เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 14
เช้าวันต่อมา ในขณะที่วิษธรถือถุงข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิง และอาหารเดินมาที่รถเตรียมไปยังบ้านพักพรพจี ภาพดังกล่าวถูกซูมผ่านเลนส์กล้องมือถือ และถูกกดชัตเตอร์รัวๆ แอบถ่ายวิษธรในหลายอิริยาบถ
เมื่อวิษธรเดินมาถึงรถ เขารู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่จึงหันขวับกลับไปมองแต่ไม่เห็นใคร เก็บของใส่รถเสร็จขณะกำลังจะขึ้นรถ แต่ต้องชะงัก เพ่งสายตามองไปที่หน้าบ้านด้วยความรู้สึกสงสัย พุ่มไม้ไหวเหมือนมีคนซ่อนตัวอยู่ เขารีบวิ่งออกไปดู ทว่าบุคคลปริศนาหลบวูบไปอีกทางวิษธรจึงไม่เห็นใคร
วิษธรมีทีท่าคลางแคลงใจนิดๆ ส่ายหน้าบอกตัวเองว่าคิดมากไปเอง วิษธรขึ้นรถแล้วขับออกไป เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นอีกครั้งในจังหวะนี้
เป็นนักสืบพิภพนั่นเองที่ซ่อนตัวอยู่อีกมุม ก่อนจะแสดงตัวออกมามองตามรถวิษธรด้วยสายตามุ่งมั่นมาดหมาย
วิษธรขับรถมาเรื่อยๆ ตามถนนในซอย ฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
นักสืบพิภพปลอมตัวเป็นคนส่งเอกสารขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา ทิ้งระยะห่างๆ คอยจับตาดูวิษธรอยู่ตลอดเวลา
วิษธรยังคงขับรถไปอย่างช้าๆ พิภพตามมาติดๆ เมื่อจวนตัวคล้ายกับว่าวิษธรจะเห็น เขาจะรีบหลบข้างรถคันอื่น
จนเมื่อมาถึงทางแยกหนึ่งมีรถขับปาดหน้าอย่างเร็ว พิภพตกใจรีบหักหลบ เมื่อปลอดภัยดีแล้วเขาจึงเงยหน้าไปดูอีกที พบว่ารถวิษธรหายไปแล้ว หนุ่มนักสืบที่ภัทร์ธีราจ้างมามองซอยซ้ายมองขวาอย่างลังเล สุดท้ายตัดสินใจขี่ไปในทางตรง
ที่แท้รถวิษธรจอดแอบอยู่ในซอยแคบใกล้ๆ นั้นเอง เขามองตามรถมอเตอร์ไซค์ของพิภพที่เพิ่งขับผ่านหน้าไป ยิ้มเยือกเย็นออกมา
พรพจีเพิ่งจะตื่นนอนเดินลงมาที่โต๊ะกินข้าวชั้นล่างด้วยชุดนอนสุดแสนเซ็กซี่ เห็นวิษธรกำลังจัดโต๊ะอาหารอย่างขะมักเขม้น ก็เดินเข้าไปกอดซบเขาจากข้างหลัง
“ทำอะไรอยู่คะ”
“เตรียมอาหารให้คุณไงครับ”
วิษธรละงานในมือ จับตัวพาพรพจีเดินไปนั่งรอที่โซฟา ยิ้มให้
“คุณนั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมจะยกมาเสิร์ฟให้”
วิษธรหันกลับ แต่ถูกพรพจีคว้าเอวเอาไว้จนเสียหลัก กลายเป็นว่าทั้งสองคนล้มลงไปบนโซฟาด้วยกัน
“ฉันยังไม่หิวค่ะ”
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ทั้งสองคนมองหน้าสบตากันลึกซึ้งด้วยความรู้สึกวาบหวาม โน้มหน้าเข้าใกล้จะจูบกันอยู่แล้ว แต่เสียงนรินทร์แผดดังลั่นขึ้นทำลายบรรยากาศโรแมนซ์
“นังแพศยา”
พรพจีและวิษธรตกใจ ผละออกจากกันลุกขึ้นทันที พบว่าจิรดาเข็นรถนรินทร์เข้ามาในบ้าน ภัทร์ธีราก็ตามมาด้วย
นรินทร์โกรธสุดขีด “จับได้คาหนังคาเขา แอบมามั่วกันอยู่ในบ้านรูหนูนี่เอง”
“คุณริน คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” พรพจีแปลกใจมากกว่าตกใจ
“ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ ต่อให้เธอหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ก็ไม่มีวันหนีฉันพ้น ฉันจะตามหาเธอจนเจอ”
ภัทร์ธีราเข้ามาจับมือพรพจีอ้อนวอนขอร้อง
“อาจี อาจีกลับบ้านกับจ๋านะคะ อย่าทิ้งจ๋าไปแบบนี้ กลับบ้านเรานะคะ”
พรพจีอึดอัดเต็มทน “น้องจ๋า อาขอโทษ ขอเวลาอาหน่อยนะ อาขอโทษจริงๆ”
พรพจีตัดสินใจปลดมือภัทร์ธีราออก แล้วเดินไปหาวิษธร
“ธรคะ”
แต่มือข้างหนึ่งของนรินทร์มาคว้ามือพรพจีไว้
“จี”
พรพจีหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด เมื่อพบว่านรินทร์ค่อยๆ ยืนขึ้น โดยที่มือยังดึงมือเธออยู่ พรพจีตะลึงตะไล มองขานรินทร์ที่ยืนอย่างมั่นคง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“คุณริน นี่คุณ”
นรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “ถ้าเธอสนใจฉันซักนิด เธอก็จะรู้ว่าฉันเดินได้มานานแล้ว”
“แล้วที่ผ่านมา...”
“ฉันลองใจเธอไงล่ะ ฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันพิการแล้วเธอจะยังอยู่กับฉันไหม แล้วเธอก็ทิ้งฉันไป แต่ฉันไม่ยอมหรอก ฉันไม่ยอมให้เธอไปจากฉันง่ายๆ”
พรพจีสะบัดมือเต็มแรงแต่ไม่หลุด
“ปล่อยฉัน ฉันเจ็บนะคุณริน”
นรินทร์จับมือพรพจีแน่นขึ้น ฉุดกระชากอย่างแรงจนพรพจีร้องลั่น วิษธรจะเข้าไปห้ามแต่จิรดาดึงเอาไว้
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“ไม่ ฉันไม่กลับไปกับคุณอีกแล้ว”
พรพจีตัดสินใจกัดมือนรินทร์เต็มเขี้ยว นรินทร์ร้องเสียงดัง ตบหน้าพรพจีจนกระเด็นไปกองกับพื้น
พรพจีเจ็บแทบลุกไม่ขึ้น นรินทร์ตามไปกระชากพรพจีไม่ให้ไปไหน แหกปากตะโกนลั่น
“มึงเป็นของกู! มึงต้องอยู่กับกูคนเดียวเท่านั้น”
พรพจีปล่อยโฮ กรีดร้องออกมาสุดเสียง
“ไม่.....”
ที่แท้พรพจีนอนฝันร้ายอยู่บนเตียง เธอหลับตาปี๋ดิ้นทุรนทุรายเหงื่อแตกพลั่ก ตะโกนดังลั่น
“ไม่.....”
