xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 19

ไม่นานต่อมาวิษธรลากภัทร์ธีราพามาที่หน้าห้องประภาแล้วเปิดเข้าห้องไป ในนั้นประภานั่งยิ้มเหม่อลอยอยู่ข้างๆ คำผาย วิษธรมองสภาพแม่ บอกภัทร์ธีราด้วยความเจ็บปวด

“ดูสิ ดูให้เต็มตา”
ภัทร์ธีราตะลึง “นั่น...คุณน้าที่ฉันเจอเมื่อคืนนี่นา แกเป็นใคร”
แทนคำตอบวิษธรดึงแขนภัทร์ธีราลากเข้าไปหาแม่ใกล้ๆ ประภาหันมามองเห็นวิษธรก็ยิ้มดีใจ
“ธร...แม่คิดถึง...คิดถึงธร”
ภัทร์ธีราอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะหันมาทางวิษธร
“คุณน้าเป็น...แม่ของคุณเหรอ”
“นี่คือสิ่งที่ธนาพัทธ์ของคุณทำไว้กับบ้านผม” วิษธรบอกด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความแค้น
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ฉัน...ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย”
“คุณจะไปรู้อะไร ในเมื่อพวกคุณอยู่สุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่กลับปล่อยให้แม่ผมอยู่ทรมานเหมือนตายทั้งเป็น”
ภัทร์ธีราอึ้งหนัก พูดไม่ออก น้ำตาซึม ระหว่างที่สองคนคุยกันประภาคอยเอียงคอมองหน้าภัทร์ธีราอย่างพิเคราะห์ เท่าที่ความจำจะพอมีเหลือ ประภาเพ่งมองใบหน้าภัทร์ธีราอีกครู่หนึ่ง เหมือนนึกอะไรได้
ภัทร์ธีราเห็นสภาพประภาแล้วอดสงสารไม่ได้ ประภานิ่วหน้ากำลังจะนึกออก
“จำหนูได้ไหมคะ เราเจอกันเมื่อคืนนี้”
ประภามองหน้าภัทร์ธีราอีกครั้ง คราวนี้เบิกตาโตมองตาขวาง ลุกขึ้นโวยวายทันที
“แก นังพรพจี ฉันจะฆ่าแก”
ประภาถลันเข้าไปจับตัวภัทร์ธีราเต็มแรง เขย่าแล้วจับบีบคอ
“โอ๊ย...หนูไม่ใช่”
วิษธรตกใจรีบเข้าไปห้าม
“อย่าครับแม่”
ประภาไม่ฟังบีบคอภัทร์ธีราพร้อมกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง วิษธรดึงแม่มากอดไว้ทั้งตัวเรียกให้คำผายช่วย
“คำผาย ไปหยิบยามา เร็ว”
คำผายหยิบยามาให้กิน แต่ประภาร้องกรี๊ดๆ ปัดออก ไม่ยอมกิน ถลันเข้าใส่ภัทร์ธีราและอาละวาดหนักขึ้น
“แกทำให้เขาต้องตาย! แกต้องชดใช้”
วิษธรดึงตัวแม่ออกมาได้แต่ประภายังคลั่งไม่หยุดดิ้นพราดๆ คำผายต้องเข้าไปช่วยจับตัวไว้อีกแรง ภัทร์ธีราร้องไห้ด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว วิษธรหันไปบอกเสียงเข้ม
“ออกไปก่อน ออกไปรอหน้าห้อง”
นอกจากจะไม่ยอมออกไป ภัทร์ธีรายังก้าวเข้าไปหาประภาแล้วคุกเข่าลงตรงหน้า วิษธรมองฉงนว่าคุณหนูจ๋าจะทำอะไร โดยไม่มีใครคาดคิดภัทร์ธีราก้มลงกราบแทบเท้าประภา
ประภาชะงักนิ่งงันไป หอบหายใจอย่างรุนแรง วิษธรอึ้งคาดไม่ถึง ภัทร์ธีราเงยหน้าขึ้นมาพูดในสภาพน้ำตาเต็มตา
“หนูขอโทษ ขอโทษสำหรับสิ่งที่ครอบครัวหนูทำไป ขอโทษที่ปล่อยให้คุณน้าต้องทรมาน ถ้าหนูรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แรก หนูจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้”
ประภาสงบลงโดยประหลาด ภัทร์ธีราน้ำตานองหน้าพูดต่อพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษจากใจจริง
“จะให้หนูชดใช้ยังไงก็ได้ หนูยอมทุกอย่าง แต่ได้โปรดให้อภัยครอบครัวของหนูได้ไหมคะ”
ประภาหมดแรงทรุดลงมองหน้าภัทร์ธีรานิ่งๆ ร้องไห้ออกมาอย่างรุนแรงหนักหน่วงเหมือนจะขาดใจ วิษธรเห็นแล้วยิ่งเจ็บปวด

ในเวลาเดียวกันนี้ ม่านแก้วมานั่งรออยู่ตรงล็อบบี้รีสอร์ต ดนัยรู้จากพนักงานรีบรุดออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ
“น้องม่าน”
“สวัสดีค่ะพี่ดนัย ม่านมาดึกหน่อย เพราะเพิ่งรู้เรื่องพี่ธรจากคุณป้าน่ะค่ะ”
สีหน้าดนัยเจื่อนไป “อ๋อ...น้องม่านมาหาไอ้ธรนี่เอง”
ม่านแก้วเขินๆ “พี่ธรกลับมาใช่ไหมคะ”
ดนัยชะงักไปนิดหนึ่งตอนม่านแก้วถามหาวิษธร แต่ก็ตอบไปด้วยท่าทีเป็นปกติที่สุด
“ใช่ครับ”
“ดีเลย ม่านทำขนมศิลาอ่อนมาฝากพี่ธรด้วย เลยอยากเอามาให้ชิม”
พร้อมกับว่าม่านแก้วชูถุงขนมให้ดู ดนัยอดนึกอิจฉาวิษธรไม่ได้
“ไอ้ธรมันติดธุระน่ะครับ พี่ให้คนไปตามให้ดีไหม”
“งั้นม่านรบกวนพี่นัยหน่อยนะคะ”
ดนัยเห็นม่านแก้วออกอาการดีใจที่จะได้เจอวิษธรก็หน้าเศร้าลง
อีกฟากหนึ่ง สรัชและโรจนามาซื้อของเข้าร้านด้วยกัน เห็นสรัชหน้าเครียดชัดแจ้ง โรจนาอดเป็นห่วงไม่ได้
“เลิกงานแล้วยังต้องมาซื้อของเข้าร้านอีก เหนื่อยใช่ไหมคะ โรสบอกแล้วว่าโรสมาให้ซื้อเองก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”
“วันนี้คุณเอ้ดูเหม่อๆ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่รึเปล่าคะ”
สรัชเหมือนไม่ค่อยอยากพูด
“ปัญหาหัวใจล่ะสิเนี่ย เอ...หรือว่าคุณจ๋าแอบไปกิ๊กกับอปป้าที่ไหน”
เชฟโรสพูดให้สรัชคลายเครียด แต่เขากลับหน้านิ่วคิ้วขมวดกว่าเดิม
“โรสพูดเล่นค่ะ คุณเอ้อย่าซีเรียสสิ”
“ช่วงนี้น้องจ๋าเขาทำตัวแปลกๆ น่ะครับ เหมือนมีความลับ นี่ก็ไปเที่ยวแล้วก็หายตัวไปเลยติดต่อไม่ได้”
โรจนายิ้มขำ “โธ่ จริงๆ คุณเอ้น่าจะกลัวคุณจ๋าเป็นอันตรายมากกว่านะ ผู้หญิงไปเที่ยวแถมติดต่อไม่ได้โรสว่าน่ากลัวออก แต่นี่คุณเอ้ดันไปกลัวเขามีกิ๊กซะงั้น”
“คุณโรส ผมเครียดจริงๆ นะครับ ผมสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง”
โรจนานิ่งคิด “ไม่เห็นยากเลยค่ะ คุณเอ้ก็ขอคุณจ๋าแต่งงานอีกรอบสิคะ”
สรัชดูกังวลหนัก “แต่ผมไม่รู้จะได้คำตอบแบบไหนน่ะสิครับ”
“ผู้หญิงชอบผู้ชายจริงใจแล้วก็มั่นคงนะคะ ถ้าคุณเอ้แสดงความตั้งใจให้เห็น คุณจ๋าต้องตอบตกลงแน่”
“ขอบคุณนะครับที่ให้กำลังใจผม” สรัชยิ้มได้
“ไม่เป็นไรค่ะ นอกจากให้กำลังใจ โรสยังเต็มใจช่วยคุณเอ้วางแผนด้วยนะ”
“จริงเหรอครับ”
“ค่ะ เชื่อฝีมือเชฟโรสมิชลินสตาร์นะคะ รับประกันผลได้เลย”
โรจนาพูดออกมาแล้วก็หัวเราะอารมณ์ดี สรัชพลอยหัวเราะตาม รู้สึกดีขึ้น


