....ต่อจากฉบับที่แล้ว
ต้นกล้าสะพายกระเป๋าเดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้อง หลังจากอิ่มหนำสำราญกับทับทิมกรอบที่อร่อยที่สุดในโลกจากฝีมือคุณนายสุขใจนั่นเอง
“เอ้า...ออกมายืดเส้นยืดสายได้แล้วกระปุก” ต้นกล้ารูดซิปเปิดกระเป๋า
“นึกว่านายจะห่วงกินจนลืมไปว่ามีกระปุกพูดได้อย่างฉันอยู่ในกระเป๋าแล้วซะอีก” กระปุกพูดเหน็บพลางกระโดดออกมาจากกระเป๋า
“แหม...อย่าบ่นหน่อยเลยน้า ถึงการอยู่ในกระเป๋ามันจะอึดอัดบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าอยู่เหงาๆ ที่บ้านคนเดียวนะ”
“มันก็ถูกของนาย...ว่าแต่วันนี้ไม่หยอดกระปุกเหรอต้นกล้า”กระปุกเตือนให้ต้นกล้าทำกิจวัตรประจำวันที่เขาทำมาตลอดตั้งแต่เจอกัน
“ไม่ลืมหรอกคับบบ คุณกระปุก...วันนี้เหลือเศษอยู่เท่าไหร่น้า” ต้นกล้าพูดพลางเอามือควานหาเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกง “หนึ่ง สอง สาม...สามสิบสองบาท เอ้า! วันนี้เอาไปสามสิบสองบาท”แกร็ก แกร็ก แกร็ก...เสียงเหรียญในกระปุกออมสินกระทบกัน
“รู้สึกว่าจะใกล้เต็มแล้วนะต้นกล้า...คงได้เวลาเอาไปฝากแบงก์แล้วละ”
“ดีเลย...ต้นจะได้เอาไปซื้อของขวัญครบรอบแต่งงานให้พ่อกับแม่”
“อ้าว...ต้นก็มีเงินเก็บอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องใช้เงินจากกระปุกด้วยละ”
“ก็ต้นเพิ่งเอาไปซื้อกองทุนรวมมา”
“ไปซื้อมาตอนไหน ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย”
“ก็ไปซื้อหลังจากกระปุกแนะนำต้นนั้นแหละ”
“แล้วไปซื้อกองทุนหุ้นอย่างที่บอกหรือเปล่า”
“ลองกระปุกเป็นคนบอกเองแบบนี้...จะไม่ให้ซื้อตามได้ไงละครับ”ต้นกล้าถือโอกาสเหน็บบ้าง “จะว่าไปแล้วมันก็จริงอย่างที่กระปุกแนะนำนะ เพราะตอนที่ต้นซื้อกองทุนหุ้นไปดัชนีหุ้นตกไปถึง 750 จุดแนะ...แล้วตอนนี้มันก็ขึ้นมาอย่างที่กระปุกบอกจริงๆ ด้วย”
“มันไม่ใช่เพราะว่ากระปุกรู้หรอกนะ…แต่มันเป็นทฤษฎีง่ายๆ ว่า การที่หุ้นตกจากระดับ 800 กว่าจุดมาอยู่ที่ 750 จุดแบบนี้ มันเป็นจังหวะที่น่าลงทุนอยู่แล้ว เพราะนอกจากเราจะซื้อได้ในราคาที่ถูกแล้วเรายังมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวด้วย”
“แล้วถ้าหุ้นขึ้นมาแบบนี้ ต้นจะยังซื้อได้อีกหรือเปล่าละกระปุก”
“ซื้อได้ซิ...เขามีการทำตัวเลขออกมานะว่า ถ้าเราลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกๆ เดือน สามารถช่วยลดต้นทุนของเราได้ดีกว่าการลงทุนโดยใช้เงินเป็นก้อนครั้งเดียว แถมยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าด้วย”
“อืมม์...น่าสนใจนะ ถ้างั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องรอจังหวะดีๆ แล้วค่อยไปซื้อกองทุนพวกนี้ก็ได้นะซิ”
“แน่นอนอยู่แล้ว...ต้นกล้าเองก็หยอดกระปุกออมสินทุกวัน บวกกับเงินเดือนอีกนิดหน่อย แบบนี้ก็ซื้อได้ทุกเดือนสบายๆ อยู่แล้ว”**
“แต่เงินออมบวกกับเงินเดือนต้นก็ไม่ได้มากมายอะไรนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ลงทุนทีละเล็กละน้อย สะสมไปเรื่อยๆ...ดีกว่าปล่อยให้กระปุกแบกเงินหนักๆ แบบนี้”
“ตกลงอยากให้ต้นเอาเงินไปลงทุน หรือไม่อยากแบกเงินกันแน่! ฮึ”
“ล้อเล่น...แหม! ถ้าเอาเงินไปลงทุนกับเอาเงินไว้ในกระปุกออมสิน อันไหนเงินจะงอกเงยมากกว่ากันละ”
