เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 18
พรพจีนั่งจมอยู่ในความคิดตัวเอง ด้วยสีหน้าอันเครียดเคร่งเป็นกังวล หลายเหตุการณ์และหลายคำพูดที่ค้างคาใจ ผุดขึ้นมาในห้วงคิดเป็นระลอก เริ่มจากท่าทีแปลกๆ และน้ำเสียงแดกดันของภัทร์ธีรา
“คุณวิษธรเป็นคนเก่งคงจัดการปัญหาได้ง่ายๆ จ๋าเองที่พูดไม่รู้เรื่อง คงเป็นเพราะไม่สบายน่ะค่ะ หมดเรื่องแล้วจ๋าขอตัวไปพักนะคะ”
พูดแล้วภัทร์ธีรารีบเดินออกไป วิษธรมองตามอย่างเป็นกังวล พรพจีเห็นสายตานั้นของวิษธรก็ยิ่งสงสัย
พรพจีนึกถึงคำพูดส่อเสียดของอรดีขึ้นมาอีกจนได้
“ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าเก็บน้ำตาลไว้ใกล้มดระวังจะได้หุ้นส่วนของตัวเองเป็นหลานเขย”
“เป็นไปไม่ได้”
พรพจีสลัดความคิดทิ้ง พยายามที่จะไม่เชื่อ
แต่อีกเหตุการณ์ก็ผุดซ้อนขึ้นมาติดๆ ตอนพรพจีเปิดประตูเข้าไป เห็นวิษธรประคองภัทร์ธีราใกล้ชิด เมื่อทั้งสองคนเห็นเธอก็รีบผละออกจากกันท่าทางมีพิรุธ
รวมทั้งตอนภัทร์ธีราเรียนรู้งานอยู่กับวิษธรแล้วเผลอหัวเราะออกมา วิษธรหัวเราะเอ็นดูก่อนที่พรพจีจะเปิดประตูเข้าไป แล้วทั้งคู่ก็หยุดหัวเราะในทันที
ในงานเลี้ยงวันเกิดภัทร์ธีราที่ร้านของสรัช วิษธรยื่นแก้วเครื่องดื่มให้ภัทร์ธีรา ภัทร์ธีราดูระแวงในตอนแรกแต่แล้วก็พูดคุยหัวเราะกับวิษธรอย่างเป็นกันเอง
“ไม่นะเป็นไปไม่ได้ ไม่”
ปากบอกไปอย่างนั้น ทว่าในใจพรพจีระแวงหลานรักเข้าให้แล้ว
เช้าวันใหม่ ท่ามกลางผู้คน ลูกค้าของโรงแรมเดินสวนกันขวักไขว่ในล็อบบี้โรงแรมธารา พรพจีกับภัทร์ธีราเดินคุยกันผ่านความวุ่นวายนั้นมา ตรงไปขึ้นลิฟต์พร้อมกัน
“วันนี้น้องจ๋าไม่ต้องฝึกงานกับธรนะจ๊ะ”
“เขาไม่เข้าออฟฟิศเหรอคะ”
“เข้าจ้ะ แต่ต่อจากนี้ไปไม่ต้องไปฝึกงานกับเขาอีกแล้ว อาอยากให้เราช่วยอาดูแลในส่วนของพนักงานมากกว่า”
ภัทร์ธีรานิ่งงันไป รู้สึกแปลกๆ กับคำพูดผู้เป็นอา
พรพจีมองหน้าหลานสาวอย่างค้นหาคำตอบ “หรือว่าน้องจ๋าอยากฝึกงานกับธรต่อ
“ไม่ค่ะ ไม่ต้องเจอเขาก็ดี”
“อารู้ว่าน้องจ๋าต้องฝืนตัวเองเพื่อเรียนกับธร อาไม่อยากบังคับใจน้องจ๋าอีก”
“ขอบคุณค่ะอาจี จ๋าไม่อยากเจอเขาอีก ทั้งที่ทำงาน ทั้งที่บ้าน ถ้าเป็นไปได้จ๋าไม่อยากให้เขายุ่งกับครอบครัวเราอีก”
“ถ้าน้องจ๋าไม่ชอบ ก็อย่ายุ่งกับธรอีก”
ภัทร์ธีราสะดุดหูหันไปมองหน้าพรพจีด้วยท่าทีตกใจและงุนงงกับคำพูดนั้น พรพจีรู้ตัวรีบยิ้มกลบเกลื่อน
“อากลัวอารินเขาจะไม่ชอบใจน่ะ ขนาดธรเป็นแค่หุ้นส่วนกับอาเขายังระแวงเลย แล้วน้องจ๋าเป็นหลานรักจะระแวงขนาดไหน”
เสียงลิฟต์มาถึงประตูเปิดออกพอดี
“ทีนี้น้องจ๋าก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับธรอีกแล้ว ดีใช่ไหม”
“ดีค่ะ ดีมาก”
พรพจียิ้มพอใจ ทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์ไป
เช้าอีกวันหนึ่ง ภัทร์ธีราในชุดทะมัดทะแมง ใส่หมวกสวมแว่นตาดำปิดบังใบหน้านั่งรออยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง สักครู่จึงเห็นอิชยาเดินเข้ามามองหาแต่กลับเดินเลยโต๊ะไป จนภัทร์ธีราต้องคว้ามือเอาไว้ อิชยาร้องกรี๊ดตกใจเบาๆ ภัทรีราถอดแว่นออกกระซิบบอก
“ฉันเอง”
อิชยานั่งลงมองสารรูปเพื่อนซี้งงๆ “จ๋า เป็นอะไรของแก ทำไมต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วย”
“ฉันไม่อยากให้ใครจำได้น่ะ”
“แล้วทำไมต้องไม่อยากให้จำได้ด้วย แกคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ถ้าฉันเล่าให้ฟังแกต้องช่วยฉันตกลงไหม”
“ก็เล่ามาก่อนสิ”
“แกรับปากก่อน แล้วก็สัญญาด้วยว่าจะไม่บอกใคร แม้แต่พี่ดี้”
“เออๆ รับปาก”
ภัทร์ธีราย้ำคำ “สัญญา”
อิชยารับปาก “สัญญา”
“ที่แกต้องช่วยฉันก็ง่ายนิดเดียวคือ บอกทุกคนว่าฉันไปต่างจังหวัดกับแก”
“แล้วแกจะพาฉันไปไหน”
“แกไม่ต้องไปไหน แค่ทำตัวเหมือนไปเที่ยวต่างจังหวัดกับฉัน ถ้าอาจีหรือใครที่บ้านถาม ส่วนฉันจะไปต่างจังหวัดจริงๆ”
อิชยางงไม่หาย “ไปเพื่อ”
“กระชากหน้ากากนายวิษธร”
“อีกแล้วเหรอแล้วแกจะไปที่ไหน ยังไง กับใคร แล้วทำไมต้องไปถึงต่างจังหวัด เรื่องมันเป็นยังไง ฉันว่าฉันไปด้วยจริงๆ เลยดีกว่า ฉันลางานได้”
“แกไม่ต้องไปหรอก ฉันไม่อยากให้เอิกเกริก แกรอฟังข่าวอยู่นี่แหละ แล้วฉันจะกลับมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด” ภัทร์ธีราก้มดูนาฬิกาข้อมือ “ต้องไปแล้ว ขอบใจนะ”
“จ๋า เดี๋ยวสิ จ๋า”
ภัทร์ธีรารีบร้อนออกไป อิชยามองตามอย่างหนักใจ
ไม่นานต่อมา พรพจีและนรินทร์ในรถเข็นไฟฟ้า ออกมาส่งภัทร์ธีราซึ่งแจ้งทุกคนว่าจะไปหัวหินกับอิชยา มีสวาทมาคอยช่วยตรวจตราความเรียบร้อยอย่างห่วงใย ราวกับว่าคุณหนูจ๋ายังเป็นเด็กๆ
“เอาของไปครบใช่ไหมให้ป้าตรวจดูให้อีกทีไหมคะ”
“ครบค่ะป้าหวาด”
“ไปทะเลน่ะแดดมันแรง เอาครีมกันแดดไปหรือยังคะ”
“เอาไปแล้วค่ะ”
“หมวก”
“แล้วค่ะ”
“แว่นกันแดด”
“ครบทุกอย่างแล้วค่ะ จ๋าไม่ได้เดินทางครั้งแรกนะคะ”
“ก็ป้าเป็นห่วงนี่คะ”
ภัทร์ธีราสวมกอดสวาท “ป้าหวาด จ๋าไปแค่หัวหินนี่เอง แถมมีเพื่อนไปด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จ๋าโตแล้วดูแลตัวเองได้”
“ป้าก็เป็นห่วงอยู่ดี”
“น้องจ๋าโตแล้วนะจ๊ะน้าหวาด อย่าทำเหมือนน้องจ๋าเป็นเด็กสิ รีบไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะใจอ่อนไม่ได้ไปกันพอดี” พรพจียิ้มบอกพลางสวมกอดลา “เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ
“ค่ะอาจี”
นรินทร์บอกว่า “อย่าไปนานนะลูก น้องจ๋าไม่อยู่อาต้องเหงามากแน่ๆ”
“ไม่นานหรอกค่ะ จ๋าไปสามสี่วันก็กลับแล้ว แล้วจะซื้อของมาฝากทุกคนนะคะ บ๊ายบายค่ะ”
ภัทร์ธีราโบกมือให้ ทุกคนโบกมือส่ง ภัทร์ธีราหันหลังเดินไปขึ้นรถด้วยสายตามุ่งมั่น
ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามร่มรื่นของรีสอร์ตแห่งนี้ รถคันหนึ่งค่อยๆ ขับเข้ามาจอดในมุมลับตา ก่อนจะเห็นภัทร์ธีรา พิภพและลูกน้องชื่อ นิว ลงมาจากรถคันดังกล่าว สามคนมีท่าทางระแวดระวัง ลับๆ ล่อๆ ภัทร์ธีราใส่แว่นดำสวมหมวกหรุบลงปิดบังใบหน้ามองเข้าไปด้านในรีสอร์ต
“ที่นี่ใช่ไหมคะ”
พิภพดูแผนที่ในมือถือ “ใช่ครับ” แล้วยื่นกล้องส่องทางไกลให้ภัทร์ธีรา “ลองดูครับว่าเจอคนรู้จักไหม”
ภัทร์ธีรารับมาส่องกล้องไปรอบๆ เรือนหลังที่อยู่ตรงกลาง พบว่าด้านบนมีห้องพักอยู่ 2-3 ห้อง แล้วส่องดูไปยังบริเวณที่มีผู้คน ไล่ไปไล่มาจนเห็นดนัยกำลังเดินสั่งงานลูกน้องอยู่ ภัทร์ธีรายิ้มออกด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“พบแล้วใช่ไหมครับ” นักสืบพิภพถาม
“ใช่แน่ค่ะ พี่ชายของนายธร คราวนี้เราจะได้รู้เสียทีว่านายนั่นจริงๆ เป็นใคร แล้วต้องการอะไรกันแน่”
“ไม่ว่าเรื่องดีหรือไม่ดีเราจะสืบให้รู้ทั้งหมดครับ”
“ฉันแน่ใจว่าเขาไม่ได้มาดีหรอกค่ะ เริ่มกันเลยไหมคะ”
“ครับ”
พิภพส่งสัญญาณให้ลูกน้อง นิวพยักหน้ารับ ภัทร์ธีรามองไปที่รีสอร์ตอีกครั้งด้วยแววตามุ่งมั่นมาดหมาย
ดนัยสั่งงานตลับ หัวหน้าแม่บ้านและคนเก่าคนแก่ของแม่เสร็จ ก็เตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอก
“ฝากด้วยนะตลับ”
ตลับพยักหน้ารับเอาคำ ดนัยเดินไปที่รถ ในขณะที่กำลังจะเปิดประตู เขาหยุดมองอะไรบางอย่างด้วยแววตาสงสัย
ภัทร์ธีราและพิภพแอบดูอยู่ หันหลังกลับเดินหนีโดยเร็ว ดนัยปิดประตูรถแล้วตัดสินใจเดินตามสองคนไปติดๆ
ภัทร์ธีรากับพิภพรู้ว่าดนัยตามมาจึงพากันเร่งฝีเท้าขึ้นรถ แล้วพากันขับออกไปอย่างเนียนๆ ดนัยกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาเห็นท้ายรถวิ่งออกไปพ้นรีสอร์ตแล้ว แต่เขามั่นใจว่าดูไม่ผิดแน่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออกทันที
วิษธรนั่งทำงานอยู่ในบ้านจนเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังขึ้น เขากดรับทันทีเมื่อเห็นชื่อดนัยโทร.มา
“ครับพี่ดนัย...ว่าไงนะครับ แน่ใจเหรอ...มากับผู้ชายใครกัน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางเหมือนพวกนักสืบ แกรู้จักไหม”
“ไม่ครับ แล้วผู้หญิงพี่ชัวร์นะว่าใช่”
“ชัวร์ คุณจ๋าแน่นอนฉันจำได้ ถึงจะใส่หมวกใส่แว่นก็เถอะ แล้วแกจะทำยังไง”
วิษธรมีสีหน้ากังวล นิ่งไปเฉยๆ จนดนัยแปลกใจ
“ธร ธร...ไอ้ธร ได้ยินฉันหรือเปล่า”
“ครับ”
“ฉันถามว่าแกจะทำยังไงต่อไป”
วิษธรนิ่งคิดและตัดสินใจบางอย่าง
ฟาก พิภพ ภัทร์ธีรา และนิว พากันดูแผนที่รีสอร์ตในมือถือพิภพที่คอยอธิบายจุดต่างๆ กันอย่างตั้งใจ
“นี่เป็นแผนที่ของรีสอร์ททั้งหมด เรือนตรงกลางมีห้องพักด้านบนอยู่ 3 ห้อง ห้องพักหลักอยู่ที่เรือนด้านหลัง ตรงนี้เป็นทางเข้า และทางออก”
ภัทร์ธีราพยักหน้า
“ผมให้นิวถ่ายภาพไว้หมดแล้ว ต่อไปผมจะให้นิวจับตาดูคุณดนัยให้”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับรู้
“แล้วแผนการขั้นต่อไปล่ะคะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ แผนการก็คือ...”
เสียงโทรศัพท์สั่นดังขึ้นในจังหวะนี้ พิภพขอตัวพลางกดรับสาย
“ขอโทษนะครับ...ฮาโหลครับ ครับ วันนี้เหรอครับ โอเคครับ...ครับ...ครับ”
พิภพกดวางสายพร้อมกับมองหน้าภัทร์ธีราด้วยท่าทีลำบากใจ
“เอ่อ คุณจ๋าครับคือ ผมและนิวมีธุระด่วนต้องรีบกลับไปเคลียร์วันนี้ เราคง...”
ภัทร์ธีราดูออก พูดสวนขึ้นว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
“โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันก่อน”
ภัทร์ธีรากลับบอกว่า “คุณพิภพกลับไปเถอะค่ะ จ๋าจะสืบต่อเอง”
พิภพกังวลใจ “คุณจ๋าจะไหวเหรอครับ อยู่คนเดียวด้วย เดี๋ยวค่อยกลับมาใหม่วันหลังก็ได้ผมจะสืบให้เอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ จ๋าทำได้”
“อย่าเลยครับ”
“จ๋าขออยู่ต่อแค่วันเดียว ถ้าไม่มีอะไรจ๋าจะกลับทันที”
“แน่ใจนะครับ”
“ค่ะ”
ภัทร์ธีราพูดด้วยสายตาอันแน่วแน่
“ก็ได้ครับ ถ้ามีอะไรรีบติดต่อผมมาทันทีนะครับ”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับ
“ระวังตัวด้วยครับ”
ภัทร์ธีราพยักหน้าเอาคำอีกครั้ง พิภพพยักหน้าให้นิว ทั้งสองขึ้นรถ พิภพขับออกไปอย่างเร็ว ภัทร์ธีราหันกลับไปมองรีสอร์ตด้วยสีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย
บรรยากาศรีสอร์ตดูสงบเงียบ ภัทร์ธีราเดินเข้ามาในรีสอร์ทคนเดียวอย่างพยายามไม่มีพิรุธ เธอทำท่าให้เหมือนนักท่องเที่ยวที่สุดแล้วเดินตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์เพื่อจองห้องพัก พนักงานสาวชื่อแจนแป็นคนรับ“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ขอจองห้องพัก 1 คืนค่ะ”
“ชื่อคุณอะไรคะ”
“เอ่อ...จ๋าค่ะ”
“ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ”
ภัทร์ธีราอึกอัก “เอ่อ...”
ตลับเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะดิฉันชื่อตลับนะคะ จะเป็นคนพาคุณไปที่ห้องพัก อยู่ที่เรือนด้านหลังนี่เองค่ะ”
ภัทร์ธีรารีบบอกทันที “ฉันขอพักห้องด้านบนได้ไหมคะ”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ด้านบนเป็นห้องที่เจ้าของอยู่ ถ้าเรือนด้านหลังไม่เต็มจริงๆ ก็จะไม่ได้เปิดให้แขกเข้าพักค่ะ”
ภัทร์ธีรานิ่งคิด “แต่ฉันมาคนเดียวนะคะ คือ...ฉันเพิ่งเคยเที่ยวคนเดียวครั้งแรก ถ้าต้องเดินผ่านสวนดึกๆ ไปเรือนด้านหลัง ฉันกลัวผีน่ะค่ะ”
ตลับมองภัทร์ธีราอย่างชั่งใจ
“ฉันอยู่แค่คืนเดียวเอง ให้ฉันพักห้องข้างบนเถอะนะคะ ฉันจะอยู่เงียบๆ ไม่รบกวนใครเลย”
ภัทร์ธีรามองลุ้น
“ก็ได้ค่ะ” ตลับหยิบกุญแจยื่นให้ “นี่กุญแจห้อง ตามฉันมานะคะ”
ขณะตลับจะพาภัทร์ธีราเดินไป แจนทักขึ้น
“คุณยังไม่ได้ให้บัตรประชาชนเลยค่ะ”
ภัทร์ธีราเครียด ทำทีเป็นค้นกระเป๋าหาบัตรประชาชน
“หายไปไหน ตายจริง ฉันคงลืมบัตรไว้ที่สนามบินแน่ๆ เลยค่ะ เดี๋ยวฉันให้คนอีเมลสำเนามาให้ทีหลังนะคะ”
“จองแบบวีไอพีไปก่อนแล้วกัน” ตลับหันไปบอกกับแจนแล้วจึงหันกลับมาทางภัทร์ธีรา “ตามดิฉันมาด้านนี้เลยค่ะ”
ภัทร์ธีราเดินตามตลับไปด้วยความโล่งใจที่ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โดยไม่รู้ว่าดนัยแอบดูอยู่ตั้งแต่ต้นก่อนจะเดินออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
วิษธรนัดพรพจีไว้ที่ร้านกาแฟประจำ พรพจีตรงเข้ามาหาวิษธรที่นั่งคอยอยู่แล้ว
“นัดมาด่วนแบบนี้ มีเรื่องอะไรจะเซอร์ไพรส์ฉันเหรอคะ”
“เปล่าครับ ผมแค่จะมาลา”
พรพจีตกใจ “หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมมีธุระด่วนเรื่องที่ต่างจังหวัด ก็เลยจะมาลาคุณ”
“พูดซะฉันตกใจหมด คุณแค่จะไปดูที่ต่างจังหวัดใช่ไหมคะ อย่าพูดว่าลาสิคะฉันใจไม่ดี”
“ขอโทษครับ ผมหมายถึงลางานน่ะ”
“แล้วคุณจะไปกี่วันคะ”
“สามสี่วันครับ”
“สามสี่วัน ต่างจังหวัด” พรพจีทวนคำ มีวี่แววหวาดระแวงในน้ำเสียงขณะถามหยั่งเชิงออกไปว่า “จังหวัดที่คุณไปนี่มีทะเลหรือเปล่าคะ”
“ไม่นี่ครับ ผมกลับบ้าน ทำไมเหรอครับ”
พรพจีโล่งอก “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่บังเอิญน้องจ๋าเพิ่งไปเที่ยวหัวหินกับหนูยา ไปสามวันเหมือนกัน ฉันเลยลองถามดู เผื่อว่าเป็นจังหวัดเดียวกัน”
“ไม่ใช่หรอกครับ บ้านผมกับหัวหินอยู่คนละทางเลย คงไม่ได้เจอกันหรอก”
“นั่นสินะคะ น้องจ๋าก็ไม่อยู่ คุณก็จะไม่อยู่อีก ฉันต้องเหงามากแน่ๆ”
“ถ้าธุระผมเสร็จเร็ว ผมจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดนะครับ ผมไปก่อนนะ”
วิษธรบีบมือพรพจีแล้วรีบร้อนเดินออกไป พรพจีมองตามยังติดใจสงสัยไม่หาย
ทางฝ่ายตลับเดินนำภัทร์ธีราไปเงียบๆ จนมาถึงห้องพักด้านบนที่ค่อนข้างเงียบสงบ
“ถึงแล้วค่ะ นี่ห้องพักของคุณ”
“ต้นไม้ร่มรื่นดีนะคะ”
ภัทร์ธีรามองไปรอบๆ จนสายตาไปหยุดที่ห้องๆ หนึ่ง โดยไม่รู้ว่าเป็นห้องที่ประภาแม่ของวิษธรพักอยู่
“ห้องนั้นสวยจัง มีคนอยู่ไหมคะ”
ภัทร์ธีราจะเดินไปดู
ตลับบอกเสียงแข็งเชิงสั่ง “อย่าเข้าไป”
ภัทร์ธีราชะงัก ตกใจ
“ห้องนั้นเป็นที่พักของเจ้าของ ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเด็ดขาด” ตลับหน้าเครียดขึ้นมาอีก “ที่จริงเรือนด้านหลังก็ไม่ไกลจากเรือนนี้มาก แขกก็อยู่กันเยอะ ไม่ได้น่ากลัวอะไร ดิฉันว่าคุณไปพักที่เรือนนั้นดีกว่านะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเดินไปส่ง”
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันจะไม่ยุ่งกับห้องอื่นแล้ว ฉันสัญญา ขอฉันพักเรือนนี้เถอะนะคะ ฉันเดินทางมาเหนื่อย อยากพักแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ เชิญพักผ่อน”
ตลับเดินจากไป ภัทร์ธีรามองตาม แล้วก็หันไปมองห้องต้องห้ามอย่างสงสัยหนัก
ทางด้านอิชยากำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก แต่มีสายเรียกเข้า หน้าจอเป็นชื่อพรพจีโทร.มา อิชยาลนลานตื่นตกใจ มองซ้ายมองขวา แล้ววิ่งไปที่ซิงค์น้ำในครัว
“สวัสดีค่ะอาจี” มือหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูคุยสายอีกมือเปิดน้ำ ทำเป็นเสียงคลื่นทะเลหัวหิน “ค่ะ ถึงแล้วค่ะ ยัยจ๋าก็ดูมีความสุขดีค่ะ...โทร.หายัยจ๋าไม่ติดเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ น้องจ๋าไม่รับโทรศัพท์อาเลย อาขอสายน้องจ๋าหน่อยได้ไหมจ้ะ” พรพจีโทร.จากโถงบ้านรมย์ฤดี
“เอ่อ คือ อ้อ ยัยจ๋าเล่นน้ำทะเลอยู่ค่ะ นางดูมีความสุขมากเลย วิ่งไปเล่นน้ำทะเลคนเดียว เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ เดี๋ยวจ๋าขึ้นจากน้ำเมื่อไหร่จะให้โทร.กลับนะคะ”
“งั้นเหรอ แล้วทำไมยาไม่ลงไปเล่นกับน้องจ๋าด้วยล่ะจ๊ะ”
“กำลังจะไปเลยค่ะ พอดียาขึ้นมาเอาของ อ้อ อาจีคะ แค่นี้ก่อนนะคะ จ๋าเรียกยาแล้ว” อิชยาร้องตะโกนดังลั่น “แก อาจีโทร.มา อ๋อได้ๆ” จากนั้นก็ปรับน้ำเสียงพูดเป็นปกติ “จ๋าบอกว่ามือเปียกอยู่ เดี๋ยวโทร.กลับค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะอาจี สวัสดีค่ะ”
อิชยาวางสายไป ยกมือไหว้มือถืออย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะอาจี ยาไม่อยากโกหกเลย แต่มันจำเป็นจริงๆ”
อรดีแอบฟังอยู่ตั้งแต่ต้นเดินเข้ามาหา จ้องหน้าถาม
“นี่แกแกล้งโกหกยัยแก่นั่นเหรอเนี่ย”
อิชยาหน้าซีด ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“พี่ดี้พูดเรื่องอะไร”
อรดีหรือจะเชื่อ “ไม่ต้องมาแอ๊บ ฉันได้ยินทุกอย่างหมดแล้วที่แกโกหกว่าไปเที่ยวทะเลกับน้องจ๋าน่ะ บอกฉันมามีเรื่องอะไร ทำไมแกต้องโกหก”
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีจริงๆ นะ”
“งั้นฉันจะไปถามยัยนั่นเอง”
อรดีทำท่าจะเดินออกไป อิชยาขวางไว้
“พี่ดี้ ยาขอร้องแหละ จ๋ามันก็แค่อยากไปเที่ยวคนเดียวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไม่อยากมีใครรบกวนเท่านั้นเอง พี่ดี้อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ”
อรดีไม่วางใจ จ้องหน้าน้องสาวค้นความจริง “น้องจ๋าไปคนเดียวจริงเหรอ”
“แล้วจะไปกับใครได้ล่ะคะ”
“ธรไง”
อิชยาหัวเราะลั่น “คุณธรเนี่ยนะ ไม่มีทาง ไม่เชื่อก็ไปดูคุณธรเลย ยาขอตัวไปทำธุระก่อน แล้วก็ยาขอร้องอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะคะ”
“รู้แล้วน่า”
