By Lady Manager
เรียกเสียงฮือฮามาตลอดตั้งแต่วัยรุ่นแม้จะเงียบหายไปเป็นพักๆ กับภาพลักษณ์สาวเซลฟ์หน้าแบ๊วสุดโต่ง แรง จริงจัง ไม่ทำอะไรเล่นๆ ไก่กากรุบกริบ กระทั่งออกกำลังกายยังเล่นแบบชนิดที่ผู้ชายยังอาย โหนเชือก ตีลังกา กับสโลแกน “หุ่นอย่างนี้ผู้ชายไม่ชอบ แต่เค้าชอบ จบป่ะ” พร้อมอวดซิกซ์แพคฟิต โชว์กล้ามเป๊ะ หุ่นเปรี๊ยะ
กระทั่งข่าวล่าสุดจัดเต็มกับการปฏิบัติธรรมปลงผม ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย!
ค่ะ นั่นคือ นุก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา แม้อายุจะ 37 ปีแล้ว แต่หน้ายังเด็กแบ๊วเว่อร์! หากบอกว่าอายุ 20 ก็เชื่ออ่ะนะ
“สังเกตดูคนปฏิบัติธรรมจะหน้าเด็กหมด เพราะเหมือนสตาฟไว้ ทุกคนที่นั่งสมาธิ จะคิดน้อยลงสบายใจขึ้น” นุก กล่าว
ขัดแย้งกับบุคลิกที่มั่นใจในตัวเอง กล้าแต่งตัว และภาพลักษณ์ที่หลายคนแทบไม่เชื่อว่า นุกชอบเข้าวัดฟังธรรมเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่เด็ก และไม่เคยบอกใคร! แม้แต่เพื่อนสนิท พร้อมยืนยันการเข้าวัดปฏิบัติธรรมไม่เกี่ยวกับความทุกข์ในชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
ปฏิบัติธรรมครั้งแรก ภาพฆ่าสัตว์ในวัยเด็กปรากฏ!
นุก เล่าถึงการปฏิธรรมครั้งแรก 8 วัน ตะลึง! ปาฏิหาริย์โผล่ทั้ง 8 วัน
“ตอนเด็กน้องชายบวชเณร และคนที่บ้านดูปลื้มปริ่มว่าน้องชายได้บวช คุณแม่ก็คิดว่าจะเกาะชายผ้าเหลืองลูก
จากนั้นหลังน้องบวชเสร็จก็มาคุยว่า แอบกินโน้นกินนี่ตามประสาเด็ก ก็คุยกันตามภาษาพี่น้อง เราก็รู้สึกว่า แม่เราคงไม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองอย่างที่คิดแล้วล่ะ เราก็คือว่า เอ๊ะ เราเป็นผู้หญิงทำไมจะทำให้แม่ไม่ได้ นั่นคือครั้งแรกของการปฏิบัติธรรมเป็นช่วงนุกเล่นหนังเรื่องโลกทั้งใบให้นายคนเดียว
นุกไปยืนอยู่หน้าวัดแล้วบอกกับตัวเองว่า ก็ไม่รู้หรอกว่าบาปบุญจะมีจริงหรือเปล่า และสิ่งที่ทำอยู่มันมีจริงหรือเปล่าไม่รู้ 8 วันที่ลางานมา ก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำได้ แล้วจะไม่กลับมาที่วัดอีกแล้ว แต่พอเข้าไป 8 วันนั้นก็เกิดปาฏิหาริย์ทั้ง 8 วันเลย จึงทำให้เรารู้สึกว่าคงไม่ต้องถามแล้ว ว่าเรื่องนี้มันมีจริงหรือเปล่า จึงเกิดความเชื่อตั้งแต่ 8 วันนั้นเป็นต้นมา
พอลืมตามาวันที่ 4 ของการปฏิบัติธรรมก็บอกตัวเองว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้ไม่เคยข้ามพ้นทุกขเวทนาได้เลย วันที่ 4 จะเป็นวันที่ข้ามพ้นทุกขเวทนาให้ได้ ถ้าเกิดว่าจะเจ็บก็ให้รู้ไปว่าจะเจ็บขนาดไหน ถ้าหากว่ามันจะเจ็บจนตายก็ขอให้เป็นคนแรกที่ตายในการนั่งสมาธิแล้วกัน
เราก็ภาวนาไป จนข้ามพ้นทุกขเวทนา แต่ตอนเจ็บมันเจ็บจริงๆ เลยนะ เจ็บทั้งร่างกายเลย ก็รู้สึกถึงรูขุมขนที่มีเหงื่อออกทุกรูขุมขน มันเจ็บจริงๆ แต่ก็บอกตัวเองว่า ตายก็ตาย แล้วอยู่ดีๆ ก็หายเจ็บไปเลย ไม่ใช่ค่อยๆ บรรเทาความเจ็บนะ คือ หายเจ็บแบบรวดเร็วทันใจมาก"
“จากนั้นภาพในอดีตก็ขึ้นมาเป็นสไลด์เลย เป็นภาพในตอนเด็กที่เราฆ่าสัตว์ นุกเล่นฆ่าสัตว์ ฆ่ามด ภาพมันขึ้นมา เราก็งงว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น อย่างที่บอกมันเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นทั้ง 8 วัน มีปาฏิหาริย์ทุกวัน จากคนที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา แต่ก็คิดว่าทำให้ดีที่สุดเพื่อพ่อแม่ แค่นั้น แล้วก็บอกกับตัวเองว่า 8 วันในการปฏิบัติธรรมจะเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่กลับวัดมาอีกแล้ว จากนั้นอีก 3 เดือน ก็กลับมาปฏิบัติธรรมใหม่”
โกนหัวบวชที่สุดของชีวิต ยิ่งกว่าถูกหวยได้ร้อยล้าน!
