฉลิมนอนในมุ้งอีกหลัง ข้างๆมุ้งลำยอง
สุดห้อง ยายแลยังนั่งกอดเข่า จมอยู่กับความคิดของตัวเองในความมืดสลัว คิดถึงเรื่องในอดีตที่ร่วมกับลำยองสร้างวีรกรรมกันมา
แลยุให้ลำยองจับสันต์ทำผัว, แล-ลำยอง ทะเลาะกับ ปั้น-สิน อย่างถึงพริกถึงขิง, แลหวังดี แนะนำยาดองให้ลำยอง, แลพาลำยองไปบ่อน, แลพาลำยองไปหาพ่อปู่ พ่อปู่ดูดวงว่าลำยองเป็นนางฟ้ามาเกิด

ยายแลน้ำตาไหล เจ็บปวดหัวใจ ความหายนะทั้งหมดโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

เสียงเคาะเหล็กบอกเวลาตีสอง วันเฉลิมลุกจากที่นอนทันที ไม่งัวเงีย มุดมุ้งออกมา ยายแลยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
"ยายตื่นแล้วเหรอครับ"
แลนิ่ง ไม่ตอบ วันเฉลิมปลดมุ้ง พับมุ้ง เก็บที่นอนอย่างคล่องแคล่ว แล้วชะโงกเข้าไปดูลำยองในอีกมุ้ง แม่หลับนิ่งดูเป็นปกติ
"เดี๋ยวผมจะต้มข้าวต้มไว้ให้นะครับยาย"
วันเฉลิมรีบออกไปหลังบ้าน

เช้ามืด ลำยงเปิดประตูร้าน ชุด ลำดวน ขนเข่งเปล่าที่จะไปจ่ายตลาดออกมา
"ไอ้วันมันจะมาไหมเนี่ย ฉันขนของคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ"
"มันรับปากแล้ว ยังไงมันก็ต้องมาน่า" ลำดวนบอก
"มันก็คงห่วงแม่มัน...เอาเถอะ รอมันหน่อย ตีสามมันไม่มาเดี๋ยวพี่ไปกับลำยงเอง" ชุดบอก
ไข่เจียวทอดเสร็จแล้วถูกตักใส่จาน วันเฉลิมยกกาขึ้นตั้งบนเตาแทน เอาจานไข่เก็บใส่ตู้กับข้าว แล้วรีบออกมา ยายแลยังนั่งอยู่ที่เดิม
"ยายครับ ผมต้องรีบไปแล้ว ยายช่วยป้อนข้าวแม่ เอายาให้แม่กินด้วยนะครับ"
วันเฉลิมรีบร้อนจนไม่ได้เห็นปฏิกิริยาของแลที่นิ่งเฉยผิดปกติ วันเฉลิมชะโงกดูลำยองอีกครั้งก่อนรีบออกไป
วันเฉลิมรีบวิ่งเข้ามาถึงเรือนแพปั้น
"บอกแล้วให้มานอนที่นี่...ตื่นสายหรือไงไอ้วัน" ลำดวนถาม
"เปล่าครับ ผมต้มข้าวกับทอดไข่ไว้ให้แม่น่ะครับ"
"โธ่เอ้ย! กลับมาค่อยทำก็ได้" ลำยงว่า
"รีบไปเถอะลำยง กว่าจะกลับจากตลาดจะสายโด่งไม่ทันลูกค้าพอดี" ชุดบอก

