กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 15
หลังเสียงวิจารณ์ซาลง เซี่ยวเลี่ยงหันมาทางหลินจื่อเหลียง
“รองประธาน ดูผลงานหมายเลขเจ็ดหรือยัง ผมรู้สึกไม่ประทับใจเลย”
“ประธานเซี่ยว หัวข้อของงานชิ้นนี้คือ ดาว” จื่อเหลียงบอกจงใจเน้นคำว่า ดาว
เซี่ยวเลี่ยงขัดใจถามออกไปว่า “ใครออกแบบ”
จื่อเหลียงแปลกใจมากทำไมเขาไม่รู้เรื่องนี้
ที่แผนกออกแบบ สาวๆ รุมล้อมอวยซือหยวนกันยกใหญ่ว่าผลงานต้องชนะเลิศ ได้เป็นหัวหน้าทีมออกแบบเป็นแน่
“เดี๋ยวก็ประกาศผลแล้วพี่ซือหยวน” หญิงชุดเขียวบอกอย่างตื่นเต้น
“ใช่ๆ เป็นพี่อีกแน่” ยิวยิวบอก
“ใช่ เพราะผลงานของเรา แค่เด็กอนุบาล เอาใส่ตู้โชว์ไม่ได้” หนานหนานว่า
“ยินดีด้วยค่ะ” อีกคนอวย
ซือหยวนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนเห็นจื่อเหลียงเดินเข้ามา อดใจไม่ไหวรีบถาม
“ท่านรอง หัวหน้าฝ่ายออกแบบ…”
จื่อเหลียงไม่ตอบหันไปมองเหม่ยลี่ที่เดินเข้ามาจากอีกทาง
“บริษัทเลือกแล้ว ผลงานหลักของปีนี้”
ซือหยวนยิ้มกริ่ม มั่นใจเต็มที่ แต่แล้วจื่อเหลียงก็ดับฝันนั้น หันมาทางเหม่ยลี่
“เป็นของมี่โตะ ดาว ยินดีด้วยที่ได้รับเลือก ผมมองคุณไม่ผิดเลย”
เหม่ยลี่อึ้งคาดไม่ถึง ซือหยวนแทบช็อก คนอื่นๆ ตะลึงทั้งแถบ จื่อเหลียงหันไปทางทุกคนประกาศก้อง
“คืนนี้ ผมจะจัดงานฉลอง ต้องเข้าร่วมทุกคน”
ซือหยวนทิ้งตัวลงนั่งอย่างผิดหวังสุดขีด เหลียวมามองเหม่ยลี่อย่างเคียดแค้นชิงชัง
เซี่ยวเลี่ยงเดินดุ่ยๆ เข้ามาจับแขนเหม่ยลี่พาไป “มากับผม”
เหม่ยลี่บอกอย่างสุภาพ “นี่เป็นเวลางานนะคะ”
เซี่ยวเลี่ยงไม่สนลากแขนเหม่ยลี่ออกไปเลย
จื่อเหลียงตะโกนตามหลังไปอย่างสาแก่ใจ
“เชิญประธานเซี่ยวเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย”
เซี่ยวเลี่ยงลากเหม่ยลี่ขึ้นมายังดาดฟ้า เหวี่ยงร่างเธอให้หันหน้ามาหา ถามอย่างไม่พอใจ
“พอได้หรือยัง”
“ทำไมถามอย่างงั้น อ้อ รองหลินบอกว่าคุณเลือกผลงานฉัน”
“อยู่ที่ไหนความฝันก็เป็นจริงได้ ทำไมต้องเป็นที่นี่”
“เพราะมีคุณไง ฉันไม่อยากให้ใครๆ คิดว่าฉันพึ่งพาคุณ ฉันก็อยากมีสิทธิ์รักคุณ เมื่อฉันได้เป็นนักออกแบบฉันจะอยู่เคียงข้างคุณ”
เหม่ยลี่ยิ้มหน้าเป็น มองจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นแน่จึงเดินมาคล้องแขน เอนหัวซบไหล่เขา
“เป็นผู้หญิง ที่เหมาะสมกับคุณไง”
เซี่ยวเลี่ยงดันออก เหม่ยลี่ตกใจกับท่าทีของเขา “มันไม่เหมาะหรอก ผมเปิดเฟอรารีคุณก็จะเปิดเหรอ ที่ผมแคร์คือ คุณแคร์ผมหรือเปล่า คุณจะทิ้งผมเพราะสิ่งอื่นมั้ยต่างหากล่ะ”
“ฉันไม่เคยคิดจะทิ้งคุณเลยนะ หลายวันก่อน ฉันยังกลัวคุณไม่สนใจฉันเลย”
เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาใกล้ๆ ถามคาดคั้น “ผมถามอีกครั้ง คุณจะเลือกผมหรืองาน”
เหม่ยลี่ตกใจ ต่อรอง “จบงานนี้ก่อนได้มั้ย”
“ผมแค่อยากรู้คำตอบ”
“ฉัน อยากอยู่เทซีโร่”
เซี่ยวเลี่ยงขัดใจมาก “ในที่สุดคุณก็ทิ้งผม”
เหม่ยลี่อึกอัก “ไม่ใช่ฉันไม่แคร์คุณ ฉันแค่ เอ่อ...”
“ต่อไป ผมจะไม่ยุ่ง จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน โชคดี”
เซี่ยวเลี่ยงตัดบทแล้วเดินหนีออกไปเลย ปล่อยให้เหม่ยลี่ยืนงง น้ำตารื้นคาดว่าอีกไม่นานคงร้องไห้ออกมา
เซี่ยวเลี่ยงกลับขึ้นห้องทำงาน หยิบงานออกแบบของเหม่ยลี่ที่เคยนำมาให้เขาดูครั้งก่อน พลิกดูทีละหน้า เจอภาพสเกตช์ใบหน้าของตัวเอง ทำให้นึกถึงคำพูดของมี่โตะ ตอนเมาปลิ้นไม่ได้สติจนเขาต้องพาไปนอนพักบนห้อง
“เฮ้ย มีตาของเซี่ยวเลี่ยง จมูกของเซี่ยวเลี่ยง”
และนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ “อยู่ที่ไหนความฝันก็เป็นจริงได้ ทำไมต้องเป็นที่นี่”
เหม่ยลี่สวนออกมาว่า “เพราะมีคุณไง”
“ผมถามอีกครั้ง คุณจะเลือกผมหรืองาน”
เหม่ยลี่ต่อรองว่า “จบงานนี้ก่อนได้มั้ย”
“ในที่สุดคุณก็ทิ้งผม”
คิดเรื่องนี้แล้วเซี่ยวเลี่ยงได้แต่ยุ่งยากวุ่นวายใจ ถอนใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
ที่แผนกออกแบบเม้าท์แตกเรื่องมี่โตะ ยิวยิว กระแทกแก้วกาแฟลงบนโต๊ะหน้าแพนทรี เปิดประเด็นขึ้น
“เฮอะ อยากสวยมั่งจัง ไม่สะทกสะท้าน ดึงดูดเจ้านาย เพียงแค่ชั่วข้ามคืนคราวนี้ หางโผล่แล้ว”
สาวชุดดำบอกว่า “คุณเซี่ยวเป็นแฟนเก่าของเกาเหวิน มี่โตะกับเกาเหวินเป็นเพื่อนกัน แบบนี้เรียกว่า...มีเป้าหมายหรือเปล่า”
