กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 24
ที่งานประกาศรางวัล เหล่าแฟนคลับชูป้ายรูป ป้ายข้อความบอกรักให้กำลังใจ และป้ายรูปซุปตาร์สาว พร้อมกับร้องเรียกชื่อ “เกาเหวินๆๆๆ” ไม่หยุดไม่หย่อน
เกาเหวินโบกมือให้ พลางถามอี้หมิงขึ้นขณะมาหยุดบนพรมแดง เตรียมเดินเข้างาน
“คนมากมายขนาดนี้ คุณกล้าเดินต่อไปพร้อมฉันมั้ย”
อี้หมิงยกแขนให้ควง “แน่นอน ไปกันเถอะ”
สองคนควงแขนกันเดินไป เกาเหวินโบกมือให้แฟนๆ มีเสียงตะโกนเรียก “เกาเหวินๆๆๆ” ดังคลอตลอด ทุกก้าวย่างที่ทั้งคู่เดินเคียงกันไป
“คำถามนั้นคุณคิดได้หรือยังว่าจะตอบยังไง”
อี้หมิงไม่ตอบแต่กลับถามเสียงอบอุ่นว่า “หนาวมั้ย”
“นิดหน่อย”
อี้หมิงถอดสูทมาสวมทับเดรสเกาะอกให้ “แบบนี้หายหนาวรึยัง”
เกาเหวินมองหน้าหมอเหลยด้วยความซาบซึ้ง
เสียงแฟนคลับกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ “เกาเหวินๆๆๆๆ”
โดยไม่มีใครคาดคิด อี้หมิงค่อยๆโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ประทับจูบริมฝีปากเกาเหวินอย่างละมุนละไม ต่อหน้าแฟนคลับและแสงไฟแฟลชจากกองทัพสื่อมวลชนที่ระดมกันถ่ายภาพช็อตเด็ดไม่ยั้ง
แน่นอนว่าเหม่ยลี่มองภาพนี้อยู่ด้วยอาการตะลึงตะไลคาดไม่ถึง จากจอทีวีในร้านเยี่ยฉี
เหลยอี้หมิงละตัวออกมา พูดสำทับการกระทำเมื่อครู่นี้ว่า
“คำตอบนี้ คุณยอมรับได้มั้ย”
เกาเหวินยิ้มกระหยิ่มดีใจเหลือเกิน ยกมือปิดปากด้วยอาการขวยเขิน โดยไม่ได้เห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของหมอเหลย
สองคนเดินควงกันเข้างานไปท่ามกลางเสียงร้องยินดีของแฟนๆ
ขณะที่เหม่ยลี่ยังยืนอึ้งๆ อยู่นั้น เยี่ยฉีต้องแปลกใจที่เห็นซือหยวนเดินฉับๆ เข้ามาหาในร้านเสื้อ
“นักออกแบบหลิวคุณมาได้ยังไง”
“คุณเยี่ย ข้อมูลที่คุณให้ฉันหาค่ะ”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ” เยี่ยฉีรับมาเปิดดู
ซือหยวนนิ่วหน้าเมื่อเห็นรอยแผลมีเลือดซึมออกมาที่แขนซ้ายเยี่ยฉี
“เป็นอะไรเหรอคะ”
“เมื่อกี้ถูกมีดบาดนิดหน่อยน่ะ” เยี่ยฉีบอก
“ไปค่ะ ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ไม่ต้องหรอก”
“ไม่ได้หรอก ไปเถอะค่ะ” ซือหยวนคะยั้นคะยอประคองพาลุกเดินออกไป
“ขอบคุณมาก”
เหม่ยลี่หันมาเห็นรีบเอายามาให้ “คุณเยี่ย”
“ไม่ต้องแล้ว ไปกันเถอะ”
เยี่ยฉีตัดบท แล้วเดินนำออกไปเลย
ซือหยวนงุนงงสงสัยที่เห็นเหม่ยลี่อยู่ที่นี่ด้วย แต่ไม่มีเวลาทักถาม ต้องตามดีไซเนอร์สาวไปโดยเร็ว ทิ้งให้เหม่ยลี่ยืนงงอยู่เพียงลำพัง
ที่งานประกาศรางวัล เกาเหวินควงแขนอี้หมิงเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว บรรดานักแสดงหญิงรุ่นน้องต่างร้องทักทายเกาเหวินไม่ขาดสาย
“สวัสดีค่ะพี่เหวิน”
“พี่เหวินยอดมากเลยค่ะ”
เกาเหวินแจกยิ้มไปทั่ว พาหมอเหลยมาลงนั่งที่หน้ากระจกเอาตัวเองคล้องคอเขาจากด้านหลังบอกว่า
“จากวันนี้ไปคุณต้องยอมรับการถูกจับตามองนะ คุณทำได้มั้ย”
“ผมจะพยายาม”
เกาเหวินยิ้มปลื้มลืมโลก
ระหว่างนี้เจสันวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาหาหน้าตื่น
“ที่รัก ฉันฉันยุ่งจนหัวหมุนแล้วเลยไม่ได้ไปรับเธอ เอ๊ะ เสียงกรี๊ดข้างนอกเมื่อกี้เพราะเธอเหรอ”
อี้หมิงลุกจากเก้าอี้มายืนข้างๆ เจสัน
เกาเหวินบอกผู้จัดการว่า “เพราะฉันแน่นอนสิ สาเหตุสำคัญคือเราสองคนประกาศว่าเป็นแฟนกันแล้ว”
เจสันโมโห อยากจะบ้าตายเมื่อได้ฟัง หันไปชี้หน้าด่าอี้หมิง “เธอ...เธอเพิ่งกลับมา ทำไมถึง...”
อี้หมิงยื่นแขนไปจับไหล่เชิงปลอบ “เอาล่ะๆๆ อย่าตื่นเต้น ค่อยๆ พูด”
เจสันไม่พอใจปัดมืออี้หมิงออก “เอามือออกไป แล้วฉันจะอธิบายกับนักข่าวยังไง ฉัน...”
อี้หมิงผลักผู้จัดการหนุ่มใจสาวออกไป มองจ้องหน้าเกาเหวิน เจสันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เอ๊ะ รังแกกันขนาดนี้เชียวเหรอ สกปรก สกปรกเกินไปแล้ว”
เจสันพกความโมโหโกรธาออกจากห้องไป
เกาเหวินบ่นพึมพำตามหลังไป “ไม่ยอมรับความจริงล่ะสิ”
ซุปตาร์สาวยื่นหน้ามาใกล้ทำท่าเหมือนจะจูบ อี้หมิงตัดบทด้วยการหยิบเสื้อสูทมาคลุมให้ใหม่
“สกปรกเหรอ มา ใส่เสื้อคลุมซะ เดี๋ยวจะเป็นไข้ โอเค”
เกาเหวินจับอี้หมิงให้หันมามองกระจก เอนหัวลงซบกับอกแกร่งของเขายิ้มพรายใส่กระจกอย่างเป็นปลื้ม
“ดูสิ”
ส่วนเหม่ยลี่กลับเข้ามาบ้านมาพร้อมความคิดสับสนกังวลในใจ ภาพความใกล้ชิดสนิมสนมของอี้หมิงกับเกาเหวินผุดขึ้นมาในห้วงคิด จบลงด้วยช็อตหวานจูบกันต่อหน้าสื่อมวลชนและแฟนคลับเมื่อตอนค่ำวันนี้
“จบนี้แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เกาเหวินกับเหลยอี้หมิง เขาสองคนคบกันเหมาะสมกันมาก เพราะฉันกับเหลยอี้หมิง เราต่างต้องเติบโตมีความรัก จากนั้น...ก็ต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง การจากลาเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอไม่ใช่เหรอ สู้ๆ เหลยอี้หมิง”
นักข่าวหญิงรายงานข่าวฮ็อต ในงานประกาศรางวัล
“คืนนี้ดาราสาวชื่อดังเกาเหวิน ควงชายหนุ่มปริศนาเข้าร่วมในงานการกุศลประจำปี ผู้ชายคนนี้ได้บรรจงจูบเกาเหวินต่อหน้ากล้องของนักข่าว เพื่อประกาศความสัมพันธ์ต่อกัน...”
