"ชาร์ลตัน เฮสตัน" นักแสดงคนสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20 ผู้เป็นที่รู้จักในการแสดงบทบาทอันยิ่งใหญ่ทั้ง "โมเสส", "เบนเฮอร์", "ไมเคิลแองเจโล" และ "เอลซิด" ได้เสียชีวิตลงแล้วหลังจากต่อสู้กับโรคภัยที่รุมเร้าหลายอย่าง จากโลกไปด้วยวัย 83 ปี
ชาร์ลตัน เฮสตัน นักแสดงชายเจ้าของรางวัลออสการ์จากบทนำในเรื่อง Ben-Hur หนัง 11 รางวัลออสการ์เมื่อปี 1959 เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 83 ปีที่บ้านพักในเบเวอร์ลี ฮิลส์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากอยู่เคียงข้างในวินาทีสุดท้าย ซึ่งโฆษกของตระกูลเฮสตันปฎิเสธที่จะเปิดเผยว่าอะไรเป็นสาเหตุของการลาโลกของนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้
"สำหรับชาวโลกแล้ว ชาร์ลตัน เฮสตัน เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่มากๆ ทุกคนรู้จักเขาทั้งจากหน้าตา, บุคลิก และน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทต่างๆ ที่เขาแสดง ไม่มีใครใช้ชีวิตได้คุ่มค่าไปกว่าเขา ไม่มีใครได้ให้สิ่งต่างๆ ต่อทั้งครอบครัว, วิชาชีพ และประเทศชาติได้มากไปกว่าเขา" ครอบครัวของเฮสตันกล่าวในแถลงการณ์
นักแสดงผู้ยิ่งใหญ่
ชาร์ลตัน เฮสตัน ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่เกิดมาเพื่อรับบทอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะบทบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เขารับเล่นมาแล้วหลากหลาย ทั้ง ปธน. แอนดรูว์ แจ็คสัน ใน The President's Lady และ The Buccaneer, โมเสส ใน The Ten Commandments, เอล ซิด ใน El Cid, จอห์น เดอะ แบปติสต์ ใน The Greatest Story Ever Told, ไมเคิลแองเจโล ใน The Agony and the Ecstasy, นายพลกอร์ดอน ใน Khartoum, มาร์ค แอนโธนี ใน Julius Caesar และ Antony and Cleopatra, คาร์ดินัล ริเชอลิเออ ใน The Three Musketeers และ กษัตริย์เฮนรี ที่ 8 ใน The Prince and the Pauper
The Ten Commandments
แต่ผลงานการแสดงที่เป็นที่จดจำในวงการภาพยนตร์มากที่สุดได้แก่ Ben-Hur ผลงานสุดยิ่งใหญ่แห่งปี 1959 ที่เขาได้บทนี้มาหลังจากนักแสดงชั้นนำมากมายในยุคนั้นหันหลังให้กับบทที่แสนท้าทายนี้ ทั้ง มาร์ลอน แบรนโด, เบิร์ต แลงคาสเตอร์ และ ร็อก ฮัดสัน ก่อนที่บทบาทนักรบในตำนานจะทำให้เฮสตันคว้าออสการ์สาขานักแสดงนำชายได้สำเร็จ ซึ่งตัวภาพยนตร์เองก็กวาดรางวัลออสการ์มาได้ถึง 11 สาขา ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุด เทียบเท่ากับผลงานในยุคหลังอย่าง Titanic ในปี 1997 และ The Lord of the Rings: The Return of the King ในปี 2003 ที่ยังไม่มีหนังเรื่องไหนสามารถทำลายสถิติดังกล่าวได้แม้เวลาจะผ่านมาร่วมครึ่งศตวรรษแล้วก็ตาม
นอกจากหนังในยุคคลาสสิกจากช่วงปี 50 -60 แล้ว เฮสตันก็หันมาเอาดีในผลงานประเภทนิยายวิทยาศาสตร์ที่ต่อมาจะกลายเป็นผลงานคลาสสิกและนำมารีเมคใหม่มากมาย ทั้ง Planet of the Apes (1968), Soylent Green (1971), The Omega Man (รีเมคในชื่อ I Am Legend) (1973) และ Earthquake (1974)