หนานหนานเห็นด้วยเดินมาทางซือหยวนที่นั่งหน้าตึงอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“ฉันว่าแล้ว คนไม่รู้ประสีประสามีสิทธิ์อะไรมาเขี่ยผลงานเราทิ้ง โดยเฉพาะของพี่ซือหยวนพี่เจ๋งจะตาย ครั้งนี้น่าเสียดายจริงๆ”
ชะนีผมหยิกยาวข้างๆ หนานหนาน พูดเอาใจซือหยวน
“ใช่แล้วพี่ คนแบบนั้นถึงจะรุ่งโรจน์ก็แค่ชั่วคราว เราอยู่ข้างพี่นะ”
“ใช่ เราอยู่ข้างพี่” หนานหนาน
“ขอบคุณพวกเธอมาก แต่เราไม่มีแบ็ค ตั้งใจทำงานดีกว่า” ซือหยวนยิ้มบอกทุกคนพลางยกชาขึ้นมาจิบนัยน์ตาเคืองขุ่น
ด้านอี้หมิงสวมชุดกันเปื้อนสีชมพูหวานแหววทับกับชุดลำลองเตรียมทำครัว เดินอ้อยอิ่งมาที่ข้างบันไดฝั่งแพนทรีคุยกับตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเหม่ยลี่ที่นั่งไขว่ห้างวางแหมะอยู่กับบันไดทางขึ้นชั้นลอย รำพึงรำพันความในใจเป็นคุ้งเป็นแคว
“เฮ้อ...ฉันรู้ ว่าแกอยู่เคียงข้างฉันมาโดยตลอด และรับฟัง ความในใจของฉัน แต่ว่า เฮ้อ...เจ้าหมี วันนี้ยัยอ้วนจะถูกไล่ออกแล้ว พอเขากลับมา คงหดหู่มากเมื่อเขาหดหู่ ต้องเอาแกไปกอดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่ต้องเกรงใจ ไม่ว่ายังไงมีแกไม่มีฉัน มีฉันไม่มีแก เพื่อจะให้ยัยอ้วนมาหาฉัน น้องชาย เอ่อๆ ไม่สิ น้องสาว ขอโทษด้วยนะ แต่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันจะให้แกเล่นข้างนอก ก่อนยัยอ้วนจะกลับมา ฉันค่อยเอาแกไปขัง นะ หึ”
หมอเหลยเดินไปหยิบน้ำจากเคาน์เตอร์มาวางข้างน้องสาวหมี “เอ่อ เอ่อ เอางี้มั้ย ถ้าแกว่างมาก ก็ดื่มน้ำไปก่อน เล่นไปก่อนนะ มา เอาล่ะ แกนั่งดีๆ ล่ะ ฉันจะไปทำอาหาร”
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อี้หมิงเดินไปดูเห็นชื่อเกาเหวินโทร.มา ก็หันมาบ่นกับตุ๊กตาหมี ก่อนจะรับสาย
“เป็นเขาอีกแล้ว โทรศัพท์ เดี๋ยวนะ มีไรอีก”
เกาเหวินโทร.มาจากบ้านเคี้ยวขนมหยับๆ คุยสายไป “อื้อ คุณไม่ไปทำงานเหรอ มาบ้านฉันเร็ว”
อี้หมิงทำเป็นยุ่งคุยสายกับทางโรงพยาบาลแล้วตัดสายทิ้งไปเลย
“เอ่อ อะไรนะ เตียงหกจะคลอดแล้วใช่มั้ย ได้ๆ จะไปเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ผมไม่ว่างคุยกับคุณ บ๊ายบาย”
“เดี๋ยวสิเหลย...ฮัลโหล บ้ารึไง”
เกาเหวินหงุดหงิดที่อี้หมิงตัดสายทิ้ง กดดูคลิปที่มีคนถ่ายตอนเธอดราม่าชุดใหญ่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปอัพโหลดลงใน เหว่ยป๋อ
“ฉันคือเกาเหวินแล้วจะทำไม”
“เฮ้อ ทำไมต้องแอบถ่ายตอนที่ฉันอารมณ์เสียด้วย โอ๊ย น่าเกลียดชะมัด”
อี้หมิงวางมือถือลง แล้วหันมาจ๊ะจ๋ากะนางสาวหมีต่อ “เอ่อ ไม่ต้องกลัว ไม่ผ่าตัดแกหรอก เฮอะ ดื่มน้ำเถอะ นะ”
มีเสียงกดออดที่หน้าบ้านเกาเหวินหันไปมอง นึกว่าเป็นอี้หมิง
“ไหนบอกไม่มา ประสาทจริงๆ เลย เหลยอี้หมิง เหลยเหลย”
พอเปิดออกแล้วต้องชะงักเพราะไม่ใช่หมอเหลย “หือ เอ๊ะ”
“สวัสดีครับผมมาจากคาดิลแล มอเตอร์โชว์ ชื่อ หวังเคอ” ชายวัยราว 50 คนนั้นแนะนำตัวพลางยื่นนามบัตรให้
เกาเหวินรีบเอาผมปิดหน้า รับมางงๆ “อ้อ”
“ผมจะมาคุยเรื่องร่วมมือกับคุณ ไม่รู้ว่าคุณเกา”
“เอ่อเดี๋ยว คุณเหวินมีคนมาหาคะ” เกาเหวินทำเป็นตะโกนไปถามแล้วรีบหันมาบอกหวังเคอ “เดี๋ยวฉันไปเรียกเขาให้นะคะ”
เกาเหวินปิดประตูแล้ววิ่งร้อยเมตรกลับไปแต่งตัว “แย่แล้ว เอาไง ๆ ๆ”
ไม่นานนางก็สลัดคราบอีแจ๋วทิ้ง ออกมายิ้มหวานให้หวังเคอในมาดซุปตาร์คนเคยดัง
“สวัสดีค่ะ”
“คุณเกาใช่มั้ยครับ”
“อ้อ เชิญค่ะ คุณชื่อคุณหวังใช่มั้ยคะ”
เกาเหวินเชื้อเชิญหวังเคอเข้าบ้าน เดินนำมาทางห้องรับแขก
“ใช่ครับ”
“แม่บ้านบอกว่าคุณมาคุยเรื่องร่วมมือกับฉัน”
“ครับ”
“ฮ้า ช่วงนี้ฉันพักร้อนอยู่ ดังนั้นผู้จัดการกับผู้ช่วยของฉันก็พักร้อนด้วย ไม่นึกว่าจะมาคุยงานถึงบ้าน”
“อ้อ มิน่าติดต่อผู้จัดการไม่ได้”
เกาเหวินหัวเราะ
“ผมเลยมารบกวนโดยพละการ” หวังเคอหัวเราะไปด้วย
เกาเหวินรีบเก็บกวาดไอแพด มือถือ ที่วางอยู่บนโซฟา ก่อนเชิญแขกลงนั่ง
“เอ่อ ขอโทษค่ะ แม่บ้านไม่ทำความสะอาดเลย เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะเชิญนั่งก่อนค่ะ”
“อ้อ ครับ ไม่ต้องลำบากหรอกผมอยาก ทำความเข้าใจเรื่องความร่วมมือ”
เกาเหวินพยักหน้ายิ้มแย้ม “อ๋อ”
หวังเคอมองสำรวจรูปร่างเกาเหวินอย่างน่าเกลียด “เอ่อ ตอนนี้คุณยังเป็น นางแบบอยู่หรือเปล่า”
เกาเหวินงงๆ “นางแบบเหรอ”
หวังเคออึกอัก มองจ้องเอาๆ “อ้อ...เอ่อ...”
