xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 20

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพลิงรักไฟมาร ตอนที่ 20

ดนัยกลับมาถึงรีสอร์ต เดินเข้ามาในล็อบบี้ ตลับรออยู่แล้ววิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา

“คุณนัยคะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ดนัยหันไปหา ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น “คุณจ๋า...คุณจ๋าหัวแตก สลบอยู่ที่ห้องคุณประภา”
ดนัยตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้นครับ”
“น้าก็ไม่รู้ค่ะ คุณภาก็เอาแต่ร้องไห้ ตอนนี้ให้คำผายดูแลอยู่ เราพาคุณจ๋าไปโรงพยาบาลดีไหมคะ”
ดนัยกลุ้มใจขึ้นมาทันที คิดหนัก
“เดี๋ยวผมถามไอ้ธรมันก่อนว่าควรทำยังไง รอเดี๋ยวนะ”
ดนัยหยิบโทรศัพท์มาโทร.หาวิษธร รอครู่หนึ่งแล้วแต่เขาก็ไม่คนรับสาย
“มันไม่รับสาย” ดนัยคิดปราดเดียว “เอาแบบนี้ เดี๋ยวน้าตลับไปบอกคนให้เตรียมอุปกรณ์ทำแผล เดี๋ยวผมไปดูเอง”
ตลับพยักหน้าแล้ววิ่งจู๊ดออกไป ส่วนดนัยหันกลับพุ่งไปที่ห้องของประภาทันที

ในห้องประภา ภัทร์ธีรายังนอนสลบอยู่ที่เดิม ส่วนประภาหลบนั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่มุมห้อง มองรอบข้างอย่างหวาดระแวง ปากก็พึมพำไม่หยุด
“เลือด...เลือด....ฮือ”
คำผายคอยดูแลภัทร์ธีรา และชะเง้อรอว่าเมื่อไรตลับจะกลับมา
ประภาเริ่มสั่นกลัวมากขึ้น ลุกเดินไปหาภัทร์ธีรายื่นมือไปจะแตะตัว จู่ๆ ภาพตอนวราห์นอนจมกองเลือดผุดขึ้นมาในห้วงคิด
“เลือด...วราห์...เขาตายแล้ว...เลือด...วราห์ตายแล้ว! ไม่ ไม่จริง”
ประภาเข้าไปเขย่าตัวภัทร์ธีรากรีดร้องเหมือนจะขาดใจ
“ไม่ ฉันไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ไม่เอา ฮือ...ฟื้นขึ้นมาสิ ฟื้น”
คำผายคอยห้าม
“คุณจ๋ายังไม่ตายนะคะ แค่สลบไปค่ะ”
พอเห็นภัทร์ธีราไม่ฟื้น ประภาก็ยิ่งร้องไห้หนัก ตะโกนลั่น
“ฉันไม่เชื่อ เขาตายแล้ว เขาตายแล้ว ฮือ...”
ประตูห้องเปิดออก ดนัยพุ่งเข้ามาในห้อง
“คุณน้า”
ดนัยเข้าไปดึงตัวประภาแยกออกมาพร้อมกับสั่งคำผาย
“พี่คำผายช่วยผมพาคุณจ๋าไปที่ห้องเขาที”
คำผายพยักหน้าแล้วช่วยดนัยประคองภัทร์ธีราออกไป ทิ้งประภาให้ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุดอยู่เพียงลำพัง

ที่ร้านกาแฟร้านประจำในห้างดัง พรพจีมองจ้องหน้าวิษธรด้วยความคิดถึง
“อย่าหายไปอย่างนี้อีกนะคะธร รู้ไหมว่าตอนที่ไม่มีคุณฉันรู้สึกแย่แค่ไหน”
พรพจีน้ำตาคลอ วิษธรจับมือเธอกุมไว้
“อย่าปล่อยให้ฉันคิดถึงอีกเลยนะคะ”
วิษธรแสร้งทำเป็นลำบากใจ
“มีที่ดินติดกันอีกแปลงที่ผมอยากขาย แต่ยังตกลงกันไม่ได้ ผมอาจจะต้องกลับไปอีก”
“อีกแล้วเหรอ คราวนี้คุณจะไปนานแค่ไหน”
“ผมบอกไม่ได้ จนกว่าจะเจรจาสำเร็จ”
พรพจีผิดหวังที่วิษธรพูดแบบนี้ แต่ทำเป็นใจกว้าง
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” วิษธรยิ้มออกมา แต่พรพจีกลับพูดสวนขึ้นมาอีกว่า “แต่...ฉันจะไปกับคุณด้วย”
วิษธรถึงกับชะงักงันไป
“คุณจะไปกับผมทำไม”
“ฉันไม่อยากห่างจากคุณอีกแล้วนี่ธร ให้ฉันไปนะ เมื่อก่อนเราไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดไม่ใช่เหรอ”
“คราวนี้มันไม่เหมือนกันนะจี คุณมีโรงแรมต้องดูแล คุณบอกผมเองว่าตอนนี้มีปัญหาตั้งมากมายให้แก้ ถ้าคุณหายไปอีกคน ที่นี่จะเป็นยังไง”
พรพจีเม้มปาก พยายามอดกลั้นไว้ วิษธรพูดเกลี้ยกล่อม
“อยู่ที่นี่เถอะจี คุณเป็นเจ้าของที่นี่ คุณต้องอยู่เป็นหลักให้ลูกน้องของคุณ ต่อให้ไม่มีผม ผมก็เชื่อว่าคุณจะผ่านไปได้
“แต่ตอนที่มีคุณอยู่มันดีกว่านี้”
“ผมไม่ได้หายไปไหนนี่จี มีอะไรคุณโทร.หาผมได้ อดทนหน่อยนะ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ผมสัญญาว่าผมจะกลับมาหาคุณ แล้วผมจะไม่ไปไหนอีก”
พรพจีโผเข้ากอดวิษธรโดยไม่อายใคร วิษธรกอดตอบสีหน้ายิ้มร้ายโดยที่สาวใหญ่ไม่เห็น


อีกฟากหนึ่ง ดนัยกับคำผายพาภัทร์ธีรามาที่ห้องพักเรือนท้ายสวนแล้ว ภัทร์ธีรายังนอนสลบอยู่ ตลับเอาอุปกรณ์ทำแผลเข้ามาให้
“มาแล้วค่ะ”
“งั้นคำผายขอไปดูคุณภาก่อนนะคะ”
ดนัยพยักหน้ารับ มองแผลภัทร์ธีราอย่างกังวล กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
“สภาพแบบนี้ผมว่าเราควรจะพาคุณจ๋าไปโรงพยาบาลดีกว่า ผมไปเอารถนะ น้าตลับดูคุณจ๋าไว้ก่อน”
ดนัยกำลังจะออกจากไป แต่ตลับเรียกไว้ก่อน
“คุณนัยคะ คุณจ๋า...”
ดนัยหันไปหาจะถามว่ามีอะไร แต่กลับเห็นภัทร์ธีราลืมตาขึ้นมาเสียก่อน
“คุณจ๋า”
ดนัยรีบเข้าไปดู ภัทร์ธีรายังมึนๆ งงๆ อยู่ พยายามประคองตัวลุกขึ้น ตลับคอยช่วย
“คุณจ๋า คุณเป็นอะไรไหม ปวดหัวรึเปล่า”
ภัทร์ธีรางุนงงว่าตัวเองเป็นอะไรไป
“ฉันเป็นอะไรไปเหรอคะ”
“คุณหัวฟาดโต๊ะสลบไปน่ะ แต่คุณฟื้นก็ดีแล้ว ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”
ภัทร์ธีรายังงงอยู่ “โรงพยาบาล”
“ใช่ ผมไม่รู้คุณสลบไปนานแค่ไหน ยังไงก็ต้องเช็คอาการก่อน ผมพาไปเอง”
ดนัยพยักหน้าเชิงบอกให้ตลับให้ช่วยพยุงภัทร์ธีรา แต่ภัทร์ธีราตั้งสติได้แล้วรีบยกมือห้ามไว้
“ไม่ต้องค่ะ”
ดนัยงง “ทำไมล่ะครับ ไม่ต้องกลัวไอ้ธรมันว่าหรอก ยังไงคุณก็ต้องไปหาหมอ”
“ฉันไม่ได้กลัวเขาค่ะ แต่ฉันไม่เป็นไรจริงๆ แค่มึนหัวเท่านั้นเอง”
“แต่…”
“เดี๋ยวทำแผลแล้วให้ฉันนอนพักก็พอ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ นะคะ...”
ภัทร์ธีราดื้อไม่ยอมไปท่าเดียว ดนัยยิ่งกลุ้มหนัก