พรพจีสะดุ้งเฮือกผวาตัวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างหวาดกลัว หอบหายใจมองไปรอบๆ ห้องอย่างระแวง มือจับหัวใจ พยายามสงบสติอารมณ์ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นเพียงความฝันเท่านั้น สีหน้าก็เริ่มดีขึ้น
พรพจีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทุกอย่างเงียบสนิท แต่แล้วก็มีเสียงเพล้งดังมาจากข้างล่างพรพจีสะดุ้งเฮือก ลุกไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วแอบฟังเสียงอีกครั้งที่ประตู พรพจีมีสีหน้าหวาดกลัวแต่เด็ดเดี่ยวหยิบแจกันเปล่าในห้องมาเป็นอาวุธ แล้วค่อยๆ เปิดประตูออกไป
พรพจีค่อยๆ ย่องลงบันไดมาที่ชั้นล่าง ทีละขั้น ทีละขั้น ในมือกอดแจกันไว้แน่น จังหวะหนึ่งเธอเผลอทำเสียงดังต้องรีบหยุดเดินทำตัวแข็ง เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงเดินต่อ
พรพจีแอบดูอยู่มุมหนึ่ง สอดส่ายสายตาไปทั่วห้องนั่งเล่นอย่างระแวง แต่ก็ไม่พบใคร จนมีเสียงดังขึ้นมาทางข้างหลัง พรพจีหันขวับกลับไป พบว่ามีเงาใครบางคนวูบไหวอยู่ในห้องครัว เสียงดังมาจากในนั้นแน่ๆ
พรพจีมองไปในครัวด้วยแววตาตื่นตระหนก
พรพจีค่อยๆ ชะเง้อหน้ามามองในห้องครัว แต่ไม่มีใคร เธอตัดสินใจเดินเข้ามาสำรวจ แต่ก็ไม่พบใครอีกพรพจีถอนหายใจอย่างโล่งอกเดินหันหลังกลับไป
จู่ๆ มือใหญ่แข็งแรงคว้าเอวพรพจีไว้หมับ เหมือนในความฝันเปี๊ยบ พรพจีจะกรี๊ดแต่ก็โดนมือปิดปาก และถูกกระชากตัวเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น พรพจีหลับตาปี๋ ดิ้นรนขัดขืนเต็มแรง
“ชู่ววว จีครับ ผมเอง”
พรพจีลืมตาขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นวิษธรก็หยุดดิ้น แล้วก็โผเข้ากอดอย่างโล่งใจ
“ธร”
วิษธรลูบหลังปลอบ “ขอโทษนะครับ ผมทำให้คุณตกใจหมดเลย ตอนแรกกะว่าจะเซอร์ไพรส์เสียหน่อย”
พรพจีละตัวออก “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ตกใจนึกว่าเป็นคนอื่นแอบตามมาเจอเรา”
“ไม่มีใครหาเราเจอหรอกครับ ตราบใดที่คุณไม่บอกใคร”
“ฉันไม่มีวันบอกใคร”
“งั้นก็วางใจได้เลยครับว่าจะไม่มีใครหาเราเจอ ไม่ต้องคิดมากนะมานี่ดีกว่า” วิษธรจับมือดันตัวพรพจีไปที่โต๊ะอาหาร แล้วเปิดฝาครอบอาหารออก “ผมเตรียมอาหารไว้ให้คุณแล้ว กว่าจะเสร็จก็ทำจานแตกไปแล้วหนึ่งใบ”
พรพจีหัวเราะขำ ก่อนจะนั่งลงมองอาหารอย่างปลื้มใจ
“มองอย่างเดียวไม่อิ่มหรอกนะครับ อ่ะนี่” วิษธรตักอาหารป้อนพรพจี
“อื้ม อร่อยจังเลยค่ะ”
“ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ นะ”
ทั้งสองคนกินข้าวไปหัวเราะไปอย่างมีความสุข
สรัชนั่งรออยู่ในร้านกาแฟที่เก่า จนภัทร์ธีราเดินเข้ามา บริกรเข้ามารับออเดอร์แล้วออกไป สรัชมองหน้าภัทร์ธีราเศร้าๆ
“เมื่อวาน ที่พี่ทำไปทุกอย่างก็เพราะพี่รักน้องจ๋า พี่อยากให้เราสองคนได้เป็นครอบครัวเดียวกันเร็วๆ เท่านั้นเอง น้องจ๋าโกรธเพราะไม่อยากแต่งงานกับพี่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่เอ้”
“แล้วมันอย่างไหนล่ะคะ พี่พูดเรื่องนี้กับน้องจ๋ามาหลายครั้ง แต่น้องจ๋าก็บอกว่ายังไม่พร้อมตลอด แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะค่ะ พี่รอน้องจ๋าได้เสมอ พี่แค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่”
ภัทร์ธีราเสียงอ่อนลง “จ๋ายังบอกพี่เอ้ไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ จ๋าขอให้เรื่องที่บ้านเรียบร้อยก่อนได้ไหมคะ ตอนนี้มันมีปัญหาเยอะแยะไปหมด จ๋าทิ้งรมย์ฤดีไปไม่ได้ แต่จ๋าจะรีบจัดการปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อพี่เอ้ โอเคไหมคะ”
สรัชตัดพ้อ ออกอาการน้อยใจ “พี่คงยังไม่เข้มแข็งพอให้น้องจ๋ามองเป็นที่พึ่งได้”
ภัทร์ธีรารู้สึกผิด “จ๋า...ขอโทษนะคะพี่เอ้ แต่จ๋ายังไม่พร้อมจะคุยเรื่องนี้กับใครจริงๆ”
สรัชเห็นสีหน้าภัทร์ธีราเครียดเคร่ง ก็ใจอ่อน
“พี่เข้าใจค่ะ” เขากุมมือเธอไว้ “วันนี้พี่อาจจะยังไม่ดีพอ แต่อีกไม่นานพี่จะทำให้น้องจ๋าเชื่อมั่นในตัวพี่ให้ได้”
ภัทร์ธีรามองสรัชด้วยสายตาที่สับสน
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้ว พี่ขอไปเยี่ยมอารินได้ไหมคะ”
ภัทร์ธีรามองหน้าคนรักอย่างชั่งใจ
นรินทร์นอนเหม่อลอยอยู่บนเตียงหน้าตาซีดเซียวทรุดโทรม เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้นก็หันขวับไปทันทีนึกว่าเป็นพรพจี
“จี”
นรินทร์มีสีหน้าผิดหวังเมื่อเห็นเป็นภัทร์ธีราเดินนำสรัชเข้ามาหาข้างๆ เตียง
“จ๋าเองค่ะอาริน จ๋าพาพี่เอ้มาเยี่ยมอารินด้วย”
สรัชยกมือไหว้ “สวัสดีครับอาริน เป็นยังไงบ้างครับ”
นรินทร์ชะเง้อมองไปข้างหลัง
“จีล่ะน้องจ๋า จีหายไปไหน เขาหนีไปกับชู้แล้ว เขาทิ้งอาไปแล้วใช่ไหม”
สรัชมองหน้าภัทร์ธีราด้วยความตื่นตกใจ ภัทร์ธีราจับมือนรินทร์ไว้ พูดปลอบใจ
“อาจีไปทำงานที่ปากช่อง ไม่ได้หนีไปไหนนะคะ”
นรินทร์ไม่เชื่อ “ไม่จริง อย่าหลอกอาเลย อารู้ว่าเขาทิ้งอาไป อาไม่เหลือใครแล้วน้องจ๋า น้องจ๋าอย่าทิ้งอาไปนะ”
“จ๋าไม่ทิ้งอารินไปไหนหรอกค่ะ”
สรัชเสริมว่า “พวกเราจะช่วยกันดูแลอารินนะครับ ผมก็จะช่วยด้วย อารินไม่ต้องเป็นห่วงนะ
ครับ”
นรินทร์มองสรัชตาขวาง “คุณจะมาพาน้องจ๋าไปเหรอ น้องจ๋า เขาจะพาน้องจ๋าไปจากอาอีกคนใช่ไหม”
“จ๋าไม่ไปไหนหรอกค่ะ จ๋าจะอยู่ดูแลอารินแบบนี้ไปนานๆ พี่เอ้ไม่ได้จะมาพาน้องจ๋าไปไหน ใช่ไหมคะพี่เอ้”
สรัชเออออไปด้วย “ครับ ผมยังไม่พาน้องจ๋าไปไหนหรอกครับ น้องจ๋าจะได้อยู่ดูแลอารินไปเรื่อยๆ ดีไหมครับ”
“จริงเหรอ”
“ครับ” สรัชยิ้มให้
“เห็นไหมคะ อารินพักผ่อนนะคะ ไม่ต้องห่วงอะไร น้องจ๋าจะอยู่ตรงนี้เอง”
นรินทร์ค่อยๆ หลับไป ภัทร์ธีรามองอย่างเป็นกังวล สรัชมองคนรักอย่างเห็นใจ แต่แล้วยิ่งหนักอกไม่รู้จะแก้ปัญหาความรักของตนอย่างไร