ซุปตาร์ดวงตกรู้ตัวรีบยกไอแพดปิดหน้าอก สองคนหัวเราะออกมา
เกาเหวินรู้สึกแปลกๆ กับท่าทีของชายสูงวัยคนนี้
ที่เทซีโร่เลิกงานแล้ว สาวๆ แผนกออกแบบเตรียมไปร่วมงานเลี้ยงที่จื่อเหลียงจัดแสดงความยินดี หญิงผมหยิกยาวเดินเข้ามาหาหนานหนานที่นั่งส่องกระจกอยู่ที่โต๊ะ
“หนานหนาน ช่วงนี้ผิวสวยจังเลยนะ”
“ใช่ ฉันก็รู้สึกจะบอกให้”
“หือ” ชะนีผมหยิกมองฉงน
“ฉันใช้แผ่นมาร์กหน้าที่พี่ซือหยวนแนะนำ ใช้ดีมาก” หนานหนานโชว์กล่องให้ดู
“งั้นเดี๋ยวซื้อมาลองมั่ง”
“ได้”
“จะใช้ทุกวันเลย เก็บของเสร็จยัง”
“อื้อ เสร็จแล้ว”
“ไปเถอะ”
“ไป”
สองสาวผ่านโต๊ะเหม่ยลี่หญิงผมหยิกยาว “เอ๊ะ มี่โตะยังไม่กลับเหรอ งานเลี้ยงคืนนี้ จัดเพื่อเธอนะ”
“ใช่ ไปเถอะ” หนานหานว่าแล้วเดินออกไป
เหม่ยลี่พยักหน้าให้ “อื้อ เดี๋ยวก็กลับ”
“เราไปก่อนนะ” หญิงผมหยิกยาวบอก
หนานหนาน “ไปล่ะ”
เหม่ยลี่หมุนเก้าอี้มาหาซือหยวน “พี่ซือหยวน ฉันอยากถามพี่หน่อย” ซือหยวนหันมา “ถ้าหาก ให้พี่เลือกระหว่าง งานกับความรักพี่จะเลือกอะไร”
ซือหยวนยิ้มหยัน “เธอเยาะเย้ยฉันเหรอ ครั้งก่อนฉันกับแฟนมีเรื่องยังไม่พอใช่มั้ย ยังมาแย่งงานฉันอีกมาถามฉัน ความรักกับงาน ไม่คิดว่ามันตลกเหรอ”
เหม่ยลี่ชะงัก “ไม่ได้หมายความอย่างงั้น”
“งั้นหมายความว่าไง พึ่งพาคุณเซี่ยวคนทั้งโลกอิจฉาเธอ อย่ามาทำแสแสร้งไร้เดียงสาเลย เธอมันแข็งแกร่ง ฉันรู้ แต่ในตำแหน่ง ความแข็งแรง โครงการครั้งนี้มันเป็นของฉัน”
เหม่ยลี่ย้อนแย้ง “พี่ซือหยวน ครั้งนี้บริษัทเป็นคนเลือกนะ ไม่เกี่ยวกับคุณเซี่ยว”
ซือหยวนลอยหน้าแดกดัน “เธอพูดอะไร ทุกคนรู้ดีแก่ใจ ขอถามหน่อยเหอะ แย่งแฟนของเพื่อนน่ะ ไม่ละอายใจบ้างเหรอ”
เหม่ยลี่อึ้งไป “พี่พูดอะไร”
“เธอรู้อยู่แก่ใจดี ถ้าไม่มีเกาเหวิน เช็ดรองเท้าคุณเซี่ยว เธอยังไม่มีสิทธิ์เลย”
ซือหยวนที่ถูกจื่อเหลียงยุแยงปั่นหัวให้โกรธเกลียดนักออกแบบสาวรุ่นน้อง หันหน้าหนีไปทันที เหม่ยลี่หน้าเสีย ไม่สบายหนักเข้าไปอีก
ฝ่ายเซี่ยวเลี่ยงนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับจื่อเหลียงที่พยายามวอแวกับเหม่ยลี่
เขาเห็นจื่อเหลียงคอยเอาใจเหม่ยลี่ “คุณนี่ดื้อรั้นดีจริงๆ คืนนี้ไปกินข้าวกันมั้ย ผมจะช่วยแก้งาน”
เซี่ยวเลี่ยงเดินดุ่ยๆ เข้าไปในแผนกออกแบบ “มากับผม”
เหม่ยลี่ท้วงว่า “นี่เป็นเวลางานนะคะ”
เซี่ยวเลี่ยงไม่สนลากแขนเหม่ยลี่ออกไปเลย
จื่อเหลียงตะโกนตามหลังมา “เชิญประธานเซี่ยวเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย”
คิดแล้วเซี่ยวเลี่ยงก็ยิ่งไม่สบายใจ ดูเวลาแล้วเป่าปากฟู่
ฉีหยูเดินเข้ามาพอดี “คุณเซี่ยว ยังไม่กลับเหรอครับ ให้ผมไปส่งมั้ย”
เซี่ยวเลี่ยงกลับถามว่า “งานเลี้ยงเลิกรึยัง”
“ผมอยู่นี่ตลอด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
เซี่ยวเลี่ยงถอนหายใจ หยิบสูทลุกเดินออกไปทันที
“ไป ฉันเป็นห่วง ไปงานเลี้ยงกัน”
เหม่ยลี่เดินมาที่หน้าห้องจัดเลี้ยง ในร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงยิวยิวดังออกมาจากในห้อง โดยยิวยิวเป็นแม่งานยกจอกเหล้าชวนสาวๆ มาดื่มเอาใจซือหยวน
“มาเพื่อนๆ มี่โตะยังไม่มา ดื่มให้พี่ซือหยวนกัน พี่ซือหยวน ไม่ว่ายังไง พี่ก็เป็นหัวหน้าของพวกเรา”
หนานหนานเห็นด้วย “ใช่ ถูกต้อง”
สาวผมหยิกยาวผสมโรง “ใช่”
ยิวยิว “มา”
เหม่ยลี่จะเดินกลับออกไป แต่หยุดในอีกก้าวเดียว บอกตัวเองในใจ
“ใช่ ต้องเผชิญหน้า” เธอเปิดประตูเข้าไป ทักทายขอโทษทุกๆ คน
“เอ่อ ขอโทษนะคะฉันมาสาย”
จื่อเหลียงหันไปเรียกให้มานั่งข้างๆ “มา มี่โตะ มานั่งนี่”
“อ้อ” เหม่ยลี่ขอโทษทุกคนในโต๊ะ “ขอโทษที”
“หัวหน้าฝ่ายมาถึงแล้ว มาดื่มพร้อมกัน” จื่อเหลียงยกจอกเหล้านำดื่ม
“อ้อ ฉันดื่มให้ทุกคนก่อน ขอบคุณที่ทุกคนดูแลช่วยเหลือและให้กำลังใจ ฉันดื่มให้” เหม่ยลี่ยิ้มแย้มยกจอกขึ้นดื่ม แต่ไม่มีใครดื่มด้วย
จนจื่อเหลียงดื่มให้เป็นคนแรก “ร่วมยินดีกับมี่โตะ” ทุกคนยกจอกดื่มตามอย่างเสียไม่ได้
ซือหยวนดื่มรวดเดียวหมดจอก เห็นรองหลิน หันมากระซิบปลอบเหม่ยลี่ สาวรุ่นพี่ยิ่งแค้น
“มี่โตะถึงใครจะว่ายังไง ผมก็คิดว่าคุณเหมาะสมนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เหม่ยลี่เห็นสายตาซือหยวนยิ่งอึดอัด
“มา ผมดื่มให้” จื่อเหลียงคีบอาหารให้อย่างเอาอกเอาใจ “หิวมากมั้ยมา กินซูชิก่อนนะ เอ้า กิน”
ซือหยวนยิ่งโกรธเกลียดเหม่ยลี่เข้าไปใหญ่
อี้หมิงง่วนอยู่ในครัว ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด จึงชะโงกหน้าไปดูแว่บหนึ่ง รอจนเหม่ยลี่เดินคอตกเข้ามานั่งตรงเคาน์เตอร์จึงทำเป็นปลอบใจ โดยไม่หันหน้าไปมอง
“โฮ่ เฮ้อ ยัยอ้วนคว้าน้ำเหลวอีกแล้วใช่มั้ย”
“เปล่า ผลงานของฉันถูกเลือกต่างหาก” เหม่ยลี่ตอบเสียงเนือยๆ
