เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 22
เช้ามืดวันใหม่ ดนัยเดินออกมาส่งวิษธรที่รถ ตรงบริเวณด้านหน้ารีสอร์ต
“ขอบคุณที่ให้ยืมรถนะพี่ เคลียร์ธุระเสร็จแล้วผมจะรีบกลับเลย ไปนะ”
วิษธรจะขึ้นรถ ดนัยรั้งไว้
“แกกำลังจะทำอะไรกันแน่วะธร ถึงได้เดินทางไปกลับเป็นว่าเล่นขนาดนี้”
“จำที่เราคุยกันวันก่อนได้ไหม พี่บอกให้ผมจบทุกอย่าง ผมก็กำลังจะทำตามที่ตัวเองพูดไว้ ผมให้โบรกเกอร์ทำเรื่องขายหุ้นธาราไปแล้ว ไปคราวนี้ผมจะสะสางทุกอย่างให้หมด ก่อนจะกลับมาอยู่ที่นี่”
“ทุกอย่างนี่หมายถึงเรื่องคุณพรพจีด้วยใช่ไหม”
วิษธรพยักหน้า ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แน่นอน ผมจะเคลียร์ทุกอย่างที่ติดค้างไว้กับผู้หญิงคนนั้น”
“แกคงไม่คิดจะใช้วิธีรุนแรงใช่ไหมวะ” ดนัยกังวล
“ผมไม่ใช่คนแบบนั้น แต่กว่าจะจบ พรพจีก็ควรได้บทเรียนที่เจ็บปวดและสาสมกับสิ่งที่เขาทำ”
วิษธรพูดอย่างเคียดแค้น ดนัยกังวลไม่คลาย
“ฉันเชื่อแกเสมอธร…ขอให้มันจบอย่างที่แกคิดไว้ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องห่วงครับพี่ หมดเรื่องนี้ผมจะไม่รบกวนอะไรพี่อีก ผมจะกลับมาดูแลแม่ ดูแลที่นี่ แล้วก็แต่งงานกับน้องม่าน ผมสัญญา”
ดนัยตบบ่าวิษธรให้กำลังใจ แล้วเศร้าเรื่องม่านแก้ว
วิษธรมาถึงบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว รีบจัดการเก็บเสื้อผ้าข้าวใส่กระเป๋า เอามารวมไว้ ก่อนจะทยอยขนของขึ้นรถ พวกเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน มีผ้าคลุมอยู่หมดแล้ว
หลังเก็บของเสร็จ วิษธรหยุดยืนมองตัวบ้านอยู่เงียบๆ ก่อนจะหันไปมองทางบ้านรมย์ฤดี
วิษธรยืนนิ่ง นัยน์ตามีวี่แววหวั่นไหวนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงภัทร์ธีรา แต่ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวเช่นเดิม
“ลาก่อน รมย์ฤดี”
วิษธรพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้น เขาไม่คิดจะกลับมาที่นี่อีกแล้ว
พรพจีกลับถึงบ้าน ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาห้องรับแขก ดูเครียดๆ เหนื่อยๆ สวาทเดินเข้ามาพร้อมแก้วน้ำดื่มมาวางให้ แปลกใจที่วันนี้พรพจีกลับเร็ว
“คุณจี ทำไมวันนี้กลับเร็วนักละคะ สัปดาห์ก่อนน้าเห็นกลับดึกแทบทุกวัน งานเสร็จแล้วเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะน้าหวาด แต่ฉันรู้สึกเพลียๆ น่ะ เหมือนจะไม่ค่อยสบาย ปัญหาที่โรงแรมแก้เท่าไหร่ก็ไม่หมดซักที ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง เลยกลับมาพักดีกว่า”
“ดีแล้วค่ะ เหนื่อยก็พัก ไม่ต้องไปฝืนมัน”
“แต่คงพักได้ไม่นานหรอก ตอนนี้ไม่มีใครช่วยฉันก็ต้องทำไปก่อน”
“จริงด้วยค่ะ...แต่เดี๋ยวคุณจ๋าก็กลับมาช่วยคุณจีแล้วมั้งคะ”
“ฉันอยากให้น้องจ๋ากลับมาเหมือนกัน...เวลาที่ต้องแก้ปัญหายากๆ คนเดียวมัน เหนื่อยมากเลยน้าหวาด นี่ถ้าธรอยู่ด้วยก็คงดี”
พอได้ยินชื่อวิษธร สวาทก็เหมือนจะนึกอะไรออก
“คุณธรกลับมาแล้วนี่คะ”
พรพจีสะดุ้งดีดตัวลุกขึ้น ถามสวาททันที
“จริงเหรอน้าหวาด”
“ค่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง น้าก็นึกว่าคุณธรคุยกับคุณจีแล้ว”
“ทำไมเขาไม่เห็นบอกฉันเลย แต่เขากลับมาแน่แล้วใช่ไหมน้าหวาด”
“กลับมาแล้วค่ะ นังสวยมันยังจะไปทำความสะอาดบ้านให้อยู่เลย คุณจี...”
“เดี๋ยวฉันมานะ”
สวาทยังพูดไม่จบพรพจีก็รีบร้อนออกไปหาวิษธรทันที
สวยเดินย่องท่าทีลับๆ ล่อๆ มาหยุดตรงมุมลับตาในสวนบ้านรมย์ฤดี มองซ้ายแลขวาจนมั่นใจว่าไม่มีใครมาเห็นแน่น จึงหยิบโทรศัพท์มาโทร.ออก อีกฟากหนึ่ง อรดีกำลังเลือกซื้อของอยู่ในห้าง มีสายเข้า พอเห็นเป็นเบอร์สวยก็กดรับอย่างรำคาญๆ สองคนคุยสายกัน
“โทร.มาทำไมนังสวย ฉันกำลังซื้อของอยู่ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนล่ะก็แกโดนแน่”
สวยสะดุ้ง สยอง
“ว้าย ใจเย็นๆ ก่อนสิค้าคุณดี้ นี่สวยโทร.มาต้องมีเรื่องด่วนเร็วกว่านรกแน่ค่ะ”
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
สวยลนลาน “ค่าๆ คืองี้ค่ะ คุณธรกลับมาแล้วค่ะ”
อรดีชะงักไปนิดหนึ่ง
“เขากลับมาแล้วเหรอ เรื่องจริงใช่ไหม แกไม่ได้ตาฝาดนะ”
“ไม่ฝาดค่ะ เห็นเต็มสองเบ้าตาสวยเลย มาตัวเป็นๆ เลยค่ะ”
อรดีถามรัวๆ เป็นชุด
“แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง ได้ไปเจอนังพรพจีไหม มากับยัยน้องจ๋ารึเปล่า”
“ไม่ค่ะ ไม่มีอะไรอย่างที่คุณดี้ว่าเลยค่ะ ทีแรกสวยก็นึกว่าจะอยู่ยาว แต่นี่คุณธรบอกว่ามาแป๊บเดียว ขนาดสวยจะไปทำความสะอาดบ้านให้ ยังไม่ยอมเลย”
อรดีสะกิดใจ “จริงเหรอ แปลก”
“ค่ะ สวยก็ว่าแปลก ปกติคุณธรมาถึงต้องแจ้นไปหาคุณจีก่อน นี่อะไร้ มาถึงไม่พูดไม่จาเก็บของอย่างเดียว”
“เก็บของไปไหน”
อรดีรับรู้ว่ามีอะไรแปลกๆ สวยพูดโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“ค่ะ ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหนตั้งกะคราวก่อนแล้ว”
“แค่นี้ก่อนนะนังสวย ฉันมีเรื่องต้องไปทำ”
อรดีตัดบทแล้ววางสายไปเลย เล่นเอาสวยงวยงง
วิษธรเก็บของขึ้นรถเสร็จ ตรวจเช็คความเรียบร้อยในบ้านเรียบร้อยกำลังจะเดินออกไปขึ้นรถกลับสุโขทัย แต่จู่ๆ พรพจีก็ปราดเข้ามาในบ้าน แล้วพุ่งมากอดเขาไว้จากทางด้านหลัง
“ธร คุณกลับมาทำไมไม่บอกกันบ้าง”
วิษธรเงียบไป พยายามข่มอารมณ์โกรธไว้ พรพจีพูดเสียงสั่นน้ำตาคลอ
“คุณหายไปไหนมา ฉันเครียดมากเลยที่ต้องคอยแก้ปัญหาคนเดียวตอนที่คุณไม่อยู่ แล้วนี่ฉันก็เพิ่งรู้ว่าคุณถอนหุ้นจากธาราไปหมดเลย มันเกิดอะไรขึ้นเหรอธร”
วิษธรไม่ตอบ แกะมือของพรพจีออกแล้วหันมาหา
“คุณรู้เรื่องแล้วสินะจี”
“นี่มันอะไรกันน่ะธร คุณขายหุ้นของคุณไปทำไม”
วิษธรตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ธาราของคุณมันกำลังจะพังแล้ว”
พรพจีตกใจ “ไม่จริง บอกฉันสิว่าคุณแค่ล้อเล่น คุณไม่มีวันทิ้งฉันกับธาราไปได้หรอก”
“แล้วถ้าผมบอกว่าผมทำได้ล่ะ”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ก็คุณเคยสัญญาว่าจะอยู่กับฉัน คุณแค่ไปทำงานเดี๋ยวเดียวแล้วคุณก็จะกลับมาช่วยฉัน...”
