กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 25
เยี่ยฉีบีบน้ำตาระบายความในใจออกมาอย่างน่าสงสาร หวังจะดึงเซี่ยวเลี่ยงกลับคืนมาให้ได้
“ฉันแกล้งทำเป็นรักคนอื่น แกล้งทำเป็นทรยศคุณ จากนั้นก็แต่งงาน แล้วไปจากที่นี่ คุณรู้มั้ยว่าเพราะอะไร เพราะถ้าฉันหายไป พ่อของคุณถึงจะยอมให้คุณกลับบ้านตระกูลเซี่ยวไงล่ะ”
“คุณเมามากแล้ว มีสติหน่อยสิ”
“มีสติเหรอ ฉันแน่ใจว่าตอนนี้ฉันมีสติที่สุด ฉันไม่เคยมีสติอย่างนี้มาก่อนเลย” เยี่ยฉีพูดไปหัวเราะไปเหมือนคนบ้า ระบดระบายต่อเสียงเศร้า “ฉันจะบอกให้นะ เพราะฉันไม่สามารถให้คุณทำเพื่อฉัน จนต้องสูญเสียทุกอย่างที่คุณมีไป ฉันยอมให้คุณใช้ชีวิตอย่างลำบากไปกับฉันไมได้ ฉะนั้นหลายปีมานี้ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะตีฉัน หรือด่าฉันยังไง ฉันก็ทนได้ ฉันจะทนจนกว่า วันที่ฉันได้รับอิสรภาพ ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว แต่คุณกลับไปรักคนอื่น คุณรู้มั้ยว่า ตอนฉันรู้ว่าคุณไปรักคนอื่นแล้ว ฉันปวดใจแค่ไหน”
เยี่ยฉีขยับมาใกล้ๆ จับมือเขามากุม “ขอโทษค่ะเซี่ยวเลี่ยง ฉันเสียใจ ฉันไม่ควรไปจากคุณเลย ยกโทษให้ฉันได้มั้ยคะ”
เซี่ยวเลี่ยงถอนมือออก จับไหล่เยี่ยฉีจ้องหน้าค้นความจริง “ผมจะถามคุณอีกครั้ง ที่คุณพูดเป็นความจริงรึเปล่า”
“คุณไม่เชื่อฉันเหรอ เฮ้อ งั้นลองไปถามพ่อคุณดูสิ ว่าทำไมฉันต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ถามท่านว่าตอนนั้นบังคับให้ฉันแต่งงานกับเขายังไง ฉันจำเป็นต้องทำแบบนั้นจริงๆ นะ”
เห็นเซี่ยวเลี่ยงนิ่งเฉยเยี่ยฉีโผเข้ากอดรอบเขา ออดอ้อน เว้าวอน ทั้งน้ำตา
“อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวได้มั้ย คืนนี้คุณอย่ากลับไปได้มั้ยคะ”
“ได้สิ” เซี่ยวเลี่ยงรับปาก ลูบหลังปลอบด้วยความสงสาร
ทางด้านเกาเหวินทั้งเป็นห่วงและไม่สบายใจที่เซี่ยวเลี่ยงกับเหม่ยลี่ทะเลาะกัน โทร.ตามเหม่ยลี่ให้มาหาที่บ้าน เวลานี้ทั้งเธอและเหลยอี้หมิงเดินสวนกันไปมา มองเหม่ยลี่ที่เอาแต่นั่งซึมไม่พูดไม่จาตั้งแต่มาถึง ต่างคนต่างเกี่ยงกันลำบากใจที่ถาม สุดท้ายเกาเหวินลงนั่งด้วย และเป็นฝ่ายถามขึ้น
“ฉันเรียกเธอมาเพื่อจะปลอบใจ ไม่ใช่ให้เธอมาแสดงฉากอกหัก ระหว่างเธอกับเซี่ยวเลี่ยงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถ้าเธอไม่พูดเราจะช่วยเธอได้ยังไงล่ะ”
อี้หมิงเดินมานั่งด้วยทักท้วงขึ้นว่า “แต่ผมว่า เรื่องของคนอื่น เราอย่ายุ่งเลยดีกว่า”
“พวกนายยุ่งก็ไม่มีประโยชน์” เกาเหวินจะปลอบถึงกับชะงัก “ฉันกับเซี่ยวเลี่ยงมักทะเลาะกันตลอด เซี่ยวเลี่ยงจะคอยเป็นห่วงฉันเสมอ แต่ตอนนี้ฉันไม่กล้าคิดแบบนั้นอีกแล้ว ฉันไม่เคยมีแฟน เลยไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้คืออะไร เขามักจะพูดกับฉันว่า อย่าให้คนอื่นทำให้เราแตกแยกแต่เขากลับไปกับเยี่ยฉีคนนั้นซะเอง เพิ่งมาไม่กี่วันก็ทำให้มีเรื่องอย่างนี้แล้ว หรือว่าเรื่องที่เกิดระหว่างฉันกับเซี่ยวเลี่ยงเป็นเพราะเราสองคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนอื่น เราจึงไม่สามารถเอาชนะเรื่องพวกนั้นได้”
เหม่ยลี่ฟุบลงกับเคาน์เตอร์บาร์อย่างหดอาลัยตายอยาก
“แล้วเธอไม่รู้เหรอว่าเซี่ยวเลี่ยงกับเยี่ยฉีเขา...”
อี้หมิงกระแอมกระไอทำปากพูดโดยไม่มีเสียงว่า “พูดไม่ได้”
เกาเหวินถามกลับไม่มีเสียงเช่นกันว่า “ทำไม”
อี้หมิงยื่นหน้ามาพูดโดยไม่มีเสียงใกล้ๆ ว่า “ถ้าเขารู้ต้องรู้สึกแย่กว่านี้แน่”
“บางที ระหว่างฉันกับเซี่ยวเลี่ยงคงไปต่อไม่ได้แล้วล่ะ” เหม่ยลี่บอกหน้าเศร้า
เกาเหวินไม่เห็นด้วย “ไปกันไม่ได้อะไรล่ะ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเราจะช่วยเธอเอง ฉันถามหน่อย เธอกับเซี่ยวเลี่ยงมีอะไรกันหรือยัง”
เหม่ยลี่ถอนหายใจบอก “ไม่มีแน่นอน”
อี้หมิงเสริมว่า “เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวนะ”
เกาเหวินไม่เห็นด้วย “มารักนวลสงวนตัวตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร เพราะผลของการรักนวลสงวนตัว แลกมาได้ก็คือ เซี่ยวเลี่ยงบอกว่าเขาไม่มีเวลา จากนั้นพวกเขาต้องจบกันแน่”
“ผิดแล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งต้องรักนวลสงวนตัว เธอไม่ควรสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะคนอื่นรู้มั้ย”
สองคนทะเลาะกันเสียงดังลั่น เหม่ยลี่ชักงง “แล้วฉันควรฟังใครละเนี่ย”
“ฟังฉัน”
เกาเหวินสวนขึ้น “ฟังฉัน”
เหม่ยลี่ยกมือปิดหูไม่อยากฟัง “ช่างเถอะ ฉันลองโทร.ไปหาเขาดีกว่า ดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“เห็นด้วย” อี้หมิงว่า
เหม่ยลี่กดโทร.หาเซี่ยวเลี่ยง สองคนมองลุ้น
ทางฝ่ายเซี่ยวเลี่ยงพาเยี่ยฉีเข้านอน และนั่งเฝ้าคอยดูแลห่มผ้าให้จนเธอหลับ ขณะจะลุกกลับเยี่ยฉีก็ยื่นแขนมาจับชายเสื้อเขาไว้เชิงขอร้อง เซี่ยวเลี่ยงหันมามองอดีตคนรักด้วยความเวทนา ปลดแขนเธอออกซุกไว้ในผ้าห่มตามเดิม ก่อนจะหยิบมือถือที่สั่นอยู่มาดู เห็นชื่อ “มี่โตะ” โทร.มา
เซี่ยวเลี่ยงไม่ยอมรับสาย เหม่ยลี่ถอนใจเฮือกใหญ่ฟุบลงคางเกยแขนกับเคาน์เตอร์อย่างน้อยใจ “เฮ้อ”
สองคนพลอยหนักใจไปด้วย เกาเหวินพยายามคลี่คลายบรรยากาศ
“ฉันหิวไปทำกับข้าวดีกว่า นั่งอยู่ทำไม มาช่วยฉันล้างผักเร็ว”
อี้หมิงนั่งเฉยกำลังจะปลอบเหม่ยลี่ “เดี๋ยวก่อนผม...”