อี้หมิงไม่เชื่อ หันมามองอีกแว่บ “ล้อเล่นน่า ไหนบอกว่าไม่มีหวังไง แถมหน้าซีดด้วย ถูกไล่ออกใช่มั้ย”
“จริงๆ ทำตามแรงบันดาลใจวาดรูปออกมา แล้วก็ถูกบริษัทเลือก”
อี้หมิงชะงัก วางมีดในมือเดินมาหาอย่างเซ็งๆ “หา ฉันช่วยเธออีกแล้วสิ”
“วันนี้บริษัทจัดงานเลี้ยงแต่ทุกคนไม่ต้อนรับฉัน ฉันเลยกลับก่อน” เหม่ยลี่หน้าเศร้า
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“พี่ซือหยวนรู้ว่าผลงานของฉันถูกเลือก เธอเลยโกรธมาก แถมยังพูดจาและมองฉันแปลกๆ ด้วย”
“ผู้หญิงพวกนั้นอิจฉาเธออย่าสนใจเลย”
เหม่ยลี่คิดทบทวนประมวลและวิเคราะห์เรื่องราว อี้หมิงจะกลับไปทำครัวต่อยังต้องหันกลับมาฟัง
“มันไม่ใช่อิจฉาหรอก หลินจื่อเหลียงเคยพูดกับฉันเขารับฉันเข้าทำงาน ในตอนนั้นเขาให้ฉันเลือกฝ่ายระหว่างเขากับเซี่ยวเลี่ยง ตอนนั้นเซี่ยวเลี่ยงยังไม่ชอบฉัน เขาจึงหาวิธีให้ฉันเข้าใกล้เซี่ยวเลี่ยงเพื่อให้ฉันยั่วยุเขา แต่ฉันไม่ทำตาม และต่อมาฉันก็คบกับเซี่ยวเลี่ยง เขาก็เลยเปลี่ยนความคิด จากนั้นเขาก็ให้พี่ซือหยวนมาเกลียดฉัน ให้มีอคติกับฉัน เพื่อให้ฉันทุกข์ใจ เมื่อฉันทุกข์ใจเซี่ยวเลี่ยงก็จะวอกแวก เมื่อเซี่ยวเลี่ยงวอกแวก จื่อเหลียงก็จะมีช่องทาง
อี้หมิงขบคิดตาม อดทึ่งไม่ได้ “นี่ยัยอ้วน เป็นมือใหม่วิเคราะห์เป็นด้วยเหรอ”
เหม่ยลี่นึกโมโหตัวเองขึ้น “โธ่เอ๊ย ก่อนหน้านี้ เซี่ยวเลี่ยงบอกว่าฉันเป็นตัวปัญหา ฉันไม่สบายใจ ดูๆ ไปแล้วคงจะเป็นปัญหาใหญ่ซะด้วย”
อี้หมิงเห็นใจ “เฮ้อ ไม่เป็นไร เรารู้แล้วเขาต้องการใช้ความสัมพันธ์ของพวกเธอไปกดดันเซี่ยวเลี่ยง”
“ทำไงดี”
“ไม่เป็นไร เรารู้แผนการของเขาจัดการง่าย ฟังฉันนะ ควรทำอะไรก็ทำ รอดูต่อไป ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง”
อี้หมิงบอก
เหม่ยลี่คิดตาม แต่ยังไม่สบายใจอยู่ดี ยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดตัดรอนบอกเลิกของเซี่ยวเลี่ยงวันนี้
“ต่อไป ผมจะไม่ยุ่ง จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน โชคดี”
“หลินจื่อเหลียงอาจทำสำเร็จแล้วก็ได้ เฮ้อ ฉันกับเซี่ยวเลี่ยงอาจไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว”
อี้หมิงหูผึ่ง “หา ว่าไงนะ”
“ดื่มกับฉันหน่อย ไม่เมาไม่เลิก”
“ได้ ไม่เมาไม่เลิก” เหม่ยลี่ลุกเดินขึ้นห้องไป อี้หมิงร้องถาม “ไปไหน”
“เอาของไปเก็บ”
“อย่าหลับล่ะ”
เหม่ยลี่หันมาบอก “หลับก็มาเรียกสิ”
อี้หมิงเท้าคางกับเคาน์เตอร์ถอนใจเฮือก หนักใจแทน
ขณะเดียวกัน เซี่ยวเลี่ยงเดินขึ้นบันไดมาทางห้องจัดเลี้ยง ทุกคนเดินออกจากห้อง กำลังพากันกลับต่างร้องทักอำลาซีอีโอหนุ่มเป็นแถว
“คุณเซี่ยว ๆๆๆๆ”
เซี่ยวเลี่ยงมองตามทุกคนที่เดินลงบันไดไป ประหลาดใจที่ไม่เห็นเหม่ยลี่ จึงเดินไปทางห้องจัดเลี้ยง เปิดเข้าไปและเปิดประตูค้างไว้อย่างนั้น จื่อเหลียงที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวหันมายิ้มเย้ยอย่างรู้ทัน
“นายมาช้า มี่โตะกลับแล้ว”
“ฉันไม่ได้หาเธอ” เซี่ยวเลี่ยงว่า พร้อมกับจะเดินกลับออกไป
“ไม่นึกว่านายจะแคร์เธอ ในเมื่อมาแล้ว มาดื่มด้วยกันสิ ยินดีที่นายชนะ”
เซี่ยวเลี่ยงหันกลับมาหา แต่ไม่ยอมไปนั่งด้วย
“ฉันขอเตือน อย่าดึงมี่โตะมายุ่งเกี่ยวด้วย อย่าเอาเธอมาล้อเล่น”
จื่อเหลียงยิ้มร้าย “คิดมากไปแล้ว ในฐานะที่เป็นน้องชาย ฉันแค่ อยากช่วยนายดูแลแฟน”
เซี่ยวเลี่ยงฉุน “เก็บคำพูดคืนไป”
จื่อเหลียงยิ้มเยาะ หัวเราะหึๆ ลุกเดินมายืนค้ำหัว ประจันหน้าพี่ชาย
“หมายถึงคำไหน ฉันเป็นน้องชาย หรืออยากช่วยนายดูแลแฟน”
“ไม่ว่าคำไหนก็ไม่เหมาะสม”
“เฮอะ พูดให้น่าฟังหน่อย”
“ถ้ากล้าแตะต้องเธอ นายต้องเสียใจ”
เซี่ยวเลี่ยงชี้หน้าข่มขู่อย่างเอาเรื่อง แล้วเดินหุนหันออกไป
จื่อเหลียงเดินตามออกมา ยืนคุมแค้นมองตาม ก่อนจะเดินออกไป
ซือหยวนแอบฟังมาตั้งแต่ต้น เดินออกมาจากที่ซ่อนห้องตรงข้ามกับห้องจัดเลี้ยง ถามตัวเองในใจด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“พวกเขาเป็นพี่น้องกันเหรอเนี่ย”
พอหันมาจะเดินไปเอาของที่ลืมไว้ ต้องตกใจ ร้องลั่น
“ห๊า ท่าน...ท่านรองหลิน”
จื่อเหลียงมองจ้องนัยน์ตาวาวโรจน์ ถามคาดคั้น “คุณได้ยินอะไร”
“เอ่อ ตั้งแต่คุณเซี่ยวเข้าไปค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจฉันกลับมาเอามือถือฉันรับรอง เรื่องที่พวกคุณ เป็นพี่น้องกัน ฉันจะไม่พูดเด็ดขาด”
“คุณต้องการเอาเรื่องนี้มาขู่ผมใช่มั้ย” จื่อเหลียงไม่เชื่อ
“ไม่ใช่นะคะ คุณบอกว่าฉันเป็นไส้ติ่งคุณ ฉันจะกล้าขู่คุณได้ยังไง”
