เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 15
พรพจียืนกอดอกอยู่ริมหน้าต่างหน้าเครียดจัด คอยแง้มผ้าม่านมองไปยังหน้าบ้านอย่างกระวนกระวายใจ ด้วยรอวิษธรมานานมากแล้ว
เธอก้มหน้ามองจอมือถือด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อพบว่าข้อความที่ส่งไลน์ไปว่า "อยู่ไหนแล้วคะ" วิษธรยังไม่อ่าน พรพจีส่งสติ๊กเกอร์หัวใจไปอีกครั้ง แต่วิษธรก็ยังไม่อ่านอยู่ดี
พรพจีเดินหน้าเคร่งไปนั่งที่โซฟา ตัดสินใจโทร.หา สายติดแต่วิษธรไม่รับ พอ8bfจะกดโทร.หาอีกครั้งแต่ต้องห้ามตัวเองไว้ กลัวว่าจะเป็นการตามจิกมากเกินไป
“ไปไหนของเขานะ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น”
สุดท้ายพรพจีก็โทร.หาเขาอีกจนได้ ทว่าผลออกมาเหมือน วิษธรไม่รับ พรพจีเริ่มกังวลหนัก
อีกฟากหนึ่ง ภัทร์ธีราเดินหนีออกมาตามโถงทางเดิน ตรงไปยังห้องพักนรินทร์ วิษธรเดินตามไม่ลดละ จู่ๆ ภัทร์ธีราเกิดวูบขึ้นมาอีก ซวนเซไปจับผนังยึดตัวไว้ วิษธรถลาเข้าไปประคองไว้ด้วยความเป็นห่วง
“ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าดื้อ แล้วยังจะฝืนอีก”
“ปล่อยฉัน” ภัทร์ธีราพยายามดิ้นหนี
“ไม่”
ภัทร์ธีราดันวิษธรออก “ฉันบอกให้ปล่อย”
วิษธรแกล้งรั้งร่างภัทร์ธีราเข้ามาใกล้มากขึ้น ทั้งสองสบตากันต่างคนต่างเริ่มหวั่นไหว
“คุณไม่ไหวหรอก”
สรัชเดินมาเห็นพอดี มองด้วยความสงสัย
“น้องจ๋า”
สองคนหันไปมองทางเสียง ภัทร์ธีราตกใจพยายามสลัดให้หลุดจากวิษธร แต่วิษธรผละออกห่างโดยยังไม่ปล่อยมือ สรัชมองอย่างเคลือบแคลงเดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
“คุณจ๋าไม่ค่อยสบายน่ะครับ เมื่อกี้วูบไปผมก็เลย...”
“งั้นเหรอครับ”
สรัชรีบเข้าไปประคองภัทร์ธีราแทนวิษธรอย่างเป็นห่วงเป็นใย ยกมืออังหน้าผาก
“น้องจ๋าเป็นอะไรมากไหมคะ เหมือนจะมีไข้เลย กลับไปพักก่อนดีไหม”
“จ๋าไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่เอ้ กินยาเดี๋ยวก็หาย”
“ไม่เป็นได้ยังไงล่ะคะ ถึงขนาดวูบไปเลย” สรัชหันไปทางวิษธร “ขอบคุณคุณธรมากเลยนะครับที่ช่วยดูแลน้องจ๋าแทนผม”
วิษธรเกิดความรู้สึกแปลกๆ ในใจตัวเอง แม้พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่ก็อดเหน็บแนมน้องจ๋าไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยเท่าที่ช่วยได้ ในฐานะเพื่อนบ้าน แต่ถึงยังไงมีแฟนมาดูแลแบบนี้ ไม่นานคงกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ใช่ไหมครับคุณจ๋า”
ภัทร์ธีรามองค้อนวิษธร
“ใช่ค่ะ มีพี่เอ้อยู่ฉันต้องหายเร็วแน่ ถ้าไม่มี คนอื่น คอยวุ่นวาย”
“นั่นสินะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ควรอยู่รบกวนเวลาส่วนตัวของพวกคุณ ขอตัวก่อนนะครับคุณเอ้”
“เอ่อ ครับ”
วิษธรเดินข่มอารมณ์จากไป โดยมีสายตาอาวรณ์ลึกล้ำของภัทร์ธีรามองตามแว่บหนึ่ง สรัชมองคนรักอย่างเป็นห่วง
“น้องจ๋ากลับไปพักก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ภัทร์ธีราค่อยๆ ผละตัวออก
“พี่ส่งแม่ที่บ้านเสร็จแล้วก็รีบกลับมาหาน้องจ๋าเลย พี่ขอโทษที่...”
ภัทร์ธีราสวนขึ้น “จ๋าปวดหัว ยังไม่พร้อมคุยตอนนี้จริงๆ พี่เอ้กลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“น้องจ๋า” สรัชใจแป้ว
“นะคะ จ๋าขอร้อง”
ภัทร์ธีรามองหน้าสรัชด้วยแววตาจริงจังที่เขาไม่อาจปฏเสธิได้
“ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้พี่จะมาใหม่”
“ขอบคุณค่ะ”
สรัชมองลาอย่างเป็นห่วง ก่อนจะตัดใจเดินออกไป
ภัทร์ธีราถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เดินไปที่ห้องพักนรินทร์เปิดประตูเข้าไป
ฝ่ายวิษธรเดินมานั่งหลบมุมเงียบๆ ในโรงพยาบาล ด้วยสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสับสน จากเหตุการณ์ความใกล้ชิดกับภัทร์ธีราเมื่อครู่นี้
เขาพยายามเข้าช่วยแต่ภัทร์ธีราปัดป้องดิ้นหนี
“ปล่อยฉัน”
“ไม่”
ภัทร์ธีราดันวิษธรออก “ฉันบอกให้ปล่อย”
วิษธรแกล้งโอบรั้งภัทร์ธีราเข้ามาใกล้มากขึ้น ทั้งสองสบตากันนิ่งต่างคนต่างเริ่มหวั่นไหว
นึกขึ้นมาแล้ววิษธรพรายยิ้ม แววตาอ่อนโยน จนภาพสรัชเข้ามาประคองภัทร์ธีราเอามืออังหน้าผาก ผุดซ้อนขึ้นมา
“น้องจ๋าเป็นอะไรมากไหมคะ เหมือนจะมีไข้เลย กลับไปพักก่อนดีไหม”
“จ๋าไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่เอ้”
วิษธรคิดเรื่องนี้แล้วคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ
“มี แฟน มาดูแลแบบนี้ ไม่นานคงกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ใช่ไหมครับคุณจ๋า”
ภัทร์ธีรามองค้อนวิษธร
“ใช่ค่ะ มีพี่เอ้อยู่ฉันต้องหายเร็วแน่ ถ้าไม่มี คนอื่น คอยวุ่นวาย”
วิษธรหลับตาแน่น พยายามปรับอารมณ์ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างตัดใจได้แล้ว
“ไม่”
วิษธรลุกเดินออกไป
ทางด้านพรพจีออกมาเดินห้างแก้เซ็ง จังหวะหนึ่งเดินมองโทรศัพท์มือถือ พบว่าวิษธรยังไม่อ่านข้อความเดิม เธอพิมพ์ข้อความส่งไลน์ไปใหม่ว่า "ฉันออกมากินข้าวข้างนอกนะคะ"
รออยู่ครู่ใหญ่วิษธรก็ยังไม่อ่านอีก พรพจีมีสีหน้าผิดหวัง ถอนใจเบาๆ เงยหน้ามองหาร้านอาหาร จู่ๆ มีเสียงร้องทักมาจากด้านหลัง
“อาจี”
พรพจีตัวแข็ง ไม่หันไปหา เพราะจำได้ว่าเป็นเสียงอรดี รีบเดินจ้ำหนี
“อาจี เดี๋ยวก่อนสิ อาจี”
อรดีวิ่งมาดักข้างหน้า ทำให้พรพจีต้องหยุด อรดียิ้มเยาะในสีหน้า
“อุ๊ย อาจีจริงๆ ด้วย นึกว่าจำคนผิดเสียแล้ว”
“ใช่ฉันเอง ถ้าไม่มีธุระอะไร ขอตัวนะ”