จื่อเหลียงนั่งจิบไวน์ดูข่าวนี้ทางทีวีอยู่ในห้องรับแขกที่คอนโด ซือหยวนเพิ่งกลับมาถึง เดินมานั่งข้างๆ เจ้านายและคู่ขา
“ท่านรองหลิน”
“อืม นั่งสิ ผมมีเรื่องอยากถามคุณพอดี คุณกับมี่โตะค่อนข้างสนิทกันใช่มั้ย ดูผู้ชายที่อยู่ในทีวีสิ” จื่อเหลียงบุ้ยใบ้ให้ดูข่าวทางทีวี “คุณรู้จักมั้ย”
ซือหยวนหันไปมองตามแล้วต้องชะงัก ประหลาดใจจำอี้หมิงได้ “ทำไมเป็นเขาอีกแล้ว”
จื่อเหลียงสนใจ “ทำไม คุณเคยเจอเขาเหรอ คนที่อยู่กับมี่โตะใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่เห็นมี่โตะ ตอนที่เห็นข่าวของเขา มีท่าทางกังวลมาก ท่านรองคะ เขากับมี่โตะมีความสัมพันธ์กันเหรอ”
จื่อเหลียงนิ่งคิด ก่อนจะบอกอย่างมั่นใจ “มีความสัมพันธ์แน่นอน อยู่กับมี่โตะตั้งแต่เริ่มแรก ต่อมาไปรู้จักกับเกาเหวิน เกาเหวินเป็นแฟนเก่าของเซี่ยวเลี่ยง ความสัมพันธ์ของเขาสี่คน น่าสนใจจริงๆ”
หลินจื่อเหลียงมองดูข่าวอี้หมิงกับเกาเหวิน ระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเต็มสีหน้า
วันนี้ กองถ่ายโฆษณาของเทซีโร่นัดถ่ายทำในสตูดิโอที่ตึกสำนักงานใหญ่ เห็นเยี่ยฉียืนคุยอยู่กับผู้กำกับโฆษณาที่หน้าเซ็ต ใกล้ๆ กันซือหยวนกับเหม่ยลี่ซึ่งดูแลเครื่องประดับคอลเล็กชั่นล่าสุด คุยอยู่กับเจสัน ในมือเจสันมีโฟมล้างหน้าราคาแพง
“แน่ใจเหรอว่าตรวจสอบหมดแล้ว” ซือหยวนถามขึ้น
“นักออกแบบหลิว ผมว่าคุณอย่าเข้มงวดได้รึเปล่า ผ่อนคลายหน่อยสิ แล้วก็...” ผู้จัดการซุปตาร์ยิ้มกริ่มยกกระปุกโฟมล้างหน้าในมือให้ดู ซื้อหยวนรับา ฟังเจสันบรรยายสรรพคุณ “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ปลดปล่อยใช่มั้ย ผมจะแนะนำผลิตภัณฑ์นี้ให้คุณ โฟมล้างเครื่องสำอางที่ใช้ดีมาก เกาเหวินของเราใช้บ่อยๆ ดูสิ ผมจะบอกให้ โฟมล้างหน้าชาขาวยี่ห้อนี้ใช้ดีมากเป็นที่นิยมมากในอินเตอร์เน็ตด้วย คุณผ่อนคลายหน่อยหน่อยน่า อย่าซีเรียสเกินไปได้มั้ย ขวดนี้ ผมให้คุณแล้วกันนะ”
เจสันหัวเราะร่าเริง
ซือหยวนยิ้มให้ “ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณ”
เจสันหันไปเห็นรีบเดินไปหาเกาเหวินที่เดินเข้ามาในสตูฯ รับกระเป๋ามาถือให้
“เอ๊ะ ที่รัก เตรียมพร้อมเลยนะ”
เยี่ยฉีเห็นละตัวจากผู้กำกับเดินมาทัก “คุณเกา”
เกาเหวินไม่สนเดินมายิ้มทักเหม่ยลี่ “นักออกแบบมี่ก็อยู่เหรอ”
“วันนี้เป็นโพรเจ็กต์ของคุณฉันต้องมาแน่นอน อ้อ จริงสิ ฉันเห็นข่าวของเธอกับคุณหมอเหลยแล้ว ยินดีด้วยนะ” เหม่ยลี่ว่า
เกาเหวินยิ้มปลื้มลืมโลก “วันนี้เขาก็มากับฉันด้วย หล่อมากใช่มั้ย”
เหม่ยลีหันมาทางอี้หมิงที่เดินตามมาสมทบ
“ยินดีด้วยนะคุณหมอเหลย ในที่สุดก็ได้คบกับเกาเหวินแล้ว”
อี้หมิงฝืนยิ้มให้ “อืม ขอบคุณ”
“ที่รัก รีบไปแต่งตัวเถอะ”
เกาเหวินพยักหน้ารับ “อืม เอามือถือให้ฉัน”
อี้หมิงทำท่าเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ “เอ่อ จริงสิ เมื่อกี้ที่โรงพยาบาลโทร.มา ผมออกไปแป๊บนึงนะ”
เกาเหวินพยักหน้าให้ “อืม ได้”
อี้หมิงหันไปยิ้มให้เหม่ยลี่เชิงบอกให้ตามมาแล้วจึงเดินออกไป
เกาเหวินยิ้มชื่นกับเหม่ยลี่
“เขาหล่อกว่าในทีวีใช่มั้ย ฮิๆๆ เดี๋ยวฉันค่อยกลับมาหาเธอนะ”
เกาเหวินเดินไปทางห้องแต่งตัวกับเจสัน
“ฉันขอไปเข้าห้องน้ำนะคะ” เหม่ยลี่บอกซือหยวนแล้วเดินออกไปอีกทาง
ซือหยวนซึ่งนิ่งฟังเก็บข้อมูลมาแต่ต้น ด้วยสีหน้าเรียบเฉยใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจตามเหม่ยลี่ออกไป
เหม่ยลี่ตามมาสมทบอี้หมิงที่ยืนรออยู่
“คุณหมอเหลย” อี้หมิงหันมาหา “ยินดีด้วยนะ ในที่สุดก็ได้คบกับคนที่ชอบ”
“คำนี้ เมื่อกี้เธอพูดแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมนายไม่บอกฉันเลยล่ะ”
“ก่อนหน้านี้เธอพูดถูก ในเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ควรรักษาระยะห่างต่อกัน ฉันไม่ได้พูดเรื่องเกาเหวินกับเธอ เพราะถ้าเกาเหวินยังไม่ได้พูด ฉันจะพูดออกไปไม่ได้ ฉะนั้น หวังว่าเธอจะเข้าใจ” อี้หมิงบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายพูดถูก เกาเหวินเป็นดาราดัง นายย่อมไม่สะดวกอยู่แล้ว งั้น...นายต้องรักษาเธอไว้ให้ดีนะ”
“เธอกับเซี่ยวเลี่ยงก็เช่นกัน” อี้หมิงเจ็บลึกในใจ
“แล้วต่อไป เรายังติดต่อกันได้อีกมั้ย”
อี้หมิงเดินมาใกล้ๆ ยื่นมือไปเกลี่ยผมที่ระใบหน้าให้
“ต่อไปถ้าฉันไม่อยู่ ดูแลตัวเองให้ดีๆ ล่ะ”
เหม่ยลี่พยักหน้ารับ “อื้ม”
“รีบกลับไปเถอะ อย่าทำให้เสียงาน ไปๆๆ ไปเร็ว”
อี้หมิงมองตามเหม่ยลี่ไปจนลับสายตา ด้วยสีหน้าอันเศร้าสร้อย ฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“ยัยอ้วน ลาก่อน”
ซือหยวนแสดงตัวออกมา หลังแอบฟังสองคนคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ มองอี้หมิงที เหม่ยลี่ที ด้วยสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเดินเข้าสตูฯไป
กองถ่ายโฆษณาเกิดปัญหา เยี่ยฉีดูแฟ้มแผนงานในมือถามทีมงานสองคนขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ผู้กำกับซึ่งอยู่ด้วยก็งง “ใช่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เห็นเหม่ยลี่เดินเข้าพอดี เยี่ยฉีเดินไปหายื่นแฟ้มให้ดู
“มี่โตะ แผนงานนี้มันคืออะไร ไม่เข้ากับเครื่องแต่งกายของฉันเลย”
เหม่ยลี่รับมาดู มองปราดเดียวก็รู้
“นี่ไม่ใช่ฉบับที่ฉันส่งมานี่ เมื่อวานตอนพี่ซือหยวนส่งมาฉันตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”
ซือหยวนเข้ามาสมทบ หยิบแฟ้มจากเหม่ยลี่มาดู “นี่ไม่ใช่แผนงานที่ฉันให้เธอนี่”
“นั่นสิไม่ใช่ฉบับนี้แน่ คุณเยี่ยทำผิดพลาดเองหรือเปล่า” เหม่ยลี่ว่า
เยี่ยฉีย้อนถามอย่างไม่พอใจ “ฉันทำผิดพลาดเหรอ แผนงานที่คุณส่งมามีฉบับเดียว ด้านเครื่องแต่งกายไม่มีปัญหา ข้อผิดพลาดมีเพียงเครื่องประดับ ตกลงมันยังไงกันแน่”
ผู้กำกับเดินมาหา มองฉงน “เอ๊ะ พวกคุณทะเลาะอะไรกัน”
เหม่ยลี่อึกอักพยายามจะอธิบาย “ผู้กำกับ ฉัน...”
