xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่13

เช้าวันนี้ ภัทร์ธีรานัดกับนักสืบพิภพ ที่ร้านกาแฟร้านเดิม เธอเดินมาดมั่นเข้าไปหาพิภพที่นั่งรออยู่แล้ว

“สวัสดีค่ะคุณพิภพ”
“สวัสดีครับคุณจ๋า”
“เจอข้อมูลบางอย่างที่น่าสงสัยแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ” พิภพยื่นซองเอกสารที่เตรียมมาให้ “นี่เป็นเอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ ที่คุณวิษธรทำไว้”
ภัทร์ธีราหยิบเอกสารในซองมาเปิดดู เงยหน้ามาถามด้วยความสงสัย
“คุณบอกว่านี่เป็นเอกสารของนายวิษธร” พิภพพยักหน้ารับ ภัทร์ธีราอึ้งๆ งงๆ “แต่ชื่อเป็นของ...”
พิภพเสริมขึ้นว่า “ดนัย วรกานต์ครับ ส่วนใหญ่คุณวิษธรทำธุรกรรมโดยใช้ชื่อของพี่ชาย ดนัย วรกานต์”
ภัทร์ธีราประหลาดใจมากๆ “ทำไมต้องใช้ชื่อคนอื่นคะ”
“เรื่องนั้นคงต้องสืบกันต่อไปครับ ถึงพยายามปิดให้มิดยังไง แต่ความลับก็ไม่มีในโลกหรอกครับ เชื่อมือผมเถอะ มีอีกเรื่องหนึ่งครับ” พิภพยื่นเอกสารให้ “ภูมิลำเนาเดิมของคุณวิษธรก่อนจะย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่กรุงเทพฯ”
ภัทร์ธีราอ่านเอกสาร “เชียงใหม่ ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นคนเชียงใหม่”
“ดูเหมือนว่าจะมีการซื้อขายที่ดิน แล้วก็เดินทางไปภาคเหนือบ่อยๆ ด้วยครับ”
“แล้วเรื่องครอบครัว”
“ตอนนี้ผมกำลังสืบเรื่องครอบครัวอยู่ ถ้ามีความคืบหน้ายังไงผมจะรีบบอกคุณทันทีครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ภัทร์ธีราตรวจดูเอกสารด้วยสีหน้ครุ่นคิดตรึกตรอง

แยกจากนักสืบ ภัทร์ธีราพกความสงสัยกลับมายังบ้านรมย์ฤดี หญิงสาวรีบร้อนเดินเข้าบ้านเหลียวมองหาพรพจี พบว่าอาจีของเธอแต่งตัวสวยเช้งเดินลงบันไดมาพอดี
“อาจีจะไปไหนคะ”
“อาจะออกไปช็อปปิ้งหน่อย มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“จ๋ามีเรื่องจะบอกอาจีน่ะค่ะ เรื่องคุณวิษธร”
พรพจีหน้าตึงเสียงขุ่น “น้องจ๋า เราคุยเรื่องนี้กันเป็นสิบครั้ง...”
ภัทร์ธีราสวนขึ้น “คุณธรทำธุรกรรมโดยใช้ชื่อของคุณดนัย อาจีรู้หรือเปล่าคะ”
พรพจีตกใจนิดๆ “น้องจ๋าว่ายังไงนะ”
ภัทร์ธีรายื่นเอกสารให้ “นี่เป็นข้อมูลที่จ๋าหามาได้ค่ะ หลักฐานว่าเขาทำธุรกรรมโดยใช้ชื่อคุณดนัย และพื้นเพเดิมเขาเป็นคนเชียงใหม่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ด้วย”
พรพจีรับเอกสารมาอ่านแล้วนิ่งงันไป
“เขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองแต่ใช้ชื่อพี่ชาย ทำเหมือนกับต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็วางแผนกันกับพี่ชายเพื่อต้องการจะฮุบธุรกิจของคนอื่น”
พรพจีนิ่งคิด ภัทร์ธีรามองลุ้นๆ แต่แล้วพรพจีก็หัวเราะร่าออกมา
“อาจีขำอะไรคะ”
“อาขำเรานะสิ ช่างจินตนาการจริงๆ ที่ธรทำน่ะเป็นเรื่องปกติมากของนักธุรกิจที่จะมีนอมินีแทน เพื่อความสะดวกหลายๆ อย่าง อีกอย่างคุณดนัยเขาก็เป็นหุ้นส่วนของธรอยู่แล้วด้วย ไม่ได้มีเจตนาอะไรแบบที่น้องจ๋าว่าหรอกจ้ะ” พรพจีจ้องหน้าหลานสาวเชิงตำหนิ ว่าแต่น้องจ๋าไปเอาเอกสารพวกนี้มาจากไหนกันจ๊ะ อย่าบอกนะว่าตามสืบเรื่องส่วนตัวของธรเขา”
ภัทร์ธีราย้อนว่า “ก็อาจีไม่ยอมเชื่อนี่คะ จ๋าก็เลยจำเป็นต้องหาหลักฐานมาสนับสนุน”
“แต่หลักฐานที่น้องจ๋าหามามันไม่ได้บอกตรงไหนเลยนี่จ๊ะ ว่าธรเป็นคนไม่ดี ที่เขาทำทุกอย่างมันเป็นเรื่องของธุรกิจ”
“วันก่อนจ๋าเจอคุณดนัยที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะคะ ได้ยินว่าเขาทำรีสอร์ตอยู่ที่สุโขทัย เห็นคุณดนัยบอกว่าตอนนี้คุณธรลาออกจากโรงแรมแล้วก็จะกลับไปช่วยบริหารด้วย อาจีรู้เรื่องนี้หรือเปล่าคะ”
พรพจีมีสีหน้าแปลกใจมาก ภัทร์ธีราดูออก
“แปลกใช่ไหมคะ บ้านเดิมอยู่เชียงใหม่ แต่ทำไมต้องไปทำรีสอร์ตที่สุโขทัยด้วย”
“ไม่เห็นแปลกอะไรนี่จ๊ะ ธรเดินทางไปดูที่ดินจังหวัดโน้นนี้บ่อยๆ เขาอาจจะติดใจที่ดินที่สุโขทัย เลยตัดสินใจทำรีสอร์ท ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลยนี่จ๊ะ”
ภัทร์ธีราไม่ยอมแพ้ “แล้วที่เขาจะแต่งงานกับพี่ดี้ ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยด้วยใช่ไหมคะ”
พรพจีประหลาดใจ “แต่งงาน”
“ค่ะ พี่ดี้บอกว่าคุณวิษธรกำลังจะแต่งงานกับเธอ”
คราวนี้พรพจีมีสีหน้าตกใจมากเอาการ

วิษธรยืนรออยู่ในห้างตามที่นัดกันไว้โบกมือให้พรพจีที่เดินตรงมาหา พรพจีโบกมือตอบฝืนยิ้มให้ ถัดมาวิษธรเดินดูของตกแต่งบ้านในห้าง ท่าทางดูมีความสุข แต่พรพจีดูฝืนๆ จังหวะหนึ่งวิษธรหยิบของมาถามความเห็นพบว่าพรพจีดูเหม่อๆ จนวิษธรต้องจับมือพรพจีมากุมไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเครียดๆ”
“เปล่าค่ะ”
“ต้องมีอะไรแน่ๆ บอกผมมาเถอะครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“คนที่ถามต้องเป็นฉันมากกว่าค่ะ” พรพจีว่า
วิษธรมองฉงน “หือ”
“คุณไม่มีอะไรจะบอกฉันเหรอคะ”
วิษธรย้อนถามน้ำเสียงเครียด “หมายความว่ายังไงครับ”
“ฉันได้ยินมาว่า คุณกำลังจะแต่งงานกับคุณดี้”
วิษธรงงมาก “ผมเนี่ยนะ จะแต่งงานกับคุณดี้ ไร้สาระน่ะ”
“น้องจ๋าบอกว่าคุณดี้เป็นคนพูดเองค่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่เรื่องจริงนะสิครับ ผมไม่เคยพูด ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานกับคุณดี้แม้แต่ครั้งเดียว”
พรพจียังไม่เชื่อนัก “จริงเหรอคะ”
วิษธรถอนหายใจ สีหน้าเศร้า “บางทีผมก็เริ่มจะน้อยใจแล้วนะ ที่คุณไม่เคยเชื่อใจผมเลย ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยคิดนอกใจคุณ”
พรพจีใจหาย “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะธร”
“คุณเคยบอกว่าคุณจะเชื่อใจผม แล้วก็ไม่หึงแบบไม่มีเหตุผล แต่นี่...”
“ฉันขอโทษค่ะธร อย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันก็แค่สงสัยว่าถ้าไม่ใช่เรื่องจริงทำไมดี้ถึงกล้าพูด”
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาทำแบบนี้ทำไม และผมก็ไม่สนด้วย ผมสนใจแค่คุณคิดยังไง และคุณก็คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงโดยที่ไม่ได้ถามผมด้วยซ้ำ”
“ธรคะ ฉันขอโทษ ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ฉันเชื่อใจคุณที่สุด” พรพจีจับมือเขามากุมบีบเบาๆ “อย่าโกรธฉันเลยนะคะ นะๆ”
“ก็ได้ครับ แค่คราวหลังเชื่อใจผมมากกว่าคนอื่นก็พอ นะครับ”
“ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณมากกว่าใครในโลกนี้เลย”
พรพจียิ้มกว้าง วิษธรยิ้มตอบอย่างพึงพอใจ


