xs
xsm
sm
md
lg

“นาธาน” เผยชีวิตฮอลลีวูด สุดกดดันเป็นแค่โนบอดี้ โดนผกก.ด่าจนร้องไห้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“นาธาน โอมาน” เผยชีวิตฮอลลีวูด หลังโกอินเตอร์เล่นหนังฟอร์มยักษ์ประกบ “บรูซ วิลลิส” สุดกดดันเพราะตนเองเป็นแค่โนบอดี้ กว่าจะปรับตัวได้โดนผกก.ด่าจนร้องไห้ เกือบถูกปลดออกจากกองถ่าย แต่ก็ภูมิใจที่ก้าวมาไกลขนาดนี้

ก่อนหน้านี้ “นาธาน โอมาน” เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ถูกติดต่อให้ไปเล่นหนังฮอลลีวูด THE PRINCE OF RED SHOE ของบริษัท BIGBLUE ในเครือค่ายทเวนตี้ เซ็นจูรี ฟอกซ์ โดยมี วูลฟ์ กัง และ มูฮำหมัดซูอัต ผู้กำกับชื่อดังรับหน้าที่กำกับการแสดง ประกบกับดาราดัง อย่าง “บรูซ วิลลิส และ คริสติน่า ริชชี่” ฟันค่าตัวเป็น 100 ล้านจนกลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประเทศ ความคืบหน้าล่าสุดเจ้าตัวก็เดินทางไปถ่ายทำหนังเรื่องดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ก่อนจะบินกลับมาพักผ่อนที่เมืองไทยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ทันทีเครื่องแตะรันเวย์ทีมข่าว ASTV บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ ก็ติดต่อขอนัดสัมภาษณ์ว่าที่ดาราฮอลลีวูดทันที ซึ่งนาธานก็เปิดใจถึงการทำงานอินเตอร์ว่า รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่องนี้ และค่อนข้างกดดันที่ต้องประกบซูเปอร์สตาร์อย่างบรูซ วิลลิส เพราะตนเองเป็นเพียงแค่โนบอดี้ เผยการทำงานสุดหินเคยโดนด่าจนร้องไห้เกือบถูกปลดออกจากกองถ่าย

“จากที่เคยให้สัมภาษณ์ไปครั้งก่อน ที่จะเดินทางไปถ่ายทำมาตอนนี้หนังถ่ายไปเกินครึ่งเรื่องแล้วครับประมาณ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้วในภาคแรก ไปอยู่ที่นั่นประมาณ 6 เดือนตั้งแต่เดือนมกราคม ครั้งแรกที่ไปถึงก็ต้องไปเรียนแอ็คติ้งซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่สุดคือดวงตา ผู้กำกับบอกว่าถึงจะมีแอ็คติ้งดีอย่างไร แต่ถ้าตายังลอกแลกไม่นิ่งไม่เชื่อก็จะไม่มีทางทำได้ และตอนนั้นผมยังไม่มีพื้นฐานอะไรเลย เพราะอยู่ที่เมืองไทยก็เป็นแค่นักร้องไม่เคยแสดงอะไรมาก่อน”

“ผมไปเรียนแอ็คติ้งกับ คาเมร่า เวนิสตัน เป็นนักแสดงเขาเป็นเทรนเนอร์ที่ดีมากสอนทุกอย่างรู้สึกดีมากได้ความรู้ทุกๆอย่างจากเขาไม่ว่าจะเป็นด้านการมีสมาธิกับบทการทำความเข้าใจบท นอกจากนี้ยังมีเทรนเนอร์เกี่ยวกับร่างกาย อาหาร ผมหน้า หรือ ผิวทุกคนมาทำให้เราหมด ซึ่งผมใช้เวลาในการเทรนทั้งหมด 3 เดือนกว่าจะได้ถ่ายทำหนังเรื่องนี้จริงๆ"