วิษธรพูดสวนขึ้นมาทันที “มันเป็นอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละจี”
พรพจีอึ้งไป เมื่อเห็นวิษธรพูดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
“หมายความว่ายังไง”
“หมายความว่า ผมอยากจบแค่นี้ไง”
พรพจีงงหนัก ชักเริ่มโกรธ “จบ...อะไรคือจบ อธิบายฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
“จบก็หมายความว่าจบ แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรด้วย”
พรพจีจับตัววิษธรไว้ พยายามคาดคั้นอีก
“ไม่ได้ คุณจะไปโดยที่ไม่บอกอะไรฉันแบบนี้ไม่ได้ ฉันทำผิดอะไรเหรอธร ก่อนหน้านี้เรายังดีๆ กันอยู่เลย แล้วทำไมคุณถึงเปลี่ยนไป”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะจี ผมคือผมคนเดิม ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน แต่คุณต่างหากที่ต้องคิดให้ดีว่าทำอะไรไว้ ผมถึงต้องไป”
“ฉันทำอะไร”
“นึกดีๆ สิจี คุณเคยทำอะไรเรื่องชั่วช้าอะไรไว้…” พรพจียังงงๆ ไม่หาย “คุณอาจจะลืมมันไปแล้ว แต่ผมไม่เคยลืม และไม่มีวันลืมด้วย”
“คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
วิษธรยิ้มเย็นชา
“ถ้าคิดไม่ออก แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณไม่เคยสำนึกเลย ลาก่อนพรพจี”
วิษธรเดินหนีไปโดยไม่แยแส พรพรีอึ้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะได้สติรีบวิ่งตามไป
วิษธรเดินมาที่รถ พรพจีตามมาตะโกนเรียกไว้
“ธร รอฉันก่อน ธร”
วิษธรไม่ฟังจะขึ้นรถ แต่พรพจีวิ่งตามมาจนทันแล้วกระชากตัวเขาไว้ด้วยความโกรธ
“หยุดเดี๋ยวนะ มาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง”
วิษธรรำคาญเต็มทน
“ผมว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนะ”
“ทำไมจะไม่มี คุณจะมากล่าวหาลอยๆ แล้วทิ้งฉันไปอย่างนี้ไม่ได้”
“คุณเป็นใครถึงมีสิทธิ์บอกว่าผมควรทำหรือไม่ทำอะไร”
“คุณเคยทำงานกับฉัน ฉันมีสิทธิ์ขอให้คุณชี้แจงเรื่องทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น”
วิษธรหัวเราะเยาะ พูดอย่างดูแคลนพรพจี
“สุดท้ายคุณก็เห็นผมเป็นแค่ไอ้โง่ที่คุณเอาไว้ใช้งานเท่านั้นสินะ”
“มะ...ไม่ใช่นะธร ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“เอาเถอะจี...ผมไม่ถือหรอก ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าคุณเป็นคนยังไง วันนี้ผมก็แค่เห็นอะไรในตัวคุณชัดขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
พรพจีงงหนัก “พูดให้มันชัดๆ หน่อยได้ไหมธร เรื่องคุณรินหรือเปล่า”
“ถ้าคุณอยากรู้ ไว้ผมฝากหลานสาวสุดที่รักของคุณมาบอกดีไหม”
พรพจีงงอีก ไม่เข้าใจว่าวิษธรพูดถึงอะไรอีก
“ทำไมถึงเป็นน้องจ๋า อย่าบอกนะ...ว่าที่คุณหายไปคุณไปกับน้องจ๋า”
“คุณเป็นคนฉลาด...คิดเอาเองสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
พรพจีอึ้ง นิ่งงันไป จุกจนพูดไม่ออก วิษธรพูดแค่นั้นก็ขึ้นรถขับออกไปโดยเร็ว
“ธร...นี่มันอะไรกัน คุณไปไม่ได้นะ ธร”
พรพจีน้ำตาร่วง ตะโกนเรียกวิษธรด้วยความสับสน และเสียใจปะปนกันไปหมด วิษธรไม่สนขับรถออกไปด้วยความสะใจ พรพจีร้องไห้โฮ ทำอะไรไม่ถูก
จิรดาแอบดูอยู่มุมหนึ่ง เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น รีบวิ่งแจ้นคาบข่าวกลับไปที่รมย์ฤดีทันที
นรินทร์ฟังเรื่องพรพจีกับวิษธร ที่จิรดาเอามารายงานก็แปลกใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ภัทร์ธีรามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร
“น้องจ๋าน่ะเหรอหายไปกับไอ้ธร เป็นไปไม่ได้”
“ทีแรกดาก็ไม่อยากเชื่อค่ะ แต่ท่าทางคำพูดอะไรของคุณธรมันสื่อไปอย่างนั้นหมดเลย แล้วคุณจ๋าก็หายไปพร้อมกับเขาจริงๆ ด้วย”
“น้องจ๋าเกลียดไอ้งูพิษนั่นจะตาย จะไปอยู่กับมันได้ยังไง”
“ดาก็ไม่รู้ค่ะ แต่ที่แน่ๆ คุณจีโดนคุณธรเทไม่เหลือชิ้นดีแล้วแน่นอน”
“สมน้ำหน้า เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด นังแพศยานั่นมันต้องได้รับกรรมที่ทำไว้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้”
นรินทร์พูดอย่างสะใจ แต่จิรดากลับกระวนกระวายเรื่องวิษธร
“แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรยืนยันเลยนะคะว่าคุณจ๋าไปกับคุณธร”
“ถ้าอยากรู้ว่าจริงไหมก็ต้องพิสูจน์ให้มันรู้ ไปหยิบโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะโทร.หาน้องจ๋า”
จิรดาพยักหน้ารับ รีบไปหยิบโทรศัพท์มาให้ นรินทร์โทร.หาภัทร์ธีรา แต่ปรากฏว่าไม่มีใครรับสาย นรินทร์โทรซ้ำอีกหลายครั้งก็ไม่มีคนรับ จนเริ่มหัวเสีย
“น้องจ๋าไม่รับสาย”
“ทำยังไงดีคะคุณริน”
“จะทำยังไงล่ะ ตามไอ้วิษธรไปสิ ป่านนี้มันยังไปได้ไม่ไกลหรอก ไป”
“ค่ะๆ”
จิรดาพรวดพราดออกจากห้องไปตามวิษธร นรินทร์สงสัยว่าเกิดอะไรกับภัทร์ธีราแน่
วิษธรขับรถออกมาจากบ้านได้สักพัก ดนัยก็โทร.เข้ามา เขากดรับสายผ่านบลูทูธคุยกับดนัย
“ว่าไงพี่”
ดนัยอยู่ที่ออฟฟิศรีสอร์ต ถือโทรศัพท์มือถือของภัทร์ธีราอยู่ในมือ
“คือโทรศัพท์คุณจ๋าที่แกฝากฉันไว้น่ะ คุณนรินทร์เขาโทร.เข้ามาตั้งหลายสายแล้ว แกจะเอาไง ให้ฉันเอาไปให้คุณจ๋าไหม”
“พี่จะเอาไปให้เขาทำไม”
“ก็เผื่อมีเรื่องสำคัญไง โทร.ขนาดนี้ถ้าไม่ด่วนคงไม่ใช่แล้ว”
วิษธรครุ่นคิดว่าจะทำยังไง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถใครคนหนึ่งขับมาปาดหน้า จนวิษธรต้องเบรคกะทันหัน ลงรถมาดูว่าเป็นใคร ต้องแปลกใจที่พบว่าเป็นอรดีกับสรัชลงจากรถคันดังกล่าว สรัชดิ่งเข้าไปหาวิษธร
“เจอพอดี...กำลังจะไปหาอยู่เลย”
“คุณเอ้”
สรัชจ้องจับผิด “จะรีบหนีไปไหนล่ะ”
สรัชถามเหมือนจะหาเรื่อง วิษธรตั้งรับ ตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“คุณเอ้พูดถึงอะไรเหรอครับ”
“ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องเลยนะ คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่าจ๋าอยู่ที่ไหน”
“ทำไมคุณเอ้ถึงมาถามผมล่ะ” เขาย้อนหน้านิ่ง
“ก็พี่ดี้...”
สรัชเกือบจะหลุดปากบอกเรื่องที่อรดีไปแอบฟังอิชยาคุยกับภัทร์ธีรา อรดีดึงสรัชไม่ให้พูด
วิษธรหันมาทางอรดี “คุณดี้รู้อะไรอะไรมาเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ดี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ ดี้แค่ขับรถพาเอ้มาเฉยๆ”
“เหรอครับ ถ้าคุณดี้พาคุณเอ้มาหาผมถึงที่แล้วบอกว่าไม่รู้อะไร ผมก็พูดได้เหมือนกันสิว่าผมไม่รู้เรื่อง”
วิษธรตอบนิ่งๆ กวนโทสะในที สรัชมองหน้าโกรธๆ
“ผมไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนก็ช่างเถอะ แต่ผมรู้แล้วกันว่าคุณเป็นคนพาตัวจ๋าไป สารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณเอาตัวจ๋าไปไว้ที่ไหน ก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจ”
“คุณเอ้แจ้งความไปก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ เพราะผมไม่ได้เอาตัวคุณจ๋าไป คุณเอ้เป็นแฟนคุณจ๋าแท้ๆ น่าจะรู้ดีกว่าผมไม่ใช่เหรอ ว่าแฟนตัวเองหายไปไหน”
สรัชโมโหพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อ
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ แกเอาน้องจ๋าไปไว้ไหน”
“ผมบอกแล้วไม่ได้เอาไป คุณไปถามคุณจ๋าเองสิครับ ถ้าเขาอยากเจอคุณเขาก็คงบอก...”