“ไปเถอะน่า” เกาเหวินตามมาลากแขนเข้าครัวไป อี้หมิงอิดออดก็ไม่เป็นผล
“แต่เธอ...”
เยี่ยฉีลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ค่อยๆ ลุกขึ้นยกมือสองข้างกุมขมับ ทบทวนเรื่องเมื่อคืนนี้ จนนึกออก รีบลงเตียงวิ่งออกไปนอกห้อง โล่งใจเมื่อเห็นเซี่ยวเลี่ยงนั่งหลับอยู่ที่โซฟารับแขก เดินมานั่งข้างๆ ขยับเสื้อสูทที่เขาห่มอยู่คลุมให้ดีๆ จนเซี่ยวเลี่ยงรู้สึกตัวตื่น
“คุณตื่นแล้วเหรอ”
“คุณนอนตรงนี้ทั้งคืนเลยเหรอ เป็นไข้หรือเปล่า”
เซี่ยวเลี่ยงลุกขึ้น คว้าสูทมาพับถือกับแขน เคลียร์ชัดกับเยี่ยฉีก่อนจะเดินออกไป
“ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกคุณ ผมมีแฟนแล้ว ผมรักเธอมาก และไม่อยากทำร้ายเธอ ไม่ว่าเมื่อก่อนใครผิดใครถูก ต่อไปอย่ามารบกวนชีวิตผมอีก”
“ฉันสามารถรับปากคุณได้” เซี่ยวเลี่ยงชะงัก เหลียวมามอง “แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง พาฉันไปสถานที่ที่พวกคุณเจอกันครั้งแรก” เซี่ยวเลี่ยงทำท่าจะปฏิเสธ เยี่ยฉีชิงพูดเชิงขอร้องออกมาก่อน
“ถือซะว่า เป็นการชดเชยที่ฉันไม่เคยลืมคุณเลย ได้มั้ยคะ”
เซี่ยวเลี่ยงนิ่งคิด แต่ไม่พูดอะไร มองหน้าเยี่ยฉีแว่บหนึ่งแล้วเดินออกไป
เหม่ยลี่ในชุดพนักงานขายมาถึงช็อปสาขาเทซีโร่แล้ว มีสายจากเซี่ยวเลี่ยงโทร.หา เธอรีบรับสาย
“ฮัลโหล เมื่อคืนคุณไปไหนมา ฉันโทร.ไปหลายสายคุณไม่รับเลย”
เซี่ยวเลี่ยงขับรถมาตามทาง คุยสายด้วยบลูธูท “เอ่อ เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ผมเลยต้องไปจัดการ”
“แต่ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ช่วงนี้ผมยุ่งมาก อาจจะไม่ค่อยมีเวลา”
เหม่ยลี่แปลกใจ “ไม่มีเวลาเหรอ”
“อีกอย่างผมคิดว่าไม่รู้จะบอกคุณยังไงดี เราอย่าเจอกันชั่วคราวดีกว่า”
เหม่ยลี่ไม่เข้าใจ “ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ”
“ให้เราสองคนสงบจิตใจซักพัก”เซี่ยวเลี่ยงวางสายขับรถทะยานไปตามท้องถนน
เหม่ยลี่วางสายไปสีหน้าเศร้า นึกสะท้อนในใจที่ทุกอย่างเป็นจริงดังที่เกาเหวินเคยบอก
“ทำไมเกาเหวินพูดถูกทั้งหมดเลยล่ะ”
ชายสูงวัยสวมสูทเรียบร้อย พาลูกสาวมาเลือกซื้อแหวน เอ่ยตำหนิและต่อว่าพนักงานขายอยู่ตรงเคาน์เตอร์ด้านในร้าน
“ที่ผมต้องการไม่ใช่แบบนี้เลย ก่อนหน้านี้ผมบอกพวกคุณชัดเจนแล้วนะ ทำไมยังทำผิดพลาดซ้ำซากแบบนี้ล่ะ”
“ฉันจะรีบไปเปลี่ยนใหม่ให้คุณเดี๋ยวนี้ค่ะ” พนักงานหน้าจ๋อย
“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว เราเลือกมาทั้งวันแล้ว แต่ยังไม่มีวงไหนเหมาะสมเลย คุณจะให้ลูกสาวผมขายหน้าในวันหมั้นเหรอ”
“พ่อคะ” ลูกสาวใจเสีย
“จ้ะๆๆ พ่อจะโทร.เดี๋ยวนี้เลย พ่อจะพาไปร้านอื่น”
เหม่ยลี่มองอยู่ตั้งแต่ต้น เดินยิ้มเข้ามาหา เอ่ยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชายคะ เธอ คือลูกสาวคุณใช่มั้ยคะ”
“มีอะไร” ชายสูงวัยกำลังจะกดโทร.ออก มองฉงน
พนักงานหญิงแตะแขนเหม่ยลี่เชิงห้ามยุ่ง แล้วรีบขอโทษลูกค้า
“ขอโทษค่ะ เธอเป็นพนักงานใหม่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาทของการขาย”
เหม่ยลี่ไม่ถือสายิ้มแย้มพูดแนะนำต่อ “ถ้าเธอคือลูกสาวของคุณ ฉันคิดว่าเธอเหมาะกับสไตล์ที่สง่างามและคลาสสิก ทางเรามีแหวนรูปแบบหนึ่ง เหมาะกับสไตล์ของเธอมาก คุณจะดูหน่อยมั้ยคะ
ชายคนนั้นสนใจ ลูกสาวก็เห็นดีด้วย “อืม”
เหม่ยลี่ชี้บอกให้พนักงานหยิบแหวนในตู้ออกมาให้ “ดูสิคะวงนี้เป็นยังไง”
“อื้ม ไม่เลวจริงๆ” ชายสูงวัยรับมาให้ลูกสาวดู หัวเราะอย่างพึงพอใจ “มีวงที่ดีกว่านี้มั้ย”
“หากคุณต้องการล่ะก็ เราสามารถปรับเปลี่ยนแหวนตามรูปแบบชุดแต่งงานได้ เพราะการแต่งงานมีครั้งเดียวในชีวิต ฉะนั้น แหวนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษค่ะ”
“น้องสาว ทำได้ไม่เลวนี่” ชายสูงวัยชอบอกชอบใจ หันไปทางลูกสาวหัวเราะอารมณ์ดี “เอาอย่างงี้ “แหวนแต่งงานของลูกสาวผม มอบให้คุณออกแบบแล้วกัน หวังว่าคุณจะออกแบบแหวน ที่เราพึงพอใจโดยเร็วที่สุดนะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ” เหม่ยลี่ยิ้มสุขใจ
“ดี ฮิๆๆ โอ้โห” ลูกค้าพ่อกะลูกแฮปปี้สุดๆ
ด้วยความช่วยเหลือของฉีหยู หลังเลิกงานวันนี้เหม่ยลี่พาตัวเองมารอเซี่ยวเลี่ยงที่คอนโดของเขา
“ผมช่วยคุณได้แค่นี้ ที่เหลือพึ่งตัวเองแล้วกัน” ฉีหยูให้กำลังใจ
“ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
“สู้ๆ สู้ๆ” ฉีหยูเปิดออกไปแล้วปิดประตูลง
เหม่ยเดินมานั่งที่โซฟารับแขก เปิดแฟ้มบนโต๊ะกลางดู “ว้าว ในที่สุดก็เจอแบบร่างซินซินแล้ว ต้องแก้ไขรูปแบบในนี้อีกนิดหน่อย ก็กลายเป็นแผนงานใหม่อย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงตอนนั้นลูกค้าต้องพอใจแน่ๆ ฉันจะทำให้เซี่ยวเลี่ยงมั่นใจในตัวฉันอีกครั้ง ความรักของเราก็จะต้อง...มั่นคงยิ่งขึ้น”
เหม่ยลี่ทิ้งตัวลงนอนกับโซฟา จูบแฟ้มออกแบบของเธอที่ได้แรงบันดาลใจจากเซี่ยวเลี่ยงไปหลายฟอด
เซี่ยวเลี่ยงต้องแปลกใจเมื่อเดินออกลิฟต์มาแล้วพบว่าเยี่ยฉีมาดักรอเข้าที่หน้าห้องพักคอนโด
“คุณมาได้ยังไง
เยี่ยฉีตีหน้าเศร้า “ขอโทษทีค่ะ ดึกแล้วยังมารบกวนคุณอีก สามีเก่าฉันมาหาที่บ้าน ฉันขอหลบอยู่ ที่บ้านคุณซักพักได้มั้ย”