คุณอุไรนั่งจ้องหน้าอรดีที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว อิชยามองอย่างเอือมระอา
“ไหนบอกแม่มาซิ ว่าไปพูดแบบนั้นได้ยังไง”
“พูดอะไร”
“ก็พูดว่าเราจะไปแต่งงานกับคุณธร ทั้งที่เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยน่ะสิใครรู้เข้า เขาจะเม้าท์กันขนาดไหน”
“ไม่แต่งวันนี้ สักวันธรก็ต้องแต่งกับดี้อยู่ดี และดี้ก็ต้องทำให้ธรแต่งงานกับดี้ให้ได้ด้วย มีข่าวไปก็ไม่เห็นเป็นไร ดีเสียอีกผู้หญิงคนอื่นจะได้ไม่มายุ่มย่ามกับธรของดี้”
“เป็นสาวเป็นนางพูดจาให้ดีหน่อยลูก” อุไรตำหนิ
“ดี้ไม่ได้เป็นสาวแล้ว ดี้เป็นนาง เป็นหม้ายเคยแต่งงานแล้ว จะพูดอะไรก็ได้” อรดีแถไปเรื่อยเปื่อย
“ถึงเป็นหม้าย...”
อรดีสวนขึ้นมาอย่างขัดใจ “ถึงเป็นหม้ายก็ต้องมีศักดิ์ศรี รู้แล้วน่ะ แม่บอกดี้เป็นร้อยครั้งแล้ว แต่สมัยนี้จะมานั่งห่วงศักดิ์ศรีก็อดสิ เดี๋ยวนี้ใครดีใครได้ทั้งนั้น ดี้ไม่มีทางนั่งรอเฉยๆ ดูธรโดนคนอื่นคาบไปกินหรอก ยังไงดี้ก็ต้องจับธรมาเป็นของดี้ให้ได้”
คุณอุไรจะเป็นลม อิชยายื่นยาดมให้อย่างรู้งาน แล้วหันไปมองค้อนพี่สาว
“คุณธรเขาเป็นคนฉลาดคงไม่ยอมให้จับได้ง่ายๆ หรอกพี่ดี้ อีกอย่างเขาก็เป็นหนุ่มเสน่ห์แรง สาวๆ สนใจเยอะแยะ พี่ดี้เผื่อใจไว้บ้างก็ดีนะคะ”
“แกพูดอย่างนี้ แกหาว่าฉันจะแพ้คนอื่นอย่างนั้นเหรอ เป็นน้องฉันก็ต้องเข้าข้างฉันสิยะ” อรดีฉุน
“ยาเข้าข้างความเป็นจริงค่ะ”
“ความเป็นจริงก็คือ ในบรรดานังพยาบาลแอ๊บแบ๊วและก็ยัยแก่ทิ้งผัว ฉันมีดีที่สุดที่ธรสมควรเลือก พอจะทำให้แกเข้าข้างฉันได้หรือยัง”
อิชยาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ยื่นยาดมให้คุณอุไรต่อ

สองคนอยู่ร้านกาแฟภายในห้าง วิษธรซื้อกาแฟมาวางให้ พรพจียิ้มรับมา
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ ธรคะ คราวที่แล้วที่คุณไปดูที่ดิน อยู่ในเชียงใหม่ใช่ไหมคะ”
“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“คุณได้กลับไปเยี่ยมบ้านหรือเปล่า”
วิษธรมีสีหน้าสงสัย
“ฉันได้ยินมาว่าภูมิลำเนาเดิมคุณเป็นคนเชียงใหม่ ก็เลยคิดว่าคุณมีบ้านอยู่ที่นั่นน่ะค่ะ”
วิษธรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมเกิดที่เชียงใหม่ครับ ภูมิลำเนาเลยอยู่เชียงใหม่ แต่พ่อแม่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ผมอายุได้ 7-8 ขวบ”
“อ๋อ อย่างนั้นเองเหรอคะ คุณไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลย”
“ผมเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แล้วมันก็นานมาแล้วตั้งแต่ผมยังเด็กก็เลยไม่ได้เล่า ความจริงผมก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ว่าแต่คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
วิษธรจ้องหน้าพรพจีอย่างค้นหาความจริง เล่นเอาเธอต้องหลบตาวูบ
“หรือว่าคุณจ้างนักสืบ ระแวงผมเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฉันรู้เรื่องนี้จากทนายน่ะค่ะ ตอนที่จัดการเรื่องเอกสารการโอนหุ้นให้คุณ”
“จี ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนี้ ผมไม่อยากได้หุ้นจากคุณ”
“แต่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วนี่คะ เหลือแค่คุณเซ็นรับอย่างเดียวเท่านั้น นะคะธร อย่าคิดมากเลย ฉันอยากให้คุณกลับมาช่วยบริหาร ไม่อย่างนั้นโรงแรมต้องล่มอีกแน่”
“ผมพร้อมที่จะให้คำปรึกษาคุณตลอดเวลา คุณรินกับน้องจ๋าก็อยู่ โรงแรมไม่ล่มหรอกครับ อีกอย่างผมไม่อยากได้ชื่อว่าเกาะคุณกินโดยการให้คุณมายกนั่นนี่ให้”
พรพจีครวญ “ธร”
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ”
พรพจีหนักใจ คิดหาหนทางทำให้วิษธรยอมรับให้ได้

ร้านอาหารของสรัชเปิดให้บริการวันนี้แล้ว นายพลสุทธิและคุณหญิงทอศรียืนอยู่ในร้านแห่งนี้ด้วยสีหน้าท่าทางอันตื่นเต้น สรัชเอามือปิดตาคุณหญิงมารดาไว้แล้วค่อยๆ เอามือลง ผายมือให้บิดาและมารดา ดูภายในร้าน ที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยในบรรยากาศอบอุ่น สวยงาม
“แต่นแต๊น” สรัชยิ้มกว้างภาคภูมิใจ
นายพลสุทธิ และคุณหญิงทอศรีพากันมองรอบๆ ร้าน ยิ้มปลื้มชื่นใจ
“เป็นไงบ้างครับ”
“สวยดีลูก กว้างกว่าที่คิดนะ” ท่านนายพลว่า
“ก็สวยดีนะ แต่แม่ว่าแคบไปนิด” คุณหญิงติง
หลังจากนั้นทั้งสองท่านก็โต้กันไปมา
“สีขาวทำให้ดูกว้างขึ้นนะคุณ โปร่งดี พ่อชอบ”
“สีขาวสกปรกง่ายจะตายไป”
“โต๊ะไม้สีอ่อนสวยดีนะลูก พ่อชอบ”
“สีอ่อนแบบนี้ไม่เลอะง่ายเหรอลูก” คุณหญิงบอก
นายพลสุทธิหันไปพยักพเยิดกับลูกชาย สรัชยิ้มอ่อนๆ
“แล้วการตกแต่งมันน้อยไปไหมลูก นี่ทำเสร็จแล้วเหรอ แม่ว่ามันยังโล่งไปนะ”
“เด็กรุ่นใหม่เขาชอบแบบเรียบๆ น่ะคุณ”
“มินิมอลสไตล์น่ะครับแม่” สรัชเสริม
“มินิมอลอะไรกัน ดูโล่งเกิน”
คุณหญิงทอศรีเดินไปบ่นไป ตำหนิเป็นจุดๆ
“ตรงนี้น่าจะมีแจกันดอกไม้ใหญ่ๆ เสียหน่อย แจกันเล็กแบบนี้ใครจะไปมองเห็น”
“คนอื่นไม่ได้สายตาแบบคุณนะ ผมว่าน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มดีออก” ท่านนายพลท้วง
“เอ๊ะคุณนี่ อย่ามาขัดคอฉันได้ไหม”
คุณหญิงค้อนควัก เดินหนีสามีไปชี้ที่ใหม่
“นี่ตาเอ้โคมไฟเล็กๆ แบบนี้น่ะเปลี่ยนเถอะ แม่ว่าใช้แชนเดอเลียเหมือนที่บ้านเรามาแขวน น่าจะทำให้ดูหรูนะ แล้วก็...”
คุณหญิงทอศรีจะเดินไปชี้อีกที่ แต่ดันเกิดหน้ามืดเสียก่อน
“อ้าวคุณ” ท่านนายพลเข้าไปประคองภรรยาพร้อมกับหัวเราะขำๆ “ดูแม่แกสิ บ่นจนจะเป็นลม”
คุณหญิงค้อนสามีที่กำลังหัวเราะชอบอกชอบใจ
“นี่มันร้านของลูกนะ เชื่อใจลูกแล้วปล่อยให้ลูกทำเองเถอะ เราดูอยู่ห่างๆ ก็พอ”
คุณหญิงทอศรีมองสรัชอย่างเป็นห่วง
“แม่ไม่ต้องห่วงเอ้หรอกครับ เอ้ทำได้ ร้านอาหารของเอ้ทีเด็ดอยู่ที่อาหารนะครับ รอชิมแล้วแม่จะรู้ว่าร้านเอ้ต้องขายดีแน่ๆ”
ทั้งสองท่านพยักหน้าเชิงสนับสนุน สรัชยิ้มกว้าง
“งั้นพาแม่แกไปนั่งรอกินของอร่อยกันดีกว่า”


