พ่อปลาไหล ตอนที่ 12
บทประพันธ์ : กนกเรขา บทโทรทัศน์ : ปัทม์ และ จอมใจ
เคนกับณรงค์ยังคงมองหน้ากัน ชนิดไม่มีใครยอมใคร
“พี่ณรงค์คะ พ่อลูกกันมาทวงเงินกันแบบนี้ได้ยังไงคะ”
เพ็ญทำเหมือนไม่เห็นด้วยกับณรงค์ที่ทำกับเคนแบบนี้ ณรงค์หันไปมองหน้าเพ็ญ
เพ็ญออกความคิดจะให้เคนมาดูแลโรงงานนมข้นหวาน
“พี่ณรงค์คะ โรงงานนมข้นของเรา พี่คิดว่า ตาเคนจะดูแลได้มั้ยคะ”
ณรงค์หน้าเสีย รู้ตัวว่าจะต้องเดือดร้อนเพราะเคนอีก
“แล้วก็ทวงเงินที่พี่ณรงค์ให้ตาเคนไปลงทุนเปิดบริษัทคืนมาให้หมด” เพ็ญยกไม้ตายมาอีก
“แบบนั้นไอ้เคนมันก็เหลือแต่ตัวสิ”
“เหลือแต่ตัวสิคะดี ตาเคนจะได้อยู่ในหูในตาเรา”
เพ็ญมุ่งมั่นมาดหมาย ที่จะจัดการกับเคน
ณรงค์มองหน้าเพ็ญ เพราะเพ็ญเป็นคนสั่งการทั้งหมด แต่ตอนนี้เพ็ญทำเป็นเห็นใจและช่วยเคน
เอมิกาเดินถืออุปกรณ์สำหรับพรีเซ้นต์งานเข้ามา เห็นเลขาของณรงค์กำลังยืนเอาหูแนบแอบฟังณรงค์กับเคนที่ทะเลาะกันอยู่ข้างในห้อง
“สวัสดีค่ะ”
เลขาสะดุ้ง รีบเดินห่างจากประตูห้อง มาต้อนรับเอม
“คุณลุงณรงค์เรียกฉันมาพบ เพื่อขอดูแบบยูนิฟอร์มพนักงานด่วนค่ะ ไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้าค่ะ”
“ค่ะ ท่านสั่งไว้แล้วค่ะ แต่ว่า รอสักครู่นะคะ”
“ได้ค่ะ”
เอมจะไปนั่งรอที่โต๊ะรับรองหน้าห้อง แต่ยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่ง ก็ต้องสะดุ้งไม่กล้านั่ง เมื่อได้ยินเสียงเคนดังลั่นออกมาจากห้อง
“ได้ เอาเงินของพ่อคืนไปให้หมดเลย ผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีเงินของพ่อ บริษัทของผมก็อยู่ได้”
เคนเดินหุนหันออกมาจากห้องด้วยหน้าตาซีเรียส เอมลืมตัว ดีใจที่เห็นเคน เลขารีบเข้าไปแจ้งณรงค์ในห้องว่าเอมมา
“คุณเคน”
เคนเดินผ่านเอมไปอย่างไม่สนใจ เพราะกำลังโกรธอยู่
เอมมองตามเคนตาละห้อย เป็นครั้งแรกที่เห็นเคนซีเรียส ไม่สนใจ ไม่ต่อปากต่อคำกับเอม
แต่พอเดินผ่านเอมไป เคนก็แอบยิ้มร้าย รู้ว่าเอมจะต้องแปลกใจที่เคนไม่สนใจ
เอมตัดสินใจจะเดินตามเคน แต่เลขาของณรงค์ออกมา เรียกเอม
“คุณเอมมิกาคะ ท่านประธานเชิญในห้องค่ะ”
เอมชะงักท่าทีลังเล อยากจะตามเคนไปคุยให้รู้เรื่อง แต่ก็เกรงใจณรงค์ จึงตามเลขาเข้าห้องไป
ณรงค์ยังอยู่ในอาการหงุดหงิดไม่หาย เอมทำตัวไม่ถูก
“แบบยูนิฟอร์มพนักงานที่เอมไปแก้ไขมา”
“เมื่อกี้หนูเอมเจอตาเคนแล้วใช่มั้ย” เพ็ญถาม
“ค่ะ แต่... แว้บๆ ไม่ได้คุยกัน”
เพ็ญแสดงสีหน้าพอใจแว้บหนึ่ง ที่เอมมาทันได้เห็นเคนกับณรงค์ทะเลาะกันพอดี
เอมไม่อยากยุ่งเรื่องครอบครัวของเคน จะเข้าเรื่องงาน แต่ณรงค์ยังอารมณ์ค้างอยู่กับเรื่องเคน
“นี่ละนิสัยมันละ เย่อหยิ่ง จองหอง หนูรู้มั้ย มันจองหอง ถึงขนาดดูถูกธุรกิจของพ่อมันเอง ขายสุขภัณฑ์มันไม่เท่อ่ะพ่อ แล้วเป็นไงรู้มั้ยมันก็เอาเงินจากสุขภัณฑ์ของพ่อมันนั่นแหละ ไปเปิดบริษัทอีเว้นท์”
“พ่อมะ…เอ่อ พ่อคุณเคน ก็คุณลุงนี่คะ”
“ก็ช่ายไง แล้วเป็นไงรู้มั้ย
เอมพยายามดึงณรงค์กลับมาที่เรื่องงาน “ไม่ทราบค่ะ คือชุดที่เอมแก้ไข...”
“ขาดทุนไง แต่ลุงจะไม่ทน ลุงจะทวงเงินมันคืนให้หมด ถ้ามันไม่มี มันต้องไปทำงานใช้หนี้ที่โรงงานนมข้นหวานของลุง”
เพ็ญช่วยปลอบ “ใจเย็นๆ ค่ะพี่ณรงค์ พี่ก็รู้ว่า ตาเคนแกดื้อ ชอบสร้างปัญหา”
“คุณเพ็ญควรใช้คำว่าล้างผลาญดีกว่า” ณรงค์ขึ้นไม่ยอมลง
“ค่ะ ก็เพราะพี่รินตายตั้งแต่แกยังเด็ก แกขาดความรักความอบอุ่นก็เลยแสดงออกผิดๆ” เพ็ยมองมายังเอม “แต่ถ้ามีใครสักคนชักจูงแกไปในทางที่ถูกเพ็ญเชื่อค่ะ ว่าตาเคนก็จะปรับปรุงตัวได้”
เอมทำหน้าไม่ถูกที่ต้องมานั่งรับฟังเรื่องในครอบครัวเคน
“หนูเอมว่ามั้ยจ๊ะ” เพ็ญถาม
เอมไม่ทันตั้งตัว “เอมว่ายาก เอ๊ย น่าจะได้มั้งคะ”
“ตาเคน แกก็แค่อยากให้มีคนยอมรับแก จากตัวตนของแกจริงๆ”
พอได้ฟังเรื่องเคน เอมก็เริ่มรู้สึกเห็นใจเขา เพ็ญกับณรงค์ลอบมองหน้ากันพอใจที่เห็นท่าทีนั้นของเอม
มิ้นกับนาตาลีรู้เรื่องเคนจากเอมที่แวะมาหาในตอนเย็น
“ฟังดูก็น่าสงสารคุณเคน” นาตาลีบอก
“สงสารแต่ก็อย่าเพิ่งไว้ใจ” มิ้นจ้องหน้าเอม “เธอคงไม่ได้สงสารจนใจอ่อนใช่มั้ย”
“บ้า คนอย่างฉันเนี่ยนะใจอ่อน”
เอมทำเชิดว่าตัวเองไม่มีทางใจอ่อน แต่สายตามีพิรุธให้เห็น
โดยก่อนหน้านี้ เอมเดินตรงมาที่หน้าลิฟต์เหลียวมองหาเคน แต่ไม่เจอ จึงเข้าลิฟต์ไป
ขณะประตูลิฟต์กำลังจะปิด มีมือใครคนหนึ่งมากันไว้ เป็นเคนนั่นเอง สองคนเจอหน้ากันจังๆ ต่างฝ่ายต่างชะงัก เคนเข้ามาในลิฟต์
ทั้งคู่เงียบกริบ ไม่พูดอะไรกัน เอมนึกถึงคำพูดของเพ็ญ
“ตาเคน แกก็แค่อยากให้มีคนยอมรับแก จากตัวตนของแกจริงๆ”
ลิฟต์จอดที่โถงชั้น1 เคนจะออกจากลิฟต์ แต่เอมกดลิฟต์ปิดไว้
“ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ฉันคะ ฉันยังไม่ได้จ่ายค่าทำงานให้คุณเลย”
เคนไม่หันมามองเอม แต่ลอบยิ้มมุมปาก แกล้งทำเป็นเสียงเครียด
“ช่วงนี้ผมยุ่งๆ คุณมาส่งงานพ่อเหรอครับ”
“ค่ะ คุณลุงให้งานเพิ่มด้วย ออกแบบชุดพนักงาน...โรงงานนมข้นหวาน”
“ก็ดีแล้ว งานของคุณไปได้ดีนะ ไม่เหมือนผม”
เคนกดเปิดลิฟต์แล้วเดินออกไปเลย เอมมองตาม อดเป็นห่วงไม่ได้
แยกกับเอม เคนเดินออกมาจากออฟฟิศ เจียดเข้ามาหา ดูชัดๆ พบว่าเจียดนั้นแต่งตัวดูคล้ายเคนเลย
“ผมเห็นรถคุณเคนมีฝุ่น ก็เลยเอาไปจัดการให้แล้วครับ” เจียดส่งกุญแจให้
“เยอะมั้ย”
“ฝุ่นเหรอครับ ไม่เยอะมาก พอจัดการได้”
“หมายถึงแกน่ะ แต่งตัวเยอะไปมั้ย”
“แต่งตัวให้สมฐานะเจ้านายครับ ขับรถพาคุณท่านไปไหนมาไหน ก็ต้องให้เกียรติท่าน” เจียยิ้มยืดภูมิใจกับความหล่อของตัวเอง
เคนขึ้นรถ ยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงท่าที่เป็นห่วงเป็นใยของเอมเมื่อครู่ จู่ๆเอมก็เปิดประตูขึ้นมานั่งในรถด้วย
“อะไรของคุณ”
“ฉันหิวข้าว รีบเอางานมาให้คุณพ่อคุณตรวจยังไม่ได้กินอะไรเลยไปสิฉันเลี้ยง ฉันยังติดหนี้คุณอยู่กี่มื้อน๊า รวบยอดเคลียกันวันนี้เลยแล้วกันเนอะ”
เคนหันหน้าหนีลอบยิ้มพอใจ แล้วหันกลับมาทำหน้างงใส่เอม
“อะไรของคุณ ก็ได้ๆ”
เคนออกรถไป เอมมองสงสาร โดยไม่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
หลังทานอาหารกันอิ่มแล้ว เอมเอาเช็คออกมาจากกระเป๋ายื่นให้เคน
“ค่าทำงานของคุณ”
เคนไม่สนใจเช็ค “คุณรู้แล้วใช่มั้ยว่าพ่อทวงเงินผม บีบให้ปิดบริษัท”
“ถึงฉันจะคิดว่าการช่วยงานคุณลุงมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ฉันก็เข้าใจว่า คนเราก็ต้องมีงานที่ตัวเองชอบและอยากจะทำ”
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่า ผมไม่รับค่าตัว ถึงไม่มีเงินของพ่อ บริษัทของผมก็อยู่ได้”
“แต่...”