"และครั้งแรกที่ได้ไปถ่ายทำจริงๆ พอเริ่มใส่ชุดมันทำให้ยิ่งเชื่อว่าเราได้ทำจริงๆ ได้เล่นหนังเรื่องนี้จริงๆ และมั่นใจมากขึ้นถึงแม้ว่าเรื่องการแสดงอาจจะช้ากว่าคนอื่นๆ แต่ก็พยายามทำให้ได้พอมีเวลาว่างปุ๊บจะไปยืนมองคนโน่นคนนี้เล่นแล้วจำเทคนิคของเขามา ซึ่งแต่ละคนจะมีเทคนิคเฉพาะของแต่ละคน แต่พอหนังหยุดถ่ายทำทุกคนจะมารวมกันกินข้าวคุยกันอยู่ในตู้คอนเทรนเนอร์กลางทะเลทรายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรารู้สึกว่าเออนี่มันเป็นความจริงนะเราทำได้ๆ มาเล่นหนังฮอลลีวูดและหนังเรื่องนี้ต้องเป็นหนังที่สนุกแน่ๆ อยากให้คนไทยได้ดูกัน"

"แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ในช่วงแรกๆ กดดันมาก อย่าง คริสติน่า ริชชี่ เขาเล่นเก่งมากเล่นเป็นเจ้าหญิงเทเรยันเป็นแบบเก่งสวยมากๆ ถึงจะตัวเล็กแต่มีพลัง อย่างคุยกันอยู่ดีๆ อยู่พอผู้กำกับสั่งแอ็คชั่นเขาจะเป็นอีกคนทันที เป็นเจ้าหญิงคนนั้นเป็นตัวละครเดินออกมาได้เลย ผมรู้สึกว่าเขาเก่งจริงๆ บางทีฉากแรกที่ได้เล่นกับเขาผมก็อึ้งไป เพราะอายตะลึงกับความเก่งของเขา เวลาส่งบทกันฉากไหนที่เขาจะยิ้มหัวเราะก็เอาผ้าปิดจะไม่เห็นเขาหัวเราะ แต่ผมได้ยินก็ต้องเล่นต่อทั้งๆ ที่เขาหัวเราะอยู่บางทีก็มีหลุดกันบ้างสนุกอีกแบบ มีภาพหลุดแต่ไม่ได้เอามาให้เพราะภาพทุกภาพที่นำมาจะต้องขออนุญาติกับทางผู้กำกับและค่ายหนังก่อนนี่กว่าจะได้มาต้องคัดเลือกกันถึง 8 คนเลยนะ(หัวเราะ)”

"การถ่ายทำในเดือนที่ผ่านมาจะได้เข้าฉากกับ คริสติน่า ริชชี่ เยอะมากเขาจะทำผมสีดำทาตาสีดำเหมือนคลีโอพัตรา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เป็นนางพญาคล้ายๆ นางฟ้าที่อยู่อีกเมืองหนึ่งจะมาคอยช่วยเหลือผมอีกทีหนึ่ง ในตอนนี้เริ่มมีฉากที่ต้องใส่ชุดเกาะเป็นทหารแล้วชุดที่ใส่จะหนักและร้อนมากอยู่ทะเลทรายประมาณ 10 กว่าวันอากาศร้อนมากๆ เพราะภูเขาที่โน่นจะไม่มีต้นไม้เวลาที่ไปถ่ายทำกันต้องเข้าไปหลบกันอยู่ในถ้ำที่เป็นซอกหินที่เกิดจากน้ำไหลเข้าไป เพื่อหลบแดดแต่งหน้าแต่งตัวกันอยู่ในนั้น ซึ่งในเรื่องผมจะต้องแต่งหน้าเป็นคนโอมานี่”