สรัชพาบุพการีมานั่งตรงโต๊ะที่จัดเตรียมไว้แล้ว โรจนายกอาหารและเครื่องดื่มเข้ามา
“ทุกคนครับขอแนะนำให้รู้จัก สุดยอดเชฟที่ส่งตรงมาจากอเมริกา เชฟโรส ครับผม”
“สวัสดีค่ะ” โรจนาวางจานอาหารลง แล้วยกมือไหว้ทั้งสองท่าน “อันนี้เป็นเมนูที่โรสคิดขึ้นมา
ใหม่สำหรับร้านนี้โดยเฉพาะเลยค่ะ ลองทานดูนะคะ”
อาหารสวยงามน่าทานแต่แปลกตาจนดูไม่ออกว่าเป็นอะไร คุณหญิงเขี่ยๆ ดูอย่างสงสัย ท่านนายพลมองอย่างประหลาดใจ พลางออกปากชม
“สวยดีนะลูก”
“เชฟโรสเป็นเชฟที่ทำอาหารฟิวชั่นน่ะครับ เธอเก่งเรื่องการประยุกต์อาหารจากหลายสัญชาติมารวมกัน ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะครับ อร่อยมากด้วยชิมเลยครับพ่อ”
นายพลสุทธิตกชิม สรัชมองลุ้น
“อื้อหือ อร่อยมากลูก ถึงหน้าตาจะดูต่างประเทศ แต่รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน”
สรัชยกนิ้วโป้งให้เชฟคนดัง โรจนายิ้มปลื้ม
“โรสขออนุญาตเข้าไปทำอาหารต่อก่อนนะคะ เดี๋ยวเมนูต่อไปจะตามมาค่ะ”
สรัชพยักหน้ารับเอาคำ โรจนาเดินออกไป นายพลสุทธิยังคงกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ไม่ลองหน่อยเหรอคุณ อร่อยนะ”
“เอ๊ะ คุณก็คะยั้นคะยอฉันจริง จะอร่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้”
คุณหญิงทอศรีตักชิม ลิ้นสัมผัสได้ถึงความอร่อย แต่เก็บอาการตักกินอีกรอบ
“อร่อยล่ะสิ”
“ฉันไม่อยากให้คนทำเขาเสียน้ำใจ”
นายพลสุทธิกับสรัชยิ้มให้กันอย่างรู้แกว
“กินเยอะๆ นะครับแม่ พ่อด้วย มั่นใจหรือยังครับว่าเอ้จะไม่ทำร้านเจ๊ง”
สรัชยิ้มอ้อนคุณหญิงมารดา
“ก็ต้องดูกันต่อไปจ้ะ อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนทั้งนั้น”
“ถ้าเอ้เปิดร้านอาหารไปซักพักแล้วทุกอย่างลงตัว พ่อกับแม่ต้องไปขอน้องจ๋าให้เอ้นะครับ”
“ถามเจ้าตัวเขารึยัง ไปบอกกับเจ้าตัวแล้วก็ผู้ใหญ่ฝั่งนู้นก่อนไหมจ๊ะ”
“ไม่มีปัญหาครับ แม่ก็รู้ว่าเอ้เข้าตามตรอกออกตามประตูอยู่แล้ว”
คุณหญิงและท่านนายพลยิ้มพอใจ

ตอนเช้าวันต่อมา พรพจีและภัทร์ธีราถึงโรงแรมแต่เช้า เวลานี้พรพจีกำลังยืนสั่งงานลูกน้อง มีภัทร์ธีราอยู่ด้วยข้างๆ
“จัดการต้อนรับตามข้อมูลที่คุณจ๋าให้ไปนะ”
“ค่ะ”
“ลูกค้าวีไอพีคนนี้ ธรเคยดูแลจนประทับใจ อย่าให้พลาดล่ะ” พรพจีกำชับ
“ได้ค่ะคุณจี คิดถึงคุณธรนะคะ ถ้าคุณธรยังอยู่ คงช่วยคุณจีได้เยอะ”
พรพจีฟังแล้วยิ่งสะท้อนใจ คิดถึงวิษธรขึ้นมาครามครัน ภัทร์ธีรามองอาสาวอย่างไม่สบายใจ
“ส่วนอาหารมื้อต้อนรับ...”
มีเสียงข้อความไลน์ดังขึ้น พรพจีกดเปิดดู แล้วถึงกับหน้าซีด ท่าทางตกใจมากเอาการ
“คุณจีอยากเพิ่มอะไรจากที่เสนอไปไหมคะ” พนักงานถาม
“ว่าไงนะ”
“เรื่องอาหารมื้อต้อนรับน่ะค่ะ คุณจีอยากเพิ่มอะไรจากที่เสนอไปไหมคะ”
พรพจีเงยหน้าจากมือถือ มองพนักงานอย่างสับสน
“อ้อ อาหารมื้อต้อนรับ เอาสิ”
“ค่ะ คือคุณจีดูเหมือนจะเพิ่มอะไร”
“เธอคุณกับคุณจ๋าต่อเลยแล้วกัน ฉันรู้สึกไม่สบายน่ะ ขอตัวก่อนน้องจ๋าอาฝากด้วยนะ”
พรพจีรีบเดินออกไป ภัทร์ธีรามองอย่างแปลกใจ

พรพจีกำมือถือแน่นเข้ามาในห้องทำงาน เดินเซมานั่งที่เก้าอี้ แล้วเปิดมือถือดูรูปอีกครั้ง
เป็นรูปวิษธรกับอรดีกำลังนัวเนียกอดซบอี๋อ๋อกัน ในตอนที่อรดีมาบ้านวิษธรวันก่อนนั่นเอง พรพจีมองภาพนั้นนัยน์ตาวาววับด้วยความโกรธ
พรพจีหยิบเอกสารการโอนหุ้นขึ้นมาดู สลับกับมองภาพในมือถือ สุดท้ายตัดสินใจเก็บเอกสารใส่กระเป๋าลุกขึ้นกลับบ้านอย่างรีบร้อน

ไม่นานต่อที่บ้านวิษธร รูปวิษธรกับอรดีในมือถือของพรพจี ถูกวิษธรคลิกดูเหล่านั้นอย่างงุนงง พรพจีโมโหหึง
“ไหนคุณว่าไม่มีอะไรไงคะ”
“ก็ไม่มีอะไรไงครับ”
พรพจีเสียงขุ่นเขียวใส่อารมณ์เต็มที่ “ไม่มีอะไร แล้วรูปนี้มันอะไรกัน”
“จี คุณใจเย็นๆก่อน รูปนี้มันมุมกล้อง แล้วผมก็ไม่ได้มีอะไรกับดี้ เขากุเรื่องตั้งเยอะแยะคุณยังจะเชื่ออีกเหรอ”
“หลักฐานมันชัดขนาดนี้ฉันจะเชื่อคุณได้ไหม ฉันเชื่อคุณได้เหรอ”
“ใจเย็นๆ แล้วฟังผม รูปนี้คุณดี้คงให้คนแอบถ่ายตอนที่ผมประคองเขาขึ้นรถ เพราะเขาดื่มไวน์จนเมา ผมให้เกลี้ยงขับไปส่งเขาที่บ้าน ผมไม่ได้ไปส่งเขาเองด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่เชื่อไปถามเกลี้ยงดู หรือไปถามคุณจ๋าก็ได้นะ เพราะเขามาถามเรื่องงานกับผมวันนั้น แล้วเขาก็เห็นว่าคุณดี้กลับบ้านไปจริงๆ”
พรพจีเงียบไปนาน
“ว่าไงครับ คุณอยากถามใคร ใครดีที่คุณเชื่อใจมากกว่าผม ไปถามได้เลย ผมจะไปกับคุณด้วย”
พรพจีรู้สึกผีเต็มประตูเข้าไปกอดขอโทษ “ฉันขอโทษ ฉันรักคุณนะคะ ฉันทนไม่ได้ถ้าหากต้องเสียคุณไปให้คนอื่น ฉันมันบ้าเองที่หน้ามืดหึงคุณจนเกินไป อย่าโกรธฉันเลยนะ”
วิษธรละตัวออกมา “ผมทำเพื่อคุณอย่าง สิ่งเดียวที่ผมขอจากคุณคือขอให้คุณเชื่อใจแต่คุณไม่เคยทำได้เลย คุณเชื่อคนอื่น คนที่ไม่ได้สนิทกันด้วยซ้ำ แบบนี้เราจะไปต่อกันได้ยังไง ผมว่าเราพอแค่นี้ดีกว่า”
วิษธรทำท่าจะเดินออกไป พรพจีร้องไห้ เข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง รั้งไว้
“ไม่!! ไม่ธร อย่าโกรธเลยนะ ฉันรักคุณ ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ยกโทษให้ฉันนะธร”
พรพจีดึงวิษธรให้หันมาหา โน้มใบหน้าเขาเข้ามาจนใกล้หมายจะจูบ วิษธรหยุดตัวเองเอาไว้
“ผมจะรู้ได้ยังไงว่าต่อไปคุณจะเชื่อใจผม ไม่ทำให้ผมผิดหวังแบบนี้อีก”
“ฉันจะไปเอาหลักฐานให้คุณดูว่าฉันรักคุณแค่ไหน” พรพจีลูบหน้าวิษธรด้วยความรัก “รอฉันเดี๋ยวนะคะ”
พรพจีรีบออกไป วิษธรมองตามแววตาวาบขึ้นมาอย่างพอใจสมใจ