“ตามนั้นคุณเอม” เคนตัดบทมองหน้าเอมอย่างเอาจริง
“งั้น มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้บ้าง” เอมคิดปราดเดียว “เอางี้มั้ย ฉันเรียนมาทางด้านออกแบบ พอจะมีหัวครีเอทีฟอยู่บ้าง ถ้าคุณติดขัดเรื่องคอนเซ็ปต์งาน ฉันช่วยคุณคิดได้นะ”
“ทำเป็นพูดดี เดี๋ยวคุณไม่พอใจอะไรผม คุณก็ไม่คุยกับผมอีกแหละ”
เอมลืมตัวยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“สัญญาเลย ถ้าเป็นเรื่องงาน คุณคุยกับฉันได้ 24 ชั่วโมง”
“จริงนะ”
เคนมองหน้าเอม เอานิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเธอ แล้วดึงมาแนบไว้กับอกหน้าตาเฉยเลย
เอมดึงมือกลับเขินๆ เคนกับเอมต่างฝ่ายต่างอมยิ้ม มีความสุข
แต่เอมิกาเล่าเรื่องระหว่างตนกับเคนให้มิ้นกับนาตาลีฟังอีกแบบ เพราะกลัวเสียฟอร์ม
“พอฉันสั่งสอนนายเคน ให้รู้จักเชื่อฟัง ช่วยเหลืองานคุณลุงณรงค์ฉันก็มาหาพวกเธอเนี่ย”
มิ้นจ้องหน้าเอมอย่างจับผิด
“มายังไง ใครมาส่ง รถเธอเข้าอู่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็แท็กซี่ไง ถามมากจัง ว่าแต่เรียกมาร่วมตัวที่นี่มีเรื่องอะไร”
“ยายมิ้นงานเข้า” นาตาลีบอก
แจ๊ดคุยโทรศัพท์กับลูกค้า มีชาช่านั่งฟังเซ็งๆ อยู่ข้างๆ ทั้งคู่อยู่ที่คอนโดชาช่า
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณซัมเมอร์ ไม่ว่าแบบคนไหน ที่คุณซัมเมอร์ต้องการแจ๊ดจัดให้ได้ค่ะ แหม ความจริงไม่อยากเม้นเลย น้องมิ้นเขามาจากสายอีเว้นท์ พอคิดทำโม มีเด็กในสังกัด สเกลมันใหญ่เกินตัว มันก็เล็ดง่ามมือ จับไม่อยู่ไงคะ” แจ๊ดทำเป็นนึกได้ “ว้าย ไม่น่าพูดเลย แค่นี้ก่อนนะคะคุณซัมเมอร์”
รอจนแจ๊ดวางสาย ชาช่าจึงถามขึ้น
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกจกเด็กคนอื่นซะที โดนตบประจานลงโซเชียล ช่าไม่ยุ่งนะคะ ไม่อยากฉาวไปด้วย”
“ค่ะๆ ที่น้องฉาวอยู่ทุกวันนี้ก็เต็มพื้นที่แล้วค่ะ ไม่ฉาวไปกว่านี้หรอกค่ะ”
“แล้วคราวนี้ใครคะ”
“คุณกอล์ฟ เพื่อนคุณเคนค่ะ ลูกค้าเห็นรูปตอนนางเดินแบบแล้วบับแคปรูปมาเลยจ้า”
ชาช่าถูกใจยิ้มร้ายออกมาทันที “เด็กยายมิ้น งั้นจกมาให้ได้นะคะ จะให้ช่าช่วยอะไรบอก ใครที่มันเป็นดาวบริวารให้ยายเอม เล่นมันให้กระจาย”
“ถ้าไม่รู้มาก่อนจะไม่คิดสักนิดเลยค่ะ ว่าเป็นนางเอก”
ชาช่าหัวเราะชอบใจ แต่พอเปิดมือถือดู แล้วก็ร้องกรี๊ดขึ้นมา แจ๊ดเอามือถือชาช่ามาดู พบว่าในมือถือ มีคนเอารูปเอมนั่งรถกับเคนมาแชร์ลงโซเชียล
แจ๊ดอ่านแคปชั่น “ตัวปลอมหลบไป เปิดว๊าบหวานใจตัวจริงหนุ่มเคน ไม่ใช่ใครที่ไหน ดีไซเนอร์เอมิกาคนสวยนี่เอง”
แจ๊ดกับชาช่ามองหน้าอย่างรู้กัน
“แคปชั่นแบบนี้ ไม่น่าใช่ฝีมียายพราว แล้วใครคะ”
ทางฝ่ายเพ็ญอยู่ที่โถงบ้าน กำลังคุยโทรศัพท์กับเนื้ออ่อนอยู่
“เธอเห็นแล้วใช่มั้ย”
“เห็นแล้ว เธอนี่ทันสมัยเหมือนกันนะ”
“ต้องขอบใจนายเจียด” เพ็ญยิ้มกริ่ม นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ตอนั้นเคนอยู่ในรถกับเอมิกา “อะไรของคุณ ก็ได้ๆ”
เคนออกรถไป เอมมองสงสาร โดยไม่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเคน
ระหว่างนี้ณรงค์กับเพ็ญเดินตามมาสังเกตการณ์เคนกับเอม ซึ่งเจียดใช้มือถือถ่ายรูปเคนกับเอมที่นั่งรถออกไปด้วยกันเอาไว้
ณรงค์เห็นก็แปลกใจ “ไอ้เจียดแกถ่ายไว้ทำไม”
“ภาพประทับใจครับ คุณเคนกับคุณเอมนั่งรถไปด้วยกันดีๆ หาชมได้ยากมากครับ นี่ถ้าอัพเฟซ ลงไอจี คุณพราว คุณชาช่าเห็นนี่เกิดมหาสงครามโซเชียลแน่นอน”
เพ็ญหันไปมองเจียด เกิดปิ๊งความคิดบางอย่าง
เพ็ญภูมิใจในผลงานชิ้นนี้ของตัวเองมาก “ฉันอยากให้ยายพราวกับยายชาช่ารู้ว่าหนูเอมคือตัวจริงของตาเคน”
เนื้ออ่อนก็ชอบใจ “ไลค์เลยจ้า”
“แล้วก็ต้องขอบคุณเธอด้วย ที่ทำให้ฉันคิดออกว่าต้องเด็ดปีกเด็ดหางตาเคนให้หมดฤทธิ์ ถ้าซมซานไปหาหนูเอม ก็ฝากเธอดูแลด้วยก็แล้วกันนะ”
“จัดไปแบบเนียนๆ เลยจ้า” เนื้ออ่อนว่า
เพ็ญวางสายจากเนื้ออ่อน บอกกับวิญญาณพี่สาวอย่างอารมณ์ดี
“พี่รินคะ ถ้าถูกใจหนูเอมเหมือนกัน ตามฟอลโล่ เอ๊ย ช่วยให้ตาเคนได้ลงเอยกับหนูเอมด้วยนะคะ”
รถของพราวกับชาช่าแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกบ้านเคนแทบจะพร้อมๆ กัน พราวลงจากรถได้ก็ส่งสายตาพิฆาตเชือดเฉือนมองมาทางรถของชาช่าทันที
แต่คนที่ลงจากรถมาจ้องหน้ากับพราวคือแจ๊ด ผู้จัดการใจสาวจ้องพราวใส่อารมณ์ประหนึ่งว่านางเป็นคู่ปรับของตัวเอง จนชาช่าเอ่ยขึ้น
“พี่แจ๊ดคะ เดี๋ยวช่าจัดเอง”
“อ๋อค่ะ พี่แค่ยืนบล็อกกิ้งไว้ให้ เชิญน้องเลยค่ะ”
ชาช่าเข้ามายืนจ้องหน้าพราวมองกันอย่างเชือดเฉือน จนหันไปเห็นเจียดที่ยืนหันหลังอยู่ โดยเจียดแต่งตัวหล่อจนดูจากข้างหลังนึกว่าเป็นเคน
“คุณเคน” พราวทักน้ำเสียงเอาเรื่อง