ทางด้านพรพจีกำลังเลือกซื้อของใช้อยู่ วิษธรยืนอยู่ห่างๆ หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นฆ่าเวลา แต่ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าดนัยโทร.มาหาหลายครั้ง วิษธรหันหลังให้พรพจีแล้วโทร.กลับดนัยทันที
ดนัยอยู่ที่เรือนท้ายสวน พอเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นวิษธรโทร.มา ดนัยก็รีบกดรับทันที
“ไอ้ธร แกหายไปไหนมา ทำไมโทร.ไปไม่รับวะ”
“ผมไม่ได้เปิดเสียง พี่มีอะไรรึเปล่า”
“มีสิวะเรื่องใหญ่ซะด้วย เกี่ยวกับคุณจ๋า”
วิษธรได้ยินว่าเป็นเรื่องภัทร์ธีราก็ตกใจ
“เขาเป็นอะไรพี่”
“ฉันสงสัยว่าคุณน้าไปเจออะไรเข้า เลยอาละวาดผลักคุณจ๋าซะล้มหัวฟาด ดีนะว่าแค่แตกนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“หัวแตก แล้วคุณจ๋าเป็นยังไง มึนหัวไหม เลือดออกเยอะรึเปล่า พี่ปล่อยเขาไว้แบบนั้นได้ยังไง ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล
วิษธรตื่นตกใจกว่าเดิม พ่นคำถามใส่มาเป็นชุด จนดนัยอึ้ง
“เดี๋ยว ไอ้ธร ใจเย็นก่อน ขอทีละคำถาม”
วิษธรนึกได้ถึงนิ่งลง
“ขอโทษครับพี่ แล้วสรุปตอนนี้เขาเป็นยังไง”
“ก็ไม่มีอะไร คุณจ๋าแค่มึนหัวนิดหน่อย น้าตลับทำแผลให้แล้ว ตอนนี้ให้นอนพัก เดี๋ยวก็ดีขึ้น แกไม่ต้องห่วงหรอก”
“ผมไม่ได้เป็นห่วงเขาสักหน่อย”
ดนัยหมั่นไส้ “อ้อเหรอ ที่ถามเป็นชุดเมื่อกี้ไม่เป็นห่วงเลย”
“ผมแค่กลัวเขามาตายที่รีสอร์ท ขี้เกียจรับผิดชอบ”
“เออ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง แต่เขาไม่ตายง่ายๆ หรอก ถึงเขาอยากตายแกก็ไม่ให้เขาตาย แกอยากให้เขาอยู่ช่วยชดใช้ความผิดที่บ้านเขาทำไม่ใช่หรือไง”
ดนัยยิ้มรู้ทันว่าจริงๆ แล้ววิษธรเป็นห่วงภัทร์ธีรามาก
วิษธรวางสายหันไปมองพรพจีที่กำลังช้อปปิ้งอยู่ สีหน้าเครียดจัด

คำผายพาประภาออกมาเดินเล่นในสวนสวยของรีสอร์ต ประภาเดินเหม่อมองหาใครบางคน
ยังไม่มีใครรู้ว่าบัดนี้ความทรงจำของประภาเริ่มกลับมาแล้ว หลังจากเห็นภัทร์ธีราเลือดออก ทำให้นึกถึงเหตุการณ์เก่าๆ ได้ชัดขึ้น
“คำผาย...”
“ขา คุณประภา”
“น้องจ๋าหายไปไหน”
ประภาพูดแล้วมองอีก คำผายอึกอัก
“คุณจ๋าไม่อยู่ค่ะ แกไม่สบายนิดหน่อยเลยมาดูคุณไม่ได้”
“ไม่สบายเป็นอะไรมากไหม ฉันช่วยน้องจ๋าได้ไหม”
คำผายแปลกใจนิดๆ ที่เห็นท่าทีประภาดูมีสติ พูดคุยชัดถ้อยชัดคำมากขึ้น
“คุณจ๋าเธอบาดเจ็บ ถ้าเธอหายแล้วเธอจะกลับมานะคะ”
“บาดเจ็บ...”
ระหว่างนี้ภาพตอนประภาอาละวาดผลักภัทร์ธีราล้มหัวกระแทกโต๊ะผุดขึ้นมาอีก
“น้องจ๋าบาดเจ็บ น้องจ๋าเลือดออก น้องจ๋าเจ็บตัวเพราะฉันใช่ไหม”
ประภาเริ่มนึกออก พูดไปน้ำตาก็เริ่มคลอ
“ไม่ใช่นะคะ คุณ คือ...”
ประภานึกถึงตอนตัวเองเขย่าร่างภัทร์ธีราที่นอนสลบอยู่ และเห็นมีเลือดออก
“เลือด ตัวน้องจ๋ามีแต่เลือดเต็มไปหมดเลย ทำไมล่ะ ทำไมเลือดออก น้องจ๋าตายแล้วเหรอ”
“ใจเย็นก่อนนะคะคุณ คุณจ๋าไม่ได้เป็นอะไร”
คำผายเข้าไปจับตัวปลอบ แต่ประภาปัดมือออก
“ไม่จริง น้องจ๋าตายแล้ว เขาตายแล้ว ฉันทำให้คนอื่นต้องตายอีกแล้ว ฮือ...”
ประภาทรุดตัวลงปิดหน้าร้องไห้โฮ คำผายเข้าไปโอบประภาไว้ ปลอบให้สงบลง


พรพจีหอบสีหน้ายิ้มแย้มกลับมาบ้านอย่างอารมณ์ดี หิ้วถุงขนมราคาแพงติดมือมาด้วย เต่าออกมารับ
“สวัสดีค่ะคุณจี ดื่มน้ำก่อนนะคะ”
“เต่า มาก็ดี นี่ฉันแวะซื้อขนมมาให้ อร่อยมากเลยนะ เอาไปแบ่งพวกเกลี้ยงพวกสวยกินนะจ๊ะ ฉันซื้อมาเยอะเลย”
“ขอบคุณมากนะคะคุณจี โอ๊ย ลาภปากแล้ว”
เต่ารับถุงขนมแล้ววิ่งกรี๊ดกร๊าดเข้าครัวไป พรพจียิ้มเบิกบาน แต่แล้วเสียงนรินทร์ก็ดังขึ้น
“สงสัยโลกจะแตกวันนี้แล้วล่ะมั้ง”
พรพจีหันไปทางเสียง เจอนรินทร์เลื่อนรถเข็นเข้ามาหาใกล้ๆ
“คุณพรพจีของเราเกิดมีน้ำใจเผื่อแผ่คนอื่นกับเขาขึ้นมา สิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลก เอ หรือว่ามีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับคุณ”
พรพจีเบือนหน้าหนีไม่อยากตอบ นรินทร์พอจะรู้ทันที
“อ้อ หน้าบานขนาดนี้ ไอ้งูพิษมันกลับมาแล้วล่ะสิ”
พรพจีสวนขึ้นทันควัน
“ใช่ ธรกลับมาแล้ว และฉันก็ดีใจที่ได้เจอเขาด้วย มีเขาอยู่เขาก็ยังช่วยแก้ปัญหาให้ ไม่เหมือนใครบางคนที่มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำ”
“มัวแต่ดี๊ด๊าที่ผู้ชายกลับมา ลืมแล้วหรือไงว่าหลานตัวเองก็ยังไม่กลับบ้าน”
“ฉันไม่ได้ลืม”
“ถ้าไม่ลืมแล้วทำไมทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย”
นรินทร์เริ่มไล่ต้อนไม่ยั้ง พรพจีตอบกลับนิ่งๆ
“ก็ฉันโทรคุยกับน้องจ๋าแล้ว น้องจ๋าบอกว่าปลอดภัยดีนี่”
“แค่นั้นก็เชื่อแล้ว นี่ถ้าเอาใครมาสวมรอยเป็นน้องจ๋าแล้วบอกว่าหลานสบายดี คุณเชื่อหมดงั้นสิ”
“คุณจะพูดแบบนี้ให้มันได้อะไร คุณคิดว่าที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้คือไม่ใส่ใจเหรอ”
“ก็แล้วคุณใส่ใจจริงไหมล่ะ”
พรพจีผงะไปนิดหนึ่ง นรินทร์ระเบิดอารมณ์ใส่ต่อ
“เลิกตีสองหน้าซักที ยอมรับมาได้แล้วว่าแกไม่ได้รักหลานจริงหรอก แกมันจอมลวงโลก อดีตของแกมันก็เน่าเฟะไม่ต่างจากตัวแกในวันนี้ หลอกตัวเองเข้าไปเถอะ แล้วฉันจะคอยดู วันที่แกโดนไอ้เด็กนั่นหลอกจนไม่เหลืออะไรเลย”ฃ
พรพจีเจ็บใจกำมือแน่น พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้
“อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เชิญจมอยู่กับคำพูดสกปรกของตัวเองซะให้พอ แต่ระวังไว้ด้วยนะ วันนึงคุณจะตายเพราะปากตัวเองไม่รู้ตัว”
พรพจีพูดจบก็เดินหนีเข้าบ้านไป นรินทร์มองตามด้วยความเจ็บแค้นสุดจะประมาณ

สวยวิ่งถลาหน้าตาตื่นเข้ามาในครัว ตะโกนเสียงดังลั่น
“ทุกโค้นน ข่าวดีจ้า ข่าวดี ผัวขาของสวยกลับมาแล้วค้า”
เต่ากับเกลี้ยงที่นั่งอยู่ในครัวงงว่าใคร เกลี้ยงเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า
“ใครวะนังสวย ผัวขาของแกน่ะ”
“แหม จะเป็นใครไปได้ล่ะ ดูแลกันมาตั้งแต่ไหนบ้านก็เช็ดให้ แค่มองตาก็รู้ใจ...คุณธรไงล่ะ”
สวยพูดไปก็บิดเป็นงูไป เต่าได้ยินถึงกับเบะปาก
“ไปมโนว่าคุณธรเขาเป็นผัวแบบนั้น บาปหนักนะแก ระวังจะตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”
“ทำไมย่ะ คนเรามีสิทธิ์จะคิดอะไรก็ได้นิ”
“แต่ก็ทำได้แค่คิดล่ะว้า เพราะยื่นมือจะไปคว้ามาเขายังถอยหนี” เกลี้ยงว่า
“อีพี่เกลี้ยง”
เกลี้ยงกับเต่าหัวเราะขำกลิ้ง สวยทำเชิดใส่แล้วก็นึกได้
“จะว่าไป พี่เกลี้ยง แกก็พูดถูกนะ”
“ยังไงวะ”
สวยมองซ้ายแลขวาแล้วก้มลงมากระซิบข้างหูสองคน
“ก็ต่อให้อยากได้มาเป็นของตัวเองแค่ไหนก็ทำไม่ได้ไง...เจ้าของเขาจะได้แยกเขี้ยวใส่ แฮ่”
สวยทำท่าเป็นเหมือนจะขย้ำ เต่ากับเกลี้ยงพากันถอยหนี
“เดี๋ยวเหอะนังสวย ลามปามใหญ่แล้ว ถ้าเกิดใครมาได้ยินจะทำไง”
“หมายถึงป้าหวาดเหรอโอ๊ย รายนั้นน่ะไม่รู้เรื่องหรอก ขนาดหายใจรดหูยังไม่ได้ยินเล้ย”
สวย เกลี้ยงและเต่าเถียงกันไปมา โดยไม่รู้ว่าจิรดาแอบฟังอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ


จิรดาพาตัวเองมาดักรออยู่หน้าบ้าน พอเห็นวิษธรลงรถเดินเข้าบ้านก็ปรี่เข้าไปทักทันที
“คุณธร ดาได้ยินว่าคุณธรกลับมาเลยแวะมาหา นี่ดาเอาขนมมาฝากด้วยนะคะ”
จิรดายื่นกล่องขนมให้ วิษธรยิ้มรับเอาไป
“ขอบคุณครับ”
“ดาดีใจนะคะที่คุณธรกลับมา ตอนคุณไม่อยู่บ้านเงียบมากเลย”
“ไม่เกี่ยวกับผมหรอกครับ ผมอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ต่าง”
“ต่างสิคะ ต่างตรงที่ ถ้าคุณอยู่ดาจะได้ไม่ต้องคิดถึงคุณอีก”
วิษธรยิ้มรับตามมารยาทไป แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“ผมไม่ได้ดีพอให้ใครคิดถึงหรอกครับ แต่ก็ขอบคุณดานะครับที่ยังนึกถึงกัน”
จิรดายิ้มเขินอาย วิษธรนึกอะไรได้
“คุณดาครับ ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้สิคะ”
“ปกติแล้วถ้าคนเราล้มหัวฟาดสลบไป มันจะมีผลกับสมองหรือเปล่าครับ”
“คุณธรถามถึงใครคะ” จิรดามองสงสัย
วิษธรทำเป็นเฉไฉพูดถึงคนอื่นไป
“แม่ผมเองครับ ท่านล้มวันก่อน ผมเป็นห่วงเลยอยากถามให้แน่”
“อ๋อ ค่ะ คุณแม่คุณธรหัวฟาดแรงหรือสลบไปรึเปล่าคะ ถ้าหมดสติไปด้วย คุณธรควรพาคุณแม่ไปตรวจให้ละเอียดค่ะ”
วิษธรฟังแล้วกลุ้ม เป็นห่วงภัทร์ธีรามากกว่าเดิมอีก
“งั้นเหรอครับ”
“ค่ะเพราะบางทีคนไข้อาจมีแค่รอยแผลเล็กน้อย แต่ข้างในได้รับความกระทบกระเทือน ยิ่งเป็นผู้สูงอายุ พาไปหาคุณหมอจะดีที่สุดค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณดา ไว้ผมจะลองบอกที่บ้านดู”
จิรดายิ้มเป็นปลื้มที่ช่วยวิษธรได้ ได้ทีเข้าลูบหลังปลอบ
“หรือถ้าคุณธรไม่สบายใจ มีอะไรอยากให้ดาช่วยก็บอกได้นะคะ ดาช่วยคุณได้ ทุกอย่าง...”
จิรดาช้อนตามองออดอ้อนให้ท่าเต็มที่ วิษธรกลับดันตัวจิรดาออกไป
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่อยากรบกวนคุณดา ผมขอตัวนะครับ”
วิษธรละตัวออกแล้วเดินหนีเข้าบ้านไปเลย จิรดาฮึดฮัดที่วิษธรทำเฉยชาใส่

จิรดานำเอาเรื่องวิษธรกลับมาแล้วมารายงานนรินทร์ทันที นรินทร์แค่นหัวเราะ
“นึกอยู่แล้วเชียว มิน่าเมียฉันถึงทำท่าเหมือนปลากระดี่ขนาดนั้น แล้วตอนนี้มันเป็นยังไง ได้ไปเกาะแกะจีอีกไหม”
“ไม่นะคะ ดาเห็นแค่พอมาถึงคุณธรก็กลับเข้าบ้าน ไม่ได้คุยกับคุณจีเลย”
นรินทร์แปลกใจ
“ไม่น่าเชื่อ ปกติมันต้องเสนอหน้าไปหาจีถึงที่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ดาก็ว่ามันแปลกอยู่ค่ะ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้น”
“มันจะเกิดอะไรได้ ดูก็รู้แล้วว่าจีกำลังจะถูกไอ้เด็กนั่นเขี่ยทิ้ง”
“จริงเหรอคะคุณริน” จิรดากระดี๊กระด๊า
“จริงสิ มันน่ะไม่ได้จริงใจกับจีมาตั้งแต่แรกแล้ว ทำเป็นอ้างเรื่องงานจะได้หายหน้าไปนานๆ ความจริงมันคงไปกกผู้หญิงอื่นอยู่มากกว่า”
“คุณธรน่ะเหรอคะ มีผู้หญิงอื่น เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
“เธอไม่ได้อยู่กับมันตลอดเวลา รู้ได้ยังไงว่ามันไม่มีคนอื่น ที่มันทำดีกับจีก็เพื่อผลประโยชน์เท่านั้นล่ะ”
จิรดาหน้าเสีย ไม่เชื่อเรื่องที่วิษธรมีคนอื่น
“แล้วถ้าคุณธรเป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณจีจะเป็นยังไงล่ะคะ”
“เมียฉันก็คงแทบคลั่งตายเหมือนพวกหมาบ้าล่ะมั้ง แต่ก็ดี โดนซะบ้าง จะได้รู้ว่าถูกคนอื่นหักหลังมันเป็นยังไง ฉันรอสมน้ำหน้าอีแพศยานั่นแทบไม่ไหวแล้ว”
นรินทร์หัวเราะเยาะด้วยความสะใจ จิรดาทำเป็นหัวเราะตาม ทั้งที่ในใจเครียดเรื่องผู้หญิงอื่นของวิษธร


วันรุ่งขึ้น ภัทร์ธีรายกอาหารเช้ามาให้ประภาถึงในห้อง ประภาเห็นก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ
“น้องจ๋า น้องจ๋ากลับมาแล้ว”
ภัทรธีราวางถาดอาหารบนโต๊ะ ประภาลุกจากเตียงมาหา เอามือไปแตะตามตัวภัทร์ธีรา
“น้องจ๋า...น้องจ๋ายังไม่ตาย”
ภัทร์ธีรายิ้มให้ “หนูไม่เป็นไรง่ายๆหรอกคะ หนูแข็งแรงจะตายเห็นไหม”
ประภาพยักหน้า ยิ้มดีใจ แต่พอเหลือบไปเห็นแผลก็หน้าเสีย
“น้องจ๋า...น้องจ๋าเป็นแผล”
“อ๋อ แผลเล็กน้อยน่ะค่ะ คุณน้าอย่าสนใจเลยนะคะ หนูไม่เจ็บเลย”
ประภายื่นมือไปแตะที่แผลของภัทร์ธีราช้าๆ สีหน้าเศร้า
“ไม่จริง ฉันรู้นะเวลาคนเราบอกว่าไม่เจ็บ จริงๆ ข้างในเขาเจ็บมากทั้งนั้นล่ะ”
ภัทร์ธีราแปลกใจกับคำพูดและท่าทางของประภา
“ทำไมคุณน้าถึงดู...”
“ฉันจะช่วยน้องจ๋าเอง”
ประภาประคองใบหน้าภัทร์ธีราไว้แล้วเป่าเพี้ยงๆ
“เพี้ยง หายไวๆ นะน้องจ๋า”
ภัทร์ธีรานึกถึงพรพจีขึ้นมา อาสาวผู้แสนอารีเคยทำแบบนี้ให้กับเธอเมื่อตอนเป็นเด็ก

ในอดีต เด็กหญิงภัทร์ธีราในชุดนักเรียนวิ่งเข้ามาหาพรพจีที่นั่งพักผ่อนอยู่ในห้องโถงบ้านรมย์ฤดี
“อาจี...อาจีขา”
พรพจีหันไปยิ้มให้ ภัทร์ธีราโผเข้าไปกอดเต็มรัก พรพจีมองสำรวจแล้วพบว่าหลานสาวหัวโน มีรอยช้ำมาจากโรงเรียน
“ว่ายังไงเด็กดื้อ ไปโดนอะไรมาอีกแล้ว”
ภัทร์ธีราพูดอ้อนๆ
“อาจี ประตูรถทำร้ายน้องจ๋าค่ะ”
“ประตูรถเนี่ยเหรอทำร้ายน้องจ๋า”
“ใช่ค่ะ น้องจ๋าเปิดประตูของน้องจ๋าดีๆ แต่แค่น้องจ๋าไม่ได้มองนิดเดียว ประตูก็โขกหัวน้องจ๋าโนเฉยเลย ดูสิ”
เด็กหญิงชี้ให้ดูแผล พรพจีหัวเราะขำ
“นั่นเขาเรียกว่าซุ่มซ่ามนะลูก ตอนจะออกมาไม่ได้มองล่ะสิ”
ภัทร์ธีราแก้ตัวไปเรื่อย “น้องจ๋าไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ เนี่ย น้องจ๋าเจ็บ อาจีช่วยน้องจ๋าด้วย นะคะ”
พรพจีลูบหัวภัทร์ธีราอย่างเอ็นดู
“จ้ะๆ มา อาจีจะช่วยทำให้น้องจ๋าหายเจ็บเอง”
พรพจีจับใบหน้าหลานสาวตัวน้อยหันมาแล้วเป่าหัวให้ ภัทร์ธีราหัวเราะคิกชอบใจ
“เพี้ยง ความเจ็บจงหายไป เพี้ยง เป็นไง ดีขึ้นไหม”
“ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ อาจีเก่งจัง”
พรพจีสวมกอดภัทร์ธีรา สองอาหลานหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข

ภัทร์ธีรานั่งน้ำตาซึม คิดถึงพรพจีขึ้นมาจับใจ ประภามองฉงน
“น้องจ๋า...น้องจ๋าเป็นอะไร”
ภัทร์ธีราเบือนหน้าหนีรีบปาดน้ำตาทิ้ง แล้วหันมาฝืนยิ้มให้ประภา
“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
ประภาไม่เชื่อนัก จับที่แผลภัทร์ธีรา ถามอย่างเป็นห่วง
“น้องจ๋าเจ็บแผลรึเปล่า ฉันทำน้องจ๋าเจ็บอีกแล้วใช่ไหม ฉันขอโทษนะ”
“หนูไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะคุณน้า”
“แล้วทำไมน้องจ๋าร้องไห้ล่ะ”
ภัทร์ธีรานิ่งงันไป
“หนูคง...คิดถึงคุณแม่มั้งคะ”
“คุณแม่เหรอ”
“ค่ะ คุณแม่เคยเป่าหัวให้หนูแบบนี้เหมือนกัน”
ภัทร์ธีราหน้าเศร้าลง ประภาซึมตามไปด้วย
“แล้วตอนนี้แม่น้องจ๋าไปไหน”
“คุณแม่ไม่อยู่กับหนูแล้วล่ะค่ะ ท่านเสียไปตั้งแต่หนูยังเด็กแล้ว”
ภัทร์ธีรายิ้มเศร้า ประภามองจ้องหน้า แล้วจู่ๆ ก็คว้าตัวเธอมากอด เล่นเอาภัทร์ธีราอึ้งไป ปล่อยให้ประภาลูบหัวปลอบอย่างอ่อนโยน
“โอ๋ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะเป็นแม่ให้น้องจ๋าเอง”
ภัทร์ธีราน้ำตารื้นขึ้นมา ประภาตบหลังให้กำลังใจ ในที่สุดภัทร์ธีราก็ทนไม่ไหวปล่อยโฮออกมา
ประภากอดภัทร์ธีราไว้แบบนั้น สายตาก็มองเหม่อลอยไปไกล

ตอนสายๆ ดนัยออกมาดูงานที่ล็อบบี้ตามปกติ พอเห็นวิษธรเดินเข้ามาก็แปลกใจ
“เฮ้ย ไอ้ธร แกทำงานอยู่สายการบินหรือไง บินไปบินมาเป็นว่าเล่น”
“ผมมีธุระต้องทำ”
ดนัยงง “ธุระอะไรของแก”
วิษธรอึกอักไม่อยากบอก
“พี่ไม่ต้องรู้หรอก แต่เอาเป็นว่าผมกลับมาแล้วก็แล้วกัน”
ดนัยมองวิษธรอย่างจับผิด
“ไอ้ธร ปกติถ้าไม่มีอะไรแกจะไม่ชอบอยู่ที่ไหนนานๆ แต่นี่จู่ๆแกก็อยากกลับบ้าน หรือว่า…”
“อะไร”
“เพราะคุณจ๋าใช่ไหม ใช่ ต้องเป็นคุณจ๋าแน่ๆ”
วิษธรตกใจ รีบแก้ตัวพัลวัน
“ผมบอกแล้วไงว่ามีธุระ ไม่ใช่เพราะใคร”
“แกแน่ใจ ไม่ใช่รีบกลับมาเพราะเป็นห่วงเขาใช่ไหม”
“ไม่มีทาง ผมจะห่วงเขาทำไม”
ดนัยมองหมั่นไส้ “เปล๊า…พอดีเห็นตอนโทร.ไปบอกเรื่องคุณจ๋า เห็นแกร้อนรนแปลกๆ เลยนึกว่าแกจะเปลี่ยนจากแก้ปมแค้น ไปแก้ปมรักแทนซะแล้ว”
“ไร้สาระ ผมไม่มีทางคิดอะไรกับเขาหรอก เขามีแฟนอยู่แล้ว”
“ไม่มีอะไรก็ดี แต่ฉันเคยเตือนแกแล้วใช่ไหมไอ้ธรว่า อย่าตกลงไปในหลุมที่ตัวเองขุดขึ้นมา ระวังไว้เหอะ มันไม่ได้ปีนขึ้นมาง่ายๆ นะ”
วิษธรยังไม่ยอมรับ เฉไฉไปเรื่องอื่น
“คนอย่างผมไม่เคยตกหลุมใครทั้งนั้น มีแต่พวกธนาพัทธ์ต่างหากที่จะขุดหลุมฝังตัวเอง พวกมันกำลังจะได้รับกรรมที่ก่อไว้แล้ว พี่คอยดู”
วิษธรพยายามซ่อนความหวั่นไหวไว้ตอนพูด แต่ดนัยรับรู้ได้ว่าวิษธรไม่เหมือนเดิมแล้ว


ส่วนที่บ้านรมย์ฤดี สวยเข้ามาช่วยเต่ากับเกลี้ยงทำกับข้าวในครัว สวยซึมๆ ดูห่อเหี่ยวพิกลจนเต่าต้องถาม
“เป็นอะไรนังสวย นั่งเหี่ยวเป็นไอ้ผักนี่เชียว”
“ใช่ เหี่ยว ใจของฉันเหี่ยวเหมือนผักที่ขาดน้ำ มันเหงาใจอะ คุณธรกลับมาเดี๋ยวเดียวก็ไปอีกแล้ว ยังไม่หายคิดถึงเลย”
เกลี้ยงหมั่นไส้ “แหม่ ทำมาเศร้า เมียเขาก็ไม่ใช่”
“คุณเขามีงาน ก็ต้องไปทำงาน ใครจะว่างมานั่งเพ้อเหมือนแกฮะนังสวย” เต่าด่าเอาตอนท้าย
“ก็คนมันคิดถึงอ้ะ เคยอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน แต่เดี๋ยวนี้นานๆเจอกันมันใจหาย”
สวยนั่งเด็ดผักไปถอนหายใจแบบหมดอาลัยตายอยากไป เกลี้ยงคิดตาม
“พูดไปก็น่าคิด เมื่อก่อนคุณธรนะเทียวไปเทียวมาแต่บ้านแกกับที่นี่ เดี๋ยวนี้เอะอะไปต่างจังหวัดตลอด มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล ว่าไหม”
“ฉันเคยเห็นนะอีแบบเนี้ย ที่หนีเมียหายหน้าไปหลายวัน พอมารู้อีกที อ้าว ซุกเมียไว้อีกจังหวัด” เต่าว่า
สวยตกใจปนรับไม่ได้ ร้องแว้ดขึ้นทันที
“บ้า เป็นไปไม่ได้ นอกจากเมียอย่างฉันคุณธรจะไปซุกไว้ที่ไหนอีก”
“มันก็พอเป็นไปได้นะ เนี่ยตอนนี้คุณจ๋าก็หายไปอีกคน ถ้าไม่ติดว่าแกสองคนไม่ถูกกันล่ะก็ ฉันจะคิดว่าไปด้วยกันแล้ว” เกลี้ยงว่า
“โอ๊ย อันนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ป้าหวาดเล่าให้ฉันฟังอยู่ว่าคุณจ๋าแกไปเที่ยว” เต่าแย้ง
“แต่มันก็น่าคิดจริงๆ นะว่า เขาจะไปด้วยกันอะ” สวยไม่วายตั้งข้อสงสัย
“พอๆๆ มโนกันไปใหญ่แล้ว เก่งจริ๊งเวลาคิดเรื่องพรรค์นี้ ทำไมตอนเรียนไม่หัดใช้สมองเยอะๆ แบบนี้มั่งล่ะยะ”
สวยหน้ามุ่ยที่โดนเต่าว่า
“เรื่องเรียนมันไม่น่าสนใจเหมือนเรื่องชาวบ้านนี่ ยิ่งเรื่องรักซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนี้ฉันยิ่งอยากรู้”
สวยสงสัยไม่เลิกรา