สรัชโมโหที่วิษธรพูดจาวกวน ชกเปรี้ยงจนวิษธรเซไป
“ไม่บอกใช่ไหม”
สรัชจะเข้าไปซ้ำ แต่อรดีห้ามไว้
“เอ้ ไม่เอา อย่าทำแบบนี้”
“พี่ดี้ปล่อยผม ผมจะทำให้มันบอกให้ได้ว่าจ๋าอยู่ไหน”
วิษธรเช็ดเลือดที่มุมปาก สรัชยื้อกับอรดีไปมา ระหว่างนี้มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาจอด ทุกคนชะงัก เมื่อเห็นจิรดาลงจากรถยัดเงินใส่มือวิน แล้วพุ่งมาหาวิษธร
“หยุดนะ พวกคุณจะทำอะไรคุณธร”
อรดีขัดใจที่จิรดาตามมาจุ้นจ้านวุ่นวายอีกจนได้
ทางด้านพรพจีหมกตัวอยู่ในห้องร้องไห้อย่าหนัก นึกถึงคำพูดแปลกๆ ที่วิษธรด่าว่าตัวเอง
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะจี ผมคือผมคนเดิม ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน แต่คุณต่างหากที่ต้องคิดให้ดีว่าทำอะไรไว้”
“ฉันทำอะไร”
“นึกดีๆ สิจี คุณเคยทำอะไรไว้…อะไรที่คุณอาจจะลืมมันไปแล้ว แต่ผมไม่เคยลืม”
พรพจีตามวิษธรมาที่รถ
“เอาเถอะจี ผมไม่ถือหรอก ผมรู้มาตั้งนานแล้วว่าคุณเป็นคนยังไง วันนี้ผมก็แค่เห็นอะไรในตัวคุณชัดขึ้นอีกหน่อยเท่านั้นเอง”
พรพจีคิดไม่ตก เอามือกุมหัว ไม่เข้าใจในสิ่งที่วิษธรต้องการบอก
“เขาพูดถึงอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้กับฉัน...”
พรพจีเครียดมากไม่รู้จะทำยังไง จนนึกบางอย่างได้
“น้องจ๋า...”
พรพจีรีบคว้าโทรศัทพ์มากดหาเบอร์ของภัทร์ธีรามือไม้สั่น แล้วโทรออก แต่รอสักพักแล้วก็ไม่มีใครรับสาย พรพจีเริ่มเครียด
จิรดาจะเดินเข้าไปดูแลวิษธร
“คุณธร เป็นยังไงบ้าง...”
แต่อรดีปราดมาขวางไว้ก่อน
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ อย่ามายุ่ง นี่มันเรื่องของเอ้กับคุณธร เธอไม่เกี่ยว”
“ฉันไม่เกี่ยว เธอก็ไม่เกี่ยวเหมือนกัน ฉันเห็นนะว่าพวกเธอจงใจขับปาดหน้ารถ คุณธรแล้วก็ทำร้ายเขา เรื่องนี้ต้องถึงตำรวจแน่”
จิรดาพูดขู่ แต่อรดีไม่สน แถมท้าให้ฟ้อง
“เอาเลย อยากฟ้องตำรวจก็ฟ้องเลย ฉันจะได้แจ้งความเหมือนกัน เรื่องที่เธอสะกดรอยตามพวกฉันมา”
“สะกดรอยอะไร ฉันไม่ได้ตามเธอ ฉันตามคุณธรต่างหาก”
อรดีเหยียดยิ้ม “อ้อ ยอมรับแล้วสินะว่าเป็นพวกสัมภเวสีชอบตามจองเวรคนอื่นเขาไม่เลิกน่ะ”
“ที่ฉันตามจองเวรอยู่ เพราะมันมีเจ้ากรรมนายเวรประเภทกัดไม่ปล่อยเหมือนเธอไง ในเมื่อจะราวีกันไม่เลิกก็ต้องตาต่อตาฟันต่อฟันแบบนี้แหละ”
“นี่ต้องให้โดนตบอีกซักทีแกถึงจะหายปากเสียใช่ไหม อีแอ๊บ”
“อย่างน้อยฉันก็ยังแอ๊บได้ไม่ขัดตา เพราะว่าฉันไม่ได้กร้านโลก ผ่านผู้ชายมาเป็นร้อยแบบแก อีผีแม่ม่าย”
อรดีกรี๊ดลั่นที่โดนจิรดาด่า ถลาจะเข้าไปตบ สรัชต้องเข้ามาห้าม
“อย่าครับพี่ดี้”
“เอ้ ปล่อยพี่ ปล่อย”
วิษธรสุดทน ตะโกนขึ้นเสียงดังลั่น
“ทุกคน พอสักทีเถอะครับ”
อรดีชะงัก จิรดาอึ้ง วิษธรไล่สายตามองหน้าทุกคน
“หยุดทำแบบนี้สักที แล้วฟังผม”
สรัชปล่อยตัวอรดีออก เบือนหน้าหนีไม่อยากฟัง
“คุณเอ้ ผมเข้าใจว่าที่คุณทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงคุณจ๋า แต่ต่อให้คุณถามผมอีกกี่ครั้งผมก็จะตอบเหมือนเดิมว่าผมไม่ได้เอาตัวคุณจ๋าไป ผมอยากให้คุณได้สติซักที คุณรักคุณจ๋าแค่ไหนคนทั้งโลกก็ดูออก แต่คุณกลับไม่รู้ว่าคุณจ๋าเขาคิดยังไง...คุณจ๋าเขารักคุณมาก คุณรู้ไหม”
วิษธรพูดออกไปทั้งๆ ที่ตัวเองก็เจ็บปวด สรัชแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ แต่ผมกล้ายืนยันได้ว่าที่ผมพูดเป็นความจริง คุณรออีกหน่อยเถอะ อีกไม่นาน...คุณจ๋าจะกลับมาหาคุณแน่นอน”
วิษธรพูดจบก็หันหลังจะเดินไปที่รถ สรัชถามขึ้นอีก
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ คุณรู้จริงๆ ใช่ไหมว่าจ๋าหายไปไหน”
“ผมมีธุระ ต้องรีบไปแล้ว”
วิษธรไม่ตอบหนีขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย สรัชงงมากว่าวิษธรพูดถึงอะไร
อีกฟากหนึ่งคำผายมาหาภัทร์ธีราที่ห้อง พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ ภัทร์ธีราแปลกใจ
“ให้จ๋าโทร.กลับไปที่เบอร์นี้เหรอพี่คำผาย”
คำผายพยักหน้า พูดตามที่ได้รับคำสั่งมา
“ค่ะนายใหญ่อนุญาตให้คุณโทร.กลับเบอร์ที่ชื่อนรินทร์ได้ แต่ขอแค่คุณไม่บอกความจริงว่าอยู่ที่ไหนหรือกำลังทำอะไรเท่านั้น”
ภัทร์ธีราเอะใจ แต่ก็รับโทรศัพท์มา
“ก็ได้คะ ขอบคุณมากนะคะพี่คำผาย”
“ถ้าคุณจ๋าโทร.เสร็จแล้วให้เอาโทรศัพท์มาคืนคำผายนะคะ คำผายจะรออยู่ตรงนี้”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับเอาคำ แล้วเดินเลี่ยงออกมาโทร.หานรินทร์
นรินทร์รอจิรดาอยู่ที่ห้อง สักพักก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น นรินทร์หยิบโทรศัพท์มาดู เห็นชื่อน้องจ๋าโทร.มาก็ดีใจ รับสายทันที
“น้องจ๋า น้องจ๋าเหรอลูก”
ภัทร์ธีราหลบมาคุยกับนรินทร์มุมหนึ่งของเรือนท้ายสวน
“ค่ะ อาริน จ๋าเอง”
“น้องจ๋าหายไปไหนมา ทำไมโทร.หาแต่อาจีไม่โทร.หาอาบ้าง อาคิดถึงแล้วก็เป็นห่วงน้องจ๋ามากรู้ไหม”
“จ๋าขอโทษค่ะที่ไม่ติดต่อมาเลย พอดีไม่ค่อยสะดวก แต่จ๋าก็คิดถึงอารินมากเหมือนกันนะคะ”
“ตอนนี้น้องจ๋าอยู่ไหน ทำไมถึงไม่ยอมกลับบ้านสักที”
“จ๋าก็อยากกลับค่ะ แต่จ๋าเดินทางตลอดเลยยังไม่ได้กลับสักที”
นรินทร์ซึมลง
“อาอยากให้น้องจ๋ากลับมา ตอนนี้ที่บ้านเราวุ่นวายมาก ถ้าน้องจ๋ากลับมา จีอาจจะรู้สึกดีกว่าอยู่กับอาแค่สองคนก็ได้”
ภัทร์ธีราฟังแล้วน้ำตาคลอ
“อีกไม่นานค่ะ...จ๋ากำลังจะกลับไปแล้ว อารินรอจ๋านะคะ”
“อารอน้องจ๋าได้อยู่แล้ว”
“อารินอดทนหน่อยนะคะ ทุกอย่างมันกำลังจะจบแล้ว”
นรินทร์สะดุดหู “กำลังจะจบ น้องจ๋าพูดถึงอะไร น้องจ๋ารู้อะไรมา”
ภัทร์ธีราอึกอักอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด นรินทร์ถามอีก
“หรือว่า...ตอนนี้น้องจ๋าอยู่กับไอ้วิษธร”
“ไม่ใช่นะคะอาริน จ๋าไม่ได้อยู่กับเขา”
“ไม่เป็นไรหรอก บอกอามาเถอะ อาสัญญาว่าจะไม่บอกใคร แม้แต่จี”
นรินทร์ลุ้นๆ คำตอบ แต่สุดท้ายภัทร์ธีราก็ตอบเลี่ยงไปอีก