“เคนขา” ชาช่าทักเสียงอ้อน
ทั้งคู่วิ่งเข้าไปเกาะแขนเจียดคนละข้าง เริ่มเปิดศึก แจ๊ดคอยเป็นกำลังเสริมให้ชาช่า
“รูปเคนกับยายเอมหมายความว่าไงคะ” พราวถามเอาเรื่อง
“สำหรับช่าไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลาค่ะ ช่าไม่เอาเรื่อง พร้อมให้อภัย อย่ายุ่งกับยายนั่นอีกก็จบ”
พราวใช้สองมือจับหน้าชาช่าแล้วลากออกมาให้ห่างเจียด เอาหน้าชาช่ามาดูใกล้ๆ
“นี่ใครอะ ยายชาช่าเหรอ ไปทำหน้ามาอีกแล้วสิ เจอกี่ทีหน้าไม่เหมือนเดิมเลยนะหล่อน”
พราวเหวี่ยงหน้าชาช่าไปอย่างแรงแล้วจะเดินกลับไปหาเจียดที่ยืนหันหลังวางมาดเคนอยู่ แต่ถูกชาช่าจิกผมพราวไว้
“มันก็หมอเดียวกันแหละ มะ มานี่จะจิ้มให้ดูว่าหล่อนฉีดโบ เติมฟิล ตรงไหนบ้าง นี่ๆ โกยมารวมไว้ที่หลังหูใช่มั้ย”
ชาช่าจิกหัวพราวให้ไปพ้นทางอย่างแรง
“ใครจะไปร่วมหมอเดียวกับหล่อนยะ” พราวผลักเต็มแรงจนชาช่าเสียหลัก แจ๊ดเข้ามารับไว้ทัน
“ระวังด้วยค่ะ จะล้มก็อย่าเอาหน้าลง ดั้งมันยังไม่เข้าที่”
“ช่าไม่สน เคนขา”
ชาช่ากระโจนเข้าไปหาเจียดเพราะคิดว่าเป็นเคน พราวไม่ยอมกระโจนเข้าไปแย่งด้วย
ทั้งพราว ชาช่า และเจียดพากันล้มไปกับพื้น แจ๊ดอ้าปากค้างเห็นแล้วว่าคนที่พราวกับชาช่าแย่งกันคือเจียดไม่ใช่เคนจะห้าม
“หยุดค่ะน้องช่า หยุด”
ชาช่าผลักแจ๊ดออก “พี่แจ๊ดไม่ต้องมายุ่ง”
พราวกับชาช่ายังดึงทึ้งตบกันไม่ลืมหูลืมตา สักครู่ต่อมา ณรงค์ กับเพ็ญได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงออกมาดู มีชูศรีตามมาด้วย
“หมามันกัดแย่งอะไรกันน่ะ” ณรงค์งง
“อ๋อ มันแย่งพี่เจียดค่ะ” ชูศรีบอก
พราวกะชาช่าชะงัก “ห้ะ”
แจ๊ดอย่างเซ็ง “นี่แหละที่จะบอก”
พราวกับชาช่าผงะหนีเจียดแทบไม่ทัน
“ขอโทษครับคุณเพ็ญ ที่ความหล่อของผมทำให้คุณสองคนนี้ต้องขย้ำกัน”
พราวกับชาช่าอยู่ในสภาพหัวกระเซิง พราวรีบเข้าไปสวัสดีเอาหน้ากับเพ็ญ
“สวัสดีค่ะคุณน้าเพ็ญ”
ชาช่าไม่ยอมให้พราวถึงตัวเพ็ญง่าย วิ่งเข้าไปเบียด
“สวัสดีค่ะคุณน้าเพ็ญ”
เพ็ญเอือมระอา “มาทำอะไรกัน”
พราวกะชาช่าประสานเสียง “มาหาเคนค่ะ”
“ตาเคนไปกับหนูเอมยังไม่กลับ” เพ็ญว่า
ชูศรีผสมโรงทันทีว่า “แหม เห่อกันเบอร์นี้ จะกลับบ้านรึเปล่าเถอะค่ะวันนี้”
“ได้ยินแล้วก็กลับไปได้แล้วทั้งคู่ ถ้าไม่เกรงใจฉัน ก็อายสารรูปตัวเองบ้าง”
เพ็ญมองพราวกับชาช่าเหยียดๆ แล้วเดินหนีเข้าบ้านไป
พราวกับชาช่าคุมแค้นแทบคลั่ง อยากรู้ว่าเคนอยู่ที่ไหน
สามสาวยังอยู่ที่คอนโดนาตาลี เอมนั่งทำงานกับไอแพดอยู่ มิ้นนั่งเครียดปนเซ็ง จนนาตาลีเอามือถือส่งให้มิ้น
“โทร.หาคุณกอล์ฟซะ”
“โทร.ทำไม”
“ก็ชวนเขาไปทำงาน ก่อนที่พี่แจ๊ดสายจกจะแย่งตัวคุณกอล์ฟไปเธอก็รู้ งานพี่ซัมเมอร์ ใครๆ ก็อยากได้” นาตาลีกระทุ้งเอมส่งซิกให้ช่วยพูดบิ้วท์
“โดนพี่แจ๊ดแย่งตัวคุณกอล์ฟไป ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พี่ซัมเมอร์จะพาลยกเลิกงานอีเว้นท์ที่จ้างเธอทำด้วยรึเปล่า ก็ไม่รู้สินะ” เอมพูดลอยๆ
“บอกว่าไม่โทร.ก็ไม่โทร.ไงเล่า” มิ้นเริ่มคิดหนัก แต่ยังวางฟอร์มลุกเดินหนีไป
“ฝีมือเธอใช่มั้ย” เอมจ้องหน้านาตาลีเชิงเอาคำตอบ
“แหม เธอก็รู้ว่า ยายมิ้นไม่เคยยอมแพ้ใคร ฉันก็แค่ให้พี่ซัมเมอร์โทร. ไปแหย่ๆ พี่แจ๊ด แค่เนี้ย”
“แล้วถ้ามิ้นเสียงานให้พี่แจ๊ดไปจริงๆ ล่ะ”
“ไม่มีทาง คอยดูนะ ยายมิ้นไม่ยอมเสียทั้งงาน ทั้งคุณกอล์ฟแน่”
“ทำไมเธอถึงมั่นใจ”
“เธอเคยเห็นใครมีผลต่อใจมิ้นแบบนี้บ้างมั้ย ฉันเข้าใจนะว่ามิ้นตั้งใจจะอยู่เป็นโสด เพราะตอนนั้นคิดว่ามันดีที่สุด แต่ตอนนี้เจอคนดีๆ อย่างคุณกอล์ฟ ความตั้งใจก็เปลี่ยนกันได้ปะ”
“ก็จริงนะ คนเราควรอยู่กับสิ่งที่มี อยู่กับความเป็นจริงตรงหน้าให้เป็น”
นาตาลีเหล่เอม “รวมทั้งผู้ชายเจ้าชู้อย่างคุณเคนด้วยรึเปล่า”
“ตาคนนั้นน่ะเว้นไว้ย่ะ”
นาตาลีพยักหน้าล้อเลียนเอม แล้วออกไป
ระหว่างนี้มือถือเอมดัง มีไลน์เข้ามา เห็นข้อความจากเคนส่งมาทักว่า
“คุณ...”
เคนนั่งอยู่ในรถ รอจนเอมอ่านและตอบไลน์มาถามว่า “คุณมีอะไร”
เคนยิ้มย่อง พิมพ์ตอบกลับไปว่า “คุณ จะกลับกี่โมง ผมจะไปส่งที่บ้าน คุณไม่มีรถหนิ”
เอมอ่านข้อความของเคน แล้วปลื้มนิดๆ ที่เคนเป็นห่วงตน
“หว่านเสน่ห์อีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” ปากว่าแต่หน้ายิ้มไม่หุบพิมพ์ตอบกลับว่า
“ไม่กลับ จะค้างที่นี่ ไม่คุยแล้วนะ จะนอน”
พิมพ์ตอบกลับไปงั้นๆ เอมก็ไม่ได้เตรียมตัวจะนอน แต่รอว่าเคนจะพิมพ์อะไรกลับมา
เคนอ่านข้อความ แล้วยิ้มอย่างรู้ทัน
“ผมรู้ว่าคุณยังไม่นอน พิมพ์กลับไปว่า
“คุณ..ผมคิดงานไม่ออก”
เอมอ่านแต่ไม่ตอบกลับ เคนยิ้มรู้ทัน
“คุณ...ไหนบอกเรื่องงานคุยกับคุณได้ 24 ชั่วโมงไง”
เอมพิมพ์ข้อความตอบกลับมาว่า “ว่ามา...”
เคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในรถคนเดียว ที่แท้เขาจอดรถอยู่ลานจอดหน้าคอนโดของนาตาลีนั่นเอง
สองคนพิมพ์ข้อความตอบกันคุยกันอย่างมีความสุข
ฝั่งชาช่าพยายามโทร.หาเคนตลอดๆ แต่พบว่าเคนไม่เปิดเครื่อง
“ไม่เปิดเครื่องอีกแล้ว”
แจ๊ดถือหลอดยานวดกล้ามเนื้อมาให้ชาช่า หลังจากที่เปิดศึกกับพราว
“มาค่ะทาถู ทาถู แก้เคล็ดขัดยอก”
ชาช่าทิ้งตัวลงนั่งให้แจ๊ดทายาให้ พอเห็นชาช่าเศร้า แจ๊ดก็นึกสงสาร
“บางทีพี่ก็คิดว่า การที่น้องรอผู้ชายเจ้าชู้ สนุกกับชีวิตโสดไม่มีวี่แววว่าจะคิดลงเอย มีครอบครัวอย่างคุณเคนมันเหมือนอะไรรู้มั้ยคะ”
“เหมือนอะไรคะ”
ชาช่าน้ำเสียงเศร้าๆ ลึกๆ ก็เริ่มเหนื่อยกับการไล่ตามเคนเหมือนกัน
“เหมือนเราก้าวขึ้นบันไดค่ะ”
ฟากพราวก็โทร.หาเคน แต่ติดต่อไม่ได้ คว้าแก้วไวน์มาดื่มอย่างหงุดหงิด
ฝ่ายแจ๊ดก็เจื้อยแจ้วว่า “แต่ว่า...มันไม่มีขั้นต่อไป ทุกครั้งที่ก้าว...”
จากที่หงุดหงิดๆ อยู่ พราวก็นั่งลงเศร้า
ชาช่าเองก็ฟังแจ๊ดท่าทีเศร้าสร้อย เหมือนกัน
“เราก็จะต้องร่วงลงมา ที่จุดเดิมให้เจ็บซ้ำๆ อยู่แบบนี้ไงคะ”
ชาช่า กับ พราว ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยกับการไล่ล่าเคนพอๆ กัน
“แต่ตัวต้นเหตุ เขาไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเขาทำให้ใครเสียน้ำตาเพราะเขาบ้าง” แจ๊ดว่า
ในเวลาเดียวกันนี้เคนขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่ได้คุยกับเอมจนอิ่มแล้ว
“หรือถึงเขารู้ เขาก็ไม่สนใจ...”
ชาช่าฟังแจ๊ดสรุปหน้าเศร้า
“แต่ถ้าได้นักเรียนนอกลูกเจ้าสัวอย่างเคนมาเป็นสามี ช่าก็จะพ้นจากคำว่า นางเอกบ้านนอก เคนเป็นความหวังของช่าค่ะ”
แจ๊ดมองสงสารนางเอกซุปตาร์ที่เอาแต่ฝันลมๆ แล้งๆ
“พักผ่อนเนอะ อ้อ กองละครเขางด 3 วันนะ บทมาไม่ทัน พี่จะไม่รับงาน ช่าจะได้พักบ้าง”
“ขอบคุณค่ะพี่แจ๊ด”
พราวยังคงพยายามกดโทร.หาเคน จากที่เศร้าๆ พราวคิดอะไรขึ้นมาได้บ้างอย่าง เปลี่ยนเป็นกดโทรหาทิพย์
“คิวงานอีเว้นท์ที่ห้างเรา มีงานไหนที่บริษัทเคนเป็นออร์กาไนซ์บ้าง”
สายตาพราววาววับมั่นใจว่ายังไง เคนก็หนีเธอไม่พ้น
วันต่อมา ตรงลานกิจกรรมบริเวณจัดงานอีเว้นท์ของห้าง ทีมงานเตรียมงาน ขนของเดินผ่านไปมาอย่างแข็งขัน เคนนั่งคุยไลน์หาเอม
เอมเห็นข้อความทักจากเคนเข้ามา
“คุณ....”
เคนพิมพ์ไลน์หาเอมอีกว่า
“ถ้าเป็นงานเปิดตัวเครื่องสำอางล่ะ จัดกิจกรรมอะไรดี”
เอมพิมพ์ตอบกลับมาว่า “ให้สาวๆ ขึ้นไปแต่งหน้าให้กันบนเวทีสิ”
เคนอ่านแล้วรู้สึกชอบความคิดของเอม
จนเอมพิมพ์มาอีกว่า “เงียบ ไม่ชอบเหรอ”
เคนยิ้ม พิมพ์ตอบว่า “ชอบสิ...”
เห็นเอมอ่าน เคนจึงพิมพ์ไปอีกว่า
“คุณนะ”
เอมอ่านแล้วเหวอ ยิ้มเขิน
ส่วนเคนนั่งยิ้มกริ่ม จนแดนกับป้องเข้ามา
“คุยกับใครพี่เคน ตาเงี้ยเยิ้มเชียะ”
“มึงนี่ก็ถามไม่คิด ชั่วโมงนี้ ใครจะทำให้มันยิ้มได้” แดนมองหน้าเคนอย่างจับผิด “แต่จะว่าไปหน้าตามึง เหมือนหลงรักคุณเอมจริงๆ เลยว่ะ”
เคนโวยกลับกลัวเสียฟอร์ม “บ้าน่ามึง มันอยู่ในแผน”
“แผน แล้วมันต้องยิ้ม ต้องตาเยิ้มแบบนี้เลยเหรอพี่ ช่ายป่าว” ป้องไม่เชื่อ
“เออ แล้วเรื่องที่พ่อมึงทวงเงินคืน มึงจะเอาไงวะ”
“กูก็จะคืน เราจะสู้ด้วยทุนที่เรามีนี่แหละ ถ้าปิดบริษัทแล้วพวกมึงจะทำยังไง ฝืนใจไปทำงานกับพ่อกูเหรอ กูอยากให้พวกมึงได้ทำงานที่มึงมีความสุข งานที่มึงเลือกเอง”
แดนซึ้งกอดเคน “เคน กูซึ้งว่ะ”
“พี่เคนอย่างหล่ออ่ะ ถ้าพี่กอล์ฟอยู่ก็คงจะซึ้งเหมือนกันนะเนี่ย”
เคน แดน กะป้อง มองหน้ากันแต่ละคนรู้สึกหวิวๆ เมื่อไม่มีกอล์ฟมาร่วมวงด้วย
“เราแค่ตัดมันออกจากสมาชิกพ่อปลาไหล ถ้าพวกมึงคิดถึงมัน ก็ฝ่าไฟแดง ทะเลาะวิวาท ทำอนาจารหว่า”
“กูว่ากูไปแบบธรรมดาดีกว่า” แดนว่า
ฟากกอล์ฟนั่งทำงานอยู่ที่สน.อย่างระแวงระวัง มีแจ๊ดนั่งท้าวคางส่งสายตาเว้าวอนอยู่เป็นนานสองนานที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“พี่แจ๊ดครับ” กอล์ฟหนักใจเหนื่อยใจ
“ทำไมคะ จะสั่งขังพี่ข้อหารบกวนจิตใจเจ้าพนักงานเหรอคะ”
“คิดเองเออเองแบบนี้ พอถึงเวลาก็ถ่ายคลิปไปแชร์ ตำรวจก็แย่กันพอดีสิครับพี่แจ๊ด”
“ไม่อยากให้พี่กวนใจ ก็ตกลงทำงานกับพี่สิคะ”
“คุณกอล์ฟคงรับงานของพี่แจ๊ดไม่ได้หรอกค่ะ”
สักครู่หนึ่งมิ้นเดินเข้ามาไหว้ทักแจ๊ด กอล์ฟยิ้มกว้างดีใจ มิ้นเดินเข้าไปหายื่นสัญญาให้กอล์ฟ ท่าทีปั้นปึ่งอยู่อย่างเก่า
“นี่สัญญางานไวรอลแอดเจลล้างหน้า เซ็นซะ จะได้เริ่มงานกัน”
“งานคุณซัมเมอร์รึเปล่าค่ะ นี่ค่ะ พี่ก็กำลังคุยอยู่”
“แต่คุณกอล์ฟ อยู่สังกัดมิ้นนะคะ”
มิ้นกับแจ๊ด มองกันด้วยสีหน้าไม่มีใครยอมใคร
“แต่น้องมิ้นประกาศไล่คุณกอล์ฟออกจากสังกัด ใครๆ ก็ได้ยินปะคะ”
กอล์ฟพูดขึ้นว่า “ผมจะทำงานให้คุณมิ้นครับ”
แจ๊ดอึ้งไป มิ้นมองหน้าแจ๊ดยิ้มเป็นต่อ
“เคลียร์เนอะพี่แจ๊ด ไว้งานหน้าอยากได้เด็กของมิ้นคนไหนไปร่วมงานค่อยคุย...ขอกันก่อนเนอะ”
มิ้นเน้นคำตอนท้ายแจ๊ดแสร้งยิ้มให้ “ได้สิคะ”
“วันนี้มีงานเปิดตัวเครื่องสำอาง บริษัทคุณเคนเป็นออร์กาไนซ์ พี่แจ๊ดไม่ตามไปดูเด็กในสังกัดเหรอคะ เดี๋ยวก็ มีเซอร์ไพรส์หรอก”
“เออจริง”
แจ๊ดคุมแค้น รีบลุกออกไปเพราะห่วงชาช่า
กอล์ฟยิ้มให้มิ้น ดีใจคิดว่าอีกฝ่ายหายโกรธตนแล้ว