“คือในหนังผมจะรับบทเป็น อินฮัม เด็กหนุ่มอายุ 15 ปี เป็นชาวประมงและเป็นกรรมกรที่โดนคนผิวขาว คนยุโรปมาทำร้ายฆ่าใช้เป็นทาส ในเรื่องต้องมีพี่น้องทั้งหมดเจ็ดคนซึ่งทั้งหมดจะเริ่มตายที่ละคนๆ เพราะถูกทรมานเฆี่ยนตีวันหนึ่งตัวอินฮัมก็มีความคิดว่าถ้าไม่หนีออกจากที่นี่คิวต่อไปต้องเป็นตัวเองแน่ๆ จึงพยายามที่จะหนีออกไปข้างนอกเพื่อให้คนมาช่วยจนได้เจอกับคนแก่คนหนึ่งบอกว่าถ้าออกจากที่นี่ไปได้จะมีสิ่งมหัศจรรย์รออยู่ที่แม่น้ำซัมๆ

ซึ่งพอหนีออกไปก็ไปเจอร้องเท้าเรดชูจริงๆ แต่ระหว่างนั้นก็จะถูกทหารมาตามจับตัว จนทำให้เทพธิดาที่มาจากเมืองเมโสโปเตเมีย ซึ่งรับบทโดย คริสติน่า ริชชี่ จะมาคอยช่วยระหว่างนั้นพวกปีศาจรู้แล้วว่ามีคนเจอร้องเท้าก็มาตามล่าทำให้มีการผจญภัยกันไปเรื่อยๆ ส่วน บรูส วิลลิส จะเป็นโจรในทะเลทรายเป็นชาวยุโรปที่ถูกตามฆ่าจนต้องย้ายมาอยู่ในทะเลทรายเฝ้าถ้ำสมบัติในเมืองกรีก โดยทีแรกเขามาตามฆ่าเราเหมือนกัน เพราะเข้าใจเราผิด แต่สุดท้ายก็มาดีเป็นคุณลุงคอยดูแลเราเหมือนกัน”

“ในหนังเรื่องนี้จะใช้สถานที่ถ่ายทำกันหลายที่มีทั้งที่ประเทศ จอร์แดน ,เพตรา,อิหร่าน ,โอมาน และหลายๆ เมืองที่เป็นอาราเบียนทั้งหมด ที่สำคัญได้ไปถ่ายทำที่วังของสุลต่านมันเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ปกติเขาจะไม่ให้เข้าไปถ่าย แต่เราได้รับอนุญาติให้ไปถ่ายทำได้โดยได้รับการอำนวยความสะดวกจากพี่ๆ ที่เป็นคนไทยที่อยู่ที่โน่นได้เจอคนไทยดีใจมากพี่ๆ เข้ามาถามว่าใช่ นาธาน โอมาน ไหม ก็คุยกันได้ไปลงเรือแถมกัปตันเรือของสุลต่านก็เป็นคนไทยอีกทุกอย่างเลยดีมากๆ”

“หลังจากนั้นก็ได้เริ่มเข้าฉากกับ บรูซ วิลลิส เขามีความเป็นสตาร์มีพลังมากๆ บางทีลืมบทเขาก็ช่วยให้นึกบทออก ผมเลยรู้สึกว่าถ้าได้เล่นกับคนที่เก่งเราจะเก่งตามเขาด้วย อย่างฉากที่เขาถามว่าเราเป็นใครมาจากไหน ผมก็จะบอกว่าเป็นชาวประมงอยู่แถวนี้จะเดินทางไปอีกทางหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับทางของคุณ แล้วผมก็ลืมว่าต้องพูดอะไรอีก บรูซ วิลลิส จะพูดส่งบทให้ว่า แล้วจะเดินทางไปที่ไหนต่อมันเป็นคำพูดที่ทำให้เรานึกออกว่าต้องพูดบทอะไรต่อมันเป็นอะไรที่ดีมากเขาเป็นคนเดียวที่บอกว่าให้อ่านบทให้หมด แต่ไม่ต้องพูดครบตามคำที่มีในบท”

