เกมพยาบาท ตอนที่ 9
ฉัตรชนกคุยกับฉกาจอยู่ในห้องหนังสือ
"นักสืบของผมส่งข้อมูลมาให้แล้วนะครับคุณพ่อ เค้าบอกว่าเห็นอัคคีอยู่ที่ท่าเรือแถวๆ ปราณบุรีครับ ผมให้คนเช็คดูแล้ว อัคคีมีสัมปทานเกาะอยู่ที่นั่น ผมว่าอัคคีต้องจับชบาไปไว้ที่นั่นแน่ๆ"
"ข้อมูลที่ฉัตรได้มาตรงกับข้อมูลที่ทางตำรวจบอกพ่อ"
"พรุ่งนี้ผมจะรีบไปที่เกาะนั่นแต่เช้า"
"พ่อจะให้เพื่อนพ่อช่วยประสานกับตำรวจท้องที่ ให้พาฉัตรเข้าไปที่เกาะนั่นเอง"
"ผมจะต้องพาชบากลับบ้านให้ได้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
"ฉัตรต้องช่วยน้องออกมาให้ได้นะ ป่านนี้อัคคีจะทำอะไรกับชบาบ้างก็ไม่รู้"
ฉกาจเป็นห่วงลูกสาวมาก
อำภายกถาดยาของฉกาจมาที่หน้าห้อง ได้ยินฉัตรชนกกับฉกาจพูดถึงเรื่องฉัตรชบาอยู่พอดีก็แปลกใจว่า ฉัตรชบาไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนอย่างที่ฉัตรชนกเคยบอกตนเหรอ อำภาแอบฟังอยู่หน้าห้องก่อน ยังไม่เข้าไป
ในห้อง ฉัตรชนกกับฉกาจคุยกันต่อ
"ที่ผ่านมาผมอาจจะเสียศูนย์ไปหน่อย เพราะทุกอย่างมันประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด ทั้งเรื่องการตายของวรรณิศา เรื่องที่พลาดจนต้องแต่งงานกับคุณเกษทั้งที่ไม่ได้รัก พอเกิดเรื่องกับน้อง ผมก็ยังช่วยอะไรได้ไม่มากอีก ทั้งที่ผมเป็นต้นเหตุให้ชบาต้องเดือดร้อนแท้ๆ ผมมันไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ"
ฉกาจตบบ่าปลอบใจ
"ทุกคนย่อมต้องมีช่วงเวลาที่อ่อนแอกันบ้างเป็นธรรมดา แล้วถ้าฉัตรรู้สึกผิดต่อน้อง พรุ่งนี้ฉัตรก็ต้องพาน้องกลับบ้านให้ได้"
อำภาผลักประตูเข้ามาในห้อง โวยวาย
"ยัยชบาถูกลักพาตัวไป ทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอหรือไง"
ฉัตรชนกตกใจ ปั้นหน้าไม่ถูกกันทั้งคู่
อำภาเอาถาดยาวางกระแทกลงบนโต๊ะ แล้วมองหน้าฉกาจกับฉัตรชนกอย่างเอาเรื่อง
"ฉันเอะใจอยู่แล้วเชียวว่าแค่ไปเที่ยวต่างจังหวัดแค่นี้ ทำไมชบาถึงโทร.กลับบ้านไม่ได้ ยัยชบาถูกจับตัวไปตั้งหลายวัน ป่านนี้ไม่ป่นปี้ไปหมดแล้วเหรอ"
"ก็เพราะคุณชอบโวยวายอย่างนี้ยังไงล่ะ ถึงไม่มีใครอยากบอกอะไรคุณ"
"ฉันเป็นแม่นะคุณฉกาจ เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวฉัน ฉันก็ต้องรับรู้ด้วยสิ แล้วนายอัคคีอะไรนั่นมันเป็นใคร ทำไมต้องมาจับตัวชบาไปด้วย"
"อัคคีเป็นลูกชายเอกภพเพื่อนผมไง"
"แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอัคคีจะต้องจับตัวชบาไปด้วย"
"เรื่องมันยาว เอาไว้ผมจะเล่ารายละเอียดให้คุณฟังทีหลังก็แล้วกัน"
อำภาไม่ยอม "ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้!"
"โอเคๆ ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังเดี๋ยวนี้แหละ แต่คุณต้องรับปากก่อนว่า จะเลิกโวยวาย"
อำภามองค้อนนิดหนึ่ง แล้วรอฟัง
แม้นมาศกับเข็มนั่งคุยกันอยู่ที่หน้าบ้านพัก
"ฉันว่านายอัคคีกับนายหญิงนี่ชักจะยังไงๆ แล้วนะตาเข็ม"
"ไอ้ยังไงๆ ของแกนี่มันยังไงวะ"
"ก็วันนี้ฉันเห็นนายอัคคีกับนายหญิงทะเลาะกันยกใหญ่"
เข็มขัดขึ้น
"โอ๊ย...สองคนนี้ก็ทะเลาะกันเป็นปกติอยู่แล้ว ข้าไม่เคยเห็นนายกับนายหญิงพูดกันดีๆ ซักวัน"
"ฉันยังเล่าไม่จบ แกก็อย่าเพิ่งขัดสิ"
"แกก็อย่าลีลามากนักสิวะ มีอะไรก็รีบๆ เล่ามา"
"ก็วันนี้นายกับนายหญิงทะเลาะกันอยู่ดีๆ แล้วนายอัคคีก็จับนายหญิงมาจูบเฉยเลย ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วยนะแก ตั้งสองครั้งแน่ะ"
"จริงเหรอวะนังแม้น"
"ฉันเห็นมาเต็มสองลูกกะตาเนี่ย ฉันว่านายอัคคีต้องคิดอะไรๆ กับนายหญิงบ้างล่ะวะ ไม่งั้นคงไม่จับมาจูบแล้วจูบอีกอย่างนั้นหรอก ผัวเมียกันรึก็ไม่ใช่"
เข็มเริ่มเห็นด้วย
"เออ...ข้าว่ามันชักจะยังไงๆ อย่างที่แกว่าแล้วจริงๆ ผู้ชายน่ะถ้าลึกๆ แล้วไม่คิดได้คิดอะไร ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก"
แม้นมาศหันไปเห็นฉัตรชบายืนอยู่มุมหนึ่ง
"อ้าวนายหญิง มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่จ้ะ"
"เพิ่งมาจ้ะ"