“ฉันมาคุยกับคุณก็เพราะเรื่องงานเท่านั้น”
กอล์ฟหน้าเสีย เซ็นสัญญางานให้
มิ้นแปลกใจ “ไม่อ่านหน่อยเหรอ”
“ไม่อ่านหรอกครับ ผมไว้ใจคุณมิ้น” หมวดหล่อมองหน้ามิ้นเชิงตัดพ้อ “ถึงคุณมิ้นจะไม่เคยไว้ใจผม เสร็จธุระแล้วก็เชิญกลับนะครับ ผมจะทำงาน”
กอล์ฟหันไปก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจ มิ้นดึงสัญญาไปอย่างขัดใจ แล้วลุกเดินออกไป กอล์ฟมองตามสีหน้าเศร้า
เช้าวันต่อมาเอมนั่งกินอาหารเช้าอยู่กับเนื้ออ่อนและรอน
จนมีไลน์เข้าเป็นข้อความทักทายจากเคนมาว่า
“คุณ...” เอมพยายามทำหน้าปกติไม่ให้เนื้ออ่อนกับรอนรู้ว่าคุยกับเคน
เนื้ออ่อนกับรอนลอบมองลูกสาวอย่างรู้ทันว่าคุยไลน์กับเคนอยู่
เคนพิมพ์ข้อความเข้ามาอีก “คุณ...ช่วยคิดงานแล้ว ก็ไปช่วยผมดูงานหน่อยได้มั้ย เดี๋ยวผมไปรับที่บ้าน”
เอมพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ฉันไม่อยู่บ้าน”
เคนพิมพ์มาว่า “ผมเห็นรถคุณจอดอยู่” เอมอ่านแล้วก็ยิ้มมองไปหน้าบ้าน รู้ว่าเคนอยู่หน้าบ้าน
“สวัสดีครับ”
เอมหันไปยิ้มคิดว่าเคน แต่ต้องเซ็งเมื่อพบว่าคนที่เข้ามาคือเจตน์
“มาทำไมคะคุณเจตน์”
“มาชวนคุณเอมไปทานข้าวครับ”
เอมมองอาหารบนโต๊ะเชิงบอกว่า ฉันก็กินอยู่
“หมายถึงอาหารกลางวันน่ะครับ ไปเดินช็อปปิ้งของแพงๆ ให้หิวก่อนแล้วค่อยไปทาน” เจตน์มองเนื้ออ่อน “จะได้เดินดูของมาฝากคุณน้าเนื้ออ่อนด้วย”
“ช่วงนี้ น้าไม่ค่อยอยากได้อะไรเลยจ้า มีความรู้สึกพอเพียงยังไงก็ไม่รู้”
“เอ่อคุณน้ารอนครับ แหมเสียดาย ผมลืมหยิบพระเครื่องที่เพิ่งได้มา มาฝากคุณน้า แต่ว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวให้ลูกน้องเอาไปให้ที่ร้านที่เราทานข้าวก็ได้ครับคุณเอม”
“ไม่ต้องหรอกครับ คราวที่แล้วที่เอามาให้ก็ปลอมยั๊นจีวรเลยครับ” รอนกัด
เจตน์หน้าเสีย “เหรอครับ สงสัยผมจะถูกหลอก แต่ไม่เป็นไรครับ ไม่กี่แสน ถือว่าฟาดเคราะห์” เขาหันมาทางเอม “คุณเอมครับ”
“คุณเอมคงจะไปกับคุณไม่ได้หรอกครับ คุณเอมจะไปช่วยผมดูงานอีเว้นท์ สวัสดีครับคุณน้าเนื้ออ่อน คุณน้ารอน”
เคนเดินเข้ามาพอดี เอมยิ้มดีใจที่เคนมาได้จังหวะ ช่วยให้รอดพ้นจากเจตน์หวุดหวิด
“ไปกันเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว”
เอมรีบคว้าจะเป๋าจะออกไปกับเคน
“ฟังดูน่าสนุกจัง ผมขอไปด้วยสิครับ เผื่อครั้งหน้าผมจะเปิดตัวสินค้า จะได้เจียดงบมาสักสี่ห้าล้าน ให้คุณเคนทำอีเว้นท์ให้”
เอมรีบบอกปฏิเสธ “อย่าเลยค่ะ”
แต่เคนกลับบอกว่า “ไปสิครับ”
เอมหันไปมอง เห็นเคนยิ้มให้เจตน์ ดูออกว่าเคนต้องหาทางเล่นงานเจตน์แน่ๆ
งานเริ่มแล้ว พิธีกรของงานเชิญชวนคนมาร่วมงาน
“ในส่วนของการแต่งหน้า เดี๋ยวนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในหมู่สาวๆ เท่านั้นนะคะ”
เคนแกล้งให้เจตน์นั่งเป็นแบบให้ช่างแต่งหน้าแต่งหน้าให้ อารมณ์ผู้ชายหน้าหวานๆ
“คิดอยู่แล้วว่าคุณต้องแกล้งคุณเจตน์”
“ก็คุณเป็นคนเสนอกิจกรรมแต่งหน้าบนเวทีเองนะ”
“ฉันหมายถึงให้สาวๆ ขึ้นไปแต่ง”
“แต่ผมรู้ว่าคุณก็ชอบที่เห็นไอ้เจ๊กตื่นไฟนี่ถูกแกล้ง”
“บ้า ฉันสงสารเขาจะตาย”
เอมมองเจตน์ขำๆ เจตน์นั่งอยู่บนเวทีหน้าเสีย
ป้องเข้ามาหาเคน “พี่เคน ได้เวลากิจกรรมบนเวทีแล้วพี่”
“คุณ ผมไปทำงานก่อนนะ”
“ตามสบายเลยคุณ”
ป้องมองเอมกับเคนคุยกัน ทั้งคู่เรียกกันว่า “คุณ” แต่มันช่างฟังดูสนิทสนมมาก ป้องยิ้มๆ
เคนกับป้องเดินไปสมทบกับแดนที่ข้างเวที
เอมมองตาม เห็นเคนเวลาทำงาน จริงจัง ดูมีเสน่ห์ ก็อดยิ้มไม่ได้
“หลังจากที่ได้แนะนำผลิตภัณฑ์ของเราจนครบแล้ว เห็นมั้ยคะว่า ผลิตภัณฑ์ของเราใช้ง่าย แต่งหน้าเองได้ง่าย คุณผู้ชายท่านนี้ยังทำได้เลย”
คนดูปรบมือให้ เจตน์ยิ้มรับแหยๆ
“และก็ถึงเวลาที่คุณสาวๆ รอคอย ขอ 2 ท่านค่ะ ที่จะมาร่วมทดสอบว่าผลิตภัณฑ์ของเราแต่งง่ายแค่ไหน”
ระหว่างที่พิธีกร กำลังประกาศบนเวที ชาช่าก็เดินเข้ามาที่งาน คนเริ่มฮือฮา
“ถ้ามองไม่ผิด คุณชาช่านางเอกคนสวย ก็ให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ของเราด้วย”
เอม กะเคน มองชาช่าแล้วมองหน้ากัน ระแวงว่าชาช่าจะมาก่อเรื่องป่วนงาน
“งั้นขอเชิญคุณชาช่าบนเวทีเลยค่ะ”
แดนปวดกบาล “ชิบแล้วมึงไอ้เคน”
ชาช่ายิ้มรับแล้วเดินขึ้นไปบนเวที
“ขอบคุณคุณชาช่ามากค่ะที่มาร่วมกิจกรรมของเรา ขออีก 1 ท่านค่ะ ที่จะมาร่วมแต่งหน้ากับคุณชาช่า”
พิธีกรมองมายังเอม ซึ่งเอมคิดว่าตัวเองต้องโดนเรียกแน่
“ฉันเองค่ะ” พราวเดินเข้ามาในงาน “ฉันขอแต่งหน้าให้คุณชาช่าค่ะ”
ป้องปวดกบาล “อันนี้สิ ชิบ..ของจริง”
เคนเอามือกุมหัวเครียดจัด แดน กะ ป้อง มองหน้ากัน คิดว่าพราวกับชาช่าต้องซัดกันแน่
เอมมองเคนอย่างเป็นห่วง
พราวกับชาช่า เตรียมตัวพร้อมจะแต่งหน้าให้กัน ทั้งคู่ใส่เฮดเซ็ตเพื่ออธิบายการแต่งหน้าได้ พราวกับชาช่ายังอยู่ในอาการสงบ
เจตน์หมดภารกิจบนเวทีก็มายืนเกาะแกะเอมทันที เอมเซ็งๆ
“แปลก ปกติเข้าใกล้กันไม่เกิน 1 เมตรก็กระโดดกัดกันแล้ว แต่วันนี้เงียบกริ๊บ สงบเชียว” ป้องตั้งข้อสังเกต
“มึงเคยเห็นทะเลสงบก่อนมีพายุมั้ยไอ้ป้อง”
“ตอนนี้คุณพราว กับ คุณชาช่าก็พร้อมแล้วนะคะ ที่จะเนรมิตความสวยให้กันและกัน”
“เดี๋ยวค่ะ ขอให้คุณเคนขึ้นมาเป็นกรรมการตัดสินได้มั้ยคะ” พราวเสนอ
ชาช่าก็เอาด้วย “ใช่ค่ะ จะได้รู้ว่าใครแต่งหน้าได้สวยกว่ากัน”