“โดยที่เขาเป็นฝ่ายเดินมาบอกเราเองแบบส่วนตัว ซึ่ง บรูซ วิลลิส จะนั่งอยู่อีกที่แล้วมีการ์ดนั่งล้อมรอบ ฉะนั้นถ้าเราเดินเข้าไปหาเขาถูกการ์ดกันออกมาแน่นอน แต่พอเขาเดินมาหาเราปุ๊บ ตอนนั้นคิดเลยว่าทำยังไงก็ได้ให้คุยกับเขาได้มากที่สุดใช้เวทมนต์ทั้งหมดที่เรามี(หัวเราะ) เขามาแนะนำว่ายูจำบทไว้นะ ยูเข้าใจในบทอินฮัมหรือเปล่า เขาเป็นเด็กกรรมกรเป็นชนเผ่าชาวประมง ผมก็บอกว่าเข้าใจแล้วเขาก็ถามต่อว่าอินฮัมมีนิสัยเป็นอย่างไรบ้างผมก็ตอบไป เขาก็บอกว่าให้นำคำตอบที่พูดเมื่อกี้มาใส่ในความคิดแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นอินฮัม เชื่อไหมว่าวิธีนี้มันทำให้ผมจำบทได้แม่นมากขึ้นพอดูปุ๊บเริ่มเข้าใจ แต่ถ้าเต็ม 100 คำอาจไม่ต้องพูดครบร้อยที่เหลือแต่งเองมันทำให้เราสามารถต่อบทกับเขาได้ซึ่งคนที่จะพูดตรงเป๊ะคือ บรูซวิลลิส"

“พอได้คุยกับเขาแล้วรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ใจหายเหมือนตอนที่ผมไปซิดนีย์แล้วไปเจอ นิโคล คิทแมน เดินซื้อของอยู่ในห้างมีการ์ดเดินตามแค่สองคนเดินไปมารู้สึกว่าเขาอยู่แค่นี้อยากที่จะเดินไปคุยมาก แต่ว่าหนึ่งรู้สึกอาย อย่างที่สองกลัวว่าการ์ดจะมาผลัก อย่างที่สามกลัวว่าจะผิดกฎหมายเข้าไปคุยกับเขาแล้วเขาจะร้องกรี๊ดหรือเปล่าคิดสารพัด สุดท้ายได้แต่มองและส่งยิ้มให้ไม่ได้เข้าไปคุย ตรงนั้นมันเป็นความตื่นเต้นมาก แต่นี่ บรูซ วิลลิส เป็นคนเดินมาหามาคุยกับเรามันเป็นอะไรที่ยิ่งตื่นเต้น แม้กระทั่งจะหยิบกล้องมาถ่ายรูปกับเขายังไม่กล้าถ่าย เพราะไม่มีใครเขาถ่ายแล้วถ้าเราไปถ่ายจะเป็นยังไง”

“แต่ตอนนี้คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับทีมงานและดาราทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เริ่มไนซ์ทุกอย่างเริ่มดีเป็นทีมแล้ว จากที่แต่ก่อนเราเป็นแค่โนบอดี้สำหรับเขาพอมาตอนนี้เริ่มมีคาแร็กเตอร์พัฒนาดีขึ้นไม่เป็นตัวถ่วงในกอง เราก็เริ่มรู้สึกโอเคมีการคุยหยอกล้อกันมากขึ้น ได้ไปทานข้าวกับกลุ่มพวกเขาแล้ว ตรงนี้รู้สึกภูมิใจมากผมไม่รู้ว่าจะได้เล่นหนังอีกสักกี่ภาคอาจจะมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรือมีต่อไปก็ไม่รู้ยังไง แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็ได้เล่นหนังกับ บรูสซ วิลลิส ดาราฮอลลีวูดชื่อดังมันเป็นความภูมิใจว่าเราเป็นหนึ่งในตัวละครที่ดำเนินเรื่องไปกับเขาเหมือนกัน”