เซี่ยวเลี่ยงใจอ่อนจนได้ “เข้าไปสิ”
เหม่ยลี่ได้ยินเสียงเปิดประตู รีบคว้าแฟ้มงานดีไซน์ลุกไปแอบข้างผนังกะจะเซอร์ไพร้ส์คนรัก
“ขอบคุณค่ะ” สองคนเดินเข้ามาในห้อง “คุณยังเหมือนเมื่อก่อนเลย เก็บกวาดบ้านได้สะอาดอยู่เสมอ”
เหม่ยลี่ชะงักเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิง เยี่ยฉีชวนคุยฟื้นความรักความหลังจ้อยๆ
“จำได้ว่าเมื่อก่อน ทุกวันหลังจากคุณเลิกงาน จะกลับมาช่วยฉันทำงานบ้าน ในตอนนั้น แม้ที่อยู่จะแคบและไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็มีความสุขมาก”
สองคนเดินคุยกันมาจนใกล้กับจุดที่เหม่ยลี่แอบอยู่
“เรื่องพวกนั้นเป็นอดีตไปแล้วล่ะ” เซี่ยวเลี่ยงบอก
เหม่ยลี่หน้าเศร้า น้ำตารื้น รู้แล้วว่าสองคนนี้เคยเป็นแฟนกัน
“แต่ว่าในใจของฉัน เรื่องราวเหล่านั้นไม่เคยเก่าเลย คุณลืมเรื่องในอดีตของเราแล้วจริงเหรอ พูดความจริงกับฉันสิ”
“ผมไม่เคยลืม...”
เหม่ยลี่ไม่อยากได้ยินยกมือปิดสองหู แฟ้มในมือจึงหล่นลงพื้นเสียงดัง มอง
“ใคร” เซี่ยวเลี่ยงเหลียวขวับมาทางเสียง แล้วเดินมาดู ตกใจที่เห็นเหม่ยลี่ “มี่โตะ”
เหม่ยลี่เสียใจเดินกึ่งวิ่งหนีออกไปโดยเร็ว ไม่ฟังเสียงเรียกไว้ของเซี่ยวเลี่ยง
“มี่โตะๆ เฮ่อ”
เซี่ยวเลี่ยงวิ่งตามออกไป ไม่สนใจเยี่ยฉีที่เรียกไว้เลย
“เซี่ยวเลี่ยง”
เหม่ยลี่นั่งเศร้าหมดสภาพมองรถที่แล่นสวนกันไปมา อยู่บนสะพานลอยกลางมหานครเซี่ยงไฮ้ แปลกใจที่เห็นอี้หมิงเดินเข้ามาหา ฉุดเธอลุกขึ้นยืน แถมถอดเสื้อคลุมมาห่มให้
“นายมาได้ยังไงเหลยอี้หมิง”
“เรื่องของฉัน เธอทำอะไรอยู่ตรงนี้ ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้ว ให้เธอสงวนตัวไว้อย่าใจร้อนเธอก็ไม่ยอมเชื่อ เธอดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ” โดนอี้หมิงด่า เหม่ยลี่โผเข้ากอดเขาเต็มแรง
“ปล่อยฉัน เธอเป็นอะไรกันแน่”
เหม่ยลี่ร้องไห้โฮออกมา
“พูดสิ”
เหม่ยลี่น้ำตาร่วงเป็นสาย พูดไปร้องไห้ไป “เจ็บจังเลย ฉันเจ็บมากๆ เหลยอี้หมิง”
อี้หมิงจับตัวเหม่ยลี่ออก “พอแล้วๆๆ เจ็บก็กลับบ้าน กลับบ้าน”
“กลับบ้านไหนล่ะ”
“ถามโง่ๆ กลับบ้านเราสิ ไป”
อี้หมิงหันหลังตบไหล่เชิงบอก เหม่ยลี่ขึ้นขี่หลัง ให้เขาแบกเธอเดินลงสะพานไป
ไม่นานต่อมาเหลยอี้หมิงวางเหม่ยลี่ให้นอนเอนบนเตียง ห่มผ้าให้ ก่อนจะลงนั่งข้างๆ ทอดถอนใจ เปิดอบรมอีกชุดใหญ่
“โอเค ต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอต้องบอกฉันเป็นคนแรกแม้ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆ แต่จะรีบมาหาเธอทันที เธอบอกว่านี่คือบ้านเราไม่ใช่เหรอ บ้านก็คือหลุมหลบภัยของเธอ เพราะในเซี่ยงไฮ้เธอสนิทกับฉันที่สุดเข้าใจมั้ย”
เหม่ยลี่ซาบซึ้งใจ “ทำไมนายต้องดีกับฉันขนาดนี้ด้วยเหลยอี้หมิง”
“เพราะเราเป็นเพื่อนกัน” อี้หมิงบอก
“งั้นนายดีกับฉันตลอดไปได้มั้ย ดีกับฉันอย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้มั้ย”
อี้หมิงแปลกใจ “ทำไมจู่ๆ เธอถามแบบนี้”
“เพราะฉันรู้สึกว่าปลอดภัย ฉันรู้สึกว่าทุกคนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปเป็นยัยอ้วนคนเดิมที่ไม่มีอะไรเลย เมื่อก่อน ฉันจะเสียใจเพราะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ตอนนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า ที่แท้ การได้รับแล้วสูญเสียไปจะเจ็บปวดมากขึ้น เพราะว่า คนเรายังมีความต้องการอยู่จริงมั้ยล่ะ”
อี้หมิงฟังแล้วยิ่งสงสาร “ถ้าสิ่งไหนทำให้เธอเจ็บปวด งั้นก็ปล่อยไป แล้วกลับมา ฉันอยู่ตรงนี้เสมอ”
“ถ้างั้น...นายก็ย้ายกลับมาสิ นายดูสิ หลังจากนายย้ายออกไป การอยู่ในบ้านหลังนี้ของฉัน ช่างเคว้งคว้างว่างเปล่าเป็นอย่างมาก แต่ถ้านายย้ายกลับมา ฉันก็จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้จริงมั้ยล่ะ”
อี้หมิงไม่เห็นด้วย “เธอวิ่งหนีความจริงตลอดไปไม่ได้หรอก มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เปลี่ยนไปแล้วไม่สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้”
“ฉันขอโทษ ฉันเห็นแก่ตัวรบกวนนายเกินไปแล้ว ทุกครั้งหลังจากที่ฉันบาดเจ็บ ก็จะกลับมาหลบอยู่หลังนายเสมอ”
“ทุกคนก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ฉันก็ไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดหรอก ในความรักของเธอ ฉันมักรู้สึกว่าเธอต้องพึ่งพาฉัน แต่ตอนนี้เธอบาดเจ็บอ่อนแอมาก ถ้าฉันกลับมาตอนนี้ ฉันจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เรื่องของเธอกับเขา ต้องให้พวกเธอแก้ไขเอง เพราะยังไงฉันก็เป็นคนนอก”
อี้หมิงขยับเข้าไปใกล้ๆ จับมือยัยอ้วนของเขาบีบเบาๆ “ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป เพียงแต่ไม่ใช่ที่นี่ เธอยังมีฉันนะ”
เหม่ยลี่กุมมือเขาตอบ “ขอบคุณนะเหลยอี้หมิง”
ด้านเซี่ยวเลี่ยงขับรถพุ่งมาจอดที่หน้าบ้านเหลยอี้หมิง พบว่าไฟเหนือประตูหน้าบ้านเปิดอยู่จึงพยายามโทร.ติดต่อหาเหม่ยลี่ แต่สายถูกโอนเข้ารับฝากข้อความตลอดๆ
“สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ตอนนี้ไม่สะดวกรับสายของคุณ กรุณาฝากข้อความเสียง...สวัสดีค่ะฉันคือมี่โตะ ตอนนี้ไม่สะดวกรับสายของคุณ กรุณาฝากข้อความเสียง...”