“ก็ต้องลงทุนอยู่แล้ว...หรือกระปุกแสกเงินเพิ่มได้ละ”
“เล่นอีกแล้ว” กระปุกทำหน้าซีเรียส “อ้อ...ลืมไปอีกอย่าง ต้นมีกองทุนมั่นนี่มาร์เกตอยู่ด้วยใช่ป่าว”
“ใช่...แ ล้วไง”
“ก็ถ้าต้นคิดว่ากองทุนของต้นมีกำไรเยอะแล้วอยากขายออกมาบ้าง...ต้นก็ทำได้นะ แล้วพอขายออกมา ก็อาจจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในกองทุนมั่นนี่มาร์เกตของต้นเพิ่มได้”
“อืมม์...มีที่ปรึกษาส่วนตัวเป็นกระปุกออมสินพูดได้แบบนี้ มีหวังต้นได้รวยเป็นเศรษฐีแน่เลย”
“เอาแค่ออมแบบพอเพียงก่อนเถอะ...อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงขั้นนั้นเลย”**
“พูดอีกก็ถูกอีก...คุยกับกระปุกทีไรได้ความรู้ใหม่ๆ ทุกครั้งเลย...” ต้นกล้าพูดเอาใจกระปุกก่อนจะถอนตัวไปอาบน้ำเตรียมตัวลงไปทานข้าวเย็น
*******
“เดี๋ยวต้นลงไปข้างล่างก่อนะกระปุก...ว่าจะไปช่วยแม่ทำกับข้าวซะหน่อย”
“ฉันอิจฉานายจังเลย...ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบครอบครัวแบบนี้ดูมีความสุขดีนะ” กระปุกเผยความรู้สึกเหงาข้างในออกมา
“กระปุกอยากเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวต้นหรือเปล่าละ...เพราะต้นเองก็ไม่อยากให้กระปุกต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้หรอก...แล้วที่สำคัญ กระปุกจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวแบบนี้ แม่เองก็จะได้มีเพื่อนคุยเวลาอยู่บ้านคนเดียวด้วย...ว่าไงละกระปุก”**
“จริงๆ แล้วก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นนะ...แต่ว่า”
“แต่ว่าอะไร...ไม่มีอะไรน่ากลัวซะหน่อย”
“กระปุกกลัวว่าจะไม่ใช่แค่พ่อกับแม่ต้นที่รู้เท่านั้นนะซิ”
“นายไม่ไว้ใจพ่อกับแม่ฉันเหรอ”
“มันไม่ใช่เรื่องไว้ใจหรือไม่ไว้ใจหรอก...แต่ต้นลองคิดดูซิว่า ถ้ามีคนรู้ว่าบ้านนี้มีกระปุกออมสินพูดได้ อะไรจะเกิดขึ้น...นายน่าจะรู้ดีนะ”
“เอาเหอะ! ต้นเข้าใจ กระปุกว่าไงต้นก็ว่าตามนั้น” ต้นคิดในใจว่าต่อไปนี้...เขาคงต้องมีเวลาให้กระปุกมากขึ้นกว่านี้ “งั้นต้นลงไปข้างล่างก่อนนะ”
“ไปเหอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
“เป็นกระปุกออมสินเขาไม่คิดมากหรอกนะ” ต้นพยายามพูดปลอบใจกระปุก แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้กระปุกรู้สึกอย่างไร...เขาหันกลับไปมองกระปุกอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินลงบันไดตรงไปที่ครัว ตอนนี้คุณนายสุขใจกำลังง่วนอยู่กับการทำกับข้าว
“อืมม์...หอมจังเลยคับแม่ วันนี้ทำอะไรให้ต้นทานบ้างคับ”
“ต้มข่าไก่ ทอดมันปลากราย แล้วก็น้ำพริกปลาทูจ๊ะลูก”
“มีอะไรให้ต้นช่วยไหมคับ”
“ไม่เป็นไรหรอก...แม่ว่าลูกไปนั่งดูทีวีรอดีกว่า อาบน้ำแล้วไม่ใช่เหรอเรา เดี๋ยวเลอะเปล่าๆ”
“คับผม...อื้ม! พ่อกลับมารึยังคับแม่” ต้นพูดพลางหยิดทอดมันเข้าปากหนึ่งชิ้น
“กลับมาสักพักแล้ว อาบน้ำอยู่ที่ห้องโน้นแนะ”
“งั้นต้นไปดูทีวีดีกว่า..ไม่รู้ว่าวันนี้มีข่าวสารอะไรน่าสนใจบ้าง” ต้นเดินตรงไปเสียบปลั๊กทีวี กดปุ่มเปิดหน้าจอ ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟา แล้วกดรีโมทเปิดทีวี
“ไงเจ้าต้น...กลับบ้านแต่หัววันเชียวนะวันนี้” เสียงพ่อดังมาจากข้างหลัง