ทางด้านคุณหญิงทอศรีออกมาต้อนรับทักทายอรดี ที่มาหาถึงบ้านในยามวิกาล
“มีเรื่องด่วนอะไรจ๊ะมาหาซะดึกเชียว”
อรดีแสร้งทำเป็นหน้าเครียดขณะลงนั่ง
“ไม่ใช่แค่ด่วนนะคะคุณหญิงแม่ แต่ยังสำคัญกับน้องเอ้มากๆ ด้วย”
คุณหญิงแปลกใจ “เกี่ยวกับตาเอ้ คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”
“ตอนดี้รู้มา ดี้ร้อนใจมาก คิดแล้วคิดอีกว่าจะบอกคุณหญิงแม่ดีไหม แต่ก็คิดว่าเก็บไว้ก็คงไม่ดี”
อรดีทำเป็นอึกอักคล้ายไม่อยากจะพูด นั่นทำให้คุณหญิงทอศรียิ่งอยากรู้
“พูดมาซะขนาดนี้แล้ว ก็บอกฉันมาเถอะ ยิ่งเป็นเรื่องของตาเอ้ฉันยิ่งอยากรู้”
อรดีกระซิบบอก
“คือ…ดี้รู้มาว่าน้องจ๋าหายตัวไปน่ะค่ะ”
คุณหญิงตกใจ “ว่ายังไงนะ หายตัวไป”
“คุณหญิงแม่ได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ ยัยน้องจ๋าแกล้งทำเป็นบอกกับทุกคนว่าจะไปทะเลกับยัยยา แต่ความจริงแล้วยาอยู่ที่บ้านทุกวัน ไม่ได้ไปด้วยกันหรอก”
“อ้าว แล้วหนูจ๋าไปกับใครล่ะนั่น”
“ยาไม่ยอมบอกค่ะ ดี้ถึงได้ว่ามันแปลกๆ”
คุณหญิงทอศรียังไม่อยากเชื่อนัก
“จริงเร้อ เดี๋ยวฉันจะโทร.ไปถามคุณจีเอง”
“ทางนั้นก็รู้แค่ว่าจ๋าไปกับยาเหมือนกันค่ะ แถมติดต่อยัยจ๋าไม่ได้อีกต่างหาก”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมคุณจีเขาถึงไม่บอกให้ฉันรู้”
“โอ๊ย อย่าไปหวังว่าเขาจะบอกเลยค่ะ ขนาดหลานหายไปอยู่ไหนยังไม่รู้ ไม่แน่เขาอาจจะกลัวโป๊ะแตกว่าหลานแอบหนีไปกับผู้ชายก็ได้”
“ตายจริง ฉันจะเป็นลม”
คุณหญิงทำท่าจะเป็นลมจริงๆ อรดีเข้าไปพยุงไว้
“คุณหญิงแม่ทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
“จะให้ทำใจยังไง แฟนลูกชายหายไปแบบนี้ ถ้าใครรู้เข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“คุณหญิงแม่ใจเย็นก่อนค่ะ ตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรมาก ต้องรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าดี้รู้อะไรดี้จะบอกคุณหญิงแม่ทันที”
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ อย่าให้มันเสียมาถึงตาเอ้ก็แล้วกัน”
คุณหญิงทอศรีผู้รักลูกชายปานดวงใจจะเป็นลมให้ได้ อรดียิ้มเจ้าเล่ห์พอใจในผลงานตัวเอง

ฟากวิษธรคุมตัวภัทร์ธีรากลับมายังห้องพักที่เรือนท้ายรีสอร์ตเงียบๆ ภัทร์ธีราตาบวมจากการร้องไห้อย่างหนัก พอถึงหน้าห้องก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้
“เรื่องในอดีตของคุณ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉันอยากรู้ให้ละเอียดกว่านี้…”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”
“ทำไมแม่คุณถึงเป็นแบบนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องหักหลังธรรมดาใช่ไหม พ่อคุณเป็นยังไงหลังจากเกิดเรื่องของอาจี”
“มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจำเป็นต้องรู้”
“จำเป็นสิ คุณบอกว่าฉันต้องช่วยชดใช้ ฉันก็มีสิทธิ์จะรู้ไม่ใช่เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
วิษธรจ้องหน้าภัทร์ธีราเขม็ง กัดกรามแน่น
“คนอย่างคุณน่ะไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะมาขุดคุ้ยเรื่องของผมแต่แรกด้วยซ้ำ”
“ก็คุณทำตัวน่าสงสัยเอง ถ้าฉันรู้แต่แรกเรื่องมันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก”
วิษธรฟังแล้วแค่นหัวเราะออกมา
“ถึงคุณรู้เรื่องก็ไม่มีประโยชน์ คนไร้จิตสำนึกอย่างอาคุณไม่มีวันยอมชดใช้อะไรให้ผมทั้งนั้น”
“แต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่คุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวนะ จะเก็บไว้แค้นจนตายหรือไง”
“มันเรื่องของผม”
ภัทร์ธีราอดหมั่นไส้ไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้น ก็เชิญตายไปกับไอ้ความเจ็บแค้นของคุณนั่นแหละ”
วิษธรกระชากแขนภัทร์ธีราเข้ามา บีบแน่นด้วยความโกรธ
“ทุกวันนี้ผมก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ถ้าผมต้องตายจริงๆ ผมจะไม่ยอมตายคนเดียว ผมจะลากธนาพัทธ์ทั้งตระกูลไปลงนรกด้วย”
วิษธรพูดจบก็ฉุดภัทร์ธีราเข้าไปในห้องปิดประตูดังปัง ภัทร์ธีราตกใจมาก

วิษธรฉุดร่างภัทร์ธีรามาโยนลงบนเตียงอย่างแรง
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ”
“คุณต้องเจ็บมากกว่านี้อีกเยอะ ที่นี่ไม่ใช่รมย์ฤดี ไม่มีใครปกป้องคุณได้หรอก คุณต้องอยู่ที่นี่ชดใช้ให้ผมอย่างสาสม คุณบอกว่าชดใช้ได้ทุกอย่างใช่ไหม”
“อาจีโกงบ้านคุณมาเท่าไหร่ ฉันจะ...”
“ผมถามว่าชดใช้ให้ได้ทุกอย่างใช่ไหม”
วิษธรสวนคำออกมาพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมจับต้นแขนทั้งสองของเธอตรึงไว้ ภัทร์ธีรามองระแวงชักเริ่มกลัว
“จะทำอะไร”
วิษธรแกล้งโน้มหน้าเข้ามาหาจนใกล้ ภัทร์ธีราผงะหนีด้วยความตกใจ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของภัทร์ธีราที่อยู่กับวิษธรก็ดังขึ้น วิษธรหยิบออกมาดู
วิษธรยิ้มประชด “อาจีสุดที่รักของคุณโทร.มา ให้บอกเขาว่าเราอยู่ด้วยกันดีไหม”
ภัทร์ธีราตกใจรีบคว้ามือถือมากดรับสายเองโดยไว
“ค่ะ อาจี”
พรพจีโทร.มาจากห้อนนอนบนบ้านรมย์ฤดี มีสีหน้าดีใจที่ภัทร์ธีรารับสาย
“น้องจ๋า รับสายสักที อาเป็นห่วงแทบแย่”
“คือ...สัญญาณมันไม่ค่อยดี ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่อารู้ว่าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว น้องจ๋าสบายดีใช่ไหม เที่ยวสนุกรึเปล่า”
“จ๋า...สบายดีค่ะอาจี”


วิษธรอดแปลกใจไม่ได้ที่ได้ยินภัทร์ธีราบอกไปอย่างนั้น
“นี่น้องจ๋าจะกลับเมื่อไหร่ ไปนานๆ แล้วอาเป็นห่วง”
ภัทร์ธีราหน้าเครียด มองหน้าวิษธรด้วยความสับสน ก่อนจะโกหกพรพจีออกไปว่า
“จ๋าว่าจะอยู่ต่ออีกซักอาทิตย์น่ะค่ะ แต่ยามีงานเลยจะกลับไปก่อน”
“อ้าว แบบนี้น้องจ๋าจะอยู่คนเดียวได้เหรอ”
“ได้สิคะ จ๋าไปเรียนอเมริกาคนเดียวตั้งนานยังอยู่ได้เลย”
“จ้ะ งั้นดูแลตัวเองด้วยนะ คิดถึงน้องจ๋านะจ๊ะ”
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอขึ้นมาอีก “จ๋าก็คิดถึงอาจีค่ะ”
พรพจีวางสายไป ภัทร์ธีราคืนมือถือให้วิษธร ชายหนุ่มยิ่งแปลกใจขึ้นไปอีก แต่ไม่วายยิ้มเยาะ
“เล่นละครเนียนดีนี่”
“ฉันรักษาคำพูดที่ให้ไว้ ไม่ดีหรือไง”
วิษธรยอมรับโทรศัพท์คืนไป ในความเงียบงันระหว่างสองคน มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น วิษธรเดินไปเปิดประตู เห็นเป็นตลับยืนรออยู่
“คุณธรคะ คุณนัยให้มาบอกว่าคุณม่านแก้วรออยู่ที่รีสอร์ตค่ะ”
วิษธรพยักหน้ารับเอาคำ พลางสั่ง “เฝ้าผู้หญิงคนนี้ไว้นะครับ อย่าให้เขาออกไปจากห้องนี้เด็ดขาดถ้า
ไม่มีคำสั่งจากผม”
“ได้ค่ะ”
วิษธรออกจากห้องไป ตลับเดินเข้ามาช่วยจัดที่นอนให้ ภัทร์ธีราถามขึ้น
“คุณป้าคะ” ตลับหันมาหา “คุณม่านแก้ว เขาเป็นใครเหรอคะ”
“อ๋อ ลูกสาวแม่เลี้ยงสร้อยแก้วน่ะค่ะ รู้จักกับบ้านคุณธรมานานแล้ว คุณธรกับคุณม่านคุยๆ กันอยู่ค่ะ อาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ด้วย”
ภัทร์ธีราอึ้งไป แอบเจ็บลึกๆ อยู่ในใจ