ที่ล็อบบี้โรงแรมธารา ลูกค้ากำลังโวยวายเรื่องจองห้องพัก จรัลยืนฟังหน้าจ๋อย ลูกค้า1 โวยลั่น
“ระบบจองโรงแรมของคุณมันเป็นยังไง ฉันทั้งจองทั้งจ่ายเงินไปแล้ว ทำไมพอวันนี้มาฉันถึงไม่มีชื่อ”
“ทางเราเช็คแล้วไม่มีชื่อของคุณลูกค้าจริงๆ นะครับ คิดว่าน่าจะมีปัญหาตอนทำรายการในเว็บไซต์” จรัลแก้ต่าง
“ไหนคุณว่าระบบของคุณเสถียรนักหนาไง แล้วทำไมเป็นแบบนี้ หลักฐานจ่ายเงินฉันก็มี ไม่รู้ล่ะยังไงคุณก็ต้องรับผิดชอบ”
จรัลรับหลักฐานจ่ายเงินของลูกค้า1 ไปดูหน้าเครียด ปัญหาแรกยังไม่ทันจบ ลูกค้า2 ก็เดินมาโวยวายติดกัน
“ไหน ผู้จัดการโรงแรมอยู่ไหน ผมแจ้งแอร์เสียตั้งนานแล้วทำไมไม่มีคนเข้าไปซ่อม จะให้รอไปถึงไหน”
จรัลถลาเข้าไปรับหน้า
“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะรีบตามให้นะครับ”
จรัลหันไปคุยกัยพนักงานที่เคาน์เตอร์หน้าเครียด แต่พนักงานกำลังติดสายอยู่เครียดพอกัน พอวางสายพนักงานที่เคาน์เตอร์ก็รีบรายงานกับจรัล
“ลูกค้าห้องอาหารแจ้งว่าอาหารไม่สะอาด มีแมลงตกลงไปค่ะ เขาอยากคุยกับเจ้าของที่นี่ บอกถ้าคุยไม่ได้จะแฉลงโซเชียล”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย โทร.หาคุณจีเดี๋ยวนี้”
พนักงานพยักหน้าหงึกๆ พรพจีรีบรุดเดินเข้ามา จรัลเห็นรีบเข้าไปหา
“คุณจี มาพอดีเลย”
“มีอะไร พนักงานโทร.หาฉันให้วุ่นไปหมดตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ผมไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนเลยครับ ตอนนี้ทั้งระบบ ทั้งคน ทั้งบริการมีปัญหาหมด เราจะทำยังไงดีครับคุณจี”
“ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน แล้วใครก็ได้โทร.หาคุณธรให้ฉันที ฉันจะคุยกับเขา”
จรัลฟังแล้วหน้าเสียมากกว่าเดิมอีก
“คุณธรแจ้งไว้ตั้งแต่เช้าว่าจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัด คุณธรไม่ได้บอกคุณจีเหรอครับ”
พรพจีอึ้งไป จะกดโทรศัพท์หาวิษธร แต่ปรากฏว่ามีข้อความถูกส่งมาก่อน พรพจีกดดูแล้วก็ยิ่งเครียด เพราะเป็นข้อความจากวิษธร
“ผมกลับมาทำธุระเรื่องที่ที่สุโขทัย ด่วนมาก ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณก่อน ไว้เรียบร้อยแล้วผมจะโทร.หา”
พรพจีใจเสีย “ไม่นะ”
จรัลแปลกใจ “มีอะไรรึเปล่าครับคุณจี”
พรพจีส่ายหัว พยายามควบคุมสติ ทั้งๆ ที่เครียดจัด

วิษธรเดินมาหาแม่ที่ห้อง แต่ยังไม่ทันเข้าไปก็ชะงัก เมื่อพบว่าภัทร์ธีราหวีผมให้ประภาอยู่ และชวนคุยไปด้วยอย่างสนิทสนม ท่าทางประภาดูสดชื่นขึ้นมาก
วิษธรไม่อยากรบกวนเลยแอบยืนดูเงียบๆ คนเดียว ยิ้มหัวไปกับท่าทางของภัทร์ธีรา คำผายเดินมาเห็นเข้า
“นายใหญ่ ไม่เข้าไปหาคุณท่านเหรอคะ” วิษธรหันมาหา ตกใจนิดๆ “ช่วงนี้คุณท่านอาการดีขึ้นมากเลยนะคะ สงสัยเป็นเพราะได้พยาบาลดีอย่างคุณจ๋า”
ประภาหันมาเห็นลูกชายยิ้มทักทาย
“ธร ธรกลับมาแล้ว”
ภัทร์ธีราหยุดหวีผมให้ประภาทันที วิษธรเดินเข้าไปหาแม่
“ครับ ผมมาแล้ว คิดถึงแม่มากเลย”
“แม่ก็คิดถึงธร”
“แม่ทำอะไรอยู่ครับ” วิษธรเหลือบมองภัทร์ธีราแว่บหนึ่ง “ไม่มีใครทำอะไรแม่ใช่ไหม”
ประภาส่ายหัว “ไม่มี แม่มีความสุขดี นี่น้องจ๋าไดร์ผมให้แม่ด้วย แม่สวยไหม”
เห็นแม่พูดดูมีความสุขจริงๆ วิษธรยิ้มชม
“สวยสิครับ”
“เหรอ แล้วถ้าแม่สวย น้องจ๋าสวยไหม”
วิษธรมองหน้าภัทร์ธีราอีก อึกอักไม่กล้าตอบ ภัทร์ธีราเบือนหน้าหนี
“สำหรับผมไม่มีใครสวยกว่าแม่ได้หรอกครับ”
“แต่แม่ว่าน้องจ๋าก็สวย...แม่อยากมีลูกสาวสวยๆ แบบน้องจ๋า”
“อ้าว ถ้าแม่อยากมีลูกสาว แล้วผมล่ะครับ”
“มีลูกชายก็มีลูกสาวอีกได้” ประภามองเหม่อ คิดอะไรอยู่สักพักแล้วก็หัวเราะเขินๆ พลางบอกว่า “ธรก็แต่งงานกับน้องจ๋าไง ให้น้องจ๋ามาเป็นสะใภ้ แม่จะได้มีลูกสาวใหม่อีกคน”
ภัทร์ธีราตกใจ หันไปมองวิษธรตาโต สองคนพากันเขินจนต้องหันหนีไปคนละทาง วิษธรรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ผมว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลย แม่ครับเรา...”
วิษธรพูดยังไม่ทันจบ มีเสียงเรียกเข้ามือถือดังขัดขึ้น หยิบมือถือตัวเองออกมาดูก็ไม่ใช่ จึงหยิบเครื่องของภัทร์ธีรามาดู มองมาทางเธอ
“ของฉันเหรอ”
“ใช่ คุณเอ้โทร.มา ต้องให้ผมบอกไหมว่าควรทำยังไง”
วิษธรยื่นมือถือให้ ภัทร์ธีรารับมา แล้วเดินออกไปคุยสายอีกมุมหนึ่ง


สรัชอยู่ในบ้านรอภัทร์ธีรารับสายอย่างลุ้นๆ พอได้ยินเสียงคนรักพูดขึ้นมาก็ยิ้มกว้าง ดีใจมากๆ
“พี่เอ้เหรอคะ”
“น้องจ๋า พี่นึกว่าจะไม่รับสายอีกซะแล้ว”
“จ๋าบอกแล้วนี่คะว่าจะไม่หายไปอีก”
“ตอนนี้จ๋าอยู่ที่ไหนเหรอ พี่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จเลยจะว่างสักพัก เลยอยากตามไปเที่ยวด้วยน่ะ
ภัทร์ธีราหน้าเจื่อนไปนิด
“พี่เอ้จะมาจริงเหรอคะ”
“จริงสิคะ พี่คิดถึงจ๋า เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันสักพักแล้วนะ”
ภัทร์ธีราลำบากใจเหลือแสน “คือ...จ๋าว่าพี่เอ้อย่าเพิ่งมาดีกว่านะคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ตอนนี้จ๋าเที่ยวไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ ค่ำไหนก็นอนนั่น จ๋าเองยังไม่รู้ว่าวันๆ นึงอยู่ที่ไหน จ๋าไม่อยากให้พี่เอ้ลำบากตามตัวจ๋า”
สรัชผิดหวังนิดๆ ที่ภัทร์ธีราปฏิเสธ แต่ก็แสร้งทำเสียงเริงรื่น ไม่เป็นไร
“เรื่องนั้นไม่เห็นยากเลย พี่โทร.หาจ๋าเรื่อยๆ ก็ได้ จ๋าแค่บอกจังหวัดมาก็พอ พี่กำลังจะเก็บของแล้ว พรุ่งนี้พี่ไปหาจ๋าเลยดีไหม”
ภัทร์ธีราสวนขึ้นมาทันที “อย่าเลยค่ะพี่เอ้”
สรัชอึ้งเงียบไปนานเลย ภัทร์ธีรารู้ตัว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“จ๋าขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้ แต่อยากเที่ยวคนเดียวก่อนจริงๆ ค่ะ ตอนนี้จ๋ายังไม่อยากเจอใคร แต่ถ้ามีโอกาสจ๋าจะกลับไปอธิบายเหตุผลให้พี่เอ้ฟัง พี่เอ้เข้าใจจ๋าหน่อยนะคะ”
สรัชหน้าเศร้าลง เสียใจที่ถูกคนรักปฏิเสธ ภัทร์ธีราเองก็เสียใจเหมือนกัน

ค่ำนั้นสรัชพาตัวเองมานั่งดื่มไวน์ดับกลุ้มอยู่คนเดียว ในเมรัยสถานบรรยากาศชวนเมา สีหน้าท่าทางดูออกว่ากลุ้มใจหนัก
สักครู่ใหญ่ๆ จึงเห็นโรจนาเดินเข้ามามองหาจนเจอ เดินเข้ามานั่งข้างๆ สรัชเงยหน้ามองพอเห็นว่าเป็นโรจนาก็ยิ้มให้ โรจนาดูออกว่าสรัชเริ่มเมาแล้ว
“คุณเอ้ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ ดื่มไปกี่แก้วแล้วคะ”
“จะกี่แก้วก็ช่างมันสิ ผมยังไม่เมาหรอกคุณโรส แค่นี้เด็กๆ ตอนอยู่เมืองนอกผมเคยดื่มจนเมาหัวทิ่มมาแล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“ก็นั่นมันตอนนั้นนี่คะ ไหนคุณเอ้เคยบอกโรสว่าไม่ดื่มนานแล้ว ทำไมจู่ๆ นัดโรสมาที่นี่ แล้วดูสภาพคุณตอนนี้สิ”
“ผมเครียด ไม่รู้จะชวนใครดี ผมนึกออกแต่คุณเลยชวนคุณมา”
“คุณเอ้ไปเครียดอะไรมาคะ อย่าบอกว่าเรื่องคุณจ๋าอีกแล้ว”
สรัชได้ยินชื่อภัทร์ธาก็ยิ่งนอยด์เข้าไปใหญ่ ถอนใจเฮือก
“เราเคยคุยกันแล้วนี่คะ โรสให้คำแนะนำไป คุณเอ้ไม่ได้ทำตามเลยเหรอ”
“ผมจะทำอะไรได้ จะเจอหน้าเขายังไม่ให้ผมเจอเลย ผมอยากไปเที่ยวกับเขา เขาก็บอกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
สรัชพูดจบก็ยกไวน์ดื่มอีก โรจนาพยายามปลอบ
“ใจเย็นก่อนนะคะ คุณจ๋าอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจเลยไม่พร้อมเจอคุณก็ได้”
“ไม่จริงหรอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เขาปฏิเสธผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมก็คนนะ มีความรู้สึกเหมือนกัน ทำไมจ๋าไม่เห็นใจผมบ้าง” ไฮโซหนุ่มระบาย
“คุณเอ้อย่าคิดแบบนี้สิคะ”
“ผมอดคิดไม่ได้นี่ นี่ผมก็เริ่มเชื่อแล้วด้วยว่าที่คิดไว้มันเป็นเรื่องจริง”
โรจนาแปลกใจ “เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่จ๋ามีคนอื่น...ใช่...จ๋ามีคนอื่นแน่ๆ”
น้ำเสียงของสรัชที่พูดระบายออกมาเต็มไปด้วยความขมขื่น โรจนาก็เห็นใจแต่ไม่รู้จะพูดยังไง
“โธ่ คุณเอ้”
“คราวนี้คุณไม่ต้องพูดเข้าข้างจ๋าเลยนะ คุณไม่ใช่ผม คุณไม่รู้หรอกว่าเวลาทุ่มเทรักใครอยู่ฝ่ายเดียวแล้วได้แต่ความเฉยชามันเป็นยังไง”
สรัชฟุบลงไปบนโต๊ะหลังพูดจบ โรจนาลูบหลังสรัชเบาๆ พลอยกลุ้มใจตามไปด้วย