ไม่ทันมีใครเห็นฉีหยูที่เดินเข้ามาในสตูดิโอ ยืนฟังอยู่เงียบๆ ก่อนจะหยิบมือถือออกมาโทร.หาเจ้านาย เดินออกไปด้านนอก
“นักออกแบบส่งแผนงานมาผิด ขอโทษนะคะผู้กำกับ วันนี้คงถ่ายไม่ได้แล้ว”
เยี่ยฉีจงใจหาเรื่องเหม่ยลี่ แต่คราวนี้เธอไม่ยอม
“ฉันไม่ได้ส่งแผนงานผิด แผนงานที่ฉันส่งมาไม่ใช่ฉบับนี้เลยนะ”
เยี่ยฉีแดกดัน “ใครพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ฉบับที่คุณส่งมา ถ้าไม่ใช่ความผิดคุณ งั้นเป็นความผิดฉันเหรอ”
ผู้กำกับตัดบท “เอาล่ะไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ทุกคนมองอยู่ คุณคิดให้ดีสิ ว่าใครอาจจะสลับแผนงานบ้างหรือเปล่า รีบหาสาเหตุเร็ว ไม่งั้นหนึ่งวันเสียหลายแสนนะ ผมเป็นผู้กำกับ ต้องเป็นคนรับผิดชอบนะ”
เหม่ยลี่พยายามอธิบาย “ไม่ใช่ปัญหาของฉันจริงๆ จริงสิ ฉันโทร.ไปถามเซี่ยวเลี่ยงดีกว่า เมื่อวานตอนส่งแผนงานฉันไปกับเขา เขาเป็นพยานได้”
เยี่ยฉียิ้มเยาะ ฉีกหน้าเหม่ยลี่อีก “จะใช้เซี่ยวเลี่ยงมากดดันฉันเหรอ หรือกลัวคนอื่นจะไม่รู้ ว่าคุณเป็นแฟนของเซี่ยวเลี่ยง”
ซือหยวนประเมินสถานการณ์อยู่เงียบๆ พอเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร
ผู้กำกับเชื่อสนิท ด่าเหม่ยลี่ด้วย “ผู้หญิงสมัยนี้นี่ ไร้ยางอายสิ้นดีเลย”
“พอแล้ว จะพูดเรื่องไร้สาระทำไม” ฉีหยูกลับเข้ามาในสตูฯ เอ่ยขึ้นเสียงดัง เดินมายืนข้างเหม่ยลี่
“ผมได้รับคำสั่งจากคุณเซี่ยว ให้จัดการกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นวันนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแผนงานใหม่ เตรียมการถ่ายภาพใหม่ แล้วก็ให้เอากรณีการสูญเสียวันนี้รายงานคุณเซี่ยว”
เหม่ยลี่หน้าเสีย พยายามอธิบาย “ฉีหยู ฉันไม่ได้...”
“พอแล้ว คุณเซี่ยวบอกว่าอย่าอธิบาย ทำงานก่อน”
ฉีหยูตัดบทแล้วเดินออกไปเลย
“ไม่คิดเลยว่าบริษัทใหญ่โตอย่างนี้ จะมีปัญหาไร้สาระเกิดขึ้น” ผู้กำกับบ่นบ้าเซ็งๆ แล้วเดินไปหาลูกน้องในทีม “พวกนายรีบไปทำงานสิ”
เยี่ยฉีมองหน้าเหม่ยลี่อย่างเคืองขุ่น เหม่ยลี่มองตอบอย่างรู้เท่าทัน
ขณะที่อี้หมิงนั่งหน้าเครียดอยู่นั้น เจสันเดินไปฟังเหตุการณ์ในสตูฯ แล้วรีบมารายงานเกาเหวิน
“ที่รัก ดูเหมือนข้างนอกจะมีปัญหา”
“มีปัญหาอะไร”
“ฉันไม่รู้ เห็นเซี่ยวเลี่ยงจัดการอยู่ สงสัยวันนี้ไม่ได้ถ่ายแล้ว เรากลับกันเถอะ”
เกาเหวินหันมาทางแฟนจ๋า “จะกลับหรือเปล่าเหลยเหลย”
อี้หมิงหันมาหา “หืม”
“กลับมั้ย”
“ผมยังไม่กลับ ที่โรงพยาบาลไม่มีผ่าตัด”
เจสันหงุดหงิดระคนหมั่นไส้ “ทำไมต้องมีคุณทุกที่ด้วยนะ เกาเหวินเพิ่งจะโด่งดังอีกครั้ง รอบข้างมีแต่ปาปารัสซี่ ถ้าคุณไปก็เป็นเรื่องอีกน่ะสิ”
เกาเหวินตัดบทเสียงดัง “พอแล้ว ทำไมต้องใส่อารมณ์กับแฟนของฉันด้วย”
เจสันค้อนขวับ “คุณนาย ความรักแบบนี้ไม่ต้องมีซะยังดีกว่า ฉันขอร้องล่ะพวกเธออย่าสร้างปัญหาให้ฉันอีกได้มั้ย”
อี้หมิงมองหน้าเจสัน พูดเย้าแหย่ “เจ้อย่าโกรธเลย ผมจะเชื่อฟังเจ้”
เกาเหวินหัวเราะคิกคักชอบใจ
เจสันเต้นเร่าๆ ถูกอี้หมิงเรียกเจ้ ตะบึงตะบอนใส่เขา “สกปรก สกปรกเกินไปแล้ว”
เกาเหวินหัวเราะตัวโยกตัวโยนอยู่อย่างนั้น
“ยังจะหัวเราะอีกเหรอ เธอ...” เจสันอยากจะบ้า
เกาเหวินพูดปนหัวเราะกับเกาเหวิน “เจ้เหรอ”
เจสันค้อนอีกหลายขวับ “เธอสองคนหนิ ฉัน...”
เกาเหวินหัวเราะร่าเริงไม่หยุด
ฉีหยูเดินเข้ามาหาเหม่ยลี่ที่ยืนรออยู่ด้านนอกสตูดิโอ “มี่โตะ”
“เป็นยังไง เซี่ยวเลี่ยงพูดอะไรกับคุณหรือเปล่า”
“อย่าเพิ่งกังวล”
“ฉันจะไม่กังวลได้ไง ฉันเป็นคนส่งงานให้คุณเยี่ยเอง เห็นได้ชัดว่าเธอใส่ร้ายฉันอยู่”
“คุณเซี่ยวก็พูดเหมือนกับคุณ คุณเซี่ยวก็เชื่อว่า ปัญหาอยู่ที่เยี่ยฉี”
เหม่ยลี่ยังไม่เชื่อนัก “จริงเหรอ เขาเชื่อฉันจริงๆ เหรอ”
“แน่นอน คุณเป็นแฟนของเขานะ” ฉีหยูยิ้มให้กำลังใจ
“ที่จริงหลังจากเยี่ยฉีปรากฏตัว ฉันเป็นกังวลมาโดยตลอด ฉันกังวลว่า..ระหว่างฉันกับเซี่ยวเลี่ยง จะได้รับผลกระทบจากเธอ ทำให้เซี่ยวเลี่ยงเกิดความหวั่นไหว ที่ฉันกังวลที่สุดคือจะทำให้เราจะไม่เชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่ถ้าเซี่ยวเลี่ยง ยังเลือกที่จะเชื่อฉันเหมือนเดิม ฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ”
เหม่ยลี่โล่งใจยิ้มออกมาได้ในที่สุด
“ที่จริงคุณเซี่ยวดูเหมือนจะเย็นชา แต่ในใจของเขา คนที่เขาเป็นห่วงที่สุด และอยากปกป้องที่สุด มีคุณคนเดียวเท่านั้น เอาล่ะ ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ”
เหม่ยลี่พยักหน้ารับเอาคำ “ค่ะ”
หลิวซือหยวนรีบร้อนเข้ามารายงานเหตุการณ์วุ่นวายที่กองถ่าย จนถูกยกเลิกวันนี้ต่อจื่อเหลียง
“ท่านรองหลิน ทางด้านของมี่โตะ”
“ผมรู้เรื่องหมดแล้ว คุณไม่ได้ส่งแผนงานให้มี่โตะผิดแน่นะ”
“ฉันเปล่าจริงๆ ค่ะ ถึงฉันจะไม่ชอบเขา ก็ไม่มีทางเล่นงานเขาแบบนี้แน่”
จื่อเหลียงใช้ความคิดประเมินสถานการณ์ “งั้นเขาคงถูกเยี่ยฉีแอบเล่นงานแล้วล่ะ”
ซือหยวนไม่เข้าใจ “ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะ”
“เพราะผมเข้าใจจิตใจของผู้หญิงดี เพื่อความรัก ผู้หญิงสามารถทำได้ทุกอย่าง”
“คุณเซี่ยวก็ไม่เชื่อเธอเหมือนกัน เธอทำแบบนี้ เท่ากับสร้างความสูญเสียให้ตัวเองสิ” ซือหยวนว่า
“คุณอย่าเพิ่งพูดแบบนี้ ใครเป็นฝ่ายสูญเสียยังไม่แน่ชัด”
ซือหยวนกังวลขึ้นมา “แล้วฉันจะเป็นแพะรับบาปหรือเปล่า”
“คุณวางใจได้ สิ่งเดียวที่คุณต้องทำ คือให้ความร่วมมือกับเยี่ยฉี จากนั้นก็แสดงละครเรื่องนี้ต่อไป”
“ค่ะ” ซือหยวนไม่สบายใจนัก แต่ไม่ได้ค้านอะไรอีก
จื่อเหลียงนึกได้ “อ้อจริงสิ คุณสืบเรื่องมี่โตะกับผู้ชายคนนั้น ได้เรื่องว่ายังไง”
“พวกเขามีการติดต่อกันส่วนตัวมากๆ ค่ะ ท่านรองหลิน ต่อไปเราจะทำยังไงดี”
