หัวใจและไกปืน ตอนที่ 2
ราเชนทร์ส่ายศูนย์กล้องปืนมอง เริ่มนิ่ง เขาเห็นรถแล่นเข้ามา
เล็กขาวเดินเตร่ๆ ในห้องเช่า เห็นลูกบิดประตูยุกยิก จึงมาดักตรงประตู จันทร์แจ่มเข้ามาก็ตกใจ เล็กขาวล็อคเอาไว้ได้ ปิดปากไม่ให้จันทร์แจ่มร้อง หญิงสาวดิ้น เล็กขาวต่อยท้องเธอจนจุกร้องไม่ออก ราเชนทร์ชำเลืองมอง
“เล็ก”
“สบายพี่ เอาอยู่ พี่จัดการไป”
จันทร์แจ่มดิ้นขัดขืน ก็ถูกเล็กขาวตบอย่างไม่ปราณี ขณะนั้นรถของเป้าหมายที่ราเชนทร์กำลังเล็งปืนอยู่แล่นเข้ามาจอด นักข่าวลุกกันพรึ่บพรั่บ หมวดเชลียง จ่าสมาน ตำรวจอีก 3-4 นาย ดูแลความเรียบร้อยอยู่ หมวดเชลียงมองรอบด้าน รู้สึกสังหรณ์ใจ
ภาพในกล้องเล็งศูนย์ปืนของราเชนทร์ นักธุรกิจที่เป็นเป้าหมาย ยังคงนั่งอยู่ในรถ ข้างๆ มีภรรยานั่งอยู่ด้วย ภรรยาแต่งหน้าจัดจ้าน เสียงจันทร์แจ่มยังคงอึกอักอยู่ภายในห้อง ราเชนทร์ไม่ได้ละสายตาจากศูนย์เล็งปืน เล็กขาวเอาเทปมัดปากจันทร์แจ่มไว้ ราเชนทร์เล็งในศูนย์ปืน เล็กขาวลากจันทร์แจ่มมากองอยู่ข้างๆ ราเชนทร์ ราเชนทร์พูดโดยไม่ละสายตาจากศูนย์เล็ง
“อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง”
เล็กขาวเอียงคอมองราเชนทร์ พูดยิ้มๆ
“ผมรับคำสั่งเตี่ยคนเดียวนะเฮีย”
ราเชนทร์ยังคงส่ายศูนย์ปืนกล้องจับอยู่ที่ประธาน รอให้ลงจากรถ เสียงโทรศัพท์มือถือเล็กขาวดังขึ้น
“ครับ เตี่ย”
หมวดเชลียงยืนดูแลความเรียบร้อยอย่างเคร่งเครียด ประธานลงจากรถ ส่วนภรรยานั่งอยู่ในรถ
กำลังเตรียมตัวลง เล็กขาวกลืนน้ำลายหวั่นๆ นิ่งฟังโทรศัพท์
“เตี่ยโทรมาว่า”
“ครับ”
เล็กขาวรับคำทางโทรศัพท์แล้วกระชับปืนในมือ ราเชนทร์ย้ำถาม
“ยกเลิก หรือว่า ไปต่อ”
เล็กขาวหนักใจ “เปลี่ยนเป้าหมาย เป็นเมียครับพี่”
“ฮื้อ”
ภาพในเป้าเล็งเบี่ยงไปยังคนเป็นภรรยาซึ่งนั่งเเต่งหน้าอยู่ข้างๆ
“พี่ต้องยิงผู้หญิงครับ”
“เตี่ย ไม่”
เล็กขาวเอานิ้วกดบลูทูธแนบหู หนักใจ ฟังให้ชัดขึ้น
“ครับ เตี่ย เอ่อ ครับ”
เล็กขาวรับคำอย่างจำใจ แล้วเอาปืนจ่อหัวราเชนทร์
“ไอ้เล็ก”
“ผมขอโทษ พี่ต้องยิง”
“เอ็งว่าพี่กลัวตายมั้ย”
“พี่ไม่ยิง อีนี่ ตาย”
เล็กขาวเอาปืนจ่อหัวจันทร์แจ่ม
“ไอ้เล็ก”
“หนู ไม่รู้เรื่อง”