“เมื่อก่อนเคยคิดว่า ศีล 8 แบบไม่โกนผม กับศีล 8 แบบที่โกนผม ก็ไม่ต่างอะไร ก็ศีลเหมือนกัน ศีลเท่ากัน คิดว่าไม่ต่างกันหรอก ก็แค่โกนผมเอง แต่เมื่อโกนแล้ว มันต่างกันสิ้นเชิง” นุก กล่าวถึงความต่างของการปลงผม
“นุกคิดอยู่ตลอดว่าวันหนึ่งอยากจะโกนผม คิดแค่นี้ ก็เป็นการแสดงความรักที่เรามีต่อพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ได้คิดอย่างอื่น ไม่ได้คิดเพื่อความเจริญของตัวเองอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่เรารักพระพุทธเจ้า นี่คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที จนปีที่แล้วตะเกียกตะกายอยากจะไปบวช รู้สึกอยาก อาจารย์ที่นับถือก็บอกว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ให้บวช ก็รู้สึกติดขัด เหมือนกับคนไม่ได้บวชพยายามยังไงก็ไม่ได้บวช โอเค ไม่ได้บวชก็ไม่เป็นไร
จนกระทั่งปลายปีที่แล้วเขาก็มีจัดไปสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดีย ซึ่งก็เป็นปกติที่อาจารย์เขาจะจัดไป ส่วนนุกเองก็ไปบ่อยอยู่แล้วทั้งกับอาจารย์เองก็ดี หรือไปส่วนตัวก็ดีที่อินเดีย คือถ้ามีโอกาสไปได้ก็จะไป เป็นที่เดียวในชีวิตที่จะเสียตังค์เท่าไหร่ก็อยากไป เพราะโดยปกติเที่ยวเมืองนอกนุกจะไม่ค่อยไป เพราะเสียดายตังค์ แต่ที่อินเดีย เท่าไหร่ก็จะตะเกียกตะกายไป แต่ปลายปีที่ผ่านมา มันเต็มเราไม่ได้ไป ก็ทำใจว่าไม่ได้ไป 8 วัน ที่ล็อกเอาไว้ก็เริ่มรับงาน จึงเหลือ 3 วัน ที่ยังว่างอยู่ จนกระทั่ง 2-3 อาทิตย์ก่อนที่จะไป มีทางวัดโทรมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำใจแล้วว่าไม่ได้ไป จนที่วัดโทรมาว่า ถ้าจะไป จะจองไฟลท์เพิ่ม จองอีกเครื่องเลย พร้อมข่าวดีด้วยว่าจะมีการบวชชีด้วย
เราก็เลยบอกว่าเราขอบวชด้วย ตอนนั้นรับงานไว้ ก็คิดว่าลูกค้าจะว่าอะไรไหม หากเรามาทำงานแบบไม่มีผม ก็เลยโทรไป ก่อนโทรก็ตั้งจิตไว้ ถ้าเราจะได้บวชเราก็จะได้บวช ถ้าเราไม่ได้บวชเราก็จะไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น งานที่รับไว้คือสัจจะก็ยังเป็นสัจจะ จะไม่ยกเลิก
ถ้าลูกค้าไม่สบายใจกับการที่เราไม่มีผมไป เราก็จะไม่อ้อนวอนเขา คือเหมือนกับถ้าเราจะได้บวชทุกอย่างมันจะง่าย คิดแบบนี้ ก็เอาเท่าที่ได้ แต่ในใจถามว่าอยากบวชไหม อยากอยู่แล้ว อยากมาก เพราะเราจะได้บวชใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งโดยปกติใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา เป็นของรักของหวงของประเทศอินเดีย ต่อให้คนอินเดียที่เขาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเป็นหลักแต่เขาก็หวง เป็นสิ่งสำคัญของโลก เป็นแหล่งที่คนไหลมาเทมา ทำให้อินเดียเขามีชื่อเสียง รายได้เข้าประเทศ จึงเป็นที่หวงแหนของเขามาก การที่จะเข้าไปประกอบศาสนกิจใดๆ นอกจากการสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เป็นเรื่องที่ยากมากต้องทำเรื่องกันเป็นปี
เราอยากจะไปมากจริงๆ แต่ถ้าได้ก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็แสดงว่าไม่ใช่เวลาของเรา ปรากฏว่า โทรไปหาลูกค้าทุกอย่างเคลียร์โล่ง จองตั๋วก็ได้จากที่ดิ้นรนอยู่เป็นเดือน ลูกค้าโอเคทุกคนกับการที่นุกไม่มีผม
รู้ก่อนบวชแค่ 2-3 อาทิตย์เอง ว่าจะได้โกนหัวบวช ก็เตรียมตัวแค่นั้น ด้วยสถานที่ที่สุดยอดที่สุดไม่คิดว่าจะได้ไปบวชตรงจุดนั้นแต่ก็ได้ ถามตัวเองว่าตอนที่รู้ว่าได้บวชตรงนั้นแน่ๆ คือบริเวณนั้นเราก็ไม่ฟันธงว่าจะได้หรือไม่ เพราะปกติเวลาคนไปบวชที่อินเดียส่วนมากจะได้ไปบวชที่วัดไทยกุสินารา หรือวัดที่ใกล้เคียง ไม่ได้ไปบวชที่ตรงจุดนั้น
ฉะนั้นเราได้บวชตรงนั้นก็ถือว่าดีใจมากๆ จนน้ำตาไหล รู้สึกมันสุดยอด ที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรจะที่สุดกว่านี้แล้ว ให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 หรือได้เงินเป็นร้อยล้านก็ไม่ได้อยากได้ ถ้าให้เลือกนุกเลือกไปบวชที่นี่ เพราะนี่คือที่สุดของชีวิต แม้จะได้บวชแค่ 3 วัน เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำมาทั้งชีวิต
แต่ไม่ใช่ที่สุดของการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติธรรมของนุกคือที่สุดอยู่แล้ว จึงไม่มีครั้งไหนเป็นที่สุด”
อกหัก ทุกข์ใจ ไร้สติ อย่าเข้าวัด มาแบบเจ็บๆ ก็จะออกมาอย่างเจ็บๆ!