อีกฟากหนึ่ง วิษธร และพรพจีกินข้าวด้วยกันจนอิ่ม
“คุณอยากกินขนมอะไรเพิ่มไหม ผมซื้อมาไว้ให้อยู่ในตู้เย็น”
“พอแล้วค่ะ อยากให้ฉันอ้วนหรือไง ถึงได้ซื้อของกินมาขุนกันขนาดนี้”
“อ้วนๆ ก็น่ารักดีนะครับ”
พรพจีหัวเราะขำ “งั้นต่อไปฉันจะกินให้อ้วนเลย อย่าบ่นก็แล้วกัน”
“ผมยินดีเลี้ยงคุณไม่บ่นเลยครับ อ้อ จานพวกนี้คุณวางไว้ได้เลยนะ เดี๋ยวผมหาแม่บ้านมาจัดการให้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ล้างจานฉันทำเป็นน่ะ ฉันเป็นแม่บ้านที่ดีนะคะ”
“จีของผมนี่เก่งจริงๆ” วิษธรดูนาฬิกาแล้วทำหน้าเศร้า “แย่แล้ว ผมคงต้องไปแล้วล่ะ”
“ทำไมรีบไปจังเลยล่ะค่ะ อยู่ได้เดี๋ยวเดียวเอง”
“ผมอยู่มาสองสามชั่วโมงแล้วนะ”
“ฉันไม่อยากให้คุณกลับเลย ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ ฉันไม่เคยอยู่คนเดียวแบบนี้”
“ไม่ได้จริงๆ ครับ ถ้าผมไม่กลับคนอื่นอาจจะสงสัยเอาได้นะ”
“ฉันไม่สนอะไรแล้วค่ะ สงสัยก็สงสัยไปสิ ทุกวันนี้พวกเขาก็สงสัยกันอยู่แล้ว ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว ฉันยอมทิ้งทุกอย่างขอแค่ได้อยู่กับคุณนะคะ”
วิษธรจับมือพรพจีมากุมบีบเบาๆ “อีกไม่นานแล้วล่ะครับ วันที่เราจะสมหวัง”
วิษธรดึงมือพรพจีขึ้นมาจูบอย่างละมุนละไม แล้วกอดปลอบพรพจีด้วยคำหวาน
“อดทนอีกนิดเดียวเท่านั้น อีกไม่นานแล้ว”
วิษธรยิ้มอ่อนๆ ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก
ด้านสรัชกับภัทร์ธีรานั่งดื่มกาแฟกันอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านรมย์ฤดี
“อารินมีอาการอย่างที่พี่เอ้เห็น ต้องการคนเข้าใจ และดูแลอย่างใกล้ชิด จ๋าเป็นคนในครอบครัวที่เหลืออยู่ของอาริน จ๋าทิ้งอารินไปไม่ได้ พี่เอ้เข้าใจใช่ไหมคะ”
สรัชจับมือภัทร์ธีรามากุม
“ครับ พี่เข้าใจ เพราะน้องจ๋าเป็นแบบนี้ พี่ถึงอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับน้องจ๋า อยากดูแล อยากช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้”
ภัทร์ธีราหน้าเครียดลง “แต่คุณแม่พี่เอ้คงไม่ได้คิดแบบนั้น”
สรัชเงียบไปอย่างจนคำพูด
“จ๋ารู้ค่ะว่าพี่เอ้รักจ๋ามากแค่ไหน แล้วจ๋าก็ขอบคุณจริงๆ แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้มีแค่เราสองคนนะคะพี่เอ้ จ๋าอยากให้ทุกอย่างมันพร้อมกว่านี้ก่อน แต่..ถ้าพี่เอ้รอไม่ไหวจริงๆ ก็บอกได้นะคะ จ๋าจะไม่เห็นแก่ตัวเลย”
สรัชจับมือภัทร์ธีราด้วยสีหน้าลำบากใจ “ไม่รอน้องจ๋า แล้วจะไปรอใครได้ล่ะคะ”
“ขอบคุณนะคะพี่เอ้”
ภัทร์ธีรายิ้มโล่งใจ แต่สรัชเครียดไม่หาย
เช้าวันใหม่ อรดีนอนมาส์กหน้าอยู่ที่โซฟาในห้องโถงบ้าน ฮัมเพลงเบาๆ มือสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ดูข่าวไปด้วย กระทั่งมีสายเข้าอรดีสะดุ้งตกใจ หน้าจอขึ้นชื่อ "สวยคนใช้" เป็นคนโทร.เข้ามา อรดีมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง แล้วกดรับกระซิบถาม พูดเสียงไม่ชัดเพราะมาส์กหน้าอยู่
“อัลโอ๋ มีอะไออึ๊เป่า”
สวยโทร.มาจากปากซอยบ้านรมย์ฤดี กระซิบรายงานข่าวรับอรุณ
“ฮาโหล คุณดี้ ได้ยินไหมคะ”
อรดีนอนคุยโทรศัพท์ต่อ
“ไอ้ยิน มีอะไออ้อว่าอา”
“ฮาโหล ๆ คุณดี้ๆ ว่าไงนะคะ”
“มีอะไอก็อูดอา”
สวยงงใหญ่ “อะไรนะคะ”
อรดีลืมตัวตะโกนลั่น “โอ๊ย! ฉันบอกว่ามีอะไรก็พูดมา หูตึงรึไง หน้าฉัน” ม่ายแซบดึงมาสก์ออกจากหน้าอย่างอารมณ์เสีย “ช่างเถอะ ว่าแต่มีข่าวอะไรหรือเปล่าโทร.มาแต่เช้าเชียว”
สวยมองซ้ายมองขวากระซิบเล่าต่อ “คืออย่างนี้ค่ะ...”
อรดีได้ฟังถึงกับอุทานเสียงดังลั่น “อะไรนะ” พอรู้ตัวจึงลดเสียงลงเป็นกระซิบ “พรพจีหนีออกจากบ้านไปกับธร! แน่ใจนะ”
“แน่ค่ะ คือหลายวันก่อนคุณจีทะเลาะกับคุณริน เลยหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านไป คุณรินเชื่อปักใจเลยว่าคุณธรต้องพาคุณจีหนีไปแน่ ตอนนี้อาการคุณรินแย่เชียวค่ะ คุณจีก็ยังไม่กลับมาเลย สวยเห็นว่าคุณดี้น่าจะอยากรู้เรื่องนี้น่ะค่ะ ก็เลยโทร.มาบอก”
อรดียิ้มกริ่มมีแผนร้าย
อิชยารดน้ำต้นไม้อยู่บริเวณสวนสวยหน้าตึก อรดีเดินมาหยุดมองน้องสาวอย่างมีเลศนัย
“วันนี้ไปไหนหรือเปล่า”
อิชยารดน้ำต้นไม้ไปคุยไป “เปล่าค่ะ พี่ดี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล๊า ฉันแค่จะชวนแกไปเยี่ยมอารินด้วยกัน”
“เยี่ยมอารินเนี่ยนะคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นพี่ดี้อยากไปเยี่ยม ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากไปล่ะคะ”
“ก็อารินเขาป่วย ฉันก็ต้องไปเยี่ยมเสียหน่อย”
“จริงเหรอ แล้วอารินเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“เห็นว่าอาการขึ้นๆ ลงๆ นะ แกควรไปเยี่ยมเขาด่วนเลยนะ”
อิชยาแปลกใจมาก “เอ๊ะ เดี๋ยวนะ พี่ดี้รู้ได้ยังไงคะว่าอารินป่วย ยาเป็นเพื่อนสนิทยัยจ๋ายังไม่รู้เลย”
“ฉันรู้แล้วกันน่ะ อย่าถามมากได้ไหม จะไปหรือไม่ไป”
“เดี๋ยวยาขอโทร.ถามจ๋าก่อนได้ไหมคะ เราไม่รู้ว่าอาการอารินเป็นยังไง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาสะดวกให้เยี่ยมหรือเปล่า” อิชยาบ่ายเบี่ยง
“ไม่ต้อง! ยังไงแกก็เป็นเพื่อนสนิทน้องจ๋าอยู่แล้วจะต้องโทรถามทำไมให้วุ่นวาย”
“ยาเป็นเพื่อนสนิทจ๋าก็จริง แต่พี่ดี้ไม่ได้สนิทกับใครที่บ้านนั้นเลยนี่ ไม่ได้สนิทกับทั้งจ๋าและอาริน พี่ดี้ไปแล้วมันจะไม่แปลกๆ เหรอคะ”
“เพราะอย่างนั้นไงฉันถึงต้องเอาแกไปด้วย เพราะแกเป็นเพื่อนสนิทจ๋า ไม่ต้องถามอะไรมาก ไปเปลี่ยนชุด เตรียมตัวไปได้แล้ว เร็วสิ”
อรดีดึงสายยางออกจากมือน้องสาว อิชยาไปปิดน้ำvpjk'เสียไม่ได้ทั้งที่ยังงงๆ อรดียิ้มพอใจ
ภายในล็อบบี้โรงแรมธารามีลูกค้ากลุ่มใหญ่กำลังโวยวายอยู่บริเวณนั้น แต่ละคนล้วนมีอารมณ์และเสียงดัง พนักงาน 3-4 คน และจรัลผู้จัดการโรงแรมกำลังพยายามไกล่เกลี่ยกับลูกค้า1 หัวหน้ากลุ่ม