“อีเมียมันบงการผัวอีกที พี่จัดไป แผ่นดินสูงขึ้น อีเด็กนี่รอด ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวนะพี่”
เล็กขาวปลดล็อคปืน ตั้งใจจะยิงจันทร์แจ่มแน่
“ผมไม่ได้ขู่นะพี่”
ราเชนทร์กลืนน้ำลาย สงสารจันทร์แจ่ม เขาเอานิ้วออกจากไกปืน แล้วชะงัก เล็กขาวดึงจันทร์แจ่มลุกขึ้น หน้าแนบปืนราเชนทร์ หัวอยู่ชิดกันมีเพียงปืนกั้นอยู่ แล้วเล็กขาวเอาปืนจ่อหัวจันทร์แจ่มคิดว่าถ้ายิงก็ทะลุโดนราเชนทร์ด้วย
“เราถอยไม่ได้แล้วพี่”
ราเชนทร์ถูกปืนจ่อหัว ตายังอยู่ที่ศูนย์ปืน
“ไอ้เล็ก”
ราเชนทร์เปลี่ยนเป้ามายังภรรยาที่แต่งหน้าอยู่ เธอกำลังลงจากรถตามสามีมา แล้วราเชนทร์ก็ต้องตะลึงเมื่อเหยื่อที่ลงจากรถมานั้น ท้องโย้ไม่ต่ำกว่าเจ็ดเดือน
“โทษทีนะ ศาสดา ถึงท้องก็ต้องยิง”
“คนท้อง เอ็งรู้มาก่อน”
“ผมรู้ ผมตื่น ผมเบิกบาน งานวัดใจจากเตี่ย”
เล็กขาวคะนองเอาสายฟังหัวใจที่คาอยู่ตรงคอจันทร์แจ่ม เสียบหูเธอ แล้วจับหูฟังแนบอกราเชนทร์ เสียงหัวใจราเชนทร์ดังก้องอยู่เป็นจังหวะปกติไม่มีอาการตื่นเต้น
“เป็นไงน้อง หัวใจลูกพี่”
จันทร์แจ่มดิ้นไปมา ราเชนทร์ยังไม่ยิงคนท้อง เล็กขาวกดจันทร์แจ่มนอนลงพื้น เอาเท้ากระทืบมือ หญิงสาวที่นอนแนบพื้นอยู่เร่งเร้า
“ถ้าไม่ยิงเขา จะกระทืบอีนี่จนตาย”
ราเชนทร์ได้ยินเสียงกระดูกนิ้วจันทร์แจ่มแตก เเต่เสียงหัวใจเขายังเต้นเป็นจังหวะปกติ
“โอ๊ย อย่า”
“ไอ้เล็ก”
“เลือกเอา จะใช้หัวใจ หรือ ไกปืน”
เล็กขาวบดมือจันทร์แจ่ม หญิงสาวน้ำตารินร้องเสียงอู้อี้มองมือตัวเองที่ถูกรองเท้าส้นหนาเหยียบบด ราเชนทร์นิ่ง เหงื่อซึมหน้าผาก แต่เสียงหัวใจเขาที่เล็กขาวย้ายกลับมาจ่อที่เดิม ดังเป็นจังหวะอยู่ในหู จันทร์แจ่มแบบสม่ำเสมอ ราเชนทร์มองท้องของเหยื่อที่ตั้งครรภ์แก่ ตัดสินใจปลายนิ้วสั่นเบาๆ เเววตาอีกข้างของเขาที่ไม่ได้อยู่ในศูนย์ปืนมีน้ำตาลูกผู้ชายไหลลงมา จันทร์แจ่มเอียงหน้ามองเขาน้ำตาริน ราเชนทร์กลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ปลายนิ้วกระตุก เสียงหัวใจของเขายังคงเต้นดังในหูจันทร์แจ่มเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ร่างประธานสาวหัวทะลุเซไปตายคาอกหมวดเชลียง การ์ดแตกฮือ ความสับสนอลหม่านวุ่นวายไปทั่ว หมวดเชลียงมองหาจุดที่มือปืนยิงมา เขาวิ่งข้ามถนนไปทันที พลางตะโกนบอกจ่าสมาน
