xs
xsm
sm
md
lg

Always 2: วาทกรรมแห่ง -แสงสว่าง- และสิ่งที่เงิน(ยังคง)ซื้อไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


By...Feel Lost/So Free

The Return of Rhapsody of Light

ในตอนจบของภาคที่แล้ว เหล่าสมาชิกของชุมชนชาวถนนสายที่ 3 แห่งกรุงโตเกียว ต่างเฝ้ามองลำแสงแห่งอาทิตย์อัสดงด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม มัตสุโกะ สาวบ้านนอกได้รับในสิ่งที่เธออาจไม่มีวันได้ถ้าฝันในการได้งานในบริษัทที่ยิ่งใหญ่ของเธอเป็นจริง ฮิโรมิ หญิงที่หาเลี้ยงชีพด้วยเรือนกายได้รับความรักอันแท้จริงจากชายหนุ่มเป็นครั้งแรก ริวโนะสุเกะ นักเขียนที่พยายามเข้าใจผู้อื่นจากโลกแคบๆ ของตัวเองได้สร้างความผูกพันอันน่ามหัศจรรย์กับเด็กชายคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเขามีความหมายมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดเห็นที่สุดปลายฟ้าคือหอคอยโตเกียวที่จะมาเป็นสัญลักษณ์การเข้าสู่ยุคใหม่ของประเทศญี่ปุ่น ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยดี

แต่ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป อันเป็นความคิดของ ทาคาชิ ยามาซากิ ผู้กำกับที่หยิบเอาผลงานอันลื่อลั่นของเขาครั้งนี้กลับมาคลี่คลายอีกครั้ง

การที่คนเราจ้องไปยังแสงสว่าง สิ่งที่ตาเราเห็นไม่มีอะไรมากไปกว่าความงดงามสดใสที่พร่ามัว แต่ถ้าเราย้อนกลับมามองสิ่งที่ลำแสงเหล่านั้นตกกระทบ เราจะเห็นเหลี่ยมมุมของวัตถุในสภาพที่เป็นจริง รวมไปถึงเงามืดที่แสงได้สร้างเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวละครในเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความเป็นจริงของชีวิต ทั้งพ่อบ้านอารมณ์ร้อนอย่าง ซูสุกิ ที่ต้องรักษาความเป็นผู้นำครอบครัวทั้งๆ ที่บาดแผลในสงครามที่เขาร่วมรบยังไม่เคยหายไปจากใจ โทโมเอะ ต้องรักษาหน้าที่แม่บ้านของสามีที่แสนกักขระให้สมบูรณ์แบบ แม้หัวใจเธอยังคงมีความหลังที่มิอาจลืมเลือนง่ายๆ ฮิโรมิ ยังคงเฝ้ารอเจ้าของ "แหวนล่องหน" วงนั้น แม้เธอไม่อาจลืมความจริงไปได้ว่าอาชีพที่เธอทำอยู่นั้นก็ไม่ต่างจาก "ของเล่น" สำหรับผู้ชายทั่วๆ ไปเลย

แต่ผู้ที่ได้บททดสอบมากที่สุดคงไม่พ้นหน้าที่คุณพ่อจำเป็นของ ริวโนะสุเกะ ที่อาศัยความอยู่รอดภายในบ้านซอมซ่อของสองชีวิตด้วยจินตนาการในงานเขียนอันจำกัดของเขา เมื่อพ่อตัวจริง(แต่ไม่ตั้งใจ)ของ จุนโนะสุเกะ เตรียมกลับมาทวงสิทธิ์ของเขา ถ้าริวโนะสุเกะไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่านักเขียนที่ดูเหมือนท่าดีทีเหลวอย่างเขาจะสามารถเลี้ยงดูปูเสื่อลูกชายที่กำลังโตวันโตคืนของเขาอย่างเหมาะสมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้คนเริ่มเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ความแตกต่างจากภาคแรกอยู่ตรงที่ การให้ความสำคัญกับ 2 บ้านที่แต่ก่อน "ร้านของชำ" ดูจะมีมากกว่า "ร้านซ่อมรถ" อยู่เล็กน้อย ที่ภาคนี้ได้กลายเป็นหัวใจหลักของเรื่องนี้ในที่สุด โจทย์อันมากมายที่ตัวละครอย่าง ชากาวะ ริวโนะสุเกะ ต้องแบกรับจากเรื่องนี้ ส่งให้นักแสดงอย่าง ฮิเดทากะ โยชิโอกะ ที่สวมบทได้อย่างดีเยี่ยมกลับมาคว้ารางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจาก Japan Academy Award ครั้งล่าสุดได้อีกครั้ง หลังจากคว้ารางวัลเดียวกันจากบทนี้มาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อนนี้เอง