ไข่เจียวถูกป่น คลุกรวมกับข้าวต้มในชามจนเป็นเนื้อเดียวกันสำหรับคนป่วย แลเปิดกระป๋องยาเบื่อหนูอย่างพยายามควบคุมตัวเองให้แน่วแน่ แต่มือก็สั่นอยู่ดี ผงยาเบื่อหนูถูกโรยลงชามข้าว แล้วถูกคนให้เข้ากัน
ยายแลวางชามข้าวต้มลงมุมหนึ่งข้างที่นอน แล้วปลดสายมุ้งลงสองข้าง ม้วนชายมุ้งตลบเก็บแขวนไว้กับข้างฝา ยายแลหันมาแล้วต้องชะงัก เย็นวาบไปทั้งตัว ลำยองนอนลืมตา มองมาอย่างเต็มตา เหมือนคนปกติทุกอย่าง
"ไอ้วันละแม่"
"มันไปทำงาน .ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว"
"ทำงานอะไร"
"ก็ไปช่วยนังลำยงมันจ่ายตลาดเช้า สายหน่อย มันก็ไปรับไอติมเขามาเร่ขาย"
ลำยองสะเทือนใจ ปากขมุบขมิบเหมือนอยากจะพูดอะไร
"มันหาเงินมาซื้อยาให้เอ็งนั่นแหละ"
ลำยองน้ำตาเอ่อออกมาแล้วไหลลงอาบแก้ม ยายแลเบือนหน้าหนี หันไปหยิบชามข้าวต้ม
"เอ็งกินข้าวซะ เอ็งกินข้าวซะ ไอ้วันมันต้มข้าว เจียวไข่ไว้ให้เอ็งตั้งแต่เช้ามืดแล้ว"
แลควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่น ตักข้าวต้มพอดีคำ เคลื่อนช้อนไปจ่อตรงหน้าลำยอง แลแทบจะอยากหลับตาไม่ต้องการเห็นหน้าและแววตาลำยอง
"ไม่ ฉันไม่หิว ฉันจะรอไอ้วันมัน"
แลชะงัก สติและมโนธรรมเหมือนถูกกระชากกลับคืนมาเมื่อเห็นแววตาลำยอง แลชักมือกลับ วางช้อนคืนชามข้าวต้ม กลั้นน้ำตาที่แทบร่วง
"ตามใจเอ็ง"

แลลุกออกไปทันที

ยายแลกลับออกมาหลังบ้าน สองมือกระชับชามข้าวต้ม เหมือนกลัวจะหลุดจากมือ แล้วทรุดตัวลงแทบหมดเรี่ยวแรง ปล่อยโฮออกมาแต่ไม่ยอมให้มีเสียง
"กูทำไม่ลง...อีลำยอง...กูทำมึงไม่ลง"
ยายแลร้องไห้ ตัดสินใจเทข้าวต้มทิ้งถังขยะหน้าห้องน้ำ

ลูกค้ากำลังรุมซื้อกับข้าวของสดบนแผง ลำดวน ลำยง ขายของกันมือเป็นระวิง ชุด วันเฉลิม ช่วยกันยกเข่งผักอีกเข่งเข้ามา
"เดี๋ยวข้าทำต่อเอง เอ็งไปพักเถอะไอ้วัน" ชุดบอก
ปั้นออกมาพอดี
"กินข้าวกินปลาซะก่อนไอ้วัน ย่าทำแกงจืดวุ้นเส้นไว้ให้" ปั้นบอก
"ไม่เป็นไรหรอกครับย่า"
"มันจะเสียเวลาอะไรนักหนา กินๆซะก่อน ไอติมน่ะไม่มีใครเขาแย่งเอ็งหรอก เดี๋ยวค่อยไปรับก็ได้"
"ผมอยากกลับไปดูแม่ก่อนน่ะครับ ป่านนี้ยายป้อนข้าวหรือยังก็ไม่รู้"
"งั้นเอ็งเอาแกงจืดไปป้อนแม่เอ็งด้วย รอแป๊บนึง เดี๋ยวย่าตักใส่หม้อไปให้"
ปั้นกุลีกุจอออกไป วันเฉลิมคอย

ยายแลนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่ที่หน้าบ้าน เช็ดน้ำตาทิ้ง แล้วลุกเดินเข้าบ้านไปจนถึงครัว แล้วสะดุดกับข้าวต้มในถังขยะที่มีสภาพเลอะเทอะเหมือนถูกคุ้ยกิน แลนิ่งไปอึดใจ เย็นวาบไปทั้งตัว แล้วรีบถลาออกไปทันที ลำยองตาค้างจ้องเขม็งมองตาปอนอนสะอึกน้ำลายฟูมปากอยู่กลางบ้าน มือเท้าเกร็งไปหมด
แลถลาเข้ามา เสียงตาปอกรีดร้องโหยหวน
"ไอ้ปอ"
วันเฉลิมหิ้วหม้ออวยเดินมาถึงหน้าบ้านพอดี ได้ยินเสียงแลกรีดร้องดังระงมก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ยายแลโอบตัวตาปอไว้ แล้วเขย่าตัวที่ทุรนทุรายใกล้หมดลม
"ไอ้ปอ...ไอ้ปอ"
"ยายครับ ตาเป็นอะไร"
"มันกินข้าวคลุกยาเบื่อหนูเข้าไปไอ้วัน"
วันเฉลิมตกใจเรียก
"ตา"
วันเฉลิมทิ้งหม้ออวยแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ลำยองนอนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ

ลำยง ลำดวน ชุด ยังคงช่วยกันขายของ ปั้นนั่งทำบัญชีอยู่หลังร้าน วันเฉลิมวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา แล้วตะโกน
"น้าลำยง น้าลำดวน ช่วยด้วยครับ"
"เกิดอะไรขึ้นไอ้วัน ใครเป็นอะไร" ลำยงถาม
"ตาครับ...ตา"
ลำดวนร้อนใจถาม
"พ่อเป็นอะไร"
"ตากินยาเบื่อหนูเข้าไปครับ"

ทุกคนตกใจแทบสิ้นสติ

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ทองเนื้อเก้า ตอนที่ 13 (ต่อ)
ภายในบ้าน ยายแลยังคงกอดปอร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ ทุกคนวิ่งตามวันเฉลิมเข้ามา ลำยงกับลำดวนเรียก "พ่อ" แล้วถลาเข้าไปหาปอทันที
          ลำยงร้องไห้ถาม
          "มันเกิดอะไรขึ้นแม่ พ่อกินยาเบื่อหนูเข้าไปได้ยังไง"
          "กูไม่ได้ตั้งใจ กูไม่ได้ตั้งใจ"
          "ไอ้ยาเบื่อบ้านั่น ฉันเห็นพ่อจะกินมันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ดีที่ฉันเห็นก่อน ไม่นึกเลยว่าวันนี้พ่อจะ..."
          "กูไม่ได้ตั้งใจ"
          ชุดรีบเข้ามา ตั้งใจจะแบกออกไปหาหมอ แต่ปอนิ่งไปแล้ว
          "พ่อตายแล้ว"
          ยายแลกรีดร้อง
          "ไม่...ไอ้ปอ มึงต้องไม่ตาย กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ"
          ทุกคนร้องไห้ระงม ลำยองนอนมองเหมือนไม่รับรู้ แต่นัยน์ตามีแววเจ็บปวด
 
          ผ่านเวลาไปหายวัน ยายแลใส่ชุดดำ นั่งเหม่อลอยคิดถึงตาปออยู่หน้าบ้าน
          "ไอ้ปอ กูไม่ได้ตั้งใจ"
          ลำยองนอนอยู่ในบ้าน มองแม่นิ่งๆ
          "ไอ้ปอ กูรักมึง กูคิดถึงมึง"
          ลำยองที่นอนอยู่ นัยน์ตาสั่นระริก แล้วรำพึงในลำคออย่างยากเย็น
          "คิดถึง"
          ลำยองค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ยายแลยังคงนั่งเหม่อลอย น้ำตาไหล ลำยองค่อยๆตะเกียกตะกายออกจากบ้านไปอีกทาง ยายแลมัวแต่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง จึงไม่ทันเห็นลำยองที่เดินออกจากบ้านไป
          ลำยองตะเกียกตะกายพาตัวเองเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น แม้จะยากเย็นและเจ็บปวด
 
          ยายแลยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สันต์เดินพาวันเฉลิมกลับจากซื้อยามาให้ลำยอง
          "น้าแล น้าแล สวัสดีครับ"
          ยายแลหลุดจากภวังค์
          "อ้าว พ่อสันต์ ไอ้วัน กลับกันมาแล้วเหรอ"
          "หมอบอกว่า จ่ายยาชุดนี้สำหรับสองอาทิตย์ แต่ก็ไม่รู้ว่า..."
          " วันเข้าไปดูแม่ก่อนนะครับพ่อ"
          วันเฉลิมถือถุงยาเข้าไปในบ้าน เห็นเสื่อที่ลำยองนอนว่างเปล่า วันเฉลิมรีบวิ่งออกมาหาพ่อกับยาย
          "พ่อครับ ยายครับ แม่หายไป"
          "ว่าไงนะ"
          สันต์กับยายแลรีบวิ่งเข้ามาดู เห็นจริงอย่างที่วันเฉลิมบอก ยายแลพุ่งเข้าไปหาในห้องน้ำ และหลังครัว
          "อีลำยอง"
          "ลำยอง...ลำยอง"
          ยายแลวิ่งกลับมา
          "ไม่มีเลยพ่อสันต์ นี่นังลำยองมันหายไปไหน สภาพมันแย่ขนาดนั้นมันจะหายได้ยังไง นี่กูทำอะไรผิดอีกหรือเปล่า กูทำอะไรผิดอีกไหม"
          "ใจเย็นๆครับน้าแล"
          วันเฉลิมร้อนใจมาก
          "แล้วเราจะไปหาแม่ที่ไหนครับพ่อ แม่จะไปไหน"
          สันต์ครุ่นคิด

ลำยองตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นมานอนบนเวทีลิเก เลือดค่อยๆซึมออกจากทวารต่างๆของตัวลำยองนอนหมดแรง น้ำตาซึมอย่างเจ็บปวด แต่นัยน์ตายังมองเวทีลิเกอย่างโหยหาวันเก่าๆ
          ในอดีต แลลากลำยองที่แต่งตัวสวยเจิดจรัสเข้ามา ลำยองตามมาอย่างไม่เต็มใจนัก
          "พามาดูลิเกอีกแล้วแม่ น่าเบื่อจะตาย"
          "น่าเบื่ออะไรวะ สนุกออก พระเอกก็หล่อ นางเอกก็สวย" แลว่า
          ลำยองเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสันต์ในวัยหนุ่มแรกรุ่นที่มาส่งปั้นดูลิเก
เธอตกหลุมรักเขาทันที ราวกับรักแรกพบ สันต์เงยหน้าขึ้นสบตา แล้วยิ้มให้อย่างสุภาพ ลำยองยิ้มตอบอย่างมีความสุข
 
          ลำยองในปัจจุบัน ยิ้มอย่างยากลำบาก น้ำตาไหล ภาพอดีตแต่ละช่วงซ้อนเข้ามา ลำยองเอาขนมครกให้สันต์ที่ท่าเรือ, ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน และ ได้เสียกันที่โรงลิเกแห่งนี้
          ลำยองน้ำตาไหลพราก จนรวมกับเลือดที่ไหลออกทุกทวารของร่างกาย ตัวเกร็งด้วยความเจ็บปวดทรมาน
          "แม่"
          นัยน์ตาลำยองเหมือนรับรู้ ได้สติ ได้ยินเสียงลูก มือไม้ไขว่คว้า วันเฉลิมวิ่งเข้ามาประคองแม่ไว้ในอ้อมแขน สันต์เข้ามานั่งอยู่ข้างๆ
          "แม่ครับ วันอยู่นี่แล้วครับแม่"
          "ลำยอง"
          ลำยองมองหน้าลูกชายแล้วค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองหน้าสันต์  พยายามจะพูดบางอย่างอย่างยากเย็นและแผ่วเบา
          "...คะ...คะ...คิดถึง"
          สันต์เอื้อมมือไปจับมือลำยองเอาไว้
          "ลำยอง"
          จู่ๆลำยองก็ชัก มือหงิกงอ ร่างกายกระตุกอย่างแรงในทุกส่วน เลือดกระฉอกออกจากปาก
          "แม่! แม่เป็นอะไร แม่ทำใจดีๆไว้นะครับ"
          วันเฉลิมล็อกตัวลำยองไว้แน่น ลำยองตาเหลือก เหลือแต่ตาขาว ร้องโหยหวนเสียงดัง วันเฉลิมรวบมือทั้งสองข้างของลำยองมาประสานที่อก
          "นึกถึงพระพุทธคุณไว้ครับแม่ นึกถึงพุทธคุณไว้"
          ลำยองเกร็งไปทั้งตัว วันเฉลิมพยายามจับมือแม่ให้อยู่ในท่าพนมมือให้ได้ วันเฉลิมน้ำตาร่วงพรู
          "นึกถึงพระพุทธคุณไว้ครับแม่"
          ในนาทีสุดท้ายของความเจ็บปวด ภาพอดีตระหว่างแม่กับลูกผ่านเข้ามา
           ลำยองหลังคลอดไม่ยอมเลี้ยงลูก, เธอตีวันเฉลิมด้วยความโกรธ, วันเฉลิมเอาเงินให้แม่, ขอร้องลำยองให้เลิกกินเหล้า, วันเฉลิมไปตามลำยองถึงในบ่อน, ส่งข้าวส่งน้ำให้แม่ในคุก, เช็ดตัวตอนลำยองไม่สบาย, เข็นรถเข็นพาลำยองย้ายบ้าน, วันเฉลิมบวชเณร ลำยองอุตส่าห์ถ่อสังขารมาบวชลูก, ลำยองตักบาตรเณรได้วันเดียว,เณรวิ่งไล่จับตัวลำยองและห่อตัวลำยองไว้ด้วยจีวร
          ลำยองอาการสงบลงมาก ตายังจับจ้องที่วันเฉลิม น้ำตาไหลเอ่อออกมา ช่วงลมหายใจสุดท้ายของการได้แสดงความรักต่อลูก วันเฉลิมน้ำตานองไม่แพ้กัน
          "แม่"
          ลำยองเหมือนไม่ได้ยินเสียงเรียกของวันเฉลิม เพราะประสาทรับรู้ค่อยๆดับลง เธอพยายามเอื้อมมือไปลูบแก้มลูก แต่วันเฉลิมรวบมือแม่ไว้กุมพนมไว้ในมือตัวเอง
          ลำยองเหมือนเกิดรอยยิ้มขึ้นเพียงเสี้ยวขณะ แต่ช่วงเวลานี้ช่างสั้นเหลือเกิน รอยยิ้มคลายลงเป็นหน้าที่เรียบ นิ่ง เฉย พร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆหยุดลง และตายังคงลืมไม่ปิดสนิท
          วันเฉลิมกอดแม่ไว้แน่น สันต์น้ำตาไหลพราก