หลังวางสายจากภัทร์ธีราแล้ว พรพจีลงมาคุยกับสวาทที่ห้องนั่งเล่น นรินทร์อยู่ด้วย
“ตกลงคุณจ๋ายังไม่กลับจากไปเที่ยวอีกเหรอคะ”
“จ้ะน้าหวาด น้องจ๋าบอกว่าเกิดติดลมอยากเที่ยวต่ออีกหน่อย”
“แปลกนะคะ จู่ๆเกิดอยากเที่ยวต่ออะไรขึ้นมาตอนนี้”
นรินทร์ฟังแล้วหัวเราะออกมา พูดส่อเสียดภรรยาขึ้นว่า
“สงสัยน้องจ๋าจะมีเรื่องไม่สบายใจ เลยไม่อยากกลับบ้านล่ะมั้ง”
พรพจีหันมามองนรินทร์ตาขวาง สวาทสงสัย
“ถ้าไม่ใช่งาน จะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะคะคุณริน”
“น้าหวาด อย่าลืมสิว่าบ้านนี้มันไม่ได้อยู่แล้วสบายใจเหมือนเมื่อก่อน มีแต่เรื่องคาวโลกีย์เต็มไปหมด…น้องจ๋าคงเบื่อเต็มทนแล้ว”
นรินทร์เหยียดยิ้มมองภรรยา แต่พรพจียิ้มเชิดมาให้โดยไม่แคร์
“แต่ฉันว่าไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกจ้ะ น้องจ๋าคงเบื่อคนใช้อารมณ์ ชอบปิดหูปิดตาตัวเองไม่ฟังใคร แถมยังขยันเรียกร้องความสนใจมากกว่า”
“แต่ก็ยังดีที่มีน้องจ๋าคอยสนใจ ไม่เหมือนใครบางคนที่ใกล้จะถูกเด็กมันทิ้งอยู่รอมร่อ”
พรพจีโดนจี้ใจดำก็โกรธ “คุณริน”
นรินทร์ย้มเย้ย พรพจีกัดฟันจะเถียงอีก สวาทรีบห้าม
“ไม่เอาค่ะคุณรินคุณจี อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ”
“น้าหวาดก็ดูที่เขาพูดสิ ปากแบบนี้น่ะสิถึงไม่มีใครทนอยู่ด้วยได้”
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้ใครมาอยู่ด้วยซักหน่อย อย่าลืมสิว่าเธอนั่นแหละที่ร่านเข้ามาหาฉันเอง”
พรพจีลุกขึ้นจะเถียงให้ได้ นรินทร์หัวเราะสะใจเสียงดังลั่น
“ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าการเจอคุณมันจะทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันเลือกคุณเลย ไม่มีวัน”
เห็นผู้เป็นนายทะเลาะกันไปใหญ่ สวาทจับตัวพรพจีห้ามไว้
“คุณจีพอก่อนเถอะนะคะ”
“ไม่ ถ้าฉันพูดให้เขาสำนึกวันนี้ไม่ได้ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อย”
สวาทกลัวทั้งคู่จะทะเลาะกันใหญ่โตกว่านี้ มองหาจิรดา ตะโกนเรียก
“ไม่ค่ะคุณจี คุณดา อยู่ที่ไหนมาพาคุณรินออกไปก่อนที คุณดา”

ฝ่ายวิษธรออกมาหาม่านแก้วที่ล็อบบี้รีสอร์ต ม่านแก้วยิ้มกว้างดีใจยื่นของฝากให้ วิษธรรับกล่องขนมมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“น้องม่านทำเองหมดเลยเหรอครับ”
“ค่ะ ม่านเพิ่งหัดทำ เห็นว่าพี่ธรกลับมาพอดีเลยเอามาให้ชิม”
“หน้าตาดีขนาดนี้ ไม่ต้องชิมก็พอรู้นะว่าต้องอร่อยมาก ขอบคุณมากนะครับ ไว้พี่จะแบ่งให้คุณป้ากับคุณแม่พี่ชิมด้วย”
“ม่านเอาไปให้เองก็ได้นะคะ ม่านอยากไปเยี่ยมคุณน้าประภาอยู่พอดี”
วิษธรรีบปฏิเสธ
“ถ้าวันนี้คงไม่สะดวกน่ะครับ คุณแม่พี่อาการไม่ค่อยดี เพิ่งกินยาแล้วก็หลับไป”
“จริงสิ นี่ก็ดึกแล้วด้วย ไว้วันหลังก็ได้ค่ะ”
“ถ้าคราวหน้าน้องม่านมาแล้วพี่ยังอยู่ พี่จะพาไปเอง”
“พี่ธรพูดแบบนี้หมายความว่าใกล้จะกลับกรุงเทพฯ อีกแล้วใช่ไหมคะ
“ครับ พี่ต้องกลับไปทำงาน มีงานต้องสะสางเพียบเลยล่ะ”
ม่านแก้วหน้าเศร้าลง
“แล้วแบบนี้ เมื่อไหร่พี่ธรจะได้กลับมาอยู่ที่นี่ อย่างที่คุณป้าวลัยบอกล่ะคะ”
วิษธรตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแววตาลึกล้ำ
“คงอีกไม่นานแล้วครับ งานของพี่ใกล้จะจบแล้ว”
ม่านแก้วยิ้มออก สีหน้ามีความหวังขึ้น ดนัยแอบดูทั้งคู่คุยกันอยู่มุมหนึ่ง ด้วยแววตาอันเจ็บปวด


ฟากคุณหญิงทอศรีนั่งร้อนรุ่มใจ คอยลูกชายอยู่บ้านกับนายพลผู้เป็นสามี พอสรัชเดินกลับเข้าบ้านมา คุณหญิงก็รีบลุกไปหา
“ตาเอ้ กลับมาก็ดี แม่มีเรื่องจะคุยกับเรา”
“คุณแม่มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
คุณหญิงทอศรีลากลูกไปนั่ง สรัชงงว่าแม่เป็นอะไร
“คุณบอกลูกไปสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ท่านนายพลบอก
คุณหญิงลำบากใจ พอจะพูดไปก็นึกกระดากปาก
“ก็ได้…นี่ตาเอ้ รู้ไหมว่าแฟนเราน่ะหนีไปเที่ยวกับใคร”
สรัชอึ้งไป ด้วยระแวงอยู่แล้ว เลยยิ่งคิดมากไปใหญ่
“น้องจ๋าบอกกับผมว่าเขาไปทะเลกับยาน่ะครับ”
“สงสัยเอ้จะโดนแม่น้องจ๋าสับขาหลอกแล้วล่ะ เพราะความจริงเขาไม่ได้ไปทะเล แล้วก็ไม่ได้ไปกับยาด้วย”
สรัชแปลกใจ “คุณแม่เอาเรื่องนี้มาจากไหนครับ”
“ก็พี่สาวยาเขาบอกเอง แถมยังบอกอีกนะว่าอาจจะไปกับผู้ชายอื่น”
สรัชฉุนนิดๆ “เป็นไปไม่ได้หรอกครับ น้องจ๋าไม่มีทางไปกับผู้ชายที่ไหนได้”
“แม่แค่พูดตามที่ได้ยินมา ถ้าเอ้ไม่เชื่อเอ้โทร.ไปพิสูจน์ก็ได้นะ”
คุณหญิงบุ้ยใบ้ชี้ไปที่โทรศัพท์ในมือลูกชาย สรัชไม่เชื่อ กดโทรศัพท์ออกหาภัทร์ธีราทันที
รอสักพักก็มีแต่เสียงรอสาย ไม่มีคนรับสักที สรัชเลยกดโทร.อีกแต่อาการก็เหมือนเดิม
“น้องจ๋าอาจจะแค่ติดธุระ ไว้ผมจะถามเขาให้รู้เรื่อง”
คุณหญิงทอศรีฉุนขาด หมดความอดทน
“แม่พูดขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อแม่อีกงั้นเหรอ คิดดูจู่ๆ ยัยน้องจ๋าหายตัวไป ติดต่ออะไรก็ไม่ได้แถมยังโกหกเอ้ด้วยเนี่ยนะ”
“น้องจ๋าไม่เคยโกหกผม มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ” สรัชว่า
“นี่เอ้จะไม่เชื่อแม่เลยงั้นเหรอ”
คุณหญิงทอศรีขึ้นเสียงใส่สรัชอีก ท่านสุทธิกลัวแม่ลูกจะทะเลาะกันเลยรีบปราม
“ทั้งสองคนหยุดเถอะ อย่าเถียงกันเลย”
“คุณก็ดูตาเอ้สิ ฉันอุตส่าห์เตือนแท้ๆ ไม่เชื่อกันบ้างเลย”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูก แต่คุณฟังเขามาข้างเดียว ไม่มีหลักฐานอะไรที่บอกว่าหนูจ๋าไปกับผู้ชาย”
“แต่ว่า…”
“คุณควรหัดเชื่อใจลูกกับคนที่ลูกรักบ้างนะ บางทีคุณอาจจะแค่หลงไปกับคำใส่ไฟของดี้ก็ได้”
คุณหญิงเงียบไป พูดไม่ออก สรัชกลุ้มใจเดินเลี่ยงออกไป