อรดียกมือห้าม “เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนล่ะ อาจีหายไปตั้งนาน ไม่อยากอัพเดตข่าวคราวบ้านรมย์ฤดีบ้างเหรอคะ ถามดี้ได้นะ ดี้สนิทกับธรเลยพอจะรู้บ้าง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องภายในครอบครัวจากคนนอกหรอกจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้น อาจีก็ต้องรู้เรื่องที่อารินเข้าโรงพยาบาลแล้วสิ แปลกจัง สามีป่วยเข้าโรงพยาบาลขนาดนี้ ไม่ต้องดูแลก็ได้เหรอ”
“คุณดาเขาทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว”
“หมายความว่าอาจี ไม่ได้ไปดูแลอารินเลย จริงๆ สินะ” อรดีหัวเราะเยาะ “มันก็ไม่เหมือนกันหรอกนะอาจี ยังไงสามีก็ต้องการความรักจากภรรยา พยาบาลคงให้แทนไม่ได้ ยิ่งตอนนี้อาการอารินแย่มาก ตอนที่ดี้ไปเยี่ยม อารินเพ้อหาอาจีไม่หยุดเลย”
“งั้นเหรอ”
“งั้นสิ ดี้จะโกหกอาจีไปทำไม”
“ไม่รู้สินะ หลังจากที่เธอโกหกเรื่องแต่งงานกับธรแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเชื่ออะไร เธอได้อีก ขอตัวนะ”
พรพจีเดินหนีไปอย่างไม่แยแส อรดีขึงตามองตามอย่างหงุดหงิด นึกแผนร้ายบางอย่างขึ้นมาได้
พรพจีนั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารเงียบๆ จู่ๆ อรดีก็เดินเข้ามานั่งตรงข้ามหน้าตาเฉย
“นี่เธอ”
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ เดี๋ยวหน้าก็แก่เร็วกว่านี้หรอก” อรดีหัวเราะ “ดี้แค่หิวข้าว ไม่อยากกินคนเดียว ขอนั่งด้วยนะ”
พรพจีกลอกตารำคาญ
“อุ๊ยตาย” อรดีมองจานข้าวพรพจี “อาจีก็ชอบกินอันนี้เหมือนกันเหรอคะ เราสองคนนี่ชอบอะไรเหมือนกันหลายอย่างนะ”
พรพจีไม่สนใจนั่งกินไปเงียบๆ
“แล้วน้องจ๋านี่ชอบอะไรๆ เหมือนอาจีด้วยไหม”
พรพจีหูผึ่ง “หมายความว่ายังไง”
“อ้าว ยังไม่รู้เหรอ เอาแต่คอยระแวงคนอื่น ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าเก็บน้ำตาลไว้ใกล้มด ยิ่งหนีมาแบบนี้กลับไปอีกที ระวังจะได้หุ้นส่วนคนสนิทของตัวเองเป็นหลานเขยนะ”
พรพจีอึ้ง หงุดหงิดขึ้นมาวางช้อนลงอย่างแรง “ออกไป ถ้าจะมาพูดจาไร้สาระ ก็กลับไป ฉันไม่อยาก
ฟัง”
อรดีใส่ต่อไม่ยั้ง “ที่ดี้บอกเพราะหวังดีหรอกนะ ไม่อยากให้อาจีเป็นอีโง่ ที่เสียผู้ไปให้หลานตัวเองแบบไม่รู้ตัว”
“ไม่มีทาง น้องจ๋าเกลียดขี้หน้าธรอย่างกับอะไรดี เขาสองคนไม่มีวันเป็นอย่างที่เธอพูด”
“อ๋อ หรือว่าที่จริงแล้ว อาจีเองนั่นแหละที่เป็นคนส่งหลานสาวตัวเองไปยั่วธร ตัวเองไม่มีปัญญาจับผู้ ก็เลยส่งหลานสาวไปจับแทน”
พรพจีสุดทน “หยุดพูดจาต่ำๆ ซะที”
อรดียิ้มเย้ย “ไม่เห็นเหรอว่าธรดูห่วงใยน้องจ๋าขนาดไหน ขนาดดี้เข้าหาแทบตายเขายังไม่สนใจ แต่กับหลานสาวของอาจีนี่ห่วงใยสารพัด แหม ช่างเป็นอาที่แสนดีจริงๆ หนีออกจากบ้านเพื่อเปิดทางให้เด็กสองคนพลอดรักกันได้สะดวก ฮะๆๆ”
พรพจีมือสั่นปากสั่นด้วยความกลัว แต่ต้องข่มไว้ไม่ให้อรดีรู้
“มันไม่มีวันเป็นแบบนั้นแน่ น้องจ๋าไม่มีวันชอบธรได้ แล้วฉันก็ไม่มีวันเชื่อคำพูดของเธอ เชิญมโนไปเดียวเถอะ”
พรพจีวางค่าอาหารไว้ แล้วลุกเดินหนีไป อรดีมองตามยิ้มร้ายสาสมใจ
พรพจีเดินเข้าบ้านสีหน้ากังวลใจ เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาคิดไปถึงที่อรดีพูด แล้วส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้”
พรพจีพยายามสลัดความกังวลทิ้งไป หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาวิษธร รอสายสักครู่ วิษธรไม่รับ สีหน้าพรพจีเริ่มกังวล คิดไปถึงที่อรดีพูดขึ้นมาอีก
“เอาแต่คอยระแวงคนอื่น ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าเก็บน้ำตาลไว้ใกล้มด ยิ่งหนีมาแบบนี้กลับไปอีกที ระวังจะได้หุ้นส่วน คนสนิท ของตัวเองเป็นหลานเขยนะ”
พรพจีร้อนรนใจส่งไลน์ไปหาวิษธรว่า "ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ" แต่วิษธรไม่อ่านและไม่ตอบ เสียงอรดีดังขึ้นอีก
“ไม่เห็นเหรอว่าธรดูห่วงใยน้องจ๋าขนาดไหน ขนาดดี้เข้าหาแทบตายเขายังไม่สนใจ แต่กับหลานสาวของอาจีนี่ห่วงใยสารพัด”
พรพจีนึกถึงเหตุการณ์ที่โรงแรมธารา ที่เธอเคยเห็นวิษธรและภัทร์ธีราใกล้ชิดกันหลายครั้ง
พรพจีร้อนใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะเป็นอย่างที่อรดีพูด
“แหม ช่างเป็นอาที่แสนดีจริงๆ หนีออกจากบ้านเพื่อเปิดทางให้เด็กสองคนพลอดรักกันได้สะดวก ฮะๆๆ”
เสียงอรดีหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องอยู่ในหูไม่หยุดหย่อน จนพรพจีต้องยกมือปิดหูตัวเอง
อิชยานั่งพิมพ์งานอยู่กับโน้ตบุ๊คที่โถงบ้าน อรดีเดินเข้ามานั่งข้างๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อิชยามองอย่างแปลกใจ
“อารมณ์ดีจังเลยนะวันนี้ มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอพี่ดี้”
“ไม่เชิงหรอก ให้ทายว่าวันนี้ฉันเจอใคร”
“จะไปรู้ได้ไงล่ะ ไม่ใช่หมอดูนะ”
“ฉันเจออาจี”
“อ๋อ ฮะ อาจีเหรอ แล้วพี่ดี้ได้ถามหรือเปล่าว่าอาจีอยู่ที่ไหน”
“ไม่ได้ถาม”
“แล้วทำไมไม่ถามล่ะคะ จะได้บอกยัยจ๋า ตอนนี้กลุ้มใจจนกินข้าวกินปลาไม่ลง”
“ที่ฉันไม่ถามก็เพราะว่าอีกไม่นาน อาจีก็จะแล่นกลับบ้านโดยที่เราไม่ต้องไปตามหาไงล่ะ” อรดียิ้มย่อง
อิชยายิ่งแปลกใจ “พี่ดี้รู้ได้ยังไงคะ”
“แกคอยดูแล้วกัน รับรองสนุกแน่”
อรดีหัวเราะสะใจ สมใจ อิชยามองอย่างสงสัย
ระหว่างนี้คุณอุราเดินเข้ามาได้ยินที่อิชยากับอรดีคุยกันทั้งหมดแล้ว
“สนุกบนความทุกข์ของคนอื่นมันไม่ดีนะลูก”
อรดีเซ็ง “แม่”
“นี่เราไปยุ่งเรื่องของบ้านนั้นเขาอีกแล้วใช่ไหม” คุณอุรารู้นิสัยลูกดี
“ดี้ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ก็แค่ไปคุยนิดๆ หน่อยๆ”
“แม่ไม่เข้าใจว่าเราจะยุ่งกับเขาอีกทำไม แม่ไม่ว่าถ้าลูกจะมีแฟนซักคนมาคอยดูแล แต่ถ้าจะต้องไปแย่งชิงหรือทำร้ายใครเขาก็พอเถอะนะ ทำให้มันถูกต้องเถอะลูก”
“นี่ดี้ก็กำลังทำให้มันถูกต้องอยู่ไง ดี้กำลังช่วยให้ไม่ให้ครอบครัวเขาแตกแยกดี้ผิดตรงไหน”