“และหลังจากวันที่เขามาคุยแนะนำให้กับเรามันทำให้เป็นแรงผลักดันเชื่อไหมว่า ผมไม่กลัวอะไรเลยโลกมันแคบมากรู้สึกว่าทุกๆ อย่างมันเป็นกำลังใจที่ดีมาก ฉะนั้นทุกๆ เช้าที่ตื่นมาผมจะเอาบทมานั่งดูอ่านทำความเข้าใจให้มากที่สุดวันนี้ต้องเล่นเป็นคาแร็กตอร์แบบนี้ต้องเล่นให้สนุก พยายามทำการบ้านให้เยอะที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้มีปัญหา พอเริ่มเล่นส่งบทกันไปมาเริ่มมีการหัวเราะมีความสนุกเกิดขึ้นก็รู้สึกว่าเออมันสนุกดีว่ะ ขณะที่หยุดเล่นก็ลองพูดเล่นกับเขาเริ่มกล้ามากขึ้นมีฟีดแบคตอบกลับมาจากที่แต่ก่อนจะเกร็งๆ อย่าง คริสติน่า ริชชี่ เขาก็ไนซ์มากเป็นผู้หญิงที่สวยแต่งอะไรก็เป็นอย่างนั้นพอพักกองเขาจะอยากรู้เรื่องต่างๆ จะถามว่าเมืองไทยเป็นยังไงบ้างประเทศเนปาลเป็นยังไง แต่ละวันผมจะมีเรื่องเล่าให้เขาฟังตลอด”

ถึงแม้ในช่วงนี้เวลาผ่านไปห้าหกเดือน “นาธาน โอมาน” มีการปรับตัวมีพัฒนาการที่ดีขึ้นแอ็คติ้งลื่นไปได้ด้วยดีเหมือนระดับมืออาชีพ แต่กว่าที่จะมามีวันนี้ได้เจ้าตัวบอกเคยถูกผู้กำกับดุตวาดจนถึงขั้นบ่อน้ำตาแตกกลางกองถ่ายและเครียดหนักกลัวว่าจะถูกปลดจากหนังเรื่องนี้จนต้องหยุดการถ่ายทำหนังกลางคันเพื่อไปค้นหาข้อแก้ไขปรับปรุงตัวเองมาแล้ว

“ในเรื่องการทำงานของที่นี่จะเริ่มตั้งแต่ตีห้าเลิกสี่โมงเย็นตรงเป๊ะ หลังจากสี่โมงเย็นไปถึงตีห้าเนี่ยจะไปเที่ยวกินนอนหรือไปปาร์ตี้ที่ไหนทำอะไรกับใครเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ว่าให้อยู่บริเวณที่เขากำหนดไว้หรือมั่นใจในตัวเองว่าไม่ต้องให้ใครไปด้วยก็ต้องเอาร่างกายของตัวเองกลับมาให้ครบ 32 เขาถึงบอกไว้ในสัญญาว่าห้ามตายห้ามป่วยห้ามไข้ห้ามหายห้ามเป็นอะไรทั้งหลายแหล่ ไม่อย่างนั้นจะโดนปรับและเป็นเรื่องใหญ่มากฉะนั้นในเรื่องของการรักษาเวลาระเบียบวินัยจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร”

เผยเคยโดนผู้กำกับดุจนร้องไห้
“ที่ผ่านมาดูดีทุกอย่างลงตัว แต่จริงๆ แล้วกว่าจะเป็นแบบนี้ก็โดนผู้กำกับดุมาเยอะมาก (เสียงสูง) เวลาท่องบทไม่เข้าใจบทต้องให้เทรนเนอร์ส่วนตัวเข้ามาคุยและอธิบายให้ฟังเขาก็มาเล่าให้ฟัง พอไปเริ่มเล่นปุ๊บดันไปเล่นอีกคนหนึ่งไม่ใช่ อินฮัม แต่ไปเล่นเป็น ซายิด ที่เป็นเด็กประมงอีกคน ผู้กำกับก็เลยตวาดบอกว่าทำไมยูถึงเล่นไม่ได้แสดงว่ายูไม่ใช่ นาธาน ตัวจริงไม่ใช่คนในหนังสือที่นำมาเล่ามาพรีเซนต์ เขาว่าจนน้ำตาไหลตอนนั้นรู้สึกเศร้ามากความหายนะมาสู่ตัวเองแล้ว นึกในใจว่าสงสัยกูไม่รอดแน่เลย(หัวเราะ) คิดว่าเขาจะปลดเอาคนอื่นมาเล่นแทนเราไหม เพราะได้ข่าวมาว่าขณะที่ผู้กำกับกำลังทำงานก็จะมีดาราคนโน้นคนนี้โทรมาบล็อกดารากัน ถ้าให้คนนั้นเล่นเขาก็จะไม่เล่นเราก็ยิ่งกลัวจะรอดไหมว่ะ”







