xs
xsm
sm
md
lg

บอลไทยใน "เดี่ยว 9" ของ "โน้ส" กับการไม่ขำ ของ "บับเบิ้ล"/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

เป็นเรื่องที่ชาวออนไลน์หลายคนให้ความสนใจไม่น้อยทีเดียวครับสำหรับมุกตลกเกี่ยวกับความรุนแรงของ "บอลไทย" ผ่านการแสดง "เดี่ยว 9" ของคุณ "โน้ส อุดม แต้พานิช"

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อเขียนของคุณ "บับเบิ้ล" (ยิ่งรัก รักษ์สุวรร) ในหนังสือพิมพ์ "นักเลงฟุตบอล" ฉบับวันเสาร์ที่ 3 ก.ย.54 ที่ผ่านมาซึ่งเจ้าตัวระบุชัดว่า "ไม่ขำ" กับมุกที่ว่า

ก่อนผู้อ่านที่ไม่ได้ติดตามข่าวมาก่อนจะงงว่าอะไรเป็นอะไร? ขอหยิบยกเอาข้อเขียนของคุณบับเบิ้ลชิ้นดังกล่าวมาให้อ่านเพื่อให้เห็นภาพรวมๆ ว่าเรื่องราวมันมีความเป็นมาอย่างไร
...
เดี่ยว 9 (บอลไทย) โดย บับเบิ้ล
กลายเป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันพอสมครในโลกสังคมออนไลน์ สำหรับการแสดง “เดี่ยว 9” ของ โน๊ต อุดม ที่มีการพูดถึงฟุตบอลไทยอีกครั้ง
หลายคนคงจำได้แม่นว่า โน๊ต คนนี้คือผู้ให้กำเนิดประโยคที่ว่า “บอลไทยไปมวยโลก” จนกลายเป็นวลีฮิตในการเอ่ยถึงฟุตบอลไทย
ใน “เดี่ยว 9” ล่าสุด โน๊ต ยกเรื่องฟุตบอลไทยมาเป็นประเด็นอีกครั้ง แต่เนื้อหาใจความที่สำคัญไม่หนีไปจากเดิมเท่าไร
โน๊ต บอกประมาณว่าฟุตบอลไทยจะไปฟุตบอลโลกมีอยู่ 2 วิธีเท่านั้น คือ 1.เป็นเจ้าภาพเพื่อได้สิทธิอัตโนมัติ แต่ก็ตบตูดต่อว่าชาติอื่นคงไม่มา
2. ต้องทำกีฬาฟุตบอลไทยให้เป็นลักษณะเฉพาะ ทำเสมือนกับญี่ปุ่นที่เอามวยไทยไปทำเป็น “คิกบ็อกซิ่ง” จนโด่งดัง
“จุดขาย” ของฟุตบอลไทยที่ โน๊ต บอกคือ
“เราตีกันเกือบทุกนัด 4 วันที่แล้วประตูเพิ่งไปโดดถีบคนดู เราต่อยกรรมการ กรรมการต่อยคนดู หัวหน้าผจก.ทีมเอาปืนขู่กรรมการ เราตบกองเชียร์ เราตีกัน”
โน๊ต ย้ำว่านี่คือจุดขาย เวลาถ้าเป็นแมทช์ธรรมดามีคนดูแค่ไม่กี่พัน แต่ที่ตีกันมีคนดูใน “youtube” เป็นล้าน ฉะนั้นเรามาถูกทางแล้ว
“เราสร้างสรรค์ขึ้นมาเลยว่าฟุตบอลไทยบ็อกซิ่ง ศึกแม่ไม้บอลไทย ตีกันทุกนัดแหวกแจกทอง”
โน๊ต บอกต่อว่าจะมีสปอนเซอร์จำพวกแบตตอรี่ น้ำมันเครื่องวิ่งเข้าหาแน่นอน ชุดนักกีฬาใส่กางเกงมวยไปไม่ต้องใส่กางเกงบอล
เอาชื่อนักฟุตบอลมาติดข้างหน้าเลยว่า “ฟาวเลอร์​ ศิษย์เมืองทองคะนองเดช”
ส่วนกรรมการให้เอา เขาทราย กับ สมรักษ์​ มาเป็นผู้ตัดสินและไลน์แมน เพราะผู้ตัดสินเป็น “ครูพลศึกษา” นักฟุตบอลเลยไม่ค่อยยอมรับ
โน๊ต รังสรรค์เรื่องราวต่างๆอย่างสนุกแบบคนดูส่งเสียงหัวเราะตามตลอด ก่อนจะปิดท้ายว่า “แค่คิดคนก็แน่นสนามแล้ว”
ไม่รู้ว่าหลังจากนั้น โน๊ต ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลไทยต่อหรือเปล่า เพราะมีคนตัดคลิปมาให้ผมฟังแค่ท่อนนี้
ฟังแล้วหลายคนอาจจะตลกหัวเราะงอหาย แต่ผมฟังแล้วเกิดอาการ...ไม่ขำ
ไม่ใช่ว่าเป็นคนเครียดหรือจริงจังกับทุกเรื่องในชีวิต แต่ฟังแล้วมันไม่ขำจริงๆ แม้หลายคนจะบอกว่าเป็นแค่เรื่องตลกโปกฮาก็ตามเหอะ
ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบฟุตบอลไทย อยู่กับฟุตบอลไทย หรือเคยเข้าไปดูฟุตบอลไทยก็น่าจะขำไปกับ “เดี่ยว 9”
แต่คนที่อยู่ในวงการฟุตบอลไทยแบบผมฟังแล้วมันไม่ขำจริงๆ เพราะเรื่องดีๆ ในวงการลูกหนังบ้านเรายังมีอีกเยอะแยะมากมาย
จุดขายของฟุตบอลไทยไม่ใช่เรื่องต่อยตีหรือความรุนแรงในสนามอย่างที่ โน๊ต เอามาล้อเลียนให้ตลก
คำว่า “เสียดสี” กับ “ถากถาง” หรือ “เย้ยหยัน” มันมีความหมายแตกต่างกันครับ
เอาเป็นว่าผมจะบอกให้ โน๊ต รู้ละกันว่าฟุตบอลไทยในวันนี้มันไม่ได้มีแต่เรื่องน่าสมเพชอย่างที่เขาว่า