“ทำอย่างนี้ได้ยัง เราจองห้องไว้เป็นพิเศษกับคุณพรพจีเรียบร้อยแล้ว แล้วคุณจะมาบอกว่าห้องเต็มได้ยังไง”
จรัลพยายาม “คุณผู้ชายใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
“จะให้ใจเย็นได้ยังไง เรามาพักที่นี่ไม่รู้กี่ครั้ง ถือว่าเป็นลูกค้าประจำคุณจะมาจัดการชุ่ยๆ แบบนี้ไม่ได้”
ลูกค้า2 ใส่ต่อ ลูกค้าคนอื่นๆ เริ่มโวยวายเสียงดังขึ้น
ภัทร์ธีราเดินเข้ามาในโรงแรมเห็นเหตุการณ์นั้น สงสัยว่าเกิดอะไร ทำท่าจะเดินเข้าไปดู แต่มีพนักงานชื่อจรัลวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาก่อน
“คุณจ๋าครับ เกิดเรื่องแล้วครับ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“คือว่า...” จรัลอึกอัก
ลูกค้า1 หัวหน้ากลุ่มเริ่มอารมณ์เสียอย่างหนัก โวยวายขอพบพรพจีท่าเดียว
“ไปเรียกคุณพรพจีมาคุยกับเราเดี๋ยวนี้”
ภัทร์ธีราโทรศัพท์หาพรพจีอย่างร้อนใจ แต่พรพจีไม่ยอมรับสาย ขณะที่กลุ่มลูกค้ายังคงโวยวายเสียงดังอยู่อย่างนั้น ภัทร์ธีราตัดสินใจเดินเข้ามารับหน้า แนะนำตัวเอง
“ขอโทษนะคะ สวัสดีค่ะฉันภัทร์ธีรา เป็นหลานของคุณพรพจี พอดีว่าคุณพรพจีติดธุระที่ต่างจังหวัด ฉันเลยเป็นคนดูแลโรงแรมนี้ชั่วคราว ยังไงคุยกับฉันก่อนได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี อย่างที่ผมบอกพนักงานของคุณไปว่า ผมจองห้องไว้กับคุณพรพจีเรียบร้อยแล้ว แต่พนักงานของคุณกลับบอกผมว่าห้องเต็ม มันเป็นความรับผิดชอบของผมเหรอ ในเมื่อผมจองไว้ก่อน” ” ลูกค้า1 ว่า
“เราต้องการความรับผิดชอบ เราต้องการที่พัก” ลูกค้า2 เสริม
ภัทร์ธีราฉันอยากให้ที่พักกับพวกคุณทุกคนจริงๆ ค่ะ แต่ห้องของเราเต็มหมดแล้วตอนนี้ ยังไงลองติดต่อโรงแรมอื่นดีไหมคะ เดี๋ยวฉันจะติดต่อโรงแรมอื่นๆ ให้ ส่วนเรื่องค่ามัดจำเราจะคืนให้ทันทีค่ะ”
“หมายความว่าคุณให้เราไปหาที่นอนเอาเองเหรอ นี่เหรอความรับผิดชอบของคุณ!” ลูกค้า1 โวยลั่น
สถานการณ์ลุกลาม ลูกค้าคนอื่นๆ เริ่มส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย ภัทร์ธีราเครียดจัด
“โทร.หาคุณธรดีไหมครับคุณจ๋า”
ภัทร์ธีราสวนขึ้นทันที “ไม่เป็นไรค่ะ จ๋าจัดการได้”
“เราต้องการที่นอนวันนี้ ถ้าไม่ได้ ฉันตั้งกระทู้แฉแน่” ลูกค้า2 โวยวาย
ภัทร์ธีราเริ่มเครียดหนัก
“คุณธรเคยต้อนรับลูกค้ากรุ๊ปนี้ อาจจะช่วยพูดให้ได้นะครับ”
ภัทร์ธีราหนักใจมาก
ตรงมุมส่วนตัวในร้านอาหารแห่งนั้น วิษธรและพรพจีนั่งทานอาหารอยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่น วิษธรคอยตักอาหารให้เอาใจใส่พรพจีอย่างดี
“ร้านนี้บรรยากาศดีจังนะคะ เป็นส่วนตัวดีด้วย” พรพจีมองรอบๆ ร้าน
“ชอบไหมครับ”
“ชอบสิคะ”
“ผมว่าแล้วว่าคุณต้องชอบ”
“คุณนี่รู้ใจฉันไปหมดทุกอย่างเลยนะคะ” พรพจียิ้มพราย
“ก็คุณเป็นคนพิเศษของผมนี่ครับ”
วิษธรจับมือ จ้องมองหน้าพรพจีอย่างมีความหมายลึกซึ้ง พรพจียิ้มเขิน กระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นวิษธรชักมือออกมาหยิบมือถือ มองชื่อหน้าจอมีสีหน้าแปลกใจ พรพจีมองสงสัย
“สักครู่นะครับ” วิษธรขอตัวก่อนจะกดรับสายนิ่งฟังปลายสาย “สวัสดีครับ...ครับ...ใช่ครับ...ได้ครับ เดี๋ยวผมรีบไปดูให้”
วิษธรกดวางสาย พรพจีมองอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าใครกันโทร.มา
“ใครโทร.มาเหรอคะ มีเรื่องด่วนเหรอ”
“คุณต้องแปลกใจแน่ถ้ารู้ว่าใครโทร.มา”
พรพจีมองฉงน “ใครคะ คุณดี้”
วิษธรหัวเราะขำ “ไม่ใช่ครับ น้องจ๋าต่างหาก”
พรพจีแทบไม่เชื่อหู “น้องจ๋าเนี่ยนะคะจะโทรหาคุณ ไม่น่าเชื่อ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“มีปัญหาที่โรงแรมนิดหน่อยน่ะครับ เขาเลยโทรมาขอให้ผมช่วย”
พรพจียิ้มกว้างดีใจ “ถ้าอย่างนั้นคุณควรรีบไปนะคะ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่น้องจ๋าจะได้เชื่อใจคุณมากขึ้น เรื่องของเราจะได้ง่ายขึ้น รีบไปเถอะค่ะ”
“แต่ว่าคุณยังทานอาหารไม่เสร็จเลย”
“ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ตอนนี้คุณทำให้น้องจ๋าเชื่อใจก็พอ รีบไปเถอะค่ะ”
“โอเคครับ ผมจะทำให้เต็มที่ เพื่อคุณ”
พรพจียิ้มปลื้มใจ
ไม่นานนัก วิษธรยืนจับมือกับลูกค้า1 หลังการเจรจาจบลงด้วยดี ลูกค้าคนอื่นๆ มีสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน
“ขอโทษสำหรับความไม่สะดวกด้วยนะครับ แล้วก็ขอบคุณที่เข้าใจเราครับ”
ลูกค้า1 บอกว่า “พวกเราสิต้องขอบคุณคุณธรที่ช่วยจัดการให้”
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ หวังว่าโรงแรมของเราจะมีโอกาสต้อนรับพวกคุณอีกนะครับ”
“พวกเรากลับมาแน่นอนครับ ถ้ามีคุณธรคอยรักษามาตรฐานของโรงแรมอย่างนี้”
วิษธรและลูกค้า1 จับมือแสดงมิตรภาพต่อกันอีกรอบ ก่อนจะเดินตามพนักงานออกไป วิษธรหันมามองภัทร์ธีราที่ยืนมองอยู่ห่างๆ
“ผมอัพเกรดให้ลูกค้าได้ห้องที่ดีกว่าในราคาเท่าเดิม ที่โรงแรมเพื่อนบ้านที่เราดีลไว้ เวลาที่ห้องพักเราเต็มก็จะส่งไปที่โรงแรมนี้ หรือถ้าห้องพักทางนั้นเต็มก็จะส่งมาที่เรา แต่ถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนิดหน่อยเราต้องยอมจ่ายเอง เพื่อรักษาลูกค้าไว้ คราวหน้าเขาจะได้มาพักกับเราอีก”
“ฉันเห็นแล้ว”
“ผมให้ลูกน้องส่งข้อมูลโรงแรมไปแล้ว ยังไงคุณก็จำไว้แล้วกันว่าถ้าเกิดปัญหาแบบนี้อีก ควรจะแก้ยังไง”
ภัทร์ธีรานิ่งงันไป เถียงอะไรไม่ออก
“ผมคงไม่ได้อยู่ช่วยคุณได้บ่อยๆหรอกนะ แล้วคุณก็คงไม่อยากให้ผมอยู่เท่าไหร่”
ภัทร์ธีรายังคงนั่งนิ่ง
“โอเค ผมไปก่อนแล้วกัน”
วิษธรทำท่าจะเดินออกไป
“ขอบคุณค่ะ”
วิษธรหยุดกึกยิ้มกว้างดีใจ แล้วก็แกล้งตีหน้าขรึมหันกลับไปหา
“ขอโทษนะครับ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ผมไม่ค่อยได้ยิน”