นาธานกำลังเข้าฉากกับคริสติน่า ริชชี่


“ผู้กำกับก็อธิบายอยากให้เราตั้งใจทำงาน ต้องเข้าใจด้วยว่าทีมงานช่างไฟทุกอย่างเป็นเงินหมดเลยทุกคนตั้งใจทำงาน แต่ต้องมารอเราคนเดียวมีอีก 500 กว่าชีวิตที่เขารอเล่นอยู่อีกฟากทะเลเขาต้องเคลื่อนตัวกระโดดลงน้ำมาเพื่อจะมาฟากนี้สู้กับตัวโกงแล้วถ้าผมเล่นผิดทั้ง 500 คนต้องเริ่มเล่นใหม่มันเลยกลายเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ตอนนั้นเครียดผม ร้องไห้จนกองต้องหยุดถ่ายทั้งหมด เราต้องกลับมาอยู่กับตัวเองพยายามคิดว่าหนึ่งในสิบล้านคนทุกคนอยากเป็นเหมือนเรา ฉะนั้นทำไมเราจะทำไม่ได้ อยู่บริษัทอาร์เอสยังทำได้ในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักร้อง แต่ก็ได้เป็นและผ่านมาได้ก็เลยเริ่มรู้สึกว่าจะต้องทำได้และผ่านมันไปให้ได้”

“ผมก็เริ่มที่จะโทรคุยกับพี่ชิผู้จัดการส่วนตัวบ้าง และได้ไปคุยกับคนไทยที่โน่นชื่อพี่ก็อตอยู่สถานฑูตไทยประจำประเทศโอมาน ไปคุยกับพี่คริสที่เป็นกัปตันเรือให้สุลต่าน ได้คุยอยู่กับทุกๆ คน มันทำให้เราคิดว่าดูสิคนไทยอุตส่าห์ลำบากมาอยู่ที่นี่กันและทุกคนก็อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขสบายใจมันยิ่งทำให้เราคิดอะไรหลายๆ อย่างได้”

“สุดท้ายก็กลับไปคุยกับผู้กำกับว่ามีอะไรที่เราจะต้องปรับปรุงบ้างตอนนี้พร้อมแล้วทุกอย่าง ผู้กำกับก็ถามว่ายูชัวร์หรือเปล่านาธานซีเรียสนะ ผมก็บอกว่าชัวร์มาวัดกันเลย และในที่สุดก็เล่นได้จริงๆ มันอาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความตั้งใจที่จะพัฒนาตัวเองเขาก็เลยเห็นความตั้งใจของเรา บรูซ วิลลิส และทุกๆ คนเริ่มมาช่วยกัน หลังจากนั้นทุกอย่างดีมากโล่งอกมาก”

“ฝรั่งเขาจะเป็นคนที่ถ้าทำงานก็จะทำงานแต่พอหลังเลิกงานก็ไม่มีอะไร ผมก็ถามผู้กำกับทำไมว่าแรงจังเขาก็บอกว่าถ้าไม่ว่าแรงๆ ผมจะมีอะไรเป็นแรงฮึดในการพัฒนาตนเอง เขาบอกว่านี่เป็นเศษเสี้ยวยูเป็นคนเอเชียมี จางซิยี่ , เฉินหลง , โจวเหวินฟะ และอีกหลายๆ คนที่เป็นดาราจีนเข้ามาในฮอลลีวูด แต่ไม่มีดาราไทยเอเชี่ยนอย่างยูที่เข้ามาและยูเป็นลูกครึ่งที่แปลกมากยูมีพรสวรรค์ทำไมยูไม่เอาอย่างอื่นมาใช้ด้วยนี่เป็นสิ่งที่ยูทำได้อยู่แล้ว แต่ยูชอบคิดว่ายูทำไม่ได้ พอได้ฟังเริ่มตัวลอยเลย”