เซี่ยวเลี่ยงลงรถมา แปลกใจและไม่พอใจเมื่อเห็นเหลยอี้หมิงเปิดประตูเดินออกมาจากในบ้านพอดี
“คุณอยู่ที่นี่ได้ไง”
“ผมเจอมี่โตะข้างถนน ขาเธอบาดเจ็บ” อี้หมิงบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาจะกลับไป แต่เซี่ยวเลี่ยงเรียกไว้ ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เดี๋ยวก่อน มี่โตะออกจากบ้านผมหลายชั่วโมงแล้ว คุณอยู่ที่บ้านกับเธอตลอดเลยงั้นเหรอ”
อี้หมิงยัวะ “คุณหมายความว่าไง”
“มี่โตะเป็นแฟนของผม กรุณารักษาระยะห่างด้วย”
อี้หมิงโกรธกรุ่นๆ ขึ้นเสียงใส่ “ในเมื่อรู้ว่าเธอเป็นแฟนคุณ ก็ไม่ควรทำร้ายเธอสิ”
เซี่ยวเลี่ยงพูดแทบเป็นตะคอก “นั่นคือเรื่องส่วนตัวของเรา ไม่เกี่ยวข้องกับคนนอกอย่างนาย”
อี้หมิงซัดหน้าเซี่ยวเลี่ยงเปรี้ยง จนเขาเซไป “หมัดนี้เพื่อมี่โตะ อย่าคิดว่าเธอรักนายแล้วจะทำร้ายเธอได้ตามใจ”
เซี่ยวเลี่ยงเอาคืนสองหมัดติดกัน ชี้หน้าด่า “หมัดนี้เพื่อเกาเหวิน ในเมื่อนายเป็นแฟนเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาห่วงแฟนของฉัน หมัดนี้เพื่อตัวฉัน ต่อไปอยู่ให้ห่างมี่โตะล่ะ”
อี้หมิงเช็ดเลือดมุมปาก ซัดกลับอีกหมัด “หมัดนี้ ก็เพื่อตัวฉันเหมือนกัน ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชาย และยังทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงอื่นอยู่ ก็อย่ามาก่อกวนเธออีก”
หมอเหลยจ้องหน้าเอาเรื่องอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินหนีไป เซี่ยวเลี่ยงยืนจ้องประตูบ้านนิ่งนาน หนักใจที่เรื่องราวบานปลายมากขึ้นไปอีก
“เฮ้อ”
ด้านเกาเหวินรอคนรักจนผล็อยหลับไป อี้หมิงเปิดประตูเข้าบ้านมา เดินใจลอยมานั่งที่โซฟา ต้องชะงักลุกขึ้นเมื่อเห็นเกาเหวินนอนกอดพุดดิ้งอยู่ จะเดินขึ้นห้องแต่เกาเหวินก็ตื่นขึ้นมาพอดี
“คุณกลับมาแล้วเหรอ”
“อ้อ ยังไม่หลับเหรอ”
เกาเหวินไม่ตอบวางลูกพุดดิ้งลง ลุกมาดูหน้าเขาชัดๆ “หน้าคุณเป็นอะไร”
“อืม ไม่มีอะไร ผมโดนลูกหลงตอนที่เพื่อนทะเลาะกันเท่านั้นเอง”
เกาเหวินไม่ยอมจับเขานั่งลงดูแผลให้ “นั่งลงให้ฉันดูสิ เจ็บหรือเปล่า”
“ช้ำแค่ภายนอกเท่านั้น ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกน่า”
“สำหรับคุณแค่ช้ำภายนอกแต่สำหรับคนที่รักคุณมันปวดใจมากรู้มั้ย เพื่อนที่ไหนอีกล่ะ เจ็บมากมั้ย ทำไงดีๆ”
เห็นเกาเหวินร้อนรนใจเป็นห่วงตนมากมายปานนี้ อี้หมิงยิ่งรู้สึกผิด จับมือเธอมากุม “เกาเหวิน...”
หมอเหลยนึกถึงคำพูดเซี่ยวเลี่ยงตอนตะบันหน้าเขา “หมัดนี้เพื่อเกาเหวิน ในเมื่อนายเป็นแฟนเธอ ก็ไม่มีสิทธิ์มาห่วงแฟนของฉัน”
“ผมขอโทษ”
“รู้จักขอโทษก็ดีแล้ว อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงอีกได้มั้ย”
อี้หมิงรับปาก “ได้”
“ฉันไปหาน้ำแข็งมาประคบให้คุณนะ”
เกาเหวินลุกเดินไปทางครัว
ฝ่ายเซี่ยวเลี่ยงในสภาพมีเลือดแห้งกรังตรงมุมปากขับรถมาตามทาง นึกถึงคำพูดอี้หมิงที่ต่อว่าเขาเรื่องเหม่ยลี่
“หมัดนี้ ก็เพื่อตัวฉันเหมือนกัน ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชาย และยังทำเรื่องสกปรกกับผู้หญิงอื่นอยู่ ก็อย่ามาก่อกวนเธออีก”
เซี่ยวเลี่ยงเครียดหนักเร่งความเร็วรถทะยานไป เขาตัดสินใจมาพบเยี่ยฉีที่ห้องพักหรูในโรงแรม เธอตกใจเมื่อเห็นสภาพเขา จับแขนลากเข้าบ้านจะดูแผลให้
“คุณมาได้ยังไง หน้าคุณเป็นอะไร เข้ามาเร็วฉันจะช่วยประคบให้”
แต่เซี่ยวเลี่ยงปฏิเสธ ปลดมือเธอออก ไม่ยอมเข้าไป “ต่อไปเราอย่าเจอกันอีกเลย ผมซาบซึ้งกับการเสียสละเมื่อห้าปีก่อนของคุณ แต่เรากลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับคุณแล้ว”
“ฉันไม่ได้ต้องการอะไรนี่ ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนอยู่ข้างคุณเท่านั้น”
“ข้างกายผมมีมี่โตะ ไม่มีตำแหน่งอื่นแล้ว ผมสามารถชดเชยให้คุณได้ทางด้านของธุรกิจเท่านั้น”
เยี่ยฉีน้อยใจ “สำหรับคุณแล้วฉันเป็นแค่ธุรกิจงั้นเหรอ”
“ต้องขอโทษจริงๆ อย่ามาหาผมอีกเลย” เซี่ยวเลี่ยงเดินจากไปทันที
เยี่ยฉียืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะปิดประตูลงยืนหันหลังพิงแล้วทิ้งตัวลู่ลงกับประตู กำมือแน่นร้องกรี๊ดออกมาลั่นห้อง
เซี่ยวเลี่ยงได้ยินเสียงนั้น เขาหยุดชะงักนิดๆ แต่เดินต่อไปไม่ยอมหันกลับไปดู
เช้าวันต่อมา ขณะที่เหม่ยลี่จัดของเข้าตู้อยู่นั้น ต้องแปลกใจที่เห็นใครคนหนึ่งเดินมาหยุดหน้าเคาน์เตอร์
“คุณมาได้ยังไง”
เป็นเยี่ยฉีนั่นเอง “ฉันมาช่วยเซี่ยวเลี่ยงอธิบายกับคุณ เรื่องเมื่อคืนอย่าเข้าใจผิดล่ะ”