“ผมล้มเหลวไปแล้วหนึ่งครั้ง ต้องไม่มีครั้งที่สอง เอางี้ คุณไปสืบประวัติของผู้ชายคนนั้น ทางด้านมี่โตะ ผมจะจัดการเอง”
จื่อเหลียงบอกนัยน์ตาวาววับ
หลินจื่อเหลียงเดินแผนต่อ ทำเป็นร้อนอกร้อนใจหน้าตาตื่น เอาเรื่องเหม่ยลี่ทำงานพลาดมาฟ้องเจิ้นตงที่คฤหาสน์บ้านตระกูลเซี่ยว
“พ่อ แย่แล้วครับ โพรเจ็กต์ของบริษัทมีปัญหา”
“โธ่เอ๊ย แค่โพรเจ็กต์เดียว ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วยเหรอ” เจิ้นตง นั่งทำงานอยู่ที่บ้าน
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน มี่โตะที่อยู่แผนกเราทำผิดพลาด ทำให้โพรเจ็กต์โกลาหลไปหมดแล้วครับ”
เจิ้นตงนิ่วหน้า “มี่โตะเหรอ มี่โตะคือใคร อ้อ ผู้หญิงที่แกพูดถึงคราวก่อนเหรอ”
“ใช่ครับ เธอนั่นแหล่ะ ฉะนั้นตอนนี้พี่ชาย กำลังปกป้องเธอ ผมเลยไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
เจิ้นตงโมโห “ไม่ต้องสนใจเซี่ยวเลี่ยง ให้ฝ่ายบุคคล ลงโทษมี่โตะเดี๋ยวนี้”
จื่อเหลียงทำเป็นกังวล “แต่ถ้าพี่ชายผม รู้เรื่องนี้จะทำไงล่ะครับ”
เจิ้นตงเสียงเข้ม “ก็บอกว่าฉันเป็นคนสั่ง ไปได้”
“ครับ”
จื่อเหลียงโค้งรับเอาคำ ยิ้มมุมปากสะใจออกมา โดยที่เจิ้นตงไม่เห็น
ด้านเหม่ยลี่เดินตามเซี่ยวเลี่ยงเข้ามานั่งตรงมุมรับรองแขกในห้องทำงานของเขา
“เป็นไงบ้าง”
“ผมจัดการเสร็จแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”
“เพื่อคุณเยี่ยเหรอคะ”
“ไม่ใช่เพื่อเขา แต่เพื่อคุณ หลังจากปัญหาแผนงานครั้งนั้น ผมจะไม่ให้คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้อีก”
“ขอบคุณนะคะ”
มีสายเข้าเซี่ยวเลี่ยงกดรับสายนิ่งฟังหันมามองเหม่ยลี่แว่บหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ฮัลโหล มีอะไร อืม”
เหม่ยลี่มองสงสัย “มีอะไร”
เซี่ยวเลี่ยงถอนหายใจ “พ่อผมรู้ข่าวเรื่องนี้แล้วล่ะ”
เหม่ยลี่ตกใจ “หะ เรื่องนี้ไปถึงหูท่านประธานได้ยังไง และท่านยังโทร.มาด้วยตัวเองอีก”
เซี่ยวเลี่ยงถอนใจ หน้าเครียดนิดๆ “ยังต้องเดาอีกเหรอ ประเด็นคือ เขาต้องการย้ายคุณไป...ที่ศูนย์การขาย”
เหม่ยลี่งง “ศูนย์การขายเหรอ ให้ฉันไปที่นั่นทำไม”
“เป็นพนักงานขาย”
เหม่ยลี่อึ้งไป สีหน้าเศร้าลงเห็นชัดแจ้ง
ฝ่ายซือหยวนเริ่มงานสืบประหวัติเหลยอี้หมิงตามคำสั่งจื่อเหลียง พาตัวเองมาที่แผนกสูตินรีเวชชั้น4 ของศูนย์การแพทย์ เลียบๆ เคียงๆ ถามพยาบาลเสี่ยวก๋อ ที่เข้าเวรนั่งอยู่หลังเค้าน์เตอร์
“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณพยาบาล เอ่อ ไม่ทราบว่า เหลยอี้หมิงคุณหมอเหลยอยู่มั้ยคะ”
เสี่ยวก๋อลุกขึ้น “อ้อ ตอนนี้คุณหมอเหลยไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบคุณคือใครคะ”
“อ้อ ฉันมีธุระด่วนกับเขา เอ่อ...คุณรู้ที่อยู่บ้านเขามั้ยคะ”
เสี่ยวก๋อแปลกใจ “คุณต้องการที่อยู่บ้านเขางั้นเหรอ”
“ฉันต้องการติดต่อกับเขาด่วน จึงต้องการรู้ที่อยู่ของเขา”
เสี่ยก๋อปฏิเสธ “ขอโทษค่ะ ช่วงนี้คนที่มาหาคุณหมอเหลยมีเยอะมาก อย่างสถานีโทรทัศน์ หรือสำนักหนังสือพิมพ์ต่างๆ”
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ใช่นักข่าว ฉันเป็นเพื่อนเก่าของเขา”
เสี่ยวก๋อจ้องหน้ามองจับผิด “เหรอคะ ฉันกับคุณหมอเหลยเรียนที่เดียวกัน คุณอยู่ชั้นไหน อยู่ห้องไหน หัวหน้าห้องคือใครเหรอ”
“เอ่อ ขอโทษนะคะ งั้นช่างเถอะ วันหลังฉันค่อยมาหาเขาแล้วกัน”
นักสืบซือหยวนหมดท่า รีบเดินแกมวิ่งออกไปโดยไว มีสายตาเสี่ยวก๋อมองตามอย่างอย่างแปลกใจ
เซี่ยวเลี่ยงเดินทางมาพบเยี่ยฉีที่ออฟฟิศร้านเสื้อ SEVEN 7 BABY ของเธอ พนักงานตรงเค้าน์เตอร์ร้องบอก
“คุณคะ ตอนนี้ฉันเลิกงานแล้ว”
“ผมคือเซี่ยวเลี่ยงของเทซีโร่จิวเวลรี ต้องการพบคุณเยี่ยของพวกคุณ”
“อ้อ คุณเซี่ยวเองเหรอคะ คุณเยี่ยของเราอยู่ข้างใน เชิญค่ะ”
พนักงานหญิงผายมือไปยังห้องทำงานของดีไซเนอร์คนดัง
ขณะเดียวกันเยี่ยฉีถามชายคนหนึ่งที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาในห้อง น้ำเสียงฟังออกว่าไม่พอใจมาก
“คุณมาหาฉันถึงที่นี่ต้องการอะไร”
“เรื่องที่คุณขอหย่าผม ผมตัดสินใจตกลง แต่เงินของผม คุณอย่าคิดจะได้แม้แต่เหรียญเดียว” ชายคนนั้นบอก
“ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นฉันต้องได้รับค่าเลี้ยงดูหนึ่งส่วน”
ชายคนนั้นยิ้มเยาะ “ค่าเลี้ยงดูเหรอ คุณแต่งงานกับผมโดยไม่มีอะไรเลย แต่ว่าผม ต้องเลี้ยงดูคุณ ผมจ่ายเงินเลี้ยงดูคุณถือว่ามากพอแล้ว” จู่ๆ เขาก็ลุกพรวดชี้หน้าด่าเธออย่างรุนแรง
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องกฎหมายกับผม ผมยอมแต่งงานกับคุณก็ถือว่ายกย่องมากแล้ว คุณอย่าลืมสิว่าตัวเองเป็นสินค้าอะไร”
เยี่ยฉีน้ำตาร่วง เธอบันดาลโทสะ ตบหน้าชายที่บอกว่าเป็นสามีเปรี้ยงจนเขาหน้าสะบัด
ชายคนนั้นกุมแก้ม โกรธสุดขีด “กล้าตบหน้าผมเหรอ ผู้หญิงอย่างเธอกล้ามาตบหน้าฉันเรอะ”
“ฉันตบหน้าคุณแล้วไง” เยี่ยฉีตะโกนใส่หน้า เลยถูกสามีตบเปรี้ยง “โอ๊ย”
เซี่ยวเลี่ยงเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดี ผลักชายคนนั้นออกห่างเยี่ยฉีอย่างแรง
“แกทำอะไร”
ชายคนนั้นหันมาขู่เซี่ยวเลี่ยง “ฉันตบเมียฉันนายยุ่งอะไรด้วย ถอยไป”
เซี่ยวเลี่ยงโกรธจัดกระชากคอเสื้อเขาเต็มแรง “ไม่ว่าเป็นอะไรกันก็ไม่ควรรังแกผู้หญิง”
เยี่ยฉีตะโกนขึ้นสุดเสียง “ปล่อยเขาไป”
เซี่ยวเลี่ยงชะงัก เยี่ยฉีสะอื้นไห้บอกว่า “ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงยอมปล่อยชายคนนั้นมองจ้องชี้หน้าเซี่ยวเลี่ยงเชิงบอกฝากเอาไว้ก่อน แล้วหุนหันออกไป
เยี่ยฉีเปิดประตูห้องพักสุดหรูบนตึกสูงในมหานครเซี่ยงไฮ้ ชวนเซี่ยวเลี่ยงให้เข้ามาในห้องนั้น
“เข้ามาสิ”
เซี่ยวเลี่ยงอดถามไม่ได้ “ผู้ชายคนนั้นคือสามีเก่าคุณเหรอ
“ใช่ นับตั้งแต่ฉันขอหย่า เขาก็โกรธแค้นฉันมาตลอด ฉะนั้นเลยตามมาถึงเมืองจีน”
