Diamond Lover - กะรัตรัก ตอนที่ 21
ขณะที่อี้หมิงนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้อง แปลกใจที่ติดต่อยัยอ้วนไม่ได้นั้น เสียงแปดหลอดของเกาเหวินก็ดังเข้ามาในห้อง
“เหลยอี้หมิงนอนหรือยัง”
หมอเหลยกระโดดขึ้นเตียงฟุบหน้าลงกับเตียงทันที เกาเหวินเปิดประตูเข้ามาในห้อง เดินตรงมาที่เตียงเรียก
“เหลยอี้หมิงนอนแล้วเหรอ โอ๋ๆ เหลยเหลยนอนแล้ว ง่วงเหรอ”
ซุปตาร์สาวขึ้นมาบนเตียงตบตูดเรียกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมขยับตื่นจึงลุกขึ้น เดินออกไป “เอาล่ะ ช่วยไม่ได้ ฉันกลับก่อนนะ กู๊ดไนท์”
เสียงประตูห้องเปิดห้องแล้วปิดลงดังปัง หมอเหลยค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียง แล้วต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นเกาเหวินกอดอกมองจ้องอยู่ ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้
“อ่ะอ่ะ เอ่อ แหะๆ ค่ำคืนที่ยาวนานไม่มีอารมณ์นอน ไม่คิดว่าคุณเหวินเหวินก็นอนไม่หลับ”
อี้หมิงหัวเราะแหะๆ
เกาเหวินยิ้มเจ้าเล่ห์ “ค่ำคืนแบบนี้มีค่ายิ่งกว่าทองคำจะนอนได้ไง”
สองคนนั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟาขนาดเล็ก ตรงโต๊ะกลางมีขวดเครื่องดื่มวางอยู่เต็ม อี้หมิงสยองปนแปลกใจที่เกาเหวินปิดไฟในห้องดูหนังจนมืดตึ๊ดตื๋อ
“ทำไมคุณต้องปิดไฟด้วย”
เกาเหวินถอดเสื้อคลุมออกเหลือแต่เสื้อนอนสีดำเซ็กซี่ ตอบเสียงกระเส่า
“ไม่รู้สึกเหรอว่ามันโรแมนติก”
“ไม่ ผมว่า...มันอึดอัดจะตายไป”
“ดูหนังกันเถอะ” เกาเหวินว่า
สองคนใจตรงใจยื่นมือมาจับขวดเครื่องดิ่มพร้อมๆ กัน ต่างคนต่างชะงัก
เกาเหวินยื่นขวดเครื่องดื่มให้ “ดื่มสิ”
อี้หมิงคว้าจากโต๊ะมาอีกขวดสวนขึ้นว่า “ตรงนี้ก็มี”
“ฉันเปิดให้” เกาเหวินหยิบที่เปิดขวดมาเปิดให้ อี้หมิงแย่งมาเปิดเอง
“ผมเปิดเอง”
เกาเหวินใช้ปากตัวเองเปิดฝาขวด ยื่นหน้ามาใกล้หมอเหลย เป่าฝาลงตรงเป้ากางเกงเขาพอดิบพอดี
“โอ๊ะ หล่นแล้ว” เกาเหวินยื่นมือมาจะเก็บฝาขวด หมอเหลยสะดุ้งโหยง
“โอ้ ผมเอง ผมเก็บเอง” อี้หมิงเถิบห่างออกมา แปลกใจไม่หายจนต้องถาม “เมื่อกี้นี้ คุณอารมณ์เสียอยู่ ทำไม หายเร็วจัง”
“ไม่นี่ เวลาอารมณ์ดีฉันจะเป็นแบบนี้ ไม่รู้เหรอ” พร้อมกับว่าเกาเหวินโน้มตัวมาอิงหลังโอบกอดไหล่อี้หมิงท่าทียั่วยวน
“อ้อ คือว่าผม..ไม่ดูหนังแล้วกลับห้องดีกว่า”
อี้หมิงหนีตายออกมานอกห้องปิดประตูโครมบ่นงึมงำ
“เฮ่อให้ตายเถอะไม่ได้ฉันจะอ่อนไหวไม่ได้ ฉันไม่ควรผิดต่อยัยอ้วน ต้องไปดูยัยอ้วนหน่อยแล้ว”
อี้หมิงสูดลมหายใจปลุกปลอบขวัญตัวเองหลังผ่านสถานการณ์อันเสียวสยองมาได้
อีกคืนหนึ่ง เซี่ยวเลี่ยงขึ้นรถมา รอจนฉีหยูขึ้นนั่งประจำที่คนขับแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“ติดต่อเจสัน ถามเขาว่าได้ช่วยเรื่องเกาเหวินมั้ย ถ้าช่วย ฉันยินดีสนับสนุน”
ฉีหยูหันมาทักท้วง “คุณเซี่ยว ช่วยเรื่องเกาเหวิน มันไม่ค่อย เหมาะมั้งครับ”
เซี่ยวเลี่ยงมองฉงน “ทำไม”
“ถึงความสัมพันธ์ของพวกคุณจะหลอกๆ แต่ก็เคยประกาศอย่างเป็นทางการตอนนี้คุณมีแฟนแล้ว ผมว่าไม่เหมาะ จะถูกสื่อต่างประเทศลงข่าวคุณ ว่าจับปลาสองมือ ไม่ดีหรอกครับ”
เซี่ยวเลี่ยงขัดหู “นี่ ฉันทำอะไรต้องให้นายบอกด้วยเหรอ ทำตามที่สั่ง”
“อ้อ” ฉีหยูจ๋อยรับเอาคำหันกลับไปคาดเข็มขัดนิรภัย
“มี่โตะบอกว่าเธอช่วยเกาเหวินขายเสื้อผ้าแต่ช่วยได้ไม่มาก ฉันไม่อยากให้เธอ ต้องลำบากใจ ถ้ารอให้เวลาผ่านไปค่อยไปช่วยเกาเหวินก็เป็นเรื่องดี เกาเหวินหยิ่งยโส ครั้งนี้อาจทำให้เขาโตขึ้น”
ฉีหยูยิ้มขำ แล้วหัวเราะชอบใจออกมา “คุณเซี่ยว ตอนนี้ผมเข้าใจคุณแล้วครับ ที่คุณทำไปก็เพื่อมี่โตะผมเข้าใจ”
เซี่ยวเลี่ยงขึงตาใส่ ฮึดฮัดขัดใจ “เจ้านี่นี่ ยิ่งอยู่ยิ่งคุยไม่รู้เรื่อง หา ไม่อยากทำแล้วเหรอ
ฉีหยูรีบลนลานรับคำ “หา ครับ เอ่อๆ ไม่ๆๆ ไม่ใช่”
เซี่ยวเลี่ยงพลอยหัวเราะออกมาด้วยอย่างอารมณ์ดี “ไปได้”
ทางด้านเกาเหวินเอาแต่หลบมุมคอยจ้องประตูหน้าบ้าน รอเหลยอี้หมิงออกเวรกลับมา แต่รอแล้วรอเล่าหมอเหลยก็ยังไม่โผล่มาสักที
“ฮื่อ ยังไม่กลับอีกเหรอ ไม่โทร.มา คงไม่ได้จงใจหลบฉันหรอกนะ ฉันอาจเข้าใจผิดก็ได้ ใช่แล้ว ผู้ชายที่รักเธออย่างแท้จริงจะรีบร้อนทำอะไรแบบนี้ได้ไง ต้องใช่แน่” เกาเหวินยิ้มหัวเข้าข้างตัวเองไปอีกวันก่อนจะขึ้นห้องนอนไป
“โอ้ย...เฮ่อ”
รุ่งเช้า เกาเหวินต้องทั้งเซ็งและประหลาดมาก เมื่อมีเสียงกริ่งดังขึ้น และพอเธอมาเปิดประตูแล้วเจอใครบางคนแทนที่จะเป็นเหลยอี้หมิง
“เฮ่อ มาได้ไง
เป็นเจสันที่โผล่หน้ามา อดีตผู้จัดการแปลกใจที่เห็นซุปตาร์สาวใส่ชุดนอนเบาหวิว
“เอ๊ะ เดี๋ยว ทำไมใส่ชุดแบบนี้ไม่กลัวปาปารัสซี่เหรอ
เกาเหวินเดินหนีมานั่งที่โต๊ะทานอาหาร เทน้ำดื่ม อาการหงุดหงิดไม่เบา
“นายเป็นผู้จัดการนานเกินไป อยากถูกปาปารัสซี่ถ่ายยังไม่ถูกถ่ายเลย”
“ยังไม่รู้ข่าวเหรอ”
“อ่ะ ข่าวอะไร”
“เซี่ยวเลี่ยงยังไม่ได้บอกเธอเหรอ”
เกาเหวินแปลกใจ “ทำไมต้องให้เซี่ยวเลี่ยงบอกฉัน”
“นี่ ดูพวกนี้นะ เขาจะให้เธอกลับเข้าวงการนี่คือบทเรื่องใหม่ นี่โฆษณา รับรอง...”
พร้อมกับว่าเจสันโยนแฟ้มงานลงบนโต๊ะให้ดู
เกาเหวินเปิดดู แปลกใจมากขึ้นไปอีก “จึ๊ เกิดอะไรขึ้น เราไม่ได้เจอกัน ทำไมเขาทำเรื่องใหญ่แบบนี้ล่ะ”
“ต้องถามอีกเหรอ เขามีน้ำใจไงจะบอกให้นะ เขาออกเงินฉันออกแรง นับจากวันนี้ไป เธอจะต้องเริ่มศึกษาสื่อใหญ่ๆทั้งหมดเลยฮะ” เจสันพร่ำไปจนเห็นใบหน้าเกาเหวินชัดๆ แล้วต้องตกใจ ควักของบำรุงหลายอย่างออกมาจากถุงที่หิ้วมา
“ดูผิวของเธอสิแย่มากเลย นี่แผ่นมาสก์ มาสก์วันละแผ่น ดูแขนเธอสิอย่างกับนักกล้าม หา เธอรู้ว่าฉันดีกับเธอมากใช่มั้ย ดื่มปี้เซิงหยวนยี่สิบซอง พรุ่งนี้ฉันต้องเห็นเธอผอมลงยี่สิบโลเข้าใจมั้ย”
เกาเหวินหยิบแฟ้มงานมาอ่านดูอย่างงงๆ
รุ่งเช้า ข่าวการหวนคืนวงการของซุปตาร์สาวเกาเหวินถูกสื่อนำเสนอกันอย่างครึกโครม โดยเฉพาะสื่ออนไลน์
“บริษัทต้นสังกัดของเกาเหวินเปิดเผยว่า ตอนนี้เกาเหวินได้กลับคืนสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง”
แฟนคลับสาวสองนางซื้อหนังสือพิมพ์จากแผงที่ลงข่าวเรื่องนี้เม้าท์มอยกันเบาๆ
“หายไปนานในที่สุดก็กลับมา”
ฉีหยูวางหนังสือบันเทิง พาดหัวข่าวการคืนวงการของเกาเหวินลงบนโต๊ะทำงานเซี่ยวเลี่ยง รายงานเรื่องเกาเหวินต่อเจ้านายในเช้าวันเดียวกันนี้
“คุณเซี่ยว แผนคัมแบ็คของเกาเหวินเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกอย่างราบรื่นดีครับ”
“ติดต่อเจสันให้การสนับสนุน”
“ได้ครับ”
เซี่ยวเลี่ยงพนักหน้าให้ “อื้อ”
เลขาร่างเล็กรับเอาคำแล้วเดินออกไปทันที
สักครู่หนึ่งเหม่ยลี่ก็เดินเข้ามาในห้อง เห็นหนังสือบนโต๊ะก็ร้องว้าว หยิบมาดูด้วยความดีใจ
“เรียกฉันเหรอคะ ว้าว เกาเหวินจะคัมแบ็คเหรอ”
“ผมไม่อยากให้คุณเครียดเรื่องเขา ปัญหาถูกแก้แล้ว”
“ต้องให้เครดิตคุณใช่มั้ย”
“ไม่ได้ช่วยเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว รอให้เกาเหวินกลับมาเธอต้องตอบแทนผมได้แน่ ผมไม่เคยเสียเปรียบ”
เหม่ยลี่หัวเราะคิก ก้มลงเท้าคางกับโต๊ะจ้องหน้าคนรักใกล้ๆ
“คุณเป็นคนดีจัง ฉันดูออกตั้งนานแล้ว ภายนอกคุณดูเป็นคนค่อนข้างเย็นชาแต่ภายในจิตใจ เป็นคนดีมาก สรุปแล้วก็คือ แอบซ่อน หึๆ”
เซี่ยวเลี่ยงมองตำหนิ ก่อนจะหันไปดูงานกับจอคอมพ์บนโต๊ะ “ทำไมคุณไม่รู้จักสงวนตัวเลย
เหม่ยลี่ยื่นหน้ามามองเขาทำงานหัวเราะคิกคัก สุดท้ายเซี่ยวเลี่ยงหัวเราะตามในที่สุด สองคนมองหน้ากันมุ้งมิ้งอยู่อย่างนั้น
เสียงกริ่งจากประตูบ้านดังขึ้น เกาเหวินกระวีกระวาดมาเปิดให้แล้วโพสท่าสวยรอ ก่อนจะคว้าช่อดอกไม้ที่โผล่มาก่อน เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเหลยอี้หมิงแน่ๆ แต่ต้องถอนใจอย่างผิดหวังที่เห็นเป็นเหม่ยลี่
“เฮ่อ มี่โตะมาได้ไง”
เหม่ยลี่หัวเราะขำ
เกาเหวินอึกอัก “เอ่อ...”
เหม่ยลี่ยิ้มกว้างคว้าช่อดอกไม้คืนก่อนจะยื่นให้ใหม่
“ยินดีด้วย ที่กลับเข้าวงการ”
“ขอบคุณ มานั่งก่อนสิ”
เหม่ยลี่เดินนำไปก่อน เกาเหวินยังไม่วายโผล่หน้าออกไปดูหน้าบ้านอีก เผื่อว่าอี้หมิงจะตามมา แต่ก็ต้องผิดหวังปิดประตูเซ็งๆ ตามเหม่ยลี่ไป สองสาวลงนั่งที่โต๊ะรับรองแขก
“แฮ่ นั่งก่อน นั่งๆ ขอบคุณนะ ดอกไม้สวยมาก”
“ที่ฉันมาก็เพราะได้ยินข่าวของเธอ นี่ เมื่อกี้ฉันเห็นปาปารัสซี่ด้วย เธอกลับเข้าวงการฉันดีใจมาก”
“ถึงเธอไม่มา ฉันก็ว่าจะไปหาที่บริษัท เรื่องกลับเข้าวงการต้องขอบคุณเซี่ยวเลี่ยงจริงๆ”
“เฮ่อ คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
เกาเหวินมองเหล่อย่างรู้ทัน “เป็นคนกันเองตั้งแต่เมื่อไหร่ อ๊าย ข่าวดีนะเนี่ย”
สองสาวหัวเราะยิ้มให้กันอย่างสุขใจ
ด้านเหลยอี้หมิงขับรถมาตามท้องถนนร้องเพลงอย่างเบิกบาน จนมีสายเรียกเข้า เขากดรับ
“ฮัลโหล”
เป็นเกาเหวินโทร.หาจากโต๊ะน้ำชาที่บ้านกับเหม่ยลี่
“เหลยอี้หมิง นี่คุณเลิกงานหรือยัง”
“ตอนนี้ผมกำลังกลับบ้าน มีเรื่องจะบอกด้วย เจอกันที่บ้าน” หมอเหลยวางสายไปเลย
“ฉันยังพูดไม่จบ ฮัลโหล...ฮัลโหล...เฮ่อ พูดยังไม่จบก็วางสายแล้ว ก็แค่โทร.อีก หึๆ”
เกาเหวินโทร.หาอีกแต่ติดต่อไม่ได้ “สวัสดีค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณา...”
เหม่ยลี่จิบชาอยู่มองสงสัย “มีอะไร”
เกาเหวินแปลกใจมาก โทร.หาอี้หมิงอักครั้ง “ติดต่อไม่ได้เหมือนคุยกับอีกสายอยู่
“จะมีใครสำคัญกว่าสายของเธอ” เหม่ยลี่ว่า
“มี...” เกาเหวินพูดไม่ทันจบ มือถือเหม่ยลี่มีสายเรียกเข้า เห็นอีกฝ่ายลนลานทำมือถือตก เธอเลยสงสัยใหญ่ “มีอะไรใครโทร.มา”
เหม่ยลี่อึกอัก ก่อนจะขอตัว ลุกไปรับสายห่างออกมา “เอ่อ เพื่อนฉันน่ะแป๊บนะ ฮัลโหล”
เป็นเหลยอี้หมิงที่โทร.หา “ยัยอ้วน ฉันมีข่าวดีจะบอก เกาเหวินกลับเข้าวงการ”
“ฉันรู้ฉันอยู่...” เหม่ยลี่คุยสายเสียงเบาๆ ในขณะที่หมอเหลยพูดดังลั่นรถ
“ถ้าเขาดังอีก ฉันก็อยู่บ้านเขาไม่ได้ ถึงตอนนั้นฉันก็ไร้บ้านอีกแล้ว หึๆๆ” อี้หมิงพูดสวนขึ้นพร้อมกับหัวเราะ
เหม่ยลี่ถอนใจเซ็งๆ “เรื่องแบบนี้น่าดีใจตรงไหน”
“ไม่ๆๆ น่าดีใจแน่นอน แต่เพื่ออาชีพและอนาคตของเขา เพื่อตอบสนองการกลับมาของเขา เธอก็ให้ฉันกลับไปอยู่บ้านได้ใช่มั้ย”
เหม่ยลี่อึ้ง “เอ๊ะ”
อี้หมิงพูดสวนอีกรอบ “ตกลงตามนี้ ฉันจะเก็บของรอฉันอยู่บ้านฉันจะกลับไป บ๊ายบาย”
เหม่ยลี่เซ็งที่อี้หมิงวางสายไปเลย “ฮัลโหล เดี๋ยว เฮ่อ”
เกาเหวินมองจ้องเหม่ยลี่ที่เดินกลับมานั่งที่เก่า “เพื่อนเธอมีเรื่องอะไร”
“เอ่อ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เอ่อ จริงสิเกาเหวิน เธอ...กลับเข้าวงการ ต้องกลับไปใช้ชีวิตดาราใช่มั้ย”
“อื้อ ใช่แล้ว ฉันไม่ได้อยู่หน้ากล้องตั้งนานแล้วล่ะ”
“ถ้างั้นเธอจะ..ไม่อิสระเหมือนเดิมใช่มั้ย”
“ฉันก็เคยคิดถึงปัญหานี้ ถ้าฉันโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจะไม่ทิ้งชีวิตตอนนี้แน่ ฉันชอบการใช้ชีวิตแบบธรรมดาแล้ว”
เหม่ยลี่ยิ้มแหยๆ มองมือถือด้วยท่าทีอึดอัดลำบากใจ
สองสาวยกไม้ยกมือส่งสัญญาณบางอย่างให้กันอยู่ที่บันไดขึ้นชั้นบน
ขณะที่อี้หมิงเปิดประตูเข้าบ้านมามองหาเกาเหวิน ยิ้มกริ่มที่ไม่เจอเจ้าของบ้าน เดินลั้นลาไปบอกลาโต๊ะ ตู้ เสา ชั้นวางของ ตามมุมต่างๆ อย่างเบิกบาน
“เฮ่อ นับจากวันนี้ฉันต้องบอกลาที่นี่แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน ไม่สิ ลาก่อน ลาก่อนนะ ลาก่อน ลาก่อน ลาก่อนและลาก่อน”
พอโผล่พ้นหัวมุมมาที่โถงบันไดก็โดนเกาเหวินคว้าคอมาจุ๊บแก้มฝากรอยจูบ โดยไม่ทันตั้งตัว
“ฮึ นี่เป็นการจุ๊บเพื่อขอบคุณ จุ๊บๆ”
อี้หมิงตกใจมากกว่าเดิมที่เห็นเหม่ยลี่อยู่ด้วยที่นี่ แถมใช้มือถือถ่ายรูปตอนเขาโดนจุ๊บอีกด้วย
“คุณ...อยู่นี่เหรอ”
เหม่ยลี่ยิ้มกว้าง “ทำไม กลัวขัดจังหวะเหรอ ฉันแค่เป็นพยานให้พวกคุณถ่ายรูปไว้ แล้วจะเก็บไว้อย่างดีเลย”
เกาเหวิน “ส่งให้ด้วย”
เหม่ยลี่ “ส่งแน่นอน”
อี้หมิงเซ็ง “ผมควรขอบคุณคุณงั้นสิ”
เหม่ยลี่ขำ ยิ้มแซวหมอเหลย “อะไรกัน ไม่ต้องเกรงใจ”
อี้หมิงหงุดหงิดขึงตาใส่เหม่ยลี่ “ลบเลย”
“ไม่ลบ”
“เป็นอะไร ดีใจจนโง่เหรอ ตื่นเร็วตื่นๆ ไป ไปเร็ว ไปกันเถอะไป ไปสิ นั่งลงนั่งก่อนเร็ว เรารอคุณตั้งนาน”
เกาเหวินเริงร่ายิ้มหน้าบาน ลากหมอเหลยกะเหม่ยลี่ไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะเดินไปหยิบแก้วเหล้าเลิศรสที่รินเตรียมไว้มาให้สองคนและของตัวเอง
“เอ้ามี่โตะ ของคุณ ขอบคุณมากนะ”
อี้หมิงยกแก้วอวยพร “เอ่อ...ขอให้คุณ...คัมแบ็ค”
เหม่ยลี่อวยตามโดยไม่สนใจสายตาพิฆาตของหมอเหลย
“หวังว่าเราจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป และก็...เป็นเพื่อนกันตลอดไป”
เกาเหวินชวนชนแก้วดื่ม “ขอบคุณ ชนแก้ว”
“ชนแก้ว”
สามคนดื่มฉลองให้เกาเหวินคืนวงการ
อี้หมิงหาโอกาสพูดเรื่องจะย้ายออก “เอ่อ คืองี้คุณกลับเข้าวงการ ผมอยู่บ้านคุณไม่ค่อยจะสะดวก ผมเลยคิดว่า จะย้ายออก”
เกาเหวินคิดว่าเขาห่วงภาพลักษณ์เธอยิ่งซึ้งเข้าไปอีก “กลัวจะกระทบต่อฉันเหรอ ฉันไม่ใช่คนเดิมแล้วนะ บริษัทต้นสังกัดก็ไม่ห้ามเรื่องมีแฟนและคุณก็เป็นหมอ ถึงจะมีข่าวด้านลบก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
อี้หมิงพยายามจะทักท้วง “แต่ว่า...”
เกาเหวินบอกทันที “คุณอยู่อย่างสบายใจได้”
อี้หมิงพยายามหาข้ออ้าง ถูกเหม่ยลี่เตะหน้าแข้งร้องลั่น
“เอ่อ ถ้าเกิดว่ามีปาปารัสซี่ โอ๊ย”
เหม่ยลี่เชียร์ให้อยู่ต่อ “กว่าจะมีโอกาสดีๆ คุณต้องดูแลเกาเหวินสิ ต้องคว้าโอกาสดีๆ เอาไว้”
“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ใส่ใจเลยคุณกลัวอะไร อยู่ต่อเถอะ”
เหม่ยลี่ตัดบทแล้วชวนชนแก้ว “อยู่ต่อเถอะ มาๆ ชนแก้ว”
เกาเหวินชอบใจร่าเริงสุดๆ “ชนแก้ว”
ในขณะที่เหลยอี้หมิงดื่มเหล้าไปขึงตาใส่ยัยอ้วนของเขาด้วยความแค้น เหม่ยลี่หันมามองยิ้มแหยๆ
เจิ้นตงเดินคุยกับเซี่ยวเลี่ยงเข้าบ้านมา ถามลูกชายก่อนจะลงนั่งว่า
“ได้ยินว่าแกติดต่อกับเกาเหวินอีกแล้ว ใช่มั้ย”
“เกาเหวินได้รับความนิยม และการตอบรับที่ดี ดึงเธอมาตอนนี้ ต้องมีประโยชน์แน่ครับ” เซี่ยวเลี่ยงตอบโดยไม่ยอมนั่ง
“จริงเหรอ แน่ใจเหรอ ว่าแกตัดขาดกับเขาแล้ว”
“แน่ใจครับ ถึงผมจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวช่วยเหลือเกาเหวิน แต่ผมจะควบคุมตัวเอง”
เจิ้นตงยิ้มเยาะ “ควบคุมเหรอ แกคิดว่า ความรักเหมือนธุรกิจเหรอ อยากควบคุมก็ควบคุมได้ ทำธุรกิจ ต้องใช้สมอง แต่ความรักต้องใช้หัวใจ หัวใจคน แม้ว่าจะมีต้นทุนมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถควบคุมได้ แม้แกจะมีความเชื่อมั่นลงทุนไปมากแต่สุดท้าย กลัวว่าจะเหมือนเล่นกับไฟ”
เซี่ยวเลี่ยงคิดตามแล้วตอบว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ถึงขั้นนั้น”
เจิ้นตงเตือนสติลูกชาย “ฉันไม่ต้องการให้แก กลับไปเรียนบทเรียนเก่าอีกครั้ง ไม่ว่ายังไง ฉันก็ให้แก คบกับผู้หญิงแบบนั้นไม่ได้หรอก”
เซี่ยวเลี่ยงยืนนิ่งสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ตั้งแต่ออกจากบ้านพ่อขึ้นรถมา เซี่ยวเลี่ยงนั่งหน้าเครียดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยขึ้นกับเลขาร่างเล็กว่า
“เฮ่อ ฉีหยูรู้สึกมั้ยว่า รักที่ฉันมีให้มี่โตะเสียการควบคุม”
“คุณเซี่ยวผมคิดว่า ลงทุนกับความรักคือเรื่องดี ตั้งแต่คุณคบกับมี่โตะคุณมีความสุขขึ้นมาก” ฉีหยูให้กำลังใจ
“แต่คนเปลี่ยนได้ตลอด ฉันกลัวจริงๆ ตอนนี้มี่โตะคบอยู่กับฉัน พอผ่านไปจะกลายเป็นอีกคน”
ฉีหยูแปลกใจ “กลายเป็นอีกคนงั้นเหรอ”
“เป็นคนที่หลอกฉัน แม้กระทั่ง หลอกใช้ฉัน”
ฉีหยูหัวเราะขำ ไม่เชื่อ “เฮอะ คุณเซี่ยวเป็นไปได้ไง เท่าที่ผมรู้จักมี่โตะ เธอไม่มีทางหลอกคุณแน่ แต่ว่าคุณจะพิจารณารักษาระยะห่างกับเธอมั้ย”
เซี่ยวเลี่ยงชะงัก “ห่วงเรื่องพ่อฉันเหรอ”
“ไม่ใช่แค่นั้น คนทั้งบริษัทกำลังพูดถึงเรื่องของคุณกับเธอ ความกดดันของมี่โตะยิ่งเพิ่มขึ้น”
“พวกเขาพูดอะไร”
“ช่องว่างระหว่างคุณกับเธอ อีกอย่าง คุณเซี่ยวคุณคือหัวใจหลักของบริษัท ทุกคนต้องให้ความสนใจคนข้างกายคุณอยู่แล้ว แม้แต่ผมก็ยังต้องรับมือกับคนดีคนเลวเลยผมก็เลย...เข้าใจมี่โตะเป็นอย่างดี”
เซี่ยวเลี่ยงชี้หน้าเลขาคนสนิท “นายถึงได้เป็นห่วงมี่โตะเหรอ”
ฉีหยูยิ้มแหยๆ “เฮ้ย เปล่าครับเปล่าจริงๆ เห็นเธอจากชั้นล่าง ค่อยๆ ปีนขึ้นมามันไม่ง่ายเลย บางครั้ง...ก็ทำให้นึกถึงตัวเอง”
เซี่ยวเลี่ยงถอนหายใจเครียดไม่หาย ฉีหยูสตาร์ตเครื่องออกรถไป
รุ่งเช้าซือหยวนลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาหน้าอพาร์ตเมนต์ หยุดหันไปมองอย่างอาวรณ์ นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ พนักงานหญิงของเทซีโร่นำพัสดุและจดหมายมาให้
“พี่ซือหยวนมีพัสดุและจดหมายค่ะ นี่ค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ซือหยวนรับมาเป็นพัสดุและจดหมายจากเซียนหนาน เธอเปิดออกอ่าน
“ที่รัก ผมจะเรียกที่รักเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อคุณได้อ่านจดหมาย ผมก็ไปจากที่นี่แล้ว ผมจะไม่ทำให้คุณโกรธ ไม่ทำให้คุณเดือดร้อนอีก ผมทำของโปรดของคุณ ไว้ให้คุณ คิดว่าเป็นการทำเครื่องหมาย เวลาที่เรามีความสุข ชีวิตที่ไม่มีผม คงจะทำให้คุณ มีชีวิตอย่างที่ต้องการ สุดท้าย ขอให้มีความสุข”
ซือหยวนน้ำตาร่วง นึกถึงความรักความหลังทั้งสุขและทุกข์ขึ้นมา ได้แต่บอกเซียนหนานอยู่ในใจขณะลากกระเป๋าออกไปอย่างมุ่งมั่น
“เซียนหนาน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี ลืมฉันเถอะ ลืมบาดแผลที่ฉันให้คุณ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ”
ทางด้านเซียนหนานรับงานจ๊อบแจกใบปลิวเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ แต่เจอแม่ค้าคู่แข่งขายเครื่องดื่มลดน้ำหนักสองคนที่ตั้งบูธอยู่แถวนั้นโปรโหมตสินค้าเวอร์ๆ มีลูกค้าแวะดูไม่ขาดสาย
“ชาลดน้ำหนักปี้เซิงหยวนของเรา ดื่มปุ๊บผอมปั๊บไม่กลับมาโยโย่ ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นซื้อสองกล่องตอนนี้แถมแก้วหนึ่งใบค่ะ พวกคุณดูสิคะ โปรโมชั่นสุดพิเศษแบบนี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ กี่กล่องดีคะ”
เซียนหนานมองหนักใจ เขาถูกกลั่นแกล้งดูแคลนสารพัน ยื่นใบปลิวให้ป้าคนหนึ่งที่เดินมาแต่ถูกปฏิเสธ
แต่สุดท้ายความจริงใจของเขาซึ่งเก็บกระเป๋ามาคืนให้ลูกค้าคราวป้าคนหนึ่ง และชนะใจทุกๆ คน พากันมาเหมาซื้อสินค้าของเขาจนเกลี้ยง
“เอ๊ะๆๆ พ่อหนุ่ม ป้าถามเธออย่างหนึ่งสิ ชาดีท็อกซ์ลำไส้ได้ผลดีหรือเปล่า มันดีเหมือนกับสรรพคุณที่เขียนในใบปลิวจริงเหรอ ดื่มไม่กี่ครั้งก็เห็นผลน่ะ”
“มันดีจริงๆ ครับเป็นสมุนไพร แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนด้วยครับ เอ่อ ผมพูดได้เพียงเท่านี้”
“ฉันชอบฟังความจริง พ่อหนุ่มคนนี้ซื่อตรงมาก นี่ ป้าน่ะจะอุดหนุนเธอ ป้าจะซื้อ เอ่ออะไรนะ ชาดีท็อกซ์...”
เซียนหนานบอกว่า “ชาดีท็อกซ์”
“ใช่ เอ่อ ขอบคุณที่เธอช่วยเอากระเป๋ามาคืนป้า ถ้ากินได้ผลจะมาซื้ออีก”
“จริงเหรอครับ”
“จริงสิจ๊ะ นี่ อาเจินเมื่อกี้นี้ เธอใส่ร้ายเขาใช่มั้ย ซื้อเลยนะ”
อาเจินบอกว่า “อ้อๆ ได้ เอ๊ะไม่ใช่แค่เราที่ต้องซื้อ เมื่อกี้คนอื่นก็ใส่ร้ายเขา”
“ใช่ๆ พวกเธอก็ต้องซื้อ นะ”
อาเจินบอกอีกว่า “พวกเราก็ซื้อกันหมดเลยดีมั้ย”
“ดีๆๆ มาๆๆ” ทุกคนกรูมาซื้อชาดีท็อกซ์
เซียนหนานหยิบให้แทบไม่ทัน “อ้อ นี่สองกล่องครับ”
“จ๊ะๆๆ นี่ๆ มาซื้อให้หมดเลย มาๆๆ”
เซียนหนานยิ้มขอบคุณป้าที่ช่วยเขาไว้ “ขอบคุณครับพี่สาว”
ป้ายิ้มขอบคุณ “อ้อ ไม่เป็นไรจ้ะ”
ซือหยวนเดินออกมาหน้าตึกพบหลินจื่อเหลียงที่รออยู่นานแล้ว “ท่านรองหลิน”
จื่อเหลียงหันมาหาบอกเธอว่า “รอตั้งนาน จะพาไปที่นึง” แล้วเดินนำไปที่รถ
ไม่นานต่อมาจื่อเหลียงพาซือหยวนมาดูห้องชุดคอนโดสุดหรูที่เขาซื้อไว้ ซือหยวนยืนนิ่งไม่ยอมเข้าไป จนจื่อเหลียงหงุดหงิด เดินมานั่งที่มุมรับแขก
“เหม่ออะไรเข้ามา นั่นคือห้องคุณ ห้องเก็บของเปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัว แล้วเสื้อผ้าในตู้ลองใส่ดู ถ้าไม่เหมาะ ค่อยเปลี่ยนใหม่”
“ขอบคุณนะคะ ฉันรับไว้ไม่ได้”
“ปฏิเสธผมอีกแล้ว” จื่อเหลียงขัดใจ
“ฉันเป็นลูกน้อง ฉันมีความสามารถ อีกอย่าง ฉันไม่ต้องการให้ผู้ชายมาเลี้ยงฉันแบบนี้” ซือหยวนว่า
“ผู้หญิงทำให้ผู้ชายเลี้ยงอย่างเต็มใจ ก็เป็นความสามารถ” จื่อเหลียงพรายยิ้มลุกเดินไปหาเธอ “บริษัทมีผู้หญิงตั้งมากมาย ทำไมต้องเป็นคุณล่ะ บอกมาลังเลอะไรอยู่”
ซือหยวนอึดอัด “ฉันเพิ่งเลิกกับแฟนคงอยู่กับคุณ...ในทันทีไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ใกล้บริษัท ผมกลับดึกถึงจะมาค้างไม่ได้ ให้อยู่ฟรี ผมมีเงื่อนไข”
“เงื่อนไขอะไร”
“หลังเลิกงานทำอาหารให้ผมกินทุกวัน”
ซือหยวนอึกอัก “ฉัน...”
จื่อเหลียงตัดบท “ตกลงตามนี้”
อี้หมิงนั่งเครียดอยู่ในรถ สุดท้ายกดโทร.หาเกาเหวิน
“ฮัลโหล คุณว่างมั้ย มาเจอกันหน่อยผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
เกาเหวินงัวเงียตื่นมารับสาย โดยไม่ทันดูว่าใครโทร.มา “ว่างสิ”
“โอเค”
เกาเหวินได้สติว่าอี้หมิงโทร.มานัดพบ ดีดตัวลุกขึ้น ดี๊ด๊าเป็นการใหญ่คิดว่าหมอเหลยจะบอกรัก กระโจนลงจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำเติมสวยให้ใบหน้า
“โอ๊ะ คุยกับฉัน หื๊อหักห้ามใจไม่ไหวล่ะสิ จะบอกรักเหรอ ใส่ชุดไหนดี ชุดไหน เฮ่อ ความสวยต้องเริ่มจากใบหน้า สู้ๆ”
เหลยอี้หมิงมานั่งรอเกาเหวินในร้านกาแฟที่นัดไว้ จนซุปตาร์สาวโผล่มาจึงร้องทัก
“อ้อ ไง”
“ไง” เกาเหวินลงนั่ง สวมแว่นดำพรางตัว
อี้หมิงเลื่อนแก้วกาแฟที่เขาสั่งมาให้ “อ่ะดื่มกาแฟ ผมยังไม่ได้ดื่ม รสโปรดของคุณ คุณไม่ต้องสนใจผม ผมสั่งอีกไม่ได้ถ้าสั่งอีกต้องรอนาน ร้านนี้คนเยอะมากเลยดูสิ”
“อื้อ เรียกมาดื่มกาแฟเหรอ”
“ใช่ ไม่ ไม่ใช่ นอกเรื่องไปหน่อย ที่จริงผมมีอยู่เรื่องหนึ่ง อยากจะบอกคุณตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ว่า..ผมรู้สึกอายน่ะ”
เกาเหวินยิ้มกริ่ม คิดว่าเขาจะสารภาพรัก “เฮอะ ไม่ดีตรงไหน อ๋อ โธ่เอ๊ย มันน่าอายตรงไหนกัน คุณๆๆก็พูดมาสิ”
“ที่จริงมีสองเรื่อง เรื่องแรก ขอบคุณคุณมากในช่วงเวลาที่ผมตกต่ำที่สุด คุณให้ผมอยู่บ้านคุณ เรื่องที่สองคือ ผมคิดว่า...”
เกาเหวินหัวเราะคิกคัก สวนออกมาว่า “เฮ้ย เอ่อ อย่าคิดอย่างเดียวคุณเป็นผู้ชายอยากทำอะไรก็ทำสิ”
“งั้นพูดละนะ”
เกาเหวินพยักหน้ารอฟัง “อื้ม”
“ผมอยากย้ายออกไป”
“ได้สิ” เกาเหวินเคลิ้ม หัวเราะร่าเริง
อี้หมิงดีใจ “จริงเหรอ ย้ายวันนี้เลย”
เกาเหวินได้สติออุทานลั่น “ย้าย...ย้าย...ย้าย จะย้ายออกไปเหรอ”
“ใช่”
“ทำไม”
อี้หมิงอึกอัก “เอ่อ ที่จริงผมคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว คุณจะกลับเข้าวงการก็ต้องคิดถึงภาพลักษณ์สิผมเป็นผู้ชาย มาอยู่บ้านคุณทุกวัน มันจะ..ทำให้คุณเดือดร้อน”
เกาเหวินสวนออกไปว่า “ทำให้ฉันเดือดร้อนตรงไหน คุณบอกฉันเองว่าคนอื่นจะมองยังไงอย่าไปสน ตอนนี้ฉันทำได้แล้ว”
“ใช่ๆๆ คุณพูดถูก แต่พอมาคิดดูอีกทีแล้ว ถึงยังไงมันก็ก้าวก่ายอาชีพคุณ ผมจะประมาทไม่ได้เลย วันนี้ผมจะย้ายออกไป ไม่พูดแสดงว่าเห็นด้วยงั้นตกลงตามนี้”
หมอเหลยหัวเราะเรี่ยราด พลางเรียกพนักเก็บตังค์ “น้อง เช็คบิล”
เกาเหวินเอ่ยขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน”
อี้หมิงเง็ง “ว่าไง”
“ต้องทำสิ่งที่ฉันต้องการ”
อี้หมิงงงใหญ่ “ต้องการเหรอ”
เหลยอี้หมิงประหลาดใจมากเมื่อเกาเหวินชวนเขามานั่งรถเมล์สาธารณะด้วยกัน โดยซุปตาร์สาวสาสวมแว่นตาทรงโตแถมปิดปากด้วยหน้ากากผ้าสีดำอีกด้วย
“นี่เหรอที่คุณต้องการ โหนรถเมล์เนี่ยนะ”
“นี่ไม่ใช่ที่ฉันต้องการ ต้องนั่งรถเมล์กับคุณต่างหากล่ะ ตอนเอาชุดไปคืนฉันก็คิดแล้ว เมื่อฉันโด่งดังขึ้นมาจะพาคุณมาลิ้มรสที่ถูกคนอื่นวิ่งตาม ตอนนี้ฉันไม่ได้รับความนิยมแต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวคงดีขึ้นรอหน่อย” เกาเหวินอธิบาย
“ความนิยมของคุณไม่ใช่ต่ำเล็กน้อย แต่มันต่ำมากเลยล่ะ”
“ไม่มีคนมากรี๊ดฉันแล้ว”
ผู้โดยสารหญิงคนหนึ่งดูข่าวในมือถือแล้วร้องโวยวาย
“ตายแล้ว เกลียดจริงๆ ทำไมทุกที่มีแต่ข่าวของเกาเหวิน”
“ใช่นอกจากตาโต จะมีอะไรถึงเข้าวงการได้อีก” อีกคนเสริม
ชายชุดดำบอกว่า “เฮอะๆ ใครจะชอบเขา”
ชายชุดส้มเห็นด้วย “นั่นสิ”
หญิงอีกคนเสริมว่า “จริงด้วย”
ชายชุดส้มชวนคนอื่นๆ ดูรูปในมือถือ “นี่ๆดูรูปสิ”
เกาเหวินได้ยินคำนินทาเตต็มสองหู อี้หมิงเห็นใจบอกเธอว่า “เฮ้ย อย่าไปสน ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
หญิงอีกคนเม้าท์ไม่เลิก “กลับเข้าวงการได้ไงเนี่ย”
“รูปนี้ยิ่งดูไม่ได้เลย” ชายชุดดำว่า
ชายชุดส้มเห็นด้วย “เซ็กซี่ตรงไหนเนี่ย”
“มีแต่ข่าวแย่ๆ ทั้งนั้น ไม่ควรได้รับโอกาสเลย” หญิงคนเดิมสรุป