ลูกค้าหันไปมองเคนเชิงถาม เคนยิ้มให้ แล้วเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อคุมสถานการณ์
เคนรับไมค์มาจะทำหน้าที่พิธีกรเอง พิธีกรจึงลงจากเวทีไป
“งั้นเราเริ่มกันเลยนะครับ คุณพราวจะแต่งหน้าให้คุณชาช่า และคุณชาช่าก็จะแต่งหน้าให้คุณพราวเช่นกันครับ”
“งั้นพราว เริ่มก่อนนะคะ”
พราวมองชาช่าด้วยสายตาคมกริบ
“สำหรับคนที่ใบหน้ามีความบกพร่องทุกด้านอย่างคุณชาช่า เราต้องเริ่มที่รองพื้นค่ะ”
“ลงรองพื้นนะครับ”
“แค่ลง ไม่พอหรอกค่ะ ต้องโบก”
พร้อมกับว่าพราวก็ควักรองพื้นโบกไปที่หน้าชาช่าเต็มๆ เคนคิดว่าชาช่าต้องกรี๊ด แต่ชาช่าไม่กรี๊ด
“คิ้วเป็นมงกุฎของหน้านะคะ แต่คิ้วของคุณพราวไม่เป๊ะเลย ช่าจัดให้ค่ะ”
ชาช่าคว้าที่โกนขนแบบอัตโนมัติไถไปที่คิ้วพราวเต็มๆ
คนทั้งงานตกใจ ลูกค้าอึ้ง เห็นพราวคิ้วหายไปข้างนึง
“นี่ไงมึง พายุหลังทะเลสงบที่มึงรอคอยไอ้ป้อง” แดนเซ็งโคตร
“ไม่เป็นไรพี่เคนเอาอยู่ ผมเชื่อ” ป้องว่า
“คุณชาช่ากำลังจะสาธิตการใช้ดินสอเขียนคิ้วของเราครับ เขียนสวย เขียนง่าย” เคนพยายามคลี่คลายสถานการณ์
พราวไม่ยอมแพ้ หาทางเล่นงานชาช่าคืน
“ดั้งคุณช่า เพิ่งทำมาใช่มั้ยคะ ยังไม่เข้าที่เลย มาค่ะ พราวจะไล้ดั้งให้”
พราวเอาคอนซิลเลอร์แบบแท่ง ขีดดั้งชาช่า
“งานดั้งก็มา ดั้งต้องเป๊ะครับ จุดรับแสงของหน้านี่ต้องเน้นครับ”
“ลิปสีนี้กำลังมาเลย คุณพราวลองดูนะคะ”
ชาช่าเอาลิปสีแดงสดปาดไปที่ปากพราวจนเลอะ แล้วทั้งคู่ก็กระโจนเอาเครื่องสำอางละเลงกัน เคนห้ามก็ไม่มีใครฟัง
“พอได้แล้ว คุณสองคนกำลังจะทำงานของผมเละหมดแล้ว”
“มันก็สมกับที่เคนทำให้พราววุ่นวายใจแล้วนี่คะ”
“ใช่คุณรู้มั้ย ช่านอนร้องไห้ทั้งคืน ก็เพราะคุณ”
จากนั้นพราวกับชาช่าก็ละเลงกันต่อ ลูกค้ากุมขมับ เตะเวทีด้วยความโกรธจัด
แจ๊ดวิ่งเข้ามาเห็นชาช่ากำลังนัวอยู่กับพราว มองไปรอบๆ เห็นคนดูถ่ายทั้งคลิป ทั้งไลฟ์สด แชร์ไปทั่วโซเชียล ก็เหวอ
“อกอีแจ๊ดจะแตก”
แล้วมือถือของแจ๊ดก็ดัง เบอร์ที่เมมว่า “นาย” โทร.มา
“นาย” แจ๊ดตะโกนลั่น “น้องช่า หยุดเลย หยุดเดี๋ยวนี้ นายโทร.มา ช่องจะเล่นเราแล้ว”
แจ๊ดตะโกนไปวิ่งขึ้นเวทีไปช่วยเคนห้ามชาช่ากับพราว
แดน ป้อง วิ่งขึ้นไปช่วยเคน
เอมมองไปบนเวทีอย่างเป็นห่วงเคน เห็นความวุ่นวายเหล่านั้นถูกแชร์ออกไป พอหันมามองเจตน์ เกิดความคิดบางอย่าง หันไปเรียกเคน
“คุณ รีบลงมานี่เร็ว เรียกคุณป้องมาถ่ายวิดีโอด้วย คุณเจตน์มานี่เร็ว”
ทั้งเคนและเจตน์งงว่าเอมจะทำอะไร
ภาพคลิปในมือถือ เห็นด้านหลังเป็นความวุ่นวายบนเวที มีเจตน์ยืนอยู่ข้างหน้า มาดเท่ดูดีและกำลังพูดโปรโมทสินค้า
“เครื่องสำอางมิซซายด์ สวยมหาประลัย ใครแต่งก็สวย”
เคนเป็นคนเปิดคลิปนั้นให้ลูกค้าดูอยู่
“ผมจะตัดต่อคลิปนี้ ใส่ลูกเล่นต่างๆ ให้อีกครั้ง ใช้เป็นไวรอลแอด โปรโมทสินค้าให้ครับ ฟรี ไม่คิดเงิน”
ลูกค้าฟังแล้วก็ยังหน้าเครียด เคน เอม แดน ป้อง ลุ้นว่าลูกค้าจะว่ายังไง
“ก็แปลกดีนะ”
ทุกคนยิ้มดีใจ
“แต่มันคนละส่วนกับการจัดงานวันนี้ งานวันนี้มันเละ มันทำลายล้าง มันแปลกเกินไป” ลูกค้าว่า
“ผมยินดีชดใช้ค่าปรับ ที่ทำให้คุณเกิดความเสียหายครับ”
ลูกค้าได้ยินเคนยอมรับแบบแมนๆ แล้วเริ่มเห็นใจ
“ผมจะให้ฝ่ายบัญชีโทร.มาคุยค่าความเสียหายกับคุณ หลังจากที่หักลบกับไวรอลแอดที่คุณจะทำให้ผมก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากครับ”
ลูกค้าออกไป สีหน้ายังเครียดๆ อยู่
เจตน์หันมาโวยใส่เคน “แบบนี้คนก็เห็นผมแต่งหน้าไปทั่วเลยสิครับ ผมไม่ยอม”
“เอมว่า ในคลิปคุณเจตน์ก็น่ารักดีนะคะ ไม่ค่อยได้เห็นคุณเจตน์ในลุคนี้เลย” เอมรีบพูดเอาใจ
เจตน์ยิ้มร่า “โอเคครับ จะทำอะไรก็ทำ”
“ไม่คิดเงินนะคะ”
“ครับ ไม่คิดเงิน ผมรวย ผมไม่เรียกร้องอะไรเลย”
แดนกดปิดปุ่มอัดเสียงในมือถือ “อัดไว้ทันพอดี ต้องรอบครอบหน่อยครับ คนเดี๋ยวนี้เปลี่ยนใจง่าย”
พราว กับ ชาช่า เดินมาหาเคน แจ๊ดตามมาคุมชาช่า
“คุณเคน”
เคนหันไปหาทั้งคู่ มองตาขุ่น โกรธจัด
“พวกคุณทำงานผมพังหมดแล้วเห็นมั้ย”
พราวไม่สำนึก “คุณจะโทษพราวไม่ได้นะคะ คุณทำให้พราวโกรธ พราวก็มีสิทธิ์จะเอาคืนคุณ”
“ช่าไม่ได้เป็นคนเริ่ม ยายนี่ต่างหาก”
“พอเถอะค่ะ แค่นี้ช่องก็ด่าพี่หูดับแล้ว
“ไม่จบใช่มั้ย” พราวโมโหอีก
เคนตวาดอย่างเหลืออด “พอได้แล้ว”
“เคน! นี่คุณกล้าตวาดพราว ต่อหน้าคนอื่นเหรอ”
เคนมองพราวกับชาช่าอย่างเอือมระอาแล้วเดินหนีไปอย่างสุดทน
“พวกคุณรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป พ่อพี่เคนทวงเงินที่พี่เคนยืมมาเปิดบริษัทคืนทั้งหมด ตอนนี้เรามีแค่เงินทุนอยู่ไม่มาก แต่ก็ต้องมาเสียค่าปรับที่ทำให้งานเสียหายวันนี้” ป้องบอก
“ไอ้ป้อง” แดนร้องห้าม
“ไม่ต้องห้าม ผมจะพูด ทำนิสัยกันแบบนี้ ใครจะเอาวะ”
ป้องเดินออกไปเลย แดนตามไปด้วย พราวกับชาช่ามองหน้ากัน ต่างฝ่ายยังต่างโทษกัน
เอมเป็นห่วงเคน เดินตามไป
เอมเดินตามเคนมา
“คุณ”
“ขอบคุณมากนะคุณเอมที่ช่วยผม”
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ”
“ก็ต้องดูว่าหลังจ่ายค่าปรับ ผมยังมีทุนทำงานต่อมั้ย”
เคนเครียด เอมเห็นใจ เอมจับมือเคนปลอบใจ
“มีอะไรให้ช่วย บอกนะคุณ”
เคนจับมือเอมกุมไว้ “ขอบคุณมาก คุณ กลับบ้านเถอะ ผมจะไปส่ง”