เวลาเย็น โลงศพถูกตั้งไว้กลางศาลา ในบรรยากาศเรียบง่ายไม่มีความฟุ่มเฟือย บนศาลาตั้งศพไม่มีการตกแต่งใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งรูปถ่ายผู้ตาย หน้าที่ตั้งศพ มีเพียงพระพุทธเท่านั้น กับดอกไม้พื้นๆในแจกันเท่านั้น ปั้น, สันต์ ไหว้ศพกันอยู่
          "หมดเวรหมดกรรมเสียทีลำยองเอ้ย...ข้าอโหสิกรรมให้เอ็งนะ อะไรที่เคยล่วงเกินกัน ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจกันก็ขอให้แล้วกันไป อย่าให้ผูกพันกันไปในชาติไหนๆอีกเลย"
          ปั้นปักธูปลงในกระถาง
          "ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้วนะลำยอง ขอให้ลำยองได้ไปในที่สงบ" สันต์บอก
          สันต์ปักธูปลงในกระถาง วันเฉลิมนั่งซึมนิ่งอยู่มุมหนึ่ง ชุด ลำยง ลำดวน ช่วยกันจัดอาสนะ ข้าวของถวายพระที่จะลงสวดตอนค่ำ สันต์ได้แต่มองลูกชายอยู่ไกลๆ
 