อิชยาสบตามารดาแล้วส่ายหน้าเชิงบอกเป็นนัยๆว่าอรดีไม่ยอมรับผิดแน่ๆ คุณอุไรถอนหายใจ
“ก็จริงนี่ อีแก่นั่นมีผัวอยู่แล้วแท้ๆ ยังมายุ่งกับธร ดี้ไม่มีวันยอมง่ายๆ หรอก”
“ดี้”
คุณอุไรมองอรดีอย่างกลัดกลุ้ม
ตกตอนค่ำ พรพจีลุกนั่งไม่ติดที่ กระวนกระวายใจหนัก โทร.หาและรอสายจากวิษธร แต่อีกฝ่ายไม่โทร.มาเสียที สุดท้ายเธอคว้ากระเป๋าจะออกไปหาเขา ขณะกำลังจะเปิดประตูบ้านออกไป วิษธรเปิดเข้ามาพอดี
“จะไปไหนเหรอครับ”
“ธร ไปไหนมา ฉันโทร.ไปก็ไม่รับ”
“อ้าว คุณโทร.มาเหรอครับ พอดีผมยุ่งๆ”
วิษธรเดินมานั่งที่โซฟา ท่าทางอ่อนเพลีย
พรพจีลงนั่งด้วย ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“ยุ่งมากเลยเหรอคะ แค่รับโทรศัพท์ฉันยังทำไม่ได้ อย่างน้อยไลน์มาบอกบ้างก็ยังดี”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันโทร.หาคุณต้องมีเรื่องอะไรด้วยเหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น คุณดูไม่สบายใจ มีอะไรหรือเปล่า”
“แล้วคุณทำอะไรให้ฉันไม่สบายใจล่ะคะ โทร.ไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”
วิษธรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “จีอย่าเป็นแบบนี้สิครับ”
พรพจีโฑล่งขึ้น “หรือว่าคุณมีคนอื่น”
“จี! เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเลิกคิดมากเรื่องแบบนี้เสียที”
“รับโทรศัพท์ฉันสิคะ ฉันอยู่บ้านคนเดียวรอคุณกลับมา แต่พอฉันโทร.ไปคุณก็ไม่รับ ไลน์ไปคุณก็ไม่ตอบ จะไม่ให้ฉันกังวลได้ยังไง”
วิษธรเข้ามาโอบกอดปลอบใจ “ผมขอโทษ อย่าเครียดไปเลยนะ ผมบอกแล้วไงว่าผมมีคุณคนเดียว วันนี้ผมแวะไปดูคุณรินเท่านั้น ผมผิดเองที่ไม่ได้บอกคุณก่อน ยกโทษให้ผมนะครับ”
“แค่แวะไปดูคุณรินทำไมนานนักล่ะ”
“น้องจ๋าดูแลคุณรินจนเป็นลมไป ผมก็เลยไปช่วยดูแลน่ะ”
พรพจีมีสีหน้าตกใจ วิษธรเข้าใจผิดคิดว่าพรพจีเป็นห่วง
“แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ ผมให้หมอเช็คให้เรียบร้อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่พักผ่อนน้อย คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลน้องจ๋าแทนคุณเอง”
พรพจีสะบัดตัวออกจากวิษธรอย่างแรง “ไม่ต้อง”
“จี”
พรพจีหงุดหงิดและสับสนเรื่องวิษธรกับภัทร์ธีรายิ่งกว่าเดิม
“คุณจะไปยุ่งกับน้องจ๋าทำไม ลืมไปแล้วเหรอว่าน้องจ๋าไม่ชอบคุณ ไม่ว่าจะทำยังไงน้องจ๋าก็ไม่มีวันชอบคุณ”
“ก็คุณบอกให้ผมทำให้น้องจ๋าโอเคกับผมเองนี่ เรื่องของเราจะได้ง่ายขึ้นไง”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับน้องจ๋าอีก”
“ผมว่าวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ รอให้คุณสงบอารมณ์ได้ก่อนเราค่อยคุยกัน ผมกลับก่อนดีกว่า”
วิษธรลุกเดินออกไป พรพจีมองตามด้วยความเสียใจ
ขณะที่วิษธรจะเปิดประตูเดินออกไป พรพจีโผเข้ามากอดเขาไว้แน่นจากข้างหลัง
“อย่าไปเลยนะธร อยู่กับฉันก่อน”
วิษธรหยุดนิ่ง ไม่พูดอะไร
“คุณรู้ไหมว่าเวลาที่ไม่มีคุณฉันเหงาแค่ไหน มันทั้งเครียดแล้วก็สับสนไปหมด คืนนี้อยู่กับฉันเถอะนะคะ”
“ถ้าคุณอยู่คนเดียวไม่ได้ กลับไปรมย์ฤดีดีไหมครับ คุณรินจะได้อาการดีขึ้นด้วย”
พรพจีไม่พอใจละวงกอดออกจากวิษธร ตัดพ้อเสียงขุ่น
“คุณกำลังไล่ฉัน”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมพูดเพราะผมเป็นห่วงคุณนะ” วิษธรหันกลับมาหาดึงพรพจีเข้ามากอดเอาใจ “ผมไม่คิดจะไล่คุณไปไหนทั้งนั้น คุณก็รู้ว่าผมอยากอยู่กับคุณแค่ไหน แต่ผมอยากให้คุณอยู่อย่างมีความสุข ถ้ามาแล้วต้องเห็นคุณไม่สบายใจ ผมก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย”
พรพจีอ้อน “ถ้าคุณอยากให้ฉันสบายใจก็อยู่กับฉันที่นี่สิ”
“ผมบอกแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา ผมไม่อยากให้คุณเสียหาย”
“ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปส่งฉันข้างบนได้ไหมคะ”
พรพจีสบตาวิษธรมองเว้าวอน
“ได้สิครับ”
พรพจียิ้มย่องพอใจ
วิษธรเปิดประตูเข้ามาส่งพรพจีภายในห้องนอน พรพจีมองอย่างลึกซึ้งมีความหมาย
“ผมกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ” พรพจีดึงมือไว้รั้งร่างวิษธรเข้ามาใกล้ “ฉันอยากมองหน้าคุณให้เต็มที่” สาวใหญ่ลูบใบหน้าวิษธรอย่างแผ่วเบา “ฉันรักคุณนะคะ”
พร้อมคำหวานนั้นพรพจีค่อยๆ จับปากวิษธรอย่างยั่วยวน แล้วจูบวิษธรอย่างโหยหา สองมือลูบไล้เล้าโลม จนวิษธรเคลิ้มตาม ทั้งสองค่อยๆ เอนนอนลงไปบนเตียง พรพจีกำลังจะปลดกระดุมเสื้อวิษธร แต่เขาจับมือให้หยุด พรพจีมองฉงน
“เราไม่ควรทำแบบนี้ รอให้ผมทำทุกอย่างให้ถูกต้องก่อนนะ”
เขายื่นหน้าไปจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา แล้วจะผละตัวออก พรพจีไม่ยอมกอดคอรั้งไว้โน้มหน้าเข้าใกล้อีก
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะค่ะ ฉันอยากทำตามใจตัวเอง” พรพจีไล้ลูบแผงอกแกร่งวิษธรอย่างยั่วยวน “โลกมันเปลี่ยนไปแล้วเราอย่าแคร์คนอื่นมากกว่าความต้องการของตัวเองเลยนะคะธร” เธอจูบแก้มเขาเบาๆ บอกเสียงกระเส่า “ทำตามที่คุณต้องการเถอะนะ”
วิษธรโน้มหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบ แต่แล้วกลับหยุดกึกบอกว่า
“ผมต้องการทำให้มันถูกต้องเข้าใจผมนะครับ”
เขายิ้มหวาน แล้วลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“ผมกลับก่อนนะครับ ฝันดีครับ”
วิษธรจับมือพรพจีขึ้นมาจูบแล้วเดินจากไป พรพจีค้างเติ่งมองตามอย่างไม่สบอารมณ์
เมื่อวิษธรเดินเข้าบ้านมา ก็เจอดนัยนั่งเล่นมือถือรออยู่แล้วในห้องโถง เงยหน้าขึ้นมาทัก
“ไง ไอ้น้องชาย”
“มาไม่บอกก่อนเลยนะพี่”
“เดี๋ยวนี้พี่ชายมาต้องบอกล่วงหน้าด้วยใช่ไหม บ้านนี้คิวเยอะหรือไง” ดนัยสัพยอก