อีกฟากหนึ่ง ภัทร์ธีรากลับขึ้นเรือนวรกานต์มาดูแลประภาพาเข้านอนห่มผ้าให้ วิษธรยืนดูอยู่เงียบๆ รอจนประภาหลับไปจึงเอ่ยขึ้น
“ท่าทางแม่จะชอบคุณนะ”
ภัทร์ธีราหันมาหา “คุณน้าน่ะเหรอชอบฉัน คุณดูจากอะไร”
“ปกติถ้าไม่ใช่ผมหรือคำผาย แม่ไม่เคยให้เข้าใกล้ง่ายๆ ไม่เคยแสดงท่าทีว่าสบายใจที่จะอยู่ใกล้ใครด้วย แต่พอเป็นคุณท่านกลับยอม แปลก”
“แปลกตรงไหน ฉันก็แค่ดูแลท่านตามปกติตามที่คุณสั่งแค่นั้น”
“เหรอ ผมนึกว่าคุณมันเป็นพวกประจบประแจงเก่งถนัดตีสองหน้า เข้าหาใครเขาก็หลงเชื่อไปหมดซะอีก”
ภัทร์ธีราย้อนเอาว่า “เหมือนที่คุณทำกับอาจีน่ะเหรอ”
วิษธรหน้าตึงขึ้นมาแว่บหนึ่ง
“ทำไมล่ะ ฉันพูดจี้ใจดำหรือไง นั่นงานถนัดของคุณนี่”
“ใช่ ผมถนัด แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้น ถ้าไม่มีใครมาทำร้ายผมก่อน”
ภัทร์ธีราฉุน “นี่ ถามจริงเถอะ คุณจะโกรธแค้นอาจีไปถึงไหน”
“ก็จนกว่าพวกคุณจะชดใช้ความผิด ได้สาสมกับสิ่งที่ทำไว้นั่นล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เสียใจด้วย เพราะคงไม่มีใครชดใช้ให้คุณได้หมดในชาตินี้”
“หมายความว่ายังไง”
ภัทร์ธีราเดินเข้ามาหาวิษธร มองหน้าเขาจังๆ โดยไม่หลบตา
“รู้ไหมว่าทำไมคุณน้าถึงไม่หายเป็นปกติสักที”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ผมก็พยายามรักษาแม่ทุกวิธีแล้ว ตั้งแต่อาคุณทำให้แม่ผมเป็นแบบนี้”
“นี่แหละ สิ่งที่ทำให้คุณแม่คุณไม่หาย คุณเอาแค่คิดแค้น เที่ยววิ่งไล่ทำแต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ แต่คุณเองกลับปล่อยแม่ไว้คนเดียวที่นี่”
วิษธรอึ้งไป พูดไม่ออก
“สิ่งเดียวจะรักษาจิตใจที่บอบช้ำของคนเราได้คือความรัก ถ้าอยากให้แม่คุณหาย คุณก็ควรดูแลจิตใจท่านบ้าง”
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง”
“ถ้าคิดไม่ออก ก็ลองพาคุณน้าไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาดูบ้างก็ได้”
ภัทร์ธีราพูดทิ้งท้ายไว้แล้วออกจากห้องไป วิษธรมองแม่ที่หลับอยู่ ด้วยสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

เช้าวันนี้ คำผายเดินมาเคาะประตูห้องภัทร์ธีราตั้งแต่เช้าตรู่ ยืนรออยู่สักพัก ภัทร์ธีราจึงเปิดประตูออกมาทั้งที่งัวเงียอยู่
“คำผาย มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ มาแต่เช้าเชียว”
คำผายพูดยิ้มๆ
“คำผายจะมาบอกให้คุณเตรียมตัวค่ะ วันนี้คุณธรจะพาคุณประภาออกไปเที่ยวน้ำตกด้วยกัน”
ภัทร์ธีราฟังแล้วแปลกใจ
“คุณธรน่ะเหรอจะไปเที่ยว”
“ค่ะ ไปไม่ไกลจากที่นี่หรอกค่ะ คุณเตรียมตัวเสร็จแล้วออกรอไปที่ล็อบบี้นะคะ คำผายจะไปเตรียมของให้คุณประภาก่อน”
ภัทร์ธีราพยักหน้างงๆ ในตอนแรก แต่พอนึกได้ว่าเคยบอกอะไรวิษธรไว้ก็ยิ้มออกมา

วิษธรพาประภากับภัทร์ธีรามาเที่ยวน้ำตก มีคำผายตามไปดูแลด้วย
เมื่อได้ออกมาเที่ยวข้างนอกประภาก็มีท่าทางตื่นเต้นดีใจ มองน้ำตกเบื้องหน้าตาเป็นประกาย
“สวยจังเลย…”
วิษธรบอกกับประภาว่า
“แม่อยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะไปช่วยคำผายยกของมาจากในรถ”
วิษธรเดินออกไปกับคำผาย
ประภามองไปรอบๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างมีความสุข ภัทร์ธีราเดินเข้ามาหาชวนคุยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นยังไงบ้างคะคุณน้า ได้ออกมาข้างนอกแล้ว ชอบไหม”
“ชอบ ชอบมากเลย”
“คุณธรเขาตั้งใจพาคุณน้ามาเลยนะคะ ถ้าเขารู้ว่าคุณน้าชอบต้องดีใจแน่”
ภัทร์ธีราพลอยดีใจไปกับวิษธรด้วย สักพักวิษธรก็เดินกลับมาพร้อมคำผาย ประภาเหลียวไปมองลูกหน้าสีหน้าเศร้าลงไป
“ฉัน คงจะชอบใจกว่าถ้าเห็นธรยิ้มบ้าง”
ภัทร์ธีรามองตาม เห็นวิษธรช่วยคำผายเตรียมอาหารที่เอามาทานด้วย
“รายนั้นน่ะยิ้มยากออกนะคะ”
ประภามองหน้าภัทร์ธีราเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ ยิ้มออกมา ภัทร์ธีรามองฉงน
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

วิษธรช่วยคำผายจัดของกินเสร็จแล้ว จึงออกไปยืนเหม่อทอดอารมณ์ดูน้ำตกเพลินๆ โดยไม่รู้ว่าภัทร์ธีราแอบย่องมาทางด้านหลัง หันไปมองประภาที่พยักหน้าให้สัญญาณ ภัทร์ธีราผลักวิษธรตกน้ำไปดังตูม
ประภาหัวเราะร่า ชอบใจเช่นเดียวกับภัทร์ธีรา วิษธรโผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำ พอรู้ว่าโดนแกล้งก็ตีน้ำใส่โวยวายเป็นการใหญ่
“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย”
“โธ่ ไม่เห็นจะยิ้มเลย” ภัทร์ธีราหันมาทางประภา “คุณน้าคะ ไม่ได้ผลค่ะ ทำไงดีคะ”
“นี่คุณรวมหัวกับแม่แกล้งผมเหรอ”
ภัทร์ธีรายิ้มขำๆ บอกเขาว่า “ไม่ได้แกล้งนะ ฉันแค่คุยกับคุณน้าว่า คุณไม่ค่อยยิ้มเลยอยากหาอะไรสนุกๆ ทำ แต่ท่าทางคุณไม่สนุกด้วยแฮะ”
“ผมเนี่ยนะ ไม่ค่อยยิ้ม”
“อือ เสือยิ้มยาก ปากก็เสีย ลงไปแช่ในน้ำบ้างก็ดีจะได้ใจสงบๆ”
ภัทร์ธีราหัวเราะเยาะวิษธร วิษธรเจ็บใจ
“ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ ได้ อยากจะให้ผมสนุกนักใช่ไหม มานี่”
พร้อมกับว่าวิษธรดึงร่างภัทร์ธีราลงไปในน้ำด้วยกัน หนูจ๋าไม่ทันตั้งตัวร้องกรี๊ดๆ วิษธรหัวเราะชอบอกชอบใจ ภัทร์ธีราวิดน้ำสาดใส่เขา แล้วเลยกลายเป็นสองคนหยอกล้อเล่นกันอยู่ในน้ำอย่างสนุกสนาน ประภานั่งมองทั้งคู่ยิ้มมีความสุข คำผายเดินมานั่งด้วย
“สองคนนั้นเหมาะสมกันดีนะคะคุณ”
“ใช่ ดี ธรยิ้มแล้ว ธรมีความสุขแล้วเห็นไหม”
ประภายิ้มออก มองทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว วิษธรกับภัทร์ธีราขึ้นจากน้ำแล้ว คำผายเอาผ้าขนหนูที่เตรียมมาให้ทั้งคู่เช็ดเนื้อตัว วิษธรกับภัทร์ธีราก็มองหน้ากันแล้วก็เขินอีก ได้แต่หลบตามองกันไปคนละทาง วิษธรเดินไปหาประภา
“มาเที่ยวแบบนี้ แม่ชอบไหมครับ”
ประภายิ้มชื่น “คิดถึงถึงเมื่อก่อน ตอนที่พ่อเคยพาธรกับแม่ไปเที่ยวน้ำตกแม่สา”
พอพูดถึงพ่อวิษธรก็นิ่งไป ประภานึกถึงอดีตขึ้นมา
“ตอนแรกธรกลัวมากไม่กล้าเดินลุยน้ำ แต่พอพ่อกับแม่จับมือธรไว้แล้วบอกว่าธรทำได้ ธรก็ไม่กลัวอีกเลย”
ประภายิ้มอย่างมีความสุข แต่แล้วซึมลง
“ไม่มีอีกแล้ว”
เห็นประภาน้ำตาคลอภัทร์ธีราเข้าไปจับมือปลอบ
“คุณน้า…”
“เขาไม่อยู่แล้ว…วราห์ตายแล้ว เขาตายแล้ว”
ประภาร้องไห้สะอึกสะอื้น ภัทร์ธีรากอดประภาไว้ลูบหลังลูบไหล่ปลอบให้สงบลง วิษธรไม่อยากมอง เจ็บปวดกับเรื่องในอดีตไม่แพ้กัน