สวยเดินเข้ามาในครัวท่าทางมีพิรุธ เต่า เกลี้ยง และสวาทกำลังช่วยกันหั่นผัก เด็ดพริกเตรียมทำอาหาร
สวยกระแอมเสียงเบาเรียกร้องความสนใจ แต่ทุกคนทำงานต่อไม่สนใจ
สวยกระแอมเสียงดังขึ้นอีก ทว่าทุกคนทำงานต่อไม่สนใจ
คราวนี้สวยกระแอมเสียงดังมาก จนสำลักน้ำลายไอค่อกแค่ก
“โอ๊ย ไม่สบายก็ไปหาหมอไป๊ มาไอแพร่เชื้ออยู่ได้” เต่าด่า
“ฉันสบายดีโว้ย” สวยทำหน้าตาตื่นเต้น “ฉันมีข่าวสำคัญมาบอก”
“ข่าวอะไรของเอ็ง” เต่าหันมามอง
สวยทำท่ากวักมือประชุม เต่ากับเกลี้ยงเข้าไปสุมหัวอย่างสนใจ สวาทส่ายหน้าทำเป็นไม่สนใจแต่แอบฟังอยู่ห่างๆ
“คืองี้” สวยกระซิบกระซาบ “ฉันได้ยินมาว่าคุณธรจะแต่งงาน”
เต่ากับเกลี้ยงอุทานพร้อมกันเสียงดัง “คุณธรจะแต่งงาน”
“แล้วจะแต่งงานกับใครวะ”
“ก็คุณดี้ที่สวยๆ แซบๆ ไง”
สวาทละงานในมือ เดินเข้ามาถาม
“แกได้ยินมาจากใคร คุณธรบอกเองเหรอ”
“เปล่า คุณดี้บอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังเชื่อไม่ได้ คุณดี้อะไรนี่ดูอยากได้คุณธรจะตายไป อาจจะกุขึ้นมาเองก็ได้” เต่าว่า
เกลี้ยงใช้ความคิด “แต่อาจจะจริงก็ได้นะโว้ย คืนก่อนพี่ไปส่งคุณดี้ที่บ้าน ท่าทางเมามากอาจจะเพิ่งฉลองกันเสร็จ หลังจากขอแต่งงานกันก็ได้”
สวยเห็นด้วย “จริงพี่ คุณดี้เขาอาจจะมีทีเด็ดที่พวกเราไม่รู้ก็ได้ หึๆๆๆ”
ทั้งสามคนถกเถียงกันเสียงดัง จนสวาทต้องไล่ให้ไปทำงาน
“พอๆ ไปทำงานต่อได้แล้ว”
จิรดายืนแอบฟังอยู่หลังประตู ด้วยความเจ็บใจ

พยาบาลจอมแอ๊บเดินออกมาด้วยความหงุดหงิด แต่แล้วก็รีบฉากหลบเข้ามุม เมื่อเห็นพรพจีเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมหอบเอกสารปึกใหญ่มาด้วย พรพจีหันซ้ายหันขวาเหมือนกลัวใครเห็น แล้วรีบเดินออกไป จิรดาออกมาจากที่ซ่อนแล้วมองตามอย่างสงสัยว่าพรพจีจะหอบเอกสารไปไหน

ไม่นานต่อมาพรพจียื่นเอกสารให้ วิษธรเปิดดูเอกสารทั้งหมด พรพจีมองอย่างรักใคร่ วิษธรปิดเอกสารหน้าเครียด
“ผมบอกแล้วไงว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
“จำเป็นสิคะ ฉันอยากทำให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน”
“ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณ นอกจากความเชื่อใจเท่านั้น”
“ฉันให้คุณได้มากกว่านั้น ฉันจะให้คุณได้ทุกอย่างที่ฉันมี คุณแค่เซ็นชื่อลงไปเท่านั้น”
“ไม่ คุณก็รู้ว่าผมไม่เซ็นหรอก ผมไม่อยากเกาะใครกิน คุณอยากให้ผมเป็นคนแบบนั้นเหรอ”
“คุณไม่ได้หลอกเอาไปจากฉันเสียหน่อย ฉันเต็มใจให้คุณ คุณเป็นคนเดียวที่จะทำให้โรงแรมของเรากลับมารุ่งเรือง พอโรงแรมไม่มีคุณ ทุกอย่างก็ย่ำแย่ไปหมด พนักงานต้องการคุณ ฉันต้องการคุณ เซ็นเถอะนะคะ”
“ผมทำไม่ได้”
“ถ้าคุณไม่เซ็น ฉันก็จะลาออกด้วย”
“จี อย่างทำแบบนี้”
“โรงแรมที่คุณอุตส่าห์กอบกู้ขึ้นมา ถ้าอยู่ในมือคุณรินกับน้องจ๋าจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ คุณรินไม่เคยสนใจอะไร ส่วนน้องจ๋าก็อ่อนประสบการณ์ ถ้าพนักงานที่คุณช่วยไว้มากมายต้องมาตกงานอีกครั้ง คุณทนได้เหรอ ถ้าคุณตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว พรุ่งนี้ฉันไปจะเขียนใบลาออกเลย”
พรพจีทำท่าจะออกไป วิษธรจับมือห้ามไว้
“โอเคครับ แค่เซ็นตรงนี้ใช่ไหม”
พรพจียิ้มดีใจ “ค่ะ”
วิษธรเซ็นชื่อลงในช่องผู้รับโอนหุ้นอย่างจำใจ พรพจียิ้มโล่งใจ

พรพจีหอบเอกสารกลับบ้านมาอย่างใจชื้น นรินทร์เข็นรถออกมาจากมุมหนึ่ง พรพจีตกใจ
“ผมทำให้คุณตกใจเหรอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” พรพจีเดินหนี
“เดี๋ยวสิ ผมอยากคุยกับคุณ”
“มีอะไรอีกคะ”
“ไม่นึกเลยว่าที่ผ่านมาผมจะเข้าใจคุณผิดมาตลอด”
พรพจีมีสีหน้าแปลกใจ
“ก็เรื่องวิษธรไง ผมได้ข่าวว่าธรจะแต่งงานคุณดี้แล้วใช่ไหม เมียรักของผม ผมเข้าใจคุณผิดไปได้ยังไงนะ”
นรินทร์รู้จากจิรดาซึ่งมารายงานเรื่องเอกสารโอนหุ้นที่พรพจีถือไปบ้านวิษธรแล้ว เขาเข้ามาจับมือพรพจี จงใจทำให้ซองเอกสารหล่น และพรพจีหลงกลสะบัดมือออกเต็มแรง
เอกสารโอนหุ้นจึงหล่นกระจายตกลงมาแทบเท้านรินทร์ เขาคว้ามาอ่านอย่างรวดเร็ว
“นี่อะไร! นี่มันะไร”
พรพจีเข้าไปแย่งคืน “เอามานี่นะ”
นรินทร์ผลักพรพจีออก “คิดจะยกหุ้นให้มันเหรอ มึงกล้ายกให้มันเหรอ เห็นกูเป็นผัวพิการแล้วมึงคิดว่ากูจะนั่งโง่ๆ ให้มึงทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอไม่มีทาง”
นรินทร์ฉีกเอกสารเป็นชิ้นๆแล้วปาใส่หน้าพรพจี
“กูไม่มีวันยอม”
พรพจีมองอึ้งๆ จิรดาแอบมองอยู่ตั้งแต่ต้น ยิ้มร้ายด้วยความสะใจ

สวาทรออยู่หน้าตึก พอเห็นภัทร์ธีราลงจากรถ ก็รีบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา
“อาจีกลับมาแล้วใช่ไหมคะ จ๋าโทร.หาก็ไม่รับ ติดต่อไม่ได้เลย” ภัทร์ธีรามองหน้าสวาทอย่างตื่นตระหนก “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ เกิดเรื่องใหญ่อีกแล้ว”
ภัทร์ธีรารีบตามสวาทบ้านไปอย่างกังวล