นุก แนะนำสำหรับคนอยากเข้าวัดปฏิบัติควรมีร่างกาย และจิตใจที่พร้อมก่อน แนะควรต่อสู้กับปัญหา และเผชิญมันก่อนเข้าวัด!
“นุกปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ ไม่เคยบอกใคร แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่บอก ไม่มีใครรู้ เวลาคุณพ่อคุณแม่จะไปด้วย นุกก็บอกว่าให้แยกไป อย่ามาไปกับนุก เพราะนุกจริงจัง คือ ถ้าไปเล่นๆ หรือจะไปเพื่อเช็กอินว่าไปแล้ว ก็อย่าไปเลยดีกว่า เพราะว่าข้างนอกมันสนุกกว่าเยอะ ถ้าเข้ามาในวัดแล้วอย่าเข้ามาครึ่งๆ กลางๆ ถ้าแบบนั้นอย่าเข้ามาเลย ควรศึกษา ตั้งใจ
เวลาเข้าวัดก็มักมีคนถามว่า เป็นอะไร อกหักเหรือเปล่า ซึ่งนุกไม่เคยคิดเลยว่า การเข้าวัดของนุกจะเป็นเรื่องของการทุกข์ใจ อกหัก เพราะถ้าทุกข์ใจ หรืออกหัก นุกจะไม่เข้าวัดเลยนะ เพราะถ้าเข้าไปวัดแบบเจ็บๆ ก็จะออกมาเเบบเจ็บๆ เป็นคำที่หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน ที่นุกไปปฏิบัติธรรม ท่านให้ไว้
คือ ตอนเด็กๆไปฟังเทศน์ ท่านก็บอกว่า พยายามให้ทุกคนเข้าวัดในช่วงที่เรายังสามารถปฏิบัติอะไรได้ ก็จะทำได้เต็มที่ คือ ท่านไม่ได้พูดถึงบุญบาป ไม่ได้พูดถึงความเชื่อ แต่ท่านกำลังจะบอกว่า เวลาเข้าวัดเราควรมีร่างกายที่พร้อมในการปฏิบัติธรรม คุณเข้าวัดตอนแก่ คุณจะนั่งสมาธิได้นานแค่ไหน แน่นอนคุณก็ต้องเข้าวัดในตอนปกติ จิตใจปกติ หากเข้าวัดในตอนไม่สบายใจคุณก็ทำอะไรไม่ได้ คุณควรต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่คุณเจอก่อน มีจิตใจที่พร้อม จะมาปฏิบัติธรรมก่อนดีกว่า
คนอื่นไม่รู้นะ แต่สำหรับนุก มองว่า วัดเป็นสถานที่ศึกษาการนั่งสมาธิ ฉะนั้นนุกจะไม่เข้าวัดแบบไม่มีสติ เพราะเวลาเราอกหักมันจะไม่มีสติเวลาจะเรียนรู้ศึกษาธรรมะอะไรก็จะไม่เข้าใจ
และบางคนเข้าวัดไปแต่งตัวกันแบบเสื้อแขนกุด กางเกง กระโปรงเลยเข่า คือ สติมันต้องมาตั้งแต่แต่งตัวเข้าวัดแล้ว มันไม่ใช่แค่เข้าไปเรียน ทำบุญตักบาตร ก็อยากจะเตือนหลายๆคนที่เข้าวัดแล้วจะไปทำบุญ เพราะแน่นอนหากทำดีก็ได้บุญสูงสุด ถ้าคุณทำผิดคุณก็ได้บาปสูงสุดเช่นกัน
อย่างนุกก็เป็นนะ คือใช้ชีวิตอยู่ในวงการ ต่อให้ไม่ต้องวงการหรอก คนทั่วไปก็คงไม่อยากจะใส่เสื้อคอเต่า กางเกงมิดชิดหรอก แต่ในรถนุกจะเตรียมโสร่ง กับผ้าคลุมไหล่ทิ้งไว้ในรถเลย เพราะเราไม่รู้ว่าโอกาสที่จะเราจะผ่านวัด หรือหากใครชวนเข้า แต่ไม่ได้เตรียมตัวมา เราก็คว้าผ้าในรถมาคลุมเข้าไปได้ จะได้ไม่รู้สึกว่าเข้าไปเอาบาป เข้าไปก็ไปเอาบุญล้วนๆ
ส่วนการนั่งสมาธินุกคิดว่า ทำให้เราเข้าใจตัวเอง มีสติ พอเราเข้าใจตัวเอง มันก็เปิดโลก เป็นกุญแจเปิดโลก เราจะเข้าใจธรรมชาติ เราจะเข้าใจคนอื่นเพราะเราเข้าใจตนเอง ทุกอย่างมันเหมือนกุญแจ เราก็ไขประตูทีละบานๆ แต่ต้องเริ่มจากการสำรวจข้างในเราก่อน”
ตานอกไม่สัมผัสได้เท่าตาใน!