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ผมจะได้เตรียมอาหารไว้ต้อนรับ”
“เวอร์จริงๆ”
วิษธรหัวเราะ “ว่าแต่ พี่มีธุระด่วนอะไรหรือเปล่า ถึงลงมากรุงเทพฯ”
“แม่ฉันนะสิ บ่นถึงแกทุกวัน ก็แกเล่นไปบอกแม่ไว้ว่าจะจบเรื่องให้เร็วที่สุด แล้วจะรีบกลับไปดูแลน้าภา แม่ก็เลยเป็นห่วงว่าแกเสร็จเรื่องหรือยัง แล้วก็ไล่ให้ฉันลงมาดูแกเนี่ย” ดนัยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วตกลงจบได้หรือยัง”
วิษธรส่ายหน้า “ตอนนี้มีปัญหาหลายเรื่อง พรพจีหนีออกจากบ้าน คุณนรินทร์ก็เลยอาการทรุดเข้าโรงพยาบาล น้องจ๋าก็หักโหมทั้งงานแล้วก็เรื่องดูแลคุณนรินทร์ก็เลยป่วยไปอีกคน”
“แล้วไง แกเป็นห่วงเขาเหรอ”
“ถึงยังไงผมก็ยังมีมโนธรรม”
“เป็นห่วงเพราะมโนธรรมกับเป็นห่วงเพราะหลงรักน่ะ ไม่เหมือนกันนะ” ดนัยดักคอเอา
“พูดอะไรของพี่”
ดนัยมองเหล่ “อย่ามาตีมึน แน่ใจนะว่าไม่ได้หลงรักใครเข้าจริงๆ”
วิษธรรีบเปลี่ยนเรื่อง “ง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะครับ ถ้าพี่หิวก็ไปเปิดตู้เย็นดู”
ขณะจะเดินขึ้นห้องนอน วิษธรนึกบางอย่างขึ้นได้
“เอ่อพี่ ช่วงนี้ผมขอสลับรถใช้กับพี่นะ”
ยังไม่ทันที่ดนัยจะอ้าปากถามอะไร วิษธรก็รีบเดินหนีออกไปโดยเร็ว ดนัยมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เช้าวันใหม่ นรินทร์นอนหลับอยู่บนเตียงห้องพักฟื้น มีภัทร์ธีรานอนเฝ้าเช่นเคย สักครู่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ภัทร์ธีรางัวเงียตื่นรับสายทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“สวัสดีค่ะ” ข้อความทางปลายสายปลุกให้ภัทร์ธีราสะดุ้งตื่นเต็มตา เผลออุทานเสียงดัง “เจอแล้วเหรอคะ”
ภัทร์ธีรารู้ตัวมองไปยังเตียงเห็นนรินทร์ยังหลับอยู่ จึงลดเสียงลง
“สักครู่นะคะ”
ภัทร์ธีรารีบเดินออกไปอย่างเงียบๆ กลัวจะทำให้นรินทร์ตื่น
หลังเสียงปิดประตูลง นรินทร์ที่เหมือนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองตามภัทร์ธีราไปด้วยแววตาสงสัย
ภัทร์ธีราเดินออกมาหน้าห้องรีบพูดโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“ค่ะคุณพิภพ คุณบอกว่าเจอที่อยู่ของอาจีที่ไหนคะ”
“อยู่แถวบางนาครับ เดี๋ยวผมจะส่งโลเคชั่นไปให้”
ภัทร์ธีราได้ค่ะ เอ่อ คุณพิภพคะ อาจีหนีไปคนเดียวหรือว่า...
“คุณธรน่าจะเป็นคนพามาครับ เหมือนเขาจะสงสัยด้วยว่ามีคนสะกดรอยตามอยู่”
ภัทร์ธีรามีสีหน้าเจ็บปวดแว่บหนึ่งที่รู้ว่าพรพจีหนีมากับวิษธร
“คุณจ๋าจะเอายังไงต่อครับ ให้ผมตามดูคุณจีต่อไปหรือคุณจ๋าจะมาหาคุณจีเอง”
“จ๋าจะไปหาอาจีเองค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นต้องรีบหน่อยแล้วล่ะครับ ผมกลัวคุณจีจะรู้ตัวซะก่อน”
“ได้ค่ะ จ๋าจะไปเดี๋ยวนี้”
ภัทร์ธีราวางโทรศัพท์ลงด้วยสายตาแน่วแน่
นรินทร์นอนลืมตาอยู่บนเตียง สายตาสงสัย เสียงภัทร์ธีราเปิดประตูเข้ามา นรินทร์แกล้งหลับตาลง
ภัทร์ธีราเดินมาข้างเตียงจับแขนนรินทร์แล้วเรียกเบาๆ “อารินคะ”
นรินทร์แสร้งลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนเพลีย
“จี”
“จ๋าเองค่ะอาริน”
“น้องจ๋า”
ภัทร์ธีราเศร้าสงสารนรินทร์ “วันนี้จ๋ามีธุระด่วนที่โรงแรม เดี๋ยวจ๋าจะรีบไปรีบกลับ ระหว่างที่จ๋าไม่อยู่จะให้พี่ดามาดูแลอารินแทนจ๋าไปก่อนนะคะ”
นรินทร์แปลกใจ “ทำงาน”
“ค่ะทำงาน”
นรินทร์ตีหน้าเศร้า “แล้วจีล่ะ น้องจ๋าไม่พาจีกลับมาอาเหรอ”
ภัทร์ธีราจับมือนรินทร์ปลอบ “ไม่ต้องห่วงเรื่องอาจีนะคะ อาจีจะต้องกลับมา”
“น้องจ๋ารู้ได้ยังไง”
“เพราะจ๋าจะตามหาอาจีให้เจอค่ะ”
ภัทร์ธีรามองนรินทร์ด้วยสายตาแน่วนิ่ง นรินทร์พยักหน้าอย่างพอใจ
ภัทร์ธีราเดินออกจากตึกผู้ป่วยด้วยความรีบร้อน สรัชเดินเข้ามาเห็นเข้าจึงเดินปรี่เข้าไปหา
“น้องจ๋า”
“พี่เอ้ คือ ตอนนี้จ๋ามีธุระด่วน ขอตัวก่อนะคะ”
ภัทร์ธีรากำลังจะเดินไป สรัชคว้ามือไว้
“พี่ขอโทษที่ห้ามแม่ไม่ได้ อย่าโกรธพี่เลยนะคะ”
“พี่เอ้คะ ไว้ค่อยคุยกันวันอื่นเถอะนะคะ”
“ไม่ค่ะ พี่ไม่อยากปล่อยให้น้องจ๋าโกรธพี่นานๆ แค่วันเดียวพี่ก็ทนไม่ได้”
ภัทร์ธีราอึดอัด “โอเค จ๋าไม่โกรธพี่เอ้แล้วค่ะ”
“จริงเหรอคะ”
“ค่ะ ทีนี้ให้จ๋าไปได้หรือยัง”
“พี่อยากจะขอเข้าไปเยี่ยมอาริน”
ภัทร์ธีราพูดสวนออกไปว่า “จ๋าจะไปทำธุระข้างนอก พี่เอ้ไปเยี่ยมอารินคนเดียวได้เลย ไปก่อนนะ
คะ”
ภัทร์ธีรารีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว สรัชงง
“น้องจ๋า...งั้นเดี๋ยวพี่โทร.หานะคะ”
สรัชตะโกนไล่หลังไปสีหน้าเศร้า
พิภพกับภัทร์ธีรามาถึงหน้าบ้านพักของพรพจีย่านบางนา ทั้งสองมองเข้าไปเห็นบรรยากาศเงียบของบ้านทั้งหลัง คล้ายกับไม่มีคนอยู่ พิภพกวักมือเรียกภัทร์ธีราให้ตามไปในจุดอับสายตาที่เขาเคยมาแอบดูประจำ
ภัทร์ธีราตามมา “ที่นี่แน่เหรอคะ”
“ไม่ผิดแน่ครับ”
“เงียบจังเลยนะคะเหมือนไม่มีคนอยู่”
“ส่วนใหญ่ คุณจีจะอยู่เงียบๆ ในบ้านน่ะครับ”
“งั้นเราเข้าไปตามอาจีกันเลยไหมคะ”
“เดี๋ยวครับ”
ภัทร์ธีราชะงัก หยุดมองพิภพด้วยความสงสัย
“ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปคุณจีไหวตัวทัน หนีไปก่อนเราจะแย่”
“แล้วเราควรทำยังไงดีคะ”
“ผมจะเข้าไปกดกริ่งก่อน คุณจีไม่รู้จักผมน่าจะออกมาเปิดประตูให้ พอคุณจีออกมา คุณจ๋าค่อยออกไปนะครับ”
“โอเคค่ะ”
พิภพเดินออกไปหน้าบ้านหันมาพยักหน้าถามความพร้อม ภัทร์ธีราพยักหน้าตอบรับ พิภพจึงกดกริ่ง ภัทร์ธีราแอบมอง กลั้นหายใจลุ้น แต่กลับไม่มีใครออกมาสักที
ภัทร์ธีราหันไปมองพิภพเชิงถาม พิภพส่ายหน้า แล้วจึงลองกดกริ่งอีกครั้ง อีกครั้งรัวๆ แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาอยู่ดี
“หรือว่าอาจีจะไม่...” ภัทร์ธีรามองไปทางถนนร้องบอกด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “คุณพิภพหลบเร็ว มีคนมา”