นรินทร์พยายามฉีกทำลายเอกสารอีกอย่างบ้าคลั่ง พรพจีเข้ายื้อแย่งไว้ ถูกนรินทร์ผลักออกแล้วปาแฟ้มทิ้ง
“มึงไม่มีสิทธิ์ขายหุ้นของกูให้ชู้ที่ไหนทั้งนั้น”
“นี่มันไม่ใช่หุ้นของคุณ มันเป็นหุ้นของฉัน พ่อคุณยกให้ฉันตอนที่ฉันถูกคุณตบจนแท้งลูกไง พ่อคุณปิดปากฉันด้วยหุ้นพวกนี้ เพราะคิดว่ามันจะชดเชยชีวิตลูกของฉันได้ ในเมื่อมันเป็นหุ้นที่ฉันแลกมาด้วยชีวิตของลูกฉัน ฉันก็มีสิทธิ์จะขายมันให้ใครก็ได้!”
พรพจีพยายามบังคับตัวเองไม่ร้องไห้ เธอไม่อยากอ่อนแอให้นรินทร์เห็นอีกแล้ว แต่น้ำตาคลอขึ้นมาอย่างสุดกลั้น ภัทร์ธีราเข้ามาพอดี ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
นรินทร์โดนจี้ใจดำก็ยิ่งอาละวาด ร้องโวยวาย
“นั่นมันหุ้นของพ่อกู โรงแรมที่พ่อกูสร้างมากับมือ”
“พ่อคุณสร้าง แต่คุณเป็นคนทำลาย ฉันจะยกให้คนที่เขาจะรักษาโรงแรมนี้ไว้ได้ คุณห้ามฉันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” พรพจีร้องไห้ออกมา ระเบิดอารมณ์ใส่ “ฉันทนทรมานอยู่กับคนที่มีจิตใจวิปริตอย่างคุณมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ฉันจะฟ้องหย่า”
“หย่าเหรอ ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปจากบ้านของกู ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก กูจะไม่มีวันยอมให้มึงได้เงินไปแม้แต่บาทเดียว ดูเอาสิว่าคนอย่างมึง จะอยู่ได้โดยไม่มีเงินไหม ออกไป๊”
“ได้ งั้นฉันจะไป ฉันขอลาออก”
เห็นพรพจีจะไปจริงๆ นรินทร์ยิ่งโมโห พาลใส่
“มึงคิดจะทิ้งกูไปหาชู้เหรอ”
นรินทร์เลื่อนรถด้วยความเร็วจะพุ่งเข้าหาพรพจี ภัทร์ธีราเข้าไปขวาง
“อารินอย่าค่ะ”
เป็นผลทำให้รถของนรินทร์ชนโครมเข้าที่ภัทร์ธีราจนเธอล้มลง
พรพจีกับนรินทร์ร้องลั่น “น้องจ๋า”
“อาจีขึ้นห้องไปก่อนเถอะค่ะ จ๋าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ภัทร์ธีราดันพรพจีให้ขึ้นห้องไป พรพจีมองภัทร์ธีราด้วยความเป็นห่วง
“ไปสิคะ”
พรพจีรีบเดินขึ้นบ้านไป
“มึงไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
นรินทร์จะตามไปภัทร์ธีราดึงไว้
“อย่าค่ะอาริน อย่า”
“ปล่อยอา! มันจะไปหาชู้ อาจะฆ่ามัน ปล่อยอา”

พรพจีจ้ำออกมา จิรดาซึ่งแอบดูอยู่หลบไม่ทัน เลยทำเฉไฉไม่รู้เรื่อง
“ดาได้ยินเสียงดัง เลยรีบวิ่งมาดูน่ะค่ะ” พรพจีรำคาญจะเดินหนี “จะทะเลาะกัน ก็ไม่น่าดึงคุณธรเข้าไปเกี่ยวด้วยเลยนะคะ”
พรพจีหยุดกึก เดินเข้าหาจิรดาจ้องตาเขม็ง
“สำนึกไว้ด้วยว่าเธอคือลูกจ้างฉัน มีหน้าที่ทำงานก็ทำไป ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของคนอื่น”
จิรดารู้ว่าแอ๊บต่อไปก็ไม่เนียนแล้ว เลยเผยธาตุแท้ออกมา
“สำหรับดา คุณธรไม่ใช่คนอื่นนะคะ แล้วที่สำคัญ ดาไม่ใช่ลูกจ้างของคุณ ดากินเงินเดือนของคุณริน เจ้านายของดาคือคุณรินคนเดียวเท่านั้น”
จิรดาคิดว่านรินทร์เข้าข้างตัวเองเต็มที่ จึงกล้าประกาศตัวชัดแจ้ง พรพจีโกรธตัวสั่น พยาบาลสาวยิ้มเยาะ
“อย่าเครียดสิคะ เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองได้แตกกันพอดี ดาเตือนเพราะเป็นห่วงจริงๆ นะคะ”
พรพจีแทบอย่างจะกรี๊ดออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ข่มอารมณ์ตอบกลับแบบเหนือชั้น
“คิดว่าทำแบบนี้แล้วธรเขาจะลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับผู้หญิงราคาถูกอย่างเธอเหรอ น่าสมเพช” พรพจีเหยียดยิ้มดูแคลน “เธอกับฉันมันคนละระดับกัน อย่าคิดมาแข่งกับฉัน”
พรพจีออกไปเลย จิรดามองตามแค้น

พรพจีหุนหันเข้ามาในห้อง ตรงไปหยิบกระเป๋าเดินทางออกมากางออก คว้าเสื้อผ้ายัดใส่ลงไปในกระเป๋าอย่างรีบร้อน กดโทร.หา และคุยสายกับวิษธรไปด้วย
“ธร ธรคะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วค่ะธร พาฉันไปจากที่นี่ที ที่ไหนก็ได้ เดี๋ยวนี้เลย...เขารู้เรื่องที่ฉันโอนหุ้นให้คุณ คราวนี้จบแล้วจริงๆ ...ไม่ค่ะ! ฉันไม่แคร์อะไรอีกแล้ว ธร ฉันขอร้อง ช่วยฉันด้วย ฉันไม่มีใครอีกแล้ว จริงเหรอคะ ขอบคุณนะคะ”
พรพจียิ้มกว้างดีใจแล้วรีบเก็บของต่อ

นรินทร์ร้องไห้จะเป็นจะตาย ทำอะไรไม่ถูก ภัทร์ธีราตกใจจะลุกขึ้นแต่ก็เจ็บขาที่ถูกนรินทร์ชน
“จีจะทิ้งอาไป คราวนี้จีจะทิ้งอาไปจริงๆ”
“อาริน” ภัทร์ธีราพยายามลุกขึ้น เข้าไปกอดปลอบ “ไม่เป็นไรนะคะ อาจีแค่ยังโมโหอยู่ อาจีไม่ทิ้งอารินไปไหนหรอกค่ะ”
นรินทร์ร้องไห้อย่างหนัก “ไม่ เขาจะทิ้ง เขาจะทิ้งผัวพิการอย่างอา น้องจ๋าอาไม่เหลือใครแล้ว”
“อารินมีจ๋าไงคะ ไม่เป็นไรนะคะ หายใจเข้าช้าๆ นะคะ” นรินทร์ทำตาม ภัทร์ธีราร้องหาจิรดา “ดีค่ะ พี่ดา พี่ดาคะ อยู่ไหมคะ”
จิรดาทำเป็นรีบวิ่งมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณจ๋า”
“ช่วยจ๋าพาอารินไปพักทีค่ะ”
“ได้ค่ะ ไปกันค่ะคุณริน ใจเย็นๆ นะคะ”
สวาทเข้ามาดูเหตุการณ์เห็นแผลของภัทร์ธีราก็ตกใจ
“คุณจ๋าเป็นยังไงบ้างคะ ว้ายตาย ขาเป็นแผลนี่คะ”
“จ๋าไม่เป็นไรค่ะ ป้าหวาดไปดูอาจีดีกว่าค่ะ” ภัทร์ธีราก้มกระซิบบอก “จ๋ากลัวอาจีจะใจร้อนออกจากบ้านไป จ๋าจะอยู่เป็นเพื่อนอารินเอง”
“ได้ค่ะ แล้วอย่าลืมให้คุณดาทำแผลให้นะคะ”
“ค่ะ ป้าหวาดรีบไปเถอะ”


ภัทร์ธีรา กับจิรดาช่วยกันประคองนรินทร์ขึ้นเตียง นรินทร์ขัดขืนไม่ยอมนอน
“ปล่อย ปล่อยฉัน ปล่อยได้แล้ว”
“อารินใจเย็นก่อนนะคะ อาจีไม่ได้ไปไหนค่ะ น้องจ๋าให้ป้าหวาดไปดูให้แล้ว”
“เขาพูดเองว่าจะทิ้งฉันไปหาไอ้งูพิษ”
“คุณรินนิ่งๆ ก่อนค่ะ”
จิรดาทนไม่ไหว หยิบเข็มฉีดยาขึ้นมา
ภัทร์ธีราตกใจ “พี่ดาจะทำอะไรคะ”
“ก็จะช่วยให้คุณรินสงบลงไงคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ จ๋าดูแลอารินได้”
“แต่ถ้าคุณรินเป็นหนักกว่านี้ เราสองคนไม่ไหวหรอกนะคะ”
“จ๋าจัดการได้ค่ะ”
จิรดาหงุดหงิดรำคาญ “ตามใจค่ะ”
ภัทร์ธีราลูบแขนนรินทร์พูดปลอบโยน
“อารินใจเย็นๆ นะคะ”
จิรดามองอย่างขัดใจ