เปลือกนอกมักเห็นว่านุกแต่งตัว ทำผมได้เซี๊ยะจัดเต็มมาก แต่คำตอบที่ได้รับคือ
“อย่างนุกเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองนะ” นุก บอกว่า มันก็แค่ประตูหนึ่งของคนเท่านั้น
“หลายๆ คนก็เป็น นุกได้รู้จักเพื่อนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองแต่แสดงออกเหมือนไม่แคร์โลก เพราะว่ามันเป็นประตูหนึ่งของคน ก็จะมีคนบางประเภทเป็นแบบนั้นที่จะแสดงออกในทางตรงกันข้าม แต่ถ้าเรารู้จักเขาจริงๆ เราจะรู้เลยว่าเขาไม่มั่นใจในตัวเองเลย
เพราะตานอกไม่สามารถสัมผัสอะไรได้มาก เท่ากับตาในของเรา เราไปตัดสินใจอะไรคนอื่นไม่ได้หรอก ถึงต้องมานั่งสมาธิไงคะ เพราะด้วยนิสัยของมนุษย์เราชอบมองคนอื่นแล้วก็ตัดสินคนอื่น แต่เราไม่เคยตัดสินตัวเอง คิดเสมอว่าตัวเองถูก บางทีบางคนก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้งของทุกอย่าง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องมาฝึกสมาธิ เพราะมันจะได้สำรวจตัวเอง
กรรมในอดีตชาติมันอาจจะส่งผลให้วาระนี้ได้เข้าวัดพอดี บุญในอดีตชาติอาจจะส่งผลให้ได้เข้าวัดพอดี พอได้เข้าวัดในช่วงนี้ ทุกอย่างจะจูนง่าย จะต่อติด เหมือนครั้งแรกที่เข้าวัดมันเหมือนกับสิ่งที่เราเคยทำมา สิ่งที่เราเคยสร้างมา มันโยงถึงกันพอดี จึงทำให้เรามีโอกาสเข้าวัดได้พบได้เจอได้เห็นปาฏิหาริย์
แต่พอช่วงที่เราไม่มีกระแสบุญจากชาติที่แล้ว ในความเชื่อของนุกนะคะ เรารู้สึกตะเกียกตะกายจังเลย รู้สึกยาก กว่าเราจะเข้าถึง แต่พอเรามีกระแสบุญมันก็จะไปเอง แล้วก็จะถึงเร็ว บางทีจิตว่าง เราก็จะรีบนั่งเลย เพราะเรารู้ว่าช่วงนี้มาแน่ เราก็จะได้อะไรจริงๆ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกหนักเหมือนกัน แต่ก็ได้มาจริงๆ
แต่พอตอนไปอินเดีย ก็เริ่มรู้สึกว่า ถ้าเราทำอย่างที่ผ่านมาตลอด ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากขยะตมที่มันลอยไปตามน้ำ เวลาที่กระแสบุญมาก็พัดพาเราไป กระแสกรรมมาก็ไม่ทันแล้ว ตอนที่อยู่อินเดียก็บอกกับตัวเองว่า เราจะไม่ใช่ขยะตมอีกต่อไป เราจะพยายามไม่ละความเพียรในแต่ละวัน”
สุดท้าย นุกฝากให้ทุกคนอย่าละความเพียร และหมั่นทำความดี
“จริงๆ ความเพียรเป็นเรื่องยาก ความดีนุกว่ายังง่ายกว่าเยอะ ความดีมีโอกาสก็จะได้ทำ ทุกคนมีโอกาสได้ทำดีในแต่ละวันแล้วแต่โอกาส แต่วันไหนไม่มีโอกาสทำความดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ใช่คนดี แค่เราไม่มีโอกาส แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้มีโอกาสทำดีเราก็ได้ทำ
ส่วนความเพียร ไม่ใช่แบบนั้น ความเพียรต้องทำทุกวัน วันไหนไม่ได้ทำก็คือละความเพียรไปแล้ว” นุก กล่าวปิดท้าย
ขอบคุณ ภาพบางส่วนจาก IG @nook_suttida
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
เรียกเสียงฮือฮามาตลอดตั้งแต่วัยรุ่นแม้จะเงียบหายไปเป็นพักๆ กับภาพลักษณ์สาวเซลฟ์หน้าแบ๊วสุดโต่ง แรง จริงจัง ไม่ทำอะไรเล่นๆ ไก่กากรุบกริบ กระทั่งออกกำลังกายยังเล่นแบบชนิดที่ผู้ชายยังอาย โหนเชือก ตีลังกา กับสโลแกน “หุ่นอย่างนี้ผู้ชายไม่ชอบ แต่เค้าชอบ จบป่ะ” พร้อมอวดซิกซ์แพคฟิต โชว์กล้ามเป๊ะ หุ่นเปรี๊ยะ
กระทั่งข่าวล่าสุดจัดเต็มกับการปฏิบัติธรรมปลงผม ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย!