“ดูแลประธาน ไม่ต้องตามมา”
จ่าสมานชะงักสองจิตสองใจได้แต่ชะเง้อมองตาม หมวดเชลียงวิ่งข้ามถนน โดนรถเสย กลิ้งไปบนกระโปรงรถ เขาลุกขึ้นกะเผลกวิ่งต่อไป เล็กขาวชะเง้อมองความวุ่นวายฝั่งตรงข้าม
“สุดยอดเลยพี่ ไม่เสียแรงที่ผมเคารพ”
จันทร์แจ่มดิ้นหลุดไปร้องไห้ด้วยความกลัวอยู่มุมห้อง เธอกุมมือตัวเองเจ็บปวด เล็กขาวเดินไปลาก
หญิงสาวมาบังเขาเอาไว้ระหว่างตัวเขากับราเชนทร์ ปืนประทับอยู่บนบ่าจันทร์แจ่มชิดติดหูเธอ
“พี่ไม่โกรธผมนะ”
เล็กขาวยังคงส่องปืนไปทางราเชนทร์
“ยังไง ยังไง ไอ้เล็ก เตี่ยสั่งอะไรมาอีก”
ราเชนทร์ถามเพราะเป็นห่วงจันทร์แจ่ม
“พี่โยนปืนมาให้ผม”
“ตำรวจกำลังจะมาที่นี่แล้ว”
“พี่เอาปืนมาให้ผมก่อน เร็วเข้า”
ราเชนทร์มองปืนในมือ เล็กขาวกลัวศักดิ์ศรีราเชนทร์
“นะ พี่ เร็ว”
ระหว่างนั้น หมวดเชลียงวิ่งเซขึ้นบันไดไปอย่างเอาเป็นเอาตาย ขณะที่ราเชนทร์ขุ่นเคืองเล็กขาว แต่ทำอะไรไม่ได้
“เอ็งอยากขึ้นมาแทนพี่มากนักใช่มั้ย”
เล็กขาวพยักหน้ายอมรับ
“ให้ทาย เร็ว ปืน”
ราเชนทร์ฟึดฟัดแล้วก็โยนปืนไปทางเล็กขาว จันทร์แจ่มกัดฟันเอาศอกกระทุ้งเล็กขาว
“โอ๊ย”
เล็กขาวยกปืนตบเข้าที่หูจันทร์แจ่มเต็มแรง แล้วปืนก็ลั่นใส่ราเชนทร์
“อ๊าย”
จันทร์แจ่มหูลั่นด้วยความดังของเสียงปืน ล้มลง ร่างราเชนทร์สะบัด กระสุนเฉียดเเขนเขาไป ราเชนทร์คว้าปืนที่ขาออกมา จันทร์แจ่มไม่ได้ยินเสียงรอบด้านเลย
“พี่เชนทร์ ผม”
ราเชนทร์จะยิงเล็กขาว แต่จันทร์แจ่มลุกขึ้นปิดหูร้องกรี๊ดยืนบังจุดตายของเล็กขาว ราเชนทร์เปลี่ยนมุมหลบ เล็กขาวมองไปทางประตู แล้วก็วิ่งพุ่งออกไป กระสุนพุ่งโดนกรอบประตูถากเล็กขาวไป ราเชนทร์มองจันทร์แจ่ม ซึ่งมีเลือดไหลรินออกมาจากช่องหูอย่างเป็นห่วง
เล็กขาววิ่งออกมาจากห้องเช่า เลี้ยวหลบไปอีกทาง หมวดเชลียงวิ่งมาคลาดกับเล็กขาวไป ราเชนทร์วิ่งตามออกมาหน้าประตูห้อง หมวดเชลียงยกปืนส่อง
“หยุดนะ”
ราเชนทร์ชะงัก วิ่งไปอีกทาง หมวดเชลียงยิงถากไป แล้ววิ่งตามไปหน้าประตูห้อง เห็นจันทร์แจ่ม แล้วออกวิ่งตามต่อ พลางพูดวิทยุกับจ่าสมาน
“จ่า อาคารฝั่งตรงข้าม ห้องเช่า ตัวประกันบาดเจ็บ”
“รับทราบครับผม”
