เกมพยาบาท ตอนที่ 10
ฉัตรชบานอนหลับอยู่บนแคร่ใต้ต้นไม้ เธอค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา แม้นมาศกับข้าวปุ้นนั่งเฝ้าอยู่เห็นฉัตรชบาฟื้นก็ดีใจ
"ป้าแม้น พี่ชบาตื่นแล้ว"
แม้นมาศโล่งอก
"ฟื้นซะที นายหญิงหมดสติไปตั้งแต่เมื่อคืน ฉันใจคอไม่ดีเลย"
ฉัตรชบาใช้แขนข้างที่เป็นแผลยันตัวลุกขึ้นแบบลืมตัว เธอรู้สึกเจ็บ แม้นมาศรีบเข้าช่วยประคอง
"ค่อยๆ จ้ะ"
ฉัตรชบามีสีหน้าคิดทบทวนเหตุการณ์
"เมื่อคืนนี้ฉันกินยาแก้ไข้ แล้วก็หลับไป พอรู้ตัวอีกที ไฟก็ลุกท่วมอยู่รอบตัวฉันเต็มไปหมด ฉันจะหนีออกมาแต่ก็ออกไม่ได้ ... แล้วนี่ฉันรอดออกมาได้ยังไง"
"นายอัคคีเข้าไปช่วยนายหญิงออกมาจ้ะ"
ข้าวปุ้นบอก
"นายอัคคีเท่สุดๆ ไปเลย เหมือนฮีโร่ในหนังเลยครับ"
ฉัตรชบาจำไม่ได้ พยายามคิดทบทวน
"นายอัคคีช่วยฉันไว้เหรอ"
อัคคีอุ้มฉัตรชบาแล้วพาฝ่าเปลวไฟออกไปอย่างยากลำบาก
ฉัตรชบามองหน้าอัคคี รู้สึกดีใจและอุ่นใจที่อัคคีมาช่วย แล้วหมดสติ ซบหน้ากับอกของอัคคี
ฉัตรชบามีสีหน้าจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้แล้ว
"ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตายไปเลย จะได้หมดเวรหมดกรรมกันซักที"
"ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ นายอัคคีเป็นห่วงนายหญิงมากจริงๆ นะ ไม่งั้นคงไม่เสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยนายหญิงในกองไฟอย่างนั้นหรอก"
ฉัตรชบาเสียงสะบัด
"เค้าไม่ได้เป็นห่วงอะไรฉันนักหนาหรอก ก็คงแค่ไม่อยากให้ฉันตายสบายเกินไปเหมือนที่เค้าชอบพูดนั่นแหละ"
อัคคีเดินเข้ามาพร้อมกับเข็ม
"ฟื้นขึ้นมาก็ปากดีเลยนะ ... คุณเป็นหนี้ชีวิตผมอยู่ จำเอาไว้ด้วย"
ฉัตรชบาสวนกลับทันที
"ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายช่วย เพราะฉะนั้น ฉันไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ แล้วฉันก็จะไม่มีวันลืมด้วย ว่านายทำเลวอะไรกับฉันไว้บ้าง"
เข็มเห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามาแทรก
"เอ่อ...นายครับ เดี๋ยวผมพานังแม้นกับข้าวปุ้นกลับเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่นายสั่งก่อนดีกว่านะครับ"
อัคคีพยักหน้ารับ
"รีบไปเถอะ"
แม้นมาศงง
"ทำไมฉันกับข้าวปุ้นต้องกลับเข้าไปอยู่ในเมืองด้วยล่ะจ๊ะนาย"
"บ้านพักที่นี่ถูกไฟไหม้หมดแล้ว จะอยู่กันยังไง แล้วที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยด้วย"
ฉัตรชบาแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ฟังไปเงียบๆ ไม่ถามอะไร
"ทำไมถึงไม่ปลอดภัยล่ะจ๊ะ"
"ที่ไฟไหม้เมื่อคืนนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เราถูกวางเพลิง ไอ้พวกลักลอบตัดไม้มันต้องการไล่เราออกจากเกาะ เพื่อที่พวกมันจะได้เข้ามาแอบตัดไม้กันได้สะดวก"
"ถ้างั้นนายอยู่ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยเหมือนกันนะจ๊ะ ฉันว่าพวกเราออกไปด้วยกันหมดนี่แหละจ้ะ"
"ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมาตัดต้นไม้ในเกาะของฉันได้แม้แต่ต้นเดียว เข็ม...รีบพาแม้นมาศกับข้าวปุ้นออกไปก่อนที่พวกมันจะเข้ามา"
"ครับนาย"
เข็มพาแม้นมาศกับข้าวปุ้นออกไป
ฉัตรชบาจะตามพวกเข็มไป แต่ถูกอัคคีดึงแขนไว้
"จะไปไหน"
"ฉันจะออกไปจากที่นี่พร้อมพวกนั้นไง"
"คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"
ฉัตรชบาสะบัด
"ปล่อยฉัน ฉันจะกลับบ้าน ในเมื่อนายก็ได้แก้แค้นฉันอย่างที่นายอยากจะทำแล้ว แล้วนายยังจะขังฉันไว้ที่นี่อีกทำไม ความแค้นของนายมันควรจะจบลงตั้งแต่คืนนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ"
อัคคีชะงักคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"จัดการเรื่องพวกลักลอบตัดไม้เสร็จเมื่อไหร่ ผมจะเป็นคนไปส่งคุณที่บ้านเอง"
ฉัตรชบาอึ้งไป แปลกใจว่าทำไมอัคคีถึงยอมง่ายๆ อย่างนี้
เข็มพาแม้นมาศกับข้าวปุ้นมาที่เรือ แม้นมาศเป็นห่วงอัคคี ยังไม่ยอมลงเรือ
"นี่ตาเข็ม เราจะปล่อยให้นายอัคคีกับนายหญิงอยู่ที่นี่กันสองคนจริงๆ เหรอ แล้วถ้าไอ้พวกนั้นมันมากันเยอะ นายคนเดียวจะรับมือพวกมันไหวเหรอ"
"ข้าก็เป็นห่วงนายเหมือนแกนั่นแหละ เดี๋ยวข้าไปส่งแกกับข้าวปุ้นในเมืองเสร็จแล้วจะรีบกลับมาช่วยนายทางนี้ รีบๆ ลงเรือเร็วเข้า"
แม้นมาศลงเรือไปก่อน เข็มหันมาอุ้มข้าวปุ้นลงเรือ แม้นมาศช่วยรับข้าวปุ้น เข็มขับเรือออกไป
อัคคีกับฉัตรชบานั่งอยู่ที่แคร่ใต้ต้นไม้ด้วยกัน
"นายคิดว่านายคนเดียวจะจัดการกับพวกลักลอบตัดไม้ได้เหรอ ครั้งก่อนฉันเห็นพวกมันมากันตั้งหลายคน มีแต่ผู้ชายตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น"
"ผมไม่กลัวพวกมันหรอก"
"อวดเก่งแบบโง่ๆ อาวุธอะไรก็ไม่มีซักอย่าง ถ้านายถูกพวกมันยิงตาย ฉันจะหัวเราะเยาะให้ลั่นเกาะเลย"
อัคคีแกล้งพูดยั่ว
"แช่งให้ผัวตาย ไม่กลัวเป็นม่ายเหรอ"
ฉัตรชบาลึกๆ ก็เจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่แกล้งปั้นหน้าว่าไม่รู้สึก
"เลิกพูดแบบนี้ซะทีเถอะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"ความจำสั้นหรือสมองเสื่อมไปแล้วเหรอ" อัคคียื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หน้าฉัตรชบ "หรือว่าจะต้องให้ทบทวนความทรงจำอีกที"
ฉัตรชบาผลักอัคคีออก
"ถอยไป ฉันชดใช้ทุกอย่างให้นายหมดแล้ว นายไม่มีสิทธิทำแบบนี้กับฉันอีก"
"ผมก็ไม่ได้พิศวาสผู้หญิงอย่างคุณนักหรอก ที่ทำก็เพราะต้องการแก้แค้นเท่านั้นแหละ"
อัคคียิ้มเยาะใส่หน้าฉัตรชบาแล้วเดินออกไป
ลับหลังอัคคี ฉัตรชบาก็ร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจและเสียใจที่ต้องเสียตัวให้อัคคี
ตอนเช้า ฉัตรชนกคุยกับช่างซ่อมรถอยู่ในอู่
"ล้อรถคุณโดนตะปูเรือใบเหมือนกันทั้งสองข้างเลย ผมว่าน่าจะมีคนจงใจทำนะครับ"
ฉัตรชนกไม่ได้เฉลียวใจอะไรเลย
"แต่ตลอดทางที่ผมขับรถผ่านมาก็ไม่เห็นจะมีคนร้ายมาดักจี้ดักปล้นอะไรเลยนะ คงเป็นแค่อุบัติเหตุธรรมดาๆ เท่านั้นแหละ"
"ครับ...ผมก็แค่เดาไปตามที่เห็น คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ"
ฉัตรชนกมองหาจิดาภาแต่ไม่เห็น
ฉัตรชนกพึมพำเบาๆ
"คุณจิหายไปไหน"
"มองหาแฟนเหรอครับ"
ฉัตรชนกยิ้มนิดๆ
"เธอเป็นเลขาผมครับ ไม่ใช่แฟนหรอก"
"ผมเห็นเดินไปทางโน้นแน่ะ"
ช่างซ่อมรถชี้มือบอกทางให้
จิดาภาหลบมุมแอบคุยโทรศัพท์กับอดุลย์อยู่ที่มุมหนึ่งของอู่ซ่อมรถ
"คุณอดุลย์คะ ฉันติดต่ออัคคีไม่ได้เลย เค้าปิดเครื่องตั้งแต่เมื่อวาน ป่านนี้ยังไม่ยอมเปิดเครื่องเลย"
อดุลย์กำลังขับรถอยู่ มุ่งหน้าไปที่เกาะของอัคคี
"ผมก็ติดต่ออัคคีไม่ได้เหมือนกัน เสียดายที่ไปเกาะคราวก่อน ผมก็ไม่ได้ของเบอร์นายเข็มไว้ซะด้วย แต่คุณจิไม่ต้องห่วงนะครับ ผมน่าจะไปถึงเกาะก่อนคุณกับคุณฉัตรชนก"
จิดาภาแปลกใจ
"อ้าว...คุณอดุลย์เพิ่งออกจากเชียงใหม่เช้านี้ไม่ใช่เหรอคะ แล้วจะถึงเกาะก่อนฉันกับคุณฉัตรได้ยังไง"
"ผมร้อนใจจนทนไม่ไหว ก็เลยขับรถออกจากเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วครับ ... แต่ยังไงคุณจิช่วยถ่วงเวลาคุณฉัตรชนกไว้ให้ได้มากที่สุดนะครับ ผมจะได้มีเวลาเคลียร์กับทางอัคคีได้สะดวกหน่อย"