อิชยาไม่ไว้ใจพี่สาวจอมเผือกนัก แต่ก็จำใจต้องออกไปทำธุระ อรดีมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ขณะที่ภัทร์ธีราจัดข้าวของอยู่ในห้องพักนั้น มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ภัทร์ธีราเห็นชื่ออิชยาโทร.มารีบรับสาย
“ยาว่าไง”
“แกอยู่ไหนแล้ว”
“ถึงรีสอร์ตของนายธรเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วเป็นไงบ้าง”
“ก็ร่มรื่นดี แต่คงต้องสืบดูอีกทีว่ามีอะไรซ่อนไว้หรือเปล่า”
“ฉันหมายถึงตัวแกน่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง”
“สบายดีจ้ะ”
“ระวังตัวหน่อยแล้วกัน อาจีเพิ่งโทรมาหาฉันเมื่อกี้นี้เอง บอกว่าติดต่อแกไม่ได้
“จริงเหรอ ฉันไม่รู้ตัวเลย โอเค ขอบใจจ้าเพื่อนรัก แค่นี้นะ บาย”
ภัทร์ธีราวางสายจากอิชยาได้ไม่ทันไร ก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้เป็นพรพจีโทร.มาจากห้างสรพพสินค้าแห่งหนึ่ง สองอาหลายคุยสายกัน
“ค่ะอาจี”
“น้องจ๋า รับโทรศัพท์อาซะทีนะ อาโทร.หาน้องจ๋าไม่ติดเลย เป็นไงบ้างจ้ะหัวหิน”
“สนุกดีค่ะ”
“แล้วนี่ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“เอ่อ กินข้าวอยู่กับยาค่ะ”
พรพจีนิ่วหน้า “กินข้าวเหรอจ๊ะ ไหนยาบอกว่าเล่นน้ำกันอยู่ไง”
ภัทร์ธีราปิดปากตกใจที่ตัวเองพลาด
“อ๋อ...เล่นน้ำเสร็จแล้วค่ะถึงขึ้นมากิน”
“อ๋อ โอเคจ้ะ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวต่อเถอะ”
ภัทร์ธีราผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
“อ้อ น้องจ๋า ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก รับโทรศัพท์อาด้วย เวลาโทร.หาน้องจ๋าไม่ติดอาไม่สบายใจยังไงไม่รู้”
“ค่ะ รู้แล้วค่ะ ค่ะ รักอาจีเหมือนกัน สวัสดีค่ะ”
ภัทร์ธีราวางสายด้วยสีหน้าโล่งใจ แต่ไม่วายรู้สึกผิด
“ขอโทษนะคะอาจี”
ในบรรยากาศบ้านรมย์ฤดีอันเงียบเหงา พรพจีกลับถึงบ้านมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา สวาทเข้ามาดูแลบ่นขึ้นว่า
“พอคุณจ๋าไม่อยู่แล้วบ้านเหงาไปเลยนะคะ”
“อะไรกัน น้องจ๋าเพิ่งไปได้วันเดียวก็คิดถึงเสียแล้วเหรอน้าหวาด” พรพจีเย้า
“ก็ปกติจะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของคุณจ๋าอยู่ตลอดนี่คะ อดคิดถึงไม่ไหวหรอกค่ะ”
นรินทร์เลื่อนรถเข้ามาพูดจาแดกดันตามเคย
“ฉันเข้าใจน้าหวาดนะ เพราะฉันก็คิดถึงน้องจ๋าเหมือนกัน แต่ที่คนบางคนไม่รู้สึกอะไร คงเป็นเพราะดีใจที่พอน้องจ๋าไม่อยู่ตัวเองจะได้ทำอะไรๆ ตามใจชอบน่ะสิ”
“ฉันดีใจนะที่น้องจ๋าได้ออกไปเที่ยวเสียบ้างเพราะฉันไม่อยากเป็นอาที่วันๆ เอาแต่คิดจะล่ามหลานเอาไว้กับบ้าน ให้จมปลักอยู่กับตัวเอง ทั้งที่หลานยังมีอนาคตที่สดใสรอยู่ แต่ก็ไม่ปล่อยให้หลานไปเสียที”
“คิดถึงอนาคตของหลาน หรืออนาคตของตัวเองกันแน่”
“คิดถึงอนาคตแล้วผิดตรงไหน ในเมื่ออดีตมันมีแต่เรื่องเลวร้าย มองหาอนาคตก็ไม่แปลก”
นรินทร์โกรธทุบโต๊ะดังปัง สวาทสะดุ้งเฮือก พรพจียิ้มเยาะแล้วลุกเดินขึ้นห้องไปอย่างไม่แยแส
นรินทร์คุมแค้นมองตามด้วยความโมโห ถึงกับมือไม้สั่น สวาทลอบถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
ทางด้านภัทร์ธีราเดินออกจากห้องพัก พาตัวเองมาหยุดด้อมๆ มองๆ ไปยังห้องพักของประภา วลัยเดินขึ้นมาจากด้านล่างเห็นเข้า จึงทักถาม
“ขอโทษนะจ๊ะหนู”
ภัทร์ธีราสะดุ้งโหยงหันมาหา “คะ”
“หนูมาพักคนเดียวเหรอจ๊ะ”
“เอ่อ...ค่ะ”
“แปลกจังนะที่สาวสวยอย่างหนูมาเที่ยวคนเดียวแบบนี้”
ภัทร์ธีราเตรียมคำพูดไว้แล้ว “คือ...เพื่อนหนูมาเที่ยวที่นี่แล้วมาเล่าให้หนูฟัง ว่าสงบร่มรื่นมากๆ แล้วก็ปลอดภัยเหมาะสำหรับเที่ยวคนเดียวด้วย หนูเลยอยากมาเห็นเองน่ะค่ะ”
วลัยเยื้อนยิ้มพอใจ
“อย่างนี้นี่เอง”
“เอ่อ...คุณป้าพอจะรู้ไหมคะ ว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่”
“ฉันเองจ๊ะ”
ภัทร์ธีราฟังแล้วงง “แล้วคุณป้าเป็นเจ้าของคนเดียวเหรอคะ”
“เปล่าหรอกจ้ะ ฉันทำร่วมกับลูกชายน่ะ บางครั้งเขาก็มาช่วยฉันดูแลบ้าง แต่ตอนนี้เขาไปๆ มาๆ กรุงเทพฯ เสียส่วนใหญ่
ภัทร์ธีราหาข้อมูล “ลูกชายคุณป้าทำงานอะไรเหรอคะ หนูก็เป็นคนกรุงเทพฯ ถ้าทำโรงแรมหรือรีสอร์ตหนูจะได้อุดหนุนอีก”
“เขาก็ดูแลรีสอร์ตที่นี่ แล้วก็มีบริษัทอสังหาฯ จ้ะ”
“ไม่ได้ทำงานโรงแรมเหรอคะ”
“เคยทำแต่ลาออกไปแล้วจ้ะ”
ภัทร์ธีราครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
วลัยยิ้มเป็นมิตร “แล้วหนูล่ะจ๊ะ เป็นใครมาจากไหน เล่าให้ป้าฟังบ้างได้ไหม”
“หนูเพิ่งจบโทมาจากอเมริกา ก่อนหน้านี้เรียนหนักมากก็เลยอยากมาเที่ยว ก่อนจะเริ่มทำงานชีวิตหนูไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจหรอกค่ะ”
“แต่ป้ากลับไม่คิดอย่างนั้นนะ ตั้งแต่เห็นหนูครั้งแรกป้ารู้สึกอยากรู้จักหนูขึ้นมาไม่รู้ทำไม”
ภัทร์ธีรายิ้มเขิน วลัยยิ้มตอบจ้องมองลูกค้าสาวสวยด้วยสายตาล้ำลึก
ภัทร์ธีราเดินสำรวจรอบๆ รีสอร์ตอย่างละเอียด พร้อมกับถ่ายรูปเก็บหลักฐานเอาไว้ด้วย หญิงสาวเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงสวนด้านล่างฝั่งห้องพักประภา เธอหยุดเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างสนใจ ไม่ลืมกดถ่ายรูปเอาไว้
ภัทร์ธีราครุ่นคิดแล้วหันหลังกลับ จู่ๆ มีเสียงคนร้องไห้เล็ดลอดออกมาจากห้องที่ปิดหน้าต่างอยู่ ภัทร์ธีราสะดุ้งสุดตัวเงยหน้าไปมองห้องนั้น จนเสียงก็เงียบไป ภัทร์ธีรามองซ้ายแลขวาอีกรอบ เมื่อเห็นปลอดคน จึงตัดสินใจเดินขึ้นไปดู
ในบรรยากาศเงียบสงัด ภัทร์ธีราค่อยๆ ย่องเข้ามาหยุดหน้าห้องนั้น มองซ้ายมองขวาแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นประภานอนคว่ำหน้าร้องไห้อยู่ที่พื้น ภัทร์ธีราวิ่งเข้าไปดูด้วยความตกใจ
“คุณคะ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ภัทร์ธีราประคองประภาที่ตัวสั่นอยู่ที่พื้นขึ้นมา “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ประภามองด้วยสายตาสงสัย ภัทร์ธีรารีบอธิบาย
“หนูมาพักที่รีสอร์ตนี้ค่ะ พอดีได้ยินเสียงร้องเลยเข้ามาดู มีใครทำร้ายคุณหรือเปล่าคะ”
“ทำร้าย”
ใบหน้าภัทร์ธีราที่ประภามองอยู่ จู่ๆ เปลี่ยนเป็นหน้าพรพจี ประภาดวงตาเบิกกว้างด้วยความแค้น
“แก แกทำร้ายเขา”
“หนูไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ คุณใจเย็นๆ ก่อนค่ะ”
ภัทร์ธีราเริ่มรู้สึกแปลกๆ
“แก แกนั่นแหละ เป็นคนแย่งเขาไป แอร๊ย... แก”
ภัทร์ธีราตกใจ กลัวคนมาเห็น “คุณคะ คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”