พิภพหลบวูบอย่างนักสืบมืออาชีพ รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาเป็นรถดนัยที่วิษธรเอามาใช้ เลี้ยวเข้าไปจอดในบ้าน วิษธรเปิดประตูลงมาจากรถ เดินเข้าไปด้านใน
ภัทร์ธีราเสียใจ “นายจริงๆ ด้วย”
“คราวนี้คุณจีออกมาแน่ครับ”
สีหน้าภัทร์ธีราเต็มไปด้วยความกังวลใจ
วิษธรเดินเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าแปลกใจที่พบว่าวันนี้บ้านเงียบผิดปกติ เขาเที่ยวเดินดูพร้อมเรียกหา
“จี จีครับ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ “จีครับ คุณอยู่หรือเปล่า”
วิษธรยิ่งแปลกใจ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากำลังจะกดโทร.ออก
เสียงภัทร์ธีราดังขึ้น “จะโทร.หาอาจีเหรอ”
วิษธรหันมาทางเสียง เจอภัทร์ธีรายืนหน้าถมึงทึงอยู่กับพิภพตรงประตูบ้าน
“คุณพาอาจีมาอยู่ที่นี่เองสินะ”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
“อย่ามาทำมึน ก็เห็นอยู่ว่าคุณเข้ามาในบ้านแล้วก็เรียกหาอาจีอยู่ปาวๆ คุณนั่นแหละเป็นคนซ่อนอาจีไว้”
วิษธรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมไม่ได้เป็นคนซ่อน ผมก็มาตามหาคุณจีเหมือนพวกคุณนั่นแหละ แล้วคนที่ตามหาจะเข้ามาในบ้าน หรือตะโกนเรียกมันแปลกตรงไหน พวกคุณก็กำลังจะทำอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ”
พิภพมองจ้องหน้าวิษธร “แล้วทำไมนายต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ทำไมไม่ขับรถตัวเอง กลัวจะถูกสะกดรอย
ตามหรือไง”
วิษธรรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือภัทร์ธีรา เขาอดยิ้มขำในความอวดเก่งของเธอไม่ได้
“คุณคิดว่านักสืบมีคนเดียวในโลกเหรอครับ” วิษธรมองพิภพอย่างรู้ทัน “คุณยังสืบจนรู้ได้เลยนิว่าคุณจีอาจจะอยู่ที่นี่ แล้วทำไมผมจะสืบบ้างไม่ได้ ถ้าผมเจอคุณจีที่นี่จริงๆ ผมก็แค่อยากจะช่วยเจรจาให้เขากลับบ้านก็เท่านั้นเอง”
“โกหก” ภัทร์ธีราไม่เชื่อรีบบอกพิภพ “คุณพิภพคะช่วยจ๋าหาอาจีเถอะค่ะ อาจีอาจจะหลบอยู่ หรือไม่ก็อาจจะเจอเบาะแสบางอย่าง”
พิภพพยักหน้ารับเอาคำ สองคนเดินออกไปตามหา
วิษธรนิ่งคิด สงสัยว่าพรพจีหายไปไหนแต่เช้าขนาดนี้
ภัทร์ธีราชะเง้อเข้าไปมองที่ห้องครัวแล้วตะโกนเรียกหา
“อาจี” ในนั้นไม่มีพรพจี ภัทร์ธีรามีสีหน้าผิดหวัง
ส่วนพิภพเปิดประตูพรวดเข้าไปดูในห้องน้ำชั้นล่างเรียกหา
“คุณจี” พิภพเดินเข้าไปตรวจดูตามซอกหลืบต่างๆ ที่พอจะซ่อนตัวได้ พอไม่เห็นก็ตะโกนบอกภัทร์ธีรา “ห้องน้ำไม่มีครับ”
ถัดมาพิภพเปิดประตูพรวดเดินนำเข้ามาในห้องนอน ภัทร์ธีราพุ่งไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าดู ส่วนพิภพเดินไปเปิดม่านสำรวจดูภายนอก ภัทร์ธีราตรวจดูเสื้อผ้าในตู้ ไม่มีเสื้อผ้าอยู่เลยสักตัว
พิภพตรวจดูโต๊ะเครื่องแป้งไม่มีของใช้ผู้หญิงเลยสักชิ้น เอานิ้วป้ายไปบนโต๊ะเห็นคราบแป้งบางๆ เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
วิษธรเดินตามเข้ามา
“เจออะไรไหมครับ”
ภัทร์ธีรามองค้อนหมั่นไส้วิษธรที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ ก่อนจะหันไปทางพิภพ
“คุณพิภพคะ ไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิงเลยค่ะ”
“ครับ ผมไปดูในห้องน้ำก็ไม่มีของใช้ของผู้หญิง เครื่องสำอางก็ไม่มี”
“ถ้าอย่างนั้นคุณจีก็ไม่ได้อยู่ที่นี่” วิษธรบอก
“หรือเคยอยู่แต่ไม่อยู่แล้ว” พิภพว่า
“คุณจะแน่ใจได้ยังไงครับ ก็คุณบอกเองนี่ว่าไม่มีของใช้อะไรที่จะยืนยันได้ว่าคุณจีอยู่ที่นี่จริง”
พิภพยื่นรูปในมือถือที่เขาแอบถ่ายไว้ให้วิษธรดู
“หวังว่าสิ่งนี้จะยืนยันได้นะครับ”
วิษธรดูเป็นรูปเป็นตอนที่พรพจีกำลังเดินออกมาจากบ้าน วิษธรมองประเมินว่าพิภพจะถ่ายรูปอะไรไว้ได้อีกบ้าง ภัทร์ธีรามองสะใจที่เห็นวิษธรจนมุม
“คุณจีคงรู้ตัว เลยหนีไป งั้นเราก็คงต้องตามหากันต่อไป”
ภัทร์ธีราโมโห “เรา คุณรู้ดีแก่ใจแท้ๆว่าอาจีอยู่ไหน ยังแกล้งทำหน้าซื่อได้อีก หน้าไม่อายจริงๆ”
“คุณไม่เชื่อก็ตามใจ หลังจากนี้เรื่องตามหาคุณจีก็ยกให้เป็นหน้าที่ของ นักสืบ ไปก็แล้วกัน”
วิษธรมองพิภพอย่างท้าทาย พิภพตีหน้าตายไม่รับเอาคำ วิษธรหัวเราะหึๆ
ภัทร์ธีรานึกสงสัยว่าวิษธรรู้ตัว และพาพรพจีหนีไปอีกหรือเปล่า
ร้านอาหารของสรัชคึกคักตั้งแต่เปิดให้บริการ มีลูกค้าเข้ามาทานอาหารไม่ขาดสาย
โรจนาเดินดูแลลูกค้าตามโต๊ะอาหาร ทุกคนมีท่าทางพอใจมาก และต่างก็ชื่นชมรสชาติอาหาร
“อาหารเป็นยังไงบ้างคะ”
“อร่อยมากทุกอย่างเลยค่ะ หน้าตาก็สวย ฉันโพสต์ลงเฟซมีแต่คนเข้ามาชม”
“ขอบคุณนะคะ ดีใจที่ชอบค่ะ”
สรัชเดินเข้าร้านมา สีหน้าเครียดเคร่ง กังวลเรื่องภัทร์ธีราไม่หาย มองไปเห็นโรจนากำลังยิ้มแย้มทักทายลูกค้าก็พอยิ้มออกมาได้ เชฟโรสหันไปเห็นสรัชก็ยิ้มกว้างให้เชิงทักทาย รีบขอตัวกับลูกค้า
“ทานให้อร่อยนะคะ”
โรจนาเดินยิ้มเข้ามาสรัช
“กินข้าวมารึยังคะ” สรัชส่ายหน้า “งั้นเดี๋ยวโรสทำอะไรให้กิน”
“ขอบคุณนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ โรสอยากลองอาหารสูตรใหม่ด้วย” โรจนาหัวเราะขำๆ
“ผมขอบคุณที่โรสช่วยดูแลร้านอย่างดี และก็ทำอาหารอย่างเต็มที่ด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเต็มใจทำ อ้อ พอดีมีรายการทีวีติดต่อขอถ่าย ให้เราเลือกเมนูอาหารไปสอนหนึ่งอย่างด้วย โรสว่าเป็นโอกาสที่ดีนะคะ จะได้โปรโมทร้านด้วย”
สรัชยิ้มเนือยๆ “ดีเลยครับ คุณโรสจัดการนัดได้เลยนะครับ”
โรจนามองหน้าสรัชเห็นสีหน้าเครียดก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ คุณดูเครียดๆ หรือว่าคืนดีกับจ๋าไม่สำเร็จ”
“สำเร็จครับ”
“ถ้าอย่างงนั้นก็ดีแล้วนี่คะ”
“แต่... คือ...”