          ตอนกลางคืน
          "ญาติพี่น้องก็ไม่ได้มีที่ไหนอีก สวดสามวันแล้วเผาเลยแล้วกันนะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระ" หลวงตาปิ่นบอก
          สันต์ เทวี ยกมือไหว้รับรู้ วันเฉลิมนั่งซึมเหมือนไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้น
          "แล้วตัวเอ็งจะเอายังไงไอ้วัน...มึงจะมัวมานั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรเลยไม่ได้นะ อีกสองวันก็จะเผาแม่เอ็งแล้ว ตัวเอ็งจะเอายังไง"
          "วันไม่รู้ครับหลวงตา"
          หลวงตาปิ่นถอนใจ
          "วัน...ชีวิตลูกไม่ได้จบไปพร้อมกับแม่เขาหรอกนะ คิดถึงวันข้างหน้าของตัวเองบ้าง"
          "วันจะอยู่กับยาย หาเลี้ยงยายกับน้องๆครับ"
          สันต์อึ้ง
          "วัน...ยายกับน้องๆน่ะ ปล่อยให้ยายกับน้าๆเขาช่วยเลี้ยง ช่วยดูแลไปเถอะ อาว่าวันน่าจะย้ายไปอยู่กับอา แล้วก็เรียนหนังสือ เตรียมตัวไปสอบเข้าเรียนต่อปีหน้าไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ" เทวีบอก
          วันเฉลิมค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเทวี มองสันต์ แล้วค่อยๆหันไปมองโลงศพที่ตั้งอยู่ไกลๆ นิ่งและนาน
สันต์กับเทวีสบตากัน ลุ้นเดาความคิดของวันเฉลิม
          วันเฉลิมค่อยๆหันกลับมามองหลวงตาปิ่น
          "หลวงตาครับ วันอยากบวชอีกครั้งครับ"
          สันต์กับเทวีได้ยินเต็มหัวใจ
          "พรุ่งนี้ให้วันบวชหน้าศพแม่ได้ไหมครับ"
          หลวงตาปิ่นเอื้อมมือมาแตะหัววันเฉลิม สัมผัสแผ่วเบาของหลวงตาปิ่น ทำให้วันเฉลิมน้ำตาร่วง จิตวิญญาณของเขากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
 
          วันใหม่ ภายในบ้านแลซึ่งมืดสลัว ไม่เปิดไฟแม้แต่ดวงเดียว ยายแลนั่งอยู่ที่มุมสุดห้อง โยกตัวไปมา สติเหมือนไม่อยู่กับตัว
          "กูผิดเอง...กูเลี้ยงมึงมาไม่ดี อีลำยอง กูอยากให้มึงตายห่าไป จะได้ปลดห่วงให้หลานกูขึ้นมาจากนรก แล้วมึงก็ตายไปแล้วจริงๆอีลำยอง แต่ทำไมมึงไม่ชิงตายไปก่อนหน้านี้ พ่อมึงจะได้ไม่ต้องมารับกรรม กูไม่ได้ตั้งใจนะไอ้ปอ กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงตายเลย"
          ยายแลร้องไห้สลับกับหัวเราะ วนเวียนอยู่กับบาปที่ตัวเองสร้างมากับมือ
           สันต์เดินเข้ามากับลำยง หยุดยืนดูสภาพของยายแลอย่างสลดใจ
          "ตั้งแต่พ่อตายก็เป็นแบบนี้แหละพี่สันต์ พอพี่ลำยองตายไปอีกคนอาการก็หนักข้อขึ้น เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ออกไปไหน แม้กระทั่งงานศพ ท่าจะเลอะตามพ่อแกไปอีกคน พี่เข้าไปดูเองแล้วกัน ฉันไปที่วัดก่อนนะ"
          ลำยงเดินออกไป สันต์เดินเข้ามาในบ้าน
          "น้าแล"
          ยายแลยังคงนิ่ง สันต์เอื้อมมือไปแตะหัวเข่า
          "น้าแล"
          ยายแลค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง
          "ใคร"
          "ผมสันต์ไงครับ"
          ยายแลเหมือนนึกอยู่อึดใจแล้วจึงค่อยจำได้
          "เมียเอ็ง นังลำยองมันตายแล้ว ไอ้ปอก็ตายแล้ว"
          "ผมรู้แล้วครับ วันนี้บ่ายๆวันจะบวชให้แม่ของเขาครับน้าแล"
          "หลานข้าต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ แต่ข้ายังไงก็ต้องตกนรก"
          "พูดอะไรอย่างนั้นน้าแล ไม่มีใครตกนรกที่ไหนหรอก"
          "ข้านี่แหละ...จำที่ไอ้ปอมันกินข้าวคลุกยาเบื่อหนูเข้าไปได้ใช่ไหม ความจริง ข้าตั้งใจจะซื้อมาเบื่อนังลำยองมัน"
          สันต์ตกตะลึง
          "น้าแล"
          ยายแลน้ำตาไหล
          "ข้าตั้งใจจะเอาให้นังลำยองมันกิน จะได้ไม่ต้องอยู่ถ่วงลูกมันให้ต้องทนทุกข์ ข้าตกลงใจยอมตกนรก แต่นรกมันก็ช่างกระไร เอาไอ้ปอไปแทน ทำไมนังลำยองมันไม่ตายเร็วกว่านี้ ไม่งั้นข้าก็คงไม่ต้องทำอย่างนี้...ข้าไม่เคยบอกใครเลยนะ บอกเอ็งเป็นคนแรกนี่แหละ ถ้าไอ้วันมันบวชอีก เอ็งช่วยสงเคราะห์น้องๆ มันด้วยนะ ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก...อย่าให้ไอ้วันมันต้องสึกออกมาเลี้ยงน้องมันอีกเลย"
          ยายแลร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา สันต์ได้แต่กุมมือแลไว้ให้กำลังใจ