ฉัตรชนกเดินใกล้เข้ามาทางด้านหลังจิดาภา แต่จิดาภายังไม่รู้ตัว
"นี่ฉันก็หาเรื่องให้คุณฉัตรชนกแวะพักระหว่างทางมาคืนนึงแล้ว ไม่รู้ว่าจะหาเรื่องอะไรมาถ่วงเวลาเค้าได้อีก"
"คุณจิครับ"
จิดาภาสะดุ้งตกใจ หันไปมองทางด้านหลัง
"คุณฉัตร" จิดาภารีบกดตัดสายทิ้ง
"คุยกับใครอยู่เหรอครับ แอบมาคุยซะไกลเลย"
จิดาภาตอบอึกอัก
"คุยกับเพื่อนน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ รถซ่อมเสร็จหรือยังคะ"
"เสร็จแล้วครับ ผมว่าเรารีบไปกันดีกว่า เสียเวลารอซ่อมรถมาตั้งคืนนึงแล้ว ผมไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้"
ฉัตรชนกเดินนำจิดาภาออกไป จิดาภาทำสีหน้าครุ่นคิดว่าจะหาเรื่องอะไรมาถ่วงเวลาฉัตรชนกได้อีก
อ่านต่อหน้า 2
เกมพยาบาท ตอนที่ 10 (ต่อ)
อำภาถามฉกาจท่าทางร้อนใจ
"นี่คุณฉกาจ ตกลงตาฉัตรตามตัวยัยชบาเจอหรือเปล่า ทำไมหายเงียบไปเลยตั้งแต่เมื่อวาน ฉันร้อนใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้วนะ"
"ผมโทร.หาลูกแล้ว เมื่อวานนี้รถตาฉัตรเสีย เลยต้องหาโรงแรมพักระหว่างรอซ่อมรถ เช้านี้ออกเดินทางต่อแล้ว"
อำภายกมือไหว้
"คุณพระคุณเจ้าคุณครองตาฉัตรกับยัยชบาด้วยเถอะ ... คอยดูนะ ฉันจะให้ตำรวจจับไอ้อัคคีเข้าคุกให้หัวโตเลย"
เกษณีย์เดินเข้ามาได้จังหวะพอดีก็รีบพูดเสริมเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
"ดีค่ะคุณแม่ คนเลวๆ อย่างนี้ ถ้าปล่อยให้ลอยนวลจะเป็นภัยกับสังคมเปล่าๆ"
ฉกาจหนักใจเล็กน้อย เพราะยังไงอัคคีก็เป็นลูกของเพื่อนรัก แต่ยังไงก็ต้องว่ากันไปตามความผิด
ศรุตรีบร้อนเดินเข้ามา
ศรุตยกมือไหว้ฉกาจกับอำภา
"สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า"
ฉกาจกับอำภารับไหว้
"อ้าวศรุต กลับจากต่างประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่" ฉกาจถาม
"เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ครับ มาถึงผมก็รีบมาที่นี่เลย นี่ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆ ผมคงไม่ทิ้งชบาไปตั้งหลายวันอย่างนี้หรอกครับ แล้วนี่ชบากลับมาหรือยังครับ ผมโทร.หาเท่าไหร่ก็โทร.ไม่ติด"
"ยังเลย แต่ตอนนี้ฉัตรกำลังตามไปช่วยอยู่ วันนี้ยัยชบาต้องได้กลับบ้านแน่ๆ"
"พี่ฉัตรไปช่วยชบาที่ไหนครับ ผมจะตามไปช่วยด้วย"
"ลุงว่าศรุตรอฟังข่าวอยู่ที่นี่ดีกว่า ตาฉัตรมีตำรวจคอยช่วยอยู่ทางนั้นแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง"
เกษณีย์ปั้นหน้าว่าเป็นห่วง แต่จริงแอบแขวะ
"แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าห่วงอยู่นะคะคุณพ่อ"
"เรื่องอะไร"
"น้องชบาถูกคนร้ายจับตัวไปไว้ที่เกาะร้างตั้งหลายวัน คนร้ายเป็นผู้ชาย น้องชบาก็เป็นสาวสวยขนาดนั้น คุณพ่อคิดว่าน้องชบาไม่ถูก....เอ่อ...ไม่เอาค่ะ เกษไม่อยากพูดแล้ว แค่คิดก็สงสารน้องชบาจนน้ำตาจะไหลแล้ว" เกษณีย์บีบน้ำตา
อำภาใจไม่ดี
"หนูเกษอย่าพูดอย่างนั้นสิ แม่ยิ่งใจคอไม่ดีอยู่"
"ขอโทษค่ะคุณแม่ เกษไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้คุณแม่ไม่สบายใจ เกษแค่เป็นห่วงน้องชบา"
ฉกาจแอบส่ายหน้าระอาเกษณีย์
เกษณีย์พูดเสแสร้ง
"คุณศรุตอย่าถือสาเรื่องที่ฉันพูดเลยนะคะ น้องชบาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่มีอะไรบุบสลาย"
ศรุตพูดจากใจจริง
"ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับชบา ผมก็จะรักชบาเหมือนเดิมครับ"
เกษณีย์แอบทำหน้าหมั่นไส้ศรุต
อำภาปลื้มปริ่ม
"ขอบใจนะศรุต ป้ามองคนไม่ผิดจริงๆ"
ฉกาจมีสีหน้าพอใจ ที่เห็นว่าศรุตรักฉัตรชบาจริงๆ