หมวดเชลียงตามราเชนทร์ไปอย่างไม่ลดละ ราเชนทร์วิ่งข้ามสะพานลอยไป แล้วกระโดดลงจากสะพานลอยขึ้นหลังคารถบรรทุกคันหนึ่ง หมวดเชลียงไม่ยอมแพ้กระโดดไล่ตาม จนปืนกระเด็นหลุดมือตกลงถนน รถทั้งสองคันแล่นคู่กันไป หมวดเชลียงลุกขึ้นยืนบนหลังคารถที่แล่นอยู่ ก็พบว่า ราเชนทร์ยืนเอาปืนจ่อหน้าเขาอยู่แล้วบนหลังคารถที่แล่นคู่กันไป ทั้งคู่สบตากัน ราเชนทร์เก็บปืน ไม่ยิง ยืนจ้องหน้ากัน หมวดเชลียงงุ่นง่านทำอะไรไม่ได้ แล้วรถของหมวดเชลียงก็แล่นเลี้ยวไปทางอื่น ราเชนทร์ทรุดตัวลงนั่งบนหลังคารถ ทอดถอนใจ รู้สึกผิด
เสียงแตรรถดังต่อเนื่อง แสงไฟสาดจ้าเข้าหน้าราเชนทร์ที่กำลังจะข้ามถนน เขาชะงักถอยกลับ
เสียงคนขับตะโกนโหวกเหวก ราเชนทร์ตั้งสติแล้วก็หันมองทางถนนที่รถวิ่ง แล้ววิ่งกะเผลกข้ามถนนไป
หมวยนั่งดูรูปราเชนทร์เก่าๆ ที่เคยถ่ายไว้ด้วยกัน แล้วก็ลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเปลี่ยนชุดนักเรียนออก หันไปทางประตูโดยบังเอิญ
“เตี่ย”
เฮียตงนิ่งมอง เดินเข้ามาในห้อง เห็นกางเกงยีนส์เก่าๆ วางอยู่บนเตียง
“ซื้อของมือสองอีกแล้ว เงินทองเตี่ยก็ให้”
“หมวยชอบของมีตำหนิ”
เฮียตงมองรูปราเชนทร์ที่อยู่หน้ากระจก
“ทำไมไม่ใช้ของใหม่ไปเลย”
“หมวยก็เก่าแล้ว ไม่เห็นเตี่ยอยากมีลูกใหม่เลย”
เฮียตงยืนมอง หมวยจับกระดุมนิ่ง เสียงข้อความของเฮียตงดังขึ้น เฮียตงกดโทรศัพท์
“งานเข้า” หมวยถาม
เฮียตงพยักหน้า แล้วก็เดินออกมา หมวยมองตาม เสื้อไหล่ตก เปลือย เธอเหลียวมองตัวเองถอนใจ ก่อนจะมองรูปราเชนทร์
ราเชนทร์เดินเข้ามาภายในบ้าน ภรรยาท้องแก่นอนอยู่ในห้อง
“กลับมาเเล้วเหรอ”
“อือ นอนเหอะ เดี๋ยวลูกดิ้น”
“ปิดไฟห้องน้ำด้วยนะ”
ราเชนทร์เดินมานั่งที่เตียง มองดูพุงผู้หญิงท้องที่นอนเอาผ้าห่มปิดหน้าเพราะไฟแยงตาอยู่ เขาจับสัมผัสลูกเบาๆ ปลื้มปริ่ม ขอบตารื้น ไม่สบายใจ ต้องตัดสินใจหนักหน่วง มองปืนที่อยู่ไม่ไกลวางรวมอยู่กับเสื้อ เขาเอาหน้าแนบท้องฟังเสียงลูก ภรรยาอืออาเหมือนหลับอยู่ แล้วรำคาญนิดๆ ราเชนทร์แนบท้องฟังเสียงลูก ตามองปืนไกทอง พลางถอนใจ
8 ปีต่อมา เล็กขาวเล็งปืนสไนเปอร์ ท่าทางคล้ายๆ ราเชนทร์ ขณะที่ราเชนทร์กำลังกรวดน้ำอยู่กับเด็กชายอายุ 8 ขวบ ภายในวัด
“ยะถา วาริวะหา ปูรา เอวะเมวะ อิโต ทินนัง อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา ปะริปูเรนติ สาคะรัง เปตานัง อุปะกัปปะติ ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ จันโท ปัณณะระโส ยะถา มะณิ โชติระโส ยะถา ฯ”
จากนั้น ราเชนทร์เอาดอกไม้วางลงที่เจดีย์บรรจุกระดูก ตรงระเบียงกำแพงวัด ส่วนบดินทร์ เด็กน้อยวัย 8 ขวบ นั่งคุกเข่ายกมือไหว้เจดีย์บรรจุกระดูกแม่ เมื่อทำพิธีกรรมเสร็จ สองพ่อลูกเดินจูงมือคุยกันมา
“แม่เขาเป็นอะไรตายนะพ่อ”
“โรคไต”
“ตะเตือนไต”
ราเชนทร์ยิ้มเหงาๆ “ไปเอามาจากไหน”
“พี่แจ๋มสอน”
ราเชนทร์ชะงัก เมื่อได้ยินชื่อจันทร์แจ่ม บดินทร์ดึงแขนพ่อให้เดินต่อ พูดแจ้วๆ
“พี่แจ๋มชอบเล่า อดเป็นหมอมันตะเตือนไต”
ราเชนทร์ทรุดตัวลงนั่งพูดกับลูก มองหน้าลูกด้วยความเมตตา
“หนูต้องตั้งใจเรียนรู้มั้ยลูก ฟังที่พี่แจ๋มเขาสอน”
“แล้วถ้าหนูไม่ตั้งใจเรียนล่ะ”
“พ่อก็ ตะเตือนไต” ราเชนทร์ยิ้มเศร้าๆ
บดินทร์หัวเราะกับพ่อแล้ววิ่งตื๋อนำหน้าไป พอลับหลังลูก ราเชนทร์ก็ถอนใจ รอยยิ้มจางหาย
บริเวณศาลาสาธารณะในชุมชน เสียงเด็กเเจ้วๆ ท่องสูตรคูณดังแว่วมา จันทร์แจ่มยืนอยู่หน้าชั้น จดสูตรคูณแม่ต่อไปให้เด็กๆ ท่อง บดินทร์เองก็ตะโกนท่องสูตรคูณอยู่ในนั้นด้วย
“อ่ะๆ ทีนี้จะไม่ให้ดูกระดานนะ ใครท่องได้ออกมาหน้าห้องมา”
บดินทร์ยกมือ จันทร์แจ่มยิ้มให้
“แน่ใจ”
บดินทร์พยักหน้าเดินออกมาหน้าห้อง
“พ่อบอกให้ตั้งใจเรียน”
“แล้วท่องได้แน่นะ”
“สูตรคูณแค่เนี้ย”
“อือ”
“แม่สองนี่ท่องถอยหลังยังได้”
“ไหนลองสิ”
“สองหนึ่งสอง สองสองสี่ สองสามหก สองสี่แปด”
บดินทร์ท่องไป เดินถอยหลังไปด้วย เพื่อนในห้องโห่ หัวเราะ จันทร์แจ่มยิ้มส่ายหน้า
“พอเลย พอเลย กลับไปนั่งที่ได้”
สารวัตรเชลียงเดินเข้ามา
“ขออนุญาตครับ”
จันทร์แจ่มหันมองตามเสียงเรียก เห็นสารวัตรหนุ่มยืนยิ้มอยู่
“สารวัตร”
“ขอเชิญคุณไปโรงพักด้วยครับ”
“ยังไม่เที่ยงเลย พักไม่ได้ เคยตัว”
จันทร์แจ่มชี้ไปที่เด็ก สารวัตรเชลียงพยักหน้าให้
“รอ”
จันทร์แจ่มพยักหน้าให้ สารวัตรเชลียงมองเด็กๆ บดินทร์มองสารวัตรเชลียงอย่างเฉยชา
สารวัตรเชลียงกับจันทร์แจ่มนั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันอยู่อย่างเป็นกันเองที่ร้านรถเข็นริมถนน จันทร์แจ่มก้มหน้าก้มตากิน
“เป็นไงมั่ง”
“ก็อร่อยดี”
“ชีวิต เป็นไงมั่ง ไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว”
“ดีๆ เดิมๆ เรื่อยๆ”
สารวัตรเชลียงเอานิ้วเคาะหูจันทร์แจ่ม
“อาการ”
จันทร์แจ่มชะงัก วางตะเกียบ
“ได้ยินชัดมาก”
จันทร์แจ่มดีดนิ้วตรงหูตัวเอง แต่เสียงดีดนิ้วที่ดังออกมาเป็นเสียงปืนดังก้องจากเมื่อครั้งอดีต ที่เล็กขาวเอาปืนตบหูเธอแล้วปืนลั่นขึ้น จันทร์แจ่มกรีดร้องเซทรุดล้มลง เลือดไหลออกจากหู เสียงวี้ดลั่นดังก้องอยู่ สารวัตรเชลียงตบมือตรงหน้าจันทร์แจ่ม
“แจ๋ม”
จันทร์แจ่มได้สติ สะดุ้ง
“หือ”
“ที่ว่าได้ยินชัดน่ะ เสียงพูดเหรอ” สารวัตรเชลียงชี้ปากตัวเอง
จันทร์แจ่มยิ้ม ส่ายหน้า “เสียงปืน”
“จะลองไปให้หมอเขาดูอีกรอบมั้ยล่ะ”
จันทร์แจ่มส่ายหน้าปลงๆ “อายุปูนนี้แล้ว ช่างมันเหอะ ถึงเขาให้สอบหมอได้ ก็ไม่มีปัญญาไปอ่านหนังสือเเข่งกับเด็กๆ มันเเล้ว”
สารวัตรเชลียงนิ่งไป ก้มหน้าเขี่ยก๋วยเตี๋ยว จันทร์แจ่มเงยหน้ามอง
“สารวัตรทำดีที่สุดแล้ว”
“ดีที่สุดผมก็ยังจับมันไม่ได้ ครบรอบแปดปีวันนี้แล้ว รู้เปล่า”
“จำได้ขนาดนั้นเลย”
สารวัตรเชลียงพยักหน้า
“ถ้าเจอนะ”
สารวัตรเชลียงตบปืนที่เอวโดยไม่รู้ตัว
“แต่ถ้าแจ๋มเจอ แจ๋มอยากถามเขาว่า แจ๋มทำผิดอะไร ทำไมต้องเอาอนาคตของแจ๋มไปด้วย ชีวิตแจ๋มที่เหลือจากวันนั้น มันไม่มีอะไรเลย”
จันทร์แจ่มนั่งนิ่ง สารวัตรเชลียงถอนหายใจเห็นใจหญิงสาว จันทร์แจ่มฝืนยิ้มทำลายความเงียบ
“แต่ก็ดีนะ แจ๋มก็ได้เจอหมวดหนุ่มที่ตามสืบพยานนานเป็นสิบปีคนนี้ไง”
“สารวัตร ไม่ใช่หมวด”
“ครับ สารวัตร” จันทร์แจ่มตะเบ๊ะแกล้ง
เสียงวิทยุตำรวจของสารวัตรเชลียงดังขึ้น แจ้งเข้ามาว่ามีเหตุร้าย สารวัตรหนุ่มมองจันทร์แจ่มอย่างเกรงใจ
“ไปทำงานของสารวัตรเหอะ หมดเวลาพักเเล้ว”
สารวัตรเชลียงเดินไปจ่ายเงินลวกๆ
“ระวังตัวด้วยนะคะ”
“ห่วง”
“ประมาณนั้น”
จันทร์แจ่มแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่สบายใจ สารวัตรเชลียงยิ้ม เดินขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจจากไป
ภายในร้านเหล็ก ที่รับเชื่อมทำประตูทำรั้ว ราเชนทร์กำลังตัดท่อเหล็ก ใบตัดพ่นไฟกระจาย เสียงหวอเลิกงานดัง คนงานเดินผ่าน เอาเท้าเตะราเชนทร์เบาๆ เขายังคงตัดขอบท่อ ไฟฟู่กระจายอยู่ เล็กต้อยทักขึ้น
“เฮ้ย”
“ครับ”
“เลิกงานแล้ว อย่าขยันมาก คนอื่นเดือดร้อน” แดงด้วนเสียงเข้ม
“แป๊บ พี่ จะเสร็จแล้ว”
“บอกให้เลิกไง กฎเขามีอยู่ ห้าโมงแล้ว” เล็กต้อยย้ำ
“ผมมีโอที”
เเดงด้วนเอาเรื่อง มีเพื่อนมุงเข้ามา
“เอาไง ยังไง”
ราเชนทร์นิ่ง ถอนใจปิดเครื่อง
“ครับพี่ ผมกลับบ้านไปหาลูก”
ราเชนทร์ลุกขึ้นนอบน้อม เล็กต้อยตบหัวราเชนทร์เหมือนลูกไล่ หลายคนหัวเราะ
ตอนเย็น พ่อเเม่เด็กทยอยพากันมารับลูกไป
พ่อแม่เด็กเป็นคนงานก่อสร้างบ้าง ชาวบ้านบ้างเอาเงินค่าเลี้ยงดูให้จันทร์แจ่ม บางคนก็บอกขอติดเงินไว้ก่อน จันทร์แจ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร บดินทร์ชะเง้อมองหาพ่อ จันทร์แจ่มเดินมาหา
“คนสุดท้ายเหมือนเดิม”
บดินทร์พยักหน้า นั่งวาดรูปค้างอยู่ จันทร์แจ่มชะโงกมองดูรูปวาด เป็นรูปพ่อจูงมือลูก
“อยู่กับพ่อสองคนมานานแล้วสิ”
“อยู่กับพ่อคนเดียว”
“สองคน หมายถึงหนูกับพ่อเชนทร์ไง สองคน”
“ก็เมื่อกี๊บอกอยู่กับพ่อสองคน”
บดินทร์บ่น สนใจแต่วาดรูป จันทร์แจ่มลูบหัวลูบหลังเด็กน้อย ไม่รู้ว่าราเชนทร์เดินเข้ามายืนมอง
“พี่แจ๋มอยู่คนเดียวมานานรึยัง”
“หลายปีแล้วนะ”
“พ่อ แม่ พี่แจ๋มไปไหนล่ะ”
จันทร์แจ่มไม่อยากพูดถึง
“นั่นดิ ก่อนมาเจอพี่ พ่อเชนทร์ทำงานอะไร”
ราเชนทร์กำลังจะเดินเข้าไป ก็ชะงักกลืนน้ำลาย
“แม่บอกว่า”
บดินทร์ทำท่ายิงปืน ชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางติดกันส่องมาทางจันทร์แจ่ม ราเชนทร์ส่งเสียงทักทันที
“ไง ไอ้หนู”
“พ่อมาแล้ว”
“พี่เชนทร์”
ราเชนทร์ชูแกงถุงข้าวห่อ
“วันนี้เงินออก กินข้าวด้วยกันนะ พี่เลี้ยง”
“รวยจังเหอะ มีแกงอะไร”
“แกะ”
จันทร์แจ่มประหลาดใจ คาดไม่ถึง บดินทร์ร้องดีใจ
“เย้ ได้กินแกะอีกแล้ว”
ทั้งสามพากันมากินข้าวที่บ้านเช่าของราเชนทร์ แล้วช่วยกันแกะถุงแกง
“เนี่ยนะแกะ แกะถุงใส่จานอ่ะดิ”
จันทร์แจ่มกระเซ้า ราเชนทร์ยิ้ม บดินทร์เซ็ง
“ใช่น่ะสิ โหยนี่แกงแกะ อันนี้ก็ผัดแกะ”
“ผัดกะเพรา แล้วนี่ก็แกงส้ม ไปหลอกเด็ก” จันทร์แจ่มค้อนราเชนทร์ยิ้มