เกมพยาบาท ตอนที่ 21
เกษณีย์เดินเข้ามาในบ่อน คมที่ยืนคุมบ่อนอยู่เข้าไปหา
"เดี๋ยวครับ"
"มีอะไร"
"ขอตรวจอาวุธก่อนครับ"
"จะบ้าเหรอ ชั้นไม่หาเรื่องใส่ตัวขนาดพกอาวุธมาให้โง่หรอก"
"ก็ไม่แน่หรอกครับ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคนดี มีแต่คนชั่วเท่านั้นที่จะมา คุณก็น่าจะรู้ตัวดี"
คมตรวจอาวุธเกษณีย์ไม่พบอะไร
"เชิญครับ"
เกษณีย์เดินหงุดหงิดเข้าไปข้างในห้องเสี่ยเป้า
เกษณีย์เข้ามาเจอเกสรถูกจับมัดตัวมัดปากไว้ โดยมีเดชควบคุมเกสรอยู่
"คุณแม่ ปล่อยแม่ชั้นนะ"
เสี่ยเป้าบอก "ปล่อยแน่ อย่าลืมทำตามข้อตกลงล่ะกัน"
"ชั้นไม่ตกลงอะไรทั้งนั้น ปล่อยแม่ชั้นเดี๋ยวนี้"
"คิดว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วซะอีก"
เสี่ยเป้าดึงปืนออกมาข่มขู่
เกษณีย์กับเกสรตกใจกลัวปืนที่เสี่ยเป้าขู่
"ไม่คิดว่าจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง"
"โอเค ชั้นยอมก็ได้ ปล่อยแม่ชั้นไปก่อน แล้วชั้นถึงจะยอม"
"รู้นะว่าผมถือสาเรื่องคำพูด พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ใครกล้าผิดคำพูดกับผม ผมไม่เอาไว้แน่"
"ไม่ต้องมาขู่หรอกน่า ชั้นบอกว่าโอเคก็โอเคสิ"
เสี่ยเป้าหันไปบอกคม
"เอาตัวมันกลับไป"
"ครับเสี่ย"
คมกับเดชเข้ามาเอาตัวเกสรออกไป เกสรพยายามดื้นรนจะพูดอะไรกับเกษณีย์แต่อู้อี้ฟังไม่รู้เรื่องเพราะมีผ้าปิดปากไว้
"คุณแม่ไปเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง เกษเอาตัวรอดได้"
คมกับเดชเอาตัวเกสรออกไป เสี่ยเป้าเก็บปืน
"พูดกันง่ายๆ แบบนี้ ผมชอบ"
เสี่ยเป้าเริ่มเข้ามานัวเนียเกษณีย์ เกษณีย์ขยะแขยงแต่จำต้องยอม
ห้องนอนเสี่ยเป้า เสี่ยเป้าส่งยาให้เกษณีย์
"กินซะ เกมส์จะได้สนุกขึ้น"
"ยาอะไร"
"อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาหน่อยเลย กินเข้าไปเถอะน่า รับรองสนุกแน่"
เกษณีย์ไม่ยอมกินยา เสี่ยเป้าเอายากรอกปากเกษณีย์
เกษณีย์กินยาปลุกเซ็กซ์เข้าไป เสี่ยเป้าลงมือปล้ำเกษณีย์
ณ บ้านพักตากอากาศของปราณ อัคคีตื่นขึ้นมา รีบร้อนขึ้นไปห้องนอนชั้นบน
อัคคีเปิดประตูเข้าไปไม่เห็นฉัตรชบาแล้ว วิ่งกลับลงไปชั้นล่าง
อัคคีลงมาข้างล่างก็หาไม่เจอ
"หรือว่าจะหนีไปแล้ว"
อัคคีคว้ากุญแจรถ เปิดประตูจะออกไป เจอฉัตรชบากลับมาถึงพอดีพร้อมถุงกับข้าว
"ไปไหนมา"
"ชั้นออกไปเดินเล่นหน้าหาด ชาวประมงเค้าเอาอาหารทะเลมาขาย ชั้นก็เลยซื้อมาทำกับข้าว"
อัคคีโล่งใจไป
"นายคงคิดว่าชั้นจะหนีสินะ"
"ก็มันน่าคิดมั๊ยล่ะ"
"นายคิดถูกแล้วล่ะ นายมันน่ารังเกียจ ชั้นไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับนายหรอก"
ฉัตรชบากลับเข้าไปในบ้าน อัคคีตามไป
"แล้วทำไมไม่หนี"
"ที่นี่บ้านเพื่อนชั้น คนที่ต้องไปจากที่นี่ไม่ใช่ชั้น แต่เป็นนายต่างหาก นายไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำไป"
ฉัตรชบาลงมือทำอาหาร
"จะทำอะไร"
"ก็ทำข้าวเช้าน่ะสิ นายนี่เป็นผู้คุมที่แย่ที่สุด ไม่คิดบ้างเหรอว่าชั้นก็ต้องกินข้าวนะ จะปล่อยให้ชั้นอดตายรึไง"
"ทำเป็นเหรอ"
"อย่ามาดูถูกกันนะ"
"งั้นก็ทำเผื่อด้วย"
"กินเป็นเหรอข้าวน่ะ คิดว่ากินแต่เลือด เห็นดุได้ดุดี"
อัคคีเอานิ้วบิดจมูกฉัตรชบา
"เวลาเถียงฉอดๆ แบบนี้ ก็น่ารักดีนะ"
"ชั้นเจ็บนะ"
"อยากเจ็บกว่านี้ป่ะ"
อัคคีเข้ามาจะกอด ฉัตรชบาคว้ามีดมาถือ
"อย่าเข้ามานะ ไหนๆ ก็จะเป็นสุภาพบุรุษแล้ว เป็นให้มันครบทั้งกลางวัน กลางคืนสิ"
"โอเคๆ ไม่ยุ่งก็ได้ ทำให้อร่อยก็แล้วกัน หิวจะแย่อยู่แล้ว"
อัคคีเดินไปนั่งที่โซฟา ฉัตรชบาลงมือทำอาหาร
"คนบ้า เดี๋ยวก็ใส่ยาพิษให้กินซะเลยนี่"
ฉัตรชบาลงมือทำอาหารแต่แล้วกลับรู้สึกหน้ามืด วูบจะล้ม มือปัดข้าวของหล่นตกพื้นเสียงดัง
"ชบา"
อัคคีรีบลุกมาดู เห็นฉัตรชบากองอยู่ที่พื้น
"เป็นอะไรไป ชบา ชบา"
ฉัตรชบาค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โซฟารับแขก อัคคีเอายาดมอังไว้ที่จมูก
"ฟื้นแล้วเหรอ เป็นอะไรมากมั๊ย รู้สึกยังไงบ้าง"
"ชั้นหน้ามืดน่ะ....เวียนหัวด้วย"
"ชั้นจะเข้าเมืองไปซื้อยานะ อยู่คนเดียวได้มั๊ย หรือจะไปด้วยกัน"
"นายไปเถอะ ชั้นอยู่ได้"
"แน่นะ"
"อืม"
"โอเค จะรีบกลับนะ ถ้าไหวก็กินข้าวต้มนี่ซะก่อน จะได้มีแรง"
ฉัตรชบาเหลือบตาไปมองชามข้าวต้ม
"นายทำเองเหรอ"
"ใช่"
"ทำเป็นด้วยเหรอ"
"แหม...ทำยังกับคุณไม่เคยกินกับข้าวฝีมือผม จะให้ผมป้อนไหมล่ะ"
"ไม่ต้องชั้นกินเองได้"
"อย่าลืมกินล่ะ"
ฉัตรชบาพยักหน้าให้
"ไปล่ะ จะเอาอะไรก็โทร.ไปบอกนะ"
"อืม"
อัคคีออกไป มือถือฉัตรชบาดังขึ้น เห็นเบอร์คนโทร.เข้าเป็นปราณ
"ว่าไง..ปราณ"
ปราณในเครื่องแบบสจ๊วตอยู่ในที่ห้องพักโรงแรมดูดี
"เราเพิ่งบินมาถึง เลยจะโทร.มาถามว่ายูเป็นยังไงบ้าง โอเคมั๊ย อยู่ได้รึเปล่า"
"อยู่ได้สิ สบายมาก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
"เรื่องที่ยูปรึกษาเราน่ะ ก็ค่อยๆ คิดนะ เอาหัวใจตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วก็ตามหัวใจไป เดี๋ยวก็ได้คำตอบ"
"แล้วถ้าหัวใจนำเราไปผิดทางล่ะ เรายังควรทำตามหัวใจอยู่มั๊ย"
"ยูเป็นคนจิตใจดี คนที่มีหัวใจที่ดี ไม่มีทางเลือกสิ่งที่ผิดหรอก"
"แต่ชั้นกลัวมันจะผิดน่ะสิ"
"บางทีสิ่งที่เราเลือกมันอาจจะผิดต่อคนอื่น แต่ถ้าเลือกตามหัวใจแล้วล่ะก็ ไม่มีทางผิดต่อตัวเองหรอก เชื่อเราสิ เรื่องความรักเนี่ย เราเจอมาเยอะ"
"ขอบใจนะ"
"โอเค แค่นี้ก่อนนะ เราต้องนอนแล้ว เทคแคร์นะครับ"
"เทคแคร์จ้ะ"
ฉัตรชบากดวางสาย ถอนใจเฮือกใหญ่
"ชั้นจะเลือกตามหัวใจได้จริงเหรอ"
อัคคีเดินออกมาจากร้านขายยาแล้วกำลังเดินกลับไปที่รถ ขณะที่กำลังจะเปิดประตู ถูกคนร้ายคนหนึ่งเอามีดจี้หลัง
"เงียบไว้ ถ้ามึงไม่อยากตาย"
"ต้องการอะไร"
"เงินทั้งหมดในตัวมึง"
"วิธีนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ"
"มึงอยากหาเรื่องตายหรือไง ส่งเงินมา"
อัคคีต่อสู้กับคนร้าย 1 คนร้าย 2 ที่ดูลาดเลาอยู่แถวนั้นรีบเข้ามาช่วย
"อยากตายนักเหรอมึง"
คนร้าย 1 แทงเข้ามาอย่างแรง อัคคีหลบและแย่งมีดมาได้ เสียงนกหวีดตำรวจดังขึ้น
คนร้าย 2 บอก "เฮ้ย...พ่อมึงมาแล้ว"
"ไอ้ห่า อย่าให้กูเห็นมึงอีกนะ มึงตายแน่"
คนร้ายทั้งสองวิ่งหนีไป ตำรวจเข้ามาถึง
"เกิดอะไรขึ้นครับ" หมวดพายุถาม
"ผมโดนปล้นน่ะครับ แต่พวกมันไม่ได้อะไรไป"
"พวกมันอาจจะแค้น แล้วกลับมาหาเรื่องคุณอีก แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ดีมั๊ยครับ คุณ..."
"อัคคีครับ ผมชื่ออัคคี"
หมวดพายุมองหน้าทันทีที่ได้ยินชื่ออัคคี
หมวดพายุคุ้มกันอัคคีมาส่งถึงที่พัก ลงจากรถมาคุยกัน
"ไม่มีใครตามมานะครับ ผมเช็คหมดแล้ว"
"ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์ตามมาส่ง"
"เป็นหน้าที่ของตำรวจต้องคุ้มกันประชาชนอยู่แล้วครับ"
ฉัตรชบาออกมาเปิดประตู
"ชบา ภรรยาผมน่ะครับ"
หมวดพายุมองไปที่ฉัตรชบาแล้วนิ่งไป
ต่อมา ... ศรุตรับโทรศัพท์จากหมวดพายุ
"ว่าไงไอ้หมวด ได้เรื่องอะไรมั๊ย"
"ชั้นเจอตัวคนที่แกให้ตามหาแล้ว"
"มันต้องอย่างนี้สิเพื่อนรัก ไม่เสียแรงที่ขอความช่วยเหลือจากแก แชร์โลเกชั่นมาหน่อย ชั้นจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย"
เสียงกริ่งประตูดัง
"เออ...เดี๋ยวเจอกัน"
ศรุตวางสาย เดินไปเปิดประตู สิรดามาหา
"ก็บอกแล้วไงว่าจบนะ พูดไม่รู้เรื่องเหรอ"
"มันคงจบไม่ได้หรอกค่ะ สิร์ท้อง"
ศรุตกับสิรดานั่งคุยกันในห้อง
"ผมมีลูกตอนนี้ไม่ได้"
"คุณจะให้สิร์เอาเด็กออกเหรอ"
"ผมไม่รู้ว่าคุณจะทำยังไง แต่ผมไม่สามารถเป็นพ่อของเด็กในท้องคุณได้"
"ทำไมล่ะคะ ทำไมจะเป็นไม่ได้"
"ผมกำลังจะแต่งงาน แต่งกับคนที่ผมรัก"
"แล้วสิร์ล่ะ คุณไม่รักสิร์เหรอ"
"เราก็แค่สนุกกันเท่านั้น คุณเองก็เคยพูดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ"
"แต่สิร์กำลังท้องนะ ใจคอคุณจะไม่รับทั้งสิร์ทั้งลูกเลยเหรอ"
"เอางี้นะ ผมจะให้เงินคุณก้อนหนึ่ง ส่วนเรื่องเด็กคุณจะเก็บหรือไม่เก็บไว้ก็แล้วแต่คุณ แต่ผมไม่เซ็นต์รับรองเป็นพ่อ เงินที่ผมจะให้มันมากพอที่จะซื้ออิสรภาพของผมคืน"
สิรดาน้ำตาไหลนิ่งเงียบงัน
"เงินห้าล้าน มันน่าจะพอสำหรับการเริ่มชีวิตใหม่ของเราทั้งคู่นะ"
สิรดาอึ้งไปทำอะไรไม่ถูก
ศรุตเซ็นเช็คแล้วยื่นให้สิรดา
"ผมต้องไปแล้ว"
ศรุตลุกขึ้น สิรดาลุกตาม
"คุณคิดว่าเงินของคุณมันแก้ปัญหาได้ทุกอย่างเหรอคะ"
สิรดามองศรุตอย่างอาฆาตแค้นและแฝงไปด้วยเลศนัย
สิรดาออกจากห้องไป ศรุตถอนใจโล่ง
ภายในร้านน้ำชาหรูสไตล์ฝรั่ง
นวลพรรณกับหญิงหมัดนั่งจิบน้ำชารออยู่
นวลพรรณบอก
"ชาร้านนี้เค้าดีนะ เดี๊ยนดื่มมาตั้งแต่สาวๆ รสดี๊ดี บริการก็ดี"
"อะไรๆ ก็ดีไปหมดแบบนี้ เทคโอเว่อร์เป็นเจ้าของไปเลยสิคะ จะมัวเป็นลูกค้าอยู่ทำไม"
"ก็คิดๆ อยู่เหมือนกันนะ เธอว่ากี่ล้าน"
"เกินสิบน่ะ"
"อันนั้นมันแน่อยู่แล้ว แบรนด์นี้เค้าดังจะตาย"
อำภาเดินเข้ามาถึง
"เฮลโหล มากันนานรึยังคะ"
หญิงหมัดบอก
"นั่งๆๆ รอจนชาหมดไปสองพ็อตแล้วเนี่ย คืนนี้ไม่ต้องนอนกันพอดี"
"เอาเอิร์ลเกรย์เหมือนเดิม"
"เหมือนเดิมสิคะ เคยเปลี่ยนซะที่ไหน"
นวลพรรณหันไปสั่งบริกร
"ขอเอิร์ลเกรย์พ็อตหนึ่งค่ะ แล้วขอน้ำผึ้งด้วยนะ"
"ได้ค่ะคุณผู้หญิง"
"ว้ายตายแล้ว เธอเอาสร้อยอะไรมาใส่น่ะ ลิเกมาก" หญิงหมัดทัก
"ของโบราณนะเธอ ดีไซน์มันก็เลยเก่าไปหน่อย"
"ไหนขอชั้นดูใกล้ๆ" หญิงหมัดหยิบแว่นมาสวม "อะไรเนี่ย"
"เพชรสิจ้ะ"
"ได้มาจากไหน"
"พอดี มีคนเค้าร้อนเงินเลยเอามาฝากไว้น่ะ"
"อ๋อ...เดี๋ยวนี้รับจำนำของด้วยเหรอเนี่ย" นวลพรรณว่า
"ก็ช่วยๆ กันไป คนรู้จักกันน่ะ"
"เธอให้เค้าไปเท่าไหร่"
"3 ล้าน"
"เธอโดนหลอกแล้วล่ะ"
"อะไรนะ"
"เพชรพวกนี้มันเพชรปลอมทั้งนั้น ทั้งเส้นเนี่ย 10,000 ยังแพงไปเลย"
"จริงหรอ นี่พูดจริงๆ เหรอ"
"เธอจะไม่เชื่อเจ้าของร้านเพชรก็ตามใจ แต่ชั้นบอกได้คำเดียวว่าเธอโดนหลอก"
อำภาอึ้งพูดอะไรไม่ออก
ทางด้านเกสรนั่งให้คนใช้นวดอยู่ คุยโทรศัพท์ไปด้วย
"ของแท้สิคะคุณพี่ น้องจะเอาของปลอมไปหลอกคุณพี่ได้ยังไง เป็นไปไมได้ค่ะ"
"แต่เจ้าของร้านเพชรเค้าบอกว่ามันปลอม พูดตรงๆ นะ ถ้าคุณเกสรไม่เอาเงินสามล้านมาคืนดิชั้นภายในวันนี้ ดิชั้นจะแจ้งความ"
"โอ๊ย อย่าค่ะคุณพี่ อย่าใจร้อนสิคะ เพชรชุดนั้นมันของแท้จริงๆ นะคะ ของเก่ามรดกตกทอดกันมาเกือบร้อยปีเลยนะคะ"
"จะกี่ร้อยกี่พันปีชั้นไม่สน ในเมื่อมันเป็นของปลอม ชั้นก็จะเอาเงินชั้นคืน หรือหล่อนอยากไปนอนในคุกก็ตามใจ"
"ใจเย็นๆ นะคะคุณพี่ คือ คืนก็คืนค่ะ แต่ขอเวลาหาเงินสักนิดนะคะ"
"ชั้นต้องการเงินคืนวันนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ชั้นจะแจ้งความ"
เสียงวางสายไป เกสรขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห
"เงินตั้งสามล้าน ชั้นจะไปหามาจากไหน อีบ้า"
เกสรหน้าเครียดทั้งโกรธทั้งกลุ้ม
ที่บ้านพักตากอากาศ อัคคีบิดผ้าขนหนูจะเช็ดตัวให้ฉัตรชบา
"ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ชั้นทำเองได้"
"เอาน่า แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น"
"เพิ่งจะรู้นะว่านายก็มีมุมนี้กับเค้าเหมือนกัน"
"ก็ไม่ใช่กับทุกคนหรอกนะ"
"แล้วทำไมนายถึงทำดีกับชั้น"
"ก็คุณไม่สบาย จะให้ผมใจดำไม่ดูแลเลย มันก็เกินไป"
อัคคีเช็ดตัวเสร็จ
"โอเค นอนพักซะ ตื่นมาเดี๋ยวก็หาย"
อัคคีเอาชามใส่น้ำกับผ้าขนหนูออกไปเก็บ ฉัตรชบาคิด ๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดไลน์
ข้อความไลน์ที่ฉัตรชบากดออกไป “พี่ฉัตร มารับชบาที่หัวหินด้วยค่ะ ชบาจะรอนะคะ”
ฉัตรชนกอ่านไลน์เสร็จรีบร้อนเก็บของลุกออกไปจากห้องทันที โทร.หาจิดาภาไปด้วย
"คุณจิครับ ชบาติดต่อมาแล้ว"
"คุณชบาเป็นไงบ้างคะ"
"ผมยังไม่ทราบเลยครับ ชบาบอกให้ผมไปรับที่หัวหิน ไปด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมแวะไปรับ"
"ได้ค่ะ"
ฉัตรชบาเห็นอัคคีเดินกลับมาก็รีบแกล้งหลับ อัคคีมาดู
"อ้าว...หลับไปซะแล้ว"
อัคคีกดๆโซฟาดูเห็นว่าแข็งๆ
"ไม่น่าจะนอนสบาย"
อัคคีตัดสินใจอุ้มฉัตรชบาขึ้นบันไดไปห้องนอน
อัคคีอุ้มฉัตรชบามาวางลงบนเตียง
"นอนบนนี้ดีกว่านะ สบายกว่าเยอะ"
อัคคีห่มผ้าให้แล้วจับมือไว้
"หายเร็วๆนะครับคนดี"
อัคคีก้มลงจูบที่หน้าผากฉัตรชบา
อัคคีเบาๆ
"ผมรักคุณนะ ฉัตรชบา"
อัคคีลุกเดินออกไป ฉัตรชบาลืมตาขึ้น รู้สึกปลื้มใจกับสิ่งที่อัคคีทำให้ ก่อนหยิบมือถือมา คิดๆตัดสินใจ
"ชั้นจะให้โอกาสนายก็แล้วกัน"
ฉัตรชบาตัดสินใจกดไลน์
ฉัตรชนกได้รับไลน์จากฉัตรชบา อ่านแล้วแปลกใจ
"หือ..."
ฉัตรชนกจอดรถหน้าคอนโดจิดาภาพอดี จิดาภายืนรออยู่ เตรียมจะขึ้นรถ แต่ฉัตรชนกลงจากรถ
"เดี๋ยวครับ"
"คะ"
"ชบาเพิ่งไลน์มาบอกว่า ไม่ต้องไปรับแล้ว"
"อ้าว..ทำไมล่ะคะ"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"ลองโทรถามดูมั๊ยคะ"
ฉัตรชนกกดเบอร์ฉัตรชบา
ฉัตรชบารับสายจากฉัตรชนก
"พี่ฉัตร ชบาไม่สะดวกคุยค่ะ"
"บอกพี่มาก่อนว่าชบาโอเครึเปล่า"
"ชบาโอเคค่ะ ไม่ต้องห่วง แค่ยังไม่อยากกลับ"
"ทำไมชบาเปลี่ยนใจล่ะ"
"ชบาก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ชบาจะบอกทีหลังนะคะ แค่นี้นะคะ"
ฉัตรชบารีบวางสายแล้วแกล้งหลับต่อ อัคคีเดินเข้ามาดู เห็นฉัตรชบาหลับอยู่ก็เดินออกไป ฉัตรชบาลืมตา
"เป็นอะไรไปนะเรา ทำไมถึงอยากอยู่กับนายบ้านั่นก็ไม่รู้"
อัคคีแอบย่องกลับมามองฉัตรชบาอยู่หน้าประตูแล้วยิ้ม
ฉัตรชนกท่าทางกังวล หลังวางสายจากน้องสาว
"ผมไม่เข้าใจชบาเลย แต่จะไปตามหาก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน"
"ใจเย็นๆก่อนดีกว่าค่ะ คุณชบาหนีไปเพราะไม่อยากถูกกดดันเรื่องแต่งงาน เราก็ไม่ควรไปคาดคั้นกดดันเธอเพิ่มนะคะ เอาไว้ให้เธอสบายใจเมื่อไหร่ คงติดต่อกลับมาเองแหละค่ะ"
ฉัตรชนกเครียด
"อยากรู้จริงๆ ทำไมชบาถึงเปลี่ยนใจ"
อัคคีมาลงนั่งข้างเตียงที่ฉัตรชบาแกล้งหลับอยู่
"คุณรักผม"
ฉัตรชบาตกใจแต่ไม่กล้าลืมตา แกล้งทำหลับต่อ
"ที่คุณไม่อยากกลับเพราะคุณรักผม"
ฉัตรชบาอดทนไมไหว ลืมตาผ่างขึ้น
"ชั้นไม่ได้รักนาย คนบ้า"
ฉัตรชบาคว้าหมอนมาตี
"อย่ามั่วได้มั๊ย คนอย่างชั้นน่ะเหรอจะรักนาย ไม่มีทางหรอก"
"คุณแกล้งหลับเพื่อให้ผมดูแล ให้ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจ คุณรักผมชัดๆ"
"ไม่ได้รัก ชั้นไม่ได้รักนาย นายต่างหากที่รักชั้น"
"แน่ใจเหรอ ผมอาจจะโกหกเพราะรู้ว่าคุณแกล้งหลับก็ได้"
ฉัตรชบาอึ้งๆ ไป
"นั่นไง ใจหายเลยสิ ใจหายเลยใช่มั๊ย ฮ่าๆๆ"
ฉัตรชบาเอาหมอนฟาด
"กวนประสาท รู้งี้ชั้นให้พี่ฉัตรมารับกลับก็ดี"
"แต่คุณไม่อยากกลับนี่ คุณอยากอยู่กับผม ผมได้ยินหมดแล้ว"
ฉัตรชบาทั้งอายทั้งเจ็บใจ อัคคียื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
"ตกลงที่ไม่สบายเนี่ย แกล้งหรือเรื่องจริง"
ฉัตรชบาคว้ามืออัคคีมาอังหน้าผากตัวเอง
"ไม่เห็นรึไงว่าตัวร้อนอ่ะ"
"ใครเค้าวัดไข้ด้วยวิธีนี้กันเล่า"
ฉัตรชบาทำหน้างงๆ
"เค้าวัดไข้กันแบบนี้"
อัคคีจูบหน้าผากฉัตรชบาเนิ่นนาน
"พอได้แล้ว"
ฉัตรชบาดึงตัวออกมา
"ตัวร้อนจริงๆ ด้วย เดี๋ยวผมไปเอายาให้ นอนซะ แล้วอย่าคิดหนีอีกล่ะ"
อัคคีเดินออกไป
"คนบ้า รู้ทันไปหมดทุกเรื่อง...ฮึ่ย"
เกษณีย์จะออกจากห้องนอน เสี่ยเป้าเปิดประตูเข้ามา
"จะไปไหน"
"เกษจะกลับบ้าน"
"ใครให้กลับ"
"อย่าบอกนะว่าจะขังเกษไว้ที่นี่"
"คุณต้องอยู่ที่นี่จนกว่าผมจะพอใจ"
"แต่ถ้าเกษไม่กลับ คุณฉัตรเค้าต้องออกตามหาแน่ๆ เกษคงสนองตัณหาเสี่ยอีกไม่ได้"
เสี่ยเป้ายิ้ม เดินเข้ามาหาเกษณีย์แล้วตบฉาด เกษณีย์ล้มคว่ำไป
"อย่าคิดมาขู่คนอย่างกู มึงต้องสนองตัณหากูไปอีกนาน จนกว่าจะคุ้มหนี้"
เสี่ยเป้าเข้ามาดึงตัวเกษณีย์แล้วโยนลงไปบนเตียง ตบซ้ายตบขวา
"ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย"
"โชคร้ายหน่อยนะ ผมมันพวกชอบความรุนแรง ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งชอบ"
"ไอ้ซาดิสต์"
"ใช่ ผมมันซาดิสต์"
เสี่ยเป้าฟีจเจอริ่งไปตบไปให้เห็นความทรมานของเกษณีย์
ฉัตรชบารับสายจากฉัตรชนก
"พี่ฉัตร ชบาไม่สะดวกคุยค่ะ"
"บอกพี่มาก่อนว่าชบาโอเครึเปล่า"
"ชบาโอเคค่ะ ไม่ต้องห่วง แค่ยังไม่อยากกลับ"
"ทำไมชบาเปลี่ยนใจล่ะ"
"ชบาก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาไว้ชบาจะบอกทีหลังนะคะ แค่นี้นะคะ"
ฉัตรชบารีบวางสายแล้วแกล้งหลับต่อ อัคคีเดินเข้ามาดู เห็นฉัตรชบาหลับอยู่ก็เดินออกไป ฉัตรชบาลืมตา
"เป็นอะไรไปนะเรา ทำไมถึงอยากอยู่กับนายบ้านั่นก็ไม่รู้"
อัคคีแอบย่องกลับมามองฉัตรชบาอยู่หน้าประตูแล้วยิ้ม
ฉัตรชนกท่าทางกังวล หลังวางสายจากน้องสาว
"ผมไม่เข้าใจชบาเลย แต่จะไปตามหาก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน"
"ใจเย็นๆก่อนดีกว่าค่ะ คุณชบาหนีไปเพราะไม่อยากถูกกดดันเรื่องแต่งงาน เราก็ไม่ควรไปคาดคั้นกดดันเธอเพิ่มนะคะ เอาไว้ให้เธอสบายใจเมื่อไหร่ คงติดต่อกลับมาเองแหละค่ะ"
ฉัตรชนกเครียด
"อยากรู้จริงๆ ทำไมชบาถึงเปลี่ยนใจ"
อัคคีมาลงนั่งข้างเตียงที่ฉัตรชบาแกล้งหลับอยู่
"คุณรักผม"
ฉัตรชบาตกใจแต่ไม่กล้าลืมตา แกล้งทำหลับต่อ
"ที่คุณไม่อยากกลับเพราะคุณรักผม"
ฉัตรชบาอดทนไมไหว ลืมตาผ่างขึ้น
"ชั้นไม่ได้รักนาย คนบ้า"
ฉัตรชบาคว้าหมอนมาตี
"อย่ามั่วได้มั๊ย คนอย่างชั้นน่ะเหรอจะรักนาย ไม่มีทางหรอก"
"คุณแกล้งหลับเพื่อให้ผมดูแล ให้ผมพูดสิ่งที่อยู่ในใจ คุณรักผมชัดๆ"
"ไม่ได้รัก ชั้นไม่ได้รักนาย นายต่างหากที่รักชั้น"
"แน่ใจเหรอ ผมอาจจะโกหกเพราะรู้ว่าคุณแกล้งหลับก็ได้"
ฉัตรชบาอึ้งๆ ไป
"นั่นไง ใจหายเลยสิ ใจหายเลยใช่มั๊ย ฮ่าๆๆ"
ฉัตรชบาเอาหมอนฟาด
"กวนประสาท รู้งี้ชั้นให้พี่ฉัตรมารับกลับก็ดี"
"แต่คุณไม่อยากกลับนี่ คุณอยากอยู่กับผม ผมได้ยินหมดแล้ว"
ฉัตรชบาทั้งอายทั้งเจ็บใจ อัคคียื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
"ตกลงที่ไม่สบายเนี่ย แกล้งหรือเรื่องจริง"
ฉัตรชบาคว้ามืออัคคีมาอังหน้าผากตัวเอง
"ไม่เห็นรึไงว่าตัวร้อนอ่ะ"
"ใครเค้าวัดไข้ด้วยวิธีนี้กันเล่า"
ฉัตรชบาทำหน้างงๆ
"เค้าวัดไข้กันแบบนี้"
อัคคีจูบหน้าผากฉัตรชบาเนิ่นนาน
"พอได้แล้ว"
ฉัตรชบาดึงตัวออกมา
"ตัวร้อนจริงๆ ด้วย เดี๋ยวผมไปเอายาให้ นอนซะ แล้วอย่าคิดหนีอีกล่ะ"
อัคคีเดินออกไป
"คนบ้า รู้ทันไปหมดทุกเรื่อง...ฮึ่ย"
เกษณีย์จะออกจากห้องนอน เสี่ยเป้าเปิดประตูเข้ามา
"จะไปไหน"
"เกษจะกลับบ้าน"
"ใครให้กลับ"
"อย่าบอกนะว่าจะขังเกษไว้ที่นี่"
"คุณต้องอยู่ที่นี่จนกว่าผมจะพอใจ"
"แต่ถ้าเกษไม่กลับ คุณฉัตรเค้าต้องออกตามหาแน่ๆ เกษคงสนองตัณหาเสี่ยอีกไม่ได้"
เสี่ยเป้ายิ้ม เดินเข้ามาหาเกษณีย์แล้วตบฉาด เกษณีย์ล้มคว่ำไป
"อย่าคิดมาขู่คนอย่างกู มึงต้องสนองตัณหากูไปอีกนาน จนกว่าจะคุ้มหนี้"
เสี่ยเป้าเข้ามาดึงตัวเกษณีย์แล้วโยนลงไปบนเตียง ตบซ้ายตบขวา
"ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย"
"โชคร้ายหน่อยนะ ผมมันพวกชอบความรุนแรง ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งชอบ"
"ไอ้ซาดิสต์"
"ใช่ ผมมันซาดิสต์"
เสี่ยเป้าฟีจเจอริ่งไปตบไปให้เห็นความทรมานของเกษณีย์
พัฒนะรีบร้อนกลับเข้ามาล็อคห้อง ล็อคกลอน ล็อคทุกอย่าง
แล้วนั่งหอบที่เก้าอี้ นึกไปถึงก่อนหน้านี้ที่คุยกับเกษณีย์
"ใกล้ถึงกำหนดต้องใช้ไอ้เสี่ยเป้ามันแล้ว ไหนล่ะเงิน"
"ชั้นไม่มี และจะไม่มีให้แกอีกตลอดไป"
"อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า เธอก็รู้ว่าเงินนั่นมันแลกกับอะไร หรือเธออยากให้ มันเห็นความลับชั่วๆ ของเธอ ... ว่ายังไง ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ติดคุกไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีนะ หรืออาจจะตลอดชีวิตก็ได้ เธอจะแลกเหรอ?"
"เลิกข่มขู่ชั้นได้แล้ว ชั้นไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาให้แก"
" ก็เงินไอ้เสี่ยเป้าไง เอาเงินมันใช้หนี้มันเอง สะใจเป็นบ้า"
"ฉันไม่เอาด้วย พอกันที ชั้นเบื่อเรื่องนี้เต็มทีแล้ว"
พัฒนะคิดแล้ว
"ต้องเป็นฝีมือนังชั่วนั่นแน่ๆ อยากมีเรื่องกับกูนักใช่ไหม กูก็จะมีเรื่องให้มึงดู"
พัฒนะกดโทรศัพท์
"คุณฉัตรชนกเหรอครับ ผมพัฒนะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
ฉัตรชนกเข้ามาในผับ เห็นพัฒนะนั่งรออยู่แล้ว
"คุณบอกว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"เรื่องเมียคุณ"
"เกษณีย์"
"หรือจะเรียกอีกอย่างว่าฆาตรกรก็ได้นะครับ"
"คุณพูดเรื่องอะไร ฆาตรกรอะไรกัน"
"คุณอยากรู้เรื่องทั้งหมดใช่ไหม ผมจะเล่าให้ฟัง"
ผ่านเวลา ... จิดาภาเปิดประตูให้ ฉัตรชนกยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าหม่นเศร้า
"ผมรู้แล้วว่าใครฆ่าศา"
จิดาภาเข้าไปโอบกอด ลูบหลังเบาๆเป็นการปลอบใจ
"ทำใจดีๆ ไว้นะคะ"
ฉัตรชนกนั่งซึมอยู่ที่โซฟา
จิดาภาคุยโทรศัพท์กับอัคคี
"ทั้งหมดเป็นฝีมือของคุณเกษณีย์ เธอเป็นคนวางแผนทุกอย่าง และลากตัวนายพัฒนะเข้ามาร่วมแผนชั่วด้วย"
ที่บ้านพักตากอากาศของปราณ อัคคีคุยโทรศัพท์
"สารเลว"
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเข้าใจผิดมาตลอด ชั้นหวังว่าคุณจะไม่ผิดมากไปกว่านี้นะคะ"
อัคคีรู้สึกผิดและโทษตัวเองที่ทำเรื่องเลวร้ายกับฉัตรชบาและครอบครัว
ฉัตรชบาหลับไปแล้ว อัคคีกลับเข้ามานั่งลงข้างๆ
"ผมขอโทษ ขอโทษที่เข้าใจพวกคุณผิดมาตลอด" อัคคคีหอมหน้าผากฉัตรชบา "ยกโทษให้ผมด้วยนะ"
ฉัตรชบาลืมตาค่อยๆตื่นงัวเงีย
"อัคคี...นายเป็นอะไร"
"ตื่นเถอะ ผมจะพาคุณกลับบ้าน"
อัคคีลูบหน้าผากฉัตรชบาเบาๆ ชบางงว่าเกิดอะไรขึ้น
อัคคีจอดรถหน้าบ้านฉัตรชบา
"แล้วผมจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟังวันหลังนะ คุณไม่สบายอยู่ เข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
"ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ ชั้นงงไปหมดแล้ว"
"แล้วผมจะเล่าให้คุณฟัง ขอผมสะสางเรื่องบางอย่างก่อน ฝันดีนะครับ"
ฉัตรชบางงๆ ลงจากรถไป อัคคีขับรถออกไป
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
คฑานั่งหลับไปหน้าคอมพ์และกองภาพถ่าย มือถือดัง คฑาตื่นมารับสาย
"ครับคุณอัคคี"
อัคคีโทรหาคฑา
"ขอที่อยู่นายพัฒนะให้ผมด่วน"
คฑาค้นหาภาพถ่ายเซฟเฮ้าส์พัฒนะ
"ตอนนี้เลยเหรอครับ"
"ผมต้องการเร็วที่สุด"
คฑาเจอภาพถ่ายเซฟเฮ้าส์
"โอเคครับ ที่อยู่นะครับ"
อัคคีฟังเสร็จ รีบขับรถไปอย่างรวดเร็ว
+++
พัฒนะจะเข้าเซฟเฮ้าส์ แต่รถของอัคคีพุ่งเข้ามาจอดเสียก่อน
พัฒนะตกใจสุดขีด
อัคคีลงจากรถมา
"อัคคี"
อัคคีไม่พูดไม่ฟังอะไรทั้งนั้นพุ่งเข้าชกพัฒนะจนล้มไป ตามไปชก พัฒนะสู้ไม่ได้ พยายามจะหนีเข้าเซฟเฮ้าส์แต่ไม่สำเร็จ อัคคีลากตัวออกมาชกไม่ยั้ง
"คนอย่างมึงมันสมควรตาย"
พัฒนะหาจังหวะควักปืน ออกมายิงใส่อัคคี
อัคคีโดนยิงล้มไป พัฒนะรีบหนีเข้าเซฟเฮ้าส์ไป
ภายในเซฟเฮ้าส์ พัฒนะล็อคทุกอย่างแน่นหนา ก่อนจะเจอเข้ากับเกษณีย์ที่นั่งรออยู่แล้ว
พัฒนะในสภาพยับเยิน เลือดเต็มตัว ตกใจที่เห็นเกษณีย์
เกษณีย์รีบเข้ามาหาประคองพัฒนะด้วยสายตาอ่อนโยน
"คุณเป็นอะไรมากไหมคะคุณพัฒนะ"
พัฒนะมองเกษณีย์ด้วยความหวาดระแวงกับท่าทีที่เปลี่ยนไป
"เจ็บมากไหมคะ"
"คุณต้องการอะไร"
"ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะ เราเป็นพวกเดียวกัน เกษเป็นห่วงคุณเลยตามมาดูแลไงคะ"
พัฒนะผลักเกษณีย์ออกไป "กูไม่เชื่อมึง"
"เกษว่าคุณไปหาหมอเถอะค่ะ เลือดคุณออกเยอะเลยนะคะ มาค่ะเกษช่วย"
เกษณีย์เข้าไปประคองพัฒนะให้ลุกขึ้น
ทันใดนั้น เกษณีย์เอาปืนจ่อเข้าที่ท้องของพัฒนะ
"เดี๋ยวคุณก็จะไม่เจ็บแล้วนะคะ"
"จะทำอะไร อย่านะ"
"เสียใจด้วย ความลับต้องเป็นความลับ"
เกษณีย์ยิงปืนใส่พัฒนะสามนัดติด
พัฒนะล้มลงขาดใจตาย เกษณีย์มองอย่างเลือดเย็น
ด้านหน้าเซฟเฮ้าส์
อัคคีได้ยินเสียงปืนสามนัดติด ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
อ่านต่อตอนที่ 22