ฉัตรชนกขับรถมุ่งหน้าไปที่เกาะของอัคคีอย่างเร็ว
จิดาภานั่งกระสับกระส่ายทำท่าเหมือนปวดท้องเพราะท้องเสีย เธอเห็นปั๊มน้ำมันอยู่ข้างหน้าก็รีบบอกให้ฉัตรชนกแวะทันที
"คุณฉัตรช่วยแวะปั๊มข้างหน้านั่นหน่อยได้มั้ยคะ"
ฉัตรชนกแปลกใจ
"คุณจิจะเข้าห้องน้ำอีกแล้วเหรอครับ นี่คุณแวะมาทุกปั๊มที่เราผ่านมาเลยนะครับ"
จิดาภาทำท่าเหมือนปวดท้อง ท้องเสียมาก
"ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณฉัตรเสียเวลา" จิดาภาบิดไปมา เหมือนจะกลั้นไม่อยู่แล้ว "แต่ฉันปวดท้องมากจริงๆ ค่ะ ปวดจนจะทนไม่ไหวแล้วค่ะ ไม่รู้ว่ากินอะไรเข้าไป ถึงได้ท้องเสียหนักขนาดนี้ ...เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะคุณฉัตร เร็วๆ ค่ะ ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว"
"ครับๆ"
ฉัตรชนกรีบเลี้ยวรถเข้าในปั๊มน้ำมัน
ฉัตรชนกขับรถเข้ามาจอดที่หน้าห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน
จิดาภารีบวิ่งลงจากรถ ท่าท่าเหมือนท้องเสียมากจนจะกลั้นไม่ไหวอยู่แล้ว
ฉัตรชนกเป็นห่วงจิดาภา ในขณะเดียวกันก็ร้อนใจ อยากไปช่วยฉัตรชบาเร็วๆ
จิดาภาวิ่งเข้ามาในห้องน้ำได้ก็รีบกดโทรศัพท์หาอดุลย์ทันที
"คุณอดุลย์ถึงเกาะของอัคคีหรือยังคะ"
อดุลย์กำลังขับรถมุ่งหน้าไปที่เกาะของอัคคีอยู่
"อีกไม่เกินสิบนาทีก็จะถึงแล้วครับ"
"ดีค่ะ นี่ฉันก็ถ่วงเวลาคุณฉัตรชนกจนไม่รู้จะถ่วงยังไงแล้วค่ะ ฉันไม่สบายใจเลยที่ต้องทำแบบนี้กับคุณฉัตรชนก นี่เรากำลังช่วยคนผิดอยู่หรือเปล่าคะคุณอดุลย์"
"อัคคีทำแบบนี้ยังไงก็ผิดครับ แล้วถ้าคุณฉัตรชบาจะเอาเรื่อง มันก็ต้องยอมรับ แต่ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้คือ ช่วยไม่ให้เหตุการณ์มันรุนแรงเท่านั้นครับ คุณจิก็รู้ว่าอัคคีมันอารมณ์ร้อนแค่ไหน ถ้าปะทะกับคุณฉัตรชนกตรงๆ ผมว่าต้องตายกันไปข้างนึงแน่ๆ"
"ก็จริงค่ะ ฉันเห็นคุณฉัตรชนกพกปืนมาด้วย ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคุณฉัตรกับอัคคีเผชิญหน้ากัน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
จิดาภากังวลใจ
ฉัตรชนกยืนรอจิดาภาอยู่ข้างรถ สายตาก็คอยมองไปทางห้องน้ำ ประมาณว่าทำไมจิดาภาไปนานจัง
จิดาภาเดินกลับมาหาฉัตรชนกที่รถ สีหน้าไม่ค่อยดี เพราะกังวลใจเรื่องอัคคีอยู่
"คุณจิไหวมั้ยครับ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย"
จิดาภาแกล้งทำหน้าป่วยๆ
"ไหวค่ะ"
ฉัตรชนกเปิดประตูรถให้จิดาภา แล้วจับแขนจิดาภาประคองให้เข้าไปนั่งในรถ จิดาภาลอบมองหน้าฉัตรชนกพร้อมกับรู้สึกผิดอยู่ในใจ
ฉัตรชนกปิดประตูรถให้จิดาภาแล้วรีบวิ่งอ้อมมาขึ้นรถด้านคนขับแล้วรีบขับรถออกไป
ฉัตรชบานั่งอยู่ที่แคร่ใต้ต้นไม้ ท่าทางทั้งร้อนทั้งหิว เธอเดินออกไปหาของกิน
ครู่หนึ่ง อัคคีก็หิ้วกล้วยกับกระบอกน้ำเข้ามาที่แคร่ใต้ต้นไม้ แต่ไม่เจอฉัตรชบา เขาตะโกนเรียก
"ฉัตรชบา อยู่ไหน ฉัตรชบา"
อัคคีเป็นห่วงฉัตรชบา กลัวจะเจอพวกคนร้าย
อัคคีวางกล้วยกับกระบอกน้ำไว้ที่แคร่แล้วออกตามหา
คนร้าย 2 คนขับเรือเข้ามาจอดหลบมุมที่ท่าเรือในเกาะ ทั้งคู่ขึ้นจากเรือแล้วมองไปรอบๆ
"เรือของเกาะนี้ไม่อยู่ สงสัยพวกมันคงออกไปจากที่นี่กันหมดแล้ว"
"เข้าไปดูให้แน่ใจก่อนดีกว่า ถ้าพวกมันไปกันหมดแล้วจริงๆ บ่ายนี้จะได้พาคนเข้ามาตัดไม้"
คนร้ายทั้งสองเดินหลบๆ เข้าไปในเกาะอย่างระวังตัว
อดุลย์ขับรถเข้ามาจอดบริเวณที่จอดรถใกล้ๆ ท่าเรือ
อดุลย์กำลังจะลงจากรถ แต่แล้วก็ชะงัก คิดถึงคำพูดของจิดาภาขึ้นมาได้