ค่ะ นั่นคือ นุก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา แม้อายุจะ 37 ปีแล้ว แต่หน้ายังเด็กแบ๊วเว่อร์! หากบอกว่าอายุ 20 ก็เชื่ออ่ะนะ
“สังเกตดูคนปฏิบัติธรรมจะหน้าเด็กหมด เพราะเหมือนสตาฟไว้ ทุกคนที่นั่งสมาธิ จะคิดน้อยลงสบายใจขึ้น” นุก กล่าว
ขัดแย้งกับบุคลิกที่มั่นใจในตัวเอง กล้าแต่งตัว และภาพลักษณ์ที่หลายคนแทบไม่เชื่อว่า นุกชอบเข้าวัดฟังธรรมเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่เด็ก และไม่เคยบอกใคร! แม้แต่เพื่อนสนิท พร้อมยืนยันการเข้าวัดปฏิบัติธรรมไม่เกี่ยวกับความทุกข์ในชีวิตใดๆ ทั้งสิ้น
ปฏิบัติธรรมครั้งแรก ภาพฆ่าสัตว์ในวัยเด็กปรากฏ!
นุก เล่าถึงการปฏิธรรมครั้งแรก 8 วัน ตะลึง! ปาฏิหาริย์โผล่ทั้ง 8 วัน
“ตอนเด็กน้องชายบวชเณร และคนที่บ้านดูปลื้มปริ่มว่าน้องชายได้บวช คุณแม่ก็คิดว่าจะเกาะชายผ้าเหลืองลูก
จากนั้นหลังน้องบวชเสร็จก็มาคุยว่า แอบกินโน้นกินนี่ตามประสาเด็ก ก็คุยกันตามภาษาพี่น้อง เราก็รู้สึกว่า แม่เราคงไม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองอย่างที่คิดแล้วล่ะ เราก็คือว่า เอ๊ะ เราเป็นผู้หญิงทำไมจะทำให้แม่ไม่ได้ นั่นคือครั้งแรกของการปฏิบัติธรรมเป็นช่วงนุกเล่นหนังเรื่องโลกทั้งใบให้นายคนเดียว
นุกไปยืนอยู่หน้าวัดแล้วบอกกับตัวเองว่า ก็ไม่รู้หรอกว่าบาปบุญจะมีจริงหรือเปล่า และสิ่งที่ทำอยู่มันมีจริงหรือเปล่าไม่รู้ 8 วันที่ลางานมา ก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตคนๆ หนึ่งจะทำได้ แล้วจะไม่กลับมาที่วัดอีกแล้ว แต่พอเข้าไป 8 วันนั้นก็เกิดปาฏิหาริย์ทั้ง 8 วันเลย จึงทำให้เรารู้สึกว่าคงไม่ต้องถามแล้ว ว่าเรื่องนี้มันมีจริงหรือเปล่า จึงเกิดความเชื่อตั้งแต่ 8 วันนั้นเป็นต้นมา
พอลืมตามาวันที่ 4 ของการปฏิบัติธรรมก็บอกตัวเองว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้ไม่เคยข้ามพ้นทุกขเวทนาได้เลย วันที่ 4 จะเป็นวันที่ข้ามพ้นทุกขเวทนาให้ได้ ถ้าเกิดว่าจะเจ็บก็ให้รู้ไปว่าจะเจ็บขนาดไหน ถ้าหากว่ามันจะเจ็บจนตายก็ขอให้เป็นคนแรกที่ตายในการนั่งสมาธิแล้วกัน
เราก็ภาวนาไป จนข้ามพ้นทุกขเวทนา แต่ตอนเจ็บมันเจ็บจริงๆ เลยนะ เจ็บทั้งร่างกายเลย ก็รู้สึกถึงรูขุมขนที่มีเหงื่อออกทุกรูขุมขน มันเจ็บจริงๆ แต่ก็บอกตัวเองว่า ตายก็ตาย แล้วอยู่ดีๆ ก็หายเจ็บไปเลย ไม่ใช่ค่อยๆ บรรเทาความเจ็บนะ คือ หายเจ็บแบบรวดเร็วทันใจมาก"
“จากนั้นภาพในอดีตก็ขึ้นมาเป็นสไลด์เลย เป็นภาพในตอนเด็กที่เราฆ่าสัตว์ นุกเล่นฆ่าสัตว์ ฆ่ามด ภาพมันขึ้นมา เราก็งงว่ามันเป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น อย่างที่บอกมันเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นทั้ง 8 วัน มีปาฏิหาริย์ทุกวัน จากคนที่ไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา แต่ก็คิดว่าทำให้ดีที่สุดเพื่อพ่อแม่ แค่นั้น แล้วก็บอกกับตัวเองว่า 8 วันในการปฏิบัติธรรมจะเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่กลับวัดมาอีกแล้ว จากนั้นอีก 3 เดือน ก็กลับมาปฏิบัติธรรมใหม่”
โกนหัวบวชที่สุดของชีวิต ยิ่งกว่าถูกหวยได้ร้อยล้าน!