“หวัดดีคับพ่อ...พอดีวันนี้ต้นไปฟังสัมมนากับเจ้านายมานะครับ”
“แม่แกบอกแล้วละ...ว่าแต่มีอะไรน่าสนใจบ้าง”
“เยอะเลยคับพ่อ...อถมได้กูรูมาพูดให้ฟังเองด้วยนะคับ”
“แล้วอะไรบ้างละที่น่าสนใจ”
“หลักๆ ก็เป็นเรื่องการจัดพอร์ตลงทุนรับมือความผันผวนในปีนี้คับพ่อ...เขาแนะนำว่าภาวะการลงทุนที่ผันผวนตลอดเวลาอย่างนี้ ก่อนจะลงทุนอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อน ที่สำคัญอย่าลงทุนอะไรที่เราไม่รู้หรือไม่เข้าใจ เพราะการลงทุนแต่ละอย่างมีความเสี่ยงแตกต่างกันออกไป...ซึ่งการที่เราลงทุนโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก็ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งเช่นกัน”**
**“แล้วความเสี่ยงที่ว่ามันมีอะไรบ้างละลูก"
“ก็อย่างเช่น ความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารที่เราลงทุน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ รวมถึงความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในกรณีของการลงทุนในต่างประเทศคับพ่อ...ดังนั้น เขาเลยแนะนำว่าก่อนลงทุนอะไรสักอย่าง ต้องรู้ตัวเองก่อนว่า สามารถรับความเสี่ยงเหล่านี้ได้มากน้อยแค่ไหน”
“แล้วคนแก่ใกล้เกษียณอย่างพ่อเนี้ยะ...ควรจะลงทุนยังไงดีถึงจะไม่เสี่ยงละ พ่อเองก็อยากลงทุนเหมือนกัน”
“ต้องถามก่อนว่า พ่อรับความเสี่ยงที่เงินต้นจะอยู่ไม่ครบได้หรือเปล่าคับ”
“อย่างพ่อ...เอาแค่เงินต้นไม่หาย แล้วได้ผลตอบแทนดีกว่าฝากเงินก็พอแล้ว...”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องเป็นตราสารหนี้แล้วละครับ...อื้ม! พูดถึงเกษียณแล้ว กองทุนอาร์เอ็มเอฟก็น่าสนใจเหมือนกันนะครับพ่อ”
“แล้วไอ้อาร์เอ็มเอฟนี่มันคืออะไรละลูก”
“อาร์เอ็มเอฟ ก็เหมือนกองทุนรวมทั่วไปแหละคับ เราสามารถลงทุนได้ทั้งในตราสารหนี้ หุ้น หรือลงทุนแบบผสมระหว่างหุ้นกับตราสารหนี้...แต่อาร์เอ็มเอฟจะพิเศษตรงที่เราสามารถนำเงินลงทุนไปคำนวนเพื่อลดหย่อนภาษีได้ แต่มีเงื่อนไขว่าพ่อต้องถือจนครบอายุ 55 ปีเท่านั้นนะคับถึงจะไถ่ถอนออกมาได้”
“อืมม์...ตอนนี้พ่อก็อายุ 49 แล้ว ถ้าพ่อซื้ออาร์เอ็มเอฟพ่อก็ต้องถือไปอีก 6 ปีนะซิ”
“ใช่ครับ”
“แล้วถ้าเกิดพ่อหรือแม่แก เจ็บไข้ได้ป่วยหรือจำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมาละ”
“อันนั้นเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแลพ่อกับแม่อยู่แล้วคับ...พ่อไม่ต้องเป็นห่วงเลยคับ” ต้นกล้าสนับสนุนให้พ่อลงทุนเต็มที่
“สองพ่อลูกคู่นี้คุยอะไรกันอยู่...ดูท่าทางออกรสเชียว” คุณนายสุขใจเดินอ้อมมาข้างหลังโซฟา...เอามือวางบนไหล่ของทั้งสองคน
“กำลังพูดถึงเรื่องสัมมนาที่ต้นไปฟังมาคับแม่...แล้วก็เลยยาวไปถึงเรื่องการลงทุนของพ่อด้วย”
“อ้าว!...ไหนบอกจะเล่าให้แม่ฟังด้วยไง แต่ไหงกลับมาเล่าให้พ่อฟังคนเดียวแบบนี้ละ”
“ไม่ต้องห่วงคับแม่...ต้นยังมีอะไรดีๆ เล่าให้พ่อกับแม่ฟังอีกเยอะคับ”
“งั้นเบรกไว้แค่นี้ก่อน..ไปเล่าต่อที่โต๊ะกินข้าวดีกว่าลูก...ไปพ่อ ลุกๆ”...มื้อเย็นวันนี้ นอกจากทั้งสามคนจะอิ้มท้องกับอาหารฝีมือคุณนายสุขใจแล้ว ยังได้ความรู้เรื่องการลงทุนดีๆ จากต้นกล้าอีกด้วย...การฟังสัมมนาของต้นกล้าครั้งนี้ได้ประโยชน์เหลือเฟือจริงๆ