ประภากรีดเสียงร้องลั่น “แก! แกนั่นแหละ นังพรพจี”
ภัทร์ธีราตัวแข็งทื่อ
“คุณว่าใครทำนะคะ”
“แก อีพรพจี”
ภัทร์ธีราเสียงสั่น “คุณรู้จักอาจีเหรอคะ”
“พรพจี แก แกกลับมาอีกทำไม” ประภาเกรี้ยวกราด จับตัวภัทร์ธีราเขย่าตัวอย่างแรง “ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก”
พร้อมกับว่าประภาคว้าคอหมับบีบสุดแรง ภัทร์ธีราตกใจ ตั้งสติรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักประภากระเด็นออกแล้ววิ่งหนีไป ทิ้งประภาให้กรีดร้องอยู่กับพื้นห้องอย่างเจ็บแค้น
ภัทร์ธีราวิ่งหนีออกมาด้วยความตกใจ หยุดพักเหนื่อยกุมหน้าอก หอบหายใจเข้าออก พยายามรวบรวมสติ จู่ๆ มีมือหนึ่งกระชากร่างเธอไปอย่างแรง ภัทร์ธีรากรี๊ดลั่น เป็นตลับนั่นเองที่ดึงแขนเธอด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
“ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ยุ่งกับห้องนี้”
“คนที่อยู่ในห้องนั้นเป็นใครคะ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“แต่คุณน้าคนนั้นพูดอะไรแปลกๆ”
ตลับเดินเข้าหาเชิงคุกคามบีบบังคับให้ภัทร์ธีราเดินถอยหลังออกไปจากบ้าน “ฉันบอกแล้วว่าไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันห้ามคุณแล้วว่าอย่าเข้าไปในนั้น”
ภัทร์ธีราถดตัวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “แต่ฉันได้ยินเสียงร้อง”
ตลับก้าวเข้าหาอีก “มันเป็นกฎแค่ข้อเดียวของที่นี่ แต่คุณก็ไม่รักษามัน”
ภัทร์ธีราถอยหลังอีกก้าว “ฉันคิดว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ”
“ออกไปซะ ถ้าคุณยังมายุ่มย่ามที่นี่อีก คุณก็พักที่รีสอร์ตนี้อีกไม่ได้”
ภัทร์ธีราทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ยอมจำนน
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะไม่มายุ่งกับห้องนี้อีก แต่ฉันคิดว่าคุณควรพาคุณน้าคนนั้นไปโรงพยาบาลนะคะ”
ตลับมองจ้องอย่างเอาเรื่อง จนภัทร์ธีราผวากลัว กึ่งเดินกึ่งวิ่งหนีไป
ภัทร์ธีรากลับเข้ามาที่ห้อง เมื่อถึงห้องภัทร์ธีราปิดประตูแล้วล็อกประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา/ภัทร์ธีราหายใจหอบด้วยความกลัว
เธอทรุดลงบนเก้าอี้ขณะที่ประมวลผลเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาก็หันไปเห็นน้ำมะตูมที่วางอยู่พร้อมป้าย
“อภินันทนาการ” เธอคว้ามาดื่มจนหมดด้วยความกระหาย เสียงไลน์ดังขึ้น ภัทร์ธีราหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู เป็นข้อความจากอิชยา
“เป็นไงบ้างงงงง ไหนบอกว่าจะรายงานฉันตลอดเวลาไงยะ”
ภัทรีรากระโดดขึ้นเตียงแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“เจอเรื่องน่าตกใจอยู่”
“เรื่องอะไร เม้าท์ด่วน!”
“เดี๋ยวกลับไปจะเล่าให้ฟัง เรื่องมันยาว”
“แล้วตอนนี้แกปลอดภัยดีใช่ไหม”
ภัทร์ธีรากำลังจะพิมพ์ตอบอิชยา "ฉันปลอ.." แต่พิมพ์ได้ครึ่งคำก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมา พยายามสะบัดหัวไล่ความมึนออกไป แต่ก็ฝืนไม่ไหว ผล็อยหลับไปในที่สุด
มีเสียงไลน์จากอิชยาดังขึ้นอีกสามสี่ครั้งเนื่องจากภัทร์ธีราอ่านแล้วไม่ตอบ
อิชยาส่งสติ๊กเกอร์สงสัยมาอีกสามสี่อัน ข้อความ "ฉันปลอ.." ยังถูกพิมพ์ค้างไว้อย่างนั้น
เช้าวันใหม่ ภัทร์ธีรานอนหลับอยู่บนเตียงภายในห้องเล็กๆ ซึ่งในนั้นไม่ค่อยมีข้าวของตกแต่งมากนัก
ไม่นานนักภัทร์ธีราค่อยๆ ลืมตาช้าๆ มองไปรอบๆห้อง พยายามนึกทบทวนว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในห้องพักที่ควรจะอยู่ เธอก็ตกใจผุดลุกขึ้นมาทันที
ภัทร์ธีราเดินสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างงุนงงสงสัยว่าตนอยู่ที่ไหน รีบคลำหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงแต่กลับไม่มี เมื่อมองหาของใช้ส่วนตัวก็ไม่พบ เธอลองเปิดลิ้นชัก ตู้ ของใช้ส่วนตัวหายไปหมด
ภัทร์ธีราตกใจจนทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน ยิ่งไปกว่านั้นหน้าต่างทุกบานถูกปิดหมด เธอลองเปิดหน้าต่างดูก็ยิ่งตกใจ เมื่อพบว่ามันถูกปิดล็อกตายจากข้างนอก
ภัทร์ธีราพุ่งตรงไปที่ประตู ก็ต้องตะลึงเมื่อรู้ว่ามันถูกล็อกจากข้างนอกเช่นกัน
ภัทร์ธีราเริ่มสติแตก ตัดสินใจเคาะประตูเรียก แต่ประตูก็เปิดผางออกจนเธอต้องผงะถอยหลังด้วยความตกใจ เป็นคำผายเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหาร
ภัทร์ธีรามองจ้อง “คุณเป็นใคร โจรเหรอ”
“ฉันไม่ใช่โจรหรอกจ้ะ”
“งั้นก็เป็นพนักงานรีสอร์ตเหรอ คือ ของใช้ฉันหายไปหมดเลย แล้วฉันก็มานอนที่ห้องนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ ช่วยแจ้งตำรวจให้หน่อยได้ไหมคะ”
คำผายไม่ตอบ วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
“กินข้าวก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวคุณจะได้รู้เรื่องทั้งหมดเอง”
ภัทร์ธีรางงมาก “เรื่องอะไร หมายความว่าไง”
“นายใหญ่จะมาบอกคุณในไม่ช้าจ้ะ”
ภัทร์ธีรางงหนัก “นายใหญ่คือใคร”
คำผายไม่ตอบ เดินออกไปพร้อมปิดประตูลง ภัทร์ธีราจะตามออกไปแต่ไม่ทัน
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อน”
ภัทร์ธีราพยายามเปิดออกแต่ประตูล็อกแน่นหนา
“นี่! เปิดประตูให้ฉันนะ เปิด” คุณหนูจ๋าเขย่าประตูร้องเรียก “นี่! ปล่อยฉันออกไปเปิดสิ เปิด จะมาขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย”
ภัทร์ธีราพยายามทุบประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย ตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้งแต่ก็ไร้วี่แววคนมาช่วย
ด้านประภานั่งเหม่อลอยอยู่ในห้อง โดยมีวิษธรนั่งป้อนข้าวอยู่
“อีกคำนะครับแม่”
ประภาเบือนหน้าหนี
“อีกหน่อยเถอะนะครับ แม่เพิ่งกินไปแค่นิดเดียวเอง อีกคำนะครับ ผมสัญญา จะได้กินยานะ”
“วราห์ไปไหน”
“พ่อไปทำงานครับ เดี๋ยวก็กลับมา แม่กินข้าวก่อนนะครับ พ่อต้องดีใจแน่ถ้าแม่ยอมกินข้าว”
“จริงเหรอ”
วิษธรพยักหน้าให้ ประภาอ้าปากเหมือนจะยอมกิน แต่แล้วก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก ปฏิเสธเสียงดังไม่ยอมกิน
“ไม่”
“นะครับแม่ กินหน่อยเถอะ”
“วราห์ไม่กลับมา วราห์ไปกับนังนั่น วราห์ไปกับพรพจี มันมาหาแม่ เมื่อกี้มันมาหาแม่ นังพรพจีมันแย่งเขาไปมันทำลายครอบครัวเรา มันทำร้ายเขาด้วย” ประภาร้องไห้โฮ “เลือด เต็มไปหมดเลย เลือด...”