ไมเคิล เลวิน นักประชาสัมพันธ์ที่เป็นตัวแทนของเฮสตันมากว่า 20 ปีเผยว่าการจากไปของเฮสตันเป็นการปิดฉากยุคสมัยแห่งนักแสดงผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งโลกภาพยนตร์
"ถ้าฮอลลีวูดมีภูเขารัชมอร์ ใบหน้าของเฮสตันก็ต้องถูกสลักเอาไว้บนนั้นด้วย"
เฮสตันยังมีชื่อเสียงในการเป็นผู้นำนอกจอภาพยนตร์ด้วย ทั้งการดำรงตำแหน่งประธานของสมาคมนักแสดงอเมริกา (Screen Actors Guild) และประธานของสถาบันภาพยนตร์แห่งอเมริกา (American Film Institute) รวมทั้งเคยเข้าร่วมการเดินประท้วงเพื่อสิทธิเท่าเทียมกันของชาวอเมริกันเมื่อปี 1963 แต่รณรงค์ต่อต้านสงครามเวียดนามอีกด้วย
El Cid
ชาร์ลตัน เฮสตัน เกิดที่ชานเมืองชิคาโกเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 1924 โดยใช้ชื่อว่า ชาร์ลส์ คาร์เตอร์ ตามชื่อพ่อผู้ให้กำเนิด ก่อนที่แม่ของเขาจะไปแต่งงานใหม่จนเปลี่ยนชื่อและนามสกุลตามพ่อเลี้ยงในเวลาต่อมา
เฮสตันในวัยเริ่มต้นของชีวิตเริ่มสนใจการแสดงตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ โดยไปสมัครเป็นนักแสดงในชมรมการละครของโรงเรียน เนื่องจากเขาชอบหนีปัญหาต่างๆ ในชีวิตวัยเด็กด้วยการแสดงบทบาทเป็นคนอื่นๆ
"สิ่งที่การแสดงมอบให้ผมคือโอกาสการได้เป็นคนโน่นทีคนนี้ที เพราะสมัยเด็กๆ ผมไม่ค่อยชอบใจที่ต้องมาเป็นตัวเองนัก" นักแสดงรุ่นใหญ่กล่าวเปิดใจในบทสัมภาษณ์เมื่อปี 1986
เฮสตันแต่งงานครั้งเดียวกับ ลิเดีย คลาร์ก อดีตนักเรียนการแสดง เมื่อปี 1944 ซึ่ง เฟรเซอร์ คลาร์ก เฮสตัน ลูกชายคนแรกของทั้งคู่ได้ไปปรากฏตัวในบทโมเสสตอนเป็นทารกใน The Ten Commandments ด้วย และมีลูกสาวอีกหนึ่งคนคือ ฮอลลี แอน ทั้งคู่เคยฉลองครบรอบแต่งงาน 50 ปี(golden wedding anniversary) อย่างยิ่งใหญ่ด้วยกันเมื่อปี 1994 ที่มีแขกเป็นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงภาพยนตร์และการเมืองมากมาย ทั้งสองครองชีวิตคู่อยู่ด้วยกันเป็นเวลา 64 ปีในคืนที่เฮสตันจากโลกนี้ไป
ฉากสุดท้ายของยอดดารานักสู้
เมื่อปี 1998 ไม่นานหลังจากที่เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานสมาคมยิงปืนยาวอัดลมแห่งชาติ (National Rifle Association) เฮสตันต้องเข้ารับการผ่าตัดการเปลี่ยนข้อสะโพก และปีเดียวกันนั้นเองที่เขาถูกตรวจพบมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งการรักษาด้วยรังสีทำให้อาการของเขาทุเลาลง แต่โรคอัลไซเมอร์ก็มาเยือนเขาในปี 2002 และเมื่อต้นปี 2005 ก็มีข่าวออกมาว่าทั้งเพื่อนและครอบครัวของเขาต่างช็อคไปตามๆ กันเมื่ออาการของเขาทรุดหนักอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถลุกจากเตียงนอนได้ และปลายปีเดียวกันนั้นที่มีข่าวมาว่าเฮสตันถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคปอดบวม จนกระทั้งปี 2006 ที่มีรายงานว่าอาการของเฮสตันเข้าขั้นวิกฤตถึงขนาดที่ครอบครัวของเขาไม่คิดว่าเฮสตันจะรอดผ่านปีนั้นมาได้ จนกระทั้งเขามาเสียชีวิตเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วยวัย 83 ปี
Ben-Hur