ด้านวิษธรนั่งกินข้าวกับวลัยและดนัย โดยไปไม่พูดไม่จา ดนัยอึดอัดเลยโพล่งขึ้น
“ไอ้ธร แกจับตัวเขามาแบบนี้ ไม่รู้เหรอว่ามันเข้าข่ายอาชญากรรมนะโว้ย”
“อาชญากรรมยังไงพี่ กักขังหน่วงเหนี่ยวอะไรแบบนั้นน่ะเหรอ”
“เออ ฉันรู้ว่าบ้านนั้นมันทำอะไรแกไว้ แต่ฉันก็คิดว่าแกจะเล่นงานแค่เรื่องธุรกิจ ไม่ได้คิดว่าจะจับเขามาแบบนี้”
“เขารนหาที่เองนะพี่ แล้วที่สำคัญเขาก็เป็นคนเลือกจะอยู่ต่อเองด้วย”
วลัยกับดนัยมองหน้ากันงงๆ
“นี่เราพูดจริงเหรอธร” วลัยถาม
“ผมกล้าสาบานเลยครับว่าผมพูดจริง”
“เอาศัตรูมาไว้ใกล้มือแบบนี้ ธรคงไม่คิดจะทำร้ายเขาใช่ไหม” วลัยถามหยั่งเชิง
วิษธรนิ่งไม่ตอบ
“ตกลงแกคิดจะทำอะไรกันแน่ จะทำให้คุณพรพจีเขาร้อนใจจนนั่งไม่ติดรึไง”
วิษธรนึกถึงพรพจีแล้วแววตาก็แข็งกร้าวขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความแค้น
“ใช่ เจ็บกายไม่นานก็หาย แต่ถ้าเจ็บจากการถูกคนรักทรยศหักหลังมันจะทรมานยิ่งกว่า ผมอยากเห็นพวกธนาพัทธ์มันเจ็บปวดเหมือนที่พ่อกับแม่เคยเจ็บ ให้พวกมันรู้ว่าเจ็บเจียนตายมันเป็นยังไง”
น้ำเสียงแข็งกระด้างของวิษธร เต็มไปด้วยความเจ็บปวด วลัยมองเห็นใจ
“แล้ว เรื่องนัดวันพรุ่งนี้ล่ะลูก”
แววตาวิษธรเครียดปนเศร้า ก่อนจะตัดสินใจ
“ผมโอเคครับ”
วลัยยิ้มดีใจ “ดีมากลูก”
“นัดอะไรกันเหรอครับ”
ทั้งคู่ไม่ตอบ ดนัยมองสองคนงงๆ

วันรุ่งขึ้น สรัชแอบมาดักรออิชยาถึงที่ออฟฟิศเพื่อจับผิด และต้องอึ้งเมื่อเห็นอิชยาเดินเข้ามาบริษัทมา
“ยา”
อิชยาตกใจมาก คิดปราดเดียวปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วรีบเข้าไปหา ยิ้มทักทาย
“พี่เอ้ นึกยังไงมาหายาได้คะเนี่ย”
“ทำไมยาถึงอยู่ที่นี่ได้ ไม่ได้ไปเที่ยวกับน้องจ๋าเหรอ”
“คือ ยากลับมาก่อนน่ะค่ะ”
“กลับมาก่อน หมายความว่ายังไง แล้วน้องจ๋าล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วย”
อิชยาอึกอัก “คือ ยาไปเที่ยวกับจ๋าจริงๆ นะคะ แต่จ๋าเขา…อยากอยู่เที่ยวต่ออีกหน่อย”
“แล้วทำไมเขาไม่บอกอะไรพี่เลย เขาก็รู้นิว่าทำแบบนี้พี่จะเป็นห่วง” สรัชตัดพ้อ
“เพราะจ๋ารู้ว่าพี่เอ้จะห่วงมากนั่นแหละค่ะถึงไม่บอก พี่เอ้ไม่ต้องคิดมากนะคะ จ๋าอาจจะแค่อยากหลบไปใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์นิดหน่อย พี่เอ้เห็นใจจ๋าหน่อยนะ งานก็เยอะ ปัญหาที่บ้านก็เพียบ เดี๋ยวจ๋าสบายใจแล้วก็กลับมาเองล่ะค่ะ”
อิชยาพูดติดๆ ขัดๆ จนสรัชหมดความอดทน โพล่งขึ้นด้วยความโมโห
“จริงๆ แล้วยาอยู่กรุงเทพฯ ตลอดเลยใช่ไหม”
ถูกสรัชขึ้นเสียงใส่ อิชยายังคงพยายามช่วยเพื่อน ทำเสียงแข็งสู้
“ทำไมพี่เอ้ต้องมาสงสัยยาด้วยละคะ”
“ก็มีคนเห็นยาอยู่กรุงเทพฯ ตอนที่ยาบอกว่าไปหัวหินกับจ๋าไง”
อิชยาแถต่อ “เขาจำคนผิดมั้งคะ”
“พี่น้องกันจะจำกันผิดด้วยเหรอ” สรัชว่า
“พี่เอ้มะ...หมายถึงพี่ดี้เหรอคะ” อิชยาชะงัก ทั้งตกใจทั้งโมโหอรดี “พี่เอ้ก็รู้นี่คะว่าพี่ดี้เป็นยังไง”
“แต่ครั้งนี้พี่เชื่อ เพราะมันมีอะไรแปลกๆ ทำไมยาถึงต้องช่วยจ๋าปิดเรื่องนี้ด้วย แล้วที่พี่จะขาดใจตายอยู่ตรงนี้มันไม่มีใครเห็นใจเลยรึไง”
สรัชโวยวายจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าบริษัทเริ่มหันมามอง อิชยาเครียดจนน้ำตาคลอ
“พี่เอ้พอเถอะ อย่าถามยาเลย ยาก็บอกพี่เอ้ไปทุกอย่างที่รู้แล้ว พี่เอ้จะเชื่อหรือไม่มันก็อยู่ที่พี่เอ้เองแล้วว่าไว้ใจจ๋ามากพอรึเปล่าค่ะ”
คราวนี้สรัชเป็นฝ่ายอึ้งแทน อิชยาตัดบททันที
“ยาจะกลับไปทำงานแล้วขอตัวนะคะ”
สรัชมองตามหน้าเครียด


พรพจีอยู่ที่บ้านรมย์ฤดีเริ่มร้อนรนจนทนไม่ไหว ตัดสินใจโทร.หาวิษธร รอจนเขายอมรับสาย
“ว่าไงครับจี” วิษธรหลบมาคุยสายจากพรพจีที่มุมสงบในรีสอร์ต
พรพจีเก็บอาการร้อนรนนั้นไว้ ทำเสียงให้ปกติที่สุด
“ธร ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน คุณบอกว่าจะไปดูที่ดินที่สุโขทัย แต่นี่มันก็นานมากแล้วนะ เมื่อไหร่คุณจะกลับ”
“ทำไมครับ คิดถึงผมเหรอ”
“ฉันต้องคิดถึงคุณสิ ก็คุณเล่นหายหน้าไปเลย”
“ผมยุ่งๆ เรื่องที่นี่น่ะ ต้องไปรังวัดแล้วก็เจรจากับเจ้าของหลายรอบ แต่ใกล้จะเสร็จแล้ว มะรืนนี้ผมจะกลับไป”
พรพจีดีใจ ยิ้มแก้มแทบแตก
“พูดจริงนะ ไม่ใช่ถึงวันคุณบอกติดธุระแล้วกลับช้าอีกนะธร”
“ไม่หรอกครับ ผมคิดถึงคุณแทบแย่ แล้วจะรีบให้เร็วที่สุด”
“นึกว่าคุณติดใจสาวสุโขทัยไปเสียแล้ว”
“ไม่มีทางหรอกครับ คุณก็รู้ว่าผมอยากอยู่กับใครมากที่สุด”
เจอคำหวานเข้าไปพรพจีฟิน ยิ้มเขินอาย โดยไม่รู้ว่าวิษธรพูดคำนั้นด้วยสีหน้าเฉยชา
“ฉันจะรอคุณกลับมาหานะ มะรืนนี้เจอกันค่ะ”
“ครับ…ผมก็รอวันที่จะได้เจอคุณ”
วิษธรยิ้มในสีหน้า พรพจีวางสายยิ้มปลื้มลืมความทุกข์โดยฉับพลัน

อิชยาอยู่ที่ออฟฟิศ แอบหลบมุมมาไลน์หาภัทร์ธีราอย่างร้อนใจ
“จ๋า เมื่อไหร่แกจะกลับ พี่เอ้มาตามหาแกถึงที่ทำงานฉันแล้ว เขาสงสัยว่าแกจะทำอะไรกันแน่ แกรีบโทรกลับมาหาฉันเลยนะ”
ข้อความถูกอ่านแล้ว แต่ยังไม่มีคนตอบ อิชยารอลุ้น
สักครู่มีข้อความไลน์มาจากภัทร์ธีราว่า “ตอนนี้ฉันติดธุระอยู่ ยังไม่สะดวกคุย”
อิชยาตื่นเต้นดีใจที่เพื่อนตอบกลับมา
“ทำอะไรของแกอยู่เนี่ย ไปสืบอะไรอีก ยังไม่ได้ความจริงเรื่องคุณธรอีกเหรอ”
“จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรเลย ฉันเข้าใจผิดไปเอง”
อิชยาอ่านแล้วหน้ามุ่ย แปลกใจ พิมพ์ข้อความส่งไปอีก
“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับมาได้แล้ว ก่อนพี่เอ้จะมาแหกอกฉัน”
“ฉันว่าจะอยู่เที่ยวแถวนี้ต่อน่ะไหนๆ มาแล้ว แต่ฉันออกจากรีสอร์ทของนายวิษธรแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“เดี๋ยวนี้เก๋าใหญ่แล้วนะแก พอได้เที่ยวก็เที่ยวใหญ่ งั้นรีบรายงานพี่เอ้กับอาแกด้วย เขาจะได้ไม่ห่วง”
มีสติ๊กเกอร์โอเคมาจากภัทร์ธีรา อิชยาถอนหายใจกลุ้มๆ
อิชยาไม่รู้ว่าที่แท้คนพิมพ์ข้อความตอบกลับไป เป็นวิษธรนั่นเอง เขามองโทรศัพท์นิ่ง แล้วกดปิดเครื่องวางไว้แล้วเดินออกไป