เซี่ยวเลี่ยงฟังแล้วนึกสงสาร “ถ้างั้นคุณไม่เป็นไรนะ”
เยี่ยฉีหันมาหา “คุณมาหาฉันที่บริษัทมีเรื่องอะไร”
“ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วย”
“พูดมาสิ”
“เรื่องของมี่โตะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบให้ชัดเจน ว่าปัญหาเกิดจากที่ไหนกันแน่”
เยี่ยฉีอึ้งไป ยิ้มขมขื่นออกมา ลงนั่งที่โซฟารับแขก
“เซี่ยวเลี่ยง คุณรักมี่โตะมากเลยเหรอ คุณถึงยอมมาขอความช่วยเหลือจากฉัน คุณไม่รู้สึกว่าอย่างนี้มันเกินไปหน่อยเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงลงนั่งข้างๆ “เพราะผมเชื่อมี่โตะ เธอไม่มีทางทำงานผิดพลาดง่ายๆ แบบนี้แน่”
“ตอนนี้ฉันวุ่นวายใจมาก เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเถอะ”
เยี่ยฉีลุกเดินหนีเดินไปเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกล้างมือ ถอดเสื้อคลุมออกยกแขนด้านที่มี่ผ้าพันแผลปิดทับ มองแผลนิ่งๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างบีบแผลอย่างแรงนิ่งนาน จนเลือดจากแผลซึมออกมาบนผ้าพันแผล ก่อนจะเดินออกมานั่งข้างๆ เซี่ยวเลี่ยง สร้างภาพแสนดีทันที
“ในเมื่อคุณอยากช่วยมี่โตะขนาดนั้น ฉันยอมช่วยคุณก็ได้ พรุ่งนี้ไปบริษัทของคุณฉันจะอธิบายให้เข้าใจ”
“ขอบคุณมาก” เซี่ยวเลี่ยงขยับตัวจะลุก แต่สะดุดตากับเลือดบนแขน ยื่นมือมาจับดู “ทำไมแขนคุณมีเลือดออก”
เยี่ยฉีขยับแขนหนี ร้องห้าม “อย่าแตะต้องฉัน”
เซี่ยวเลี่ยงมองฉงน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เยี่ยฉีตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเรียกคะแนนสงสาร “เขาตีฉัน ทั้งตัวฉันมีแต่บาดแผลแบบนี้ ฉันชินแล้วล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไป “สามีเก่าของคุณตีคุณบ่อยเหรอ”
“ใช่ เพราะเขารู้ว่าฉันไม่เคยรักเขา แต่ฉันรักคนๆ หนึ่งมาโดยตลอด เพราะฉันเป็นแม่ม่ายใช่มั้ย คุณจึงรังเกียจฉัน”
เซี่ยวเลี่ยงชะงัก “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น เพียงแต่ผมมีแฟนแล้ว เรารักษาระยะห่างไว้จะดีกว่า” เขาบอกชัด
“แล้วถ้าคุณไม่มีมี่โตะ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้มั้ย”
เซี่ยวเลี่ยงจับไหล่เธอหันมา พูดดีๆ ด้วย “ผมไม่สามารถตอบคุณได้ว่าจะเป็นเช่นไร แต่เยี่ยฉี เรากลับเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ลืมผมซะเถอะ”
เซี่ยวเลี่ยงลุกขึ้น เดินไปสองสามก้าวแล้วหยุดหันมาหา
“อ้อ หวังว่าคุณจะไม่ลืมสัญญาเมื่อกี้นะ พรุ่งนี้ผมจะรอคุณอยู่ที่บริษัท”
เยี่ยฉีคุมแค้น กำมือข้างที่เป็นแผลจนเกร็ง
เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาในร้านอาหาร เหลียวมองหาจนเจอ เดินตรงมาหาเหม่ยลี่ที่โต๊ะ
“เยี่ยฉีเขายินดีช่วยฉันมั้ยคะ”
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้าให้ “อื้ม เขายินดี”
“ขอบคุณค่ะ” เหม่ยลี่ยิ้มโล่งใจ แต่สะดุดตาบางอย่างที่มือซ้ายของเขา “มือเป็นอะไรทำไมมีเลือดล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงยกแขนดู นึกได้ “อ้อ ไม่ใช่เลือดของผม ของเยี่ยฉีต่างหาก เขาบาดเจ็บที่แขน”
“เขาทำตัวเองต่างหากล่ะ” เหม่ยลี่ว่า
เซี่ยวเลี่ยงมองฉงน “ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ”
“เซี่ยวเลี่ยง ความจริงเยี่ยฉีเป็นคนที่ฉลาดมาก สิ่งที่เขาพูดมักไม่ตรงกับใจคิด ยกตัวอย่างเช่น เรื่องสลับแผนงานในครั้งนี้ฉันรู้สึกว่าเกี่ยวข้องกับเขา ตอนนี้เขายังยอมแก้ปัญหาให้ฉัน คุณไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ เหรอ ยังมีอีก ยอมทำให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อจะร้องขอความเห็นใจ คุณไม่รู้สึกว่าน่ากลัวเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงถอนหายใจ “มี่โตะ วันนี้ ผมเห็นกับตาว่าเยี่ยฉีถูกคนทำร้ายบาดเจ็บ ที่จริงแล้วเธอน่าสงสารมาก ผมรู้ว่าเยี่ยฉีไม่ดีกับคุณ แต่เรื่องที่คุณไม่รู้ก็อย่าเดาเรื่อยเปื่อย ผมจะแก้ไขปัญหาของเยี่ยฉีเอง แต่ผมหวังว่าคุณจะไม่พูดเกินความจริง รับปากผมได้มั้ย”
“เธอกำลังโกหกคุณอยู่ จริงๆ ฉันกับพี่ซือหยวนต่างก็รู้ เพราะเธอบาดเจ็บตั้งแต่ก่อนถ่ายแบบแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงฉุน หลุดปากออกไป “ผมบอกแล้วไง อย่าประเมินคนอื่นตามใจตัวเอง ผมรู้จักเยี่ยฉีดีกว่าคุณมากนะ”
เหม่ยลี่สะดุดหูและคาใจ “เซี่ยวเลี่ยง คุณหมายความว่ายังไง”
เซี่ยวเลี่ยงตัดบทชวนกินข้าว “กินข้าวเถอะ”
เหม่ยลี่นั่งนิ่งขึงทั้งน้อยใจและเสียใจ ก่อนคว้ากระเป๋าลุกเดินออกไปเลย ไม่สนใจเสียงเซี่ยวเลี่ยงที่เรียกไว้
“มี่โตะ มี่โตะ เฮ้อ” เซี่ยวเลี่ยงถอนใจออกมา ยุ่งยากใจเหลือเกิน
ส่วนทางด้านเกาเหวินตัดพ้อต่อว่าอี้หมิงทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามาในบ้าน สองคนเดินมานั่งที่โซฟา
“ทำไมเพิ่งกลับ ฉันรอคุณอยู่ตั้งนาน”
“ข้างนอกก็มีคนมากมายรอผมอยู่เหมือนกัน” เขาว่า
“แต่เราประกาศสถานะแล้ว คุณก็เข้ามาอย่างเปิดเผยสิ จะกลัวอะไรกันล่ะ”
“ได้ยังไงล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้เจ้ของคุณต้องฆ่าผมตายแน่ ถึงเขาไม่ฆ่าผม แฟนคลับของคุณต้องฆ่าผมแน่ ให้ผมอยู่ต่ออีกสองปีเถอะ” หมอเหลยรินน้ำดื่มแก้กระหาย
“ฉันรู้ว่าคุณลำบาก เลยเตรียมของขวัญไว้ให้คุณแล้ว” เกาเหวินบุ้ยใบ้ชี้ให้ดูกล่องเล็กๆ ข้างตัวเขา
อี้หมิงงง “หะ มีของขวัญด้วยเหรอ ผมจะบอกให้ อย่าเซอร์ไพรส์ใหญ่เกินไปนะ หัวใจผมรับไม่ไหว”
“ใครจะเซอร์ไพรส์คุณล่ะ รีบหันไปเร็ว ก้มหัวลงไป”
“ก้มหัวเหรอ อย่าบอกนะว่าเปิดฝาออกแล้วจะมีนวมเด้งออกมา”
เกาเหวินขำคิก “ไม่ใช่ ฮิๆ รีบเปิดออกเถอะน่า”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิ เร็วเข้า แถ่น แท้น...”