ด้านพรพจีเก็บข้าวของอย่างรีบร้อนอยู่ในห้อง จนมีเสียงสวาทตะโกนเรียกพร้อมเปิดประตูเข้ามา
“น้าเข้าไปนะคะคุณจี” สวาทเห็นพรพจีเก็บของก็ตกใจ รีบเข้ามาห้าม “คุณจีทำอะไรคะ ไม่เอาค่ะ อย่าทำแบบนี้เลย ค่อยๆ คุยกันก่อนเถอะนะคะ”
“ฉันกับเขาไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว น้าหวาดก็เห็นแล้วนี่ ว่าเราไม่เคยคุยกันดีๆ ได้เลย แล้วจะทนอยู่ไปอีกทำไม”
“ทนอีกนิดเถอะค่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เหมือนอย่างที่ผ่านมา คุณจีออกไปแบบนี้จะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ”
“ทนอีกแล้ว มีแต่คนบอกให้ฉันทน ทนๆๆ ทำไม ทำไมมีแต่ฉันที่ต้องทนอยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่นจะทำยังไงก็ได้ ก็มีแต่ฉันนี่แหละที่ต้องทน! น้าหวาดก็รู้ว่าเขาทำอะไรกับฉันบ้าง ยังจะให้ฉันทนอีกเหรอ! ไม่! ฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว”
พรพจีเร่งมือเก็บของโยนทุกอย่างลงในกระเป๋า
“น้ารู้ค่ะว่าที่ผ่านมาคุณต้องผ่านอะไรมาบ้าง น้าถึงสนับสนุนความสุขของคุณทุกอย่าง แต่อย่าไปจากบ้านนี้เลยนะคะ เห็นแก่คุณจ๋าเถอะ คุณจ๋ารักคุณจีมากนะคะ”
“ฉันก็รักน้องจ๋ามาก ที่ผ่านมาฉันก็ทนเพื่อน้องจ๋ามาตลอด แต่ตอนนี้ฉันขอเวลารักตัวเอง ทำเพื่อตัวเองบ้างไม่ได้เหรอ”
สวาทไม่รู้จะพูดอะไรต่อ พรพจีรูดซิปปิดกระเป๋า
“น้องจ๋าโตแล้ว ฉันเชื่อว่าน้องจ๋าจะดูแลตัวเองได้” พรพจีจับมือสวาทเชิงขอร้อง “ฝากน้าหวาดด้วยแล้วกัน”

ขณะที่เกลี้ยงยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถให้พรพจีอยู่นั้น ภัทร์ธีรารีบวิ่งเข้ามาห้ามไม่ให้เธอไป
“อาจี หยุดก่อนค่ะ อาจีอย่าไปเลยนะคะ จ๋าขอร้อง”
“อาก็ขอร้องเหมือนกัน ถ้าน้องจ๋ารักอา อย่าห้ามอาเลยนะ อาไม่ได้ไปไหนไกล แค่ขอไปสงบสติอารมณ์ที่ปากช่องซักพัก”
“ถ้าอาจีไปอารินต้องอาการหนักแน่ๆ ตอนนี้อารินก็จะแย่แล้วนะคะ”
“แล้วอาล่ะ ความรู้สึกของอาล่ะ น้องจ๋าไม่สงสารอาบ้างเหรอ”
เสียงกรี๊ดของจิรดาดังมาจากชั้นบน
“คุณรินอย่าค่ะ”
ทุกคนหันขึ้นไปมองที่ระเบียงห้องนรินทร์ พบว่านรินทร์อยู่ในสภาพปีนระเบียงขึ้นไปและกำลังจะตกลงมาด้านล่าง มีเพียงจิรดาช่วยดึงเอาไว้ ภัทร์ธีราตะโกนลั่น
“อารินอย่าทำแบบนั้น”
“ไปเลยสิจี ไปเลย! ถ้าเธอไปกลับมาจะได้เห็นแค่ศพของฉัน” นรินทร์ท้าทาย
พรพจีมองด้วยสายตาเย็นชา ขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างแรง
ภัทร์ธีราคาดไม่ถึง “อาจี”
“จี หยุดนะ จี”
นรินทร์พยายามแกะมือจิรดาออกร่างเหมือนจะร่วงตกลงมา
“อาริน! รอน้องจ๋าก่อนนะคะ”
ภัทร์ธีรารีบกระโจนกลับขึ้นบ้านไป

จิรดากับสวาทช่วยกันฉุดนรินทร์ไว้ ภัทร์ธีรากับเกลี้ยงวิ่งตามเข้ามาช่วย ภัทร์ธีราพยายามฉุดนรินทร์ไว้ทั้งน้ำตา
“อารินอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ อารินอยูกับน้องจ๋านะคะ”
“คุณรินยังมีพวกเรานะคะ”
“จี กลับมา จี ฮือๆๆ” นรินทร์ร้องไห้ไม่อายใคร
ทั้งสี่คนช่วยกันฉุดนรินทร์ขึ้นมาจนได้ และพาไปนอนที่เตียง นรินทร์อาละวาด และดิ้นหนีไม่หยุด
“ปล่อยฉัน! ปล่อย!! ฉันอยากตาย”
จิรดาหยิบเข็มขึ้นมา “ขอโทษนะคะคุณจ๋า แต่ไม่ใช้คงไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
ภัทร์ธีราพยักหน้าเชิงอนุญาต น้ำตาไหลพราก จิรดาฉีดยาให้ช้าๆ นรินทร์ค่อยๆ หมดแรงจนหลับไป ภัทร์ธีราร้องไห้ออกมาด้วยความสงสารนรินทร์ สวาทกอดปลอบใจ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณรินก็ดีขึ้น”

สวาทประคองภัทร์ธีรามาที่ห้อง ให้ภัทร์ธีรานั่งลงบนเตียง สวาทค่อยๆทำแผลที่ขาให้
“ห่วงแต่คนอื่น จนลืมไปเลยนะคะว่าตัวเองก็เจ็บ”
“แผลแค่นี้ไกลหัวใจค่ะ”
“ค่ะ คุณจ๋าของป้าเข้มแข็งจริงๆ”
ภัทร์ธีราปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
สวาทหยอกเย้าให้คุณจ๋าคลายทุกข์ “พึ่งชมไปเอง ร้องซะแล้ว เจ็บแผลเหรอคะ”
“จ๋าไม่เจ็บแผลเลยค่ะ แต่น้องจ๋าเจ็บที่หัวใจ จ๋ารู้สึกเหมือนมีคนกำลัง มากระชากหัวใจจ๋าไป ตอนที่พ่อกับแม่เสีย จ๋ายังมีอาจีกับอาริน แต่ตอนนี้จ๋าเหมือนไม่เหลือใครเลย ฮือๆๆ”
สวาทกอดปลอบ “โถ คุณจ๋าของป้า”
ภัทร์ธีราสูดหายใจ
“จ๋าไม่เป็นไรหรอกค่ะ จ๋าต้องเข้มแข็งเพื่ออารินกับอาจี”
สวาทลูบหัว “คนเก่งของป้า”
ภัทร์ธีรานึกบางอย่างขึ้นมาได้ เหลียวขวับไปมองทางบ้านของวิษธร พบว่าบ้านทั้งหลังไฟดับเหมือนไม่มีคนอยู่
“มีอะไรเหรอคะ”
สวาทมองตามอย่างสงสัย
“นายวิษธรไม่อยู่บ้าน อาจีก็เพิ่งออกไปได้ไม่นาน”
“คุณจ๋า”
“นายนั่นต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ จ๋ามั่นใจ”
ภัทร์ธีราบอกตัวเองนัยน์ตาวาววับ


รังรักของพรพจีกับวิษธร เป็นบ้านเดี่ยวเล็กๆ ประมาณ 60 ตารางวา วิษธรรออยู่หน้าบ้าน จนรถของพรพจีเข้ามาจอดนิ่งจึงเปิดประตูรถให้ พอลงรถมาได้พรพจีโผก็เข้ากอดเขาแล้วร้องไห้โฮ วิษธรกอดตอบให้กำลังใจ
“เข้าบ้านก่อนนะครับ”
วิษธรเข้าไปช่วยพรพจีขนกระเป๋า พรพจีมองอย่างซาบซึ้ง วิษธรเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
“เชิญครับ”
พรพจีก้าวตามเข้าไป