ฟุตบอลลีกไทยวันนี้พัฒนาขึ้นมาก จุดขายมีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น “ท้องถิ่นนิยม” การกระจายทีมไปสู่จังหวัดต่างๆให้คนในจังหวัดมีส่วนรวมกับทีม
“ซูเปอร์สตาร์” นักเตะทั้งทีมชาติไทยที่เลิกค้าแข้งในต่างประเทศก็กลับมาเล่นในเมืองไทยหมดแล้ว
ไหนเลยจะมีนักเตะดังอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตทีมชาติอังกฤษเข้ามาสีสัน รวมถึงนักเตะต่างชาติหลายคนที่แวะมาฟักตัวก่อนจะไปโกยเงินในยุโรป
บรรยากาศกองเชียร์ก็มีสีสันจี๊ดจ๊าดขึ้นมาก ทั้งบรรดา “พริตติ้” ของทีมต่างๆ และสาวสวยหน้าตาดีที่เปลี่ยนจากเดินห้างไปเข้าสนามฟุตบอล
สไตล์การเชียร์ของหลายสโมสรก็พัฒนาการมาจากชาติที่มีความเจริญก้าวหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง การแต่งตัว และวิธีการเชียร์
เสน่ห์ของฟุตบอลไทยยังมีอีกมาก หากไม่เคยเข้าไปสัมผัสหรือยึดติดแต่ภาพเก่าก็คงไม่แปลกที่จะคิดได้เท่า โน๊ต
เรื่องของการตีกันอย่างที่ โน๊ต ว่านั้นแน่นอนว่ามีเกิดขึ้นจริง แต่มันไม่ได้ถี่ในระดับที่ว่า “เกือบทุกนัด” อย่างที่พูด
โน๊ตรู้มั้ยว่าทุกวันนี้แต่ละสโมสรมีมาตรการควบคุมนักเตะอันธพาลกันดีกว่าเดิมเยอะ บางรายโดนหักเงินระดับครึ่งแสนเลยก็มี
ที่ว่ากรรมการต่อยคนดูนี่ผมก็ยังนึกไม่ออกว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน แต่ที่ว่าต่อยกรรมการ กองเชียร์ต่อยกันนั้นยอมรับว่ามี
ประเด็นของผู้ตัดสินแม้ตอนนี้จะเป็นปัญหาปวดกะโหลกแต่เชิ้ตดำของไทยไม่ใช่แค่เป็นครูพลศึกษานะครับ บางคนเป็น “ฟีฟ่า” มีหน้ามีตาในระดับนานาชาติ
แต่ยอมรับว่าปัญหาการไม่ยอมรับผู้ตัดสินอย่างที่ โน๊ต ว่าถือเป็นเหตุสำคัญของวงการเชิ้ตดำไทยอยู่เหมือนกัน
ทว่าภาพรวมของฟุตบอลไทยในวันนี้ไม่ได้แย่ไปเสียหมดจนต้องเป็น “ฟุตบอลไทยคิกบ็อกซิ่ง” อย่างที่ โน๊ต ว่า
แม้ฟุตบอลไทยจะกำลังเดินช้าๆ ไปสู่คำว่า “ฟุตบอลอาชีพ” แต่ด้วยสภาพตอนนี้ก็สามารถสร้างอาชีพให้คนได้อีกไม่น้อย
ไม่นับนักฟุตบอลที่อัพเกรดเงินเดือนไปเป็นแสนๆ มากกว่าคนเรียนจบปริญญาเอก พวกเด็กเก็บบอล พ่อค้าแม่ขาย เจ้าหน้าที่รปภ. หรือคนที่เกี่ยวข้องล้วนมีรายได้เพิ่ม
บางทีลูกค้าของ โน๊ต อาจจะได้เงินจากการทำมาหาเลี้ยงชีพในฟุตบอลไทยไปซื้อบัตรหรือวีซีดี “เดี่ยว 9” ด้วยซ้ำ
ฟุตบอลไทยมีเรื่องดีๆ ให้เล่าขานและมีเรื่องตลกให้เฮฮามากมาย อยู่ที่ว่าจะเลือกนำเสนออย่างไรมากกว่า
โน๊ต อาจจะประสบความสำเร็จกับการนำข้อเสียของฟุตบอลไทยมาหากินด้วยการสรรค์สร้างประโยคที่ว่า “บอลไทยไปมวยโลก” และ “บอลไทยคิกบ็อกซิ่ง”
แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นการกระตุ้นให้คนในวงการฟุตบอลไทยต้องพยายามขจัดปัญหาที่ว่าให้หมดไปเผื่อจะได้ไม่ต้องให้ใครมาเย้ยหยันถากถางอีก
แต่สำหรับคนที่อยู่วงนอกฟุตบอลไทยที่มีจำนวนประชากรมากกว่าคนใน หากได้ยินเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้แล้วเขาจะมองวงการฟุตบอลไทยอย่างไร
ภาพพจน์ของฟุตบอลไทยไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้าไปอีกคงเข้าใจผิดคิดด้านลบไปกันใหญ่
โน๊ต อาจจะเห็นเป็นเรื่องตลกและยินดีกับความสำเร็จของ “เดี่ยว 9” แต่สำหรับคนฟุตบอลไทยอย่างผมย้ำครับว่า....ไม่ขำ
ถ้าตลกแบบสร้างสรรค์คงร่วมหัวเราะยินดีด้วย แต่ตลกแบบนี้ไม่อยากหัวเราะด้วยหรอก..../บับเบิ้ล...บ้าบอล "นักเลงฟุตบอล" 3 ก.ย. 54
...
ตัดสินใจด้วยความยากลำบากอยู่พอสมควรครับว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้ดีหรือไม่?