อี้หมิงค่อยๆ ลืมตามอง ตะลึงตะไล เมื่อเห็นน้องหมาพุดเดิ้ลตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชัง เขาจับมันออกมา เกาเหวินรับไป
“ว้าว น่ารักจังเลย ทำไมคุณถึงนึก ซื้อมันมาล่ะ”
“คุณคิดถึงหมาที่บ้านตลอดไม่ใช่เหรอ ฉันเลยซื้อกลับมาให้คุณ แบบนี้ก็ไม่ต้องกลับไปที่บ้านคุณแล้ว”
อี้หมิงซึ้งตามน้ำไป “ขอบคุณนะเกาเหวิน”
เกาเหวินจุ๊บแก้มไปที “ขอบคุณทำไมคุณเป็นแฟนของฉันนะไม่ดีกับคุณจะให้ดีกับใคร คุณมีความสุขก็ดีแล้ว”
อี้หมิงยิ้มให้ ซึ้งใจกับความใส่ใจของเกาเหวิน “ผมมีความสุขมาก ถ้าเรารู้จักกันเร็วกว่านี้ก็คงดี”
“เรารู้จักกันตอนนี้ก็ไม่สายนี่ จริงมั้ย” เกาเหวินยิ้มกริ่ม
ด้านเหม่ยลี่อยู่บนเตียงเตรียมเข้านอน แต่ยังเครียดเรื่องที่ทะเลาะกับเซี่ยวเลี่ยงไม่หาย อยากไปปรึกษาเหล่าเหลยเพื่อนรักที่บ้านเกาเหวิน แต่เกิดความลังเลขนานใหญ่ มองรูปขนาดยักษ์ของหมอเหลยแล้วถามตุ๊กตาหมีของอี้หมิงว่าจะไปหรือไม่ไปดี
“ไปหา ไม่ไปหา ไปหา ไม่ไปหา ไปหา...ไม่ไปหา ช่างเถอะ โทรศัพท์ไปก็พอ”
เหม่ยลี่หยิบมือถือมากดโทร.ออกทันที
อีกฟากหนึ่ง สองคนกำลังชื่นชมความรักของน้องหมา หมอเหลยถามขึ้นว่า
“เอ๊ะจะให้มันชื่ออะไรดี”
“เรียกเขาว่าพุดดิ้งดีมั้ย” เกาเหวินว่า
อี้หมิงเห็นดีด้วย “พุดดิ้งก็เพราะดีเนอะ”
เกาเหวินพยักหน้า “อื้ม”
“น่ารักมาก พุดดิ้ง”
เกาเหวินเรียกลูก “พุดดิ้งๆๆ ๆๆ” อย่างเบิกบานใจ
มีสายเข้าในจังหวะนี้ อี้หมิงดูชื่อ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงกดรับสาย “ฮัลโหล”
“ฮัลโหลเหลยอี้หมิง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย เซี่ยวเลี่ยงเขา...”
เหม่ยลี่พูดไม่ทันจบ อี้หมิงก็ตัดบทเมื่อเห็นเกาเหวินจ้องตาเป๋ง
“สำคัญหรือเปล่าถ้าไม่สำคัญพรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ”
“ใครเหรอ” เกาเหวินถาม
“เปล่าหรอก” อี้หมิงบอกเหม่ยลี่ไปว่า “เธอรีบพักผ่อนเถอะ”
เหม่ยลี่งงที่อี้หมิงวางสายไปเลย
“พุดดิ้งจ๊ะ พุดดิ้ง ไปหาพ่อก่อนนะ”
อี้หมิงรับน้องหมามา อึ้งๆ ขำๆ กับสรรพนามใหม่ของตน “พ่อเหรอ”
เกาเหวินยิ้มย่อง “พ่อน่ะสิ”
“ทำไมเป็นพ่อล่ะ”
เกาเหวินหัวเราะคิก อี้หมิงเลยหัวเราะตาม
“ฉันเป็นแม่คุณก็เป็นพ่อไง”
“ผมทำยังไงให้มันเกิดมาเนี่ย” อี้หมิงทำหน้าไม่ถูก
“พุดดิ้งลูกรักของแม่” เกาเหวินหัวเราะเบิกบานใจ
เซี่ยวเลี่ยงเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมฉีหยู แปลกใจที่เห็นเหม่ยลี่นยกลังข้าวของส่วนตัวเดินมาทางลิฟต์
“คุณจะทำอะไร”
เหม่ยลี่หยุด บอกเขาโดยไม่มองหน้า “ฝ่ายบุคคลมีคำสั่งลงมาแล้ว ฉันถูกย้าย”
เซี่ยวเลี่ยงหนักใจ พยายามปลอบ “ให้เวลาผมหน่อยนะ ผมจะหาวิธีทำให้คุณอยู่ต่อ”
“เรื่องของฉัน ฉันแก้ไขเองได้ ฉันจะไปทำเรื่องมอบหมายงานก่อน” เหม่ยลี่บอกอย่างเด็ดเดี่ยว
เซี่ยวเลี่ยงมองตามคนรักที่เดินหนีไปอย่างหนักใจ
ซือหยวนเดินสวนมาจากอีกทาง เห็นเซี่ยวเลี่ยงเดินมากับฉีหยูจึงหยุดทัก
“สวัสดีค่ะคุณเซี่ยว”
เซี่ยวเลี่ยงนึกขึ้นได้ “เดี๋ยวก่อน แขนของเยี่ยฉีบาดเจ็บก่อนจะถ่ายแบบคุณรู้มั้ย”
ซือหยวนปฏิเสธการรู้เห็นทันทีโดยไม่รีรอ “ฉันไม่ทราบค่ะ”
“กลับไปทำงานได้”
สองคนเดินจากไป ซือหยวนเดินกลับโต๊ะทำงาน หยุดหันไปมองเซี่ยวเลี่ยงด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ฉีหยูเอ่ยขึ้นขณะเดินออกจากล็อบบี้ไปขึ้นรถที่หน้าตึก
“คุณเซี่ยวครับ คุณยังไม่ได้เซ็นชื่อที่ฝ่ายบุคคลเลยนะ งั้นมี่โตะ คุณจะให้เธอไปอย่างนี้เลยเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงหยุดเดิน นิ่งคิดแล้วบอกคนสนิทว่า
“เขาอยากไปก็ให้เขาไป”
ฉีหยูแม้จะแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าขัดอะไร
เหม่ยลี่นั่งรออยู่ที่โซฟาครู่หนึ่ง ผู้จัดการช็อปสาขาของเทซีโร่ สาวรุ่นพี่ก็เดินมาหา เหม่ยลี่ลุกขึ้นยิ้มทักทาย
“เธอคือมี่โตะที่มาใหม่ใช่มั้ย
“ใช่ค่ะสวัสดีค่ะ”
“เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดฟอร์มก่อน ที่นี่เราต้องแต่งชุดฟอร์มเหมือนกันหมด เรื่องกฎกติกามารยาทฉันจะเอาข้อมูลมาให้เธออ่าน ส่วนทักษะเรื่องการบริการและการขาย และการวางตัวในที่ทำงานเธอต้องค่อยๆ เรียนรู้ไป”
“ค่ะ”
“อ้อ จริงสิ ตอนนี้ทุกคนยุ่งมาก ไม่มีเวลามาต้อนรับเธออย่างเป็นทางการ เธอไปอยู่ที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ก่อนนะ เรียนรู้หน่อยแล้วกัน แล้วฉันจะเลือกคนสอนให้เธอคนหนึ่ง”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะผู้จัดการ”
“อื้ม” ผู้จัดการพยักหน้าให้แล้วเดินไปดูแลลูกค้าต่อ
เหม่ยลี่มองรอบๆ ร้าน แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
ที่ห้องแต่งตัวกองถ่ายโฆษณาของเทซีโร่ หญิงช่างแต่งหน้าทำผม บอกเกาเหวินหลังแต่งเสร็จว่า
“คุณเกาคะเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณพักผ่อนไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
ซือหยวนเดินเข้ามาหาพร้อมเปิดกล่องเครื่องประดับในมือให้ดู
“คุณเกา นี่คือเครื่องประดับที่คุณต้องใช้ในวันนี้”