เคนถือโอกาสจับมือเอมเดินไปไม่ปล่อย เอมจะดึงมือคืน เคนดึงกลับเบาๆ
“ผมกำลังต้องการกำลังใจอยู่นะ”
เอมใจอ่อนยอมให้เคนจับมือต่อไป
เคนจับมือเอมเดินไปตามทางเดิน เสียงหัวใจเคนเต้นแรงเขาบอกตัวเองในใจว่า
“ไม่นะไอ้เคน แกจะมาหลงรักเหยื่อตัวเองไม่ได้นะเว้ย”
เคนกับเอมเดินจับมือกันไปจนสุดทาง
เช้าวันนี้ เอมเล่าเรื่องของเคนให้มิ้นกับนาตาลีฟัง ทั้งสามสาวอยู่ที่ศาลาในสวนสวยบ้านเอม
“แล้วแบบนี้บริษัทคุณเคนจะเป็นยังไง” นาตาลีถาม
“ถ้าไม่ไหวคุณเคนก็คงต้องปิดบริษัท” เอมบอก
“ปิดบริษัท แต่ก็มีงานที่บริษัทพ่อเขาให้เลือกทำตั้งมากมายฉันว่าชักจะดึงดราม่า เรียกร้องความเห็นใจจากเธอมากไปแล้ว” มิ้นว่า
“ความจริง ที่คุณเคนทำมาทั้งหมด มันก็ลงทุนดีนะ ทั้งปลอมตัว ทั้งวางแผน ทั้งตามตื้อ ทั้งหมด ก็เพราะต้องการชนะใจเอม” นาตาลีว่า
“แต่เธอห้ามใจอ่อนนะเอม นายนั่นเจ้าชู้จะตาย” มิ้นมองหน้าเอม
“ก็ถ้าเลิกคิดเปลี่ยนผู้ชายเจ้าชู้ เป็นเรียนรู้ที่จะอยู่กับเขาให้ได้ล่ะ” นาตาลีว่า
“เธอกำลังชวนเพื่อนลงนรกนะนาตาลี”
“เปล่าซะหน่อย ฉันแค่ลองคิดอีกมุมนึง ว่าถ้าเรารักผู้ชายเจ้าชู้เข้าให้แล้ว เราควรจะทำยังไง”
เอมนิ่งคิดตามที่นาตาลีพูด มิ้นจ้องเอมเขม็ง
“เธอกำลังคิดตามที่นาตาลีพูดเหรอ เธอมีใจเหรอเอม เธอกำลังเปิดประตูนรกชัดๆ”
“เฮ้ยๆ พอเลย คิดตามอะไรเล่า ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
มิ้นมองเอมอย่างจับผิดและคาดคั้น
“แต่ฉันรู้มาจากพี่ซัมเมอร์ว่า มีคนตอบรับเซ็นต์สัญญาทำงานเรียบร้อยแล้ว”
เอมกับนาตาลีหันขวับไปมองมิ้น
“ไหนบอกว่าจะไม่โทร.หาคุณกอล์ฟไง”
มิ้นอึกอัก “ก็ ไม่ได้โทร. ไปหาเลย”
นาตาลีล้อมิ้น “หวาย”
“ฉันแค่ไม่อยากเสียงานให้สายจกอย่างพี่แจ๊ดต่างหาก อีกอย่างที่เอมพูดก็จริง ถ้าดิวงานพลาดมันเสียประวัติ”
เอม กะนาตาลีประสานเสียง “อ๋อ มันเป็นเรื่องของงาน”
“พอเลยๆ ไม่ต้องมาล้อฉัน ระหว่างฉันกับนายกอล์ฟมีแต่เรื่องงานย่ะ”
มิ้นคว้ากระเป๋าจะออกไป
“จะไปไหน”
“เขานัดถ่ายบ่ายนี้”
เอม กะนาตาลีประสานเสียงล้ออีก “อ๋อ มันเป็นเรื่องของงาน”
มิ้นทำหน้าไม่ถูก รีบออกไป เอมกับนาตาลีมองตามขำๆ
มือถือเอมดัง เป็นไลน์ของเคนเข้ามา “คุณ... ผมคงต้องปิดบริษัทจริงๆ” และต่อด้วย สติกเกอร์หน้าเศร้าๆ
ที่บ้านเคน คนที่เศร้าสุดเวลานี้ก็คือ ป้อง กับ แดน ที่ร้องไห้กระซิกๆ เอกสารต่างๆ มากมายวางอยู่ตรงหน้า เจียดยกเครื่องดื่มเข้ามาให้
“เสียงหมาที่ไหนร้องครับคุณเคน”
“ก็ไอ้หมาสองตัวนี้ไง”
“ก็ไอ้เคนมันจะปิดบริษัท”
“มันขาดทุนอ่ะมึง ก็ปิดดิวะ”
เคนพูดโดยที่หน้าตาไม่ได้เดือดร้อนหรือเครียดอะไรเลย
“วันก่อนพี่ยังพูดอยู่เลยว่าจะเปิดบริษัทต่อไปเพื่อพวกผม แบบนี้ผมก็คงต้องกลับขอนแก่น กลับไปใช้ชีวิตตามยถากรรมเหมือนเดิม”
“โถ คงจะลำบากมากสินะครับ ถึงร้องไห้ขนาดนี้” เจียดแซว
“ลำบากมาก บ้านมันมีปั๊มน้ำมัน 5 ปั๊ม ทั้งใจกลางและทางเข้าออกจังหวัด ของมันหมด”
“โถ คงจะลำบากนับเงิน มีอันจะกินขนาดนั้นจะร้องทำไมครับ” เจียดว่า
“กูสิลำบากของจริง คงต้องไปเป็นสจ๊วตอย่างที่พ่อแม่ต้องการ” แดนบอก
“คุณเคนนี่มีเพื่อนปกติสักคนมั้ยครับ แต่ว่าแต่คุณเคนเถอะ หน้าตาไม่เห็นเครียดเหมือนวันที่คุณท่านเรียกไปคุยเลย”
แดนกับป้องได้ยินเจียดพูด หันมามองหน้าเคน
“การแสดงเหรอมึง”
“ก็ตอนที่พ่อกูเรียกกูไปคุย กูไม่รู้ แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว”
“มึงคิดบ้างมะว่ากูจะงง”
เคนยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
ตอนนั้นเพ็ญคุยสายกับเนื้ออ่อนวางแผนเรื่องเคน “แล้วก็ต้องขอบคุณเธอด้วย ที่ทำให้ฉันคิดออกว่าต้องเด็ดปีกเด็ดหางตาเคนให้หมดฤทธิ์ ถ้าซมซานไปหาหนูเอม ก็ฝากเธอดูแลด้วยก็แล้วกันนะ”
“จัดไปแบบเนียนๆ เลยจ้า”
เนื้ออ่อนวางสายจากเพ็ญ โดยไม่รู้ว่ารอนแอบได้ยินที่เพ็ญคุยกับเนื้ออ่อนทุกคำ
รอนย่องออกมาห่างๆ แล้วโทร.หาเคน
“คุณเคน..ผมมีเรื่องจะบอก”
นึกเรื่องนี้แล้วเคนยิ้มกริ่มชอบใจ
“แล้วกูก็ลองมาคิดดู ตั้งแต่กูเปิดบริษัทกับพวกมึง มีแต่เข้าเนื้อแต่ถ้ากูไปทำงานกับพ่อกู ยังไงกูก็ผู้บริหาร ส่วนพวกมึง” เคนมองหน้าป้อง “โดยเฉพาะมึง ถ้ายังอยากโลดแล่น ลั้นลาในเมืองกรุงต่อไป พ่อกูก็คงมีตำแหน่งให้พวกมึงทำ”
“ในเมื่อทุกอย่างจบ แล้วคุณเคนดรามาต่อเพื่อ” เจียดแปลกใจ
แดน ป้องประสานเสียง “เอาชนะใจหญิง”
“พ่อจัดสถานการณ์ให้ซะพีคขนาดนี้ มันทำให้ฉันได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างว่ะไอ้เจียด”
เคนนึกถึงความแตกต่างระหว่างเอมกับ พราวและชาช่า
“บ้านนี้นี่มีใครไว้ใจได้บ้างเนี่ย”
“ไม่มีหรอก ขนาดแกยังถ่ายรูปฉันกับคุณเอมไปลงโซเชียลได้เลย”
“คุณเคนรู้” เจียดคาดไม่ถึง
“รู้สิ และแกก็ควรจะเลือกข้างให้ถูกด้วยไอ้เจียด ชอบแชร์ใช่มั้ยแกน่ะ”
เคนมองเจียดด้วยสายตาว่ามีงานจะให้ทำ เจียดชักจะเสียวสันหลัง
ที่กองถ่ายโฆษณาของคุณซัมเมอร์ มิ้นยืนคุยกับซัมเมอร์ รอกอล์ฟอยู่
“เดี๋ยวก็คงจะมาค่ะ”
“ไม่เป็นไร ยังไม่ถึงเวลานัดเลย เดี๋ยวพี่ไปดูงานทางโน้นก่อนนะ”
ซัมเมอร์ออกไป ขณะที่มิ้นกำลังจะหาที่นั่งรอ แต่ได้ยินเสียงทีมงานสาวๆ ฮือฮา
“ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีกนะเนี่ยมิ้น” ซัมเมอร์หันมาแซว