“ไม่เป็นไรค่ะ เล่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” เชฟโรสนึกขึ้นได้ “โรสมีวิธีคลายเครียดมาเสนอด้วยนะ สนใจไหม”
“ยังไงครับ”
โรจนายิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัย สรัชมองฉงนฉงาย
ภัทร์ธีราเพิ่งมาถึงโรงแรมกำลังจะเดินไปที่ห้องทำงาน จรัลเดินผ่านมาจึงเอ่ยทักทาย
“คุณจรัลคะ”
“ครับคุณจ๋า” จรัลเดินมาหา
“เรื่องโคมไฟที่ให้ปรับแบบ เขาส่งแบบมาให้เลือกหรือยังคะ”
“ส่งมาแล้วครับ”
“คุณจรัลช่วยส่งให้จ๋าเลยนะคะ จ๋าจะได้เลือกแบบแล้วรีบส่งให้โรงงานผลิต”
“คือ...คุณจีตัดสินใจเลือกไปเรียบร้อยแล้วครับ”
ภัทร์ธีรามองจรัลด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“ใครเป็นคนเลือกนะคะ”
ภัทร์ธีราเปิดประตูพรวดเข้ามาร้องหาพรพจีด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
“อาจี” พอมองเห็นว่ามีพนักงานคุยอยู่กับพรพจีอยู่ “ขอโทษค่ะ”
พรพจีสั่งกับพนักงานว่า “ไม่มีอะไรแล้วล่ะจ้ะ ไปทำงานต่อเถอะ”
พนักงานพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ภัทร์ธีราตรงเข้ามากอดพรพจีด้วยความดีใจ
“อาจี อาจีจริงๆ ด้วย อาจีไปไหนมาคะ จ๋าตามหาไปทั่ว แต่ก็ไม่เจอ” ภัทร์ธีราตื้นตันจนน้ำตาคลอ “จ๋านึกว่าอาจีจะไม่กลับมาเสียแล้ว”
พรพจีกอดภัทร์ธีราตอบด้วยความรู้สึกสับสน
“ตอนอาจีไม่อยู่ รู้ไหมคะว่าอารินแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว อารินเสียใจมากที่อาจีทิ้งไป...”
ได้ยินชื่อนรินทร์ พรพจีผละออกจากภัทร์ธีราอย่างไม่พอใจ
“นี่น้องจ๋าว่าอาทิ้งเขาไปงั้นเหรอ”
“อาจีก็รู้ว่าอารินรักอาจีมาก พออาจีไม่อยู่ อารินแทบจะอยู่ไม่ได้”
“น้องจ๋ากำลังโทษว่าเป็นความผิดของอาเหรอ อาแค่อยากหลบไปพักสมองจากเรื่องเครียดๆ สักพักก็ไม่ได้เลยใช่ไหม ทุกอย่างต้องเป็นความผิดอาทั้งหมดเลยใช่ไหม แล้วนี่อาก็กลับมาแล้ว จะเอาอะไรกับอาอีก”
พรพจีเผลอตัวขึ้นเสียงใส่อารมณ์กับภัทร์ธีราด้วยความหงุดหงิด เนื่องเพราะเริ่มระแวงความสัมพันธ์ระหว่างภัทร์ธีรากับวิษธร
ภัทร์ธีราตกใจมาก พรพจีไม่เคยพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน
“จ๋าขอโทษค่ะ ที่พูดแรงเกินไป”
พรพจีเริ่มรู้สึกตัว “อาเข้าใจว่าน้องจ๋าเครียด ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ตอนนี้อาก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ”
“ค่ะอาจี”
“งานที่โรงแรมเดี๋ยวอาดูแลเอง น้องจ๋าไปดูแลอารินเถอะจ้ะ”
“ค่ะ”
ภัทร์ธีราเดินออกไป พรพจีมองตามอย่างกังวล
ทันทีที่ฟังจบ นรินทร์ลุกขึ้นนั่งกุมมือภัทร์ธีราด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“จริงเหรอน้องจ๋า”
“จริงค่ะ ตอนนี้อาจีทำงานอยู่ที่โรงแรมค่ะ”
“งั้นเหรอ” นรินทร์ลอบยิ้มอย่างสะใจ ขณะลูบหัวภัทร์ธีราเบาๆ “น้องจ๋าหลานอาเก่งที่สุด ที่ตามอาจีกลับมาให้อาได้”
“จ๋าไม่ได้ทำไรเลยค่ะ อาจีกลับมาเอง”
นรินทร์แปลกใจ จิรดาเองก็แปลกใจด้วยเช่นกัน
“กลับมาเองเลยเหรอ”
ภัทร์ธีราพยักหน้า
จิรดาบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “ทำไมถึงกลับมาเร็วนัก”
ภัทร์ธีราได้ยิน “ก็ดีแล้วนี่คะ อาจีกลับมาอารินจะได้สบายใจ”
จิรดาหันมายิ้มให้ “จริงด้วยค่ะ โล่งอกไปทีนะคะ”
ภัทร์ธีรายิ้มบอกกับนรินทร์ว่า “เห็นไหมคะ จ๋าบอกแล้วว่าอาจีต้องกลับมา”
นรินทร์พยักหน้าอย่างพอใจ
“อย่างนี้ คุณรินก็กลับไปพักที่บ้านได้แล้วน่ะสิคะ” จิรดาถามขึ้น
“ถามอาการกับคุณหมอก่อนดีไหมคะ”
“ไม่เป็นไรอาหายแล้ว อาอยากรีบกลับไปหาอาจี น้องจ๋าเข้าใจใช่ไหม คุณดาเก็บของเลย”
“ได้ค่ะ”
จิรดากุลีกุจอไปเก็บของ นรินทร์ยิ้มสมใจ
ภายในร้านอาหารหรูแห่งนั้น พรพจีนั่งกินข้าวกับวิษธรด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิษธรมองประเมินท่าที ก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
“ทำไมอยู่ๆ ก็ออกจากบ้านมาไม่บอกผมซักคำ”
พรพจีมองยิ้มๆ “โกรธเหรอคะ ก็คุณอยากให้ฉันกลับมาไม่ใช่เหรอ”
“จี นี่คุณกลับมาเพราะประชดผมเหรอ”
พรพจีหัวเราะขำๆ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ฉันดูเป็นคนชอบประชดประชันขนาดนั้นเลย”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงยอมกลับมาล่ะครับ”
“มาดูน้องจ๋าน่ะค่ะ”
วิษธรมองฉงนสะดุดหูแปลกๆ
“ฉันหมายถึง มาดูแลน้องจ๋าน่ะ ฉันเป็นห่วงเขา ไหนจะต้องดูแลโรงแรม ไหนจะต้องดูแลคุณรินอีก กลัวเขาจะไม่ไหว”
“ผมนึกว่าเป็นห่วงคุณรินด้วยเสียอีก”
“คุณหึงเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ คุณรินเขาน่าสงสารน่ะ”
“คนแบบนั้นเนี่ยนะน่าสงสาร คุณก็เห็นว่าเขาทำอะไรกับฉันบ้าง แต่ต่อไปนี้ฉันจะไม่แคร์เขาอีกแล้ว ถ้าเขายังทำร้ายจิตใจฉันอีก ฉันจะไม่เกรงใจอีกต่อไป”
“คุณจะทำอะไรครับ”
“ฉันทำได้หลายอย่างเลยค่ะ เราอย่าคุยเรื่องเครียดบนโต๊ะอาหารเลยนะ กินข้าวต่อเถอะค่ะ”
พรพจีตักอาหารเอาใจ วิษธรอดนึกสงสัยท่าทีอีกฝ่ายไม่ได้
ภัทร์ธีรายืนชะเง้อคอยพรพจีกลับบ้าน สวาทเดินมาจากทางครัวหยุดมองด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินเข้ามาหา
“นั่งคอยดีๆ ก็ได้ค่ะคุณจ๋า ชะเง้อคอทุกๆ ห้านาทีแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดคอหรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ทำไมอาจียังไม่กลับอีก จ๋าโทร.ไปถามที่โรงแรมบอกว่าออกมานานแล้ว”
“คงรถติดแหละค่ะ”
“อ้อ ป้าหวาดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ภัทร์ธีรายิ้มร่า "มีของโปรดอาจีครบทุกอย่างนะคะ"
“ครบตามที่คุณจ๋าขอทุกอย่างค่ะ ไม่ต้องห่วง” สวาทจับมือภัทร์ธีรา “รับรองว่าถ้าคุณจีได้กินอาหารของป้ามื้อนี้จะต้องติดใจ ไม่ไปไหนอีกแน่นอน ป้าทำสุดฝีมือเลยนะคะ”