“จ๋ามาเที่ยวจริงๆ ค่ะอาริน แล้วก็ไม่ได้อยู่กับใครทั้งนั้น ตอนแรกจ๋ามากับยา แต่ยาเขากลับกรุงเทพไปก่อนหน้านั้นแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“ค่ะ”
นรินทร์รับรู้ได้ว่าภัทร์ธีราซ่อนงำอะไรบางอย่างไว้ แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้
“งั้นอาก็สบายใจ แต่ยังไงรีบกลับมานะน้องจ๋า อาอยากเจอน้องจ๋า ก่อนที่อะไรๆ ในบ้านนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีก”
ภัทร์ธีราทำไมอารินพูดแบบนี้ล่ะคะ
“ไม่รู้สิ...อาแค่คิดว่าอีกไม่นาน จีเขาอาจจะทนเห็นอาอยู่ในบ้านนี้อีกไม่ได้แล้ว”
“ไม่จริงเลยนะคะ อาจีไม่มีวันทำแบบนั้น”
“อย่าปลอบอาเลย น้องจ๋าไม่รู้จักจีดีเท่าอา อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
ภัทร์ธีราใจแป้ว “อาริน”
“อาจะรอน้องจ๋านะ มีน้องจ๋าคนเดียวที่รักอาด้วยใจจริง อาก็รักน้องจ๋าเหมือนลูก น้องจ๋ารู้ใช่ไหม”
“ค่ะ จ๋าจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุดนะคะ”
นรินทร์ยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะวางสายไป ขณะที่ภัทร์ธีราร้องไห้อยู่คนเดียวเงียบๆ
หลังจากคุยกับนรินทร์เสร็จภัทร์ธีราก็กลับมาที่ห้อง คำผายรออยู่ ภัทร์ธีรายื่นโทรศัพท์จะคืนคำผายไป แต่กลับเห็นเบอร์พรพจีขึ้น missed call หลายสาย เลยชะงักมือไว้
คำผายแปลกใจ “คุณจ๋า มีอะไรรึเปล่าคะ”
ภัทร์ธีรากดดูพบว่าพรพจีเพิ่งโทรมาไม่นาน
“พี่คำผาย จ๋าขอใช้โทรศัพท์ก่อนได้ไหม”
“ทำไมล่ะคะ”
“คือ…อาของจ๋าโทร.มา จ๋าคิดว่าคงมีเรื่องจะบอก ให้จ๋าโทร.กลับไปนะ”
คำผายมองสงสัย
“อาของคุณจ๋าชื่อว่าอะไรคะ”
“อาจีค่ะ”
“นายใหญ่สั่งว่าให้คุณจ๋าโทรหาคนที่ชื่อนรินทร์เท่านั้นค่ะ นอกเหนือจากนี้ไม่อนุญาต”
พร้อมกับว่าคำผายถือวิสาสะดึงโทรศัพท์กลับมา
ภัทร์ธีราหน้าเสีย “พี่คำผาย”
“ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้นะคะ แต่คำผายต้องทำตามคำสั่งของนายใหญ่”
คำผายก้มหัวเชิงขอโทษภัทร์ธีราก่อนจะเดินออกไป ภัทร์ธีรากังวลหนัก
พรพจีออกมาจากห้องท่าทางเครียดจัด เจอนรินทร์เลื่อนรถออกมาที่เชิงบันไดยิ้มเยาะให้ พรพจีไม่อยากทะเลาจะเดินหนี นรินทร์พูดแดกดันขึ้นมาลอยๆ
“น่าสงสาร...คนบางคนพยายามแทบตายเพื่อจะให้ได้เด็กหนุ่มมาเยียวยาจิตใจต่ำๆของตัวเองให้ดูมีคุณค่า แต่สุดท้ายก็กลายเป็นอีแก่หน้าโง่ให้เขาหลอกเถือหนังเหี่ยวๆ ไปวันๆ”
พรพจีหันไปมองนรินทร์ตาขวาง
“คำพูดของคุณมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
“ไม่รู้สึกก็ดี ฉันก็ลืมไปว่าคนหน้าด้านอย่างเธอ ใจมันคงด้านไม่ต่างกัน เพราะขนาดหลานหายไปทั้งคนเธอยังไม่คิดจะตามเลย จริงไหม”
นรินทร์มองท้าทาย พรพจีพยายามเก็บอาการไว้
ระหว่างนี้จิรดากลับมาถึงพอดี แต่เห็นทั้งคู่ทะเลาะกัน จึงหลบมุมแอบดูทางหนีทีไล่ว่าคุยอะไร
“ต่อให้บอกคุณจนปากจะฉีก คุณก็ไม่เชื่อ ไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
“พูดสิ เธอต้องพูด พูดไอ้สิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจ ความจริงเธอก็อยากให้น้องจ๋าหายไปใช่ไหม”
จิรดานึกสนุก คิดว่าต้องเป็นเรื่องเด็ดแน่ๆ เลยแอบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปไว้
“เธอไม่เคยรักน้องจ๋า ฉันรู้สันดานเธอดี เธอมันตอแหล คนเห็นแก่ตัวอย่างเธอไม่เคยรักใครทั้งนั้น”
นรินทร์ตวาดใส่ดังลั่น พรพจีหน้าชา กำมือแน่นจนเกร็ง นรินทร์ชี้หน้าพรพจี กัดฟันพูดด้วยความอัดอั้น
“ฉันมันโง่ที่ถูกคนอย่างเธอหลอก คงสมใจแล้วสิที่น้องจ๋าหายไปได้ อีกไม่นานเธอก็คงกำจัดฉันทิ้ง แล้วหนีไปเสวยสุขบนกองเงินกองทองที่หลอกคนอื่นเขามาทั้งชีวิต”
“ใช่! ฉันอยากจะกำจัดคนอย่างคุณ”
พรพจีโพล่งออกมาทั้งน้ำตา โกรธจนตัวสั่น
“ฉันเบื่อเต็มทนแล้วที่คุณเอาแต่พูดแดกดันฉัน เบื่อที่ต้องมารองรับอารมณ์ของคุณเหมือนเป็นส้วมที่คุณเอาของเน่าๆมาเทใส่ เบื่อที่คุณไม่เคยคิดจะเข้าใจฉัน เอาแต่ยึดความคิดของตัวเอง จนอะไรๆ มันกลายเป็นแบบนี้”
นรินทร์ยิ้มเยาะ “ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะ”
“ฉันน่าจะพูดให้มันเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้ก็ฟังไว้ ว่าฉันไม่เคยรักคุณ คนที่ฉันรักจริงๆ คือธร ฉันเคยหวังว่าคุณจะเป็นคนที่ให้ความสุขสบายทั้งกายและใจ แต่สุดท้าย...”
พรพจีเดินเข้ามาหานรินทร์ น้ำตาไหลอาบแก้ม ระบายออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ฉันกลับต้องมาดูแลผัวพิการที่ทิ้งแต่ภาระไว้ให้ คุณจำใส่หัวไว้เลยว่าถ้าไม่มีคุณ ป่านนี้ฉันคงสมหวังกับธรไปนานแล้ว”
นรินทร์จิกมือที่พนักวีลแชร์แน่น โกรธและเจ็บปวดพอๆ กัน โต้กลับไปอย่างรุนแรง
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็จำไว้เหมือนกันว่าผู้หญิงอย่างเธอ ต่อให้พยายามทั้งชีวิตก็ไม่วันได้ใจไอ้งูพิษนั่น...วันนึงมันจะกลับมาแว้งกัดเธอเหมือนที่เธอเคยทำไว้กับคนอื่น กรรมมันจะตามสนองเธอแล้ว พรพจี”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ หยุดสักที ฉันไม่อยากฟังอะไรจากคุณอีกต่อไปแล้ว”
พรพจีทนไม่ไหวเดินหนีลงบันไดไป แต่นรินทร์ไม่ยอมเลื่อนรถตามมาดึงแขนไว้
“จะไปไหน นังแพศยา ฉันไม่ให้แกไปง่ายๆหรอก วันนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
นรินทร์ดึงแขนไว้กำแน่น พรพจีสลัดแต่ไม่หลุด ตะโกนใส่หน้าดังลั่น
“ปล่อยฉัน ฉันจะไปจากที่นี่ ฉันจะแต่งงานกับธร ฉันไม่แคร์อะไรอีกแล้ว ปล่อย”
“ไม่ กูไม่ให้มึงไป มึงจะหนีไปมีความสุขกับไอ้วิษธรสองคนไม่ได้”
“ปล่อย! ฉันบอกให้ปล่อยไง”
นรินทร์ไม่ยอมดึงพรพจีไว้ไม่ยอมปล่อย พรพจีแกะมือนรินทร์ออก แต่ไม่เป็นผล
ในที่สุดพรพจีก็หมดความอดทน สะบัดมือนรินทร์ออกสุดแรงเกิด แรงเหวี่ยงยังผลให้มือของนรินทร์หลุดออกจากตัวพรพจี รถเข็นค่อยๆ ไถลไปจนสุดหัวบันได ร่างของนรินทร์กระแทกหลุดออกจากรถเข็น มองพรพจีอย่างตื่นตระหนก แล้วยื่นมือมาเชิงขอให้พรพจีช่วย
“จี!”
พรพจีตะลึงตะไล ยื่นมือไป แต่สุดท้ายก็ชะงักมือไว้ นรินทร์หลุดออกจากรถเข็นกลิ้งตกลงบันไดไปอย่างแรงกระแทกกับพื้นตีนบันไดเสียงดังโครม
ร่างนรินทร์นอนกระตุกอยู่ที่พื้น ตาเหลือกลาน เลือดค่อยๆ ไหลซึมออกมาจากศีรษะ ในที่สุดก็แน่นิ่งไป ตา จ้องมองพรพจีนิ่ง
พรพจียืนช็อกอยู่ตรงหัวบันได เมื่อได้สติก็กรีดร้องออกมา
“อ๊าย....”
จิรดาถ่ายวิดีโอไว้ตลอด เซฟเก็บไว้ เห็นนรินทร์นอนสลบเหมือดอยู่ตรงหน้า ไม่รู้เป็นหรือตายก็ช็อกเช่นกัน
พวกในครัว นำโดยสวาทที่กำลังวุ่นวายกับการดูแลอาหารเย็น มีเต่ากับสวยเป็นผู้ช่วย
“นังเต่าหั่นให้มันสวยๆหน่อยได้ไหม ผักนะ จับอย่าให้ช้ำ มือหนักเหลือเกิน”
เต่าพยักหน้า หั่นไปหันผักต่อ สวาทกำลังจะเดินไปดูแกงที่ต้มไว้ในหม้อ
เสียงกรีดร้องโหยหวนของพรพจีดังขึ้น ทุกคนในครัวหยุดกึก ชะงักไปทันที
“นั่นเสียงคุณจีไม่ใช่เหรอ”
สวยหันไปหาเต่า “อย่าบอกนะว่าเปิดศึกกันอีกแล้วอ่ะ”
เต่ารีบวางมีดหันไปเมาท์กับสวยทันที
“คงไม่พ้นเรื่องเดิมๆ หรอก ผัวเมียละเหี่ยใจ”
“แต่ฉันว่าคราวนี้ไม่เหมือนเดิมนะ เสียงเมื่อกี้ยังกับคุณจีแกไปฆ่าใครตายมางั้นแหละ” สวยว่า
“เว่อร์! เขาก็ทะเลาะกันเหมือนทุกทีมั้ง”
สวาททนฟังไม่ไหว ปากกระชอนที่ถืออยู่ลงพื้นเสียงดังจนสวยกับเต่าตกใจ
“แม่ๆ ตาเถรชะนีผีผลัก”
สวาทมองดุทั้งสองคน
“หยุดพูดพล่อยๆเลยนะ แกสองคนน่ะ”
เต่ากับสวยทำหน้าจ๋อย
“ฉันสองคนพูดจริงนี่ป้า ป้าไม่ได้ยินเหรอว่าเสียงเมื่อกี้มันดังขนาดไหน”
“ฉันรู้แล้ว แต่ถ้าไม่รู้อะไรก็อย่าพูดไปเรื่อย ฉันไปดูเอง รออยู่ที่นี่แหละ”
สวาทรีบร้อนออกไป หวั่นใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น เต่ากับสวยชะเง้อคอตามด้วยความสู่รู้
พรพจีรีบลงมาดูนรินทร์ที่นอนสลบเลือดท่วมอยู่กับพื้น ร่างทรุดลงกับพื้น ยังช็อคไม่หาย พรพจียื่นมือออกไปแตะตัวนรินทร์อย่างกล้าๆ กลัวๆ
จิรดาตกใจ ลนลานถอยหลังหนี แต่ดันไปชนกับตู้แถวนั้นจนเกิดเสียงดังขึ้น พรพจีหันขวับไปมอง
“จิรดา”
“ฉัน...ฉัน...”
“ช่วยคุณริน...ช่วยคุณรินที”
จิรดาอ้ำอึ้งไม่กล้าเข้ามา พรพจีลุกไปกระชากคอเสื้อมา
“ฉันบอกให้ช่วยเข้าไง ทำอะไรก็ได้! เดี๋ยวนี้”
จิรดาจำต้องนั่งลงไปดูนรินทร์ แต่พอยื่นมือไปตรวจจับชีพจรตรงคอก็ยิ่งอึ้ง พรพจีเห็นจิรดาเงียบไปนานก็ถามย้ำเสียงสั่น
“เขาไม่เป็นไรใช่ไหม”
จิรดาหันมามองพรพจี พูดไม่ออก
“บอกมาสิว่าเขาไม่เป็นไร”
จิรดาระล่ำระลักบอก “คุ...คุณรินสะ...เสียแล้วค่ะ”
พรพจียืนอึ้งไปสักพัก
“ไม่จริง...ไม่จริง...ไม่จริง”
พรพจีกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ แล้วพุ่งเข้าไปบีบคอจิรดาหมับ พยาบาลจอมแอ๊บตกใจมาก
“แกเห็นอะไร บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเห็นอะไร”
“ดาไม่รู้ ดาไม่รู้”
“โกหก คนอย่างแกมันเชื่อไม่ได้ แกเห็นอะไร บอกมา”
“ไม่รู้ ดาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คุณจีปล่อยดา”
จิรดาเริ่มสำลักเพราะถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก พรพจียิ่งบีบแน่นขึ้น
“ฉันไม่ปล่อย ฉันไม่ได้ทำอะไร...แกต่างหาก แกต่างหากที่ฆ่าเขา”
พรพจีป้ายความผิดให้จิรดาด้วยความตกใจ และสัญชาติญาณในการเอาตัวรอด จิรดาไม่ยอมเถียงกลับ
“ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่ได้ฆ่าคุณริน แกต่างหากที่ทำ”
“ฉันไม่ได้ทำ แกโกหก ฉันไม่ได้ทำ ฉันจะฆ่าแก นังจิรดา ฉันจะฆ่าแก”
พรพจียิ่งคลั่งมากขึ้น ดันตัวจิรดาไปจนชิดกำแพง บีบคอกะเอาให้ถึงตาย จิรดาใกล้จะขาดใจ สายตาเหลือบไปเห็นของแต่งห้องแถวนั้น เลยคว้ามาฟาดใส่หัวพรพจีจังๆ
พรพจีตกใจปล่อยมือจากคอ จิรดารีบคว้าของที่มีแถวนั้นปาใส่พรพจีไม่ยั้ง พรพจีเอามือบังปัดป้องไปมา จนทนไม่ไหวกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ทรุดตัวลงกับพื้นร้องไห้อย่างหนักหน่วงอย่างคนเสียขวัญ
จิรดาได้ทีรีบวิ่งเตลิดหนีออกจากบ้านไป สวาทมาถึงพอดี ตกใจสุดขีดที่เห็นร่างของนรินทร์จมกองเลือดอยู่ที่พื้น รีบเข้าไปหาพรพจี
“คุณจี เกิดอะไรขึ้นคะ”
“น้าหวาดช่วยคุณรินด้วย ช่วยด้วย ตามรถพยาบาลมาที”
พรพจีร้องไห้ไปพูดไปแทบฟังไม่เป็นคำ สวาทพยักหน้ารับรีบทำตามที่พรพจีบอก
จิตใต้สำนึกถูกสื่อมายังอีกฟากหนึ่ง ขณะที่ภัทร์ธีรามาดูแลประภาอยู่ และกำลังจะยกน้ำให้ประภาดื่ม แต่จู่ๆ ก็มืออ่อนทำแก้วน้ำหล่นตกแตก ภัทร์ธีราใจคอไม่ค่อยจะดี อึ้งไป ประภาเองก็ตกใจถามอย่างเป็นห่วง
“น้องจ๋า เป็นอะไรรึเปล่า”
ภัทร์ธีรารู้สึกใจหายแปลกๆ บอกไม่ถูก ตอบตะกุกตะกัก
“จ๋า...ไม่เป็นไรค่ะ จ๋าแค่ใจลอยไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ”
ภัทร์ธีราก้มลงไปเก็บเศษแก้ว ใช้มือกวาดลวกๆ เหมือนคนไม่มีสมาธิ จนถูกเศษแก้วบาด
“โอ๊ย”
ประภาตกใจจะคว้ามือมาดู ภัทร์ธีรารีบเอามือหลบไม่อยากให้ประภาเห็นเลือด
“น้องจ๋าเป็นอะไร” ประภามองหาคำผาย “คำผายอยู่ไหน มาช่วยฉันที น้องจ๋าเป็นอะไรไม่รู้ คำผาย”
“จ๋าไม่เป็น...”
“คำผาย! ช่วยด้วย”
คำผายวิ่งเข้ามา ช่วยประภาดู ภัทร์ธีราจะห้าม แต่จู่ๆ ก็หมดแรงทรุดลงกับพื้น
ด้านจิรดาหนีเตลิดมาจนไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนของกรุงเทพฯ ลงรถแท็กซี่มายืนหอบหายใจอยู่ริมถนน พึมพำอย่างคนอกสั่นขวัญกระเจิง
“มันเป็นบ้า…นังพรพจี มันเป็นบ้าไปแล้ว”
จิรดาเดินโซซัดโซเซมาเรื่อยๆ กวาดสายตามองรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง จนกระทั่งเดินมาถึงชุมชนแห่งหนึ่ง จิรดามองหาอะไรบางอย่าง
“แจ้งความ…ฉันต้องแจ้งความ โรงพัก…”
พอคิดขึ้นได้ จิรดาหยิบโทรศัพท์มาเปิดเน็ตจะเสิร์ชหาโรงพักที่ใกล้ที่สุด แต่มือลั่นกดไปโดนแอพเก็บรูปและวิดีโอ จิรดาก็เห็นบางอย่างในนั้นกดดูตาลุกวาว
มันเป็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตอนนรินทร์ทะเลาะกับพรพจี ก่อนที่นรินทร์จะตกบันไดลงมาเสียชีวิตคาที่ สีหน้าของจิรดาเป็นยิ้มเยาะพรพจีทันที มองคลิปอย่างหมายมาด
“คราวนี้แกไม่รอดแน่ นังพรพจี”
จิรดาเก็บโทรศัพท์ โบกเรียกแท็กซี่แถวนั้น บอกให้ไปส่งยังที่หนึ่ง
ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งเย็นวันนั้น อรดีเดินไปสั่งกาแฟให้ตัวเองกับสรัช
“อะ ดื่มซะ จะได้ใจเย็นๆ” อรดีลงนั่งฝั่งตรงข้าม
“ถ้าพี่ดี้อยากให้ผมใจเย็นล่ะก็ พี่ก็ต้องเย็นด้วยเหมือนกัน เมื่อกี้เกือบจะวางมวยเพิ่มอีกคู่แล้วไหมล่ะ”
“โทษทีเอ้ พอดีเห็นหน้านังพยาบาลนั่นที่ไรแล้วมันขึ้นทุกที”
“เวลาใครโมโหก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ผมด้วย”
อรดีถอยหายใจเซ็งๆ
“ไม่น่าเลย...ความจริงพี่ควรจะช่วยห้ามเอ้ ทีนี้เราเลยไม่รู้อะไรสักอย่าง”
“มันผ่านไปแล้วครับ...อย่างน้อย ผมก็พอจับทางอะไรได้”
“เรื่องน้องจ๋าน่ะเหรอ เอาจริงนะเอ้ ถึงพี่จะชอบคุณธรจะเป็นจะตาย แต่พี่ว่าที่เขาพูดน่ะมันไม่ตรงประเด็นยังไงชอบกล”
“ไม่ตรงยังไงครับ”
“ก็เราอยากรู้ชัดๆ ไม่ใช่เหรอว่าเขาอยู่ด้วยกันจริงไหม แต่นี่เขากลับไม่ตอบแล้วก็บ่ายเบี่ยงว่ายัยจ๋าจะกลับมา คุณธรต้องรู้อะไรมากกว่าที่เห็นแน่ๆ”
“ผมก็คิดอย่างนั้น ถึงยังไม่อยากถอดใจไง”
“นี่เอ้ยังจะตามจ๋ากลับมาอีกเหรอ ที่พี่พูดเนี่ยคืออยากให้เอ้เลิกสนเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้ นางไม่จริงใจกับเอ้แน่ๆ เชื่อพี่สิ”
สรัชคิดหนัก
“ผมก็อยากเชื่อพี่ดี้ แต่ใจผมมันบอกให้ลองเชื่อที่คุณธรเขาพูดเหมือนกัน ว่าจ๋ารักผม”
“เอ้หลงยัยจ๋าจนหน้ามืดขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“จะว่าผมโง่ก็ได้...แต่ผม..ผมยังรักจ๋าอยู่”
“คนรักกันแบบไหนถึงหายตัวไปแบบนี้”
อรดีพูดติดประชดหน่อยๆ สรัชก็พอจะรู้ตัว
“ผมถึงอยากรู้ความจริงไง ผมจะรอให้จ๋ากลับมา ถ้าวันนึงผมรู้เรื่องทั้งหมด ต่อให้เกิดอะไรขึ้นผมก็จะยอมรับผลของมันให้ได้”
อรดีถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย สรัชหน้าเศร้าลง
หน้าห้องฉุกเฉิน นรินทร์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล พรพจีรออยู่หน้าห้องกับสวาท ยังตกใจไม่หาย /สักพักหมอก็เดินออกมา พรพจีเข้าไปถามหมอ
“หมอคะ สามีฉันเป็นยังไงบ้าง”
หมอมีสีหน้าไม่ดีนัก ก่อนจะบอกพรพจีว่า
“คนไข้ได้รับการกระแทกที่ศีรษะกับบริเวณคออย่างรุนแรงจนกระดูกคอหัก หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คนไข้เสียชีวิตก่อนถูกส่งมาที่นี่แล้ว”
“ไม่จริง! เขายังไม่ตาย ไม่จริง”
พรพจีช็อก ร้องไห้โฮออกมาอย่างรุนแรง หมอเดินจากไป สวาทเข้ามากอดปลอบ
“ไม่เป็นไรนะคะคุณจี คุณรินแกไปสบายแล้ว ไม่ต้องทรมานอีก”
พรพจีกอดสวาทแน่น ร้องไห้อย่างหนัก ก่อนจะละตัวออก เมื่อนึกถึงจิรดาขึ้นมา
“นังจิรดา เพราะมัน...มันคนเดียว มันทำให้คุณรินตาย”
สวาทงง “คุณดาเกี่ยวอะไรด้วยคะ”
“มัน...จงใจฆ่าเขา”
สวาทฟังแล้วตกใจมาก
“อย่าบอกนะคะว่าเสียงเอะอะที่น้าได้ยิน...”
“ใช่ มันนั่นแหละ ฉันเห็นมันแอบขโมยของในบ้านเราน้าหวาด ฉันเลยไปบอกคุณริน แต่เขาไม่เชื่อ หาว่าฉันใส่ร้ายนังพยาบาลนั่น”
พรพจีแต่งเรื่องขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ เพราะความตกใจและที่สำคัญต้องการเลี่ยงความผิด
“เรื่องจริงเหรอคะคุณจี”
“จริง ฉันโกรธเลยจะตบให้มันรู้สำนึก แต่คุณรินกลับเข้ามาห้าม สุดท้ายเขาก็พลาดโดนนังนั่นผลักตกบันได”
“คุณรินน่ะเหรอคะจะช่วยคุณดา ไม่มีทาง” สวาทไม่เชื่อ
“แต่มันเป็นไปแล้ว เห็นไหมน้าหวาด สุดท้ายเขาก็ไม่ฟังฉันเลย ถ้าเขาเชื่อฉันบ้าง ทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้”
พรพจีพูดแล้วก็ปิดหน้าร้องไห้ เหมือนจะขาดใจ สวาทสงสารปลอบพรพจี
“มันผ่านไปแล้วนะคะ คุณรินไปสบายแล้ว...เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว”
สวาทลูบหลังปลอบ พรพจีหน้าเครียดไม่หาย
สองคนใช้หนึ่งคนขับรถในบ้านมารวมตัวกัน พูดคุยเรื่องที่นรินทร์ตกบันไดลงมาเสียชีวิต แต่ละคนอยู่อาการอกสั่นขวัญแขวน
“นังสวย แกนี่มันปากอัปมงคล พูดแต่อะไรตายๆ เป็นไงล่ะ ตายสมใจแกไหม”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย ก็สองคนนั้นเขาทะเลาะเหมือนจะฆ่ากันตายทุกทีก็เลยพูดเล่นๆ ใครจะไปคิดว่า...ฮึ้ย”
สวยตบปากตัวเอง ขนลุกขึ้นมา เกลี้ยงที่อยู่ด้วยพูดขึ้นบ้าง
“แต่คิดไปคิดมาก็น่าเศร้านะ...คุณรินแกจากไปไวกว่าที่ฉันคิดไว้มาก” เกลี้ยงบอก
เต่าเห็นด้วย “จริงของแกไอ้เกลี้ยง คุณรินนะคุณริน อุตส่าห์รอดมาจากอุบัติเหตุครั้งโน้นก็พิการเดินไม่ได้ คราวนี้ก็เกิดอุบัติเหตุซ้ำรอยอีก”
สวยเอ่ยขึ้นเชิงถามว่า “อุบัติเหตุตอนนั้นแกขับรถไปกับเมียน้อยไม่ใช่เหรอ หรือมันจะเป็นเรื่องของเวรกรรมวะนังเต่า”
“เวรหรือกรรมก็ไม่รู้ล่ะ แต่ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ในบ้านเราเลย”
“เมื่อไหร่บ้านเราจะกลับมาสงบสันติได้สักทีนะ”
ทั้งสามคนถอนหายใจพร้อมกัน ก่อนจะนั่งซึมด้วยความสลดหดหู่ใจ
ด้านพรพจีมาให้การกับตำรวจที่โรงพัก สีหน้าเศร้าจัด
“รบกวนคุณช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ฟังหน่อยนะครับ”
พรพจีพยายามรวบรวมสติ ทำให้ตัวเองนิ่งที่สุดก่อนจะเล่าออกไป
“ค่ะ...วันนั้น ฉันกลับบ้านแล้ว กำลังจะเข้าไปในห้องนอน แต่ได้ยินเสียงกุกกักเลยแอบดู ก็เห็นจิรดาพยาบาลส่วนตัวของสามีทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่แถวหน้าห้อง”
ตำรวจบันทึกคำให้การไปด้วย ถามต่อ
“เห็นทำอะไรบ้างครับ”
“เขาดูมีพิรุธเหมือนซ่อนอะไร ฉันก็เลยถามไป แต่จิรดาไม่ยอมตอบเอาแต่บ่ายเบี่ยง ฉันเลยเข้าไปจะขอดูแต่เขาก็ไม่ให้เอาแต่โวยวาย จนสุดท้ายฉันก็จับได้ว่าจิรดาแอบขโมยสร้อยในห้องฉัน”
“แล้วสามีคุณเข้ามาตอนไหน”
พรพจีทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“คุณนรินทร์เขาได้ยินเสียงเอะอะค่ะ เลยออกมาดู ทีแรกฉันคิดว่าเขาจะเข้ามาช่วยฉันเรื่องจิรดา แต่ก็ไม่เลย...”