วิษธรมาหาภัทร์ธีราที่ห้องพักเรือนท้ายรีสอร์ต พอเปิดประตูเข้าไปเห็นข้าวยังเหลืออยู่เต็มจานก็โมโห
“ทำไมไม่กิน จะอดข้าวประท้วงหรือไง”
“ฉันไม่ได้ประท้วง แต่ฉันยังไม่หิว”
“ไม่หิวได้ไง คุณไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน”
“แล้วคุณจะมายุ่งอะไรด้วย”
“ผมต้องยุ่ง เพราะผมไม่อยากเห็นคุณตายก่อนจะใช้หนี้หมดไงล่ะ”
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“ตกลงจะกินหรือไม่กิน”
ภัทร์ธีราเชิดใส่ ไม่สนใจคำพูดเขา
“ไม่กินใช่ไหม ได้”
วิษธรเดินหยิบจานข้าวตรงไปตักข้าวป้อนภัทร์ธีรา
“กินเข้าไป”
ภัทร์ธีราตกใจ “อะไรของคุณเนี่ย”
“อ้าปาก แล้วกินเข้าไป เร็วๆ”
“ฉันบอกว่าไม่กินไง”
วิษธรชักรำคาญที่ภัทร์ธีราดื้อเป็นเด็กๆ นิ่งคิดบางอย่าง
“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม”
พร้อมกับว่าวิษธรเอามือซ้ายไปโอบเอวภัทร์ธีราไว้แล้วจับป้อนข้าวโดยเร็ว ภัทร์ธีราแทบจะลำลัก โวยวายใหญ่
“โอ๊ย ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ อย่ามาทำกับฉันแบบนี้”
“แต่ไอ้ที่ทำดื้อไม่กินข้าวนี่มันยิ่งกว่าเด็กอีก กินเข้าไปซะ จะได้มีแรงทำงาน”
ภัทร์ธีรายังไม่ยอมกินอยู่ดี
“อยากลองดีใช่ไหม”
วิษธรมองหน้าคุณหนูจ๋าแกล้งยิ้มหื่นให้ ภัทร์ธีรามองค้อน รีบคว้าจานข้าวจากมือวิษธรมาตักกินเอง
“รีบกินซะจะได้ไปทำงานใช้หนี้ต่อ แล้วก็อย่าได้คิดจะหนีล่ะ ที่นี่มีแต่คนของผม คุณออกไปไม่ได้ง่ายๆหรอก”
วิษธรพูดขู่แล้วผละออกไปยืนรอริมหน้าต่าง ภัทร์ธีรามองตาขุ่น

ไม่นานต่อมาวิษธรจับแขนภัทร์ธีราลากมาหยุดที่หน้าห้องประภา เปิดประตูลากเธอเข้าไปข้างใน ทั้งคู่พบว่าคำผายกำลังหวีผมให้ประภาอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง สีหน้าประภาเหม่อลอยไม่รับรู้อะไรทั้งสิน
“นี่คืองานของคุณ จำสิ่งที่ผมจะบอกให้ดี”
วิษธรเดินมองเข้าไปใกล้มองจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ภัทร์ธีราถอยหนีนิดๆ
“ต่อจากนี้ไปคุณจะต้องเป็นคนดูแลแม่ผม ต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำ ดูแลให้กินยาตรงเวลา โดยที่คุณจะต้องทำเองทั้งหมด ให้คำผายช่วยไม่ได้”
“ให้ฉัน...ดูแลคุณน้าคนเดียวเหรอ”
“ผมว่าผมพูดภาษาไทยนะ คุณฟังครั้งเดียวก็น่าจะเข้าใจไม่ใช่เหรอ”
“ฉันเข้าใจ แต่ไหนคุณบอกว่าเกลียดฉันนักหนา อยากให้ฉันชดใช้ แล้วทำไมคุณถึงยอมให้ฉันมาดูแลแม่คุณได้”
วิษธรจับภัทร์ธีราให้หันไปหาประภา
“เพราะนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะชดใช้ได้ คุณต้องทนเห็นสิ่งที่เกิดจากความชั่วร้ายของครอบครัวคุณไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะพอใจ”
วิษธรปล่อยตัวเธอออก ภัทร์ธีราทำเป็นไม่กลัวจ้องหน้าสู้สายตาเขากลับ
“คุณอยากให้ฉันทำแค่นี้ใช่ไหม”
“แค่นี้ในตอนนี้ แต่ต่อไปอาจจะมากกว่านี้ อย่าคิดหนีก็แล้วกัน”
“ฉันจะไม่หนี ฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้ พอใจหรือยัง”
วิษธรยิ้มเยาะ ภัทร์ธีราเดินเข้าไปหาประภา นั่งลงคุยด้วยในท่าทีอันอ่อนโยน
“คุณน้า...เป็นยังไงบ้างคะวันนี้ มาหนูหวีผมให้นะคะ”
ประภายิ้มให้ภัทร์ธีราแว่บเดียวแล้วหันไปเหม่อลอยอย่างเก่า วิษธรยืนมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดใจเดินออกไป


วลัยแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยออกมา เห็นวิษธรก็ทัก
“ธร อยู่ที่นี่เอง พร้อมจะไปกันรึยังจ๊ะ”
วิษธรมองวลัยงงๆ “พร้อมอะไรเหรอครับ”
“อะไรกัน ทำเป็นลืม ก็นัดแม่เลี้ยงสร้อยแก้วที่ป้าบอกเมื่อวานไงล่ะ รู้ไหมพอป้าบอกคุณสร้อยเรื่องที่จะไปคุยกับเขา เขาตื่นเต้นมากเลยนะ”
วิษธรนึกขึ้นได้ทำเป็นเออออตามไปด้วย แต่สีหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ ผมก็เหมือนกัน”
วลัยยิ้มปลื้ม พลางดูเวลา
“จริงๆ เราน่าจะจัดการให้มันเรียบร้อยตั้งนานแล้ว ตายจริง นี่ใกล้เวลาที่นัดไว้แล้ว รีบไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทัน”
“ผมขอเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวเดียวนะครับ”
“จ้ะ เดี๋ยวป้าไปรอข้างหน้านะ”
วลัยเดินออกไป

พรพจีอยู่ในห้องทำงานที่โรงแรมธารา มองเอกสารจองห้องพักตรงหน้าด้วยสีหน้าเครียดจัด จรัลยืนอยู่ในนั้นด้วย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมช่วงนี้ลูกค้าถึงถอนการจองออกไปมากขนาดนี้ยิ่งลูกค้าวีไอพีกับกรุ๊ปทัวร์ยิ่งหายหมด”
“ผมไม่ทราบเหมือนกันครับคุณจี เดือนก่อนยอดจองก็ยังปกตินะครับ แต่อยู่ๆ พนักงานที่ดูแลเรื่องรับจองก็แจ้งว่าลูกค้าทยอยแคนเซิล” จรัลว่า
“ได้ถามลูกค้าหรือเปล่าว่าเขาไม่พอใจอะไรในการบริการของเรา”
“ผมลองสุ่มถามไป ลูกค้าไม่ได้ติดใจเรื่องบริการนะครับ แต่สาเหตุจริงๆ คืออะไร ผมไม่ทราบจริงๆ”
พรพจีปิดแฟ้มเอกสารอย่างอารมณ์เสีย

ด้านวิษธรกับวลัยพากันมากินข้าวที่บ้านสร้อยแก้ว บนโต๊ะมีแต่อาหารเหนือ ทั้ง ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แกงโฮะ และของโปรดวิษธรอีกหลายเมนู วลัยมองอาหารพลางพูดชมม่านแก้วด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปลื้ม
“หน้าตาหน้ากินทั้งนั้นเลย ทั้งหมดนี่ฝีมือหนูม่านอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ พอรู้ว่าใครจะมาเข้าก็จัดการเข้าครัวเองหวังว่าจะถูกปากนะคะ” สร้อยแก้วพูดเชิงถาม
“ถูกใจฉันน่ะไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่คงถูกใจธรด้วย มีแต่ของที่เขาชอบทั้งนั้นเลย”
“จริงเหรอคะ แหม รู้ใจกันจริง” สร้อยแก้วสัพยอกลูกสาวคนสวย
ม่านแก้วยิ้มเขิน วิษธรนั่งเงียบๆ สีหน้าระบายยิ้มตลอดเวลา
“ก็เด็กเขารู้จักกันมาตั้งแต่ตัวน้อยนี่คะ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ดีแล้วจะได้รวบรัดง่ายขึ้น” วลัยหันมาทางม่านแก้ว “หนูม่านเห็นพี่ธรเป็นยังไงบ้างละจ๊ะ”
สร้อยแก้วรู้ความหมายหัวเราะชอบใจ ขณะที่ม่านแก้วงง
“หนูเหรอคะคุณป้า”
“ใช่จ้ะ ธรกลับมาคราวนี้ป้าคุยกับเขาว่าควรจัดการอะไรให้เรียบร้อย ถ้าหนูไม่ขัดข้อง”
สร้อยแก้วบอกลูกสาววว่า “จริงๆ แม่คุยกับป้าวลัยเขาไว้บ้างแล้วล่ะ แต่ทีนี้ก็ต้องถามความสมัครใจเราก่อน”
ม่านแก้วพอจะเข้าใจ แต่ยังไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“เรื่องอะไรเหรอคะคุณแม่”
วลัยกับสร้อยแก้วยิ้มให้กัน
“ก็เรื่องสู่ขอหนูอย่างเป็นทางการให้กับตาธรยังไงล่ะ” วลัยบอก
ม่านแก้วอึ้งไป แล้วก็หน้าแดง ก้มหน้าหนีด้วยความเขิน
“ถ้าสองคนตกลง ฉันก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอกนะ” สร้อยแก้วมองหน้าวิษธร “ธรเป็นคนดี ทำงานเก่ง ฉันเชื่อว่าดูแลยัยม่านได้แน่นอน อยู่ที่ลูกฉันแล้วว่าตอบตกลงไหม”
ม่านแก้วมองหน้าวิษธรท่าทีเขินอาย วิษธรยิ้มมาให้ก็ยิ่งเขินใหญ่ ก้มหน้ายิ้มแป้นคนเดียว
“แหม อย่างนี้สงสัยไม่ต้องรอคำตอบแล้วล่ะค่ะ ไปหาฤกษ์เลยน่าจะดีกว่าดีไหมจ๊ะธร” วลัยเย้า
“ครับคุณป้า”
สร้อยแก้วหัวเราะชอบใจ วิษธรยิ้มไปด้วย แต่ข้างในกลับรู้สึกขัดแย้งขึ้นมาอย่างประหลาด