"ดึกแล้ว นายหญิงมาที่นี่ทำไมเหรอครับ"
"ก็มานอนน่ะสิ เสื้อผ้าข้าวของกับที่นอนฉันอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ"
"นายอัคคีให้ผมขนกลับไปไว้ที่บ้านพักนายเหมือนเดิมแล้วครับ"
"นายหญิงกลับไปนอนกับนายอัคคีเถอะจ้ะ"
"ฉันจะนอนที่นี่"
ฉัตรชบาจะเดินขึ้นบ้านพัก แม้นมาศรีบตามมาขวางหน้า ไม่ให้ขึ้น
แม้นมาศยกมือไหว้
"ฉันไหว้ล่ะจ้ะ นายหญิงกลับไปนอนที่บ้านพักนายอัคคีเถอะนะจ๊ะ ถ้านายหญิงไม่ไปนอนที่นั่น เดี๋ยวนายได้ตามมาอาละวาดเละเทะอีกแน่ๆ"
ฉัตรชบาถอนใจเซ็งๆ ไม่อยากกลับไปนอนที่บ้านพักหลังเดียวกับอัคคีเลย
ฉัตรชบาเดินมาถึงหน้ากระท่อมที่พัก ทำหน้าแบบไม่อยากเข้าไปนอนห้องเดียวกับอัคคีเลย
คำพูดของแม้นมาศยังก้องสองหู
"ฉันเห็นมาเต็มสองลูกกะตาเนี่ย ฉันว่านายอัคคีต้องคิดอะไรๆ กับนายหญิงบ้างล่ะวะ ไม่งั้นคงไม่จับมาจูบแล้วจูบอีกอย่างนั้นหรอก ผัวเมียกันรึก็ไม่ใช่"
เข็มเริ่มเห็นด้วย
"เออ...ข้าว่ามันชักจะยังไงๆ อย่างที่แกว่าแล้วจริงๆ ผู้ชายน่ะถ้าลึกๆ แล้วไม่คิดได้คิดอะไร ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก"
ฉัตรชบากำลังจะก้าวเข้าไปในกระท่อม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหันหลังกลับ เดินไปนั่งที่แคร่หน้ากระท่อม คิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ตั้งแต่วันแรกที่ถูกอัคคีจับตัวมา
ฉัตรชบาปรี๊ดใส่
"นายจับฉันมาทำไม"
"คุณกับพี่ชายคุณต้องชดใช้ให้ศา"
"ชดใช้อะไร"
อัคคีสีหน้าเหี้ยม
"พี่ชายคุณทำให้น้องสาวผมต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน มันก็ต้องได้รับรู้รสชาติของการที่ต้องทนเห็นน้องสาวตัวเองทุกข์ทรมานจนตายอย่างผมดูบ้างเหมือนกัน"
อัคคีเอาน้ำในถังสาดใส่ฉัตรชบาจนเปียกไปทั้งตัว
"ถ้าจะทรมานกันขนาดนี้ ฆ่าฉันเลยดีกว่า ฆ่าฉันสิ!" ฉัตรชบาคอตก จะเป็นลม
อัคคีใช้มือบีบคางฉัตรชบาให้เงยหน้าขึ้นมามองหน้า พูดดุดัน
"ตายง่ายๆ มันจะไปสนุกอะไร"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบา แววตาโกรธจัด แล้วกระชากตัวฉัตรชบาเข้ามาจูบสั่งสอนอย่างรุนแรง ฉัตรชบาดิ้น เขาจับล็อคไว้ไม่ให้หันหนี ฉัตรชบาตบอัคคีด้วยความโกรธอีกที
ฉัตรชบากัดฟันกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าอัคคี) "ไอ้คนสารเลว"
"ผมยังเลวได้มากกว่านี้อีกนะ"
อัคคีโกรธกระชากตัวฉัตรชบาเข้ามาจูบสั่งสอนอย่างรุนแรงอีก
ฉัตรชบามีสีหน้าเจ็บแค้นที่ถูกอัคคีทรมาน แต่แล้วก็มีสีหน้าแววตาอ่อนลง คิดถึงตอนที่อัคคีเคยช่วยเหลือตน
ฉัตรชบาพลาดไปเหยียบหางงูเข้า งูตวัดตัวมาจะฉกฉัตรชบา อัคคีรีบจับตัวฉัตรชบาให้หลบมาอยู่ด้านหลังตน งูฉกเข้าที่ข้อเท้าของอัคคี แล้วเลื้อยหนีไป
อัคคีนั่งลงบีบเลือดออกจากแผลให้มากที่สุด เพื่อรีดพิษงูออก แล้วฉีกชายเสื้อออกมาเป็นเส้น มัดเหนือแผลไว้
ฉัตรชบานั่งลงข้างๆ อัคคี
"นายถูกงูกัด"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบาตาแข็ง
"ก็เพราะใครล่ะ บอกให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่ฟัง"
ฉัตรชบารู้สึกผิด อยากพูดว่าขอโทษ แต่ปากแข็งไม่พูด "ฉัน..."
อัคคีเอายาฆ่าเชื้อ จำพวกเบตาดีนมาใส่แผลให้ฉัตรชบา แล้วใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้อย่างเบามือ
ฉัตรชบาเผลอมองหน้าอัคคี และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมุมอ่อนโยนของอัคคี เธอมองหน้าอัคคีเขานิ่งนาน
อัคคีพันแผลเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัตรชบาพอดี ทั้งคู่สบตากันนิ่งไปพักหนึ่ง
ฉัตรชบาสับสนว่า ตกลงอัคคีจะดีหรือร้ายกันแน่
ในกระท่อม อัคคีนั่งมองที่นอนเสื้อผ้าข้าวของของฉัตรชบา พร้อมมีสีหน้าโกรธแค้น
เมื่อเห็นภาพอดีตของน้องสาว วรรณิศานอนหายใจแผ่วเบาอยู่ที่พื้นห้อง หลับตาลงช้าๆ เหมือนจะสิ้นใจ อัคคีวิ่งเข้ามาประคองร่างวรรณิศาขึ้นมา
วรรณิศาถอยหนี แล้วก็ก้าวพลาด พลัดตกราวระเบียงลงไปข้างล่าง
อัคคีช็อคสุดขีด "ศา!"