"ฉันเห็นคุณฉัตรชนกพกปืนมาด้วย ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าคุณฉัตรกับอัคคีเผชิญหน้ากัน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง"
อดุลย์เปิดลิ้นชักเก็บของหน้ารถ แล้วหยิบปืนออกมาเหน็บไว้ที่เอว แล้วรีบลงจากรถไป
อ่านต่อหน้า 3
เกมพยาบาท ตอนที่ 10 (ต่อ)
เข็มจอดเรือส่งแม้นมาศกับข้าวปุ้นอยู่ที่ท่าเรือ
"รีบกลับไปช่วยนายเร็วๆ เลยตาเข็ม แล้วก็ระวังตัวด้วยนะ ฉันยังไม่อยากหาผัวใหม่"
"พูดอย่างกับจะหาได้อย่างนั้นแหละ"
"อ้าวๆ อย่ามาดูถูกกันนะ เดี๋ยวฉันก็หาให้ดูซะเดี๋ยวนี้เลยนี่"
เข็มประชด
"ถ้าคิดว่าหาได้ก็เชิญตามสบาย ข้ากลับไปหานายอัคคีที่เกาะล่ะ"
เข็มลงเรือ กำลังจะขับเรือออกไป
อดุลย์เดินเข้ามาที่ท่าเรือท่าทางรีบร้อน เห็นเข็มกำลังจะออกเรือ ก็รีบวิ่งเข้ามาหา
"นายเข็ม รอฉันด้วย"
"อ้าวคุณอดุลย์ มาได้ยังไงครับ หรือว่ารู้เรื่องที่เกาะถูกไฟไหม้แล้ว"
อดุลย์แปลกใจ
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมไฟถึงไหม้ได้"
"คุณอดุลย์ยังไม่รู้เรื่องหรอกเหรอครับ ถ้างั้นรีบลงเรือมาก่อนครับ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง"
อดุลย์รีบลงเรือ เข็มขับเรือออกไป
แม้นมาศกับข้าวปุ้นยืนมองส่ง แม้นมาศมีสีหน้าเป็นห่วงทุกคนมาก
ฉัตรชบากำลังเอาน้ำลูบเนื้อลูบตัวอยู่ที่ลำธารในป่าท้ายเกาะ
คนร้าย 2 คนเดินเข้ามาทางด้านหลังฉัตรชบา
"เฮ้ย...ผู้หญิงว่ะ"
คนร้าย 2 มองฉัตรชบา
"ท่าทางจะสวยซะด้วย"
คนร้าย2 จะเดินเข้าไปหาฉัตรชบา แต่ถูกคนร้าย1 ดึงตัวไว้
"จะทำอะไร"
"เจอผู้หญิงสวยขนาดนี้จะให้ผ่านไปเฉยๆ ก็เสียของแย่สิวะ"
คนร้าย 2 เดินเข้าไปหาฉัตรชบา คนร้าย1 ตามไป
" ไม่คิดเลยว่า ที่เกาะนี่จะมีสาวสวยอย่างนี้อยู่ด้วย"
ฉัตรชบาตกใจ รีบลุกขึ้นพร้อมกับหันมามองทางด้านหลัง
ฉัตรชบาเห็นคนร้ายทั้งสองคนมองมาที่ตนด้วยสายตาลวนลามก็กลัว
ฉัตรชบาจะวิ่งหนี คนร้าย 2 เข้ามาดักหน้าไว้
"ยังไม่ได้คุยกันเลย จะรีบไปไหน"
"จะทำอะไรฉัน"
ฉัตรชบาถอยหลังหนีทีละก้าวช้าๆ ท่าทางหวาดกลัว
อัคคีเดินตามหาฉัตรชบา แต่ไม่เจอ
"ฉัตรชบา คุณอยู่ไหน"
อัคคีเดินตามหาฉัตรชบาไปทั่ว
ฉัตรชบาวิ่งหนี แต่ถูกคนร้าย 2 กระชากตัวกลับมา
"ปล่อยฉัน"
ฉัตรชบาดิ้นไปมาแต่ก็เจ็บแผลที่ข้อมือ ออกแรงมากไม่ค่อยได้
คนร้าย 2 รวบตัวฉัตรชบามากอดไว้ พยายามจะปล้ำ ฉัตรชบาดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต
"นายอัคคีช่วยฉันด้วย ช่วยด้วย!"
คนร้าย 2 ผลักฉัตรชบาล้มลงกับพื้น แล้วพยายามปลุกปล้ำ พยายามสู้ แต่สู้ไม่ไหว คนร้าย 1 ยืนมองอยู่ห่างๆ
อัคคีวิ่งเข้ามาจากทางหนึ่ง เห็นฉัตรชบากำลังจะถูกคนร้าย 2 พยายามปล้ำอยู่ อัคคีเข้าไปกระชากคนร้าย 2 ออกจากตัวฉัตรชบา แล้วชกเข้าที่หน้าคนร้าย 2 ทันที หนึ่งหมัด
ฉัตรชบาลุกขึ้นมายืนหลบหลังอัคคี ท่าทางหวาดกลัวมาก
คนร้าย 1 ชักปืนออกมาเล็งขู่อัคคี
คนร้าย 2 ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้ามาชกหน้าอัคคี ตามด้วยต่อยท้องไปอีกหมัด อัคคีจะสู้ แต่ถูกคนร้าย 1 ยกปืนขึ้นขู่
คนร้าย1เล็งปืนใส่อัคคี
"อย่าขยับ! ไม่งั้นกูยิง"
อัคคีชะงักกึก
ฉัตรชบายังเกาะอยู่ข้างหลังอัคคีท่าทางหวาดกลัว อัคคีโอบฉัตรชบาไว้แบบปกป้อง
คนร้าย 2 กระชากตัวฉัตรชบาออกจากอัคคี
"มานี่!"
ฉัตรชบาดิ้น
"ปล่อยฉัน นายอัคคีช่วยฉันด้วย"
อัคคีจะตามไปช่วยฉัตรชบา คนร้าย1 ยิงปืนใส่อัคคีทันที อัคคีกระโดดม้วนตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด
เข็มพาอดุลย์มาที่แคร่ใต้ต้นไม้ แต่ไม่เจอใคร
เสียงปืนดังมาจากทางท้ายเกาะหนึ่งนัด
อดุลย์กับเข็มได้ยินเสียงปืนก็ตกใจ
"เสียงปืน! ... นาย!"