“พูดอะไรผมไม่มีไส้ติ่งอะไรทั้งนั้น บริษัทเป็นของเซี่ยวเลี่ยง ไม่มีอะไรเป็นของผม เมื่อกี้คุณเห็นเขาขู่ผม มันน่าตลกใช่มั้ย หรือผมไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้านายคุณ หา จะบอกให้ ความสำเร็จของผมไม่มีใครแย่งไปได้ทั้งนั้น” จื่อเหลียงขึ้นเสียงอย่างโกรธแค้น
“ฉันเข้าใจ การถูกแย่งของไปฉันเข้าใจดี” ซือหยวนว่า
“คุณเข้าใจเหรอ” จื่อเหลียงยิ้มหยัน หัวเราะร่า “อย่างคุณเข้าใจด้วยเหรอ หลิวซือหยวน ผมจะบอกให้ ถ้าคุณกล้าพูดเรื่องนี้ออกไป อย่าว่าแต่ผม แม้แต่ประธานเซี่ยวก็ไม่ปล่อยคุณ เราไม่อยากให้ใครรู้ความลับของตระกูลเซี่ยว”
จื่อเหลียงตบไหล่ซือหยวนเชิงขู่แล้วเดินจากไป ทิ้งลูกน้องสาวนักออกแบบยื่นตัวสั่นอยู่ลำพัง
ด้านเหม่ยลี่นั่งกินหม้อไฟที่เหลยอี้หมิงเตรียมไว้ให้ สองคนชนขวดชนแก้วชวนกันดื่มไปมา จนเริ่มกึ่มๆ ด้วยกันทั้งคู่
“มา ยินดีด้วย ที่ได้เป็นนักออกแบบ”
“ชนแก้ว” เหม่ยลี่ยกแก้วเหล้าชนอี้หมิงที่ดื่มจากขวด
“ชนแก้ว อีกอย่างเธอประสบความสำเร็จ เป็นแจกันดอกไม้ที่มีความแข็งแกร่ง ฉันขอยินดีด้วยอีกครั้งนะชนแก้ว”
“ขอบคุณ ฉันต้องขอบคุณนายด้วยนะ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนาย นายคือครูของฉัน ขอบคุณ ฉันดื่มให้”
“เธอต้องขอบคุณฉันอยู่แล้ว เป็นความดีของฉัน ไม่มีเกี่ยวกับคนอื่นเลย”
“เฮ้อ แต่คนอื่นคิดว่า ทั้งหมดเซี่ยวเลี่ยงมอบให้ฉัน ฉันเป็นแค่ แจกันดอกไม้ที่มีเจ้าของเพิ่มขึ้น” เหม่ยลี่บอกหน้าเศร้า
อี้หมิงวางตะเกียบที่คีบอาหารอยู่ ยื่นแขนมาลูบไหล่เหม่ยลี่ปลอบ “ไม่เป็นไร มันเป็นความเข้าใจผิด เซี่ยวเลี่ยงก็บอกเลิกเธอแล้ว ทุกคนจะกลับมาเชื่อเธอ นะ”
“ใช่นายพูดถูกแล้ว ตอนนี้เขากับฉันไม่เกี่ยวข้องกัน เขาไม่ต้องการฉัน ฮื่อ ก็ดีเหมือนกัน เมื่อเป็นแบบนี้ คนอื่นก็จะไม่สามารถ ทำร้ายเขาได้ จริงมั้ย” เหม่ยลี่ทำเป็นหัวเราะ คีบมะเขือเทศในหม้อมากิน “มาๆๆ กินมะเขือเทศ”
“เธออย่าเอาแต่คิดเรื่องนี้เลยนะ ผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไป ดีมั้ย”
“แต่ทำไมฉันมันไม่ได้เรื่องเลยซักนิด ฉันอยากจะช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้ กลับสร้างความวุ่นวายให้เขาเพิ่มขึ้นอีก”
พอเห็นยัยอ้วนตาแดงๆ จะร้องไห้ อี้หมิงใจคอไม่ดี
“เอ่อ คือว่า เหมือนน้ำตาเธอจะไหลตาแดงแล้ว อย่าเพิ่งร้องไห้นะกินข้าวก่อน เห็นเธอร้องไห้ฉันไม่สบายใจดีมั้ย กินข้าว”
เหม่ยลี่พรั่งพรูความรู้สึกออกมาด้วยความน้อยใจ “ทำไมเขาไม่ให้โอกาสฉันพัฒนาเลย ฉันอยากจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอดให้ตัวเองพัฒนาขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็สามารถร่วมต่อสู้กับเขาได้ แต่เหลยอี้หมิงนายเชื่อมั้ยว่า เขาไม่เคยเชื่อฉันมาก่อนเลย”
“ฉันเชื่อเธอ นะ ฉันเชื่อเธอหมดเลยดีมั้ย นี่ๆ ไม่คิดแล้ว กินข้าวกัน น่ากินจัง มีของโปรดของเธอด้วยเรียกว่าอะไรนะ นี่ไง นี่คือกุ้งแห้งใช่มั้ย มาๆๆ กิน”
อี้หมิงคอยคีบอาหารให้ไม่หยุดหย่อน
เหม่ยลี่ท้วง “นี่ลูกชิ้น”
“อ้อ ลูกชิ้นเหรอ ดูยังไงเป็นกุ้ง มาๆ กินอิ่มแล้วไปนอน มันจะทำให้เธอง่วงแล้วก็จะไม่คิดอะไรทั้งนั้น จริงมั้ย เนื้อแกะ เอ้าๆๆ ชนแก้ว”
“ขอบคุณ”
“ชนแก้ว”
ไม่นานต่อมาอี้หมิงประคองเหม่ยลี่ขึ้นมานอนอย่างทุลักทุเล เพราะต่างคนต่างเมา เหม่ยลี่โวยวายทั้งที่ยังหลับตา
“โอ๊ย โอ้ยอย่าทับฉัน”
อี้หมิงหอบเหนื่อย เหม่ยลี่ละเมอชนแก้วไม่หยุด
“นี่ ดื่มอีกแก้ว”
“นี่ ได้ ดื่มๆ เอาล่ะ”
“ชนแก้ว”
หมอเหลยจัดแจงถอดรองเท้าให้ จับยัยอ้วนให้นอนในท่าที่นอนสบายๆ แต่ดันถูกเหม่ยลี่ดึงตัวลงไปหาหน้าชิดกันแค่คืบ
“โอ๊ย”
เหม่ยลี่หัวเราะไม่รู้เรื่อง หลับไปในที่สุด อี้หมิงมองจ้องใบหน้าสวยตรงหน้าอย่างหลงใหล
ทางด้านเซี่ยวเลี่ยงขับรถมาหาเหม่ยลี่โดยไม่รู้ว่าที่นี่คือบ้านเหลยอี้หมิง
“น่าจะเป็นที่นี่” เซี่ยวเลี่ยงหยิบโทรศัพท์มากดโทร.หา
อี้หมิงมองจ้องใบหน้ายัยอ้วนอยู่ครู่หนึ่งจึงละตัวออกมา ขณะจะลงไปข้างล่างเสียงมือถือเหม่ยลี่ดังขึ้น รับสายอย่างเซ็งๆ เมื่อเห็นชื่อคนโทร.มา
“ฮัลโหล”
“เอ่อ นี่ นี่ ไม่ใช่มือถือของมี่โตะเหรอครับ”
“เธอหลับแล้ว รับสายไม่ได้”
“เฮอะ เฮ้อ”
เซี่ยวเลี่ยงเซ็งที่ถูกตัดสาย ชะโงกหน้าไปมองด้านนอกเห็นฝนเริ่มลงเม็ด จึงขับรถกลับไป
ส่วนอี้หมิงวางมือถือลงตรงโต๊ะหัวเตียง หันไปมองหน้ายัยอ้วนอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูให้ ลงบันไดมายังชั้นล่าง แล้วลงนอนที่โซฟายาวมองขึ้นไปยังห้องนอนข้างบน จนผลอยหลับไป
ทางด้านเซียนหนานยืนถือช่อดอกไม้คอยอยู่ในห้อง รอจนเห็นซือหยวนเข้าห้องมาจึงรีบยื่นให้เซอร์ไพร้ส์
“ยินดีด้วย ที่ได้ตำแหน่งเดิม” ซือหยวนปรายตามองไม่พูดไม่จา
“เป็นอะไร น้อยเกินไปเหรอ ผมอยากซื้อช่อใหญ่ แต่มันแพงเกินไป อ้ะผมให้คุณ”
ซือหยวนปัดดอกไม้ทิ้ง ขึ้นเสียงใส่แล้วเดินหนีไป