เวลาบ่าย หลวงตาปิ่นขลิบผมกลางกระหม่อมให้วันเฉลิมเป็นคนแรก แล้วส่งกรรไกรต่อสันต์
          "แม่เอ็งไม่มาจริงๆเหรอลำยง"
          "แกบอกว่าเดินไม่ไหวจ๊ะหลวงลุง จะรอตักบาตรหน้าบ้านเอา"
          สันต์ชะงักนิดนึงเพราะรู้สภาพจิตใจของยายแลดี ขลิบผมให้วันเฉลิมแล้วส่งกรรไกรต่อให้เทวี
เทวีขยับเข้ามาขลิบผมต่อ วันเฉลิมตั้งจิตแน่วแน่ให้ทุกขณะจิตเป็นกุศลแก่แม่ สายตามองไปทางที่ตั้งศพของลำยอง
          เวลาเย็น โลงศพถูกดันเข้าเตาเผา แล้วช่องประตูถูกปิด ไฟกำลังเริ่มไหม้โลงศพจนคุโชน ที่หน้าเมรุ ทุกคนยืนสงบนิ่งทอดอาลัย
          ท้องฟ้าหม่น พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ควันลอยเอื่อยๆออกทางปล่องเมรุ
 
          วันใหม่ เวลากลางวัน ยายแลในสภาพทรุดโทรม นั่งตัวงอกอดเข่าอยู่ในมุมมืดๆสลัวๆ เณรวันเฉลิมเดินเข้ามาถึงในบ้าน
          "โยมยาย"
          ยายแลค่อยๆหันมามอง ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
          "เณร ใครๆเขาพ้นเวรพ้นกรรมไปนานแล้ว แต่ยายยังต้องทรมานใจต่อไป"
          "โยมยาย บุญกุศลทั้งหมดที่เกิดจากการบวชครั้งนี้ ผมอุทิศให้โยมยายครับ"
          "ทำไมให้ยาย ให้แม่เอ็งไปเถอะ เอามายกให้ยายทำไม"
          "เพราะผมเข้าใจว่าโยมยายคิดอะไร ทำอะไร"
          "เณรรู้เหรอ"
          ยายแลสะอื้น เช็ดน้ำตา
          "ที่จริงทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะผมเป็นต้นเหตุ โยมยายรักผม และหวังดีกับผมมากเกินไป ทุกคนอยากให้ผมหมดภาระทางกาย แต่มันเท่ากับเพิ่มภาระทางใจให้กับผม และใจทุกคน โยมยายสบายใจเถอะครับ เวรกรรมของโยมยายกับโยมตามีร่วมกันมาถึงได้เป็นอย่างนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมก็เกิดจากกรรมของผมเอง โยมยายอย่ากังวลใจให้มากไปเลย อนาคตของผมอยู่ที่ผ้าเหลือง ผมจะบวชให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ร่ำเรียนให้มากที่สุด และสูงที่สุด ส่วนกุศลทั้งหมดผมของอุทิศให้โยมยายครับ"
          ยายแลน้ำตาอาบหน้า ก้มลงกราบสามครั้งด้วยหัวใจปิติ หลุดพ้นความทุกข์ทรมาน ปลดปล่อยพันธนาการที่รัดตัวเองออกไปได้ชั้นหนึ่ง
 