“เมื่อก่อนเคยคิดว่า ศีล 8 แบบไม่โกนผม กับศีล 8 แบบที่โกนผม ก็ไม่ต่างอะไร ก็ศีลเหมือนกัน ศีลเท่ากัน คิดว่าไม่ต่างกันหรอก ก็แค่โกนผมเอง แต่เมื่อโกนแล้ว มันต่างกันสิ้นเชิง” นุก กล่าวถึงความต่างของการปลงผม
“นุกคิดอยู่ตลอดว่าวันหนึ่งอยากจะโกนผม คิดแค่นี้ ก็เป็นการแสดงความรักที่เรามีต่อพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ได้คิดอย่างอื่น ไม่ได้คิดเพื่อความเจริญของตัวเองอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่เรารักพระพุทธเจ้า นี่คือการแสดงความรักอย่างหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที จนปีที่แล้วตะเกียกตะกายอยากจะไปบวช รู้สึกอยาก อาจารย์ที่นับถือก็บอกว่า ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ให้บวช ก็รู้สึกติดขัด เหมือนกับคนไม่ได้บวชพยายามยังไงก็ไม่ได้บวช โอเค ไม่ได้บวชก็ไม่เป็นไร
จนกระทั่งปลายปีที่แล้วเขาก็มีจัดไปสักการะสังเวชนียสถานที่อินเดีย ซึ่งก็เป็นปกติที่อาจารย์เขาจะจัดไป ส่วนนุกเองก็ไปบ่อยอยู่แล้วทั้งกับอาจารย์เองก็ดี หรือไปส่วนตัวก็ดีที่อินเดีย คือถ้ามีโอกาสไปได้ก็จะไป เป็นที่เดียวในชีวิตที่จะเสียตังค์เท่าไหร่ก็อยากไป เพราะโดยปกติเที่ยวเมืองนอกนุกจะไม่ค่อยไป เพราะเสียดายตังค์ แต่ที่อินเดีย เท่าไหร่ก็จะตะเกียกตะกายไป แต่ปลายปีที่ผ่านมา มันเต็มเราไม่ได้ไป ก็ทำใจว่าไม่ได้ไป 8 วัน ที่ล็อกเอาไว้ก็เริ่มรับงาน จึงเหลือ 3 วัน ที่ยังว่างอยู่ จนกระทั่ง 2-3 อาทิตย์ก่อนที่จะไป มีทางวัดโทรมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำใจแล้วว่าไม่ได้ไป จนที่วัดโทรมาว่า ถ้าจะไป จะจองไฟลท์เพิ่ม จองอีกเครื่องเลย พร้อมข่าวดีด้วยว่าจะมีการบวชชีด้วย
เราก็เลยบอกว่าเราขอบวชด้วย ตอนนั้นรับงานไว้ ก็คิดว่าลูกค้าจะว่าอะไรไหม หากเรามาทำงานแบบไม่มีผม ก็เลยโทรไป ก่อนโทรก็ตั้งจิตไว้ ถ้าเราจะได้บวชเราก็จะได้บวช ถ้าเราไม่ได้บวชเราก็จะไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น งานที่รับไว้คือสัจจะก็ยังเป็นสัจจะ จะไม่ยกเลิก
ถ้าลูกค้าไม่สบายใจกับการที่เราไม่มีผมไป เราก็จะไม่อ้อนวอนเขา คือเหมือนกับถ้าเราจะได้บวชทุกอย่างมันจะง่าย คิดแบบนี้ ก็เอาเท่าที่ได้ แต่ในใจถามว่าอยากบวชไหม อยากอยู่แล้ว อยากมาก เพราะเราจะได้บวชใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งโดยปกติใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา เป็นของรักของหวงของประเทศอินเดีย ต่อให้คนอินเดียที่เขาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเป็นหลักแต่เขาก็หวง เป็นสิ่งสำคัญของโลก เป็นแหล่งที่คนไหลมาเทมา ทำให้อินเดียเขามีชื่อเสียง รายได้เข้าประเทศ จึงเป็นที่หวงแหนของเขามาก การที่จะเข้าไปประกอบศาสนกิจใดๆ นอกจากการสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ เป็นเรื่องที่ยากมากต้องทำเรื่องกันเป็นปี
เราอยากจะไปมากจริงๆ แต่ถ้าได้ก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็แสดงว่าไม่ใช่เวลาของเรา ปรากฏว่า โทรไปหาลูกค้าทุกอย่างเคลียร์โล่ง จองตั๋วก็ได้จากที่ดิ้นรนอยู่เป็นเดือน ลูกค้าโอเคทุกคนกับการที่นุกไม่มีผม
รู้ก่อนบวชแค่ 2-3 อาทิตย์เอง ว่าจะได้โกนหัวบวช ก็เตรียมตัวแค่นั้น ด้วยสถานที่ที่สุดยอดที่สุดไม่คิดว่าจะได้ไปบวชตรงจุดนั้นแต่ก็ได้ ถามตัวเองว่าตอนที่รู้ว่าได้บวชตรงนั้นแน่ๆ คือบริเวณนั้นเราก็ไม่ฟันธงว่าจะได้หรือไม่ เพราะปกติเวลาคนไปบวชที่อินเดียส่วนมากจะได้ไปบวชที่วัดไทยกุสินารา หรือวัดที่ใกล้เคียง ไม่ได้ไปบวชที่ตรงจุดนั้น
ฉะนั้นเราได้บวชตรงนั้นก็ถือว่าดีใจมากๆ จนน้ำตาไหล รู้สึกมันสุดยอด ที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรจะที่สุดกว่านี้แล้ว ให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 หรือได้เงินเป็นร้อยล้านก็ไม่ได้อยากได้ ถ้าให้เลือกนุกเลือกไปบวชที่นี่ เพราะนี่คือที่สุดของชีวิต แม้จะได้บวชแค่ 3 วัน เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำมาทั้งชีวิต
แต่ไม่ใช่ที่สุดของการปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติธรรมของนุกคือที่สุดอยู่แล้ว จึงไม่มีครั้งไหนเป็นที่สุด”
อกหัก ทุกข์ใจ ไร้สติ อย่าเข้าวัด มาแบบเจ็บๆ ก็จะออกมาอย่างเจ็บๆ!