พรพจีก้าวเข้ามาในบ้าน กวาดสายตาสำรวจ มุมต่างๆ ภายในบ้าน ถึงเป็นบ้านหลังเล็กแต่มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันและน่าอยู่มาก
“บ้านหลังนี้เจ้าของฝากผมขาย แต่ผมโทร.คุยกับเขาแล้ว ระหว่างที่ยังขายไม่ได้ เขายินดีให้คุณเช่าก่อน ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการเพิ่มเติมบอกผมได้เลยนะ”
“ฉันไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะค่ะ” พรพจีหยุดมองหน้าวิษธรอย่างซาบซึ้ง “ที่นี่มีครบแล้ว”
“บ้านนี้มันเล็กกว่าที่รมย์ฤดีมาก ผมกลัวว่าคุณจะอึดอัด”
“คับที่อยู่ได้แต่คับใจอยู่ยากค่ะ”
“แต่ที่นี่ไม่เล็กเกินไปใช่ไหม คุณไม่ต้องเกรงใจผมนะ ถ้าไม่โอเคตรงไหนบอกได้เลย ผมจะรีบหาที่ใหม่ให้คุณทันที”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยู่ได้จริงๆ เมื่อก่อนฉันเคยคิดนะว่าการได้อยู่บ้านหลังใหญ่ๆ เฟอร์นิเจอร์หรูๆ แพงๆ คงจะมีความสุข แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า มันไม่ได้อยู่ที่ขนาดหรือราคาบ้าน มันอยู่ที่ในบ้านมีใครอยู่ด้วยต่างหาก”
พรพจีมองจ้องตาเขาลึกซึ้ง วิษธรยิ้มให้ พรพจีเดินเข้าไปกอด
“ความสุขของฉันอยู่ตรงนี้ ตรงที่มีคุณอยู่ ขอแค่มีคุณอยู่ด้วย ที่ไหนฉันก็มีความสุขค่ะ”

ถัดจากนั้นวิษธรพาพรพจีสำรวจห้องครัว ชี้ให้ดูข้าวของว่าอะไรอยู่ตรงไหน พาไปดูห้องน้ำ แล้วจึงเดินขึ้นมายังห้องนอนชั้รบน วิษธรวางกระเป๋าของพรพจีไว้ให้
“นี่เป็นห้องนอนครับ เล็กไปนิด แต่ทำความสะอาดไว้อย่างดี มีหมอนและผ้าห่มชุดอื่นๆ อยู่ในตู้ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยน”
“ค่ะ”
“มีอะไรขาดเหลือบอกผมได้เลยนะ”
พรพจีขำ “ค่า คุณบอกจีหลายครั้งแล้ว”
“ผมไม่อยากให้คุณลำบากนี่”
พรพจียิ้มปลื้ม “ฉันรู้ ขอบคุณนะคะ”
วิษธรลูบผมเธอเบาๆ “วันนี้เหนื่อยมามาก พักผ่อนนะครับ ผมไปก่อนนะ”
วิษธรจะเดินออกไป พรพจีสวมกอดเขาไว้จากด้านหลัง
“จี”
“อยู่เป็นเพื่อนฉันได้ไหมคะ ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”
วิษธรหันกลับมา พรพจีมองด้วยสายตาวาบหวาม ลูบไล้ใบหน้าวิษธรอย่างเชิญชวน วิษธรเคลิ้มคล้อยแต่ต้องหยุดความรู้สึกตัวเองไว้เท่านั้น
“อย่าเลยครับ ตอนนี้คงไม่เหมาะ เพิ่งเกิดเรื่องมาหมาดๆ คนที่รมย์ฤดีคงกำลังจับตาดูผมอยู่”
“ที่นี่มีแค่เราสองคน ไม่มีใครรู้หรอกค่ะธร”
“อดทนอีกนิดเถอะครับ เชื่อผมนะ วันนี้คุณพักผ่อนก่อน ให้อะไรๆ มันดีขึ้นอีกหน่อย ผมไปก่อนนะ มีอะไรโทร.มานะครับ”
วิษธรออกไป พรพจีทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างหงอยๆ

ด้านภัทร์ธีรานอนไม่หลับพลิกตัวไปมาอย่างกลัดกลุ้ม หยิบมือถือขึ้นมาไลน์หาสรัช พิมพ์คำว่า
"พี่เอ้คะ พรุ่งนี้จ๋าคงไปกินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่พี่เอ้ไม่ได้แล้ว"
ภัทร์ธีราไม่ชอบใจลบออก แล้วพิมพ์ใหม่ว่า
"พี่เอ้คะ จ๋าไม่มีใจไปกินข้าววันพรุ่งนี้แล้ว"
แต่สุดท้ายเธอก็ลบทิ้ง ภัทร์ธีราถอนหายใจ แล้วตัดสินใจพิมพ์ใหม่อีกครั้ง เป็นจังหวะที่สรัชส่งไลน์มาพอดี
“พรุ่งนี้อย่างลืมนัดของเรานะคะ”
ภัทร์ธีราสะดุ้ง ตัดสินใจโทร.กลับไปหาเขา
“พี่เอ้คะ จ๋าขอเลื่อนนัดไปก่อนได้ไหมคะ พอดีที่บ้านมีเรื่องยุ่งๆ”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ จ๋ายังจัดการได้อยู่ แต่พรุ่งนี้จ๋าคงไม่ค่อยไหว”
“บอกพี่มาเถอะค่ะ พี่กลัวว่าถ้าไม่มีเหตุผลไปบอกแม่พี่ ท่านจะเคืองเอานะสิ”
“คือ..อารินไม่สบายน่ะค่ะ จ๋าอยากอยู่ดูอาริน”
“อารินมีคุณดาดูแลอยู่นี่คะ น้องจ๋ามากินข้าวกับพี่แป๊บเดียวค่อยกลับไปก็ได้นะคะ”
“จ๋าขอดูอาการอารินก่อน แล้วจะบอกอีกที”
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่โทร.หานะคะ”
ภัทร์ธีราวางโทรศัพท์แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่สบายใจ กำลังจะหลับตาลงก็ได้ยินเสียงรถจากบ้านวิษธรเธอผุดตัวลุกขึ้นมานั่งทันที
“นายงูพิษ”


วิษธรเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ยินเสียงออดประตูดังลั่นจึงเดินมาเปิดประตูเล็กดู เห็นภัทร์ธีรายืนหอบเหนื่อยรออยู่ วิษธรมองสภาพแล้วอดยิ้มขำไม่ได้
“มีอะไรเหรอครับ ถึงมาหาผมดึกดื่นป่านนี้”
“เอาอาจีไปไว้ที่ไหน”
“พูดเรื่องอะไรครับ”
“ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง ฉันรู้ว่านายเอาอาจีไปซ่อนไว้”
“อาจีของคุณไม่ใช่เด็กๆ ที่ใครจะบังคับให้ไปไหนได้ ผมจะเอาตัวอาจีของคุณไปได้ยังไง”
“ฉันมั่นใจว่านายทำ”
“คุณมีหลักฐานเหรอ”
ภัทร์ธีราอึ้ง นิ่งงันไป
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็กลับบ้านไปนอนเถอะ”
วิษธรทำท่าจะปิดประตู ภัทร์ธีราใช้มือยันไว้
“พิสูจน์สิว่านายไม่ได้ซ่อนอาจีไว้จริงๆ”
“งั้นก็ค้นเลย ค้นบ้าน หรือจะค้นตัวผมก็ได้ ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจ”
ภัทร์ธีราเดินฉับๆ เข้าไปข้างในทันที วิษธรมองตามขำๆ

ภัทร์ธีราเปิดประตูเข้าไปดูห้องต่างๆ อย่างถือวิสาสะ แต่ไม่พบพรพจี จนมาถึงอีกห้องหนึ่งที่ชั้นบนต้องผงะออกเมื่อเห็นว่าเป็นห้องนอน และไม่กล้าเดินเข้าไป พอถอยหลังออกดันชนกับวิษธรที่เดินตามมา ภัทร์ธีราตกใจรีบผละหนี
“กลัวอะไร ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”
“ไม่ได้กลัว”
“งั้นก็เข้าไปสิครับ”
ภัทร์ธีราทำเป็นใจแข็ง เดินเข้าไปด้วยท่าทีเกร็งๆ มองสำรวจไปรอบๆ มีวิษธรยืนกอดอกพิงประตูสบายๆ ภัทร์ธีรามองสำรวจในห้องพบว่ามีแต่ของใช้ผู้ชาย
“หาให้ทั่วนะครับ อย่าลืมดูใต้เตียง ระเบียง หรือในตู้ด้วยนะ ลิ้นชักเล็กๆ ก็อย่าลืมดูล่ะ”
“อาจีไม่ใช่สิ่งของนะ จะได้ไปซ่อนอยู่ในที่พวกนั้น”
“แต่คุณทำเหมือนว่าอาคุณใช่นี่ ตามหาที่ซ่อนของอาคุณเหมือนเด็กหวงของเล่น”
ภัทร์ธีราโมโห “นี่คุณ!”
“ครับ ถ้าคุณหานานกว่านี้ผมจะเริ่มคิดว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้อยากมาหาอาหรอก แค่หาเรื่องมาหาผมตอนกลางคืนเท่านั้น”
“ทุเรศ ใครจะคิดอย่างนั้น” ภัทร์ธีราเดินมาที่ประตู “หลบไปฉันจะกลับบ้าน”
วิษธรไม่หลบแถมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ “จะกลับแล้วเหรอครับ ยังไม่เจอหลักฐานอะไรเลยนะ”
“วันนี้ยังไม่เจอ แต่ซักวันต้องเจอแน่”
ภัทร์ธีราหลบหน้าหนี แล้วเดินชนไหล่เขาลงบันไดไปเลย มีเสียงวิษธรหัวเราะขำไล่หลัง