มิ้นมองตามเสียงฮือฮาของทีมงาน เห็นกอล์ฟเดินเข้ามา มิ้นตะลึงนิดๆ รู้สึกว่าวันนี้กอล์ฟหล่อมาก
“นางเป็นตำรวจใช่มั้ยคะพี่ หนูละอยากเป็นประชาชนที่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง” ทีมงาน2เพ้อ
มิ้นลืมตัว หันไปมองทีมงานแบบ ของฉันย่ะ
กอล์ฟเห็นมิ้น ก็ยิ้มให้ซื่อๆ มิ้นรู้สึกแปลกๆ เหมือนใจจะละลายเพราะรอยยิ้มซื่อๆ นั้น ยิ่งได้ยินเสียงทีมงานกรี๊ดกร๊าดไม่หยุด
“คุณมิ้น”
“พร้อมมั้ย”
“พร้อมครับ”
“ชักจะเป็นงานเหรอถึงไม่ตื่นเต้นแล้ว”
“เปล่าครับ เพราะเห็นหน้าคุณมิ้น มันทำให้ผมรู้สึกมั่นใจครับ”
มิ้นอึ้งกับคำตอบของกอล์ฟ
“งั้นก็ไปเตรียมตัวได้แล้ว”
“ครับ”
เสียงมือถือมิ้นดังขึ้น เธอกดรับสาย
“อะไรของพวกเธออีกเนี่ย ไม่ต้องมาแซวเลย ก็บอกแล้วไง มันเป็นเรื่องของงาน ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณกอล์ฟเลย ที่ไปง้อก็เพราะงาน แค่นี้นะ ฉันจะทำงานแล้ว”
มิ้นหันกลับมา เห็นว่ากอล์ฟยังยืนอยู่และได้ยินทั้งหมด มิ้นถึงกับอึ้ง
“ผมแค่จะถามว่า ผมต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงไหนครับ”
สายตากอล์ฟเศร้ามาก มิ้นรู้สึกผิดจับใจ
ผู้กำกับกำลังบรีฟคอนเซ็ปต์ให้กอล์ฟฟัง มิ้นนั่งดูอยู่ห่างๆ
“เราเปรียบเทียบเจลล้างหน้าตัวนี้ว่ามันก็เหมือนความรัก ยิ่งใส ยิ่งดี แต่คนมักไม่รู้ว่าใสๆ นี่แหละดี”
“ครับ”
“ทีนี้ผมอยากให้คุณพูดถึงความรัก ในมุมมองของคุณ คุณทำได้มั้ย”
“ลองดูก็ได้ครับ”
“งั้นก็เริ่มกันเลย”
กอล์ฟอยู่หน้ากล้อง มิ้นอยู่ที่หน้ามอนิเตอร์กับผู้กำกับ
“ความรักแบบของผม ก็คง...ซื่อๆ เชยๆ ตรงๆ จืดๆ ครับ คิดไม่ออกแล้วครับ”
ทีมงานที่ดูอยู่ส่ายหัวคิดว่ากอล์ฟไม่ได้เรื่อง แต่ผู้กำกับยังลุ้น มิ้นก็ลุ้น
“เพราะความรักของผมไม่ได้ใช้ความคิด ผมใช้หัวใจ”
ทีมงานเริ่มอึ้ง ผู้กำกับพอใจ มิ้นจ้องมอนิเตอร์ รู้สึกเหมือนกอล์ฟกำลังจะพูดกับมิ้น
“หัวใจผมมันโกหกใครไม่เป็น รักก็แปลว่ารัก”
กอล์ฟพูดจบทั้งกองถ่ายเงียบกริบ
“ชอบอ่ะ”
พร้อมกับว่าผู้กำกับเดินเข้าไปหากอล์ฟ
“ผมชอบมาก ใครได้คำว่ารักของคุณไปนี่ ละลายอ่ะ ละลายจริงๆ”
ในขณะที่คุยกับผู้กำกับ กอล์ฟก็ส่งสายตาหวานซึ้งมองมายังมิ้นด้วย มิ้นรู้สึกว่าตัวเองจะละลายจริงๆ อย่างที่ผู้กำกับพูด
งานถ่ายจบแล้วอย่างเรียบร้อย มิ้นยืนคุยกับซัมเมอร์
ซัมเมอร์ ไม่ผิดหวังเลย ใส ซื่อ น่ารัก ขอบคุณมิ้นมากๆ ที่ทำให้พี่ได้แบบตรงใจ งานอีเว้นที่คุยกันไว้ มิ้นเอาเข้ามาเสนอได้เลยนะ
มิ้นดีใจ “ค่ะพี่ซัมเมอร์ ขอบคุณมากนะคะ”
“จ้า” ซัมเมอร์เดินออกไป
กอล์ฟเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาจะกลับ มิ้นเรียกไว้
“เดี๋ยว”
กอล์ฟหันมาหา “ครับ” เขามองหน้ามิ้นนิ่งๆ
มิ้นไม่รู้จะพูดยังไงดี “จะกลับเลยเหรอ
“ครับ ในเรื่องของงาน มันจบแล้วนี่ครับ”
มิ้นอึ้งที่โดนกอล์ฟย้อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผมกลับนะครับ”
กอล์ฟเดินไปเลยไม่รอฟังคำตอบจากมิ้น มิ้นทำตัวไม่ถูก รู้สึกผิดกับกอล์ฟ
ค่ำนั้น เอมอยู่ในโถงรับแขก คุยไลน์กลุ่มอยู่กับมิ้นและนาตาลีเรื่องกอล์ฟ รอนนั่งส่องพระอยู่ข้างๆ
เอมพิมพ์ไปว่า “ฉันว่าเธอใจร้ายมาก”
นาตาลีพิมพ์ตอบเข้ามา “อำมหิตเลยละ”
“ก็มันเป็นเรื่องของงาน” มิ้นพิมพ์ตอบ
เอมอ่านแล้วหงุดหงิด พิมพ์กลับไป “งั้นเรื่องนี้เอมจะไม่ยุ่ง”
นาตาลีพิมพ์เข้ามา “ใช่ ใจร้ายแบบนี้ให้คุณกอล์ฟเมินใส่นี่แหละดี”
ระหว่างนี้เนื้ออ่อนโวยวายเดินลงบันไดมาจากข้างบนมานั่งข้างๆ ผัว
“ตายแล้ว”
“มีอะไรคุณ” รอนถาม
“ก็คุณเคนน่ะสิ ถูกตัดออกจากกองมรดก”
“คุณแม่รู้ได้ไงคะ”
เนื้ออ่อนชี้ให้ดูในมือถือ “ก็เนี่ย เขาทวิตๆ ต่อๆ กันมา”
รอนยื่นหน้ามาอ่านแล้วเดาได้ว่าคงจะเป็นแผนของเคน แต่ก็แสร้งทำเป็นตกใจ
“อ้าว แย่แล้ว มั่วรึเปล่า คุณลองโทรถามคุณเพ็ญดูสิ”
“น่าเกลียด เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันห่วงกลัวคุณเคนไม่ได้สมบัติ”
“ซึ่งคุณก็ห่วงจริงๆ” รอนพูดเชิงถาม
“คุณณรงค์คงกำลังโมโหน่ะ ก็คุณเคนเล่นก่อเรื่องไม่เว้นวันแบบนี้ หายโมโหก็เอาเข้ากองมรดกเหมือนเดิมเองแหละ”
เอมฟังแล้วรู้สึกเป็นห่วงเคน
ฝ่ายณรงค์กำลังตรวจดูข่าวสารอัพเดทในไอแพด เจียดยกชาก่อนนอนมาให้ ณรงค์เห็นข่าวของเคน
“ฉันไปตัดมันออกจากกองมรดกตอนไหน”
“อะไรเหรอครับคุณท่าน”
“ก็ไอ้หมาตัวไหนไม่รู้ ปล่อยข่าวว่าฉันตัดไอ้เคนออกจากกองมรดก”
เจียดไม่กล้าสบตา ณรงค์นิ่งคิด
“ไม่ได้ๆ ฉันจะโวยวายไม่ได้ ไอ้เคนมันจะต้องมีแผนอะไรอีกแน่ เดี๋ยวเข้าทางมัน”
“เรียกได้ว่า อยู่กันทุกวันนี้ พ่อลูกไม่เคยไว้ใจกันว่างั้น” เจียดพูดลอยๆ
“อะไรไอ้เจียด”
“ต้องยอมโกหกว่าเปล่าครับ เพื่อไม่ให้โดนเตะครับ”
“แล้วนี่ไอ้เคนมันไปไหน”
เอมกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ เป็นห่วงเคน มือถือดังมีไลน์เข้า เอมรีบหยิบมาเปิดอ่าน
เห็นว่าเป็นไลน์จากเคน
“คุณ...”
เอมมาเปิดประตูเล็กหน้าบ้านออกมา เห็นเคนยืนอยู่
“คุณ คุณเป็นไงบ้าง”
เคนไม่ตอบแต่โผกอดเอมแน่น เอมอึ้งตกใจ และเป็นห่วงเคน
อ่านต่อ ตอนที่ 13
#พ่อปลาไหล #thaich8 #โชคดีมีสุข #ฟิล์มยีน #ยีนฟิล์ม #ทีมพ่อปลาไหล #ทีมเอม #lakornonlinefan #ละครออนไลน์ #ลมหายใจคือละคร