ประภาร้องกรี๊ดๆๆ ยกมือจิกหัวตัวเอง ดวงตาเหลือกลานอย่างคนจิตหลุด วิษธรรีบกอดปลอบไว้
“แม่ครับใจเย็นๆ แม่กินยาก่อนนะครับ”
“ไม่...ไม่...ม่าย...อ๊ายยยยย”
ประภาทั้งกรีดร้องโหยหวน และสะอื้นไห้สุดตัว ดวงตาเหลือกลานอย่างคนหวาดกลัวถึงขีดสุด
“แม่”
วิษธรกอดแม่ไว้ด้วยแววตาเจ็บปวด
ทางด้านภัทร์ธีรานั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่บนเตียง จนมีเสียงประตูเปิดออก ภัทร์ธีราดีดตัวลุกขึ้น เห็นเป็นคำผายเดินเข้ามาเก็บจาน
“คุณควรจะกินข้าวนะจ๊ะ ถ้าคุณไม่สบาย นายใหญ่จะว่าเอาได้”
“พวกเธอต้องการอะไรกันแน่ จับฉันมาทำไม”
“ฉันบอกเรื่องพวกนั้นกับคุณไม่ได้หรอกจ้ะ นายใหญ่จะเป็นคนบอกเอง”
ภัทร์ธีราโมโห “แล้วนายใหญ่เป็นใครกันล่ะ เขาเป็นคนสั่งให้จับฉันมาใช่ไหม เขาจะเรียกค่าไถ่
ใช่ไหม บอกมาสิว่าต้องการเงินเท่าไหร่”
“ทำใจให้สบาย แล้วกินข้าวเอาแรงไว้เถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณจะได้คำตอบของทุกอย่าง”
“ฉันไม่กินจนกว่าเธอจะบอกว่าจับฉันมาทำไม”
ภัทร์ธีรานั่งนิ่งขึงอย่างทระนงไม่สนใจอาหาร คำผายมองสงสาร
“หนูจะทิ้งอาหารเอาไว้ก่อน แล้วอีกมื้อจะเอามาเปลี่ยนให้ใหม่ เชื่อหนูเถอะจ้ะกินให้มีแรงไว้ก่อนดีกว่า คุณต้องใช้แรงอีกมาก”
“หมายความว่ายังไง”
“พรุ่งนี้คุณจะรู้เองจ้ะ”
คำผายเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูลงทันควัน ภัทร์ธีรารีบวิ่งไปเปิดแต่ไม่ทันประตูล็อกเช่นเดิมจึงได้แต่ทุบประตูเต็มแรงด้วยความโมโห
วิษธรกับวลัยนั่งทานมื้อค่ำด้วยกัน วิษธรเครียดจนทานไม่ลงเอาแต่เขี่ยอาหารไปมา วลัยมองอย่างเป็นห่วง
“แม่อาการยังไม่ดีขึ้นเหรอลูก”
“ครับ ไม่ยอมกินข้าวกินยา อาการก็เลยกำเริบ”
“หรือเป็นเพราะ...”
“ครับ”
“เวรกรรมแท้ๆ เมื่อไหร่จะจบเรื่องเสียทีนะ”
“จุดจบใกล้เข้ามาแล้วครับ แต่ตอนนี้ที่ผมกังวลก็แค่เรื่องแม่ ผมกลัวว่าแม่จะอาการแย่ลงไปเรื่อยๆ”
“ธรกลับมาแล้ว เดี๋ยวแม่เขาก็ดีขึ้นเหมือนเดิมแหละลูก ธรเป็นคนเดียวที่ทำให้แม่เขาดีขึ้นได้” วลัยปลอบ
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น”
วิษธรฝืนยิ้มให้ เห็นวี่แววความกังวลฉายอยู่เต็มใบหน้า
อีกฟากสรัชนั่งหงอยๆ อยู่ในห้องที่บ้าน เปิดโทรศัพท์เลื่อนดูไลน์ของภัทร์ธีรา ล่าสุดเป็นของสรัชที่ส่งสติ๊กเกอร์ไป แต่ภัทร์ธีราไม่อ่านและไม่ตอบ
สรัชเป็นห่วงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหา แต่ไม่มีคนรับสาย เขาตัดสินใจส่งไลน์ไปอีกที "น้องจ๋าโทรกลับหาพี่ด้วยนะคะ" แต่ภัทร์ธีรายังไม่อ่านสักที
สรัชจึงตัดสินใจกดโทร.ออกอีกรอบ
“น้องยาเหรอครับ พี่เอ้นะครับ ตอนนี้น้องยาอยู่กับน้องจ๋าหรือเปล่า คือพี่โทรหาน้องจ๋าไม่ติดเลย ขอสายน้องจ๋าหน่อยได้ไหมครับ”
เสียงอิชยาบอกว่า “ไม่ได้ค่ะ”
สรัชแปลกใจ
อิชยาอยู่ที่บ้าน เริ่มออกอาการลนลาน
“เอ่อ คือจ๋านอนอยู่น่ะค่ะพี่เอ้ ท่าทางเพลียๆด้วย ยาไม่กล้าปลุก”
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ ให้น้องจ๋านอนพักเถอะ”
“เดี๋ยวจ๋าตื่นเมื่อไหร่ ยาจะให้จ๋ารีบโทรกลับนะคะ”
“ครับ ฝากด้วยนะ”
สรัชวางสายไป อิชยาโล่งอก แต่แล้วก็เริ่มกังวลอีกครั้ง จึงรีบโทร.ไปหาเพื่อนรักทันที แต่ภัทร์ธีราไม่รับ ลองโทร.อีกครั้งก็ยังไม่รับอยู่ จึงตัดสินใจไลน์ไปหาแทน
"จ๋า!!! แกทำอะไรอยู่ ถ้าเห็นไลน์แล้วตอบด้วยนะ เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว"
อิชยาจ้องโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่ แต่ภัทร์ธีราไม่ตอบ ถอนหายใจเฮือกใหญ่วางโทรศัพท์ลงอย่างเป็นกังวล จู่ๆ เสียงไลน์ดังขึ้น
เป็นข้อความส่งมาจากภัทร์ธีราว่า"โทษทีที่นี่ไม่ค่อยมีสัญญาณ"
อิชยากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“ในที่สุด ตอบเสียทียัยจ๋า”
มีข้อความไลน์จากภัทร์ธีรามาอีก "เน็ตก็ไม่ค่อยดี" และ "ฉันสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วงนะ"
อิชยาถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วรีบพิมพ์ตอบไป "พี่เอ้โทร.หาแกด้วย เห็นแล้วใช่ไหม ถ้าเน็ตใช้ได้ก็ตอบไลน์พี่เอ้ด้วย ฉันบอกเขาว่าแกนอนอยู่ ถ้าแกตื่นจะให้โทร.กลับน่ะ"
อิชยานึกบางอย่างออกจึงพิมพ์บอกไปอีกว่า
"ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบกลับมา อย่าทำอะไรเสี่ยงๆล่ะ"
อิชยากดส่งสติ๊กเกอร์เป็นห่วงสำทับไปด้วย ยิ้มโล่งใจ
หน้าจอมือถือภัทร์ธีรา มีข้อความของอิชยาเด้งขึ้นมา พร้อมสติ๊กเกอร์เป็นห่วง มีสติ๊กเกอร์รูปโอเคจากภัทร์ธีราตอบกลับไป โดยที่โทรศัพท์มือถือของภัทร์ธีราอยู่ในมือวิษธร
วิษธรเปิดไลน์สรัช กดพิมพ์ตอบไปว่า "เพิ่งตื่น"
มีข้อความจากสรัชตอบกลับมาทันที "น้องจ๋าจะกลับเมื่อไหร่คะ"