ภัทร์ธีราหัวเราะออกมาได้ สวาทยิ้มดีใจ เมื่อเห็นรถพรพจีเข้ามาจอดหน้าตึก
“คุณจีมาแล้วคะ”
ภัทร์ธีรามีสีหน้าโล่งใจ พรพจีเดินเข้าบ้านมา
“อาจี กลับมาแล้วเหรอคะ กินข้าวด้วยกันนะคะ วันนี้ป้าหวาดเตรียมแต่ของที่อาจีชอบทั้งนั้นเลย”
“คุณจ๋าสั่งป้าเป็นพิเศษเลยนะคะ คุณจีจะรับเลยไหมคะ” สวาทถามเอาใจ
“ขอบใจนะจ๊ะทุกคน น่าเสียดายที่ฉันอิ่มมาแล้ว เอาไว้วันหลังนะจ๊ะฉันขอขึ้นไปพักก่อนนะ”
พรพจีเดินออกไป ภัทร์ธีรามองตามด้วยความน้อยใจ สวาทลูบแขนปลอบ
พรพจีกำลังจะเดินขึ้นบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วต้องชะงักหยุดเดิน แววตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา เมื่อเจอนรินทร์เลื่อนรถเข้ามาหา
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ก็เห็นแล้วนี่คะ ขอตัว”
“ทำไม่ไม่กินข้าวเย็นพร้อมกัน”
“ฉันกินมาแล้ว”
“อ้อ กิน มาแล้วสินะ กิน กับใครล่ะ”
“ฉันจะ กิน กับใครมันก็เรื่องของฉัน”
“ไอ้วิษธรเหรอ”
“ถ้าเป็นธรแล้วคุณจะทำไม” พรพจีย้อนถาม
“หนีไปกินกับมันมาเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่หนำใจอีกเหรอ”
“แล้วคุณจะทำอะไรได้ คุณห้ามฉันไม่ได้อีกแล้วคุณริน ฉันกลับมาครั้งนี้ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ ถ้าไม่ได้ ฉันก็จะไม่อยู่ที่นี่อีก ฉันพร้อมจะไปตลอดเวลาอยู่แล้ว คุณก็ลองห้ามฉันดูสิ แล้วฉันจะไม่กลับมาอีกเลย”
“กล้าขู่ฉันเหรอ”
พรพจีจ้องหน้า “ฉันไม่ได้ขู่ ฉันพูดจริง ถ้าไม่เชื่อคุณจะลองดูก็ได้”
“มึง” นรินทร์ทุบขาตัวเองระบายอารมณ์ “โธ่เว้ย”
พรพจีมองด้วยสายตาสมเพชแว่บหนึ่งแล้วออกไปโดยไม่แยแส ทิ้งให้นรินทร์มองตามด้วยความโกรธแค้นสุดจะประมาณ
ในห้องนอนนรินทร์ยามนี้ จิรดากำลังช่วยนรินทร์ทำกายภาพบำบัดก่อนนอนโดยการยกขาขึ้นลง สองคนคุยกันและตั้งข้อสังเกตเรื่องพรพจี
“เป็นไปได้นะคะที่คุณจีจะไปกินข้าวกับคุณธรมา ถึงได้ระริกระรื่นเชียว”
“ใช่ แล้วก็ยังแปลก”
“อะไรแปลกเหรอคะ หรือว่าคุณรินก็รู้สึกเหมือนดา”
“ใช่”
จิรดาเปลี่ยนมายกขานรินทร์อีกข้าง
“อยู่ๆ คุณจีก็กลับมาเอง ทั้งที่ตอนแรก ทำท่าเหมือนจะไม่มีวันกลับมา หรือว่า...”
นรินทร์เสริมว่า “หรือว่าจะมีเหตุผลอะไรแอบแฝง”
“อาจจะมีแผนอะไรบางอย่าง”
จิรดาวางขาลง แล้วมองหน้านรินทร์อย่างมั่นใจ
“ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงกลับมาเร็วนัก”
จิรดายื่นดัมเบลน้ำหนักเบาให้นรินทร์ออกกำลังแขน
“คุณดาไปสืบมาให้ฉันหน่อย ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าจีมีแผนอะไรกันแน่”
“จัดให้ค่ะ”
นรินทร์ค่อยๆ ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะออกกำลังกายอย่างช้าๆ จิรดายิ้มร้ายเต็มใบหน้า
เช้าวันใหม่ อรดี และ อิชยา กำลังนั่งรอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหาร อิชยานั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลา ส่วนอรดีอ่านไลน์จากสวยแล้วหัวเราะคิกคักสมใจ อิชยามองพี่สาวแล้วนึกสยอง
“พี่ดี้ยังโอเคอยู่นะคะ”
“ฉันโอเคสิ โอเคมากด้วย เพราะอะไรรู้ไหม”
“ผู้ชายตอบไลน์มั้ง”
“ไม่ใช่ย่ะ อาจีของแกกลับรมย์ฤดีเรียบร้อยแล้ว”
อิชยาแปลกใจ “จริงเหรอคะ”
“จริงแท้แน่นอน”
อิชยามองอรดีด้วยแววตาสงสัย “หลายครั้งแล้วนะที่พี่ดี้รู้เรื่องในบ้านนั้นก่อนยา หรือว่าพี่ดี้...”
อรดีระแวง “ฉันทำไม”
“แอบไปติดเครื่องดักฟังไว้เหรอ ทำแบบนั้นไม่ดีนะคะ”
“ไม่ใช่ย่ะ จะบ้าเหรอ”
“ถ้าไม่ใช่แล้วพี่ดี้รู้ได้ยังไง ยาเป็นเพื่อนสนิทจ๋า ยังไม่รู้เลย”
“ก็แกมัวแต่มุดหัวอยู่ในกะลาจะไปรู้เรื่องอะไรกับชาวบ้านเขาล่ะ”
“ก็ยาไม่ชอบกินเผือกนี่คะ”
“นี่แกว่าฉันเหรอ” อรดีโมโหหยิกเอวอิชยาเต็มแรง “นี่แน่ะ”
“โอ้ย! เจ็บนะ”
คุณอุรายกอาหารจากครัวมาวางที่โต๊ะ เอ็ดสองสาว
“พอได้แล้ว ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้ เรื่องคุณธรอีกหรือไง”
อิชยาเกาะแขนอุราไว้แน่น “พี่ดี้บอกว่าอาจีกลับมาแล้ว พี่ดี้รู้ได้ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ”
อุไรจ้องหน้าลูกสาว “ฝีมือเราใช่ไหมดี้”
อรดีเชิดหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับเขาเสียที ทำตัวเหลวไหลขึ้นทุกวัน ตั้งแต่อ้นเสียไปแทนที่จะทำตัวให้มีค่าขึ้น กลับลดตัวเองต่ำลง...”
อรดีฉุนกึก “ยังไง อีแก่ที่มีผัวเป็นตัวเป็นคนอยู่แล้ว ยังจะมากิ๊กกับผู้คราวลูกก็ต่ำกว่าดี้เยอะค่ะ”
“ทำไมต้องแข่งว่าใครมีเรื่องแย่กว่าใครด้วย ทำไม่ไม่แข่งกันว่าใครทำดีมากกว่าใครล่ะลูก”
อรดีกลอกตารำคาญ อุราส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
อีกฟาก ดนัยนั่งกินข้าวเช้าอยู่กับวิษธรที่โต๊ะอาหารในบ้าน รู้เรื่องจากน้องชายแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ เร็วกว่าที่คิดไว้นะ”
“เขาบอกว่าเป็นห่วงน้องจ๋า กลัวจะดูแลทั้งงานโรงแรมแล้วก็นรินทร์ไม่ไหว”
“แล้วแกก็เชื่อ”
วิษธรส่ายหน้า “ที่ผ่านมาผมเคยขอให้กลับ แต่เขาไม่ยอม แล้วอยู่ๆ ก็กลับมาเอง”
“มันก็น่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ”
“ต้องมีเหตุผลอื่นแน่”
“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่าเป็นเพราะอะไร”
“ตอนนี้ยังครับ”
“พรพจีไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ ระวังไว้หน่อยแล้วกัน” ดนัยเตือน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมเตรียมตัวไว้แล้ว”
ดนัยมองวิษธรอย่างเข้าใจและเห็นใจ วิษธรตักอาหารทานต่อไปเงียบๆ
ในเวลาต่อมาสองคนนั่งจิบกาแฟอยู่ด้วยกันในล็อบบี้โรงแรม วิษธรนั่งใจลอยคิดอะไรอยู่นานแล้ว จนพรพจีที่นั่งตรงข้ามมองมาอย่างสงสัย
“ธร ธรคะ”
“ครับ”
“คิดอะไรอยู่คะ”
“คิดว่าจะตอบคุณยังไงดี”
“ตอบตกลงไงคะ”
“แต่...”