เข็มรีบวิ่งนำอดุลย์ไปทางท้ายเกาะ
อดุลย์ชักปืนออกมา แล้วรีบวิ่งตามเข็มไป
อัคคีพุ่งตัวเข้าไปแย่งปืนจากคนร้าย 1 ทั้งคู่ต่อสู้กันไปมา อัคคีก็แย่งปืนมาได้ ก็เล็งปืนใส่คนร้าย 1
คนร้าย 2 ที่จับตัวฉัตรชบาไว้อยู่เห็นท่าไม่ดีก็ยกปืนขึ้นจะยิงอัคคี
ทันใดนั้น อดุลย์ที่วิ่งนำเข็มเข้ามาถึงพอดี ยิงใส่คนร้ายสองเข้าที่มือ จนปืนของคนร้าย 2 ร่วงหลุดมือ
ฉัตรชบารีบเก็บปืนขึ้นมาเล็งคนร้าย 2 ไว้ ฉัตรชบาไม่เคยจับปืนก็มีท่าทางกล้าๆ กลัว
เข็มเข้ามาจับตัวคนร้าย 2 ล็อคไว้ได้ทันที
ในขณะเดียวกัน อัคคีก็ใช้ปืนจี้คุมตัวคนร้าย 1 ไว้ได้
อดุลย์ดึงเถาวัลย์แถวนั้นมัดมือคนร้ายทั้งสองคนไพล่หลังไว้
อัคคีเดินเข้าไปหาฉัตรชบา แล้วดึงปืนออกจากมือฉัตรชบา
อัคคีพูดน้ำเสียงอ่อนโย
"ไม่เป็นไรแล้วนะ"
อัคคีดึงตัวฉัตรชบาเข้ามากอดปลอบใจ ฉัตรชบารู้สึกอุ่นใจที่มีอัคคีอยู่ใกล้ๆ
อดุลย์กับเข็มกำลังช่วยกันมัดคนร้ายอยู่ หันมามองอัคคีกับฉัตรชบาแล้วอึ้งกันไป
อดุลย์เริ่มสงสัยว่าอัคคีกำลังมีใจให้ฉัตรชบาหรือเปล่า
อดุลย์เดินเข้าไปหาอัคคี ทั้งคู่ผละออกจาก ฉัตรชบาทำหน้าเก้อเขินปั้นหน้าไม่ถูก
อดุลย์ดึงตัวอัคคีออกมาคุยกันห่างๆ
"มีอะไร"
"แกต้องรีบพาคุณฉัตรชบาออกจากเกาะให้เร็วที่สุด"
"ทำไม"
"คุณฉัตรชนกรู้แล้วน่ะสิว่าแกลักพาตัวคุณฉัตรชบามาไว้ที่นี่ ตอนนี้เค้ากำลังพาตำรวจมาจับแก"
อัคคีฟังแล้วสีหน้าเครียดลงไปนิดหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน ฉัตรชบาก็มองมาที่อัคคีกับอดุลย์ด้วยความสงสัยว่าสองคนนี้คุยอะไรกัน
ขณะที่อัคคีประคองฉัตรชบาเดินมาตามทางเดินริมชายหาด
อดุลย์กับเข็มช่วยกันลากคนร้าย 2 คนตามหลังมา
ฉัตรชนกเดินสวนเข้ามาพร้อมกับจิดาภาและตำรวจอีก 2 นาย
ฉัตรชนกน้องสาวก็ดีใจ
"ชบา"
ฉัตรชบาสะบัดตัวออกจากอัคคีแล้ววิ่งเข้าไปกอดพี่ชายด้วยความดีใจ
ฉัตรชนกกอดน้องไว้แน่น
"ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่มารับชบากลับบ้านแล้ว"
จิดาภาอยู่ต่อหน้าฉัตรชนกเลยต้องปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้จักอัคคี ทั้งที่ในใจอยากเข้าไปทักอัคคีมาก
อดุลย์พึมพำเบาๆ
"ซวยแล้วอัคคีเอ๊ย"
ฉัตรชนกบอกตำรวจ
"คุณตำรวจครับ จับผู้ชายคนนั้นไว้เลยครับ เค้าเป็นคนลักพาตัวน้องสาวผมมาขังไว้ที่นี่"
ฉัตรชบาจะห้าม แต่ก็พูดไม่ออก "พี่ฉัตร"
ตำรวจเดินเข้าไปหา อัคคียืนนิ่งไม่หนีไปไหน ตำรวจสับกุญแจมือเข้าที่ข้อมือทั้งสองข้างของอัคคี
อัคคีกับฉัตรชบามองตากันด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจด้วยกันทั้งคู่
ฉัตรชบาอยากจะพูดช่วยอัคคีแต่ก็พูดไม่ออก
ในขณะเดียวกัน จิดาภาก็มองหน้าอัคคีด้วยความรู้สึกผิดหวังมาก ที่ตลอดเวลา อัคคีปิดบังเรื่องนี้กับตนมาตลอด ทั้งที่ตนพยายามถามมาหลายครั้งแล้ว แต่อัคคีก็ไม่เคยยอมรับเลยซักครั้ง
บ้านฉัตรชนกตอนกลางคืน
ในห้องโถง ฉัตรชนกพาฉัตรชบากลับเข้ามา จิดาภาเดินตามหลังมาด้วย
อำภา ฉกาจ ศรุตเห็นฉัตรชบากลับมาก็ดีใจ
อำภาดีใจมากโผเข้าไปกอดรับขวัญฉัตรชบาทันที
อำภาดีใจจนน้ำตาซึม
"ยัยชบา เป็นยังไงมั่งลูก"
ฉัตรชบากอดอำภาด้วยความคิดถึงและดีใจที่ได้กลับบ้านมาหาพ่อกับแม่
ฉกาจเข้ามากอดฉัตรชบาอีกคน
อำภามองสำรวจฉัตรชบาไปทั่วตัว เห็นที่แขนมีผ้าพันแผลพันอยู่ก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง
"แล้วนี่แขนไปโดนอะไรมา นายอัคคีมันทำร้ายลูกเหรอ"
ฉัตรชบาแววตาเจ็บปวดเสียใจอยู่ลึกๆ
"แผลนี่ชบาเป็นคนทำเองค่ะคุณแม่"
ฉกาจมองสังเกตท่าทีของฉัตรชบาอย่างไม่สบายใจ
"นายอัคคีจับตัวคุณไปตั้งหลายวัน เค้าทำอะไรคุณบ้างหรือเปล่า" ศรุตถาม
ฉัตรชบาไม่อยากเล่า
"อย่าเพิ่งถามอะไรฉันตอนนี้เลยค่ะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก ขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะคะ"
ฉัตรชบาเดินหนีขึ้นชั้นบน
ศรุตมองตามฉัตรชบา สีหน้าอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัตรชบาบ้าง
อำภาจะตามฉัตรชบาไป แต่ถูกฉกาจห้ามไว้
"ฉันตามไปคุยกับลูกหน่อยดีกว่า"
"อย่าเพิ่งไปเซ้าซี้ลูกตอนนี้เลยคุณอำภา"