“ฉันพูดได้แค่ครั้งเดียว ไม่ได้ยินก็ช่วยไม่ได้”
ภัทร์ธีรารีบเดินหนีไปใจเต้นไม่เป็นส่ำ วิษธรมองตามอย่างเอ็นดู
ภัทร์ธีราเดินเข้ามานั่งในห้อง พยายามสงบสติอารมณ์ ส่ายหน้าพยายามไม่ให้คิดถึงวิษธร จนเสียงโทรศัพท์มือถือสายเรียกเข้าดังขึ้น เป็นสายจากอิชยา
“แกร๊... เกิดเรื่องแล้วๆ”
ภัทร์ธีราแปลกใจน้ำเสียงเพื่อน
“มีไร เม้าท์ด่วน”
“ตอนนี้พี่ดี้กำลังจะไปเยี่ยมอารินที่บ้านแกน่ะสิ”
“พี่ดี้เนี่ยนะ ทำไมถึงอยากเยี่ยมอารินล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันว่าไม่น่าไว้ใจ ถ้าแกไม่ยุ่งรีบมาดูหน่อยนะ ฉันต้องไปแล้ว พี่ดี้เรียกแล้ว”
ภัทร์ธีราวางสายด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ไม่นานต่อมาอิชยาพาตัวเองมายืนทำสีหน้าหวาดหวั่น อยู่ข้างอรดีที่เพิ่งถอดแว่นกันแดดออกให้เห็นแววตามุ่งมั่นมาดหมาย สองสาวยืนอยู่บริเวณโถงบันไดขึ้นไปชั้นสองของบ้านรมย์ฤดี
“ยาว่าเราอย่าขึ้นไปรบกวนอารินดีกว่านะคะ ยังไงรอจ๋ากลับมาก่อนดีไหมคะ พี่ดี้”
อรดีเดินนวยนาดถือกระเช้าเยี่ยมไข้นำไปอย่างไม่ใส่ใจอิชยา
“พี่ดี้! พี่ดี้อย่าเพิ่งขึ้นไปเลยนะคะ”
สวาทเดินลงมาพอดี อิชยายกมือไหว้
“อ้าว คุณยามาหาคุณจ๋าหรือคะ คุณจ๋าไม่อยู่นี่คะ ไปทำงานแต่เช้า”
“คือป้าหวาดคะ”
อิชยาพยายามบอกแต่อรดีขัดขึ้นมาก่อน “ยาอยากจะมาเยี่ยมอารินน่ะค่ะ ฉันก็เลยขอมาด้วย ฉันเป็นพี่สาวของยา”
อิชยาก้มหัวทำท่าขอโทษสวาท อีกฝ่ายยิ้มอย่างไม่ถือสา
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าคุณรินหลับอยู่น่ะค่ะ ฝากของเยี่ยมไว้ที่ป้าก็ได้นะคะ”
“น่าเสียดายจัง ว่าแต่อารินป่วยอย่างนี้อาจีหายไปไหนคะ”
“พี่ดี้” อิชยาหน้าเสียขอโทษสวาทแทน “ขอโทษด้วยนะคะป้าหวาด”
“ก็ฉันเป็นห่วงนี่ ฉันก็เลยอยากรู้ไม่ได้หรือไง” อรดีจ้องหน้าสวาท “ตกลงอาจีหายไปไหนคะ ทำไมไม่อยู่ดูแลอาริน”
“คุณจีไปทำงานค่ะ คุณรินมีพยาบาลคอยดูแลอยู่แล้ว”
สิ้นคำพูดของสวาทมีเสียงร้องกรี๊ดดังขึ้น ก่อนจะเห็นจิรดาวิ่งหัวฟูมาที่หัวบันไดตะโกนบอกสวาทอย่างร้อนรนใจ
“ป้าหวาดคะ รีบพาคุณรินไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ คุณรินไม่ยอมให้พลิกตัวเลย ตอนนี้มีแผลกดทับที่หลังลุกไม่ขึ้นแล้ว”
สวาทและอิชยามีสีหน้าตกใจ ส่วนอรดีลอบยิ้มอย่างสะใจสมใจ เรื่องที่เป็นอย่างที่คิด
อรดีหันไปยิ้มหวานทักทายจิรดา
“สวัสดีค่ะคุณพยาบาล”
จิรดาคุมแค้นมองหน้าอรดี ทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ต่อหน้าสวาท
สวาทเปิดประตูนำเข้ามา อรดีตามมาติดๆ มีอิชยาคอยรั้งไว้ จู่ๆ มีหมอนลอยมาเฉียดหน้าอรดีไปนิดเดียว อรดีร้องกรี๊ดกระโดดหลบแทบไม่ทัน
“อ๊าย”
“ออกไป ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น ไปตามจีมา ไปตามจีมา”
“เดี๋ยวฉันให้คนไปตามค่ะ แต่คุณรินไปโรงพยาบาลก่อนนะคะ”
“จะไปตามที่ไหน จีหนีไปแล้ว จีทิ้งฉันไปแล้ว”
อรดีฟังไปเก็บข้อมูลไป
“คุณจีไปทำงานค่ะคุณริน เดี๋ยวคุณจีก็กลับนะคะ”
นรินทร์ไม่เชื่อแผดเสียงใส่ “โกหก! ทุกคนโกหกฉัน”
“จริงๆ นะคะคุณริน”
“ไม่จริง จีทิ้งฉันไปแล้ว จีหนีตามชู้ไปแล้ว”
อรดียิ้มร้ายสาสมใจ จิรดามองอรดีอย่างแปลกๆ แต่อรดีทำลอยหน้าลอยตา
นรินทร์โวยวาย ปาข้าวของเฉียดหัวอรดีอีกครั้ง อรดีกรี๊ดลั่นหลบหลังอิชยา
“แอร๊ย”
“คุณรินใจเย็นๆ ค่ะ” สวาทพยายามปลอบ
จิรดาหัวเราะเยาะอรดี
“สมน้ำหน้า”
ภัทร์ธีราเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน
“อาริน จ๋ามาแล้วค่ะ”
อิชยาโล่งอก “จ๋า”
ภัทร์ธีราเข้าไปช่วยสวาทปลอบนรินทร์ให้ใจเย็นลง แล้วหันมาพูดกับอิชยา
“ยา วันนี้อารินคงไม่สะดวกให้เยี่ยม แกพาพี่ดี้กลับไปก่อนนะ”
อิชยาพยักหน้ารับเอาคำ “ได้ พี่ดี้กลับกันเถอะค่ะ”
“ไปสิ”
อรดีตอบรับอย่างง่ายดายจนอิชยาแปลกใจ รอจนสองสาวเดินพ้นประตูออกไป
ภัทร์ธีราช่วยกันกับสวาทเพื่อปลอบให้นรินทร์เงียบแต่นรินทร์ยังโวยวายเสียงดังลั่น
“จีหนีไปกับชู้ มันหนีไปแล้ว”
อรดีเดินยิ้มกริ่มออกจากบ้านมาอย่างสมใจ อิชยามองสงสัย ประติดประต่อเรื่องราวจนนึกออก
“เป็นแผนของพี่ใช่ไหม พี่ดี้ไม่ได้อยากมาเยี่ยมอารินตั้งแต่แรก แค่อยากมาสืบเรื่องอาจีใช่หรือเปล่า”
อรดีลอยหน้าลอยตาใส่ “ถ้าใช่แล้วจะทำไม แกก็เห็นแล้วนี่ เหมือนที่ฉันพูดไว้ไม่มีผิด อาจีของเพื่อนแกเนี่ยสุดท้ายก็หนีตาม...”
“พี่ดี้” อิชยาลดเสียงเป็นกระซิบ “ระวังคำพูดหน่อยสิคะ เรายังไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไงเลยนะ”
“แกก็เห็นแล้วนี่ว่าอารินเขาเป็นยังไง แกยังไม่เชื่ออีกเหรอ”
“ยังไงเราก็ไม่ควรตัดสินค่ะ อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของคนอื่นเราไม่ควรเข้าไปยุ่ง”
“แกนี่มันน่าเบื่อจริงๆ”
อรดีหันไปมองบ้านวิษธรมีแผนบางอย่าง
“กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“แกกลับไปก่อนเลย”
“ทำไมคะ พี่ดี้จะไปไหนอีก อย่าไปรบกวนอารินอีกเลยนะคะ”
“ฉันจะไปหาธรต่างหาก”
“พี่ดี้จะไปหาเขาถึงบ้านเลยเหรอคะ มันไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวยาไปเป็นเพื่อน”
“ไม่ต้อง โอ๊ย นี่แกเป็นน้องหรือเป็นแม่ฉันเนี่ย กลับไปก่อนเถอะน่ะ จะอยู่เป็นกอขอคอฉันทำไม ไปสิ”
อิชยาจำใจกลับไปคนเดียว อรดีจัดเสื้อผ้าหน้าผมส่ายนม แล้วเดินยิ้มเจ้าเล่ห์ไปที่บ้านวิษธร
วิษธรนั่งทำงานอยู่ตรงโซฟาในห้องโถง อรดีปรี่เข้ามานั่งข้างกอดแขนเขาไว้ทันทีอย่างลิงโลด
“ธรขา...ไม่เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงดี้ไหมคะ”
วิษธรตกใจ ค่อยๆ ปลดมืออรดีออก
“คุณดี้มายังไงเนี่ย”
“ดี้แวะมาเยี่ยมอารินเป็นเพื่อนยัยยาน่ะค่ะ วันนี้เราไปกินข้าวกันไหมคะดี้อยากกินอาหารอิตาเลี่ยน ร้านแถว...”