เกาเหวินเล่นมือถืออยู่ พูดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย “ทำไมคุณอีกแล้วล่ะ ฉันบอกว่าให้มี่โตะมาจัดการไม่ใช่เหรอ”
“ขอโทษนะคะ คุณยังไม่รู้สินะ เธอไม่ได้อยู่ในโพรเจ็กต์ของเราแล้ว”
เกาเหวินเงยหน้ามามอง “ทำไมเหรอ”
“เขาส่งข้อมูลให้คุณเยี่ยผิด เลยถูกปลดออกจากโพรเจ็กต์ ตอนนี้บริษัทย้ายเขา ไปที่ศูนย์การขายแล้ว”
เกาเหวินนิ่งคิด มั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือเยี่ยฉี ซือหยวนวางกล่องเครื่องเพชรไว้ให้ แล้วเดินออกไป
เยี่ยฉีคุยงานอยู่กับผู้กำกับฯ ที่หน้าเซ็ต “ได้ค่ะผู้กำกับ ทำตามความต้องการของคุณเถอะ รบกวนด้วยนะคะ”
เกาเหวินเดินออกมาโยนเสื้อในมือใส่หน้า เยี่ยฉีรับไว้ได้
“เยี่ยฉี คุณกล้าให้ฉันใส่เสื้อผ้าเน่าๆ เหรอ”
เยี่ยฉียิ้มในสีหน้า “คุณเกากำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันทำอะไรอยู่ ฉันว่าเรื่องนี้คุณคงรู้อยู่แก่ใจนะ” เกาเหวินพูดเป็นนัย
เยี่ยฉีนึกออกทันที “คุณคงไม่ได้เอาเรื่องที่มี่โตะถูกย้ายมาโทษฉันนะ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงแปลว่าคุณไร้เหตุผลมาก”
เกาเหวินคุมแค้น “ทั้งๆ ที่ฉันเคยเตือนความผิดพลาดของคุณแล้ว แต่คุณยังทำอีกเพราะความจำเสื่อมเหรอ”
เยี่ยฉีโต้กลับอย่างเจ็บแสบ “เห็นว่าคุณอายุยังน้อย ฉันจะไม่ถือสาคุณ อยู่ต่อหน้าสาธารณชนก็ให้เกียรติคุณ แต่คุณทำตัวเองให้เป็นซุปตาร์จริงหรือเปล่าล่ะ อย่าทำให้ตัวเองด้อยไปกว่านี้เลย คุณมีอำนาจอะไร มีสิทธิ์อะไรมาตั้งคำถามฉัน รูปถ่ายพวกนั้นของคุณเผยแพร่ไปทั่วบ้านทั่วเมือง รู้มั้ยว่าอะไรคือยางอาย”
เกาเหวินกอดอกนิ่งฟังโดยไม่สะทกสะท้าน “ถึงฉันจะไม่มียางอายก็ดีกว่าคุณแล้วกัน ทำร้ายแฟนเก่าของคุณเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง” ซุปตาร์ขาวีนตัวแม่เดินเข้ามาจ้องหน้าพูดใกล้ๆ “ฉันดูแล้ว คุณมีวันนี้ มันก็สมควรแล้ว”
เยี่ยฉีเงื้อมือขึ้นสุดแขนจะตบหน้า ถูกอี้หมิงที่มาถึงและได้ยินคำด่า จับมือคว้าไว้ทัน
“เมื่อกี้คุณว่าใคร” เยี่ยฉีสะบัดแขนออก
อี้หมิงโอบไหล่เกาเหวินอย่างปกป้อง จ้องหน้าเยี่ยฉีเขม็ง
“ตอนนี้เกาเหวินเป็นแฟนผม ถ้าคุณกล้าแตะต้องเธอ ผมไม่เกรงใจคุณแน่”
อี้หมิงโอบไหล่พาเกาเหวินออกไปทันที ปล่อยเยี่ยฉีให้กำมือแน่นมองตามอย่างเคียดแค้นอยู่เพียงลำพัง
เหม่ยลี่อยู่ในชุดฟอร์มพนักงานขายดูสวยแปลกตา ยืนแกร่วอยู่นานจนชักเมื่อยขา จนมีลูกค้าชายวัยกลางคนมาดเสี่ยกับหญิงคราวลูกท่าทางดูออกว่าเป็นกิ๊กกัน ชวนกันเดินเข้ามาดูเครื่องเพชรในร้าน ตรงเคาน์เตอร์ที่เหม่ยลี่ยืนประจำอยู่
“มาๆๆ ที่รัก ไปดูข้างในกัน”
“ที่รักคะ ช่วงนี้คุณไม่ค่อยได้อยู่กับฉันเลย คุณต้องชดเชยให้ฉันเยอะๆ นะคะ” หญิงลูกค้าว่า
ชายลูกค้ายิ้ม “แน่นอนสิ คุณบอกผมมา ชอบแบบไหน ผมจะซื้อให้คุณเดี๋ยวนี้
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ”
“ฉันต้องเอาวงใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว”
เหม่ยลี่ยิ้มทักเข้ามาดูแล “ชอบแบบไหนคะ ฉันจะเอาออกมาให้ดู”
“รบกวนเอาแบบนี้ออกมาให้ดูหน่อยค่ะ” ลูกค้าหญิงชี้บอก
ขณะเหม่ยลี่จะหยิบให้ ลูกค้าชายทักท้วง ขอดูอีกวง จนกลายเป็นว่าสองคนเริ่มทะเลาะกันซะงั้น
“โธ่ วงนี้ดูธรรมดาไป อันนี้...มา เอาวงนี้มาให้ผมดูหน่อย”
เหม่ยลี่หยิบมาให้ แต่กลับไม่ถูกใจฝ่ายหญิงเธอโวยลั่น
“นี่ นี่มันอะไรกัน เล็กจังเลย แบบเดียวกับยัยแก่ที่บ้านของคุณเลย ฉันไม่เอา ฉันจะเอาวงใหญ่กว่าเมียคุณ”
“โธ่เอ๊ย ดูสิๆ อย่าโกรธสิเดี๋ยวไม่สวยนะ วงนี้ ใหญ่กว่าของเขาแน่นอน”
เหม่ยลี่มองสองคนแล้วถอนหายใจเครียดๆ ไม่ชอบอะไรแบบนี้
“ไม่เอาฉันจะเอาวงนั้นนี่นา”
“เด็กดีๆๆ คุณลองดูก่อนเถอะนะ” ลูกค้าชายเอาใจ
“ฉันไม่ลอง ฉันจะเอาวงใหญ่ๆ”
“เด็กดีนะ”
ลูกค้าหญิงวีนที่เห็นเหม่ยลี่มองอยู่ “เอ๊ะ เธอมองอะไรยะ รีบเอาวงใหญ่ออกมาให้ฉัน”
เหม่ยลี่เก็บอันที่เพิ่งเอาออกมา ปฏิเสธลูกค้าซะงั้น “ขอโทษค่ะ เราไม่สามารถให้คุณดูได้”
“หะ” สองคนอุทานพร้อมกัน
ลูกค้าชายไม่พอใจ เสียงดังลั่นร้าน ลูกค้าคนอื่นๆ หันมามอง “ทำไม ที่รักของฉันจะเอาวงนั้น เอาออกมาลองดู”
“เพราะเขาไม่ใช่ภรรยาของคุณ ทำไมคุณต้องมาอยู่กับมือที่สามด้วย ถ้าภรรยาคุณรู้เธอจะเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าเขารู้ว่าคุณทำแบบนี้รู้บ้างมั้ยว่าเขาจะรู้สึกยังไง” ด่าผัวเสร็จ เหม่ยลี่หันมาด่าเมียน้อยเสียงดังพอกัน “แล้วก็คุณด้วย มาเป็นมือที่สามระหว่างคนอื่น แย่งสามีและทำลายครอบครัวของคนอื่น ผู้ชายมีมากมายทำไมต้องมายุ่งกับเขาด้วย
“เธอ...” ลูกค้าหญิงหน้าเสีย ไปไม่เป็น
ลูกค้าชายโกรธจัด “เธอ เธอ ฉันจะฟ้องเธอ ผู้จัดการ ๆ ผู้จัดการอยู่ไหน”
เหม่ยลี่ยืนนิ่งให้ผู้จัดการตำหนิอย่างรุนแรง
“ในฐานะพนักงาน หน้าที่ของเธอคือให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด ไม่มีสิทธิ์ไปถามเรื่องใดๆ ของลูกค้า และยิ่งไม่มีสิทธิ์ไปประณามเขาแบบนี้ เธอทำความผิดอย่างหนักมีผลกระทบร้ายแรงแค่ไหนเธอรู้มั้ย”
เหม่ยลี่อธิบายว่า “แต่เพชรเป็นสัญลักษณ์แทนความรักที่เป็นอมตะไม่ใช่เหรอ ถ้าฉันขายแหวนวงนั้นให้กับเมียน้อย ฉันถือว่าเป็นการทำให้เครื่องประดับหม่นหมอง”