          เรือนแพปั้น
          "แม่คะ แม่ย้ายไปอยู่ซะด้วยกันกับหนูเลยนะคะ"
          "นั่นสิครับแม่ บ้านนี้ก็ยกให้ลำยงกับลำดวนเขาทำมาหากินกันแล้ว แม่ไปอยู่กับผมดีกว่า ให้ผมได้ดูแลแม่บ้าง"
          "แม่อยู่นี่แหละ มันชินซะแล้ว อยู่มาทั้งชีวิตจะให้ย้ายที่ยังไง"
          "แต่แม่จะเหงานะคะ"
          "ไม่เหงาหรอก มีอะไรให้ทำถมไป อยู่นี่จะได้คอยใส่บาตรเณร วันพระจะได้ไปถือศีลแปดที่วัด ไม่ต้องห่วงแม่หรอก ว่างๆก็พาหลานๆมาหาแม่บ้างแค่นั้นก็พอ"
          ปั้นยิ้มสงบ สันต์กับเทวีไม่มีความกังวลใจ
 
          กุฏิหลวงตาปิ่น 
          "ผมว่าจะไม่ไปเรียนที่วังน้อยหรอกครับ จะเรียนที่มหาจุฬาฯนี่แหละ จะได้อยู่ใกล้ญาติพี่น้องด้วย" เณรบอก
          "ก็ดีเหมือนกันเณร จะได้สอบเทียบมัธยมต้นปลายเสียเลย พอเณรสึกจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย"
          "ผมยังไม่คิดจะสึกหรอกครับ ถ้าจะเรียนระดับอุดมศึกษา ผมจะเรียนมหาวิทยาลัยสงฆ์"
          "ทางการเขาไม่เทียบปริญญาให้นะเณร คงอีกนานกว่า ก.พ. จะรับรองเทียบวิชาความรู้ให้ ถ้าสึกจะไม่ได้วุฒิไปทำงาน ก็เข้ากับแค่จบมัธยมปลายที่สอบเทียบไว้เท่านั้นนะ"
          "ไม่เป็นไรครับ เพราะผมอาจจะไม่สึกเลยก็ซ้ำ"
          สันต์กับเทวีมองหน้ากัน ไม่เกิดความกังวล เพราะทุกอย่างแล้วแต่เณร
 
          เวลาผ่านไปหลายปี พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น แสงสีอ่อนๆยามเช้า พระภิกษุหนุ่มเดินอุ้มบาตรอย่างสงบเท้าเปลือยเปล่า เดินมาตามถนน ทุกอย่างก้าวเห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยการเจริญสติ
          "คุณยายขา พระมาโปรดถึงหน้าบ้านแล้วค่ะ คุณยายเร็วๆสิคะ"
          วิมลที่แก่ลงอีกหน่อย แต่ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิมก้าวออกมาจากบ้าน สมฤดีในวัยรุ่นสาวรีบขยับเข้ามารับยายวิมล
          "นิมนต์ด้วยค่ะหลวงพี่"
          พระหยุดคอยที่หน้าบ้าน ก้มหน้าอย่างสงบเคร่งครัด สมฤดีพาวิมลออกมา ตักบาตรจนเสร็จ
พระให้พร
          "หนูสมเขากำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกานะคะท่าน"
          "ไปเข้ามหาวิทยาลัยที่โน่นหรือไงโยม"
          "ค่ะ หลวงพี่ ดิฉันจะไปอยู่กับคุณพ่อ ท่านได้ทุนวิจัยไปค้นคว้างานอยู่ที่โน่นหลายปีแล้วค่ะ"
          "อีกหลายปีสินะ กว่าจะได้กลับเมืองไทย หรือว่าโยมตั้งใจจะตั้งรกรากที่โน่นเลย"
          "ไม่หรอกค่ะหลวงพี่ เรียนจบดิฉันก็จะกลับบ้าน บ้านดิฉันคือเมืองไทยค่ะ"
          พระพยักหน้ารับรู้นิ่งๆแล้วเดินต่อไป

จบตอนที่ 13 

อ่านต่อตอนที่ 14 อวสาน พรุ่งนี้ เวลา09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น