“ตอนนี้ก็โอเคแล้วครับ สบายตัวเวลาที่กลับมาพักที่เมืองไทยจะกลับตามวันที่กำหนดไม่โอ้เอ้แล้ว แต่ก่อนจะรู้สึกว่าพอได้กลับมาพักแล้วจะไม่อยากที่จะกลับไปที่โน่น การที่เรากลับไม่ตรงกำหนดเขามันกลายเป็นว่าทางกองถ่ายเขาต้องมีการเลื่อนกอง ทำให้เขาไปจ่ายค่าเช่าสถานที่ถ่ายทำไว้ หรือค่าตัวนักแสดงตัวประกอบทั้งหลาย หรือการเช่ารถไปทะเลทรายก็ทำให้เสียหายมันก็ทำให้เราต้องหันมาเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอต้นเสมอปลายตั้งใจที่จะทำงานให้เต็มที่ ทำยังไงก็ได้ให้ดีที่สุดแล้วก็จบ เรื่องระเบียบวินัยนี่ต้องเป๊ะผู้กำกับจะเป็นคนอารมณ์ร้ายหน่อย แต่จริงๆ จะไม่มีอะไรเหมือนปากร้ายใจดีให้โอกาสเราตลอด”

แม้ว่าหนังเรื่อง THE PRINCE OF REDSHOE ในภาคแรกนี้จะถ่ายทำไปแค่ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่ “นาธาน” ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของสื่อมวลชนจากต่างประเทศบ้างแล้ว มีการติดต่อสัมภาษณ์ออกรายการและหนังสือเล่มต่างๆ นอกจากนั้นแล้วก็ยังได้รับการทาบทามให้เล่นหนังเรื่องต่อไป
“ตอนนี้ก็มีหนังของฝรั่งเรื่องอื่นติดต่อมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกันมากมาย ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่เราได้เข้ามาทำงานในฮอลลีวูด แต่ว่ารอหนังออกก่อนดีกว่าผมจะได้พูดเต็มปากหน่อย(หัวเราะ) อันนี้ยังถ่ายไม่เสร็จไม่กล้าพูดเต็มปากเกิดตายกลางคันเดี๋ยวไม่ไหวเป็นดาวค้างฟ้าไป ตอนนี้ทุกอย่างโอเคมากเริ่มมีสื่อต่างประเทศเข้ามาสัมภาษณ์บ้างแล้ว ที่เห็นจะมีสื่อของ อิหร่าน , ฝรั่งเศส , จีน และญี่ปุ่น มาสัมภาษณ์ถ่ายรูป บางทีจะมาทักว่าเป็นคนญี่ปุ่นหรือเปล่าทำไงถึงได้มาถ่ายหนังเรื่องนี้ ก่อนจะกลับมาก็ไปให้สัมภาษณ์รายการทีวีของที่อเมริกามาแล้ว พอกลับไปก็จะไปสัมภาษณ์รายการของโอปราห์ วินฟรีย์ ซึ่งเขาจะสัมภาษณ์นักแสดงของหนังเรื่องนี้ทั้งหมดและหนึ่งในนั้นก็มีผมด้วย”

การที่นักร้องธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เคยผ่านงานการแสดงมาก่อน แต่ได้รับโอกาสก้าวเข้าไปเล่นหนังฮอลลีวูดประกบดาราดังก็ฮือฮาพออยู่แล้ว แต่ที่เห็นจะเป็นข่าวดังวิพากษ์วิจารณ์กันมากกว่าคงจะเป็นเรื่องค่าตัวที่นาธานได้รับจากการเล่นหนังเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าตัวได้เคยเปรยๆ เอาไว้ครั้งที่แล้วว่ามีมูลค่าสูงถึงภาคละ 40 ล้านบาทเลยทีเดียว