"แต่ฉันเป็นห่วงลูกนะคุณฉกาจ"
"ผมก็เป็นห่วงลูกเหมือนคุณนั่นแหละ แต่คุณไม่เห็นเหรอว่าสภาพลูกตอนนี้ยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งนั้น"
อำภาถามฉัตรชนก
"ชบาได้เล่าอะไรให้ฉัตรฟังบ้างหรือเปล่า"
"ไม่เลยครับคุณแม่ นั่งเงียบมาตลอดทางเลย"
ฉัตรชนกบอกอย่างไม่สบายใจ เป็นห่วงฉัตรชบามากเหมือนกัน
อ่านต่อหน้า 4
เกมพยาบาท ตอนที่ 10 (ต่อ)
ในห้องนอน ฉัตรชบานั่งอยู่บนเตียง สีหน้าเจ็บปวดและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาก นอนกอดตัวเองแล้วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด
บนสถานีตำรวจ
อัคคีนั่งพิงผนังห้องขังอยู่ สีหน้าท่าทางไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า ทำไมไม่มีความสุขเลย ทั้งที่ได้แก้แค้นฉัตรชนกกับฉัตรชบาอย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว
ฉัตรชนกกำลังจะเข้านอน เกษณีย์ก็ถามเรื่องอัคคีอย่างสนใจอยากรู้
"ตกลงนายอัคคีถูกจับเข้าคุกไปแล้วจริงๆ ใช่มั้ยคะ"
"ใช่"
เกษณีย์แอบยิ้มโล่งอก ที่อัคคีติดคุกไปซะได้
"แต่ถึงนายอัคคีจะติดคุก ก็คงชดเชยสิ่งที่ชบาเสียไปไม่ได้หรอกนะคะ"
"คุณพูดเรื่องอะไร"
"แหมคุณฉัตร นี่คุณไม่รู้จริงๆ เหรอคะว่าผู้ชายกับผู้หญิงอยู่กันสองต่อสองบนเกาะร้างอย่างนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันไม่เชื่อหรอกนะคะว่า นายอัคคีจะไม่ได้ทำอะไรชบาเลย"
ฉัตรชนกฟังแล้วไม่สบายใจเลย
สวนดอกไม้บ้านฉัตรชนก เช้าวันใหม่
ฉัตรชบาเดินเล่นชมดอกไม้ในสวน พร้อมมีสีหน้าครุ่นคิดซึมๆ
คิดถึงภาพที่อัคคีจ้องตาฉัตรชบาด้วยแววตาโกรธแค้น ดุดัน แล้วจูบฉัตรชบาเพื่อเป็นการลงโทษ ฉัตรชบาดิ้นไปมา
"ผมจะทำกับคุณเหมือนที่ไอ้ฉัตรชนกมันทำกับศา ไอ้ฉัตรชนกจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่ผมเคยเป็น"
อัคคีจูบซุกไซ้ฉัตรชบาอย่างรุนแรงเพื่อระบายความแค้น
ฉัตรชบานอนนิ่งปล่อยให้อัคคีระบายความแค้นกับร่างกายตนไปตามใจ
ฉัตรชบาน้ำตาซึม เผลอกำดอกไม้จนแหลกคามือ
ฉัตรชนกยืนมองอยู่ห่างๆ อย่างเป็นห่วง ครู่หนึ่งฉัตรชนกก็เดินเข้ามาหา
"ชบา"
ฉัตรชบาสะดุ้งแล้วหันหน้ามา
"พี่ฉัตร"
ฉัตรชบาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพื่อให้ฉัตรชนกสบายใจ
"คิดอะไรอยู่เหรอ พี่เรียกแค่นี้ถึงกับสะดุ้งเลย"
"เปล่าค่ะ พี่ฉัตรมีอะไรกับชบาหรือเปล่าคะ"
"มานั่งคุยกันหน่อยสิ"
ฉัตรชนกเดินนำฉัตรชบาไปนั่งที่เก้าอี้สนาม
ฉัตรชบารู้ว่าฉัตรชนกจะถามเรื่องอะไร ก็แอบมีสีหน้าลำบากใจอยู่เหมือนกัน
"ตอนอยู่ที่เกาะ อัคคีได้บังคับฝืนใจอะไรชบาหรือเปล่า"
ฉัตรชบาอึกอัก
"เปล่าค่ะ เค้าก็แค่จับชบาไปขังไว้เพื่อทรมานจิตใจก็แค่นั้นแหละค่ะ"
ฉัตรชนกหยิบมือถือออกมาเปิดรูปให้ฉัตรชบาดู
"แล้วรูปนี้ล่ะ"
ที่โทรศัพท์มือถือ เป็นรูปที่อัคคีแอบถ่ายกับฉัตรชบา ตอนที่ฉัตรชบานอนหลับอยู่
ฉัตรชบามองรูปในมือถือแล้วตกใจ
คืนนั้น อัคคีถ่ายรูปเสร็จก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม อัคคีเผลอมองหน้าฉัตรชบาในระยะประชิด
วูบหนึ่ง อัคคีรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่จับฉัตรชบามาแก้แค้นแบบนี้ แต่แล้วก็สลัดหัวแรงๆ ไล่ความรู้สึกนั้นทิ้ง
ฉัตรชบาขยับตัว อัคคีตกใจเล็กน้อย แต่หนีไม่ทันแล้ว ฉัตรชบาคลำมือไปทั่วตัวอัคคี เธอเอะใจว่าใครมานอนข้างๆ ฉัตรชบาลืมตาขึ้นมามอง ก็เห็นอัคคีนอนอยู่ข้างๆ ฉัตรชบากรี๊ดเสียงดังลั่น
ฉัตรชบาผลักอัคคีออกอย่างแรง แล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
"เค้าแค่จัดฉากถ่ายรูปส่งมายั่วพี่ฉัตร ความจริงไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"แน่นะ"
"แน่ค่ะ รูปนี้ไม่มีอะไรจริงๆ"
"ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ก็ดีแล้ว เพราะถ้าเค้าข่มเหงจิตใจชบา พี่คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตที่เป็นต้นเหตุให้ชบาต้องเดือดร้อน"
"พี่ฉัตรอย่าคิดมากเลยค่ะ ความแค้นของนายอัคคีมันจบลงแล้ว ชบาชดใช้ทุกอย่างให้เค้าหมดแล้ว ต่อไปเค้าจะไม่มายุ่งกับเราสองคนอีกแล้วค่ะ"