นุก แนะนำสำหรับคนอยากเข้าวัดปฏิบัติควรมีร่างกาย และจิตใจที่พร้อมก่อน แนะควรต่อสู้กับปัญหา และเผชิญมันก่อนเข้าวัด!
“นุกปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยๆ ไม่เคยบอกใคร แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่บอก ไม่มีใครรู้ เวลาคุณพ่อคุณแม่จะไปด้วย นุกก็บอกว่าให้แยกไป อย่ามาไปกับนุก เพราะนุกจริงจัง คือ ถ้าไปเล่นๆ หรือจะไปเพื่อเช็กอินว่าไปแล้ว ก็อย่าไปเลยดีกว่า เพราะว่าข้างนอกมันสนุกกว่าเยอะ ถ้าเข้ามาในวัดแล้วอย่าเข้ามาครึ่งๆ กลางๆ ถ้าแบบนั้นอย่าเข้ามาเลย ควรศึกษา ตั้งใจ
เวลาเข้าวัดก็มักมีคนถามว่า เป็นอะไร อกหักเหรือเปล่า ซึ่งนุกไม่เคยคิดเลยว่า การเข้าวัดของนุกจะเป็นเรื่องของการทุกข์ใจ อกหัก เพราะถ้าทุกข์ใจ หรืออกหัก นุกจะไม่เข้าวัดเลยนะ เพราะถ้าเข้าไปวัดแบบเจ็บๆ ก็จะออกมาเเบบเจ็บๆ เป็นคำที่หลวงพ่อจรัญ แห่งวัดอัมพวัน ที่นุกไปปฏิบัติธรรม ท่านให้ไว้
คือ ตอนเด็กๆไปฟังเทศน์ ท่านก็บอกว่า พยายามให้ทุกคนเข้าวัดในช่วงที่เรายังสามารถปฏิบัติอะไรได้ ก็จะทำได้เต็มที่ คือ ท่านไม่ได้พูดถึงบุญบาป ไม่ได้พูดถึงความเชื่อ แต่ท่านกำลังจะบอกว่า เวลาเข้าวัดเราควรมีร่างกายที่พร้อมในการปฏิบัติธรรม คุณเข้าวัดตอนแก่ คุณจะนั่งสมาธิได้นานแค่ไหน แน่นอนคุณก็ต้องเข้าวัดในตอนปกติ จิตใจปกติ หากเข้าวัดในตอนไม่สบายใจคุณก็ทำอะไรไม่ได้ คุณควรต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่คุณเจอก่อน มีจิตใจที่พร้อม จะมาปฏิบัติธรรมก่อนดีกว่า
คนอื่นไม่รู้นะ แต่สำหรับนุก มองว่า วัดเป็นสถานที่ศึกษาการนั่งสมาธิ ฉะนั้นนุกจะไม่เข้าวัดแบบไม่มีสติ เพราะเวลาเราอกหักมันจะไม่มีสติเวลาจะเรียนรู้ศึกษาธรรมะอะไรก็จะไม่เข้าใจ
และบางคนเข้าวัดไปแต่งตัวกันแบบเสื้อแขนกุด กางเกง กระโปรงเลยเข่า คือ สติมันต้องมาตั้งแต่แต่งตัวเข้าวัดแล้ว มันไม่ใช่แค่เข้าไปเรียน ทำบุญตักบาตร ก็อยากจะเตือนหลายๆคนที่เข้าวัดแล้วจะไปทำบุญ เพราะแน่นอนหากทำดีก็ได้บุญสูงสุด ถ้าคุณทำผิดคุณก็ได้บาปสูงสุดเช่นกัน
อย่างนุกก็เป็นนะ คือใช้ชีวิตอยู่ในวงการ ต่อให้ไม่ต้องวงการหรอก คนทั่วไปก็คงไม่อยากจะใส่เสื้อคอเต่า กางเกงมิดชิดหรอก แต่ในรถนุกจะเตรียมโสร่ง กับผ้าคลุมไหล่ทิ้งไว้ในรถเลย เพราะเราไม่รู้ว่าโอกาสที่จะเราจะผ่านวัด หรือหากใครชวนเข้า แต่ไม่ได้เตรียมตัวมา เราก็คว้าผ้าในรถมาคลุมเข้าไปได้ จะได้ไม่รู้สึกว่าเข้าไปเอาบาป เข้าไปก็ไปเอาบุญล้วนๆ
ส่วนการนั่งสมาธินุกคิดว่า ทำให้เราเข้าใจตัวเอง มีสติ พอเราเข้าใจตัวเอง มันก็เปิดโลก เป็นกุญแจเปิดโลก เราจะเข้าใจธรรมชาติ เราจะเข้าใจคนอื่นเพราะเราเข้าใจตนเอง ทุกอย่างมันเหมือนกุญแจ เราก็ไขประตูทีละบานๆ แต่ต้องเริ่มจากการสำรวจข้างในเราก่อน”
ตานอกไม่สัมผัสได้เท่าตาใน!
เปลือกนอกมักเห็นว่านุกแต่งตัว ทำผมได้เซี๊ยะจัดเต็มมาก แต่คำตอบที่ได้รับคือ
“อย่างนุกเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองนะ” นุก บอกว่า มันก็แค่ประตูหนึ่งของคนเท่านั้น
“หลายๆ คนก็เป็น นุกได้รู้จักเพื่อนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองแต่แสดงออกเหมือนไม่แคร์โลก เพราะว่ามันเป็นประตูหนึ่งของคน ก็จะมีคนบางประเภทเป็นแบบนั้นที่จะแสดงออกในทางตรงกันข้าม แต่ถ้าเรารู้จักเขาจริงๆ เราจะรู้เลยว่าเขาไม่มั่นใจในตัวเองเลย
เพราะตานอกไม่สามารถสัมผัสอะไรได้มาก เท่ากับตาในของเรา เราไปตัดสินใจอะไรคนอื่นไม่ได้หรอก ถึงต้องมานั่งสมาธิไงคะ เพราะด้วยนิสัยของมนุษย์เราชอบมองคนอื่นแล้วก็ตัดสินคนอื่น แต่เราไม่เคยตัดสินตัวเอง คิดเสมอว่าตัวเองถูก บางทีบางคนก็เอาตัวเองเป็นที่ตั้งของทุกอย่าง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องมาฝึกสมาธิ เพราะมันจะได้สำรวจตัวเอง
กรรมในอดีตชาติมันอาจจะส่งผลให้วาระนี้ได้เข้าวัดพอดี บุญในอดีตชาติอาจจะส่งผลให้ได้เข้าวัดพอดี พอได้เข้าวัดในช่วงนี้ ทุกอย่างจะจูนง่าย จะต่อติด เหมือนครั้งแรกที่เข้าวัดมันเหมือนกับสิ่งที่เราเคยทำมา สิ่งที่เราเคยสร้างมา มันโยงถึงกันพอดี จึงทำให้เรามีโอกาสเข้าวัดได้พบได้เจอได้เห็นปาฏิหาริย์
แต่พอช่วงที่เราไม่มีกระแสบุญจากชาติที่แล้ว ในความเชื่อของนุกนะคะ เรารู้สึกตะเกียกตะกายจังเลย รู้สึกยาก กว่าเราจะเข้าถึง แต่พอเรามีกระแสบุญมันก็จะไปเอง แล้วก็จะถึงเร็ว บางทีจิตว่าง เราก็จะรีบนั่งเลย เพราะเรารู้ว่าช่วงนี้มาแน่ เราก็จะได้อะไรจริงๆ ถึงแม้ว่าจะต้องแลกหนักเหมือนกัน แต่ก็ได้มาจริงๆ
แต่พอตอนไปอินเดีย ก็เริ่มรู้สึกว่า ถ้าเราทำอย่างที่ผ่านมาตลอด ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากขยะตมที่มันลอยไปตามน้ำ เวลาที่กระแสบุญมาก็พัดพาเราไป กระแสกรรมมาก็ไม่ทันแล้ว ตอนที่อยู่อินเดียก็บอกกับตัวเองว่า เราจะไม่ใช่ขยะตมอีกต่อไป เราจะพยายามไม่ละความเพียรในแต่ละวัน”
สุดท้าย นุกฝากให้ทุกคนอย่าละความเพียร และหมั่นทำความดี
“จริงๆ ความเพียรเป็นเรื่องยาก ความดีนุกว่ายังง่ายกว่าเยอะ ความดีมีโอกาสก็จะได้ทำ ทุกคนมีโอกาสได้ทำดีในแต่ละวันแล้วแต่โอกาส แต่วันไหนไม่มีโอกาสทำความดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ใช่คนดี แค่เราไม่มีโอกาส แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้มีโอกาสทำดีเราก็ได้ทำ
ส่วนความเพียร ไม่ใช่แบบนั้น ความเพียรต้องทำทุกวัน วันไหนไม่ได้ทำก็คือละความเพียรไปแล้ว” นุก กล่าวปิดท้าย
ขอบคุณ ภาพบางส่วนจาก IG @nook_suttida
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net