“แค่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเซี่ยเลี่ยง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” เหม่ยลี่บอก
“แต่ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ฉันต้องมาอธิบายให้คุณเข้าใจสิ”
“ที่แท้ คุณคือแฟนเก่าของเซี่ยวเลี่ยงนี่เอง”
เยี่ยฉีระบายยิ้มแสนดีเต็มใบหน้า อธิบายยาวเหยียด “ใช่ แต่ตอนนี้คนที่เขารักคือคุณ ฉันกับเขา เราเคยรักกันจริงๆ แต่เรื่องพวกนั้นเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อคืนนี้ เมื่อเขาบอกฉันว่าใจเขามีแต่คุณ แค่นี้ฉันก็รู้ว่าฉันแพ้แล้ว ที่ฉันมาพูดแบบนี้คุณคงรู้สึกแปลกใจมาก แต่ฉันเป็นคนตรงไปตรงมา ฉันชอบเซี่ยวเลี่ยง ฉันกลับมาคราวนี้ เพื่อให้เขากลับมาอยู่เคียงข้างฉันอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเลือกคุณแล้ว ฉะนั้นฉันจะถอยออกมา ไม่ก่อกวนชีวิตของพวกคุณอีก”
“คำพูดพวกนี้ เซี่ยวเลี่ยงให้คุณมาบอกฉันเหรอคะ”
“คุณไม่รู้จักนิสัยของเซี่ยวเลี่ยงเลย น่าเสียดายที่คุณรักเขามาก ตอนนี้ฉันรักเซี่ยวเลี่ยงฝ่ายเดียว ฉันตัดสินใจจากไป ก็เป็นเรื่องของฉันฝ่ายเดียวเช่นกัน เราจบกันเพียงเท่านี้”
เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาพอดี ไม่พอใจมากเมื่อเห็นเยี่ยฉีมาพบเหม่ยลี่ ดึงแขนเธอออกห่าง
“ใครให้คุณมาหาเขา บอกแล้วไงว่าอย่ามาก่อกวนเราอีก”
เหม่ยลี่รีบอธิบาย “คุณอย่าเข้าใจผิด คุณเยี่ยมาอธิบายให้ฉันเข้าใจเท่านั้น”
“ในเมื่อตอนนี้ความเข้าใจผิดคลี่คลายแล้ว งั้นฉันขอตัว ขอให้คุณมีความสุข ลาก่อน”
รอจนเยี่ยฉีพ้นร้านไปแล้ว เซี่ยวเลี่ยงจึงเดินมาหยุดตรงหน้าเหม่ยลี่
“ไม่ว่าเยี่ยฉีจะพูดอะไร ตอนนี้ผมกับเขาจบกันแล้ว ที่ผมไม่บอกเพราะกลัวคุณจะเข้าใจผิด”
“แล้วทำไมคุณแอบไปเจอเขาลับหลังฉัน และยังเป็นที่บ้านของคุณด้วยล่ะ” เหม่ยลี่น้อยใจไม่หาย
เซี่ยวเลี่ยงให้คำมั่น “จะไม่มีครั้งที่สองอีก มี่โตะ เชื่อผมนะ”
เหม่ยลี่ยังไม่วางใจ “แต่เรื่องในอดีตพวกนั้นคุณลืมได้รึยังล่ะ”
“นอกจากคุณใจผมไม่มีที่ว่างให้ใครอีกแล้ว” เซี่ยวเลี่ยงย้ำคำ
“ฉันเชื่อคุณค่ะ” เหม่ยลี่ยิ้มออกมาจนได้
“ตอนนี้ถึงตาคุณแล้ว”
เหม่ยลี่งง “หะ ถึงตาอะไรคะ”
“คุณกับแฟนของเกาเหวินเกี่ยวข้องกันยังไง เมื่อคืนผมเห็นเขาออกมาจากบ้านคุณ”
เหม่ยลี่อึกอัก “ฉัน...เพราะว่าเมื่อวาน เขามาเห็นฉันพอดี ดังนั้นเขาจึงพาฉันมาส่งที่บ้าน”
“ผมขอโทษ ผมไม่ดีเอง”
เซี่ยวเลี่ยงโล่งอก ขอโทษขอโพยคนรัก พลางจับมือเธอมากุมบีบเบาๆ เหม่ยลี่กุมมือเขาตอบ สองคนยิ้มให้กันอย่างสุขใจ ความขุ่นข้องหมองศรีสลายไปจนสิ้น
เซี่ยวเลี่ยงเดินยิ้มออกมาจากร้าน เจอเยี่ยฉีดักรออยู่ ยิ้มถาม
“คืนดีกับมี่โตะหรือยังคะ”
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มตอบ “เมื่อกี้ผมขอบคุณนะ”
“ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเสียใจ เพราะเรื่องของมี่โตะเท่านั้น”
“แต่ต่อไปไม่ต้อง ผมไม่อยากให้คนนอกเข้ามายุ่งเรื่องของเรา”
เซี่ยวเลี่ยงเดินหนีไปเลย ทิ้งให้เยี่ยฉียืนมองตามอยู่อย่างนั้น
เหลยอี้หมิงมาถึงกองถ่าย หยุดดู พบว่าเกาเหวินกำลังถ่ายหนังอยู่ในสระน้ำ แต่ไม่เป็นที่พอใจของผู้กำกับฯ ที่นั่งจ้องมอนิเตอร์สักที เทคยับ เจสันก็ดูอยู่หน้าเซ็ตด้วย
“คัท ไม่ผ่านๆ เมื่อกี้ยังไม่เข้าถึงอารมณ์ เอาใหม่อีก”
ทีมงานสองคนยืนใกล้ๆ อี้หมิงคุยซุบซิบๆ กันอยู่ หมอเหลยนิ่งฟังเก็บข้อมูล รู้ว่าเกาเหวินถูกแกล้งก็ยิ่งสงสาร
ชาย 1 เอ่ยขึ้นว่า “แค่ฉากเดียวมันจำเป็นเหรอ เกาเหวินกระโดดห้าหกรอบแล้วนะ นายดูเธอตัวสั่นสิ ผู้กำกับจะถ่ายยังไงกันแน่”
“ใครจะไปรู้ล่ะ จะว่าไปเกาเหวินก็น่าสงสารมาก เมื่อก่อนทุกคนต่างก็แย่งให้เธอเป็นนางเอก แต่ตอนนี้ได้แสดงแค่นางรอง อากาศหนาวอย่างนี้ต้องกระโดดในน้ำตั้งหลายรอบ ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ” ชาย 2 ว่า
ผู้กำกับสั่งถ่ายใหม่ “หนึ่ง...สอง...สาม เริ่ม”
“ผมกับคุณไม่มีทางเป็นไปได้ ผมจะคืนจดหมายรักพวกนี้ให้คุณทั้งหมด” นักแสดงชายโยนจดหมายลงไปในสระ เกาหวินกระโจนตูมลงไป
แต่ผู้กำกับไม่พอใจอีก สั่งเทคอีกรอบ “เอ๊ะ ไม่ผ่านๆ ทำไมกระโดดอย่างนี้ล่ะ มาอีกรอบๆ”
อี้หมิงสุดทนคว้าผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ถอดเสื้อคลุมของเขาออกด้วย เดินกึ่งวิ่งเข้าไปรับ ยื่นแขนให้เกาเหวินจับ
“รีบขึ้นมาเร็ว”