กลับเข้าโถงบ้านรมย์ฤดีมาได้ ภัทร์ธีรารีบยกมือจับอกข้างซ้ายตัวเอง รับรู้ได้ว่าหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ พอจับใบหน้าก็รู้สึกถึงไอร้อนผ่าวๆ ผลมาจากการอยู่สองต่อสองกับวิษธรเมื่อครู่นี้
“นายงูพิษ! ชอบกวนให้โมโหอยู่เรื่อย”
ภัทร์ธีราบ่นบ้าออกมาเหมือนโกรธขึ้ง แต่จริงๆ ในใจเริ่มหวั่นไหวมากขึ้น

เช้าวันต่อมา นรินทร์นอนหลับอยู่บนเตียงหน้าตาทรุดโทรม ภัทร์ธีราค่อยๆ เปิดประตูเดินเข้ามาที่เตียง ภัทร์ธีรามองนรินทร์หน้าเศร้าจับมือไว้ สักครู่หนึ่งมีเสียงมือถือดังขึ้น ภัทร์ธีรารีบกดรับสายด้วยเสียงแผ่วเบากลัวนรินทร์จะตื่น
“ค่ะพี่เอ้” ภัทร์ธีราเดินออกมาพูดสายริมหน้าต่าง “อารินอาการคงที่ค่ะ ยังไม่ตื่นเลย”
“งั้นให้อารินพักก่อนดีไหมคะ น้องจ๋าอยู่คงยังทำอะไรไม่ได้มาก แวะมาที่ร้านพี่เดี๋ยวเดียวได้ไหม มาเถอะนะคะ พี่เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ก็อยากเจอน้องจ๋ามากๆ ด้วย”
ภัทร์ธีราแต่อาริน
“นะคะน้องจ๋า ปกติพี่ไม่เคยบังคับน้องจ๋าเลย แต่ครั้งนี้พี่ขอร้องได้ไหมคะนะคะ หรือจะให้พี่ไปรับก็ได้”
ภัทร์ธีราไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวจ๋าไปเอง แป๊บเดียวนะคะ
“ค่ะแป๊บเดียว ขอบคุณนะคะ”
สรัชวางสายอย่างดีใจ ส่วนภัทร์ธีราวางสาย มองนรินทร์อย่างเป็นห่วง

คุณหญิงทอศรี นายพลสุทธิ นั่งยิ้มแย้มอยู่ที่โต๊ะอาหารในร้าน มีภัทร์ธีรานั่งฝืนยิ้มอยู่ข้างสรัช ขณะที่พนักงานเสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะ ทุกคนฟังโรจนาพรีเซ็นต์จานเด็ดของร้านไปด้วย
“จานแรกเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย โรสได้ไอเดียมาจากข้าวเกรียบปากหม้อบ้านเรานี่แหละค่ะ คุณเอ้บอกว่าเป็นของโปรดคุณหญิงด้วย แต่โรสผสมสมุนไพรเข้าไปในแป้ง แต่ละสีมีส่วนผสมที่แตกต่างออกไป ไส้ก็มีซอสที่ต่างกัน รสชาติ จัดเพื่อให้ถูกปากคนไทยค่ะ ลองชิมดูนะคะ”
ท่านนายพลกับคุณหญิงตักชิมด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“อืม...อร่อยมากเลย อร่อยแบบบอกไม่ถูก แป้งมันละลายในปากเลยเนอะคุณ”
“หอมสมุนไพรดีด้วย ฉันชอบมากเลยหนูโรส”
“ดีใจที่ชอบนะคะ จ๋าลองชิมดูสิ”
ภัทร์ธีราตักกินอย่างเสียไม่ได้
“เป็นไงบ้าง ถูกปากหรือเปล่า” โรจนาถาม
ภัทร์ธีราเครียดหนักอยู่ไม่รับรู้รสชาติ แต่ฝืนยิ้มตอบไปว่า “อร่อยดีค่ะ
สรัชตักให้อีก “น้องจ๋าลองรสนี้สิคะ น้องจ๋าต้องชอบแน่ๆ คุณโรสครับ ขอจานต่อไปเลยครับ”
โรจนาพยักหน้าให้พนักงานยกจานต่อไปมาเสิร์ฟ คุณหญิงทอศรีชวนภัทร์ธีราคุย
“ไม่ได้เจอคุณจีนานแล้วนะหนูจ๋า คุณจีกับคุณรินสบายดีไหม”
ภัทร์ธีราหน้าเครียด “ช่วงนี้อารินไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ค่ะ”
“จริงเหรอ เป็นอะไรมากไหมจ๊ะ”
“เอ่อ แค่เป็นไข้ธรรมดาเท่านั้นค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ขอให้คุณรินหายไวๆ นะจ๊ะ ถ้ามีเวลาเราไปเยี่ยมคุณรินกันเถอะคุณ”
ท่านนายพลรับเอาคำทันที “ไปสิคุณ ผมก็อยากไปเยี่ยมคุณรินอยู่เหมือนกัน”
สรัชยิ้มแต้ “ดีเลยครับ จะได้ถือโอกาสให้พ่อกับแม่คุยกับอาจี และก็อารินเรื่องของเราด้วย ดีไหมครับน้องจ๋า”
ภัทร์ธีราเครียดหนักกว่าเดิม วางช้อนลงแล้วนิ่งงันไปเลย สรัชแปลกใจ
“น้องจ๋า”
“จ๋าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ภัทร์ธีราลุกเดินออกไป สรัชมองตามอย่างงุนงง คุณหญิงทอศรีกับนายพลสุทธิมองหน้ากัน

ทั้งสามคนเดินเข้าบ้านมาด้วยกัน คุณหญิงกับท่านนายพลมองหน้ากันไปมา
“ตาเอ้ แม่ว่าหนูจ๋าดูแปลกๆ นะ พอพูดเรื่องแต่งงานก็เดินหนีไป ทำท่าเหมือนไม่อยากแต่งกับเราอย่างนั้นแหละ”
ท่านนายพลปราม “คุณ”
“ก็จริงนี่คุณ ตาเอ้ของเราก็ไม่ได้น้อยหน้าผู้ชายคนอื่นนะ ฉันอยากให้ลูกได้แต่งงานกับคนที่เห็นค่าลูกชายฉันจริงๆ”
“น้องจ๋าไม่ได้ตั้งใจหนีหรอกครับ คงเครียดเรื่องที่อารินไม่สบาย”
“แน่ใจเหรอ ไม่ใช่ว่าเราตามง้อขอเรื่องแต่งงานกับเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขาไม่ได้ตกลงปลงใจด้วยนะ”
คุณหญิงจ้องหน้าลูกชายนิ่ง
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอครับ ช่วงนี้น้องจ๋ามีเรื่องเครียดหลายอย่าง ทั้งที่ทำงานทั้งที่บ้าน อารินก็มาป่วยอีก เอ้ผิดเองแหละครับที่ขอร้องให้น้องจ๋ามา” สรัชว่า
“บ้านเขานี่มีเรื่องวุ่นวายมากเหลือเกิน เดี๋ยวก็ข่าวลือนั่นนี่”
“ไม่เอาน่าคุณ”
“คุณนี่ ฉันพูดผิดตรงไหน ถ้าบ้านวุ่นวายมากๆ แล้วซักวันสร้างปัญหาให้เราขึ้นมาจะทำยังไง”
“อย่าไปคิดเรื่องที่มันยังไม่เกิดเลย หนูจ๋าก็เป็นเด็กน่ารัก รักครอบครัว คุณจีก็เป็นคนดีคุณก็เห็น ลูกเราเลือกแล้ว เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของลูก และพร้อมเป็นครอบครัวที่ดีให้หนูจ๋าเขา ไม่ใช่ว่าพอเขามีปัญหาเราจะไปรังเกียจเขานะคุณ” ท่านนายพลเตือนสติคุณหญิงภริยา
“ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกันฉันก็พร้อมจะช่วยเหลือหรอกค่ะ แต่ถ้ายัง ฉันก็ต้องคัดเลือกคนที่ดีที่สุด สะใภ้ตระกูลเราต้องไม่มีข้อด่างพร้อยใดๆ ทั้งสิ้น”

ท่ายนายพลสุทธิส่ายหน้าอย่างเอือมระอาภริยา ส่วนสรัชนั้นเครียดจัด

อ่านต่อ ตอนที่ 14

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น