“คนที่ถูกเลือกไม่ใช่ฉัน”
เซียนหนานอึ้งคาที่ หนักใจกับความสัมพันธ์ที่มีแต่แย่ลงๆ
เช้าวันนี้ เหม่ยลี่เดินลงมาจากห้อง แปลกใจที่เห็นอี้หมิงนอนก่ายโซฟายาวอยู่ จึงเดินมาปลุก
“ทำไมนอนนี่ นี่ ไปทำงานนะ ทำไมมานอนตรงนี้”
“อ้อ” อี้หมิงงัวเงียตื่น นึกถึงตอนคุยสายเซี่ยวเลี่ยงมือคืน “ฮัลโหล”
“เอ่อ นี่ นี่ไม่ใช่มือถือของมี่โตะเหรอครับ”
หมอเหลยหนักใจ ไม่รู้จะบอกยัยอ้วนดีไหมว่าเซี่ยวเลี่ยงมาตามถึงบ้าน
เห็นอีกฝ่ายเงียบจนผิดสังเกต เหม่ยลี่จ้องหน้าจับผิด
“เป็นอะไร”
“อ๋อ ใช่ มานอนตรงนี้ได้ไง อ๋อ นึกออกแล้ว ฉันเมาเหล้าเลย...เลย...นอนตรงนี้”
“ฉันไปทำงานนะ”
อี้หมิงกระโจนออกมาขวาง “นี่ๆ ยัยอ้วน เอ่อ เดี๋ยวฉันพาเธอออกไปกินอาหารเช้าดีมั้ย”
“ฉันไม่กิน”
“งั้นฉันไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก”
อี้หมิงหยั่งเชิง “เอ่อ วันนี้เธอจะ ไปคืนดี กับเซี่ยวเลี่ยงหรือเปล่า พวกเธอจะคุยกันมั้ย”
“ไม่รู้ คงไม่มั้ง”
“งั้น ถ้าเกิดเจอกันล่ะ จะทักทายกันหรือเปล่า เซไฮเงี้ย”
เหม่ยลี่มองเหล่ “มีอะไรจะถามกันแน่ ถามคำถามอะไรแปลกๆ โกหกอยู่ใช่มั้ยเนี่ย”
“เฮ้ย เปล่า ฉันโกหกอะไร มีอะไรให้น่าโกหก” หมอเหลยหัวเราะกลบพิรุธ แต่ไม่มิด เดินหนีกลับมานั่ง
“ต้องมีความลับอะไรแน่ๆ เลย”
“ไม่มี จะไปทำงานไม่ใช่เหรอ รีบไปเร็ว” อี้หมิงผลักให้เหม่ยลี่รีบไปทำงาน
“นี่ ฉันรู้จักนายดี ทำไมฉันจะดูไม่ออก เร็วเข้า พูดมา อย่าแกล้งไม่รู้ มันไม่ชิน”
“เปล่า โอ้พูดๆๆ” เหม่ยลี่กระชากคอเสื้อ “คือ เมื่อคืนนี้...คือ เอ่อ คือว่า” โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะขึ้นก่อน “โทรศัพท์เธอดัง”
“ไม่ใช่ของฉันซะหน่อย”
อี้หมิงมองไปที่โต๊ะกลาง หยิบมือถือมาดู “ของฉัน อ้อ”
“ของนาย” เหม่ยลี่ส่ายหัวเซ็งๆ
“ฮัลโหล เกาเหวิน เอ่อ คุณ อ้อได้ ผมจะไปหาเดี๋ยวไปนะ” อี้หมิงกดรับคุยเสียงดัง จะชิ่งหนี แต่เหม่ยลี่ขวางไว้ หมอเหลยกระโจนไปอีกทาง “คือว่า ผมก็ไม่รู้คุณไปที่โรงพยาบาลนะ ใช่ มาในเวลางาน ได้ เอ่อคือว่า ได้ๆ อ้อ”
รอจนเห็นเหม่ยลี่เปิดประตูออกไปแล้ว อี้หมิงจึงเดินออกมาจากครัว เป่าปากโล่งอก
เกาเหวินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีหมุนรอบตัวอี้หมิงในชุดเสื้อกาวน์แถวม้านั่งมุมหนึ่งในโรงพยาบาล พยายามพรีเซนต์ชุด เห็นอีกฝ่ายไม่สนใจเอาแต่ก้มหน้าเลยจิ๊กมือถือหมอเหลยติดมือมาด้วย
“นี่ เอามือถือมา” อี้หมิงฉกคืนมาได้ “เลิกหมุนซะทีได้มั้ยเนี่ย แสดงเป็นผึ้งน้อยหรือไง”
“ได้” เกาเหวิน หมุนตัว ฮัมเพลงต่อ
อี้หมิงเวียนหัว ยิ่งเครียดเรื่องยัยอ้วนจะกลับไปคืนดีกับแฟนซีอีโอมารหัวใจอยู่ด้วย
“ผมบอกว่าอย่าหมุนไง นี่โรงพยาบาล เงียบๆ หน่อยผมขอร้องล่ะ”
เกาเหวินหัวเราะคิกหมุนตัวมาลงนั่งด้วย “ดูซิ เป็นไง”
“อะไรเหรอ” อี้หมิงหันมามอง
“ฉันใส่ชุดนี้เป็นไง เป็นนางแบบมอเตอร์โชว์ สวยมั้ย หึๆๆ”
“ก็ดีนะ ผมไม่มีเวลามีงานต้องทำผมกลับมาค่อยคุยกันนะ” อี้หมิงสะดุดหู “เอ๊ะ ฟังไม่ผิดใช่มั้ยมอเตอร์โชว์ เป็นนางแบบเหรอ คุณเป็นนักแสดงไม่ใช่เหรอ”
“นางแบบแล้วไง ฉันเปิดตัวเพราะสายงานนี้ อยากกลับมาดัง ก็ต้องลองดู หึๆ”
“ก็ใช่ ถึงยังไง ก็ยังดีกว่านอนอยู่บ้าน”
“เฮ้อ ฉันจะทำให้พวกเขาเห็นว่าฉันกล้าหาญ อะไรเรียกว่าขาขึ้นขาลง เมื่อก่อน ฉันดังชั่วข้ามคืนได้ ตอนนี้ก็ต้องดังชั่วข้ามคืนได้เหมือนกัน เป็นจิตวิญญาณ”
เกาเหวินตบอกตัวเองอย่างแรงหลายทีจนอี้หมิงสยอง
“เดี๋ยวก็กระอักเลือดหรอก ตอนนี้ ไปทำงานล่ะ”
เกาเหวินดึงไว้ไม่ให้ไป “ไม่ได้ ออกงานต้องมีผู้ช่วยไปช่วยเตรียมตัวหน่อย”
“ผมมีงาน ผม...”
เกาเหวินยิ้มกริ่ม “นางแบบเพียบเลยนะ ว่าไง หาๆ”
“นางแบบอะไรกันยืนนิ่งๆ อย่างกับหุ่นขี้ผึ้ง ผมไปดูหุ้นขี้ผึ้งไม่ดีกว่าเหรอ” หมอสูติฯนักรักว่า
“ฉันจะบอกให้ คนอื่นยืนเป็นหุ่น ฉันยืนบนพรมแดง จะฆ่าให้หมดเลย ฆ่าๆๆ ฆ่าให้ตาย” เกาเหวินยกมือยกไม้ เล่นใหญ่ หัวเราะร่า
อี้หมิงลุกขึ้นจะไปทำงาน เกาเหวินลุกตามแล้ววซวนเซ หมอเหลยจับไว้ทัน
“เดี๋ยวคนมาเห็น ลุกขึ้น เป็นอะไร”
“มึนหัว”
“บอกแล้วว่าอย่าหมุนมา”
หมอเหลยอี้หมิงประคองซุปตาร์ดวงตกออกไป
ทันทีที่เห็นเหม่ยลี่เดินมาที่โต๊ะ สาวๆ ในแผนกออกแบบก็เดินเข้ารุมแกล้งจิกหัวใช้
“มี่โตะ ไปซื้อกาแฟให้หน่อย ฉันเอามอคค่า” ยิวยิวบอก
“รอแป๊บนะ” เหม่ยลี่ยิ้มให้
หนานหนานสั่งต่อ “มีข้อมูลส่งมาให้เธอ จัดระเบียบด้วย”
“เดี๋ยวดูให้” เหม่ยลี่ยังยิ้มได้
หญิงผมยาวหยิกเร่งใหญ่ “แบบรายงานน่ะทำเร็วๆ หน่อยสิ”
“มีแก้นิดนึง เดี๋ยวเอาให้นะ” เหม่ยลี่ยิ้มสู้
“เธอมีงานออกแบบร่าง งานผู้ช่วยยังทำไม่เสร็จ ต้องทำต่อไป” ซือหยวนหันมาสั่ง
เหม่ยลี่หันมาทักท้วง “แต่ว่า...”