เกาเหวินสุดทนถอดแว่นตา ปลดหน้ากากออก โบกมือให้พร้อมกับร้องทักทุกคนว่า “ไฮ้”
อี้หมิงทำได้เพียงยกมือกันและบังหน้าเกาเหวินไม่ให้แต่ละคนถ่ายได้ถนัด
ชายชุดดำจำได้ “เกาเหวินนี่”
ชายชุดส้มก็จำได้เช่นกัน “เกาเหวิน”
หลายคนซุบซิบ ยกมือถือมาถ่ายพรึ่บ ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอเกาเหวินบนรถเมล์
“หวัดดีฉันเกาเหวิน หวัดดีทุกคน เมื่อกี้พวกเธอบอกว่าฉันมีแต่ข่าวแย่ๆ ใช่มั้ย”
หญิงที่เม้าท์เกาเหวินปฏิเสธพัลวัน “เปล่านะ”
“ฉันได้ยินนะ”
ชายชุดส้มก็ปฏิเสธ “เปล่าซักหน่อย”
เกาเหวินจ้องหน้าขาเม้าท์แต่ละคนเขม็ง “ดูไปแล้ว พวกคุณชอบดาราหญิงที่สวยเซ็กซี่มีความสามารถ ใช่มั้ยคะ ใช่มั้ย ฉันพูดถูกมั้ย ฉันจะมีผลงานใหม่หวังว่าจะสนับสนุนฉันนะคะขอบคุณ ขอบคุณ”
อี้หมิงทนไม่ไหว เมื่อเห็นแต่ละครหยิบมือถือมาถ่ายเกาเหวินไม่หยุด
“พอแล้วๆๆ อย่าถ่ายได้มั้ย ให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ ไม่ต้องถ่ายแล้วทุกคนไม่ต้องถ่ายแล้ว”
รถเมล์จอดป้ายพอดี อี้หมิงดันเกาเหวินหนีลงรถไปทันที ส่วนเขาเอาตัวเองกันขาเม้าท์ไว้
แต่บรรดาขาเม้าท์หลายคนเรียกไว้เซ็งแซ่ “เกาเหวินๆๆๆ อย่าเพิ่งไป เกาเหวิน”
“นี่ รีบลงไป เร็วเข้า นับหนึ่งถึงสามนะ หนึ่ง สอง สาม วิ่ง”
อี้หมิงคว้าแขนเกาเหวินพากุมแน่นสองคนโกยแน่บ โดยมีขาเม้าท์วิ่งลงรถตามมาเป็นพรวน เกาเหวินยิ่งปลื้มหมอเหลยเป็นทวีคูณ
หลายคนพากันวิ่งตามจนหอบ ร้องเรียกไว้ “เกาเหวิน เดี๋ยว ขอถ่ายรูปหน่อย นักวิ่งร้อยเมตรหรือไงเนี่ย”
เกาเหวิน กะ อี้หมิงหลุดจากกองทัพขาเม้าท์มาได้ พากันหยุดหอบเหนื่อยทั้งคู่
“เล่นซะหอบเลย โง่หรือเปล่าเนี่ย น่าวิ่งตามตรงไหน วิ่งตามมาตั้งนาน จะถ่ายรูปก้นคุณหรือก้นผมก็ถ่ายไม่ได้เฮ่อตามอยู่ได้จริงสิ นึกได้แล้ว มีคนนึงบอกว่าผมหล่อ หรือว่าเขา วิ่งตามผมคุณวิ่งทำไมเหนื่อยเปล่าเฮ่อ ไม่ล้อเล่นแล้ว นับจากนี้ไป
คุณอย่าพาผม มาวิ่งมาราธอนอีกผมวิ่งไม่ไหว อ่ะกางเกงแทบหลุด เฮ่อ มองผมทำไม มีอะไรเหรอ”
เกาเหวินซึ่งถอดรองเท้าวิ่งหนีมา มองหน้าอี้หมิงไม่วางตา หัวเราะชอบใจ “เปล่าหรอก”
“ถามว่ามองผมทำไม”
“เฮ่อ ความสัมพันธ์ของเราถูกเปิดเผยแล้ว เราไม่ต้อง...หลบซ่อนแล้ว”
อี้หมิงงง “ความสัมพันธ์อะไร”
“ก็รูมเมทไง เราถูกคนอื่นถ่ายรูปที่เราจับมือกัน ฉัน...ใจกว้างกับคุณ คุณต้องรับผิดชอบ”
“ผมต้องรับผิดชอบอะไรทำไมต้องโยงไปไกล คุณทำเองเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”
“ใครทำก็ช่าง มานี่ ยืนตรง”
“ยืนตรงไม่ไหว”
“ยืนดีๆ ฉันจะพูดเรื่องจริงจัง”
อี้หมิงบ่นเบาๆ “พูดสิ”
“นับจากนี้ไป คุณเหลยอี้หมิง คุณชอบฉันได้อย่างเปิดเผยเต็มตัว มาปลดปล่อยความรู้สึก”
อี้หมิงตาเหลือก “หา”
“กอดฉัน กอดสิ”
อี้หมิงบ่ายเบี่ยง คิดหาข้อแก้ตัวพัลวัน
“หา ไม่ๆ ผม...เดี๋ยวก่อน เวียนหัว”
“เวียนหัวอะไรของคุณ”
“ผมเวียนหัว”
เกาเหวินมองเหล่รู้ทัน “แกล้งใช่มั้ยเนี่ย”
“อยากอ้วก”
“อยากอ้วกจริงๆ เหรอ เป็นอะไร”
“โอ้ยๆ โทร.เรียกรถดับเพลิงมาที”
เกาเหวินเซ็งสุดๆ “จะบ้าเหรอ เรียกมาทำไม”
เสียงผู้ประกาศข่าว รายงานข่าวการกลับมาของเกาเหวินและขุดสัมพันธ์รักกับเซี่ยวเลี่ยงมาแฉทางจอทีวี รายงานข่าวนั้นปรากฏบนจอทีวีขนาดใหญ่ในสนามบินเซี่ยงไฮ้
“การกลับมาของเกาเหวิน,คนที่สนับสนุนคือแฟนเก่าของเกาเหวิน นั่นก็คือประธานเซี่ยวเลี่ยง เพราะอะไรเขาถึงได้ให้ความสนใจแฟนเก่า ที่เคยทำร้ายเขามีการเปิดเผยว่าเซี่ยวเลี่ยงยังไม่ลืมเกาเหวินทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกัน”
เยี่ยฉีถอดแว่นหยุดดูข่าวนี้ ยิ้มบางๆ พร้อมกับพึมพำออกมาว่า
“เซี่ยวเลี่ยง ฉันกลับมาแล้ว”
“รายงานของหนานหนาน ภาพการออกแบบของเล่อเล่อ หมิงหมิงอยู่ฝ่ายออกแบบทำไมยังทำงานจุกจิกอย่างนี้อีก”
เหม่ยลี่ทำงานง่วนอยู่ที่ออฟฟิศ จนกระทั่งมีสายจากเซี่ยวเลี่ยงโทร.หา เธอรีบกดรับ โดยไม่รู้ว่าเซี่ยวเลี่ยงย่องเข้ามาใกล้ๆ โต๊ะแล้ว
“ฮัลโหล”
“ทำงานอยู่เหรอ”
“ใช่ ฉันทำโอที”
