xs
xsm
sm
md
lg

ไต้หวันเสนอแผนลดหย่อนภาษี หวังดึงเงินทุนมหาศาลจากจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล – รัฐบาลไต้หวันเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับการโอนเงินรายได้จากการลงทุนในต่างแดนกลับประเทศ โดยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงเม็ดเงินลงทุนของนักธุรกิจไต้หวันกลับจากแผ่นดินใหญ่

นโยบายใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของการขยายแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เฉื่อยเนือยของบนแดนมังกรน้อยของรัฐบาลประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว หลังจากไต้หวันปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีน และเมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลไต้หวันได้ยกเลิกกฎควบคุมด้านทุน ซึ่งบังคับใช้กับบรรดาบริษัท ที่เข้าไปลงทุนในจีน จึงส่งผลให้บริษัทเหล่านั้นเพิ่มการลงทุนที่นั่น

จากรายงานของธนาคารกลางไต้หวันระบุว่า นักลงทุนไต้หวันขนเงินไปลงทุนในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วเป็นจำนวนถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ภายใต้นโยบายใหม่ จะมีการลดหย่อนภาษีประเภทดังกล่าวลงร้อยละ 10 จากที่เรียกเก็บสูงสุดถึงร้อยละ 50 และจะมีการเพิ่มระดับเงินพึ่งประเมินอีกด้วย

ปัจจุบัน มีชาวไต้หวันทำงานในจีนถึงราวหนึ่งล้านคน และจำนวนมากรีรอโอนผลกำไร ที่ได้กลับไต้หวัน โดยแม้ไม่ปรากฏตัวเลขอย่างเป็นทางการของเงินทุน ซึ่งค้างอยู่ในจีน แต่ก็เชื่อกันว่าน่าจะมีจำนวนสูงกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อัตราการลดหย่อนภาษีดังกล่าว “อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยยับยั้งไม่ให้เงินทุนไหลออกมากขึ้น” คริสติน่า หลิว หัวหน้าที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของสถาบันวิจัยไดวาคาดคะเน

ด้านรองนายกรัฐมนตรีพอล ชิว (ชิว เจิ้งสง) ระบุในแผนการว่า หากมีการลดหย่อนภาษีลงร้อยละ10 จะมีรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นถึง 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ปัจจุบัน อัตราการจัดเก็บภาษีในการโอนเงินรายได้กลับประเทศของไต้หวันอยู่ระหว่างร้อยละ 2 – ร้อยละ 50 ซึ่งมีส่วนสร้างรายได้เข้ารัฐโดยเฉลี่ย 724,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากรายได้การจัดเก็บภาษีประจำปีทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้น นโยบายที่รัฐบาลไต้หวันนำเสนอนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปด้านภาษี ที่รัฐบาลกำลังพยายามดำเนินการ โดยเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาทบทวนกลไกการจัดเก็บภาษีของไต้หวัน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการบางคน ซึ่งไม่เห็นด้วยกับแผนการลดหย่อนภาษีประเภทดังกล่าววิจารณ์ว่า เป็นนโยบายที่เอื้อให้กับความมั่งมี

แผนการลดหย่อนภาษีประเภทดังกล่าวยังต้องผ่านการเห็นชอบของสภานิติบัญญัติ อย่างไรก็ตาม พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลครองเสียงข้างมากในสภา จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และคงจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้าต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น