ยิวยิวกอดอกกระแนะกระแหนพยักพเยิดกับคนอื่นๆ “ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เลยหยิ่งยโสแบบนี้ ต่อไประวังกันหน่อย ถ้ามีคนเอาไปฟ้องล่ะก็พวกเราถูกไล่ออกแน่”
“จริงด้วย ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ฝ่ายออกแบบ ระบบก็วุ่นวายไปหมด อยากทำอะไรก็ทำ ขนาดอยู่ต่อหน้าทุกคนยังกล้าแย่งแฟนเพื่อนสนิทอีก” หนานหนานผสมโรง
เหม่ยลี่พยามข่มอารมณ์ หันกลับไปดูแฟ้มงานกองพะเนินบนโต๊ะ แต่สุดท้ายทนไม่ไหวจะลุกเดินหนี
ซือหยวนแขวะออกไปว่า “คงไม่ได้ไปฟ้องคุณเซี่ยวนะ ทุกคนก็แค่ คุยกันเล่นๆ ไม่เห็นต้องจริงจังเลย เธอก็รู้พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ ต่างพึ่งพาตัวเอง”
เหม่ยลี่หันมามองหน้า “พี่ว่าฉันได้ แต่อย่าเอาเรื่องอื่นมาเกี่ยว ทุกอย่างมาจากการลงคะแนนเสียง ที่ฉันชนะเพราะมีความสามารถ ฉันไม่เป็นผู้ช่วยไปตลอดหรอก”
ยิวยิวยิ้มเยาะ เดินมาใกล้ลอยหน้าลอยตาประชดประชัน
“โอ้โห เขาไม่อยากเป็นผู้ช่วยแล้ว งั้นเราต้องเปลี่ยนคำพูดเรียกเธอว่านายหญิงมี่โตะ”
เหม่ยลี่โกรธ “เธอ”
เสียงเซี่ยวเลี่ยง ที่เดินเข้ามาในแผนกพร้อมฉีหยู ดังขึ้น
“เสียงดังอะไรกัน” ก่อนจะเดินเข้ามาจ้องชี้หน้าเหม่ยลี่ “ทำไมคุณต้องสร้างปัญหาด้วย ที่จ้างพนักงานเพื่อบริษัท ไม่ใช่ให้มาสร้างความวุ่นวาย ถ้าคุณไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ ก็ลาออกซะ”
เหม่ยลี่ตกใจที่ถูกเขาด่าต่อหน้าทุกคน ซือหยวนมองเหม่ยลี่งงๆ
จื่อเหลียงเดินมาขวางไว้ ขณะเซี่ยวเลี่ยงจะเดินเข้าห้อง พูดจากวนประสาท
“คุณเซี่ยวขอเวลาเดี๋ยว” เขาปรายตามองไปทางฉีหยู ผู้ช่วยร่างเล็ก รีบเดินออกไป
จื่อเหลียงยิ้มกวนประสาท “การประชุมจะเริ่มแล้ว ผมจะพามี่โตะไปเจอลูกค้า คงไม่ตามไปนะ”
“ตามใจนาย” เซี่ยวเลี่ยงยิ้มให้เหมือนไม่แยแส แล้วเดินเข้าห้องไป จื่อเหลียงมองประเมินท่าทีดังกล่าวนิ่งๆ
ส่วนเหม่ยลี่เดินเข้ามาในลิฟต์ กดปิดประตูแล้วร้องกรี๊ด ทุบผนังลิฟต์บ่นบ้าอยู่คนเดียว
“เกินไปแล้ว คุณแก้แค้นฉัน คิดเหรอว่าจะสำเร็จ”
จากนั้นนางจึงเดินเชิดออกไป
เกาเหวินมาตามเวลานัด เวลานี้อยู่ในห้องแต่งตัว แต่ถึงกับอึ้งไปเลย เมื่อเห็นชุดที่ต้องใส่เป็นบิกินีผ้าลูกไม้บางๆ สีดำ
“นี่อะไร”
“ชุดคุณไง งานจะเริ่มแล้ว เปลี่ยนชุดเถอะ” หวังเคอบอก
“มีแค่นี้เหรอ”
“ยังจะให้มีอะไรอีกล่ะ ต้องเปิดเผย เปิดเผย ถึงจะดัง” หวังเคอว่า
“ฉันคือเกาเหวินนะ ถึงจะปิดหน้าคนก็ดูออก คุณจะให้ฉันใส่แบบนี้เหรอ”
หวังเคอหน้าตึง “อย่าพูดแบบนี้สิ คุณก็มาจากสายนี้นี่ คุณได้รับผลประโยชน์ ยังต้องให้เตือนอีก อีกอย่าง คุณไม่ใช่เกาเหวินคนเดิมแล้ว ไม่ใช้โอกาสทำให้ตัวเองดัง แล้วใครจะมาสนใจคุณ”
เกาเหวินโกรธ “จะสนหรือไม่ก็ช่าง ฉันไม่มีทางใส่ชุดนี้ หาชุดใหม่มา ไม่งั้นฉันจะใส่ชุดฉัน”
หวังเคอเผยธาตุแท้ออกมา เริ่มข่มขู่ “ได้คืบจะเอาศอกเหรอ ในสัญญาเขียนไว้ชัดเจน ถ้าคุณไม่ทำ ต้องจ่ายค่าชดเชย”
เกาเหวินจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนจะปาใส่หน้าหวังเคอ แล้วคว้ากระเป๋าเดินออกไป
“เก็บไว้ใส่เองเถอะไอ้โรคจิต ฉันไม่เข้าร่วมงานนี้เด็ดขาด”
หวังเคอโกรธตวาดลั่น “เกาเหวิน”
เกาเหวินหยุดกึก ด่าโดยไม่หันมามองหน้า “ฉันขอเตือนคุณ เซ็กซี่กับอานาจารมันคนละเรื่อง อย่าเอาสัญญามาอ้าง ฉันมีข่าวอื้อฉาว แต่ไม่เคยใช้วิธีสกปรก”
เกาเหวินเดินเหมือนคนหมดแรงออกมา หยุดตรงทางเดินหน้าห้อง แล้วร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้นที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ในยามตกต่ำถึงขีดสุด
ก่อนจะปาดเช็ดน้ำตาทิ้ง แล้วเดินคอตั้งออกไปอย่างมาดมั่น
ด้านอี้หมิงนั่งอยู่หน้าคอมบนโต๊ะทำงาน แง้มโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู หวังว่าจะมีสายจากเหม่ยลี่ พึมพำอยู่คนเดียว กังวลเรื่องไม่ยอมบอกยัยอ้วนว่าเซี่ยวเลี่ยงมาง้อและโทร.มาหาเมื่อคืน
“เฮ้อ ฉันทำอย่างนี้ได้ไง ถ้าเขารู้เรื่องต้องโกรธมากแน่ มันคงไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อนเฮ่อจึ๊
พยาบาลเสี่ยวเอ๋อเดินมาติดประกาศตรงบอร์ดข่าวใกล้ๆ ได้ยินเสียงบ่นหันมองมางงๆ ก่อนจะเดินมาหา
“คุณหมอเหลย เป็นอะไรสีหน้าไม่ดีเลย”
“คุณ มีเรื่องปิดบังผมใช่มั้ย”
เสี่ยวเอ๋อรีบปฏิเสธ “ไม่ ไม่มี ทำไมถามแบบนี้”
“เป็นไปไม่ได้” อี้หมิงบ่นงึมงำ
“คุณ...ดูอะไรออกหรือเปล่าคะ” เสี่ยวเอ๋อเสียววูบวาบ
“ทุกคนก็มีความลับไม่ใช่เหรอ คุณไม่มีเหรอ”
“ฉันไม่มี”
“คงมีแต่ผม”
อี้หมิงถอนใจเฮือก แล้วต้องสะดุ้งสุดตัว ลุกพรวดขึ้น เมื่อโทรศัพท์มือถือที่เขาเอาหนังสือปิดไว้แผดเสียงดังขึ้น
เสี่ยวเอ๋องง “เป็นอะไร”
“เอ่อ โทรศัพท์”
“อยู่ไหนคะ”
อี้หมิงเปิดหนังสือออกหยิบมารับสาย คิดว่าเป็นยัยอ้วนโทร.มารีบแก้ตัววุ่นวาย
“ฟังฉันอธิบายก่อน สายเมื่อวานฉันไม่ควรรับ”
แต่ดันเป็นเซลส์ปล่อยเงินกู้ซื้อขายบ้าน “ผมไม่กู้ ไม่ขายบ้านด้วย อย่าโทร.มาอีก”