อัคคี พยายามกดความรู้สึกสงสารฉัตรชบาเอาไว้ ลุกขึ้นไปขว้างปาทำลายข้าวของในห้องกระจุยกระจายเพื่อระบายอารมณ์
ฉัตรชบานั่งครุ่นคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ อยู่หน้ากระท่อม
เสียงอัคคีอาละวาดขว้างปาข้าวของดังออกมาจากในกระท่อม ฉัตรชบาตกใจ และสงสัยว่าเกิดอะไร
อ่านต่อหน้า 2
เกมพยาบาท ตอนที่ 9 (ต่อ)
ฉัตรชบาวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นข้าวของถูกทำลายเกลื่อนเต็มพื้นก็อึ้งๆ ไปนิดหนึ่ง อัคคียืนทำหน้าถมึงทึงอยู่กลางห้อง เธอเริ่มใจไม่ดี จะเดินออกจากห้อง
อัคคีพุ่งตัวมากระชากแขนเธอเอาไว้ แรงกระชากทำให้ฉัตรชบาตัวปลิวมากระแทกซบอยู่ที่อกอัคคี ฉัตรชบาตกใจ รีบดันตัวออก แต่ถูกอัคคีกอดล็อกไว้แน่น อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบาแววตาดุดัน
"นายจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ"
อัคคีกอดล็อกตัวฉัตรชบาไว้แน่น เธอดิ้น เขายิ่งกอดแน่นขึ้น
ฉัตรชบาทนไม่ไหว ระบายออกมาบ้าง
"ฉันทนไม่ไหวแล้วนะนายอัคคี ถ้านายแค้นมากนัก นายก็ฆ่าฉันซะเลยสิ ฉันเบื่อที่ต้องทนอยู่ในสภาพนี้เต็มทนแล้วนะ"
อัคคีเหวี่ยงฉัตรชบาไปที่เตียงนอน ไปใช้สองแขนคร่อมร่างไว้ไม่ให้หนี
ฉัตรชบาเริ่มกลัว
"นายจะทำอะไรฉัน"
อัคคียื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ
"แค่นี้ก็กลัวแล้วเหรอ แล้วคิดบ้างมั้ยว่าคืนนั้นศาจะกลัวมากแค่ไหน"
"เกี่ยวอะไรกับคุณศา"
"ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง พี่ชายคุณมันจ้างคนไปรุม... รุมทำร้ายศา จนศาพยายามฆ่าตัวตายถึงสองครั้ง ครั้งแรกกรีดข้อมือตัวเอง แต่หมอช่วยไว้ทัน แล้วสุดท้ายศาก็กระโดดตึกตายต่อหน้าต่อตาผม คุณคิดว่าคนเป็นพี่ชายอย่างผมจะเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ต้องเห็นน้องสาวตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น"
อัคคีเจ็บปวดมาก น้ำตาซึมออกมา แต่ก็กลั้นไว้ไม่ให้น้ำตาไหล
ฉัตรชบาอึ้งไปนิดหนึ่ง สงสารทั้งวรรณิศาและอัคคี
"คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าพี่ชายคุณมันสารเลวแค่ไหน มันหลอกให้ศายอมเป็นของมัน แล้วมันก็ทิ้งศาไปแต่งงานกับคนอื่น"
"นายก็ดีแต่ว่าคนอื่น นายแน่ใจเหรอว่าน้องสาวนายเป็นคนดีอย่างที่นายคิดจริงๆ ในงานปาร์ตี้ที่บ้านฉัน ฉันยังเห็นคุณศาแอบไปจับไม้จับมือกับผู้ชายในมุมมืดอยู่เลย"
"ศาไม่ใช่คนแบบนั้น"
"ฉันเห็นกับตา"
อัคคีโกรธมาก
"หยุดใส่ร้ายคนตายซะที"
อัคคีจ้องตาฉัตรชบาด้วยแววตาโกรธแค้นดุดัน แล้วจูบฉัตรชบาเพื่อเป็นการลงโทษ เธอดิ้นไปมา อัคคีหยุดแล้วจ้องตาฉัตรชบาอีกครั้ง แต่คราวนี้แววตาโกรธแค้นดุดันยิ่งกว่าเดิม
"ผมจะทำกับคุณเหมือนที่ไอ้ฉัตรชนกมันทำกับศา ไอ้ฉัตรชนกจะเจ็บปวดเหมือนที่ผมเคยเป็น"
ฉัตรชบาท้าทาย
"ถ้าทำแบบนั้นแล้วนายจะหายแค้นพี่ฉัตร ก็ได้...นายอยากทำอะไรก็เชิญ ฉันจะถือว่าให้ทานให้หมามันกิน"
อัคคียิ้มเหยียด
"นักเรียนนอกอย่างคุณ คงผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะสินะ ถึงได้เที่ยวทำทานให้คนกินฟรีได้โดยไม่รู้สึกอะไรแบบนี้"
"ถ้านายคิดว่าสิ่งที่นายกำลังจะทำกับฉันอยู่ตอนนี้จะทำให้ฉันกับพี่ฉัตรทุกข์ทรมานเหมือนที่นายกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ ขอบอกเลยว่านายกำลังคิดผิด ภาพที่นายอยากเห็น นายจะไม่มีวันได้เห็น"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบานิ่งไปนิดหนึ่ง เหมือนยั้งคิด
ฉัตรชบาท้าทาย "อยากทำอะไรก็ทำสิ หรือว่าไม่กล้า"
"คุณท้าทายผมเองนะ"
"อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ถ้าทำแล้วขอให้ความแค้นทุกอย่างจบลงตรงนี้"
อัคคีจูบซุกไซ้ฉัตรชบาอย่างรุนแรงเพื่อระบายความแค้น
ฉัตรชบานอนนิ่งปล่อยให้อัคคีระบายความแค้นกับร่างกายตนไปตามใจ
เช้าวันใหม่
อัคคีนอนหลับอยู่ ฉัตรชบานอนตะแคงหันหลังให้ ทั้งคู่อยู่บนเตียงเดียวกัน
ฉัตรชบาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ แววตาเจ็บปวดใจอยู่ลึกๆ แต่ก็มีความเข้มแข็งอยู่ในที เธอไม่ฟูมฟาย เพราะเป็นคนตัดสินใจที่จะทำแบบนี้เอง
เธอลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเงียบๆ
อัคคีวาดมือมาจะกอดฉัตรชบา แต่พบความว่างเปล่า เขาลืมตาขึ้น เห็นฉัตรชบาใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้ว
เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาเย็นชา เขาเดาใจเธอไม่ออก
เธอหยิบแก้วน้ำใกล้มือมาปาลงพื้น แก้วน้ำแตกกระจาย อัคคีมองอึ้งว่าฉัตรชบาจะทำอะไร
ฉัตรชบาเก็บเศษแก้วชิ้นหนึ่งขึ้นมาจ่อที่ข้อมือ พร้อมกับจ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย
"ถ้านายอยากให้ฉันเจ็บเหมือนที่น้องสาวนายเคยเจ็บ ฉันก็จะทำให้นายดู"
อัคคีตกใจร้องห้ามเสียงดัง
"อย่านะฉัตรชบา!"