วิษธรกับภัทร์ธีราเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว พาประภากลับบ้าน ภัทร์ธีราเห็นประภาแล้วได้แต่แอบเศร้า เพราะรู้ว่าประภาเจอเรื่องเจ็บปวดมามากมายในอดีต
สักพักประภาก็คว้ามือภัทร์ธีรากับวิษธรมาจับมือทั้งสองคนละข้าง ทั้งสองคนแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ประภาจับมือทั้งสองเดินไป นึกไปถึงอดีตแสนไกล
“ตอนเด็กๆ เวลาเราไปเที่ยวกันพ่อแม่ลูก ธรจะจับมือพ่อกับแม่ไว้แล้วเราก็เดินเล่นด้วยกัน...ตอนนั้นแม่มีความสุขมากเลยล่ะ”
วิษธรหน้าเศร้าลง แต่ประภายังคงยิ้มอยู่
“ขอบใจธรกับน้องจ๋านะที่พาแม่มาเที่ยววันนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณน้า”
“อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ แม่คงจะมีความสุขมากเลย”
ภัทร์ธีรากับวิษธรมองไปคนละทางเขินๆ คำผายเดินตามหลังอดยิ้มตามไม่ได้

วิษธรมาส่งภัทร์ธีราที่หน้าห้องพัก พออยู่ด้วยกันลำพัง ทั้งคู่ก็เอาแต่เงียบใส่กัน จนวิษธรเป็นคนพูดทำลายความอึดอัดออกมาก่อน
“ขอบคุณมากนะ”
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร”
“เรื่องที่คุณแนะนำให้พาแม่ไปเที่ยว แล้วก็เรื่องวันนี้ด้วย ขอบคุณที่ทำให้แม่ของผมมีความสุข แม่ผมไม่ได้ยิ้มแบบนี้นานแล้ว”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ไม่ใช่ฉันหรอก คนที่ทำให้แม่คุณมีความสุขได้คือคุณต่างหาก”
“ไม่จริงหรอก ไม่ใช่ผม”
“ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร”
“พ่อไงล่ะ ถ้าพ่อยังอยู่แม่คงมีความสุขมากกว่านี้”
วิษธรหน้าเศร้าลงไปเมื่อนึกถึงวราห์ ภัทร์ธีราทนไม่ไหวต้องถามออกไปเพื่อให้สิ้นสงสัย
“ฉันถามคุณเรื่องนี้ได้ไหม ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับพ่อคุณ ท่านไม่อยู่แล้วอย่างที่คุณน้าว่าจริงรึเปล่า”
วิษธรนิ่งงันไป
“ที่ฉันถามเพราะฉันอยากรู้ ว่าทำไมคุณถึงแค้นในสิ่งที่อาจีทำนักหนา”
“ผมเตือนคุณแล้วนี่ ว่าคุณจะรับความจริงไม่ได้”
“ถึงวันนี้ฉันไม่รู้ วันหน้าฉันก็ต้องรู้อยู่ดี อีกอย่าง คุณก็สัญญาแล้วว่าจะเล่าให้ฉันฟังตอนกลับมา คุณจะผิดคำพูดเหรอ”
วิษธรมองภัทร์ธีราที่ขอร้องเขานิ่งๆ คิดหนักว่าควรเล่าดีหรือเปล่า
“คุณอยากรู้จริงๆ ใช่ไหม”
ภัทร์ธีราพยักหน้ารับสีหน้าจริงจัง

วิษธรตัดสินใจเล่าปูมหลังอันเป็นที่มาของไฟแค้นของเขาว่า เริ่มต้นขึ้นที่บ้านในเชียงใหม่สมัยเขายังเป็นเด็ก
วันนั้นเด็กชายวิษธรกำลังระบายสีภาพวาดครอบครัวอยู่ที่บนพื้นบ้านอย่างมีความสุข ในภาพมีพ่อแม่ลูกกำลังจับมือกันท่าทางมีความสุข
สักครู่หนึ่งประภาเดินเข้ามาหาวางจานขนมลงให้ พลางชะโงกหน้าดูภาพวาดของลูกชาย สีหน้าเศร้า
“สวยมั้ยครับแม่”
“สวยจ้ะ”
วิษธรชี้ในรูป “นี่พ่อ นี่แม่ แล้วนี่ก็ธรเอง”
ประภาลูบหัววิษธรเบาๆ รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ที่ชีวิตครอบครัวไม่ได้สวยงามเหมือนในภาพวาด
มีเสียงบีบแตรรถดังสนั่นขึ้นในจังหวะนี้ วิษธรและประภาสะดุ้งหันไปมองที่หน้าต่าง
“รอแม่อยู่ในบ้านนะลูก”
ประภาเดินออกไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงคนทะเลาะกันดังขึ้นมา วิษธรลุกเดินไปแง้มผ้าม่านหน้าต่างออกดู
“คุณกล้าดียังไง ถึงพาผู้หญิงคนนี้มาที่บ้านของเรา”
วิษธรสงสัยละตัวออกจากหน้าต่าง แล้ววิ่งจากห้องไปโดยเร็ว

เด็กชายวิษธรค่อยๆ ย่องออกไปที่หน้าบ้านด้วยความสงสัย เสียงพ่อกับแม่ทะเลาะดังขึ้นเรื่อยๆ ในทุกก้าวเดินของเด็กน้อย
“คุณไม่มีจิตสำนึกเลยหรือไง ถึงให้มันมาเหยียบถึงบ้าน เห็นแก่หน้าลูกบ้างไหม ถ้าลูกมาเห็นเข้าจะว่ายังไง ลูกจะรู้สึกยังไงที่พ่อมีเมียน้อย”
วิษธรย่องเข้ามาใกล้จนเห็นบางเสี้ยวของเหตุการณ์ แต่ไม่กล้าโผล่หน้าออกไปดูเต็มๆ มุมที่หลบอยู่นั้นทำให้เด็กชายเห็นแต่เพียงด้านหลังพรพจีที่ทะเลาะกับแม่ตน
“เธอว่าใครเป็นเมียน้อย”
“ถ้าไม่เป็นเมียน้อยจะเป็นอะไร เป็นหุ้นส่วนเหมือนที่เธอหลอกคนอื่นๆ น่ะ เหรอ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อ”
วราห์กระชากแขนประภาอย่างแรงพยายามปราม
“ภา”
“หรือไม่จริง”
ประภามองหน้าพรพจีอย่างโกรธแค้นและชิงชัง
วิษธรแอบดูอยู่ แม้จะเห็นเพียงด้านหลังของพรพจี แต่ก็พบว่าเธอแต่งตัวงดงามสวยสง่า
“ที่แท้คุณก็มีลูกมีเมียแล้ว คุณหลอกฉันทำไม”
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณนะ”
เด็กชายวิษธรจ้องตาเป๋ง ผู้หญิงที่ชื่อพรพจีกำลังจะหันหน้ามาทางเขา เด็กน้อยจะได้เห็นใบหน้าผู้หญิงที่ทำลายครอบครัวของเขาชัดๆ แต่แล้ววราห์กลับยื่นมือไปคว้าข้อมือพรพจีไว้ไม่ให้หันไป
“เดี๋ยวก่อน”
“คุณวราห์” ประภาโมโหสามีสุดขีด
เด็กชายวิษธรมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าเครียดเคร่ง
“ปล่อยฉันนะ”
“ผมไม่ตั้งใจจะหลอกคุณ” วราห์บอก
“ฉันไม่เชื่อน้ำหน้าคนอย่างคุณอีกแล้ว”
วราห์ถูกพรพจีผลักออก ประภาคว้ามือพรพจีไว้ได้
“หยุด เธอจะไปไหนไม่ได้ เธอต่างหากที่หลอกเอาเงินผัวฉันไป เธอหลอกให้เอาไปลงทุนจนหมดตัว แล้วสุดท้ายก็เจ๊ง เป็นเพราะเธอ เอาเงินของฉันคืนมา”
ประภาบันดาลโทสะ กระชากเสื้อพรพจีอย่างแรง พรพจีตกใจเผลอผลักประภาล้มลงก้นจ้ำเบ้า
“ปล่อยนะ” พรพจีลูบชุดอย่างหวงแหน “ฉันไม่ได้เอาเงินของเธอไปเสียหน่อย ผัวเธอเอาไปลงทุนของเขาเอง ฉันก็แค่แนะนำเขาด้วยความหวังดีในฐานหุ้นส่วน แต่การที่มันเจ๊งไม่เป็นท่ามันไม่ใช่ความผิดของฉัน มันเป็นเพราะผัวเธอมันโง่เอง”
“ผมผิดเอง เป็นความผิดของผมเอง ให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้งเถอะนะ” วราห์เว้าวอน
“ตื่นเสียทีเถอะ ผู้หญิงคนนี้ทำให้ครอบครัวเรากำลังจะล้มละลาย ถ้าคุณไม่เห็นแก่ฉันก็เห็นแก่ลูกบ้าง คุณรักมันมากนักหรือไง รักมากกว่าฉันมากกว่าลูก ถ้าไม่มีมันแล้วคุณจะตายหรือไง”
ประภาอาละวาดใส่สามี วราห์พูดโพล่งออกมาด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ออก
“ใช่ ตายไปยังจะดีซะกว่า”
ประภาร้องไห้โฮ
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ทำให้ครอบครัวใครแตกแยกหรอก ฉันจะไม่มาพบคุณวราห์อีก ตลอดไป...ลาก่อน”
พรพจีค่อยๆ หันหน้ากลับมามองที่บ้าน พลางถอดแว่นกันแดดออก สายตามองกวาดไปรอบๆ
บ้านของครอบครัววราห์มีขนาดปานกลาง ดูออกว่ามีฐานะดี แต่ไม่ได้เป็นระดับมหาเศรษฐี
พรพจีเบะปากอย่างดูแคลน จนสายตาไปสะดุดกับแววตาเด็กชายวิษธรที่มองจ้องมาอย่างเกลียดชัง
พรพจีและเด็กชายตัวน้องมองสบตากันจังๆ วิษธรมองจ้องอย่างโกรธแค้นโดยไม่วางตา พรพจีเหยียดยิ้มมองตอบด้วยสีหน้าสมเพชแว่บหนึ่ง
“จี! อย่าไปนะ”
พรพจีสวมแว่นกันแดดกลับ แล้วเดินออกไปอย่างไม่ใยดี
“พรพจี”
วราห์จะวิ่งตาม ประภาเข้ามาฉุดรั้งไว้
เด็กชายวิษธรพูดเบาๆ อย่างจดจำชื่อนี้เอาไว้ “พรพจี”