“ธาราขาดคุณไม่ได้ หลังจากคุณออกผลประกอบการก็แย่ลงมาก ฉันกลัวโรงแรมจะกลับไปเป็นเหมือนคราวก่อน คุณจะไม่กลับมาช่วยเหรอคะ ตกลงเถอะนะคะ”
“ผมจะตกลงกลับมาทำงานได้ยังไงครับ ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงแรมไม่อนุญาตให้ผมกลับมา”
“คุณรินทำงานไม่ได้เพราะป่วย น้องจ๋าก็ทำไม่ไหวแน่ คุณจะทิ้งให้ฉันจัดการคนเดียว ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ แค่คุณตกลงไม่ต้องกังวลอะไร เรื่องคุณรินเดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันจะไม่ยอมให้คุณรินคัดค้านได้อีกแล้ว กลับมานะคะ แล้วฉันจะฟ้องหย่าเขา เราจะแต่งงานกัน นะ”
“แล้วน้องจ๋าล่ะครับ”
“ฉันมีวิธีจัดการ คุณไม่ต้องห่วง นะคะธร”
พรพจีกุมมือเขาไว้ วิษธรมีสีหน้ายุ่งยากลำบากใจ
พรพจี ภัทร์ธีรา และพนักงานคุยหารืองานกันอยู่ในตรงโซฟาในห้องทำงานพรพจี จนได้ข้อสรุป
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว วันนี้พอแค่นี้จ้ะ”
หลังจากทุกคนออกไปแล้ว ภัทร์ธีราก็เอ่ยถามขึ้น
“อาจีคะ ข้อมูลของบริษัททัวร์ ถ้าเป็นรายใหม่เราต้องดีลอะไรเพิ่มเติมไหมคะ”
“จริงๆ ส่วนมีหลายส่วนที่ต้องรู้นะจ๊ะ อาว่าให้ธรแนะนำน่าจะดีที่สุด เพราะธรถนัดเรื่องนี้”
ภัทร์ธีราแปลกใจ “อาจีบอกจ๋าก็ได้นี่คะ จ๋าไม่อยากไปหาเขาที่บ้าน”
“แล้วใครบอกว่าให้น้องจ๋าไปหาเขาที่บ้านล่ะจ๊ะ”
วิษธรเปิดประตูเดินยิ้มเผล่เข้ามาในจังหวะนี้
“สวัสดีครับ”
ภัทร์ธีราถามเสียงขุ่น “มาที่นี่ทำไม”
“อาให้เขามาช่วยฝึกงานให้น้องจ๋าไง”
ภัทร์ธีรางง “อีกแล้วเหรอคะ”
“มีหลายเรื่องที่น้องจ๋ายังไม่รู้ และควรรู้ หรือน้องจ๋าจะหาทางแก้ปัญหาเอง”
“จ๋าจะหาทางเองค่ะ จ๋าคิดว่าจ๋าทำได้...”
พรพจีสวนขึ้นมาว่า “อย่าเลย มันเสียเวลา ให้ธรช่วยเถอะ เพราะอาจะให้ธรกลับมาทำงานอีกครั้ง”
ภัทร์ธีราไม่พอใจ มากกว่าตกใจ “อาจี แล้วอารินล่ะคะ ถ้าอารินรู้”
“อาไม่สน อาไม่สามารถมานั่งแคร์ความรู้สึกใครแล้วปล่อยให้โรงแรมล้มไปต่อหน้าได้หรอก ตอนนี้อาแคร์แค่งานเท่านั้น”
ภัทร์ธีรามีสีหน้ากังวล วิษธรยิ้มเป็นมิตรมาให้
ในห้องทำงานภัทร์ธีรา สองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน บนโต๊ะทำงานคุณหนูจ๋ามีแฟ้มงานเต็มไปหมด
“เริ่มกันเลยไหมครับ”
“คุณก็เริ่มสิ” ภัทร์ธีรานั่งนิ่งพูดเสียงมะนาวไม่มีน้ำ
“ตอนนี้ผมถือเป็นอาจารย์คุณนะ พูดกับคนให้ความรู้เพราะๆ หน่อยสิครับ”
ภัทร์ธีรา “ค่ะ”
วิษธรยิ้มพอใจ “เอาล่ะ อย่างแรกเลยนะ การดีลกับลูกค้าคุณเอาเอกสารที่เกี่ยวกับลูกค้าแล้วก็โรงแรมของเรามาหมดแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” ภัทร์ธีราหยิบแฟ้มเล่มโตขึ้นมาทีละแฟ้ม “อันนี้เอกสารลูกค้า...อันนี้เอกสารโรงแรม”
“เป็นข้อมูลที่จะส่งให้ลูกค้าใช่ไหม แล้วคุณได้ตรวจดูข้อมูลทั้งหมดหรือยังครับ”
“ใช่ค่ะ ฉันตรวจเรียบร้อยแล้ว”
“โอเค ดีมาก เอาไปเก็บ”
“ฮะ คุณจะให้ฉันเอาออกมาทำไม”
“ผมไม่ได้บอกให้คุณเอาออกมาซักหน่อย”
“ก็คุณบอกว่าต้องใช้”
“ที่ต้องใช้น่ะ มันอยู่ในนี้หมดแล้ว” วิษธรชี้ไปที่คอมยิ้มขำๆ “นี่คุณเป็นเด็กรุ่นใหม่จริงๆ ใช่ไหม”
“คุณนี่มัน...”
ภัทร์ธีราหลุดหัวเราะขำออกมา วิษธรหัวเราะตาม ภัทร์ธีรารู้สึกตัวรีบหยุดตัวเองทันควัน ขณะที่วิษธรลุกขึ้นเดินอ้อมไปที่ด้านหลังของเธอแล้วโน้มตัวไปเปิดไฟล์งานในคอม ทำให้ใบหน้าของวิษธรใกล้ภัทร์ธีราในระยะประชิด ภัทร์ธีรานั่งตัวเกร็ง ใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
“นี่ต่างหากที่ผมต้องการ”
วิษธรหันมาสบตาภัทร์ธีรา ทั้งสองสบตากันนิ่งๆ ครู่หนึ่ง ต่างรู้สึกหวั่นไหววาบหวาม ภัทร์ธีราเป็นฝ่ายผละตัวออก
“ฉันรู้แล้ว”
“งั้นผมสอนต่อนะ”
สองคนไม่รู้ว่า ที่ประตูนอกห้องพรพจีแอบดูสองคนอยู่ด้วยสายตาเป็นกังวล เสียงอรดีดังก้องอยู่ในหู
“เอาแต่คอยระแวงคนอื่น ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าเก็บน้ำตาลไว้ใกล้มด ยิ่งหนีมาแบบนี้กลับไปอีกที ระวังจะได้หุ้นส่วนคนสนิท ของตัวเองเป็นหลานเขยนะ”
พรพจีคิดอย่างเครียดหนัก
ฟากสรัชอยู่ที่ร้านอาหาร กำลังนั่งมองอาหารคาวหวานหลายอย่างที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอย่างละลานตา
“นี่มันอะไรกันครับเนี่ย”
“ของคุณหมดเลยค่ะ”
“ผมจะกินคนเดียวหมดได้ยังไง กินด้วยกันสิครับ”
“ฉันทำให้คุณนะ”
สรัชทำหน้าเว้าวอน
“โอเคก็ได้ค่ะ”
สรัชยิ้มขอบคุณแล้วลองตักอาหารขึ้นชิม
“เป็นไงคะ”
“อร่อยมากครับ”
สรัชตักจานนู้น จานนี้กินอย่างเบิกบาน ดูอารมณ์ดีขึ้นทีละนิดๆ โรจนาตักอาหารเอาใจ
“อร่อยหมดทุกอย่างเลย อันนี้เรียกว่าอะไรเหรอครับ”
“ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะ ฉันลองทำให้คุณกินคนแรก”
“ว้าว ขอบคุณนะครับ”
“ว่าแต่ คุณรู้สึกดีขึ้นรึยังคะ”
สรัชอดทึ่งไม่ได้ “ครับ ผมรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ต้องเป็นเพราะอาหารวิเศษของเชฟโรสแน่ๆ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แบบนี้เขาเรียกว่าอาหารบำบัดรู้ไหมคะ พอเราได้กินของอร่อยๆ เราก็จะลืมความทุกข์ไปชั่วขณะ เพราะอย่างน้อยเราก็ยังมีชีวิตได้รับรู้ถึงรสชาติอาหารอย่างมีความสุข”
“เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลยนะครับเนี่ย แต่พอเรากินของอร่อยๆ เราก็อยากกินกับคนที่เรารักนะครับ” สรัชถอนหายใจสีหน้าเศร้า “ถ้าน้องจ๋าได้มากินด้วยกันคงดี”
“ชวนสิคะ โรสก็อยากให้จ๋ามา”
“ผมยังไม่อยากกวนเขาน่ะครับ”
เชฟโรสแปลกใจ “มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“คือว่า...”
เสียงมือถือดังขึ้น สรัชมองหน้าจออย่างแปลกใจ ก่อนจะกดรับสายในท่าทีงุนงง
“สวัสดีครับอาจี”
อ่านต่อ ตอนที่ 16
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์