พร้อมกันกับเสียงร้องห้ามของอัคคี ฉัตรชบากรีดเศษแก้วที่ข้อมือของตนแบบใจเด็ดมาก
เลือดไหลเยอะมาก อัคคีฉีกปลอกหมอนให้เป็นริ้ว พอที่จะพันแผลได้ เขาเข้าไปหาเธอจะพันแผลห้ามเลือดให้ แต่เธอไม่ยอม สะบัดแขนหนี
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
"เดี๋ยวเลือดก็ออกหมดตัวจนตายหรอก"
อัคคีพยายามดึงข้อมือมาพันแผลให้ แต่ฉัตรชบาก็ไม่ยอม สะบัดแขนไปมา
"นายอยากเห็นฉันตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้ฉันตายไปเลยสิ แล้วนายจะได้รู้ว่าคนอย่างพี่ฉัตรเค้าฉลาดพอที่จะไม่จมปลักอยู่กับความอาฆาตพยาบาทเหมือนนาย พี่ฉัตรอาจจะเสียใจ แต่เค้าจะไม่มีวันทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าเหมือนที่นายทำเด็ดขาด แต่แค่นี้มันคงยังไม่สาแก่ใจนายหรอกใช่มั้ย"
ฉัตรชบาผลักอัคคีออกอย่างแรง แล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอก อัคคีวิ่งตามไป
ฉัตรชบาวิ่งออกมาที่หน้ากระท่อม ขณะที่ข้อมือยังมีเลือดไหลอยู่ อัคคีวิ่งตามมากระชากแขนฉัตรชบาเอาไว้ได้ทัน
"จะไปไหน!"
ฉัตรชบาสะบัดแขนออก แต่ไม่หลุด อัคคีจับล็อกไว้แน่น
"ปล่อยฉัน! ฉันจะไปกระโดดตึกเหมือนที่น้องสาวนายทำไง ไม่สิ ที่นี่ไม่มีตึก มีแต่หน้าผาที่ท้ายเกาะ กระโดดลงไปก็คงจะตายเหมือนกัน"
"บ้าไปแล้วเหรอ"
ฉัตรชบาจ้องตา
"ถ้าสิ่งที่นายทำกับฉันมันคือการแก้แค้นของนาย ก็ขอให้นายรู้เอาไว้ด้วยว่า ฉันก็กำลังจะใช้ความตายของฉันแก้แค้นนายเหมือนกัน วันนึงนายจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้"
เลือดของฉัตรชบาหยดลงบนพื้นไม่ขาดสาย รอยเลือดกระจายเป็นวงกว้าง
ฉัตรชบาเริ่มหน้าซีด เหมือนจะหมดสติ
"นายเคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าชีวิตต้องชดด้วยชีวิต ถ้างั้นวันนี้ฉันจะขอใช้ชีวิตของฉัน ชดใช้ทุกอย่างแทนพี่ฉัตร ฉันขอให้ความอาฆาตพยาบาทของนายจบลงที่ฉัน ต่อไปนายห้ามไปยุ่งกับพี่ฉัตรอีกเด็ดขาด"
อัคคีนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าฉัตรชบาจะใจเด็ดขาดนี้
ฉัตรชบาจะวิ่งไปทางท้ายเกาะ อัคคีตามไปตะครุบตัวเอาไว้ ฉัตรชบาดิ้นไปมา
"ปล่อยฉัน ฉันจะไปตายให้นายดู เรื่องบ้ามันจะได้จบไปซะที"
ฉัตรชบาจะไป อัคคีดึงไว้ ทั้งคู่ยื้อกันไปมา แต่แล้วฉัตรชบาก็หมดสติไปดื้อๆ ล้มลงไปนอนกองกับพื้น
"ฉัตรชบา!"
อัคคีช้อนตัวฉัตรชบาขึ้นมา มองหน้า กลัวฉัตรชบาจะตายจริงๆ
ต่อมา อัคคีอุ้มฉัตรชบาที่หมดสติอยู่วิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล พยาบาลเข็นเตียงเข้ามารับ เขาวางเธอลงบนเตียง พยาบาลเข็นเตียงเข้าไปข้างในด้วยความเร่งรีบ อัคคีวิ่งตามประกบเตียงไป
อัคคีมองหน้าฉัตรชบาที่หมดสติอยู่ แววตาหวั่นใจอยู่ลึกๆ กลัวฉัตรชบาจะตายเหมือนวรรณิศา
พยาบาลเข็นเตียงฉัตรชบาเข้าไปในห้องฉุกเฉิน อัคคีจะตามเข้าไป พยาบาลกันไว้ไม่ให้เข้า
พยาบาล1
"ญาติรอข้างนอกนะคะ"
พยาบาล1 เข้าไปในห้องฉุกเฉิน แล้วปิดประตู
อัคคีมานั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าเคร่งเครียด ลึกๆ รู้สึกผิด เพราะสิ่งที่ตนทำกับฉัตรชบานั้นไม่ต่างจากสิ่งเลวร้ายที่วรรณิศาเคยถูกกระทำเลย
บริเวณห้องโถง ภายในบ้าน ฉัตรชนกแต่งตัวลุยๆ เตรียมเดินทางไปที่เกาะของอัคคี ฉกาจกับอำภายืนส่ง
"พาน้องกลับมาให้ได้นะฉัตร" อำภาบอก
"เพื่อนพ่อประสานกับตำรวจท้องที่ไว้ให้แล้ว ไปถึงที่โน่นฉัตรก็ติดต่อเค้าได้เลย"
"ครับคุณพ่อ ผมไปนะครับ"
ฉัตรชนกรีบเดินออกไป
เกษณีย์ใส่ชุดนอนเดินเข้ามา เห็นหลังฉัตรชนกเดินออกไปไวๆ ก็สงสัย เดินเข้ามาถามอำภา
"คุณฉัตรจะรีบไปไหนแต่เช้าคะคุณแม่"
ฉกาจอดแขวะไม่ได้
"ไม่เช้าแล้วมั้งหนูเกษ"
ฉกาจทำหน้าระอาเกษณีย์แล้วเดินหนีออกไป
"ตกลงคุณฉัตรไปไหนคะคุณแม่ แต่งตัวเหมือนไม่ได้ไปทำงาน"
"ไปช่วยชบาจากนายอัคคี ... เดี๋ยวจบเรื่องนี้ แม่ก็จะเล่นงานตาฉัตรให้หนักเลย มีอย่างที่ไหน น้องถูกคนร้ายลักพาตัวไป แต่ดันมาโกหกแม่ว่าน้องไปเที่ยวกับเพื่อน"
เกษณีย์ มีสีหน้ากังวลใจ
"นอกจากเราจะต้องหาทางช่วยชบาให้เร็วที่สุดแล้ว เราจะต้องหาคนร้ายที่ทำร้ายวรรณิศาให้ได้ด้วย อัคคีจะได้เลิกอาฆาตพยาบาทฉัตรซะที" ฉกาจตั้งใจไว้แบบนั้น
"ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แล้วผมเองก็จะไม่ปล่อยให้คนร้ายที่มันทำร้ายศาลอยนวลอยู่ได้นานหรอกครับ ผมต้องหาตัวมันมาลงโทษให้ได้"
เกษณีย์เริ่มกลัวภัยจะมาถึงตัว อำภาเห็นเกษณีย์นิ่งไป ก็แปลกใจ
"หนูเกษเป็นอะไรหรือเปล่าลูก"
"เปล่าค่ะ เกษขอตัวนะคะ"
เกษณีย์เดินขึ้นชั้นบนไป อำภามองตาม แปลกใจว่าเกษณีย์เป็นอะไร ทำไมทำท่าทางแปลก
อ่านต่อหน้า 3
เกมพยาบาท ตอนที่ 9 (ต่อ)
ฉัตรชนกเดินมาขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ฉัตรชนกรับสาย
" มีอะไรครับคุณจิ"
จิดาภานั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงาน
"วันนี้คุณฉัตรไม่เข้าออฟฟิศเหรอคะ"
"จริงสิผมมัวแต่ยุ่งๆ เลยลืมบอกคุณไปเลย วันนี้ผมจะไปตามชบาที่เกาะของนายอัคคี คงไม่ได้เข้าออฟฟิศ"
จิดาภาตกใจมากที่ฉัตรชนกรู้แล้วว่าอัคคีอยู่ที่ไหน
"แค่นี้ก่อนนะครับคุณจิ ผมต้องรีบไป"
จิดารีบเรียกฉัตรชนกไว้
"เดี๋ยวค่ะคุณฉัน ฉันมีเอกสารด่วน...ด่วนมากๆ ที่จะให้คุณเซ็น คุณฉัตรแวะมาที่ออฟฟิศแป๊บนึงก่อนได้มั้ยคะ"
ฉัตรชนกชั่งใจนิดหนึ่งก่อนตอบตกลง
" ได้ครับ"
ฉัตรชนกกดวางสายแล้วขึ้นรถขับออกไป
จิดาภาวางสายจากฉัตรชนก แล้วรีบโทรหาอดุลย์ต่อทันที
" เกิดเรื่องแล้วค่ะคุณอดลุย์ คุณฉัตรกำลังจะไปที่เกาะของอัคคี นี่ฉันก็ถ่วงเวลาให้เค้าเข้ามาที่ออฟฟิศก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะถ่วงเวลาเค้าได้นานแค่ไหน เราจะทำยังไงกันดีคะ ถ้าคุณฉัตรกับอัคคีเจอกัน ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ"
"ตอนนี้ผมกลับมาเคลียร์งานที่เชียงใหม่ พรุ่งนี้เช้าผมถึงจะไปที่เกาะได้ คุณจิช่วยถ่วงเวลาคุณฉัตรชนกไว้คืนนึงก่อนได้มั้ยครับ"
" ฉันจะลองดูค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหนนะคะ"
จิดาภากดวางสาย สีหน้ากังวลใจ
อัคคีกำลังเดินมาที่หน้าห้องพักของฉัตรชบา โทรศัพท์มือถือดังขึ้น หน้าจอเป็นชื่อของจิดาภาที่โทร.เข้ามา เขากดตัดสายทิ้ง ยังไม่พร้อมจะคุยกับจิดาภาตอนนี้ เพราะรู้สึกผิดต่อฉัตรชบา
เขากดปิดเครื่องไปเลย พร้อมๆกับเปิดประตูห้องพักคนไข้เข้าไปหาฉัตรชบา
ในห้องพักคนไข้ พยาบาลปรับสายน้ำเกลือให้ฉัตรชบาอยู่ อัคคีเดินเข้ามา
อัคคีถามพยาบาล
"เมียผมเป็นยังไงบ้างครับ"
"ปลอดภัยดีค่ะ แค่เสียเลือดมากเลยหมดสติไป แต่ทางเราได้ให้เลือดทดแทนไปแล้ว รอคนไข้ฟื้น แล้วรอให้น้ำเกลือหมดขวด ก็กลับบ้านได้ค่ะ"
อัคคีพยักหน้ารับทราบ พยาบาลเดินออกไป
อัคคีจัดผ้าห่มของฉัตรชบาให้เข้าที่เข้าทาง แววตาเขาดูอ่อนโยน เหมือนตอนที่ดูแลวรรณิศา
ภายในบริษัท ฉัตรชนกก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารที่จิดาภาเตรียมไว้ให้เกือบสิบแฟ้มอย่างรีบร้อน
ฉัตรชนกเซ็นเสร็จเอกสารแฟ้มสุดท้ายเสร็จก็เอาแฟ้มสุดท้ายนั้นไปวางซ้อนกับแฟ้มที่เซ็นไปแล้วก่อนหน้านี้เกือบสิบแฟ้ม
ฉัตรชนกลุกขึ้น จะเดินออกไป
"ผมไปนะครับ"
จิดาภารีบเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อนค่ะ"
"ยังมีเอกสารอะไรที่ผมยังไม่ได้เซ็นอีกเหรอ"
จิดาภาอึกอัก
"เอ่อ...ไม่มีค่ะ"
"ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ ผมรีบ"
ฉัตรชนกรีบร้อนเดินออกไป ชายเสื้อฉัตรชนกเปิดออก ทำให้จิดาภาเห็นว่าฉัตรชนกพกปืนไปด้วย จิดาภานึกเป็นห่วงอัคคี รีบวิ่งตามฉัตรชนกไป
"ฉันไปด้วยนะคะ"
ฉัตรชนกทำหน้าแปลกใจประมาณว่าจิดาภาจะไปทำไม
จิดาภาอ้างไป
"ให้ฉันนั่งคุยเป็นเพื่อนระหว่างทาง จะได้ไม่ง่วงไงคะ"
"อย่าเลยครับ ผมไปเจอนายอัคคี ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง"
จิดาภาคิดหาข้ออ้าง
"ไปถึงแล้วให้ฉันรออยู่ที่ท่าเรือก็ได้ค่ะ แล้วคุณฉัตรก็เข้าไปที่เกาะคนเดียว ฉันเป็นห่วง ไม่อยากให้คุณขับรถทางไกลคนเดียว"
ฉัตรชนกยิ้มบางๆ รู้สึกดีที่จิดาภาเป็นห่วง ในขณะที่จิดาภาไม่ได้คิดอะไร แค่อ้างไปอย่างนั้นเอง
"มีเพื่อนคุยระหว่างทางก็ดีเหมือนกันนะครับ"
จิดาภายิ้มดีใจที่ฉัตรชนกยอมให้ไปด้วย
ฉัตรชบาที่นอนหลับอยู่ที่เตียงคนไข้ ลืมตาขึ้นมา มองไปรอบๆ ห้อง เห็นว่าเป็นห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาล
ฉัตรชบาทำหน้าเพลียๆ แล้วยกแขนขึ้นมาดูแผล เห็นว่ามีผ้าพันแผลพันอยู่เรียบร้อย เธอทำหน้าประมาณว่า ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตายไปเลย ฉัตรชบาดึงสายน้ำเกลือออกจากหลังมือ แล้วเดินไปที่ประตูห้อง
พยาบาลเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
"ฉันอยากโทร.ไปบอกให้คนที่บ้านมารับค่ะ ขอฉันใช้โทรศัพท์หน่อยได้มั้ยคะ"
อัคคีเดินเข้ามา
พยาบาลมองอัคคีแล้วยิ้มๆ
"คงไม่ต้องโทร.แล้วมั้งคะ สามีคุณมาแล้ว"
ฉัตรชบาตอบเสียงแข็ง
"เค้าไม่ใช่สามีฉัน"
อัคคีแกล้งโอบไหล่ฉัตรชบาแบบรักมากเพื่อตบตาพยาบาล
อัคคีบอกพยาบาล
"เดี๋ยวผมดูแลเมียผมเองครับ ถ้ามีอะไรแล้วผมจะเรียก"
"ค่ะ"
พยาบาลเดินออกไป
อัคคีเข้ามาประคองฉัตรชบา จะพากลับไปที่เตียง ฉัตรชบาสะบัดตัวออก
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
อัคคีไม่สนใจ บังคับประคองฉัตรชบามาที่เตียง จับตัวกดให้นอนลงที่เตียงแล้วเอาสองแขนคร่อมร่างฉัตรชบาไว้ไม่ให้หนีไปไหน
"นายแก้แค้นจนสาแก่ใจแล้วทำไมยังไม่ปล่อยฉันไปอีก" เธอผลักอกอัคคีออก "ปล่อยฉัน ฉันจะกลับบ้าน"
อัคคีจับข้อมือสองข้างของฉัตรชบาล็อกไว้ บีบโดนแผลพอดี ฉัตรชบาทำหน้าเจ็บๆ แต่อดทนไม่ร้อง
"มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก"
"ฉันชดใช้ทุกอย่างแทนพี่ฉัตรหมดแล้ว นายยังจะต้องการอะไรอีก" ฉัตรชบาจ้องตาอัคคีแววตาแข็งกร้าว ท้าทาย "เหลือแต่ชีวิตฉัน นายต้องการด้วยมั้ย"
อัคคีจ้องตาฉัตรชบานิ่ง
ฉัตรชบาตะเบ็งเสียงใส่
"พูดออกมาสิ! ว่านายต้องการชีวิตฉันด้วยมั้ย! ถ้านายต้องการ ฉันก็จะตายให้นายดูเดี๋ยวนี้แหละ"
ฉัตรชบาสะบัดตัวออกจากอัคคีแล้ววิ่งไปที่ระเบียงห้อง เพื่อจะกระโดดลงไป อัคคีตามไปจับตัวฉัตรชบาล็อคไว้ ตะคอกใส่
"ผมไม่ให้คุณตายง่ายๆ หรอก ความตายมันสบายเกินไป คุณกับพี่ชายคุณต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิต!"
อัคคีลากตัวฉัตรชบากลับมาที่เตียงแล้วกดตัวให้นอนลง ฉัตรชบาดิ้นไปมาจนแผลมีเลือดซึมออกมา
ฉัตรชบาเจ็บแผล หยุดดิ้น
อัคคีมองที่แผลของฉัตรชบาแล้วปล่อยมือ เดินไปหยิบชุดของฉัตรชบาในตู้เสื้อผ้ามาโยนใส่หน้าเธอ
"ถ้าอยากกลับบ้านมากนักก็เปลี่ยนชุดซะ"
ฉัตรชบากำเสื้อผ้าไว้ในมือแน่น พร้อมจ้องหน้าอัคคีตาแข็ง อารมณ์อัดอั้นตันใจมากที่ถูกอัคคีกดขี่ข่มเหงแบบนี้
"นายจะยอมปล่อยฉันกลับบ้านแล้วใช่มั้ย"
"ไม่ต้องพูดมาก บอกให้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็รีบไปเปลี่ยน หรือจะให้ผมเปลี่ยนให้"
อัคคีเดินเข้าหาฉัตรชบา จะถอดเสื้อให้ ฉัตรชบาปัดมืออัคคีออก
"ถอยไป ฉันเปลี่ยนเองได้"
"คุณจะอายอะไร เมื่อคืนนี้ผมเห็นหมดแล้ว"
ฉัตรชบามองอัคคีตาเขียว แล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ
ต่อมา ฉัตรชนกขับรถเข้ามาจอดที่หน้าร้านกาแฟในปั๊มน้ำมัน แถวๆ ถนนเส้นออกต่างจังหวัด
ทั้งคู่ลงจากรถ
"เดี๋ยวฉันไปซื้อกาแฟให้นะคะ"
"ผมขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ"
"ค่ะ"
ฉัตรชนกเดินไปทางห้องน้ำ
จิดาภามองตาม เห็นว่าฉัตรชนกเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ก็หยิบตะปูเรือใบ 2 อันออกมาจากกระเป๋า แล้วเอาไปวางดักไว้ที่ล้อรถด้านหลังทั้งสองล้อ เสร็จแล้วจิดาภาก็รีบวิ่งเข้าไปซื้อกาแฟ
ผ่านเวลาเล็กน้อย จิดาภาถือกาแฟสองแก้วกลับมาที่รถ พร้อมกับที่ฉัตรชนกเดินกลับมาถึงรถพอดี
ฉัตรชนกกับจิดาภาขึ้นรถ ฉัตรชนกถอยรถ ทับตะปูเรือใบที่จิดาภาแอบวางไว้พอดี
ภายในรถ จิดาภาทำหน้าลุ้นๆ ว่าแผนการถ่วงเวลาของตนจะสำเร็จหรือไม่
"คุณจิเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำหน้าแปลกๆ"
"เปล่าค่ะ" จิดาภาส่งแก้วกาแฟให้ "กาแฟค่ะ"
ฉัตรชนกรับแก้วกาแฟไปดื่ม แล้ววางไว้ตรงที่วางแก้ว
จิดาภาลอบมองหน้าฉัตรชนกแล้วนึกขอโทษอยู่ในใจที่ต้องทำแบบนี้
ฉัตรชนกเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วเกินร้อย ขับแซงไม่ยั้ง ใจร้อนอยากไปช่วยฉัตรชบาเร็วๆ
อ่านต่อหน้า 4
เกมพยาบาท ตอนที่ 9 (ต่อ)