วิษธรยิ้มเยือกเย็นแล้วพิมพ์ไปว่า "อีกอาทิตย์นึงค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ"
พอตอบเสร็จเขาก็เก็บโทรศัพท์ภัทร์ธีราใส่ไว้ในกระเป๋าตัวเองทันที
ระหว่างนี้ดนัยเดินเข้ามาหา ยิ้มเจ้าเล่ห์ทักทาย
“ไงไอ้เสือ มีอาหารจานเด็ดมาเสิร์ฟถึงที่รู้สึกยังไงบ้าง”
“เด็ดกับคนอื่นแต่ไม่ใช่กับผมแน่ เพราะผมไม่ได้คิดจะกิน”
“แน่ใจเหรอ กระดูกกำลังอ่อนๆ เลยนะ” ดนัยยิ้มแซวๆ
“กระดูกอ่อนแต่เนื้อในเน่าผมก็ไม่กินหรอกครับ”
“แกจะไปรู้ได้ยังไง ยังไงอากับหลานก็คนละคนกันอยู่แล้ว”
“สำหรับผมเหมือนกัน”
“ก็ดี จะทำอะไรก็คิดถึงน้องม่านแก้วเยอะๆ พี่ไม่อยากให้แกลืมว่ามีใครที่คอยแกอยู่”
“ผมไม่มีวันทำให้น้องม่านแก้วผิดหวัง พี่ไม่ต้องห่วง”
“เออดี ดีแล้ว”
วิษธรเจ็บลึกในใจ ดนัยเองก็เช่นกัน
ทางด้านพรพจีเดินตรวจความเรียบร้อยของพนักงานอยู่ พนักงานเอาเอกสารมาให้ดู พรพจีตรวจดูแล้วส่งคืน
“โอเคทำต่อได้เลยนะ”
พนักงานรับเอาคำแล้วออกไป พอพรพจีหันหลังกลับดันเจอกับอรดียืนยิ้มเยาะเย้ยอยู่แล้ว นักธุรกิจสาวใหญ่มองอย่างรังเกียจปนรำคาญแล้วหันหลังเดินหนี
“จะไปไหนล่ะคะ”
พรพจีคร้านจะทะเลาะรีบตัดบท “ฉันมีงานต้องทำ ไม่ได้มีเวลาว่างฟุ้งซ่านเรื่องคนอื่นไปวันๆ”
“ดี้มาหาธร”
“แล้วมาบอกฉันทำไม ไม่ไปบอกธรล่ะ”
“ดี้รู้แล้วว่าธรไม่อยู่แล้วดี้ก็รู้ด้วยว่า น้องจ๋าก็ไม่อยู่ อาจีไม่รู้สึกถึงกลิ่นตุๆ เหรอคะ” อรดีเริ่มแหย่รังแตน
“จะพูดเพื่ออะไร”
“เอาบุญมั้งคะ” อรดีหัวเราะเยาะเย้ยหยาม “ช่วยสงเคราะห์คนชรา”
พรพจีข่มอารมณ์
“ยายังอยู่ที่บ้าน ทั้งๆ ที่บอกว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกับน้องจ๋า แล้วอย่างนี้น้องจ๋าจะไปกับใครล่ะ จะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปไหมที่ธรก็ดันไปต่างจังหวัดในเวลาไล่กัน หรือว่าทั้งสองคนจะ...”
พรพจีคิดตาม สีหน้าเริ่มเครียดแต่พยายามเก็บอารมณ์
“มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ก็ได้นี่ แล้วอีกอย่างใครจะไปไหนก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรือเธอ น้องจ๋าโตแล้วเขาจะไปไหนกับใครก็ได้”
“อาจีคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
พรพจีพยายามเก็บอารมณ์เต็มที่ แต่อรดีก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี
“ใจกว้างจังเลยนะคะ ว่าที่อาสะใภ้ของธร”
อรดีหัวเราะเยาะเย้ยกวนประสาทอย่างสะใจ
พรพจีเดินเข้ามาในห้องทำงาน ด้วยท่าทางหงุดหงิดหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทร.ออกทันที
“ฮัลโหล ธรเหรอคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ”
“ผมมาดูที่ที่สุโขทัย มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่คิดถึงคุณ”
“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกันครับ เสร็จธุระเมื่อไหร่ ผมจะรีบกลับไปหาคุณทันที”
“รีบกลับมานะคะ ฉันจะรอ”
“แค่นี้ก่อนนะครับ ผมคุยกับเจ้าของที่ค้างไว้”
วิษธรกดวางสายไป พรพจีต่อสายถึงภัทร์ธีราทันที สายติดแต่ไม่มีคนรับ
“น้องจ๋า...ฮัลโหล น้องจ๋าได้ยินอาไหม” พรพจีมองจอโทรศัพท์ด้วยสีหน้าสงสัย “น้องจ๋า น้องจ๋า”
เสียงตัดสายไปเฉยเลย พรพจีแปลกใจมากขึ้น สักครู่ก็มีเสียงไลน์ดังขึ้น
เป็นข้อความจากภัทร์ธีราบอกมาว่า"จ๋าทำโทรศัพท์หล่นสัญญาณเครื่องน้องจ๋าเลยไม่ค่อยดี อาจีไม่ได้ยินจ๋าใช่ไหมคะ"
พรพจีกดโทรศัพท์อีกครั้ง ปลายสายเป็นเพื่อนสนิทหลานสาว
“ฮัลโหลยาเหรอจ๊ะ”
อิชยาอยู่ที่บ้านคุยสายกับพรพจี คอยขยำถุงพลาสติกในมือใส่โทรศัพท์ให้เหมือนมีเสียงซ่าๆ แทรก สัญญาณไม่ค่อยดี
“ฮัลโหลๆ ค่ะอาจี” อิชยาขยำถุงหันหน้าหนีโทรศัพท์ไปตะโกนไกลๆ “อะไรนะคะ ไม่ค่อยได้ยินเลยค่ะ ฮาโหลๆ”
พรพจีร้อนใจอยู่ในห้องทำงานที่บ้านรมย์ฤดี
“ฮัลโหลๆ ยา ได้ยินอาหรือเปล่า ยาอยู่กับน้องน้องจ๋าหรือเปล่าจ๊ะ”
อิชยาพูดเสียงดังแต่ฟังไม่ค่อยชัด “อยู่ค่ะ อาจีคะ ยาไม่ค่อยได้ยินอาจีเลยค่ะ ฮาโหลๆ อาจีคะ ฮาโหลๆ”
จากนั้นสายอิชยาก็หลุดไป พรพจีเริ่มรู้สึกแปลกๆ
คืนนั้น ภัทร์ธีรานอนหลับอยู่บนเตียงสีหน้าท่าทางดูอ่อนเพลีย อาหารที่คำฝายวางไว้ให้ก็ยังไม่ได้รับการแตะต้อง เสียงประตูเปิดออก ภัทร์ธีราสะดุ้งตื่นตกใจ เห็นคำผายเดินเข้ามา
“นายใหญ่มาแล้วค่ะ”
ภัทร์ธีราลนลานกลัวจนแทบจะร้องไห้ “ทำไมถึงมาตอนกลางคืน เขาจะทำอะไรฉัน เราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอช่วยฉันด้วยนะ”
คำผายออกไปเลย
“เธอ เดี๋ยวก่อน”
ภัทร์ธีราวิ่งตามออกไปแล้วชนเข้ากับแผงอกของชายคนหนึ่งจังๆ ภัทร์ธีราผงะถอยหลังแล้วเงยหน้าขึ้นมอง แววตาเปลี่ยนเป็นดีใจ ร้องไห้ออกมา
“นายวิษธร นายจริงๆ ด้วย”
“คุณจ๋า”
ภัทร์ธีราดึงวิษธรเข้ามาใกล้ๆ กระซิบถาม “นายมาช่วยฉันใช่ไหม นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ผม...”