ฉัตรชบาบอกสีหน้าซึมๆ ในขณะที่ฉัตรชนกมีสีหน้าสบายใจขึ้น
อัคคีนั่งชันเข่าพิงผนังอยู่ในห้องขัง ครู่หนึ่งตำรวจก็มาเปิดประตูห้องขังให้อัคคี
"คุณอัคคี ออกมาได้แล้ว"
อัคคีหันมามองหน้าตำรวจ สีหน้านิ่งเฉย
"มีใครมาประกันตัวผมเหรอ"
"ไม่มีใครมาประกันตัวคุณหรอก แต่เจ้าทุกข์เค้ายอมความ ไม่เอาเรื่องคุณ"
"ว่าไงนะ"
อัคคีอึ้งมาก ไม่คิดว่าฉัตรชบาจะยอมความง่ายๆ อย่างนี้
โถงบ้านวรรณิศา อดุลย์ถือซองเอกสารกำลังจะออกไปประกันตัวอัคคี อัคคีเดินเข้ามา
"เฮ้ยอัคคี มาได้ยังไง นี่ฉันกำลังจะไปประกันตัวแกอยู่เลยนะเนี่ย"
"ฉัตรชบายอมความ เค้าไม่เอาเรื่องฉัน" การที่ฉัตรชบาทำแบบนี้อัคคียิ่งรู้สึกผิด "ฉันไม่เข้าใจว่าเค้าทำแบบนี้ทำไม"
"จะเพราะอะไรก็ช่าง แต่มันก็เป็นผลดีกับแกนะ แกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วโทรบอกคุณจิซะหน่อยนะ เค้าจะได้สบายใจ"
อัคคีพยักหน้ารับ แล้วเดินขึ้นชั้นบน
ในห้องน้ำ
อัคคีเปิดฝักบัวให้น้ำไหลรดตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมฉัตรชบาถึงยอมความให้ง่ายๆ
อำภาโวยวายใส่ฉัตรชบาที่ห้องโถง
"แกบ้าไปแล้วเหรอชบา อยู่ๆ ก็ไปยอมความให้อีคคีง่ายๆ อย่างนั้น มันทำกับแกถึงขนาดนี้ แกต้องเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดสิถึงจะถูกก"
ฉัตรชนกกับฉกาจก็กำลังรอฟังคำตอบจากฉัตรชบาอยู่ด้วยเหมือนกัน
"ชบาไม่อยากแก้แค้นกันไปแก้แค้นกันมาค่ะคุณแม่ ทำแบบนั้นมันก็ไม่จบไม่สิ้นกันซะที ให้ทุกอย่างมันจบไปแบบนี้ล่ะค่ะดีแล้ว"
"ที่ลูกพูดก็ถูกนะคุณอำภา ทางเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็ให้เลิกแล้วต่อกันไปเถอะ"
ฉัตรชบาสะอึกไปนิดหนึ่งตรงคำว่าไม่ได้เสียอะไร เพราะความจริงแล้วฉัตรชบาเสียตัวให้อัคคี
"ทำไมจะไม่เสียคะคุณ"
"เสียอะไร"
ก็เสียชื่อเสียงน่ะสิคะ ตอนนี้ใครๆ ก็รู้กันหมดแล้วว่ายัยชบาถูกอัคคีจับตัวไปขังไว้ที่เกาะตั้งหลายวัน ใครๆ ก็ต้องคิดว่ายัยชบาถูกปู้ยี่ปู้ยำป่นปี้ไปหมดแล้วล่ะค่ะ"
ฉัตรชบาจุกเพราะคำพูดของอำภา
"ใครจะพูดยังไงก็ช่างเถอะครับคุณแม่ ความจริงเป็นยังไงเราย่อมรู้อยู่แก่ใจ ใช่มั้ยชบา"
ฉัตรชบาตอบอึกอัก
"ใช่ค่ะ"
"นี่ยังดีนะที่ตาศรุตยังรักและเชื่อใจชบาอยู่ ตาศรุตเนี่ยเป็นคนดีจริงๆ นะชบา ลูกต้องรักษาเค้าไว้ให้ดีนะ ผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ"
ฉัตรชบายิ้มรับแหยๆ
จิดาภาพูดกับอัคคีด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ
"โชคดีนะคะที่คุณฉัตรชบาไม่เอาเรื่อง ต่อไปอย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะคะ"
อัคคีรู้สึกผิดต่อจิดาภาที่มีอะไรกับฉัตรชบาทั้งที่ยังคบกับจิดาภาอยู่
"ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่ทำอะไรให้คุณไม่สบายใจอีก"
จิดาภายิ้มสบายใจขึ้น
"ส่วนคุณก็ลาออกจากบริษัทฉัตรชนกได้แล้ว เห็นคุณอยู่ใกล้ๆ มันอย่างนี้ ผมหึงนะ" อัคคีปั้นยิ้มกลบเกลื่อนสร้างบรรยากาศไป
"ฉันยังลาออกตอนนี้ไม่ได้ค่ะ"
"ทำไมถึงลาออกไม่ได้ล่ะครับ หรือคุณอาลัยอาวรณ์มัน"
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่ฉันกำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่ ฉันต้องสืบให้รู้เรื่องก่อนถึงจะลาออก"
"คุณสงสัยอะไร"
จิดาภาสีหน้าย้อนคิด
พัฒนะกับเกษณีย์คุยกันสีหน้าเคร่งเครียด
"ถ้าจะมาพูดเรื่องเงิน ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่มีให้"
"ถ้าอย่างนั้นความลับที่ผมมีอยู่ ก็น่าจะแลกกับเงินก้อนโตจากคุณฉัตรชนก หรือไม่ก็คุณอัคคีได้แน่ๆ"
จิดาภามีสีหน้าสงสัย
"คุณเกษณีย์มีความลับอะไร? แล้วเกี่ยวอะไรกับอัคคีด้วย?"
"เอาไว้ให้ฉันแน่ใจ แล้วมีหลักฐานชัดเจนกว่านี้ก่อนนะคะ แล้วฉันจะบอก"
อัคคีหงุดหงิดอยากรู้
"ความลับอะไรนักหนา ทำไมถึงบอกตอนนี้ไม่ได้"
"ก็เพราะคุณเป็นคนใจร้อนวู่วามอย่างนี้น่ะสิคะ ฉันถึงยังไม่อยากบอก เดี๋ยวความใจร้อนของคุณจะทำให้เสียเรื่องซะหมด"
อัคคีสงสัยว่าจิดาภากำลังสืบเรื่องอะไรอยู่กันแน่
อ่านต่อตอนที่ 11