เกาเหวินหนาวจนปากสั่น อี้หมิงสวมเสื้อคลุมทับให้ ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดน้ำออก “นี่คุณ คุณต้องดูเวลาด้วยสิ ฉันเล่นบทคุณหนูตั้งนานคุณไม่มา กลับมาตอนที่ฉันเล่นบทแบบนี้ แบบนี้ฉันอายคุณนะ”
“ทำไมต้องอายผมด้วยล่ะ คุณคิดว่าบทอย่างนี้ใครก็กล้าเล่นเหรอ คุณดูดาราสาวหน้าตาขี้เหร่ทางโน้นสิ กระโดดลงน้ำทีเครื่องสำอางหายหมด ยังจะกล้าสู้กล้องได้เหรอ เพราะคุณสวยต่างหากเลยเล่นได้ทุกบท ดีขึ้นบ้างมั้ย”
เกาเหวินยิ้มแป้น “คุณกำลังชมว่าฉันสวยเหรอ”
อี้หมิงยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมแค่พูดลอยๆ เท่านั้น คุณก็ฟังลอยๆ สิ หืม ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แน่นอนสิ ทุกคนต่างก็เกลียดฉัน มีแต่คุณที่ชมฉัน”
“ดีมาก หนาวมั้ย”
เจสันกลัวโดนผู้กำกับต่อว่า วิ่งเข้ามาตำหนิสองคน
“คุณผู้หญิงคุณผู้ชาย อย่ามัวพล่ามอยู่เลยกองถ่ายรออยู่นะ หะ รีบเล่นต่อเร็วเข้า”
“เมื่อกี้คุณเล่นไปสี่ห้าเทคแล้วนี่ ทำไมยังเล่นอีกล่ะ” อี้หมิงถาม
“ไม่เป็นไร รอฉันนะ”
เจสันเร่งใหญ่ “เร็วๆๆๆๆ”
“เอาไป” เกาเหวินคืนเสื้อและผ้าเช็ดตัวให้
เจสันลากอี้หมิงออกมา “ไปๆๆๆๆ”
หมอเหลยเหลียวกลับไปมองอย่างเป็นห่วง
ผู้กำกับตะโกนขึ้นถ่ายทำใหม่
“มา ครั้งนี้เล่นต่อจากฉากกระโดดน้ำ นักแสดงเตรียมตัว หนึ่ง สอง สาม กระโดด คัทๆๆ อารมณ์คุณยังเจ็บปวดไม่พอ เลิกกับแฟนของคุณแล้วไม่เศร้าหรือไง”
เกาเหวินหนาวจนปากคอสั่น เล่นแล้วเล่นอีกแต่ผู้กำกับก็ไม่พอใจสักที อี้หมิงสงสารมาก ทำได้แค่วิ่งเข้าไปซับน้ำออกให้ก่อนถ่ายใหม่
“คัทๆๆ ผมยังไม่ได้บอกให้คุณกระโดดเลย” /
“คัทๆๆ จดหมายที่มีตัวอักษรเยอะแยะไม่ยอมหยิบ มาๆๆ เล่นอีกครั้ง” /
“คัทๆๆ ท่าทางแบบนี้ยังเจ็บปวดไม่พอ ถ้าไม่เจ็บปวดผู้ชมจะรู้สึกสงสารได้ไงล่ะ” /
“คัทๆๆ ดีมากๆ แต่ว่าเล่นฉากนี้อีกครั้งสิ เมื่อกี้ช่างกล้องมีปัญหานิดหน่อย เล่นอีกครั้งๆ”
อี้หมิงสงสารรีบเข้าไปดูแลซับเนื้อตัวให้ “มา ขึ้นมาเร็ว”
เกาเหวินหนาวสั่นไปทั้งตัว
ผู้กำกับสั่ง “มาเริ่มใหม่อีกครั้งสิ เมื่อกี้เป็นความผิดพลาดทางเทคนิค”
เจสันเดินเข้าไปเร่งอี้หมิงที่วิ่งเข้าไปซับน้ำยิกๆ “นี่ๆๆ กองถ่ายกำลังรอเธอคนเดียวนะ”
“นักแสดงเป็นยังไงเข้าประจำที่หรือยัง เตรียมตัวนะ มา หนึ่ง สอง สามกระโดด คัท โอเค ผ่านแล้วๆ”
อี้หมิงรีบไปรับเกาเหวินมาซับน้ำออกให้ “มาๆๆขึ้นมาเร็วๆ”
ผู้กำกับตะโกนบอกทีมงาน “เอ้า พวกเราเปลี่ยนโลเกชั่นเร็ว”
เกาเหวินทักท้วง “เอ๊ะ แค่นี้ก็จบแล้วเหรอ ฉัน... ไม่ใช่มั้ง เมื่อกี้ฉันรู้สึกว่าฉันแสดงได้ไม่ดีพอยังมีกล้องตั้งหลายกล้องที่ไม่ถ่ายฉัน...”
“ผ่านแล้วๆ ไม่เป็นไร” ผู้กำกับว่า
เจสันยิ้มแป้น “เยี่ยมมากๆ”
“ถูกต้อง ผ่านแล้วๆๆ” ผู้กำกับบอก
เกาเหวินท้วงจะขอถ่ายใหม่ “แต่ว่า ฉัน ฉันแค่เก็บไปสองชิ้นผ่านแล้วจริงๆ เหรอ แต่ว่าเมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าฉันทำได้ไม่ดีเหมือนตอนแรกเลยนะ”
อี้หมิงตัดบทลากเธออกไปนั่งพักที่เต็นท์แต่งหน้าทำผม “พอแล้ว”
เกาเหวินยังอยากแก้ตัวใหม่อยู่ดี “ได้จริงๆ เหรอ”
“เยี่ยมมากแล้วน่า”
“ไม่ได้ฉันต้องไปคุยกับผู้กำกับ”
อี้หมิงร้องห้าม “เฮ้ยๆ คุณไม่ต้องกระโดดแล้ว ถ้าไม่สบายไปจะทำยังไงล่ะ”
“แต่ถ้าฉันกระโดดอีก คุณจะกอดฉันไว้อย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อกี้นี่”
อี้หมิงอึ้งไปเช็ดผมให้อย่างอ่อนโยน “มาเช็ดผมให้แห้งก่อน”
เกาเหวินปากคอสั่น หนาวสะท้านไปทั้งตัว “เมื่อกี้ตอนที่คุณกอดฉันคุณอ่อนโยนมากๆ อ่อนโยนซะจนฉันตัวอ่อนปวกเปียกเลยล่ะ”
“นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังท่องบทกลอนอยู่อีก เป็นนักกวีเหรอ”
“ไม่โรแมนติกเอาซะเลย” เกาเหวินบ่นระบายต่อ “ตั้งแต่ฉันคบกับคุณ ฉันมักจะคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ ฉันอยากให้คุณมารับกลับบ้าน ยื่นน้ำยื่นผ้าเช็ดตัวให้ฉันอย่างนี้ อยากให้แสดงความรักต่อหน้าผู้คน ฉันอยากให้ทุกเช้าที่ลืมตาขึ้นมาเห็นคุณเป็นคนแรก อ้อ ฉันอยากทำกับข้าวให้คุณด้วย ถึงฉันทำไม่เก่งเท่าไหร่ คุณแค่ชมฉันนิดหน่อยก็พอ ฉันยังอยาก...ฉันอยากไปที่ที่มีเพียงฉันกับคุณ มีแค่เราสองคนไม่มีใครรู้จักเรา โรแมนติกมั้ย”
“เอ๊ะ เสื้อผ้าคุณอยู่ไหน ไป ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