ฉัตรชนกขับรถมาตามทางเรื่อยๆ แล้วรถก็ส่ายๆ เขาจอดรถเข้าข้างทาง จิดาภารู้ว่าเกิดอะไร แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
"รถเป็นอะไรคะ"
"ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ผมขอลงไปดูก่อน"
ฉัตรชนกลงจากรถ จิดาภาตามไป
เขาเดินสำรวจล้อหน้า เห็นว่าปกติ มองไปที่ล้อหลังฝั่งคนขับ เห็นว่ารถยางแบน
"รถยางรั่วครับ"
จิดาภาที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรถก็ทำทีเป็นมองไปที่รถหลัง
"ข้างนี้ก็รั่วเหมือนกันค่ะ"
ฉัตรชนกเดินไปดูใกล้ๆ เห็นว่าล้อหลังทั้งสองข้างยางแบนแต๋ดแต๋
ฉัตรชนกตบท้ายรถระบายอารมณ์ ยิ่งรีบยิ่งมีอุปสรรค
"คนยิ่งรีบๆ อยู่"
"นี่ก็จะค่ำแล้วด้วย ฉันว่าเราอาจจะต้องหาที่พักแถวนี้ซักคืน รอซ่อมรถเสร็จ พรุ่งนี้ค่อยเดินทางกันต่อ"
ฉัตรชนกหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากไปให้เกาะเร็วๆ
จิดาภาเห็นใจฉัตรชนก แต่ก็จำเป็นต้องทำแบบนี้
คืนนั้น แม้นมาศ เข็มและข้าวปุ้นนั่งรออัคคีกับฉัตรชบาอยู่หน้ากระท่อมด้วยความเป็นห่วง
" ป่านนี้แล้วทำไมนายยังไม่กลับมาอีก แล้วนายหญิงจะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้"
เข็มกับข้าวปุ้นก็เป็นห่วงฉัตรชบาพอๆ กับแม้นมาศ
อัคคีลากแขนฉัตรชบากลับเข้ามา เขาหิ้วถุงยาจากโรงพยาบาลมาด้วย
"ไหนบอกว่าจะปล่อยฉันกลับบ้านแล้วไง ทำไมยังพาฉันมาที่นี่อีก"
"ก็ที่นี่ไงบ้านของเรา หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเรือนหอก็ได้"
อัคคีแกล้งยิ้มยั่วพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ หน้า
ฉัตรชบาใช้มือดันหน้าอัคคีออกไปห่างๆ จนอัคคีหน้าหงาย
เข็มหันมาเห็น
"นายกลับมาโน่นแล้ว"
เข็ม แม้นมาศและข้าวปุ้นรีบวิ่งไปหาอัคคีกับฉัตรชบา
"นายหญิงเป็นยังไงบ้างจ๊ะ"
ฉัตรชบาตอบประชดอัคคี
"ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก"
แม้นมาศกับเข็มมองหน้าเลิ่กลั่ก
ฉัตรชบาพูดกับข้าวปุ้น น้ำเสียงเอ็นดู
"ทำไมยังไม่นอนอีกข้าวปุ้น ดึกแล้วนะ"
"ข้าวปุ้นเป็นห่วงพี่ชบาครับ ป้าบอกพี่ชบาเป็นแผลเลือดไหลไม่หยุดเลย พี่ชบาเจ็บมากมั้ยครับ" ข้าวปุ้นหาว ง่วงนอน
ฉัตรชบาตอบประชด พร้อมหางตามองอัคคี
"เจ็บแค่นี้พี่ทนได้จ้ะ"
อัคคีบอกเข็มกับแม้นมาศ
"พาข้าวปุ้นไปนอนไป ดึกแล้ว"
"จ้ะนาย ฉันเห็นนายหญิงปลอดภัยกลับบมาฉันก็สบายใจแล้วล่ะจ้ะ ... ไปข้าวปุ้น"
แม้นมาศจูงข้าวปุ้นกลับไปทางบ้านพัก เข็มตามไป
อัคคีจะเดินเข้ากระท่อม ฉัตรชบายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่อยากเข้าไป อัคคีหันมาดึงตัวฉัตรชบาให้เข้าไปด้วยกัน
ภายในห้อง ฉัตรชบาใช้มือข้างเดียวปูเสื่อนอนแบบไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก อัคคีเข้ามาดึงมือฉัตรชบาให้หยุดทำ
"ไม่ต้องทำแล้ว"
"ถ้าไม่ทำแล้วฉันจะนอนยังไง"
อัคคีดึงตัวฉัตรชบาไปนั่งที่เตียง
"มานอนนี่"
ฉัตรชบาจะลุกหนี
"ไม่! ฉันจะไปนอนที่ของฉัน"
อัคคีกดไหล่ฉัตรชบาให้นั่งลงกับเตียง มองตา
"อย่าดื้อ"
ฉัตรชบาสงบลงนิดหนึ่ง
อัคคีใช้หลังมือแตะหน้าผากฉัตรชบา
"ตัวรุมๆ เหมือนจะมีไข้"
อัคคีหันไปหยิบยาในถุงที่วางอยู่หัวเตียงมาส่งให้ฉัตรชบา
"กินยาแก้อักเสบกับยาแก้ไข้ซะหน่อย"
ฉัตรชบาแบมือรับยาไป อัคคีหันไปรินน้ำใส่แก้วส่งให้ หลังเธอกินยาเสร็จเรียบร้อย เขาดึงแก้วไปวางเก็บให้
"นอนซะ"
ฉัตรชบานั่งนิ่งไม่ยอมนอน อัคคีจับตัวบังคับให้นอน ดึงผ้าห่มมาห่มให้ด้วยความอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง ฉัตรชบามองหน้านิ่งๆ สับสนกับท่าทีของอัคคีที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
"หลับตา"
ฉัตรชบาพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้อัคคี
อัคคียืนมองฉัตรชบาด้วยความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ
ชายหาดตอนกลางคืน บรรยากาศเงียบสลัด
คนร้ายสองคนลักลอบเข้ามาในเกาะ ทั้งคู่หิ้วถังน้ำมันมากันคนละถัง
คนร้าย1 บอก "แยกกันไป เสร็จแล้วกลับมาเจอกันที่เรือ"
คนร้าย2 พยักหน้ารับ ทั้งคู่แยกกันไปคนละทาง โดยคนร้าย1 ไปทางบ้านพักคนงานท้ายเกาะ คนร้าย2 ไปทางกระท่อมที่พักของอัคคี