“เป็นอะไรคะ มีอะไรบอกฉันได้นะคะ ถ้าช่วยได้ฉันช่วยแน่ แค่คุณอย่าทุกข์ใจ” เสี่ยวเอ๋อเป็นห่วง
“ขอบคุณนะ คุณเป็นคนดี” เสี่ยวเอ๋อยิ้มเขินหลบตาวูบ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก หมอเหลยขัดใจคิดว่าเป็นคนเดิมโทร.มาตื๊อ กดรับแล้วด่าไปทันที
“เฮ้อ บอกแล้วว่าอย่าโทร.มาฟังไม่รู้เรื่องหรือไง” คราวนี้ปรากฏว่าเป็นเกาเหวิน “เอ่อ ผม...ได้ ผมรู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้”
“เอ่อ” เสี่ยวเอ๋อเกาหัวงงๆ ที่เห็นหมอเลยวิ่งออกไป จะเรียกไว้ก็ไม่ทัน
อี้หมิงวิ่งเข้ามาหาเกาเหวินที่นั่งหันหลังให้อยู่ตรงล็อบบี
“เมื่อกี้ผมคิดว่าคอลเซ็นเตอร์โทร.มา”
เกาเหวินลุกเดินมาหาร้องไห้สะอึกสะอื้น โผเข้ากอดอี้หมิงอย่างยึดเป็นที่พึ่งพิง
“พวกเขารังแกฉัน ฮือ...ทำยังไงดี”
อี้หมิงตกใจ แต่คิดว่านางดราม่าเหมือนคราวก่อน
“เฮ้ย พอแล้วๆๆๆๆ ที่นี่ไม่ใช่ห้างนะ อย่าแสดงละคร”
เกาเหวินร้องไห้ไม่หยุด
อี้หมิงละตัวออกมามอง ขอร้องให้หยุดดราม่า “นะ”
เกาเหวินโผเข้ากอดอีกครั้ง เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น “ทำไงดี”
“เอาล่ะ เชื่อแล้วว่าคุณร้องจริงๆ ไม่ได้แสดงละคร แต่คุณๆๆ อย่าร้องที่นี่ นี่โรงพยาบาล ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นที่อื่นดีมั้ย หา”
ระหว่างนี้มีพยาบาลสาวนางหนึ่งแอบกดมือถือถ่ายสองคนกอดกันอยู่ โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันเห็น
เกาเหวินร้องไปโวยวายไป “เปลี่ยนอะไรกัน เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ ทำไมฉันต้องเปลี่ยนทุกครั้ง ฉันหน้าตาสวยหุ่นก็ดีขนาดนี้ ฉันเป็นดาราตลอดไปไม่ได้หรือยังไง เปลี่ยนอะไรกันล่ะ”
อี้หมิงเริ่มเห็นว่ามีคนมองและแอบถ่ายคลิป จึงยกมือกางบังหน้าเกาเหวินไว้ให้
“เอาล่ะเป็นได้ๆ เป็นตลอดไป ใครก็เปลี่ยนคุณไม่ได้ ดีมั้ย อยากร้องก็ร้องเลยเชิญตามสบาย เดี๋ยวอยู่ด้วย”
เกาเหวินร้องไห้ไม่ยอมหยุด ก่อนจะถามขึ้นว่า “มีกล้องมั้ย”
“คุณไม่เห็นเหรอว่าผมทำมือยังไง”
เกาเหวินมองไปเห็นมีกล้องวงจรปิดจับภาพมาทางนี้พอดี ยิ่งร้องไห้ใหญ่
“ตัดช่วงที่ฉันร้องไห้ทิ้งด้วยนะ ไม่งั้นฉันงานเข้าอีกแน่เลย”
“คุณสวยขนาดนี้ หุ่นก็ดี ตัดทิ้งก็น่าเสียดาย เก็บไว้เถอะ พอแล้วๆ นั่งลงก่อน” อี้หมิงจับเกาเหวินลงนั่งที่เดิม “ไม่อายหรือไงคนเดินผ่านไปผ่านมา ร้องที่นี่มีประโยชน์อะไร เมื่อกี้มีคนถ่ายรูปด้วย เอ๊ะ คุณดังแล้ว”
ซุปตาร์ดวงตกห่วงสวยไม่เลิก “ทำไงดี ฉันน่าจะใช้เครื่องสำอางกันน้ำทำไงดี หน้าดูไม่ได้เลย”
อี้หมิงกลั้นขำ ถอนใจเฮือก “ปกติยิงไม่เข้าฟันไม่เข้า อยู่ต่อหน้าคนอื่นเป็นนางฟ้า”
เกาเหวินจับแต่งทรงผม เช็ดน้ำตา สูดขี้มูก
อี้หมิงชะโงกลงมา ยื่นหน้าเข้ามามองใกล้ๆ “ไม่นึกว่าจะมีมุมอ่อนแอแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย ตกใจมาก”
“มันคือภาพลวงตา คิดซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน”
“คุณรู้มั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน คุณน่ะกอดผมร้องไห้ตั้งนาน คนที่ไม่รู้จะคิดว่าผมทำอะไรคุณแล้วทำไมต้องทำที่นี่ หมดกันชื่อเสียงผม”
เกาเหวินจะร้องไห้ แต่ขำจนต้องหัวเราะออกมา
“เพื่อนร่วมงานทั้งนั้น” อี้หมิงกระทุ้งแขนบอก
เกาเหวินหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้น
“ดีขึ้นยัง”
ซุปตาร์สาวพยักหน้าให้ “อื้อ มีคุณก็ดีแบบเนี้ย ทำให้ฉันหัวเราะได้”
เกาเหวินมองเหลยอี้หมิงด้วยแววตาซาบซึ้ง พร้อมความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในใจ จนต้องคว้าแว่นตาทรงโตมาอำพรางความรู้สึก
อี้หมิงควักซองทิชชูมายื่นให้ “ผมอารมณ์ขันใช่มั้ย”
เกาเหวินสั่งน้ำมูกปรื้ด แล้วยื่นทิชชู่คืนให้ทั้งซอง อี้หมิงรับคืนมา มองหาที่ทิ้งแต่ไม่มี
ด้านเหม่ยลี่กลับเข้ามาในแผนกอย่างฟิตเปรี๊ยะ ถือแฟ้มงานวางบนโต๊ะแต่ละนางที่สั่งไว้ และกาแฟที่ มอคค่าที่ยิวยิวสั่ง
“นี่งานของเธอ แบบรายงาน กาแฟ”
จื่อเหลียงเดินยิ้มเข้ามาพอดี ทุกคนหันมามอง
“ทุกคนวางงานในมือก่อน ผมมีเรื่องจะประกาศ ผมดูผลงานออกแบบของมี่โตะแล้ว คิดว่ามีปัญหา ดังนั้นผมจะหาผู้ช่วยให้เธอ” จื่อเหลียงเดินมาหยุดตรงหน้าซือหยวน “นักออกแบบหลิว คุณเป็นผู้ช่วยมี่โตะได้หรือไม่”
หลิวซือหยวนอึกอัก งุนงง จะซักถาม “ฉัน...”
จื่อเหลียงยกมือห้ามตัดบท “เอาตามนี้”
เหม่ยลี่ไม่สบายใจ เรียกจื่อเหลียงไว้ พลางถาม
“ท่านรองหลิน ฉันเป็นผู้ช่วยนักออกแบบมาตลอด คงไม่ดีมั้งคะ”
“โธ่เอ๊ย คุณเป็นคนใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ถ้าได้นักออกแบบหลิวมาสอน ผมก็วางใจแล้ว สู้ๆ”
จื่อเหลียงตบแขนเบาๆ ยิ้มแสนดีให้ แล้วเดินเข้าห้องไปเลย
ซือหยวนยืนอึ้ง คับแค้นใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งตามจื่อเหลียงไป
เหม่ยลี่มองตามอย่างไม่สบายใจ
อ่านต่อตอนที่ 16