สองหนุ่มสาวออกมาเดินเล่นในสวนสวยกันสองต่อสอง ม่านแก้วลอบมองวิษธรยิ้มเขินๆ ทำเป็นดูดอกไม้ใบไม้แก้เก้อไป วิษธรหันมาถามในจังหวะหนึ่ง
“น้องม่านครับ ที่มาคุยวันนี้ พี่คงไม่ได้รวบรัดเกินไปใช่ไหม”
“ไม่หรอกค่ะ เรารู้จักกันมานานแล้ว ม่านก็ไม่ได้คุยกับใครที่ไหนเลย”
“พี่กลัวน้องม่านจะคิดมากซะอีก”
“ม่านไม่คิดมากหรอกค่ะ อะไรที่ผู้ใหญ่เห็นว่าดีม่านก็จะทำ”
“แล้วถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ขอให้ทำ น้องม่านจะตอบตกลงหรือเปล่าล่ะครับ”
“ถึงม่านจะเชื่อผู้ใหญ่ แต่ถ้าม่านไม่เต็มใจก็ไม่มีใครบังคับม่านได้หรอกค่ะ”
“งั้นก็หมายความว่าน้องม่านเต็มใจจะแต่งงานกับพี่ใช่ไหม”
วิษธรมองจ้องตาจับมือเธอไว้ ม่านแก้วหน้าแดง
“ม่านไม่เคยมองคนอื่นนอกจากพี่ธรอยู่แล้วนี่คะ”
วิษธรยิ้มดีใจ แต่แล้วภาพม่านแก้วตรงหน้าก็กลายเป็นภาพของภัทร์ธีราขึ้นมาแทน จนเผลอบีบมือเธอแน่น ม่านแก้วเจ็บแปล่บและรู้สึกแปลกๆ
“พี่ธรคะ”
วิษธรรู้สึกตัว รีบปล่อยมือม่านแก้ว ม่านแก้วถามอย่างเป็นห่วง
“พี่ธร เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
วิษธรยิ้มกลบเกลื่อน
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
วิษธรจับมือม่านแก้ว พาเดินเล่นต่อ ม่านแก้วจับสังเกตดูออกว่าเขามีอะไรในใจ


ที่ห้างดังในกรุงเทพฯ อิชยาเดินเข้ามาในร้านอาหารเห็นอรดีนั่งรออยู่แล้ว ก็ตรงดิ่งเข้าไปโวยใส่ทันที
“พี่ดี้เป็นคนเอาเรื่องจ๋าไปต่างจังหวัดไปบอกบ้านพี่เอ้ใช่ไหม”
อรดีทำหน้าเซ็ง “อ้อ นี่นัดฉันมาที่นี่เพราะเรื่องนี้เองน่ะเหรอ ฉันก็นึกว่าแกผีเข้า อยู่ดีๆจะมาเลี้ยงข้าวฉัน”
“ยาไม่คุยที่บ้านเพราะไม่อยากให้แม่รู้เรื่องทุเรศๆ ที่พี่ดี้ทำ ตกลงว่าพี่เป็นคนบอกพี่เอ้ใช่ไหม”
อิชยาตีหน้าซื่อ
“เอาอะไรมาพูด ฉันไปบอกอะไรใครตอนไหน”
“อย่ามาโกหก พี่ดี้ทำแบบนี้ทำไม”
อรดีเบ้หน้า ยอมจำนน
“ก็เพื่อนแกอยากทำตัวน่าสงสัยเอง เล่นหายไปไม่บอก เป็นใครใครก็คิด”
“จ๋าจะไปไหนทำอะไร มันไม่เกี่ยวกับพี่ดี้เลย ถ้าพี่ดี้อยู่เฉยๆ ก็จบแล้ว”
“ถึงฉันไม่บอก ถ้าเอ้รู้ว่ายัยจ๋าหายไปทีหลังเขาก็ทนไม่ได้อยู่ดี ฉันแค่ช่วยสงเคราะห์ให้ จะได้ตาสว่างขึ้นอีกหน่อย”
อิชยาฉุน “นี่พี่ดี้คิดว่าเพื่อนยาเป็นคนยังไงเนี่ย”
“อย่าคิดว่ารู้จักเพื่อนตัวเองดีนักเลย เพราะเท่าที่ฉันเห็น อากับหลานมันอ่อยผู้ชายไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ”
อิชยาโกรธ “พี่ดี้”
“อยากโกรธก็โกรธเลย เพราะฉันพูดความจริง แกซะอีกที่ช่วยปิดบังเรื่องแย่ๆ ของเพื่อนแกไว้”
อิชยาโกรธมากขึ้น เถียงกลับ
“จ๋าไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”
“ถ้าอย่างนั้นแกกล้าบอกฉันไหมล่ะว่ายัยจ๋าไปไหน หรือว่าที่แกไม่บอกเพราะยัยจ๋าแอบหนีไปกับธร”
“ไปกันใหญ่แล้ว ยัยจ๋าไม่มีวันไปกับคุณธรแน่”
“ถ้าไม่ได้ไปกับคุณธรแล้วไปกับใคร ทำไมจู่ๆ สองคนนี้ก็หายหน้าไปพร้อมกัน แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะบอกมา”
อรดีจับตัวน้องคาดคั้นให้พูดให้ได้ อิชยาผลักพี่สาวออก
“พี่มันหลงคุณธรเขาจนเป็นบ้าไปแล้ว ไปสงบสติตัวเองก่อนเถอะ”
อิชยามองสมเพชแล้วเดินออกไป อรดีแทบจะกรี๊ดออกมา

วิษธรกลับมาถึงรีสอร์ต รีบไปหาแม่ที่ห้องพัก เจอคำผายเปิดประตูออกมาจากห้องพอดี
“นายใหญ่กลับมาแล้วเหรอคะ”
“แม่เป็นยังไงบ้างคำผาย กินข้าวหรือยัง”
คำผายยิ้มแล้วพยักพเยิดให้ดูในห้อง
วิษธรชะงักแปลกใจกับภาพตรงหน้า เห็นภัทร์ธีราป้อนข้าวประภาพูดคุยกันไปอย่างสนิทสนม
“คุณน้ากินข้าวต้มหน่อยนะคะ นี่จ๋าให้คุณป้าตลับทำให้ สูตรที่บ้านจ๋าเอง รับรองว่าอร่อยแน่ๆ”
ประภาลองชิมแล้วยิ้ม
“อร่อยใช่ไหมคะ งั้นคุณน้ากินเยอะๆ นะคะ”
ประภาชี้ไปที่ภัทร์ธีรา “ไม่กินเหรอ
“จ๋าอิ่มแล้วค่ะ คุณน้ากินได้เต็มที่เลย” ภัทร์ธีราหยิบแก้วน้ำให้ “นี่น้ำค่ะ”
ประภาดื่มน้ำแต่ทำเลอะภัทร์ธีราคอยเช็ดปากให้
คำผายบอกวิษธรว่า
“นายหญิงเข้าใจว่าคุณจ๋าเป็นคนดูแลคนใหม่น่ะค่ะ”
วิษธรยืนดูอยู่เงียบๆ เผลอยิ้มออกมา สักพักหนึ่งประภาก็หันมาเห็นร้องทักอย่างดีใจ
“ธร”
วิษธรรีบทำเป็นตีหน้าเข้ม เดินเข้าไปหาแม่ พร้อมกับสั่งภัทร์ธีราว่า
“ออกไปได้แล้ว เดี๋ยวผมให้คำผายมาทำแทน”
“ทำไมล่ะ คุณสั่งเองว่าไม่ให้พี่คำผายช่วย”
“ออกมาเถอะน่า ไม่ต้องถามมาก”
วิษธรดึงแขนภัทร์ธีราให้ลุก ประภาถามขึ้น
“ไปไหน”
“คือ…ผมมีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะครับ”
ประภาไม่ยอม ดึงแขนภัทร์ธีราอีกข้างไว้
“ไม่ไป ไม่ให้ไป”
“แต่ว่า…”
“นะๆ”
วิษธรยอมปล่อยมือภัทร์ธีรา ประภายิ้มดีใจ วิษธรลงนั่งข้างๆ แม่
“ใจดี”
ประภาชี้ไปที่ภัทร์ธีรา ชวนวิษธรคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้เท่าที วิษธรยิ้มเศร้า ก่อนจะหันไปมองที่ภัทร์ธีรา อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเธอทำอย่างไรแม่ถึงยอมกินข้าว

ขณะเดียวกันพรพจีนั่งคนกาแฟหน้าเครียดใจลอยอยู่ในโถงบ้านรมย์ฤดี สวาทเดินมาจากทางหลังบ้านเห็นเข้า จึงร้องทักด้วยความแปลกใจ
“คุณจีขา คุณจี…ใช้ช้อนคนกาแฟผิดด้านอยู่นะคะ”
พรพจีตกใจ รีบยกช้อนออก
“ตายจริง ฉันใจลอยไปไหนเนี่ย เฮ้อ”
สวาทหยิบทิชชู่มาเช็ดช้อนใช้ใหม่ พรพจีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูออกว่าเหนื่อยมาก
“คุณจีงานเยอะเหรอคะ พักนี้น้าเห็นคุณจีเครียดๆ บางทีก็นั่งเหม่อ น้าเป็นห่วง”
“ก็เรื่องงานนั่นแหละจ้ะ ตั้งแต่ธรไม่อยู่ปัญหาที่โรงแรมก็เยอะเต็มไปหมด”
“ทำงานกับคนปัญหาก็เยอะแบบนี้แหละค่ะ ยิ่งงานบริการแบบนี้ลูกค้ายิ่งเดาใจยากกันไปใหญ่”
“ฉันเข้าใจปัญหาจ้ะ แต่ฉันเหนื่อยที่ต้องคอยแก้ปัญหาคนเดียวมากกว่า”
“นี่คุณธรยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ”
“ยังจ้ะแต่เขาก็บอกว่าใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจีอดทนหน่อยนะคะ คุณธรกลับมาอะไรๆ คงจะดีขึ้น”
“จ้ะ ตอนนี้ฉันอยากให้เขากลับมาที่สุดเลยล่ะ”
พรพจีพูดแล้วก็กลับไปนั่งเหม่อคิดถึงวิษธรอีก สวาทมองอย่างเป็นห่วง

ส่วนสรัชกลับเข้าบ้าน คุณหญิงทอศรีกับท่านนายพลนั่งหย่อนใจอยู่ในห้องโถง เห็นสีหน้าลูกชายคุณหญิงก็พอเดาออก ทักถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงล่ะตาเอ้ ได้เรื่องน้องจ๋าบ้างไหม”
สรัชพูดเนือยๆ ท่าทีเหมือนคนหมดแรง
“ยังครับ ไม่ได้เรื่องอะไรเลย รู้แค่ว่ายังไม่กลับ”
“อะไรกัน ตั้งหลายวันแล้วได้เรื่องแค่นี้ แฟนเราเขาไม่โทร.หาอะไรบ้างเลยเหรอ”
สรัชหน้าเครียดไม่ตอบอะไร คุณหญิงหันไปพยักพเยิดกับสามี
“คุณ เห็นไหมว่าที่ดี้พูดเป็นความจริง”
“แต่ผมบอกแล้วว่ามันไม่มีหลักฐานว่าแฟนตาเอ้หายไปกับผู้ชาย คุณอย่าหูเบาไปหน่อยเลย”
“ฉันไม่ได้หูเบานะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ไม่มีมูลหมามันไม่ขี้หรอก”
“อะไรกัน เดี๋ยวพูดจาหยาบคายใหญ่แล้วนะ”
“ฉันไม่ได้หยาบคาย มันเป็นสุภาษิตต่างหาก”
“ผมรู้ว่าเป็นอะไร แต่ผมหมายถึงคุณหยาบคายที่ให้ร้ายคนอื่นเขาอยู่ได้”
นายพลสุทธิชักรำคาญ คุณหญิงทอศรีก็เริ่มโมโหที่ถูกสามีตำหนิตรงๆ
“นี่คุณ เดี๋ยวนี้ว่าฉันขนาดนี้แล้วเหรอ”
“ขนาดนี้แหละ ผัวเมียกันอยู่กันมาตั้งกี่ปี ทำไมจะพูดตรงๆ ใส่กันไม่ได้”
“แต่เมื่อก่อนคุณยอมฉันตลอดแล้วจู่ๆ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ คุณเข้าข้างคนอื่นมากกว่าเมียคุณได้ยังไง”
ท่านสุทธิจะเถียงกลับ สรัชยิ่งเครียดๆ อยู่ ทนไม่ไหวเลยโพล่งขึ้นว่า
“คุณพ่อคุณแม่หยุดเถอะครับ”
ทั้งสองท่านชะงักไปทันที
“ที่ผมไปหายาเพราะผมอยากแน่ใจเรื่องน้องจ๋า แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจเขา อย่าทำให้ผมสับสนมากกว่านี้เลย”
สรัชพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินหนีขึ้นห้องตัวเองไปเลย ท่านสุทธิกลุ้มใจแทนลูก หันไปต่อว่าคุณหญิงภริยาอีก
“เห็นไหม เป็นเพราะคุณนั่นแหละ ลูกถึงเป็นแบบนี้”
“ฉันแค่หวังดีกับตาเอ้ ฉันทำอะไรผิด”
“ผิดที่คุณไปกดดันลูกไง เขาโตแล้ว คุณควรให้ลูกแก้ปัญหาเอง ยิ่งไปยุ่งมากยิ่งจะสร้างปัญหาเพิ่มเปล่าๆ”
คุณหญิงทอศรีกอดอกฮึดฮัดขัดใจสามี สุทธิมองเป็นห่วงสรัช


ภัทร์ธีราป้อนข้าวประภาเสร็จก็ออกมาหน้าห้องพร้อมกับวิษธร จู่ๆ วิษธรก็ยื่นมือถือให้ ภัทร์ธีราแปลกใจ
“มองอะไร รับไปสิ”
“คุณจะคืนโทรศัพท์ให้ฉันเหรอ ฉันนึกว่าคุณ…”
“ผมไม่ได้จะคืนให้ แต่ผมอยากให้คุณเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย”
“เคลียร์ เรื่องอะไร”
“ก็ในเมื่อคุณบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ คุณต้องทำยังไงก็ได้ไม่ให้คนรอบตัวคุณสงสัย โทร.กลับไปหาคุณเอ้ซะ แล้วบอกว่าคุณยังสบายดี”
ภัทร์ธีราตกใจ “พี่เอ้โทร.หาฉันเหรอ”
“ใช่สิ แฟนหายไปทั้งคนจะให้เขานั่งอยู่เฉยๆ ก็แปลกแล้ว จริงไหม”
“แล้วถ้าฉันไม่โทร.ล่ะ”
ภัทร์ธีราทำหน้าท้าทาย วิษธรเลยขู่กลับ
“ผมจะได้บอกเขาเองว่าคุณอยู่กับผม ที่นี้จะเกิดอะไรขึ้นคุณก็คิดเอาแล้วกัน”
วิษธรยิ้มกวนใส่ ภัทร์ธีราไม่พอใจ จำต้องรับโทรศัพท์มา

สรัชกลับมานั่งซึมในห้องนอน เครียดจัด จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาหยิบมาดูเซ็งๆ ไม่อยากรับ แต่พอเห็นชื่อเป็นน้องจ๋าโทร.มาก็ดีดตัวขึ้นรับสายทันทีด้วยความดีใจ
“ฮัลโหล น้องจ๋า”
ภัทร์ธีราโทร.จากรีสอร์ต ที่สุโขทัย ทำเสียงปกติคุยกับสรัชโดยไม่มีพิรุธ
“พี่เอ้ จ๋าเองค่ะ”
“น้องจ๋าหายไปไหนมา ทำไมพี่โทร.ไปไม่รับเลย”
“จ๋ามาเที่ยวต่อน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่หายไปเลย”
“วันหลังจะหายไปไหนนานๆ น้องจ๋าต้องบอกพี่ก่อนนะ พี่ตกใจแทบแย่นึกว่าจ๋าเป็นอะไรไปแล้ว พี่ไปถามยามา เขาก็ไม่บอกว่าน้องจ๋าอยู่ไหน”
“จ๋าไม่ให้ยาบอกเองล่ะค่ะ จ๋าไม่รู้ว่าจะทำให้ทุกคนวุ่นวายขนาดนี้”
“แล้วนี่น้องจ๋าอยู่คนเดียวเหรอ ทำไมไม่ให้ยาไปด้วย”
“จ๋าอยากพักผ่อนเงียบๆ น่ะค่ะ เลยแอบมาคนเดียว พี่เอ้ไม่ต้องห่วงนะ จ๋าอยู่ได้”
“ยังไงพี่ก็ห่วงจ๋าอยู่ดี”
“จ๋ารู้ค่ะ พอมีเวลาก็รีบโทร.หาพี่เอ้เลยไงคะ”
สรัชฟังแล้วใจชื้น ว่าเธอยังสนใจเขา น้ำเสียงอ่อนลง
“แล้วนี่…น้องจ๋าจะกลับมาเมื่อไหร่”
“ขอเวลาจ๋าซักพักนะคะพี่เอ้ ตอนนั้นจ๋าน่าจะเชื่ออาจีว่าให้เที่ยวก่อนตอนนี้จ๋าติดลมซะแล้ว จ๋าว่าจะเที่ยวต่ออีกอาทิตย์นึงค่ะ”
แม้สรัชจะอยากให้ภัทร์ธีรารีบกลับมา แต่ต้องทำใจยอมรับมัน
“ก็ได้ครับ พี่จะรอ”
“ขอบคุณมากนะคะพี่เอ้ ที่เข้าใจ”
“ครับ แต่ถ้าจ๋าว่างจ๋าต้องโทร.หาพี่ทันทีนะ คิดถึงนะครับ”
“ค่ะ…คิดถึงนะคะ”
ภัทร์ธีราวางสายไป สรัชโล่งใจขึ้นมาทันตาเห็น

พอภัทร์ธีราวางสายก็คืนมือถือให้วิษธร วิษธรยิ้มเยาะ
“โกหกเนียนดีนี่ ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณเรียนบริหาร ผมคงนึกว่าเรียนการแสดงมา”
“ฉันโกหกได้เพื่อให้คนอื่นสบายใจ แต่คงไม่เนียนเหมือนใครบางคน ทำเป็นตีหน้าว่าเป็นคนดี แต่สุดท้ายก็หักหลังคนอื่น”
วิษธรแขวะกลับ “หมายถึงอาจีของคุณใช่ไหม”
ภัทร์ธีราเจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“อาฉันทำอะไรกันแน่ บอกฉันมาสิ มันต้องมีอะไรมากกว่าในจดหมายแน่ๆ”
“คุณอยากรู้งั้นเหรอ”
“อยากสิ ถ้าฉันรู้ว่าอาจีผิดอะไรฉันจะได้ช่วยคุณได้”
“รอให้ผมจัดการธุระที่กรุงเทพฯ เสร็จก่อน แล้วเรื่องอะไรที่คุณอยากรู้ ผมจะบอกทุกอย่าง ถึงเวลานั้นรับความจริงให้ได้ก็แล้วกัน”
วิษธรพูดจบก็เดินออกไปเลย ภัทร์ธีรามองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด

สรัชเดินลงมาจากห้องในตอนเย็นตรงมาหาบิดามารดาในห้องโถง สีหน้าเบิกบานดูอารมณ์ดี เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“คุณพ่อคุณแม่ เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกก่อนนะครับ”
“อ้าว จะไปไหนล่ะตาเอ้”
“ผมจะไปธุระข้างนอกน่ะครับ เดี๋ยวไว้ขากลับผมซื้ออะไรอร่อยๆ มาฝาก”
พร้อมกับว่าสรัชเดินเข้ามาหอมแก้มมารดา ทั้งสองท่านงุนงง
“ไปอารมณ์ดีจากไหนมา เมื่อกี้ยังเดินซึมเหมือนคนแบตหมดอยู่เลย”
“อ๋อ ก็พอดีจ๋าเขาโทร.มาหาผมแล้วน่ะครับ”
คุณหญิงทอศรีเบะปากหมั่นไส้ “ก็ว่าเรื่องอะไร”
“ครับ สรุปว่าจ๋าไปเที่ยวจริงๆ ไม่ได้อยู่กับใครทั้งนั้น”
“งั้นแสดงว่าที่ดี้พูดไม่เป็นความจริง” ท่านนายพลโล่งอกบอกคุณหญิงว่า “เห็นไหม ผมบอกแล้ว”
คุณหญิงทอศรีขัดใจที่เรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด ยังคงตั้งแง่ ค่อนขอดไม่เลิก
“ให้มันจริงเถอะ แค่โทร.มาไม่ได้เห็นตัว จะพูดอะไรก็ได้”
“แต่อย่างน้อยจ๋าก็โทร.มาแล้วนะครับ แค่นี้ผมก็หายห่วงแล้ว” สรัชยิ้มย่อง
“ทีอย่างนี้ทำมาพูดดี เมื่อกี้แม่เห็นเอ้จะเป็นจะตายอยู่เลย”
ท่านสุทธิพูดปรามคุณหญิงภริยา
“เอาน่าคุณ เขาติดต่อมาก็ดีแล้ว ลูกเราสบายใจก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“คุณสบายใจไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่สบายด้วย ไม่รู้น้องจ๋านี่เป็นคนยังไง นึกอยากหายไปไหนก็ไป ไม่รู้ว่าแต่งแล้วจะติสท์หอบลูกหนีไปอีกหรือเปล่า” คุณหญิงพาลไปโน่น
“นั่นมันคนละเรื่องกัน คุณอย่าโยงสิ”
“ฉันจะโยง เพราะถ้าเกิดสุ่มๆ มาแล้วได้ลูกสะใภ้ลมเพลมพัดอย่างนี้ฉันไม่เอาด้วย นี่ตาเอ้…”
คุณหญิงจะหาพวกแต่หันไปปรากฏว่าลูกชายหายไปแล้ว
“ตาเอ้”
คุณหญิงทอศรีฮึดฮัดขัดใจที่ไม่มีใครฟังตัวเองเลย

เช้าวันนี้ วิษธรนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานที่รงแรม ขณะพรพจีเปิดประตูถลาเข้ามาหาด้วยความดีใจ
“ธร คุณกลับมาแล้ว”
วิษธรยิ้มให้พรพจีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ต้องรีบเข้ามาก็ได้ครับจี เดี๋ยวก็หกล้มหรอก”
“ฉันดีใจที่เจอคุณนี่ รู้ไหม ตั้งแต่คุณไม่อยู่ที่นี่มีปัญหาแค่ไหน”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“เกิดเรื่องโกลาหลไปหมดเลยล่ะค่ะ มีน้ำรั่วจากชั้น 12 ลงมาข้างล่างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ลูกค้าเลยต้องขอย้ายห้องทั้งชั้น กรุ๊ปทัวร์ใหญ่จากจีนก็เพิ่งแคนเซิล ไหนจะเชฟห้องอาหารมาป่วยอีก”
วิษธรแสร้งทำเป็นเห็นใจ “แบบนี้คุณก็คงเหนื่อยแย่”
“ค่ะ พอไม่มีคุณช่วย ฉันก็ต้องจัดการเองคนเดียว ฉันเครียดมากรู้ไหมธร”
“ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง”
พรพจีโล่งใจมากขึ้น ในขณะที่วิษธรกลับรู้สึกสะใจที่เห็นพรพจีเจอปัญหา

ที่สุโขทัย ภัทร์ธีราคอยดูแลและเอายามาให้ประภากินหลังอาหาร
“คุณน้ากินยาก่อนนะคะ อ้ำ...”
ประภามองยาด้วยสีหน้าสงสัย ภัทร์ธีรายิ้มบอก
“ยาบำรุงค่ะ กินแล้วร่างกายจะได้แข็งแรงไงคะ จะได้มีแรงไปเจอคุณธร”
ประภายิ้มดีใจ “ธร อยากเจอธร”
“คุณธรกำชับหนูนักหนาเลยนะคะ ว่าต้องดูแลคุณน้าให้ดี ไว้คุณน้าแข็งแรงแล้วจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”
“ไป…ไปเที่ยว จะไปกับลูก กับทุกคนเลย กับวราห์ด้วย”
ภัทร์ธีราได้ยินชื่อนี้ก็เอะใจขึ้นมา
“วราห์”
เพราะในจดหมายที่วิษธรให้เธออ่าน ลงท้ายชื่อวราห์ เป็นคนเขียน
“วราห์ ยังไม่กลับมาเหรอ”
“ที่นี่ไม่มีคนชื่อคุณวราห์นะคะ”
“มี เขาเคยอยู่ที่นี่ แต่เขายังไม่กลับมา”
“ถ้าอย่างนั้นจ๋าไปตามให้ดีไหมคะ แต่คุณน้าบอกจ๋ามาก่อน ว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน”
ประภานิ่งไป พยายามคิด แล้วกลับนึกถึงเหตุการณ์บางอย่างในอดีตขึ้นมา
เป็นเหตุการณ์ตอนประภากำลังทะเลาะกับวราห์เสียงดังลั่น แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นเลือดสาดกระเซ็น
ประภาเนื้อตัวสั่นสะท้าน กรีดร้องออกมา
“ตาย…ตายไปแล้ว”
“คุณน้าว่ายังไงนะคะ”
“ไม่อยู่แล้ว…เลือด…เลือดเต็มไปหมด ตายแล้ว” ประภาเริ่มคลั่ง ร้องโฮออกมา
ภัทร์ธีราจับตัวประภาไว้ พยายามปลุกปลอบให้ตั้งสติ
“ไม่เป็นไรนะคะคุณน้า ไม่เป็นไรค่ะ”
ประภานิ่งลงได้ แต่แค่เดี๋ยวเดียวก็คลั่งขึ้นมาอีก
“มัน...อีพรพจี เพราะมัน”
ประภากรีดร้องปัดข้าวของลงพื้น เอามือทุบตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ภัทร์ธีราเข้าไปห้าม
“คุณน้า อย่าค่ะ”
ภัทร์ธีรากอดปลอบ แต่ประภาไม่ฟังแล้ว
“ปล่อย ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามัน แอร๊ย...”
ประภาอาละวาดไม่ยอมให้จับตัว แถมเอาแต่หวีดร้องเสียงดัง
ภัทร์ธีราพยายามดึงไว้ แต่สุดท้ายก็สู้แรงไม่ไหวถูกประภาผลักกระเด็นไปชนโต๊ะจนหัวแตกเลือดไหลซึมออกมา

ร่างแบบบางของหนูจ๋าร่วงลงไปกองกับพื้นสลบไปในทันที

อ่านต่อ ตอนที่ 19

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น