อัคคีเดินออกมานั่งคิดทบทวนเรื่องที่ทำกับฉัตรชบา รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ
คนร้าย1 ลอบเข้ามาสาดน้ำมันไปทั่วบ้านพักคนงาน แล้วโยนถังน้ำมันเข้าไปในพงหญ้าใกล้ๆ บ้านพัก หยิบไฟแช็คออกมาจุดไฟเผาบ้านพัก ไฟลุกพรึ่บ คนร้าย1 รีบหลบออกไป
คนร้าย 2 สาดน้ำมันใส่กระท่อมที่พักของอัคคีเสร็จก็โยนถังน้ำมันทิ้ง แล้วจุดไฟเผากระท่อม
คนร้าย2 ยืนมองไฟอยู่พักหนึ่ง เห็นว่าไฟลามไปเยอะแล้วก็รีบหลบออกไปเงียบๆ
ฉัตรชบานอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา ไฟลามเข้ามาใกล้ พร้อมกับมีควันไฟลอยเข้ามา ฉัตรชบาก็ไม่รู้สึกตัว
เข็มอุ้มข้าวปุ้นวิ่งนำหน้าแม้นมาศออกมาจากบ้านพักที่กำลังถูกไฟไหม้
"อยู่ดีๆ ไฟไหม้ได้ยังไง รีบดับไฟเร็วตาเข็ม"
แม้นมาศวิ่งไปตักน้ำมาดับไฟ
เข็มวางข้าวปุ้นลง
"อยู่ตรงนี้นะ อย่าเข้าไป"
เข็มรีบไปช่วยแม้นมาศดับไฟ แต่ไฟก็ลุกไหม้อย่างเร็วและรุนแรง
ข้าวปุ้นมองไปทางบ้านพักของอัคคี ก็เห็นว่ามีแสงไฟ เหมือนไฟไหม้เหมือนกัน
"ลุง ป้า บ้านนายอัคคีก็ไฟไหม้เหมือนกัน"
เข็มกับแม้นมาศหันไปมองทางบ้านพักอัคคี ทั้งคู่ต่างมีสีหน้าตกใจมาก
เข็ม แม้นมาศและข้าวปุ้นวิ่งมาที่หน้ากระท่อมของอัคคี เห็นไฟไหม้เกือบทั้งหลัง แต่ไม่เห็นอัคคีกับฉัตรชบา
เข็มตะโกนเรียก
"นายครับ นาย"
แม้นมาศยืนมองกระท่อมของอัคคีถูกไฟไหม้ พร้อมมีสีหน้าเป็นห่วงอัคคีกับฉัตรชบามาก ในขณะที่มือก็จับข้าวปุ้นไว้ด้วย
แม้นมาศตะโกนเรียก
"นายอัคคี นายหญิง อยู่ในนั้นกันหรือเปล่าจ้ะ"
ข้าวปุ้นตะโกนเรียก
"พี่ชบา พี่ชบา"
ข้าวปุ้นตะโกนเรียกฉัตรชบาด้วยความเป็นห่วง
เข็มกับแม้นมาศวิ่งวุ่นหาน้ำมาดับไฟ
ฉัตรชบาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เห็นเปลวไฟล้อมรอบตัวอยู่ก็ตกใจกลัว ครั้นจะวิ่งฝ่าเปลวไฟออกไป แต่สู้ไม่ไหว ต้องถอยหลังกลับ เธอตกอยู่ในกองไฟ สีหน้าหวาดกลัวมาก ทั้งร้อน ทั้งสำลักควันไฟ ทำท่าจะหมดสติ
เข็มกับแม้นมาศช่วยกันดับไฟจ้าละหวั่น ข้าวปุ้นยืนดูอยู่ห่างๆ อัคคีวิ่งหน้าตั้งเข้ามา เข็มหันมาเห็น
"ผมคิดว่านายติดอยู่ข้างในซะอีก"
"ฉัตรชบาล่ะ"
"ไม่เห็นเลยครับนาย หรือว่าจะติดอยู่ข้างในครับ"
อัคคีเป็นห่วงฉัตรชบา รีบวิ่งฝ่าเปลวไฟเข้าในในกระท่อมอย่างไม่คิดชีวิต
อัคคีวิ่งเข้ามาในกระท่อม เป็นจังหวะที่ฉัตรชบายืนโงนเงนกำลังจะหมดสติพอดี เธอกำลังจะล้มลง อัคคีพุ่งตัวเข้ามาประคองรับไว้ได้ทันพอดี อุ้มฝ่าเปลวไฟออกไปอย่างยากลำบาก
ฉัตรชบามองหน้าอัคคี รู้สึกดีใจและอุ่นใจที่อัคคีมาช่วย ฉัตรชบาหมดสติ ซบหน้ากับอกของอัคคี
เข็ม แม้นมาศ และข้าวปุ้น ยืนรอลุ้นๆ อยู่กระท่อม อัคคีอุ้มฉัตรชบาออกมา เข็ม แม้นมาศ และข้าวปุ้นโล่งอกที่อัคคีกับฉัตรชบาออกมาอย่างปลอดภัย
เช้าวันใหม่
อัคคีเดินสำรวจไปรอบๆ กระท่อมที่ถูกไฟไหม้จนไม่เหลืออะไร
อัคคีเห็นถังน้ำมันถูกโยนทิ้งไว้ใกล้ๆ พงหญ้ากับกระท่อม หยิบขึ้นมาดู สีหน้าแปลกใจว่ามาได้ยังไง
เข็มหิ้วถังน้ำมันแบบเดียวกันเข้ามาหาอัคคี
"นายครับ ผมเจอถังน้ำมันนี่ถูกโยนทิ้งไว้แถวพงหญ้าใกล้ๆ กับบ้านพักครับ"
"ฉันว่าเราถูกลอบวางเพลิงแล้วล่ะ"
"พวกมันเป็นใคร อยู่ๆ จะมาเผาบ้านพักพวกเราทำไม"
อัคคีคิดนิดหนึ่ง
"คงเป็นพวกลักลอบตัดไม้ พวกมันคงคิดจะเผาไล่ให้พวกเราออกจากเกาะไปก่อน แล้วค่อยแอบเข้ามาตัดไม้ แกจำต้นไม้ที่พวกมันแอบมาทำสัญลักษณ์เอาไว้ได้ใช่มั้ย"
"จำได้ครับ"
เข็ม สีหน้าย้อนคิด
เข็มเดินเข้ามาสำรวจป่า เห็นต้นไม้มีรอยบากเป็นรูป เข็มมองอย่างสงสัยแล้วเปลี่ยนเป็นเครียด ตัด
เข็มรายงานอัคคีสีหน้าเครียด
"ผมเข้าไปสำรวจป่าท้ายเกาะมา เห็นต้นไม้มีรอยบากอยู่หลายต้น คิดว่าน่าจะมีคนลักลอบเข้ามาที่เกาะนะครับนาย"
"มันคงจะทำสัญลักษณ์เอาไว้ แล้วค่อยแอบเข้ามาตัดไม้ทีหลัง"
เข็มถามอัคคี
"นายจะรับมือกับพวกมันยังไง"
อัคคีคิดนิดหนึ่ง
"แกพาแม้นมาศกับข้าวปุ้นกลับเข้าไปอยู่ในเมืองก่อน บ้านพักที่นี่ไหม้หมด อยู่กันไม่ได้แล้ว ฉันจะอยู่รอพวกมันที่นี่เอง"
"แล้วนายหญิงล่ะครับ จะให้ผมพาออกไปจากเกาะด้วยหรือเปล่า"
อัคคีชะงักไปนิดหนึ่ง สีหน้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับฉัตรชบาต่อไปดี
อ่านต่อตอนที่ 10