“เดี๋ยวก่อนสิ คุณนั่งก่อน” เกาเหวินจับเขามานั่งตรงหน้า กุมมือไว้ อี้หมิงกุมตอบบีบมือเธอเบาๆ “คุณรู้มั้ยว่า แม้เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนฉันจะเป็นดาราดัง แต่ฉันหวังอย่างยิ่งว่าจะได้เป็นผู้หญิงธรรมดาในอ้อมกอดคุณ ดังนั้นอย่าทำร้ายฉันนะ อย่าไปจากฉัน สัญญากับฉันได้มั้ยคะ”
ซุปตาร์สาวจามฮัดชิ้วออกมา อี้หมิงยอมรับปาก “ได้ ผมสัญญา”
เกาเหวินโล่งใจ ลุกไปหยิบครีมมาทามือไม้ ท่าทีกระปรี้กระเปร่าทันตาเห็น “งั้นก็ดีแล้ว พรุ่งนี้คุณทำตัวให้ว่างนะ ฉันจะจัดเดทสำหรับสี่คน”
อี้หมิงงง “เดทสำหรับสี่คนเหรอ”
“ใช่แล้ว มี่โตะกับเซี่ยวเลี่ยงก็คืนดีกันแล้ว เราสองคนก็ต้องเพิ่มความสวีท พรุ่งนี้อย่าแพ้ให้เขาล่ะ”
อี้หมิงปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก สี่คน มันไม่ค่อยเหมาะเลย”
เกาเหวินนั่งลงเกลี้ยกล่อม “ฉันเข้าใจคุณค่ะ ถ้าคุณอยากอยู่ในโลกของเราสองคน ต่อไปยังมีเวลาอีกมาก พรุ่งนี้ก็ฝืนใจตัวเองหน่อยนะคะที่รัก เด็กดี”
อี้หมิงไม่ยอมรับปาก “คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก่อนเถอะ เชื่อผมนะ”
“ไม่ ถ้าคุณไม่ตกลง ฉันไม่เปลี่ยน”
“ผมตกลง”
เกาเหวินจามอีก
อี้หมิงเป็นห่วง “ไม่สบายแล้วน่ะ”
สองคนนั่งอยู่ในมุมรับแขกด้วยกัน ซือหยวนนำกระดาษพิมพ์ข้อมูลเหลยอี้หมิงมามอบให้จื่อเหลียง
“นี่คือข้อมูลของเหลยอี้หมิง เท่าที่ฉันตรวจสอบได้”
จื่อเหลียงรับมาดูด้วยสีหน้าแปลกใจ “ทำไมมีแต่ที่อยู่โรงพยาบาลล่ะ”
“นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่ฉันหาได้ ได้ยินว่าอยู่โรงพยาบาลเขาก็ค่อนข้างเจ้าชู้ ไม่รู้ว่ารู้จักมี่โตะตั้งแต่เมื่อไหร่ เลยกลายเป็นเพื่อนกัน เขาสองคน ยังเจอกันในโรงพยาบาลบ่อยๆ ด้วย”
จื่อเหลียงใช้ความคิด “เพื่อนของมี่โตะเป็นผู้ชาย เขาคือคนที่อยู่ข้างๆ มี่โตะนอกจากเซี่ยวเลี่ยง ต่อไปน่าจะใช้ประโยชน์ต่อกรกับเซี่ยวเลี่ยงได้”
“แล้วต่อไปเราจะทำยังไงดีคะ”
“ผมให้คนไปเฝ้าเขาไว้แล้ว ไม่นานคงสืบตื้นลึกหนาบางได้”
ซือหยวนไอออกมาเหมือนคนไม่สบาย จื่อเหลียงมองเป็นห่วง
“เป็นอะไรคุณไม่สบายเหรอ”
“คงได้รับลมเย็นจากข้างนอก ไม่เป็นไรหรอก เราวิเคราะห์ข้อมูลกันต่อเถอะ”
“เรื่องนั้นสำคัญมากเลยเหรอ สำคัญกว่าสุขภาพคุณอีกเหรอ”
“นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการมาตลอดไม่ใช่เหรอ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่า ไม่ว่าเรื่องใดๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือผลลัพธ์”
“เมื่อก่อนผมอาจจะเคยพูดแบบนั้นจริง แต่ว่าตอนนี้...”
ซือหยวนจ้องหน้ารอฟัง ลุ้นๆ “ทำไมคะ ตอนนี้ทำไมเหรอ”
“อ้อ ตอนนี้คุณเป็นคนของฝ่ายผม ผมไม่ต้องการให้คุณเป็นอะไร”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ตอนที่ฉันอยู่แถวชานเมือง ก็มักเป็นแบบนี้ประจำ”
“คุณคิดถึงแฟนเก่าอีกแล้วใช่มั้ย”
“ฉันเปล่านะ”
จื่อเหลียงไม่พอใจเสียงดังใส่ “อดีตคืออดีตปัจจุบันคือปัจจุบัน ซือหยวน มีเรื่องอะไรคุณสามารถบอกผมได้ ไม่สบายทำไมต้องปิดบังด้วยล่ะ”
“คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ฉันไม่ได้เอาคุณ ไปเปรียบเทียบกับแฟนเก่า ฉันแค่คิดว่า...จะทำงานได้ไม่ดีเท่านั้น”
“ทำงานได้ไม่ดีแล้วไง”
ซือหยวนหน้าเศร้า “ฉันกลัวคุณเปลี่ยนเป็นคนอื่น”
“อะไรนะ”
ซือหยวนตัดพ้อ “เพราะตอนแรก ฉันสามารถช่วยเหลือคุณได้ คุณถึงเลือกฉันไม่ใช่เหรอ ในสายตาของคุณ ฉันเป็นเพียงแค่เครื่องจักรที่ใช้งานได้ ถ้าวันไหนใช้ไม่ดีแล้ว คุณก็จะ...”
“หยุดพูด” จื่อเหลียงร้องห้าม ให้คำมั่นกับซือหยวนอย่างจริงจัง “หลิวซือหยวน คุณจำไว้นะ ในสายตาของผมคุณไม่เคยเป็นเครื่องจักรอะไรเลย ในเมื่อผมรักปากว่าจะปกป้องคุณ ผมก็ต้องทำให้ได้”
เขาลุกเดินออกไปเลย ซือหยวนมองตามยิ้มน้อยๆ ออกมา
เช้าวันต่อมา เหม่ยลี่กับเซี่ยวเลี่ยงยืนอยู่ตรงหน้าชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ของสวนสนุก ก่อนจะหันมาส่งเสียงใสๆ ทักทายสองคนที่เพิ่งมาถึง
“เดี๋ยวไปเล่นอันนั้นดีกว่า นี่ เกาเหวิน เหลยอี้หมิง เฮลโล”
เกาเหวินยิ้มเบิกบานโบกมือทักทายตอบเดินมาหา อี้หมิงตามหลังมา “ไฮ”
เหม่ยลี่มองสภาพเกาเหวินแล้วนึกกังวล เพราะไม่มีการพรางตัวใดๆ
“เธอแต่งตัวแบบนี้มาไม่กลัวใครจำได้เหรอ”
“ไม่หรอกมีพวกเธออยู่ด้วยนี่นา รีบไปเล่นอันนั้นดีกว่า เร็วเข้าๆ เร็วๆๆ”
“ไปๆๆ ไป เราเล่นอันนั้นก่อนนะ”
สองคู่ชู้ชื่นควงแขนกันเข้าสวนสนุกไป
เกาเหวินหัวเราะร่าวิ่งนำเข้ามาตรงเครื่องเล่นรถบั๊มคันเล็กๆ แล้วร้องโวยวายจะนั่งคู่คนรัก