“ทำไมคุณนรินทร์ถึงไม่ช่วยคุณ” ตำรวจซัก
“ฉันคิดว่า…เขากับจิรดาอาจจะ...มีความสัมพันธ์กันมากกว่าพยาบาลกับคนไข้ เพราะปกติเขาสนิทกันมาก คุณนรินทร์เข้าข้างจิรดาหาว่าฉันใส่ร้าย เราก็เลยมีปากเสียงกัน แต่ตอนนั้นเองจิรดาก็ได้จังหวะผลักคุณนรินทร์เพราะคิดจะหนี คุณรินก็เลย...”
พรพจีเริ่มพูดติดๆ ขัดๆ เหมือนคนกลั้นน้ำตาเอาไว้
“คุณตำรวจจะลองเช็คที่กล้องวงจรปิดก็ได้นะคะ จิรดาหนีไปหลังจากคุณรินตกบันได คุณตำรวจต้องตามตัวมันมาลงโทษให้ได้นะคะ”
พรพจีปล่อยโฮออกมาอย่างน่าสงสาร
พรพจีกลับเข้าห้องตัวเอง ทิ้งตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยแววตาเลื่อนลอย พรพจีมองเงาตัวเองในกระจกนิ่งนาน จนกระทั่งภาพตอนนรินทร์ตกบันไดผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ร่างนรินทร์กลิ้งตกบันไดไปนอนตาเหลือกลานกับพื้นตีนบันได ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองมาที่พรพจีเหมือนเคียดแค้นสุดจะประมาณ
พรพจีดึงตัวเองออกมา ผวากลัวเนื้อตัวสั่นสะท้านกรีดร้องออกมา
“ไม่”
พรพจีฟุบหน้าลงกับโต๊ะเครื่องแป้งร้องไห้สะอีกสะอื้น ทั้งเครียดทั้งกลัวปนเปกันไปหมด จนนึกอะไรออก
“ธร...ต้องบอกธร...ธร”
พรพจีลุกพรวดขึ้นไปหยิบกระเป๋าถือ หยิบโทรศัพท์มาโทร.หาวิษธร รอสักพักแล้วแต่ปลายสายไม่มีคนรับ พรพจีก็ยิ่งกลัว
“ธร...อย่าทำแบบนี้...ฉันทำผิดอะไร ทำไมคุณไม่บอกฉัน”
พรพจีน้ำตาร่วงพรู หวั่นกลัวไปหมด เมื่อเห็นว่าวิษธรไม่ยอมรับสายแน่ พรพจีจึงพิมพ์ข้อความส่งไปทางไลน์
“ช่วยฉันด้วย..ธร...กลับมาเถอะ ฉันไม่มีใครอีกแล้ว”
พรพจีพิมพ์ข้อความทั้งๆ ที่มือสั่นเท่า กดส่งไปรัวๆ
วิษธรขับรถมุ่งหน้ากลับสุโขทัย มองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ เห็นพรพจีวางสายจึงขับรถไปต่อโดยไม่คิดจะสนใจ แต่สักพักก็มีข้อความไลน์ถูกส่งมารัวๆ จนเขานึกรำคาญ หยิบมากดดูข้อความทั้งๆ ที่ยังขับรถอยู่
“ธร...คุณอยู่ไหน คุณรู้ไหมว่าคุณรินตายแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นอิสระแล้ว ฉันแต่งงานกับคุณได้แล้ว ฉันรักคุณ รักคุณคนเดียว อย่าไปจากฉันแบบนี้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิด ขอแค่บอกฉันฉันพร้อมจะแก้ไข กลับมานะธร ฉันขอร้อง...”
พออ่านจบวิษธรก็อดใจหายไม่ได้ อึ้งไปเลย
“คุณริน”
วิษธรกำลังจะวางมือถือลง แต่ดันทำหลุดมือตกลงไปตรงที่วางเท้า วิษธรก้มไปหยิบแต่หยิบไม่ถึง จึงเงยหน้ากลับขึ้นมาจะขับรถต่อ
แต่จู่ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งตัดหน้ามาอย่างเร็ว วิษธรหักหลบอย่างแรง ทำให้รถเสียหลักไถลลงไปข้างทางเสียงดังโครม! จากนั้นทุกอย่างตรงหน้าของเขาก็ดับวูบไป
ภัทร์ธีรามานอนเป็นเพื่อนประภา มองแผลที่มือตัวเองแล้วก็นอนไม่หลับ ประภาหลับนอนไปสักพักก็กระสับกระส่ายเหมือนกำลังฝันร้าย
“ไม่...ไม่...”
ประภากรีดร้องเสียงดังลั่นห้องด้วยความตกใจ
“ไม่จริง ธร ไม่”
ภัทร์ธีราลุกขึ้นมาดู เห็นประภาตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“แม่คะ...แม่”
ภัทร์ธีราขยับไปนั่งข้างๆ ประภาผวาเข้ากอดภัทร์ธีราร้องไห้สะอึกสะอื้น
“น้องจ๋า ช่วยด้วย”
“ใจเย็นๆ นะคะ ค่อยๆ เล่าให้จ๋าฟัง เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ฉันเห็น...ฉันเห็นธรเลือดเต็มตัว...”
“ฝันร้ายเหรอคะ”
“ฉันไม่รู้ แต่มันเหมือนจริงมาก น้องจ๋า ฉันกลัว...จะเหมือนกับวราห์ ไม่นะ...ไม่”
ภัทร์ธีราลูบหลังประภาพูดปลอบ
“ไม่เป็นไรนะคะ จ๋าอยู่นี่แล้ว มันเป็นแค่ความฝัน”
“จริงนะ มันป็นแค่ฝันจริงๆ นะ”
“ค่ะ แค่ฝัน...ฝันเท่านั้น”
ประภาพยักหน้ารับ ท่าทีสงบลง ภัทร์ธีราหวั่นใจโดยประหลาด
เช้าวันต่อมา พรพจีนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนจนมีสภาพอิดโรย ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ เสียงเรียกเข้าดังขึ้น พรพจีหันไปมองอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเดินไปดูเห็นเป็นเบอร์แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เลยลังเลอยู่สักพักก่อนจะรับ
“ฮัลโหล”
ปลายสายเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นเสียงจิรดาตอบกลับมา
“ฉันเอง จิรดา”
พรพจีตกใจมาก
จิรดาหลบอยู่ในห้องเช่าในชุมชนแห่งหนึ่ง ใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทร.หาพรพจี
“แกโทร.มาทำไม”
“ตกใจเหรอที่ฉันโทร.มา หรือกลัวว่าฉันรู้อะไรเข้าเลยไม่อยากคุยด้วย”
พรพจีรำคาญ “มีอะไรก็รีบพูด ไม่ต้องมาเล่นลิ้น ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยกับสวะแบบแก”
“แหม ทำเป็นโกรธ อารมณ์ร้อนจริงนะ เป็นแบบนี้บ่อยสิท่าถึงได้พลั้งมือฆ่า อ๊ะ โทษที ฉันไม่ควรพูดใช่ไหม”
จิรดาทำเป็นหยุดพูดไปดื้อๆ พรพจีเริ่มไม่พอใจ
“ถ้าไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ”
จิรดาหัวเราะชอบใจที่ยั่วพรพจีได้
“มีสิ ถ้าไม่มีฉันจะลงทุนโทรมาหาทำไม ที่โทรมาเพราะฉันอยากเจรจาด้วยต่างหาก”
“เจรจาเรื่องอะไร”
จิรดาหยิบโทรศัพท์เครื่องเดิมขึ้นมา ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทีแรกฉันก็คิดว่าจะไปแจ้งตำรวจ แต่คิดไปคิดมาเราน่าจะคุยกันได้ เลยอยากคุยกับเธอก่อน อยากฟังไหมว่าฉันรู้อะไร”
พรพจีนึกได้ว่า จิรดาต้องเห็นตอนนรินทร์ตกบันไดลงมาแน่ๆ เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“แกรู้อะไร จิรดา”
“ฉันก็...มีหลักฐานสำคัญพอจะยัดเธอเข้าไปนอนในคุกได้ทั้งชาติไงล่ะ”
“หลักฐานอะไร ฉันไม่เชื่อหรอก แกแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกฉัน”