ผู้จัดการไม่พอใจ “ไม่ว่าเขาคือใคร ถ้าเดินเข้ามาในช็อปของเรา ก็ล้วนเป็นลูกค้าของเธอ เพราะลูกค้าคือพระเจ้าเข้าใจมั้ย”
เหม่ยลี่ยังไม่ยอมรับความผิด “แต่ฉันไม่ต้องการพระเจ้าแบบนี้”
ผู้จัดการโมโห ด่าอีกชุด “พวกเรารู้ว่า เธอมาจากบริษัทต้นสังกัด ตำแหน่งไม่ใช่เล็กๆ แต่ว่าในสายการขายของเรา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือยอดขาย คำพูดเดียวของเธอทำลายทั้งสาขาของเราอย่างย่อยยับ ฉันหวังว่าเธอคงพิจารณาตัวเองได้นะ”
ผู้จัดการเดินหุนหันออกไป เหม่ยลี่ยืนหน้าเศร้ามองป้ายโลโก้เทซีโร่ตรงผนังร้านอย่างเหนื่อยใจ
ฉีหยูขับรถมาตามทาง กำลังรับสายจากช็อปสาขา “ฮัลโหล หืม? ครับๆ ผมรู้แล้ว”
พอวางสายจึงหันไปแจ้งกับเซี่ยวเลี่ยงที่นั่งเครียดอยู่ทางด้านหลัง “คุณเซี่ยว เกิดเรื่องกับมี่โตะ”
เซี่ยวเลี่ยงตกใจ “มี่โตะเป็นอะไรบาดเจ็บเหรอ”
“เอ่อ เปล่าครับๆ เพียงแต่เธอไปสร้างปัญหา ทำให้ลูกค้าไม่พอใจเลยถูกหัวหน้าด่าไปชุดใหญ่”
เซี่ยวเลี่ยงโล่งใจ ตำหนิคนสนิท “ต่อไปรายงานพูดให้ชัดเจนหน่อย”
“ครับ” ฉีหยูแกล้งพูดถึงเหม่ยลี่ด้วยความสงสาร เห็นใจ “จะว่าไปแล้วมี่โตะก็น่าสงสารนะ จากนักออกแบบฝีมือดีกลับต้องไปเป็นพนักงานขาย ตอนนี้ยังถูกด่าอีก ในเวลานี้เธอคงต้องการใครซักคนไปปลอบโยนเธอแน่”
เซี่ยวเลี่ยงคอยเงี่ยหูฟังตลอด กระแอมกระไอถาม
“ศูนย์การขายของมี่โตะไกลจากที่นี่หรือเปล่า”
ฉีหยูยิ้มแฉ่ง “ใกล้ ใกล้มากครับ ยูเทิร์นก็ถึงแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้าบอก “ดี”
สิ้นเสียงเจ้านาย ฉีหยูก็หักพวงมาลัยเลี้ยวกลับรถทันควัน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เหม่ยลี่เก็บของเรียงในตู้อย่างเป็นระเบียบ จนกระทั่งเซี่ยวเลี่ยงเดินเข้าในร้านตรงมาหา เคาะเคาน์เตอร์เรียก
“คุ้นเคยกับงานใหม่หรือยัง”
เหม่ยลี่แปลกใจ “คุณมาได้ยังไงคะ”
“ผมผ่านแถวนี้เลยแวะมาเยี่ยม”
“แปลว่าคุณเชื่อฉันแล้วใช่มั้ยคะ”
เซี่ยวเลี่ยงตัดบทไม่อยากทะเลาะกันอีก “เรื่องนี้ค่อยคุยกันวันหลัง คุณเลิกงานกี่โมง ผมจะพาคุณไปทานข้าว”
เหม่ยลี่ปฏิเสธแถมเดินหนีไปเลย “วันนี้ฉันไม่มีเวลา คุณพาคนอื่นไปกินเถอะ”
เซี่ยวเลี่ยงอึกอัก “เอ่อ...”
ฉีหยูผิดหวังที่เห็นสองคนยังไม่ดีกัน “เอ๊ะ ทำไมเดินหนีอีกแล้วล่ะ”
“ไม่ต้องสนใจเขา ให้เขาใจเย็นก่อนค่อยคุยกัน
“กว่าจะมาถึงที่นี่ใช้เวลาตั้งสองชั่วโมง ทำไมถึงปล่อยให้เขาไปแบบนั้นล่ะ” ฉีหยูบ่น
เซี่ยวเลี่ยงโมโห คว้าคอเสื้อคนสนิทจนตัวแทบลอย ขึงตาใส่
“นายยังกล้าพูดอีกเหรอ ใครบอกฉันว่าแค่ยูเทิร์นก็ถึงแล้ว”
“คุณเซี่ยวผมผิดไปแล้ว” ฉีหยูจ๋อย
เซี่ยวเลี่ยงปล่อยฉีหยูลง ตบอกไปอีกสองที คิดหนักเรื่องเหม่ยลี่ แล้วถอนใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ”
จื่อเหลียงนัดเจอกับเยี่ยฉี สองคนคุยกันไป ชนแก้วกันไป อยู่ในมุมส่วนของร้านเหล้าแห่งนี้
“มี่โตะตัวอุปสรรคของคุณ ผมก็จัดการให้คุณแล้ว เรื่องที่เหลือ คุณต้องพึ่งพาตัวเองแล้วล่ะ”
“ขอบคุณมาก”
“เยี่ยฉี ใช้โอกาสที่เซี่ยวเลี่ยงมีเวลาว่าง รีบรวบรัดเขาซะสิ ไม่งั้นนานไปจะมีปัญหานะ”
เยี่ยฉียิ้มร้าย “วางใจได้”
“ทำไม มีแผนการแล้วเหรอ”
“คุณคิดว่าไงล่ะ”
จื่อเหลียงมองหน้าเยี่ยฉี สองคนยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน
ตกกลางคืน เซี่ยวเลี่ยงรีบร้อนเข้ามาในร้านเหล้าแห่งนั้น เดินไปถามกับพนักชายคนหนึ่งตรงเค้าน์เตอร์บาร์
“เอ่อ ผมคือเซี่ยวเลี่ยง เมื่อกี้ ใครเป็นคนใช้โทรศัพท์ที่นี่โทร.ไปหาผม”
พนักงานชายชี้บอก ซึ่งเห็นเยี่ยฉีนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ
“อ้อ อยู่ทางโน้นครับ”
“ขอบคุณมาก”
เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาเห็นสภาพเยี่ยฉีเมาหนักก็ถอนใจ อดสงสารไม่ได้
ไม่นานต่อมาเซี่ยวเลี่ยงหิ้วปีกเยี่ยฉีเข้ามาในคอนโดของเธอ
“ไม่ต้องประคองฉัน ฉันไม่เป็นไร” เยี่ยฉีคอพับคออ่อนหัวเราะเมามาย “ฉันไม่ได้เมาซักหน่อย ไม่ต้องประคองฉัน เซี่ยวเลี่ยง ไป ไปเอาเหล้ามา ดื่มกับฉันซักแก้ว”
“คุณถึงบ้านแล้ว มีสติหน่อยสิ” เซี่ยวเลี่ยงพาเยี่ยฉีมานั่งพักที่โซฟา
“อะไรนะ บ้านเหรอ” เยี่ยฉีลุกขึ้นเดินโซเซ พูดไปหัวเราะไปอย่างคนเมามาย “คุณคิดว่า ที่นี่คือบ้านของฉันเหรอ มีแต่ความเงียบงันไม่เห็นน่าอยู่เลยแม้แต่น้อย นี่ไม่ใช่บ้านของฉันหรอก ฉันโกหกคุณต่างหากล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงประหลาดใจ “คุณพูดอะไร”
เยี่ยฉีนั่งลงตรงหน้าเขาระบายบางอย่างออกมา “ฉันมีความลับจะบอกคุณ ตอนที่ฉันไปจากคุณ ก็เป็นเรื่องโกหก ฉันแกล้งทำเป็นรักคนอื่น แกล้งทำเป็นทรยศคุณ จากนั้นก็แต่งงาน แล้วไปจากที่นี่ คุณรู้มั้ยว่าเพราะอะไร เพราะถ้าฉันหายไป พ่อของคุณถึงจะยอมให้คุณ กลับบ้านตระกูลเซี่ยวไงล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไปนิดๆ ไม่อยากเชื่อ “คุณเมามากแล้ว มีสติหน่อยสิ”
เยี่ยฉีหัวเราะเล่นเป็นคนเมาได้อย่างสมบทบาท ขณะที่เซี่ยงเลี่ยวอึ้งกับคำพูดเมื่อครู่ของเธออยู่อย่างนั้น
อ่านต่อ ตอนที่ 24
#กะรัตรัก #NOW26 #ละครออนไลน์