จู่ๆ เซี่ยวเลี่ยงก็โผล่พรวดขึ้นมาข้างๆ โต๊ะทำงานแหกปากเรียกชื่อเธอเสียงดังลั่น “มี่โตะ”
เหม่ยลี่ตกใจร้องกรี๊ด “อ๊าย”
“วางงานลง ไปดินเนอร์กัน”
เซี่ยวเลี่ยงเก๊กขรึมบอกแล้วเดินนำออกไป
“จู่ๆ ก็มาเซอร์ไพรส์ น่าอายจริงๆ”
เหม่ยลี่หัวเราะหึๆ เห็บของบนโต๊ะ แล้วคว้ากระเป๋ารีบตามเขาไป
บังเอิญอะไรเบอร์นี้ เยี่ยฉีนั่งกินดื่มอยู่กับชายหญิงคู่หนึ่งในร้านอาหารหรูที่สองคนพากันมาดินเนอร์
“ดื่ม”
เหม่ยลี่เกี่ยวแขนเซี่ยวเลี่ยงเดินเข้าร้านมา เหลียวมองบรรยากาศอย่างตื่นตา “จะกินที่นี่จริงเหรอ”
“แน่นอนสิ ที่นี่อร่อย”
เซี่ยวเลี่ยงชะงักเมื่อมองเห็นอดีตคนรัก ปล่อยมือมี่โตะของเขาทันที เหม่ยลี่มองฉงนฉงาย
เยี่ยฉีหันมาเรียกพนักงานชะงักเช่นกันเมื่อเห็นเซี่ยวเลี่ยง “น้องคะ”
ทั้งคู่มองเห็นภาพความรักความหลังเมื่อครั้งอดีต ตอนรักกันหวานชื่น จนเลิกรากันในที่สุดเมื่อเยี่ยฉีเป็นฝ่ายบอกเลิก
“สัญญานะ หากใจคุณมีฉัน อ้อมกอดของคุณจะเป็นของฉันคนเดียว ไทก็ผูกไม่เป็น ฉันไม่อยู่จะทำไง”
“อ๋อ งั้นเหรอ ถ้างั้นคุณก็อยู่กับผมตลอดไปสิ เขาเป็นใคร ทำไมถึงอยู่กับเขา เพื่อคุณแล้วผมต้องทะเลาะกับพ่อทำไมต้องทรยศผม
“คุณละทิ้งทุกอย่างไม่ใช่เพราะฉันหรอก แต่เพราะความวู่วาม และความโง่ของคุณ”
“ถ้าผมไม่ใช่ลูกของเซี่ยวเจิ้นตง คุณจะยังรักผมมั้ย”
“ออกไป”
ตอนนั้นเซี่ยวเลี่ยงร้องไห้ออกมา
เซี่ยวเลี่ยงดึงตัวเองกลับมาบอกเหม่ยลี่ว่า “เปลี่ยนร้านเถอะ”
เหม่ยลี่งงๆ อยู่อย่างนั้น “มีอะไร”
“เซี่ยวเลี่ยง ขอตัวซักครู่ค่ะ”
เสียงเยี่ยฉีทักดังขึ้น ก่อนเธอจะขอตัวเพื่อนร่วมโต๊ะ เดินมาทักเขา “ไม่เจอกันนานนะ”
เซี่ยวเลี่ยงหันมาหาทักตอบด้วยท่าทีเย็นชา “ไม่เจอกันนาน”
เหม่ยลี่มองเยี่ยฉีงงๆ “คุณเซี่ยวคนนี้คือ...”
“ฉันเป็นเพื่อนเก่าของเขา ฉันแซ่เยี่ย”
“สวัสดีค่ะคุณเยี่ย ฉันมี่โตะ ฉันเป็น...”
เซี่ยวเลี่ยงชิงตอบไปว่า “เธอเป็นพนักงาน”
เยี่ยฉียิ้มให้ “บังเอิญจัง กลับมาก็เจอคุณเลย สบายดีมั้ย”
“อ้อ สบายดี ขอบคุณที่ห่วง เอ่อ โทษที มีงานค้าง ผมไปล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงทักตอบกลับไปแกนๆ แล้วตัดบทเดินออกไปทันที
ในรถที่แล่นมาตามทาง เหม่ยลี่แปลกใจไม่หายเลยต้องถาม
“คุณเป็นอะไรทำไมถึงออกมามีธุระด่วนเหรอ
“เปล่าหรอก ไม่ต้องห่วง”
“ไม่สบายเหรอ”
“อย่ากวนผมขับรถ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่เซี่ยวเลี่ยงไม่ยอมรับสาย
จนเหม่ยลี่แปลกใจ “ไม่รับเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงไม่รับ แถมคว่ำหน้าจอลง เหม่ยลี่แปลกใจมาก
หลังส่งเหม่ยลี่เข้าบ้านเซี่ยวเลี่ยงกลับมาถึงคอนโด เปิดตู้เย็นหยิบเครื่องดื่มออกมา มีสายเรียกเข้าดังขึ้น เขาตัดสินใจกดรับสาย พูดมะนาวไม่มีน้ำไปว่า
“ฮัลโหล ไม่มีอะไรต้องคุยกัน”
“ทำไมไม่ลบเบอร์ฉันล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงตัดสายทิ้งทันที คว้าเครื่องดื่มเข้าห้องไป ส่วนเยี่ยฉีหน้าเสียที่ถูกตัดสายใส่อย่างนั้น
รุ่งเช้าเซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาที่ห้องทำงานเจอฉีหยูเข้ามารายงานว่า
“คุณเซี่ยว คนแซ่เยี่ยมารอพบคุณ”
เซี่ยวเลี่ยงเปิดประตูห้องเห็นเป็นเยี่ยฉีก็ฉุนกึก “ใครให้เข้ามา”
“เธอบอกว่านัดกับคุณไว้”
“รอฉันอนุญาตก่อน ออกไป”
“ครับ”
พอเจอหน้าอดีตคนรักจังๆ เซี่ยวเลี่ยงก็ต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้า
“นิสัยพูดโกหกแก้ไม่หายซะที ผมเคยนัดคุณเหรอ”
“ฉันอยากคุยเรื่องธุรกิจ ต้องอ้างเหตุผลนี้” เยี่ยฉีว่า
เซี่ยวเลี่ยงยิ้มเยาะ “เฮอะ ธุรกิจงั้นเหรอ ไม่มีอะไรต้องคุย ยังไงผมก็ไม่ทำ กลับไปเถอะ”
“ฉันยังไม่ได้พูดเลย คุณก็ปฏิเสธแล้ว ยังโกรธฉันอยู่เหรอ”
“ผิดแล้ว อย่าพูดคำว่าโกรธเลย ผมแค่ไม่สนใจ” เซี่ยวเลี่ยงเดินหนีมานั่งที่โต๊ะทำงานโดยไม่แยแส
“ฉันรู้ว่าคุณยังโกรธอยู่ เซี่ยวเลี่ยง มันผ่านไปแล้ว”
พร้อมกับว่าเยี่ยฉีถือวิสาสะมาลงนั่งตรงหน้าเขา เซี่ยวเลี่ยงโกรธ ทุบโต๊ะดังปัง
อ่านต่อ ตอนที่ 22