“ในเรื่องค่าตัวเอาเป็นว่าในภาคแรกผมจะได้รับประมาณ 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หนังจะมีทั้งหมดสามภาค แต่ว่าค่าตัวในแต่ละภาคอาจจะไม่เท่ากันก็ได้ เพราะเรายังไม่รู้ว่าในภาคต่อไปผมอาจจะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นและมันก็แล้วแต่ทางผู้กำกับว่าเขาจะให้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ที่ได้รับนี่คือเป็นขั้นพื้นฐานเหมือนโนเนมไม่มีอะไรมาเลย จำนวนนี้สำหรับคนไทยอาจจะคิดว่าเยอะมากเว่อร์ไปเปล่า ถ้าเทียบกับนักแสดงที่โน่นถือว่าน้อยมากนะนักแสดงของเขาได้กันแบบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาเล่นหนังกันห้าปีครั้งเขาก็สามารถซื้ออาณาจักรทั้งเมืองได้แล้ว แต่สำหรับตัวผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้มากขนาดนี้ด้วยซ้ำ”

“การที่ผมได้มาเล่นหนังเรื่องนี้มันเป็นประสบการณ์ที่มหาศาล ได้มาเรียนรู้การทำงานของฝรั่งได้มิตรภาพที่มหาศาลเปิดโลกกว้างของนาธานอีกครั้งหนึ่ง เร็วๆ นี้อาจจะมีหนังสือเล่มใหม่ที่อาจจะหนากว่าสองสามเล่มที่แล้ว มีภาพทั้งหมดของตัวเองให้ทุกคนดู ประสบการณ์ตรงนี้มันเหมือนเป็นวีซ่าไปที่ไหนเขาจะเปิดรับเรามากขึ้น แม้กระทั่งคนอาหรับเองพอรู้ว่าเราเป็นสตาร์ หรือไม่รู้จักแต่มีคนไทยที่โน่นบอก(หัวเราะ) ก็จะได้รับความร่วมมือให้การดูแลทุกอย่างพาไปทาอาหารที่โรงแรมหรูๆได้นั่งรถที่หรูๆ ได้อะไรหลายๆ อย่าง จนเรารู้สึกว่ามีโอกาสมากกว่าคนอื่นพยายามที่จะเก็บตรงนี้ให้มากที่สุด ถ้าเกิดหนังออกเมือไหร่ก็คงมีหน้าของตัวเองในฮอลลีวูดบ้าง เคยฝันเอาไว้เหมือนกันว่าอยากจะมีดาวของตัวเองที่พื้นในแคลิฟอร์เนีย นาธาน โอมาน (หัวเราะ) ถ้าเขาให้แปะนะ”

สุดท้ายสำหรับใครที่อยากจะพูดคุยกับนาธานเจ้าตัวบอกว่า สามารถติดได้ที่ NASABIZ.COM.HI5 หรือ NASABIZ@HOTMAIL.COM
“ส่วนถ้าใครอยากที่จะคุยกับผมให้เข้าไปในอีเมลล์ HI5ก็คือ NASABIZ.COM.HI5 หรือว่า NASABIZ@HOTMAIL.COM เข้าไปได้เลย เพราะว่าโทรศัพท์จะไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่ในระหว่างถ่ายหนัง แต่ถ้าเป็นอีเมลล์แม้กระทั่งถ่ายหนังจะสามารถแชตผ่านมือถือได้หรือเวลาพักก็จะเอาอินเตอร์เน็ตมาเล่นมันเป็นวิธีที่ตอบจดหมายกับทุกๆคนสะดวกที่สุด”

***
"นาธาน" ฟัน 100 ล้านเล่นหนัง "วูล์ฟ กัง" ประกบ "บรูซ วิลลิส"





กำลังโหลดความคิดเห็น