วิษธรสวนขึ้นเสียงขุ่น “คงไม่ได้หรอกครับ”
อรดีชะงัก “คะ”
“เพิ่งมีคนปล่อยข่าวลือเรื่องผมจะแต่งงานกับคุณ เดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่”
อรดีตกใจที่เห็นท่าทางไม่พอใจของวิษธร แต่รีบเก็บอาการ
“มีข่าวลืออะไรแบบนั้นด้วยเหรอคะ ดี้ไม่เห็นรู้เรื่อง”
วิษธรจ้องหน้า “ไม่รู้จริงๆ เหรอครับ”
อรดีทำไก๋ “ดี้ไม่รู้จริงๆ นะคะ ว่าแต่ธรสนใจด้วยเหรอคะ”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียหาย”
“ไม่เป็นไรค่ะดี้ไม่ถือ” อรดีเปลี่ยนเรื่อง “แต่ข่าวลือเรื่องของธรกับอาจีดูท่าจะมาแรงกว่า อารินถึงขนาดป่วยหนักถึงขั้นจะเข้าโรงพยาบาลเพราะเรื่องนี้เลยนะคะ”
วิษธรเป็นฝ่ายชะงัก “คุณรินป่วยเหรอครับ”
“อ้าว คุณไม่รู้เหรอคะ เมื่อกี้ดี้เพิ่งไปเยี่ยมมา อาการหนักมากเลยนะคะ สงสัยจะตรอมใจเรื่องของอาจี ถ้าคุณไม่เชื่อก็ตามไปดูที่รมย์ฤดีสิคะ”
วิษธรมีสีหน้ากังวล อรดีจับสังเกตตลอดเวลา
ภัทร์ธีราพยายามเกลี้ยกล่อมให้นรินทร์ อนุญาตให้เกลี้ยงอุ้มขึ้นรถไปโรงพยาบาล มีสวาทคอยช่วยพูดด้วยอีกแรง แต่นรินทร์กวัดแกว่งมือไม่ยอมท่าเดียว
“ไปโรงพยาบาลเถอะนะคะอาริน ไปให้คุณหมอดูอาการเดี๋ยวเดียว จ๋าอยู่เป็นเพื่อนอารินนะคะ”
เกลี้ยงพยายามเข้ามาอุ้ม แต่ถูกนรินทร์ผลักจนกระเด็นไปชนสวาท
“ไม่ ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น จะรอจีอยู่ที่นี่ ไปตามพรพจีกลับมาเดี๋ยวนี้”
“โธ่ คุณรินไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ จะได้รักษาแผลให้หาย ไปเถอะนะคะ” สวาทหันไปพยักหน้าให้เกลี้ยงอีก เกลี้ยงเข้ามาอุ้มอีกครั้งอย่างลำบาก นรินทร์ดิ้นสุดแรงปัดป่ายแขนไม่ยอมไปเอาแต่เรียกร้องหาพรพจี
“ไม่ จี ฉันจะไปหาจี จีไม่อยู่แล้ว จีอยู่กับชู้ จีอยู่กับไอ้ธรใช่ไหม”
วิษธรหลบมุมแอบมองอยู่ห่างๆ อยากจะเข้าไปช่วย แต่ก็ห้ามใจตัวเองไว้ อรดีอยู่ข้างๆ ตำหนิพรพจีไม่หยุด
“เห็นไหมคะว่าอาการหนักมาก เป็นเพราะอาจีแน่ๆ เลยค่ะ อารินเลยเป็นแบบนี้”
วิษธรมองภาพตรงหน้าด้วยความสงสารนรินทร์
“ดูเหมือนว่าอารินจะคิดว่าธรเป็นคนพาอาจีไป ธรไม่ได้พาอาจีหนีไปใช่ไหมคะ
วิษธรนิ่งไปไม่พูดอะไร
“ดี้ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าธรจะทำ ทำไมธรไม่ไปอธิบายให้อารินเข้าใจล่ะค่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันไปหมด ให้ดี้ไปช่วยอธิบายก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก ผมจะหาทางออกเอง”
วิษธรกดโทรศัพท์โทร.ออกทันที รอจนมีคนรับ
“สวัสดีครับ โรงพยาบาลใช่ไหมครับ ช่วยส่งรถมารับผู้ป่วยอยู่บ้านเลขที่...”
นรินทร์นอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลแล้ว มีพยาบาลตรวจดูสายน้ำเกลือและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ ภัทร์ธีราเข้ามาดูอาการ นั่งลงที่ข้างเตียง วิษธรเดินตามเข้ามา
“อาริน”
“เพิ่งฉีดยาคลายเครียดให้ คงจะหลับอีกยาวค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณหมอจะมาดูแผลกดทับให้ค่ะ” พยาบาลบอก
ภัทร์ธีราขอบคุณนะคะ
พยาบาลยิ้มรับ แล้วเดินออกไป วิษธรเดินมายืนข้างๆ
“อาคุณคงยังไม่ตื่นอีกพักใหญ่ คุณกลับไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมให้พยาบาลพิเศษมาดูแลให้”
“ไม่ต้อง อาของฉัน ฉันดูแลเองได้ คุณไม่ต้องยุ่ง” ภัทร์ธีราเสียงขุ่น
“ผมก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอก แต่ป้าหวาดฝากให้ผมช่วยดู”
“ถ้าไม่อยากยุ่ง ก็กลับไปซะ”
“โอเค ผมกลับก็ได้ แต่คุณแน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้”
“แน่ใจ”
“ตามใจคุณแล้วกัน”
รอจนวิษธรเดินพ้นห้องออกไป ภัทร์ธีราฟุบหน้าลงกับเตียงนรินทร์ ปล่อยโฮออกมาอย่างอ่อนล้าโรยแรง
ทางด้านพรพจีกำลังลงครัวทำอาหารอย่างอารมณ์ดี จนกระทั่งเห็นวิษธรเดินเข้าบ้านมา พรจีหันไปมอง ยิ้มทักด้วยความดีใจ
“หิวไหมคะ อาหารใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ”
วิษธรมายืนข้างๆ หน้าตาซีเรียส
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียดจัง”
“จี คุณกลับบ้านรมย์ฤดีก่อนดีไหม”
พรพจีย้อนถามเสียงขุ่น ไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงคะ ทำไมคุณพูดแบบนี้”
“ใจเย็นๆ ก่อน คือคุณรินเข้าโรงพยาบาล มีแผลกดทับอาจจะติดเชื้ออาการทางใจก็ค่อนข้างแย่ ผมต้องเรียกรถพยาบาลไปรับ เขาเอาแต่เพ้อเรื่องที่คุณหนีไป”
พรพจีนิ่งไป วิษธรจับมืออย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไรนะ ถ้าคุณจะกลับไปดูอาการเขา ผมเข้าใจ”
พรพจีแค่นหัวเราะเสียงเย็นชา “ใครจะกลับไปล่ะ”
“จี”
“คุณตกหลุมพรางคุณรินเข้าแล้วละ คนอย่างเขาจะเป็นอะไรได้ นอกจากเรียกร้องความสนใจเหมือนเด็กๆ พอไม่ได้ดั่งใจก็โวยวายให้มากขึ้นจะได้เข้าโรงพยาบาล คุณรินไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
วิษธรมองพรพจีอึ้งๆ
“แต่น้องจ๋าดูเครียดมาก ผมคิดว่า...”