เหตุการณ์ต่อมา วราห์เดินหนีเข้าบ้าน ประภาเดินตามเรียกให้หยุด
“คุณ คุณ หยุดนะ ตอบฉันมาว่าคุณจะไม่ไปเจอนังนั่นอีก เราไม่มีเงินไปให้มันผลาญอีกแล้วนะ”
วิษธรหนีพ่อกับแม่เข้ามาแอบในห้อง วิษธรแง้มประตูเปิดไว้เพื่อแอบดู
วราห์เดินเข้ามาทำท่าหาของบางอย่าง รื้อข้าวของกระจัดกระจาย
“หยุดนะ ทำบ้าอะไรของคุณ หลงนังนั่นจนเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม คุณจะหาของมีค่าไปให้มันอีกใช่ไหมจะบอกให้รู้ไว้นะว่าเราไม่มีอะไรเหลือแล้ว ไม่มีอีกแล้ว”
ประภาพยายามหยุดวราห์
“ปล่อยผม”
วิษธรยังแอบดูอยู่ เท้าของแม่และพ่อเหยียบย่ำรูปครอบครัวที่วิษธรวาดจนฉีกขาดโดยไม่รู้ตัว วราห์ยังคงรื้อลิ้นชักต่อไปไม่หยุด
“ค้นไปคุณก็ไม่เจออะไรหรอก ที่เหลือก็มีแต่หนี้ หนี้ที่คุณก่อเพราะหลงนังนั่น ต่อให้บ้านขายทุกอย่างที่เรามีก็ไม่พอจะชดใช้ เราหมดตัวแล้ว ที่เราช่วยกันสร้างขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรง มันไม่มีอะไรเหลือเลย เป็นเพราะคุณ เพราะคุณคนเดียว”
“อ๊าก...”
วราห์ตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น หยิบปืนขึ้นมายกเล็งไปที่ภรรยา ประภาช็อก!
“คะ คุณ... จะทำอะไร”
“ผมก็กำลังจะช่วยคุณใช้หนี้ไง”
“หยุดนะ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง วางปืนลงนะ”
“ธร ตาธรอยู่ไหน”
เด็กชายวิษธรหลบวูบที่ประตู ประภาเอาตัวมาขวางบังประตูไว้
“หยุดนะ วางปืนลงฉันขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย เรามาช่วยกันหาทางแก้นะ”
ประภาร้องไห้อ้อนวอนให้สามีวางปืนลง แต่วราห์ส่ายหน้า
“ผมจะช่วยให้เราหมดหนี้ ผมจะชดใช้มันด้วยชีวิต” พร้อมกับว่าวราห์หันปืนเข้าหาหัวตัวเองช้าๆ “ของผม”
ประภากรีดร้องเสียงดังโหยหวน “ไม่.....”
เสียงปืนดังปัง เลือดสาดกระเซ็นมาโดนใบหน้าเด็กชายวิษธร ภาพวาดครอบครัวเลือดเปรอะเต็ม
เด็กชายวิษธรยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้าง เสียงกรีดร้องโหยหวนของประภาดังก้องอยู่ในหู

วิษธรถึงกับน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น
“วันนั้นพ่อผมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ สิ่งที่ผมจำได้มีแต่ภาพเลือดที่เลอะเต็มไปหมด กับเสียงร้องไห้คร่ำครวญอย่างเจ็บปวดทรมานของแม่”
เสียงวิษธรเริ่มสั่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“แม่ไม่เคยทำใจได้ เลยเอาแต่ขังตัวเองไว้ในความทุกข์ สิบกว่าปีแล้วที่ไอ้ภาพพวกนั้นมันตามมาหลอกหลอนแม่ผม ตัวผม จนผมแทบอยู่ไม่ได้ แล้วที่มันเป็นแบบนี้เพราะใครรู้ไหม…”
น้ำเสียงวิษธรแข็งกร้าวขึ้นอีก คว้าแขนภัทร์ธีรามาบีบแน่น
“เพราะผู้หญิงแพศยาคนนั้นไง”
ภัทร์ธีราน้ำตาคลอ ทั้งสะเทือนใจ เสียใจ ทั้งเจ็บปวดไปกับเขาด้วย
“พรพจี ทำร้ายครอบครัวผม ปล่อยให้พ่อผมต้องตายอย่างเลือดเย็น ทุกวันนี้พรพจีมีทุกอย่าง แต่แม่ผมเป็นบ้า ครอบครัวผมต้องพังก็เพราะเขา แต่พรพจีกลับไม่เคยสนใจหรือคิดจะรับผิดชอบเลย”
วิษธรน้ำตาร่วงริน ภัทร์ธีราไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่จริง อาจีไม่ใช่คนแบบนั้น คุณบอกฉันมาสิว่าคุณโกหก”
“ผมไม่ได้โกหก คุณก็อ่านจดหมายนั่นแล้ว ทุกอย่างเป็นความจริง เป็นยังไงล่ะภัทร์ธีรา รับความจริงที่ชั่วช้าของอาคุณได้ไหม”
ภัทร์ธีราร้องไห้โฮ สงสารวิษธรจับใจ แม้ไม่อาจยอมรับความจริงได้
วิษธรปล่อยมือภัทร์ธีราออก ไล่ให้กลับเข้าห้องไป
“กลับเข้าห้องคุณไป ผมจะถือว่าไม่เคยเล่าอะไรให้คุณฟัง”
ภัทร์ธีรายืนนิ่งไม่ยอมไป แม้จะถูกวิษธรไล่อีก
“มองอะไร ไปสิ”
วิษธรเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พยายามบังคับตัวเองให้หยุดร้องไห้ โดยที่เขาไม่เคยคาดคิด ภัทร์ธีราเดินเข้ามากอดวิษธรจากทางด้านหลังของเขา ในสภาพน้ำตานองหน้า เล่นเอาวิษธรอึ้งไป
“ขอโทษนะ ขอโทษทุกอย่างที่อาจีทำลงไป ขอโทษที่ทำให้พวกคุณต้องเจ็บขนาดนี้ ฉันขอโทษ”
วิษธรอึ้งหนัก พูดอะไรไม่ออก ปล่อยให้ภัทร์ธีรากอดเขาไว้แบบนั้นนิ่งนาน ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาเธอช้าๆ ภัทร์ธีราค่อยๆ ยื่นมือขึ้นไปปาดเช็ดน้ำตาให้วิษธรอย่างอ่อนโยน ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งนานและลึกซึ้ง

ไม่นานต่อมา สองคนเดินเข้ามาในห้องพักเรือนท้ายรีสอร์ต มองหน้ากันอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ภัทร์ธีรายื่นมือไปใช้นิ้วปาดเช็ดน้ำตาให้เขาอีก วิษธรจับมือนั้นไว้ สองคนมองจ้องตากันอย่างลึกซึ้ง โดยไม่ต้องพูดอะไรกันสักคำ
วิษธรเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆ ภัทร์ธีรา ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปบนเตียง
 
ปล่อยทุกอย่างให้ดำเนินไปตามครรลองของมันโดยมีไฟรักในใจของสองคนเป็นพาหะ

อ่านต่อ ตอนที่ 21

#เพลิงรักไฟมาร #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น