แต่พอมาคิดว่าตนเองก็เป็นหนึ่งใน "แฟน" ที่ติดตามและชื่นชมผลงานของทั้งสอง มันคงจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนักหากจะขอแสดงความคิดเห็นบ้าง

คุณโน้สนั้นรู้จักมานานแล้ว ส่วนคุณบับเบิ้ลผมเพิ่งจะมารู้จักชื่อนี้ไม่นานมากนัก แต่หลังจากที่ได้มีโอกาสติดตามเรื่องราวฟุตบอลไทยที่เขาจัดผ่านรายการ เจาะสนามบอลไทย FM99 รวมถึงการทำงานข่าวในนสพ. "คมชัดลึก" ก็เกิดความนิยมและขอชื่นชมครับว่าเป็นคนที่พูดและเขียนอะไรได้ค่อนข้างจะ "ตรง" และ "ชัดเจน" ดี

จากข้อเขียนที่ยกมาข้างต้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าคุณบับเบิ้ลจริงจัง เครียด หรือว่าคิดมากไปหรือเปล่า เพราะสิ่งที่คุณโน้สพูดมันก็แค่มุกตลก เจตนาให้ขำๆ รวมถึงสิ่งที่พูดผ่านโชว์เกี่ยวกับความรุนแรงของวงการฟุตบอลบ้านเราที่มีข่าวทะเลาะวิวาทกันออกมาเป็นระยะๆ มันก็เป็นเรื่องจริงมิใช่หรือ?