“ฉันไม่ได้แต่งเรื่อง ถ้าไม่เชื่อก็ฟังนี่”
จิรดากดเล่นคลิปวิดีโอตอนที่พรพจีทะเลาะกับนรินทร์ให้ฟัง พรพจีอึ้งแล้วก็เริ่มโกรธจนปากสั่นมือสั่นไปหมด
“แกต้องการอะไร”
จิรดาหัวเราะเยาะเย้ย สะใจที่เห็นพรพจีจนตรอก
“ฉันไม่ขออะไรมากหรอก...แค่สิบล้าน เอามาให้ฉันแล้วฉันจะทำลายหลักฐานพวกนี้ทิ้งทั้งหมด”
“นี่แกจะแบล็คเมลฉันเหรอ”
“ใช่ แล้วฉันก็ทำได้ยิ่งกว่านี้อีกถ้าไม่ทำตามที่ฉันขอ อยากลองไหมล่ะพรพจี”
“จิรดา แก”
พรพจีได้กรีดร้องระบายอารมณ์ด้วยความโกรธ จิรดายิ่งสะใจ
“ให้ฉันมาดีๆ ดีกว่าน่า แค่สิบล้านแลกกับบั้นปลายชีวิตของแก มันก็คุ้มกันดีว่าไหม ฉันให้เวลาเตรียมเงินสามวันแล้วจะติดต่อมาใหม่ อ้อ...เงินสดเท่านั้นนะ ฉันไม่รับเช็ค”
จิรดาพูดจบแล้วตัดสายทิ้งไปพลางยิ้มกระหยิ่ม พรพจียืนตัวสั่นแล้วกรี๊ดออกมาด้วยความอัดอั้นใจ
ดนัยพาวลัยกับม่านแก้วมาที่โรงพยาบาล วลัยกับม่านแก้วร้อนใจมากพอรู้ว่าวิษธรประสบอุบัติเหตุ พอถึงหน้าห้องพักวลัยก็พรวดพราดเข้าไปทันที
“ธร...ธรเป็นยังไงบ้างลูก”
วิษธรฟื้นแล้ว กำลังนอนพักอยู่ เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็มีรอยฟกช้ำตามตัว และท่าทางยังอ่อนเพลียอยู่ ม่านแก้วถามวิษธร ด้วยความห่วงใย
“พี่ธรไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ ทุกคนเป็นห่วงพี่ธรมากนะคะ”
“พี่ไม่เป็นไรหรอกน้องม่าน แค่นิดหน่อยเอง”
วลัยเข้าไปจับเนื้อจับตัวธรอย่างเป็นห่วง
“แล้วนี่หมอว่าไงบ้าง ต้องแอดมิทดูอาการกี่วัน”
“หมอว่าไม่เกินสามวันก็กลับได้แล้วครับ”
“โล่งอกไปทีนะคะ ดีที่ไม่มีส่วนไหนแตกหักเสียหาย ตอนม่านรู้ข่าวม่านตกใจแทบแย่กลัวพี่ธรจะเป็นอะไรไป”
เห็นม่านแก้วแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยวิษธรมาก ดนัยซึมไปเลย
“คนอย่างพี่ไม่ตายง่ายๆหรอก ทำกรรมไว้เยอะ ต้องใช้ให้หมดก่อน” วิษธรตอบทีเล่นทีจริง
“พี่ธรก็...ไม่พูดเล่นอย่างนี้สิคะ”
วิษธรหัวเราะขำๆ
“ก็ได้ครับ ถ้าน้องม่านไม่สบายใจ พี่จะไม่พูด”
“แล้วนี่เราจะให้บอกแม่เราเรื่องนี้ไหม เผื่อเขาจะอยากมาเยี่ยม”
วิษธรตกใจ “ไม่ได้นะครับคุณป้า”
“ทำไมล่ะไอ้ธร แกนอนเจ็บอยู่แบบนี้จะไม่ให้คุณน้าเขารู้หน่อยเหรอ”
“ไม่ได้พี่ อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่เด็ดขาด ถ้าเป็นไปได้ให้เรารู้กันแค่นี้ก็พอ ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง ได้ไหม”
วิษธรมองเชิงขอร้อง ดนัยมองหน้าวลัย แม่ลูกจำใจพยักหน้ารับเอาคำ
เย็นวันเดียวกัน ศพของนรินทร์ถูกย้ายมาทำพิธีสวดที่วัด พรพจียืนรับแขกอยู่สีหน้าเศร้า คนอื่นในบ้านมาช่วยงานเสิร์ฟน้ำแขกด้วย สรัชกับอรดีและอิชยามาร่วมงานด้วย ทั้งสามคนเดินเข้าไปหาพรพจี ยกมือไหว้
“เสียใจด้วยนะครับอาจี”
“อาจีเข้มแข็งไว้นะคะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี”
อรดีแสร้งทำเป็นเข้าไปแสดงความเสียใจด้วย แต่จริงๆ จงใจประชดพรพจี
“ดี้ก็เสียใจด้วยนะคะ...ไม่คิดเลยว่าคุณรินจะด่วนจากไปแบบนี้ นี่อาจีก็เป็นอิสระแล้วสิคะ”
พรพจีชะงักไปนิดๆ มองจ้องหน้าอรดี เห็นวี่แววยิ้มเยาะเย้ยหยันนั้นพอดี
“อิสระแล้วยังไงจ๊ะ”
“อ๋อ ดี้แค่เห็นว่าอาจียังสาวยังสวย แต่ต้องสละเวลาอันมีค่ามาดูแลสามีที่ป่วย จนไม่มีเวลาของตัวเอง แต่นี่อารินไม่อยู่แล้วอาจีจะได้ทำอะไรๆ ที่อยากทำมานานแล้วไงคะ”
พรพจีรู้ว่าอรดีประชด แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ ตอบกลับไปนิ่งๆ
“หน้าที่ของภรรยาคุณรินอาจจะจบไปแล้วก็จริง แต่ฉันยังมีงานรออยู่อีกมาก โรงแรมธาราเป็นธุรกิจที่ฉันสร้างมากับคุณริน ฉันคงทิ้งไปไม่ได้หรอกจ้ะ”
“แหม อาจีนี่น่านับถือจริงๆนะคะ ขนาดสามีไม่อยู่แล้วยังคิดจะดูแลสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้ ไม่เหมือนบางคนที่พอผัวเก่าตายก็ไปอยู่กินกับผัวใหม่บนกองสมบัติ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน แบบนั้นคงน่าละอายแย่”
พรพจีหน้าตึง อิชยาดึงแขนอรดีเชิงปรามไม่ให้พูดมาก สรัชเห็นบรรยากาศมาคุชอบกลเลยชวนคุยเรื่องอื่น
“อาจีครับ แล้วน้องจ๋าล่ะครับ ไม่มาด้วยเหรอ”
“อายังติดต่อน้องจ๋าไม่ได้เลยจ้ะเอ้”
อรดีสบช่องแทรกขึ้นมาอีก
“ตายแล้ว นี่จ๋ายังไม่กลับเหรอคะ แปลกนะคะ...อาที่ตัวบอกว่ารักเหมือนพ่อเสียทั้งคนแต่กลับหายหน้าไปเลย อกะ…” อรดีตั้งใจจะพูดว่าภัทร์ธีราอกตัญญู แต่ค้างคำไว้เท่านั้น “อกอีแป้นจะแตก”
“น้องจ๋าเขาคงติดธุระอยู่น่ะจ้ะ นี่ฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ได้แต่ส่งข้อความไปบอก จ๋าได้โทร.หาเอ้บ้างไหม”
“เขาโทร.มาวันก่อนน่ะครับ แต่พอผมโทร.ไปวันนี้ก็ไม่รับสายอีก”
อิชยาเป็นห่วงภัทร์ธีรา พูดแทรกขึ้นมา
“หรือว่าเกิดเรื่องอะไรกับจ๋าคะ”
“นั่นสิ ผมว่ามันชักแปลกๆ แล้วนะครับ”
“เอ้กับยาคิดมากไปแล้ว ยัยจ๋าคงจะเที่ยวเพลินละมั้ง” อรดีว่า
“ไม่จริงหรอกครับพี่ดี้ ทุกครั้งที่มีการติดต่อจากจ๋ามาต้องเป็นเขาโทร.มาเอง ถ้าฝั่งเราโทร.ไปจ๋าจะไม่รับสาย แล้วจ๋าก็ชอบพูดเรื่องซ้ำๆ ว่าไม่ต้องห่วงเหมือนพยายามจะให้เราเชื่อ ผมว่ามันผิดปกติจริงๆ”
พรพจีคิดตามสีหน้าไม่สู้จะดี
“แล้วถ้าเกิดเรื่องกับน้องจ๋าจริง เราจะทำยังไงกันดีล่ะเอ้”
สรัชครุ่นคิดว่าควรทำยังไง ก่อนจะบอกกับพรพจี
“ไว้ผมจัดการเรื่องนี้เองครับอาจี อาจีอยู่จัดการงานที่นี่ ผมจะหาทางตามตัวจ๋าจนเจอให้ได้”
เห็นสรัชพูดอย่างมุ่งมั่น พรพจีเครียดจัดกลัวน้องจ๋าจะกลับมาแล้วรู้ความจริง
อรดีมองจับผิดพรพจีตลอดเวลา รับรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
อ่านต่อ ตอนที่ 23
# เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์