“ช่างเถอะ ตอนนี้เรารีบหนีกันก่อนดีกว่า เด็กที่ดูแลฉันบอกว่านายใหญ่ของเขากำลังจะมา ถ้าเราไม่รีบไปพวกนั้นอาจจะมาเจอก็ได้”
วิษธรไม่ขยับแม้ภัทร์ธีราจะเร่ง
“รีบไปเถอะ เร็วสิ”
“เขามาแล้ว”
“หมายความวะ...” ภัทร์ธีราถอยหลังเมื่อนึกได้ “คุณไม่ได้มาเพื่อช่วยฉันเหรอ”
วิษธรนิ่ง
“นายใหญ่ที่คำผายพูดถึงก็คือ...”
วิษธรมองหน้าภัทร์ธีราด้วยสายตาเยือกเย็น เล่นเอาภัทร์ธีราถึงกับอึ้งน้ำตาร่วง นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างสับสน
“ฉันเคยคิดว่านายไม่น่าไว้ใจ แต่ก็ไม่คิดว่านายจะเลวได้ถึงขนาดนี้ นายมันเลว เลวที่สุด ทำแบบนี้ทำไม”
ภัทร์ธีราทุบตีวิษธรด้วยความโมโห วิษธรจับมือห้ามไว้ แต่ภัทร์ธีราไม่ยอมหยุด วิษธรระเบิดอารมณ์ใส่ด้วยความกดดัน ดวงตาแดงกล่ำ
“กลับไปถามอาจีของคุณ! แล้วคุณจะรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนเลว”
ภัทร์ธีรางง “อาจีเกี่ยวอะไรด้วย”
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ หรือสันดานแกล้งโง่เพื่อหลอกให้ผู้ชายตายใจ มันอยู่ในสายเลือดธนาพัทธ์อย่างพวกคุณ”
ภัทร์ธีราชักโกรธ “นายพูดเรื่องบ้าอะไร”
“ผู้หญิงธนาพัทธ์ก็แพศยาเหมือนกันทุกคน”
ภัทร์ธีราบันดาลโทสะเงื้อมือจะตบหน้าเขา วิษธรจับไว้
“ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ไม่” พร้อมกับว่าวิษธรก้าวเข้าไปหาภัทร์ธีราอย่างคุกคาม
ภัทร์ธีราตกใจ ถอยหนี “คุณจะทำอะไร”
“ผมก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็นไง ว่าพวกธนาพัทธ์มันเลวขนาดไหน”
วิษธรผลักภัทร์ธีราลงไปเตียง
“นายจะทำอะไรฉัน ถ้านายทำ นายก็เลวไม่ต่างกับสัตว์”
วิษธรโยนจดหมายลงตรงหน้าภัทร์ธีรา
“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรคุณ” เขาหัวเราะเย้ยหยันใส่หน้า “ในหัวของธนาพัทธ์ก็มีแต่เรื่องพวกนี้สินะ น่าสมเพช”
ภัทร์ธีราหยิบจดหมายมาอ่านงงๆ
“อ่านให้จบ แล้วคุณจะได้รู้ว่าใครที่เลวที่สุด”
ภัทร์ธีราอ่านจดหมาย เนื้อความในนั้นทำให้เธอตกใจ จนมือเริ่มสั่น
ทางด้านพรพจีพาตัวเองยืนกดกริ่งรออยู่หน้ารั้วบ้านอิชยาด้วยอาการร้อนใจ สักครู่หนึ่งจึงเห็นอุราเดินออกมา พรพจีไหว้ทักในฐานะผู้อาวุโส
“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นคุณอุราใช่ไหมคะ”
อุรามองฉงน “ค่ะ ส่วนคุณคือ”
“จีเป็นอาน้องจ๋าค่ะ” พรพจีแนะนำตัว
“อ๋อ คุณจีนั่นเอง เคยได้ยินชื่อมานานแล้ว เข้ามาก่อนค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาหายาน่ะค่ะ อยู่หรือเปล่าคะ”
“ไม่อยู่หรอกค่ะ เห็นว่าไปต่างจังหวัด”
“ไปกับใครคะ”
อุรามองอย่างแปลกใจ
“ก็ไปกับหนูจ๋าไม่ใช่เหรอคะ”
“จีแค่ต้องการความแน่ใจน่ะค่ะ พอดีโทร.ไปหาทั้งสองคนแล้วมีตอบไม่ตรงกันบางอย่าง หลายอย่างดูมีพิรุธด้วย จีเลยไม่เชื่อว่าไปด้วยกัน”
อุราชักเริ่มอึดอัด “ปกติฉันให้อิสระกับยา เวลาจะไปไหนก็เลยไม่ได้บอกละเอียด”
“แล้วเขาแสดงพิรุธอะไรบ้างหรือเปล่าคะ หรือหลุดปากว่าจะไปที่ไหน”
“ไม่นะคะ”
“ถ้าคุณอุรารู้อะไรก็บอกจีมาเถอะค่ะ จีเป็นห่วงทั้งสองคนจริงๆ นะคะ กลัวว่าจะเกิดอันตราย”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ แต่ถ้าที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงฉันก็จะตามยาให้”
“ขอบคุณนะคะ”
“ถ้ามีอะไรผิดปกติจะบอกอีกทีแล้วกันค่ะ”
“ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
อุรายิ้มรับเอาคำ สีหน้าเครียดจัด
อีกฟากหนึ่ง ที่เรือนท้ายสวน บ้านวรกานต์ สุโขทัย
เมื่อภัทร์ธีราอ่านจดหมายจบลง ถึงกับน้ำตาคลอๆ วิษธรมองสะใจ
“นี่มันอะไรกัน”
“ความจริงไงล่ะ”
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันเป็นเรื่องจริง มันอาจจะเป็นเรื่องที่คุณแต่งขึ้น เพื่อใส่ความอาจีก็ได้”
“คุณจำลายมืออาสุดที่รักของคุณไม่ได้หรือไง”
“ฉันจำได้ แต่คุณอาจจะปลอมมันขึ้นมาก็ได้นี่”
“อย่ามาแก้ตัวแทนกันหน่อยเลย! จดหมายนี่เป็นของจริง อาคุณเป็นคนเขียนถึงพ่อของผม ยั่วยวน ออดอ้อน ให้ขายที่ดินไปร่วมลงทุนด้วยกัน แต่พอธุรกิจเจ๊งก็เชิดเงินที่เหลือหนีไปแต่งงานกับอาเขยของคุณ ทิ้งให้พ่อผมใช้หนี้คนเดียวจนล้มละลาย แล้วก็...” น้ำเสียงวิษธรเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยากจะบอกว่าพ่อเขาถึงกับฆ่าตัวตาย แต่ไม่อยากพูดถึง
“แล้วก็อะไร”
วิษธรพูดออกมาทั้งน้ำตา “แล้วก็...ทิ้งแม่กับผมให้อยู่โดยไม่เหลืออะไรเลย ทุกอย่างเป็นเพราะอาของคุณ”
ภัทร์ธีราน้ำตาร่วง “ถ้ามันเป็นเรื่องจริงฉันจะชดใช้ให้คุณเอง คุณต้องการอะไรล่ะ เงินเหรอ คุณต้องการเท่าไหร่ ทุกบาท ทุกสตางค์ที่ครอบครัวคุณเสียไป ฉันจะหาคืนมาให้ทั้งหมด”
วิษธรยิ้มหยัน “เงิน หึ คุณคิดว่าเงินจะชดใช้ได้ทุกอย่างงั้นเหรอ เงินของคุณเรียกชีวิตที่ผมเสียคืนมาได้เหรอ เงินเท่าไหร่ก็ไม่มีวันชดใช้หนี้ครั้งนี้ได้หมด”
“ถ้าอาจีจะผิดก็ผิดเพราะเป็นกิ๊กกับพ่อของคุณ แต่คงไม่ได้ตั้งใจโกง...”
วิษธรหัวเราะสวนขึ้นอย่างแค้นคลั่ง “ผมคิดอยู่แล้วว่าพวกธนาพัทธ์อย่างคุณก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้วมานี่” พร้อมกับว่าเขาฉุดมือภัทร์ธีราขึ้นมาอย่างแรง
ภัทร์ธีราสะบัดออกแต่ไม่หลุด “คุณจะพาฉันไปไหน”
“พาไปดูหลักฐานความชั่วช้าของอาคุณไง”
วิษธรลากภัทร์ธีราออกจากห้องไปด้วยความแค้นสุดจะประมาณ
อ่านต่อ ตอนที่ 19
#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์