ก็ต้องบอกว่าใช่ครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลในการ "ไม่ขำ" ของคุณบับเบิ้ลและมุมมองอื่นๆ ที่เขายกมานำเสนอในฐานะของคนที่คลุกคลีกับวงการบอลไทยโดยตรงนั้น มันก็เป็นเรื่องที่น่ารับฟังไม่น้อยเช่นกันมิใช่หรือ?

ผมเองก็เคยเจอเรื่องที่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ค่อยจะขำลักษณะทำนองนี้มาเหมือนกัน เมื่อราวๆ สัก 2 ปีที่แล้วในคอนเสิร์ตใหญ่ของ 3 พี่น้อง "สินเจริญ บราเธอร์ส" ที่จัดกันที่โรงหนังสกาล่า

ในระหว่างการแสดงก็มีการปล่อยมุกเฮฮากันไปเรื่อยตามปกติ จนถึงช่วงที่มีการหยิบเอาเพลง "หลงตัวเอง" ของคุณเอ อนันต์ บุนนาค ขึ้นมาร้อง

คงจำกันได้นะครับว่าเพลงนี้มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ร้องว่า...พี้กี้ร์อีกคน กดดันเหลือเกินเมื่อเทียบกับเรา...

พอถึงท่อนดังกล่าวจบ ดนตรีก็หยุดกึก! บนจอฉายภาพของเจ้าของชื่อขึ้นมา ภาพหนึ่งเป็นภาพใบหน้าใสๆ ของเจ้าตัวช่วงกำลังเป็นนักร้องโด่งดังกับอีกภาพหนึ่งเป็นภาพใบหน้าดำคร่ำเครียดอันเป็นช่วงหลังจากที่เขาผันมาเป็นหนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงโดยมีคำบรรยายเขียนระบุทำนองว่า บีฟอร์/อาฟเตอร์

ปรากฏว่ามุกนี้สามารถเรียกเสียงฮาได้ครืนใหญ่

ครั้นพอเพลงเดิมร้องวนมาถึงท่อนเดิม คราวนี้มีการเปลี่ยนเนื้อร้องครับ จากพี่กี้ร์เปลี่ยนมาเป็น "พี่ตั้ว" พร้อมๆ กับบนจอภาพก็ฉายภาพของคุณศรัณยู วงษ์กระจ่าง ขึ้นมาโดยมีข้อความเดียวกัน ซึ่งมุกพี่ตั้วนี้ก็มีเสียงเฮฮาเช่นกันครับ

ขณะที่ผมนั้นเฉยๆ ไม่ขำ แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะหงุดหงิดมากมาย (อาจจะเป็นเพราะภาพพี่ตั้ว 2 ภาพที่ขึ้นมานั้นมันไม่ได้แตกต่างอะไรมากมายสักเท่าไหร่ คืออาจจะดูแก่ลงจริงทว่าก็ยังคงไว้ซึ่งความหล่อเนี้ยบตามวัย 55)

"แหงล่ะสิ พวกเดียวกันนี่ กลับกันถ้าเป็นคนเสื้อแดงเขาก็คงไม่ตลกกับมุกของพี่กี้ร์หรอก..." หลายคนอาจจะคิดเช่นนี้...ก็ไม่เถียงครับ 555

จริงๆ มูลเหตุของความไม่ขำต่อมุกที่ว่าส่วนหนึ่งส่วนน้อยเป็นเพราะความรู้สึกที่ว่ามันง่ายเกินไปหรือเปล่ากับการที่คนนอกจะมองและตัดสินว่ามันน่าจะเป็นเรื่องที่ชวนตลกแน่ๆ หากจะเอาคนๆ นี้ จากเหตุการณ์นี้ๆ มาแซว-มาล้อแบบนี้ๆ โดยที่ตนเองไม่ได้มาคลุกคลีกับคนๆ นั้นในเหตุการณ์นั้นๆ เลย แต่เหตุผลสำคัญที่ทำให้รู้สึกไม่ขำมากกว่านั้นก็เพราะผมรู้สึกว่ามุกนี้มันเป็นมุกที่ "จงใจยัดเยียด" เกินไปหากพิจารณาจากตัวเพลงที่ใช้อย่าง หลงตัวเอง