“น้องจ๋าจัดการได้ คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ ฉันรู้จักเขาดีมันเป็นวิธีการที่เขาใช้ประจำแล้วได้ผล เขาก็จะใช้มันเรื่อยๆ” พรพจีขยับเข้าไปกอดเขา “ตอนนี้ฉันไม่อยากสนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น นอกจากคุณ”
วิษธรกอดพรพจีตอบด้วยสายตาเรียบเฉยอ่านไม่ออก
“แค่มีคุณก็พอแล้วนะธร ทรัพย์สินเงินทองอะไรฉันไม่สนใจแล้ว ฉันอยากอยู่กับคุณแค่สองคนอย่างนี้ตลอดไป”
พรพจีหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ขณะที่สีหน้าวิษธรเคียดขึ้ง
ห้องรับแขกบ้านวัชรยุทธได้ให้การต้อนรับอรดีในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงคุณหญิงทอศรีอุทานดังลั่นมาจากห้องนั้น
“คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย! เรื่องจริงเหรอดี้”
คุณหญิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจอยู่ในห้องรับแขก อรดีรีบใส่ไฟในโอเวอร์แอ็คติ้ง
“จริงแท้แน่นอนค่ะคุณหญิงแม่ขา เมื่อวานดี้ไปเยี่ยมคุณรินมาได้ยินมากับหู แล้วก็รีบมาบอกคุณหญิงแม่นี่แหละค่ะ ดี้เป็นห่วงชื่อเสียงของตระกูลที่คุณพ่อกับคุณหญิงแม่สร้างสมมา ถ้าเกิดได้ดองกับทางนั้น วัชรยุทธจะเสื่อมเสียเอานะคะ”
คุณหญิงทอศรีลูบอกตัวเองไปมา “ตายๆ ตอนฉันเจอคุณจี เขาก็ดูท่าทางสุภาพเรียบร้อยอายุปูนนี้แล้วไม่น่าหนีตามผู้ชายไปได้เลยนะ”
“คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจหรอกค่ะคุณหญิงแม่ เห็นท่าทางหงิมๆ เราจะรู้ได้ยังไง ว่าเบื้องหลังเป็นยังไง สงสารก็แต่คุณรินนะคะ พิการแล้วภรรยายังมาทิ้งไปอีก ตอนดี้ไปเยี่ยมนี่อาการหนักแล้วค่ะ ท่าทางตรอมใจ เอาแต่โวยวายหาคุณจี ร้องจนเสียงแห้งก็ไม่มีแม้แต่เงา”
“คุณจีเขาไปทำงานที่อื่นหรือเปล่า เห็นว่าโรงแรมมีสาขาที่ต่างจังหวัดด้วย”
เห็นท่าทางคุณหญิงเหมือนไม่เชื่อเต็มร้อยนัก อรดีชักเริ่มหงุดหงิด
“เอาอย่างนี้ ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อ ดี้มีวิธีพิสูจน์ค่ะ”
“ยังไง”
อรดีเข้าไปกระซิบกระซาบ คุณหญิงทอศรีฟังอย่างตั้งใจ
นรินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ภัทร์ธีราฟุบอยู่ข้างเตียง เสียงโทรศัพท์มือถือสั่น เรียกให้เธองัวเงียตื่นขึ้นมารับสายในท่าทางอันอ่อนเพลีย
“สวัสดีค่ะคุณจรัล”
จรัลโทร.มาจากโรงแรมธารา “สวัสดีครับคุณจ๋า วันนี้คุณจ๋าเข้าโรงแรมหรือเปล่าครับ”
ภัทร์ธีราหันไปมองนรินทร์ “คงไม่ได้เข้าไปค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เรื่องโคมไฟตกแต่งที่คุณจีสั่งทำพิเศษน่ะครับ ทางโรงงานผลิตแจ้งมาน่าจะผลิตไม่ทันช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงที่ตกลงกับคุณจีไว้ ดีไซเนอร์เลยสอบถามมาว่า ต้องการเปลี่ยนแบบไหมหรือจะรอ เขาเอาแบบมาให้ดูด้วยครับมีหลายแบบเลย คุณจ๋าลองเข้ามาดูไหมครับ ดูเหมือนทางโรงงานจะขอคำตอบเร็วที่สุดด้วย”
ภัทร์ธีราจับมือนรินทร์อย่างเป็นห่วง “พอดีอารินป่วยเข้าโรงพยาบาลน่ะค่ะ จ๋าจำเป็นต้องอยู่เฝ้า คงเข้าไปไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ ให้ดีไซเนอร์เลือกแบบให้ตรงกับคอนเซ็ปต์เก่าที่คุยไว้กับอาจีมากที่สุดมา 5 แบบ ส่งมาให้จ๋าทางไลน์ แล้วเดี๋ยวจ๋าตัดสินใจเองค่ะ”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ภัทร์ธีราวางสาย ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน กุมมือนรินทร์ต่ออย่างเป็นห่วง
อีกฟาก ที่โต๊ะอาหารบ้านวัชรยุทธ สามคนพ่อแม่ลูกนั่งกินข้าวกันอยู่ด้วยกัน คุณหญิงทอศรีเปิดประเด็นขึ้นว่า
“นี่คุณ วันนี้เราไปเยี่ยมคุณนรินทร์กันนะ”
“ไปวันนี้เลยเหรอ ปุบปับจริง” ท่านนายพลว่า
“ก็คุณรินเขาเข้าโรงพยาบาล ท่าทางป่วยหนัก ใช่ไหมตาเอ้”
“ครับ อารินป่วย แต่เอ้ไม่รู้ว่าอยู่โรงพยาบาล”
“หนูจ๋าไม่ได้บอกเราเหรอ เป็นแฟนกันแท้ๆ อาป่วยทำไมไม่บอก” คุณหญิงติง
สรัชอึดอัด “น้องจ๋าคงกำลังยุ่งๆ เดี๋ยวคงโทร.มาบอกครับ”
“ว่าแต่คุณเถอะ แฟนเขายังไม่รู้ แล้วคุณรู้ได้ยังไง” ท่านนายพลแปลกใจ
“ดี้มาบอกฉันเมื่อเช้า เห็นว่าอาการหนัก ฉันเลยอยากไปเยี่ยม”
“ไม่ใช่ว่าไปฟังอะไรดี้เขามาใช่ไหม รายนั้นดูจะไม่ชอบคุณจีอยู่นี่”
“นี่คุณ ฉันไม่ใช่คนหูเบานะ อีกอย่างคนจะดองกันก็ต้องรู้ข้อมูลกันไว้บ้าง แล้วดี้เขาก็มาบอกเรื่องคุณรินป่วย เพราะเขาเป็นห่วง ไม่ได้มีอะไรหรอก”
“ถ้างั้นก็แล้วไป”
“พาแม่กับพ่อไปหน่อยนะลูก เราควรไปแสดงความเป็นห่วงเขาเสียหน่อย”
สรัชนิ่งไปด้วยความกังวล ไม่ได้ยินที่คุณหญิงมารดาพูด
“ตาเอ้”
สรัชสะดุ้ง “ครับ”
“แม่บอกว่าให้พาไปเยี่ยมคุณรินหน่อย เหม่ออะไรอยู่”
“เอ่อ ผมว่าถามน้องจ๋าก่อนดีไหมครับ” สรัชทักท้วง
“นั่นสิคุณ เขาจะสะดวกให้เยี่ยมหรือเปล่า ผมว่าค่อยนัดเจอกันวันที่เขาสะดวกไม่ดีกว่าเหรอ” ท่านนายพลว่า
“นี่เราก็ใกล้จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะต้องรอความสะดวกอะไรกันอีกคะ” คุณหญิงหันมาหาลูกชาย “ไม่รู้แหละ กินข้าวเสร็จแล้วพาแม่ไปด้วยนะตาเอ้”
“ครับ”
คุณหญิงทอศรียิ้มพอใจ ขณะที่สรัชมีสีหน้าเป็นกังวล
“ออกไป ออกไปให้หมด”
นรินทร์ดิ้นเต็มแรง พร้อมกับร้องโวยวายดังลั่น ไล่พยาบาลออกไป พยาบาลให้ยาเรียบร้อยก็ออกไป ตอนนี้เหลือเพียงภัทร์ธีราอยู่เป็นเพื่อน
“อาริน ให้จ๋าอยู่เป็นเพื่อนอารินนะคะ”
“น้องจ๋าไปตามจีมาสิ ไปตามจีมา นี่อาเข้าโรงพยาบาลแท้ๆ เขายังทิ้งอาได้ลงคออีกเหรอ เขาทิ้งอาแล้วจริงๆ”
“ตอนนี้อารินต้องรักษาตัวเองให้หายก่อน อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นสรัชรีบร้อนเปิดประตูเข้ามา ในมือถือกระเช้าเยี่ยมใบใหญ่
“น้องจ๋า”
ภัทร์ธีราประหลาดใจ “พี่เอ้ พี่เอ้รู้ได้ยังไงคะ”
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่ล่ะคะ ช่างเถอะค่ะ ตอนนี้มีเรื่องด่วน คือแม่พี่...”