ขณะที่เรื่องราวใน "ร้านซ่อมรถ" หลังจากที่มัตสุโกะได้เปลี่ยนสถานะจาก "เด็กใหม่" มาเป็น "เจ้าบ้าน" แล้ว ตัวละครใหม่ที่มาเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านนี้ได้แก่สาวน้อยเอาแต่ใจที่มาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้าน นำมาซึ่งบรรยากาศในแบบ coming-of-age ของตัวเด็กๆ ในเรื่อง

ในเรื่องรายได้ที่ญี่ปุ่นนั้นความโด่งดังของภาคที่แล้วส่งให้ภาคนี้ทำรายได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่าจาก 20 ล้านเหรียญมาเป็น 40 ล้านเหรียญ (ภาคที่แล้วต้องเจอ Harry Potter ภาค 5 หลังจากฉายไป 2 สัปดาห์ ส่วนภาคนี้เจอ Sky of Love หลังจากฉายไป 2 สัปดาห์) ขณะที่รางวัลจากเวที Japan Academy Award นอกจากสาขาดารานำชายที่เบิ้ลแล้วยังกลับมาคว้าได้อีกครั้งจากสาขาเสียงยอดเยี่ยม ในปีนี้ที่ผลงานอย่าง Tokyo Tower ครองความยิ่งใหญ่บนเวทีด้วยการคว้าเรื่องเดียวถึง 5 สาขา ขณะที่ภาคแรกของ Always เคยโกยมาแล้วถึง 12 สาขาด้วยกัน

ข้อเสียอย่างเดียวของหนังอย่าง Always สำหรับคนที่ไม่ชอบเรื่องราวที่ประโลมโลกเช่นนี้ เนื่องจากคาดหวังอยู่เสมอว่าจอหนังในโรงภาพยนตร์นั้นต้องทำหน้าที่เป็นกระจกบานใหญ่ที่คอยสะท้อนความเป็นจริงในทุกแง่มุมของผู้อยู่อีกด้านหนึ่งของโรงภาพยนตร์อยู่เสมอๆ

ตัวละครในเรื่องนี้เรียกได้ว่าโชคดีจนน่าอิจฉา ทุกๆ คนคอยอยู่เพื่อเคียงข้างใครซักคนเสมอ จนอดสงสัยไม่ได้ว่านักเขียนที่เก่งกาจกว่าริวโนะสุเกะเป็นร้อยเป็นพันเท่า ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้รับความชื่นชมจากผู้ที่ได้ชื่อว่ารู้จักตัวตนของผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานอย่างแท้จริงมากมายเท่านี้ก็เป็นได้

ถ้าภาพยนตร์ถือเป็นหนึ่งในสื่อสารมวลชน หน้าที่ในการเป็น "กระจกเงา" ของเรื่องนี้อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนัก (ยกเว้นในฐานะกระจกเงาแห่งยุคสมัยที่ทำได้อย่างไร้ที่ติ) แต่เรื่องราวที่อิ่มเอมไปด้วยความรักแห่งเพื่อนมนุษย์ ที่สอดแทรกไปด้วยอารมณ์ขันและมุกตลก (รวมไปถึงฉากแอ็คชั่นตระการตาในตอนเปิดเรื่อง) ผลงานชิ้นนี้ทำหน้าที่เป็น "แสงสว่าง" ได้อย่างเต็มเปี่ยม

แสงสว่าง ที่ไม่เพียงแต่สร้างความหวังในดวงตาของผู้พบเห็น แต่ยังสร้างความอบอุ่นในหัวใจของผู้ชมด้วยเช่นกัน





กำลังโหลดความคิดเห็น