“อ้าว ทำไมมีที่นั่งเดียวล่ะ ไม่เอา เราจะนั่งด้วยกัน ฉันต้องปกป้องคุณ”
“คุณไม่เห็นเหรอมีป้ายเตือนไว้ ที่นั่งสำหรับคนสูงร้อยสี่สิบ คุณสูงเท่าไหร่” อี้หมิงถาม
“ฉันสูง...ร้อยยี่สิบ ไม่เอาเราต้องนั่งด้วยกันฉันไม่กล้านั่งคนเดียวหนิ โอ๊ยๆ”
“ไปๆๆ เร็วๆๆ”
เกาเหวินโวยวายถูกอี้หมิงดันตัวไปนั่งรถ “โอ๊ยๆ อย่าผลักฉัน”
อี้หมิงลงนั่งคันข้างหลัง “ค่อยๆ สิ”
เซี่ยวเลี่ยงเห็นสองคนชักนึกสนุกบอกเหม่ยลี่ว่า
“งั้น...เราสองคนนั่งที่นั่งคู่นะ ผมจะปกป้องคุณเอง”
“เขาบอกว่าให้คนสูงร้อยสี่สิบนั่งคุณสูงร้อยสี่สิบเหรอ ฮ่าๆๆๆ”
เหม่ยลี่ไปนั่งคันถัดจากอี้หมิง ส่วนเซี่ยวเลี่ยงไปนั่งคันถัดไป
อี้หมิงลุกมาคาดเข็มขัดให้ กำชับอย่างเป็นห่วง “ระวังตัวด้วยนะ”
เซี่ยวเลี่ยงเห็นภาพนั้นถึงกับชะงักอึ้งไป
เหม่ยลี่พยักหน้ารับ “อืม ได้”
เกาเหวินร้องบอก “เหลยอี้หมิงคาดเข็มขัดนิรภัยให้ดีนะ โอย ทำอย่างนี้เหรอ เฮ้อ คาดเข็มขัดเสร็จหรือยัง”
“ขอบคุณนะ”
อี้หมิงร้องขึ้น “โอเค”
“พร้อมแล้วใช่มั้ย ออกได้หรือยัง”
“พร้อมแล้ว”
“โอเค ฉันออกแล้วนะ ไป ออกเดินทาง” เกาเหวินออกรถนำไปอย่างร่าเริง
อี้หมิงออกรถตาม แต่เป็นห่วงไม่เลิกร้องบอกเหม่ยลี่ว่า “ปุ่มเบรกอยู่ใต้ฝ่าเท้านะ”
“โอเค”
ทั้งสี่คนแล่นรถเลี้ยวมาตามทางในสวนสนุกอย่างสนุกสนาน อี้หมิงดูจะเป็นห่วงเหม่ยลี่เป็นพิเศษ เซี่ยวเลี่ยงก็ดันมองไปเห็นแทบทุกครั้ง พอสบช่องเขาก็เลยแกล้งชนรถอี้หมิงด้วยความหึงหวง
จู่ๆ เกาเหวินก็ร้องโอดโอย จอดรถริมทาง “โอ๊ย โอย ฮือๆๆ”
อี้หมิงจอดตามถามงงๆ “เป็นอะไร”
“รถคันนี้จะระเบิดแล้วคุณอย่าเข้ามานะ ถ้าฉันตายเอาศพฉันไปฝังไว้ที่สวนหลังบ้านด้วย คุณอย่าเข้ามาไม่ต้องช่วยฉัน” เกาเหวินแกล้งร้องไห้
“คุณเป็นอะไรมากมั้ย”
อี้หมิงรู้ทัน ขับรถออกไปเลย
“ฉันไม่เป็นไรคุณ...คุณควรเข้ามาอุ้มฉันไปสิ”
เกาเหวินขัดใจ เลี้ยวรถออกมาแต่ดันไปตัดหน้ารถเซี่ยวเลี่ยงแหกปากร้องลั่น “ย๊าก”
เซี่ยวเลี่ยงร้องบอกแต่ไม่ทันแล้วเลยหักหลบข้างทาง “จะชนแล้วๆๆ ไม่เป็นไรนะ”
เกาเหวินบ่น “อะไรกัน ทำไงดี ถอยหลังไม่ได้แล้ว”
“ย๊ากกก” เหม่ยลี่หัวเราะร่าเริง กางแขนแล่นรถ ตามมาด้วยอี้หมิง พากันเยาะเย้ย เกาเหวินกะเซี่ยวเลี่ยง
“นี่ เหลยอี้หมิง รถของฉัน ฉัน...ฉันโมโหแล้ว อย่ามาโทษฉันนะ” เกาเหวินร้องบอกเสียงดังลั่น แต่อี้หมิงไม่สน แล่นรถไปกับเหม่ยลี่เฉยเลย
เกาเหวินกะเซี่ยวเลี่ยงได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ เพราะรถชนจอดคากันอยู่อย่างนั้น
อี้หมิงคอยบอกคอยสอนเหม่ยลี่ให้แล่นรถเข้าช่องจอดได้สำเร็จ
“ค่อยค่อยๆ โอเค เหยียบเบรก”
ปรากฏว่าเหม่ยลี่เข้าจอดได้เป็นคันแรก “เย่...ที่หนึ่ง”
“ยินดีด้วยนะได้ที่หนึ่ง”
“ที่สอง มา กิฟมีไฟว์”
“กิฟมีไฟว์” สองคนออกจากรถไปตีมือกันอย่างสนุกสนาน ต่างคนต่างคุยโตโอ้อวด เกาเหวินกับเซี่ยวเลี่ยงเพิ่งมาถึงลงรถหน้าตาบูดบึ้งเพราะเป็นผู้แพ้
“นายเห็นมั้ยเมื่อกี้ฉันเทโค้งได้เท่มาก” เหม่ยลี่คุยโว
“สุดยอดเลยล่ะ”
“เห็นได้ชัดว่าฉันขับได้เยี่ยมมาก”
“เธอควรขอบคุณฉันนะ”
“นายว่ามั้ยวันนี้ฉันเยี่ยมที่สุดเลยล่ะ”
“แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้เราเยี่ยมทั้งคู่ เย้”
เหม่ยลี่ กะ อี้หมิง ร้อง “เย้” พร้อมๆ กัน
อี้หมิงยังมันไม่หยุดถามขึ้นว่า “เล่นอะไรต่อดี เย้”
เหม่ยลี่ยังไม่ทันได้ตอบเซี่ยวเลี่ยงเดินเร็วรี่มาลากแขนออกไปเลย “นี่ๆ”
“ขับรถได้ดีนี่ ขับต่อสิ” เกาเหวินผลักหัวอี้หมิงให้ไปขี่รถบั๊มต่อ แล้วเดินตามสองคนไป
เหม่ยลี่กะเซี่ยวเลี่ยงเดินมาถึงมุมดึงตุ๊กตาหมีแล้วเกิดอยากได้ รั้งเซี่ยวเลี่ยงไว้
“เอ๊ะ คุณดูหมีน้อยตัวนี้สิ”
แม่ค้าร้องเชิญชวน “เล่นมั้ยคะ”
“คุณชอบอันนี้เหรอ” เซี่ยวเลี่ยงถาม
เหม่ยลี่พยักหน้า “อื้ม”
เซี่ยวเลี่ยงควักตังค์จะจ่ายให้ ถามราคาแม่ค้า “เท่าไหร่ครับ”
“ต้องดึงเอานะคะ” แม่ค้าบอก
“นี่”
แม่ค้าบอกอีกปล่อยเชือกในมือให้เซี่ยวเลี่ยงกำไว้ “ไม่ต้องซื้อ”
เหม่ยลี่แก้เก้อเมื่อเห็นเซี่ยวเลี่ยงดึงไม่ได้สักตัว “เขาไม่ได้ใช้เงินซื้อซักหน่อย เขาใช้เชือกสุ่มเอาต่างหาก ไม่เป็นไร ลองอีกทีสิ ลองเส้นนั้นสิ อ้อ ไม่เป็นไร โธ่เอ๊ย ฉันว่ายิ่งเล่นยิ่งไม่สนุกเลย”
เกาเหวินกะอี้หมิงตามมาทันหยุดมองอยู่ใกล้ๆ
เซี่ยวเลี่ยงดึงเก้ๆ กังๆ เพราะไม่เคยทำ และดึงเท่าไหร่ก็ไม่ได้ตุ๊กตาหมีน้อยสักตัว
อ่านต่อ ตอนที่ 26
#กะรัตรัก #NOW26 #ละครออนไลน์