คือถ้าเป็นการแซว เป็นการล้อกันด้วยเพลงแปลงอะไรไปเลยก็ว่ากันไป แต่นี่ใช้แค่การเปลี่ยนคำเพียงเพื่อจะโยงคนอีกคนที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย(ในเพลง)ให้เกิดเป็นมุกตลกแนวทางเดียวกับคนที่มีชื่อในเพลงอยู่แล้ว(จะด้วยเหตุผลกลัวจะไม่เป็นธรรม กลัวจะถูกมองว่าเป็นสีใดสีหนึ่งอะไรก็ตามแต่) เช่นนี้...คงต้องบอกว่าง่ายเกิ๊น

กลับมาที่กรณีข้อเขียนของคุณบับเบิ้ลที่มีต่อคุณโน้ส อุดม (เดี๋ยวจะมองว่าผมเครียดอะไรมากมายหรือมีปัญหาอะไรกับ 3 พี่น้องสินเจริญหรือเปล่า? ขอยืนยันว่าไม่ได้เครียดหงุดหงิดมากมายและไม่มีอะไรปัญหาอะไรกับทั้ง 3 กลับกันยังรู้สึกชื่นชมในความอารมณ์ดีของพี่ๆ เขาด้วยซ้ำ)

อีกประเด็นหนึ่งที่ผมเห็นด้วยมากๆ กับความคิดเห็นของคุณบับเบิ้ลก็คือเรื่องที่ว่า การสื่อสารในลักษณะเช่นนี้ของคุณโน้สนั้นมีโอกาสที่จะทำให้คนที่ไม่ได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศฟุตบอลไทยโดยตรงมีความรู้สึกเกี่ยวกับบอลไทยไปในแง่ลบ รู้สึกว่ามีแต่ความรุนแรง เหมือนกับที่เวลาเราพูดถึงจุดขายประเทศไทยก็ต้องรู้สึกว่าเป็นเรื่องผู้หญิงโสเภณี ฯ

ทั้งที่ในความเป็นจริงเรื่องไม่ดีเหล่านี้มันเป็นแค่เพียงส่วนน้อยส่วนหนึ่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มุกบอลไทยเกี่ยวกับเรื่องความรุนแรงที่คุณโน้สพูดนั้น มองในอีกแง่หนึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ทำให้เราได้รู้ว่าคนส่วนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำไปว่าเขามองฟุตบอลลีกของไทยในทิศทางใด มีปัญหาอะไร ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นนักฟุตบอลเอง สตาฟโค้ช ผู้จัดการแข่งขัน หรือแม้กระทั่งบรรดากองเชียร์ จะได้เอาไปปรับปรุงตลอดจนหามาตรการแก้ไข

และเหนืออื่นใด ต่อให้เป็นมุกตลกในเชิง ”เสียดสี” “ถากถาง” หรือว่า “เย้ยหยัน” จะขำหรือว่าไม่ขำ กระนั้นก็ตามผมเชื่อว่าโดยส่วนตัวของคุณโน้ตที่เป็นคนที่เล่นบอลเป็นคนหนึ่ง(ผมเคยมีโอกาสได้ปะทะฝีแข้งกับเขามาแล้วเมื่อครั้งยังอยู่ในทีม "แมงปอล้อคลื่น" ยุคสิบกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งตอนนั้มีทั้งคุณหนุ่ม ศรราม คุณแท่ง ศักดิ์สิทธิ์ เสนาหอย ฯ คุยซะหน่อย 555) เขาเองก็คงอยากจะเห็นบอลไทยนั้นมีการพัฒนาขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน

ทั้งแฟนคุณโน้ส ทั้งแฟนคุณบับเบิ้ล ลองมองในแง่นี้ดูดีมั้ยครับ

ทิ้งท้ายด้วยเรื่องตลก(มั้ง)

เช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังอ่านข้อเขียนของคุณบับเบิ้ลในนสพ.นักเลงฟุตบอลเกี่ยวกับคุณโน้สขณะอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้ดีมั้ย พอถึงช่วงหัวค่ำเปิดไปที่ช่อง 11 ปรากฏว่ามีการออกอากาศเทปการแข่งขันฟุตบอลคู่ของ เชียงราย ยูไนเต็ด กับ ราชนาวีสโมสร

ใครจำได้คงจะรู้ว่าแมทช์นี้กลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วจากกรณีที่ผู้รักษาประตูของทีมราชนาวี "ชินกร ดีสาย" จงใจหวดเท้าเข้ายอดอกของ "เอดวัลโด้ แปร์ไรร่า" ศูนย์หน้าของเชียงรายอย่างจัง

มีการฉายภาพให้ดูช็อตนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ดูแล้วก็ต้องบอกว่า แหม...มันเต็มตีน! จริงๆ พร้อมกับนึกในใจว่า อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น