สรัชพูดไม่ทันจบคำดีคุณหญิงทอศรีก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมนายพลสุทธิ ภัทร์ธีรารีบยกมือไหว้
“คุณหญิงแม่ คุณพ่อ สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองท่านรับไหว้ “สวัสดีจ้ะ” / “สวัสดีลูก”
“ฉันได้ข่าวว่าคุณรินป่วย เลยอยากมาเยี่ยมน่ะจ้ะ สวัสดีค่ะคุณริน”
นรินทร์งงๆ ที่อยู่ๆ เห็นคุณหญิงทอศรีกับนายพลสุทธิมาเยี่ยม แต่ก็ยกมือไหว้ทั้งสองอาวุโส
“ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยมอาริน”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เราคนกันเอง หนูจ๋าเป็นเด็กน่ารักจริงๆ มาดูแลอาด้วยตัวเองเลย อย่างนี้งานที่โรงแรมอาจีคงดูแลอยู่ใช่ไหมคะคุณริน”
ได้ยินชื่อพรพจีนรินทร์ก็ปรี๊ดขึ้นมาทันที ด่าสาดเสียเทเสีย
“ผู้หญิงอย่างนั้นจะไปสนใจอะไร ผัวแก่พิการอย่างผมยังทิ้งไปได้ นังผู้หญิงหลายใจ”
คุณหญิงทอศรียกมือทาบอกอุทานลั่น
“คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย”
ภัทร์ธีราพยายามปราม “อาริน อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะคะ”
นรินทร์ไม่ฟังประจานพรพจีต่อ “ก็มันเรื่องจริงนี่ คนจะได้รู้ไปเลยว่ามันใจดำทิ้งผัวพิการไปได้ลงคอ”
ภัทร์ธีราหนักใจ “อาริน”
สรัชเอ่ยขึ้น “แม่ครับ เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่านะครับ น้องจ๋าพี่กลับก่อนนะคะ”
“เราเพิ่งมาเองนะตาเอ้” คุณหญิงไม่อยากกลับ
“ไปก่อนน่าคุณ” นายพลสามีบอก
สรัชรีบดึงพ่อและแม่ออกไปเลย ภัทร์ธีราเครียดหนัก
สามคนเดินคุยกันมาตามโถงทางเดิน
“ตอนแรกแม่ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่ดี้บอก แต่ลูกก็เห็นแล้ว คุณจีทิ้งคุณรินไปจริงๆ”
“อารินกำลังเครียดน่ะครับ เลยพูดไปเรื่อย” สรัชแก้ต่าง
“ยังจะแก้ตัวแทนอีกเหรอ เราปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้นะลูก”
“ทำไมล่ะครับ”
“เอ้ แม่เคยบอกแล้วว่าคนที่จะมาเป็นสะใภ้ของวัชรยุทธจะต้องไม่ด่างพร้อย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่นี่ แม่รับไม่ได้หรอกนะ จะให้เราดองกับครอบครัวพิสดารแบบนี้ได้ยังไงกัน”
“คุณ ค่อยๆพูดกันเถอะ” ท่านนายพลปราม
สรัชแย้งว่า “ทุกครอบครัวมีปัญหาครับแม่ น้องจ๋าไม่ได้ทำอะไรผิด ผมรักน้องจ๋า แล้วผมก็จะรักครอบครัวของเขาด้วย”
“เอ้ยังไม่ได้เป็นครอบครัวกับเขาเลยนะ เป็นเพื่อนกันก็ช่วยกันปัญหาได้นะลูก แต่ไม่ใช่รับปัญหาคนอื่นเข้ามาเป็นปัญหาของตัวเองแบบนี้ คนอื่นเขาจะมองครอบครัวเราไม่ดีไปด้วย แม่ยอมไม่ได้”
“ผมว่าใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คุยกันก่อนเถอะ”
“น้องจ๋าไม่ใช่คนอื่นนะครับ แล้วผมก็ไม่สนด้วยว่าใครจะมองยังไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะอยู่ข้างน้องจ๋า นั่นคือหน้าที่ของคนรักกันครับ ไม่ใช่ว่าพอน้องจ๋ามีปัญหาก็ทิ้งไปเฉยๆ ผมทำไม่ได้”
“ผู้หญิงดีๆ กว่านี้มีเยอะแยะ ทำไมต้องไปยุ่งกับคนมีปัญหาด้วย แล้วเรื่องฉาวโฉ่แบบนี้มันจะทำให้เราเสียหาย”
“น้องจ๋าเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในสายตาผมครับ ถ้าใครจะมองเราเสียหายเพราะเรื่องนี้ผมเลิกคบ”
คุณหญิงโกรธ “ตาเอ้! ทำไมถึงหน้ามืดตามัวนัก เอ้ไม่เคยเถียงแม่ขนาดนี้มาก่อนเลย นี่เอ้กล้าขัดใจแม่เพราะคนอื่นเหรอ”
“จ๋าไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นผู้หญิงที่ผมรัก”
“ตาเอ้”
นายพลสุทธิห้ามทัพแม่ลูก “ใจเย็นกันหน่อย ไม่อายคนอื่นหรือไง”
คุณหญิงทอศรีสะบัดหน้าหนีอย่างโกรธๆ สรัชมองตามหน้าเครียด
นรินทร์นอนหลับไปเพราะฤทธิ์ยา พยาบาลตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนหันไปยิ้มบอกภัทร์ธีรา
“มีอะไรเรียกได้ทันทีนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พยาบาลเดินออกไปวิษธรเดินสวนเข้ามา ในมือถืออาหารและของบำรุงต่างๆ ภัทร์ธีราเห็นเป็นวิษธรก็หันหน้าหนี วิษธรยื่นน้ำผลไม้ให้
“ผมซื้อมาฝาก”
“ฉันไม่กิน”
“ดื่มเสียหน่อยเถอะ คุณซูบไปมาก ผมซื้อมาหลายอย่าง ถ้าคุณไม่ชอบน้ำส้มก็เลือกเอาอย่างอื่นก็ได้”
“คุณต้องการอะไร”
“ผมกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไป ดูท่าจะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืนใช่ไหม”
“ฉันหมายความว่า ที่คุณมาทำดีกับฉันคุณต้องการอะไร” ภัทร์ธีราถามเสียงดังขึ้น
“คุณมีอะไรที่ผมต้องการหรือไง”
“ใช่สิ ฉันไม่ใช่เป้าหมายของคุณ เพราะสิ่งที่คุณต้องการมันใหญ่กว่านั้น”
“ที่ผมมาก็แค่เป็นห่วงแทนคุณจี เพราะเห็นคุณดูแลคุณรินอยู่คนเดียว”
ภัทร์ธีราจ้องหน้าเขา “ถ้าคุณเป็นห่วงฉันจริงก็พิสูจน์สิ”
“ยังไง”
“คืนอาจีมาให้ฉัน”
“ผมจะคืนให้คุณได้ยังไงในเมื่อผมไม่ได้เอาไป”
“โกหก อารินเป็นถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังใจดำซ่อนอาจีไว้ได้ลงคอ เลวที่สุด”
“ผมบอกแล้วไงว่าผม...”
ภัทร์ธีราเถียงวิษธรจนหน้ามืดทรุดลง วิษธรรีบเข้าไปประคอง
“คุณ”
วิษธรเขย่าตัวภัทร์ธีราอย่างเป็นห่วง
“น้องจ๋า”
พยาบาลประคองภัทร์ธีราออกมาจากห้องตรวจ วิษธรนั่งรออยู่รีบลุกเข้าไปช่วยประคองแต่ถูกภัทร์ธีราสะบัดตัวออก
“ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้”
“อย่าดื้อน่า คุณป่วยอยู่นะ เดี๋ยวก็เป็นลมไปอีกหรอก”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ยังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรอีก อยู่ดีๆ ก็วูบไป”
“หมอบอกว่าแค่อ่อนเพลีย กินยาบำรุงเดี๋ยวก็หาย ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“ก็ดี ถ้าคุณตายไปง่ายๆ ผมคงรู้สึกผิดแย่”
วิษธรจับมือภัทร์ธีรามาคล้องแขนเขาไว้ ภัทร์ธีราพยายามขัดขืนแต่วิษธรจับไว้แน่น
“ถ้าไม่อยากตายง่ายๆ ก็ต้องพักผ่อน เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน ให้คุณดามาเฝ้าแทนก็ได้”
ภัทร์ธีรารวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายสะบัดออก
“ฉันจะพักได้ก็ต่อเมื่อคุณคืนอาจีมา ถ้าไม่ก็กลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก แล้วก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมให้คุณหลอกอาจีได้ง่ายๆ ฉันจะตามหาอาจีจนเจอ และพาอาจีกลับมาให้ได้”
ภัทร์ธีราพูดออกมาด้วยท่าทีอ่อนเพลียแต่ยังแน่วแน่และมุ่งมั่น แล้วเดินไปทางห้องพักนรินทร์
แววตาของวิษธรที่มองตามไป เหมือนมีความรู้สึกผิดฉายขึ้นมาแว่บหนึ่ง แว่บเดียวเท่านั้น
อ่านต่อ ตอนที่ 15
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์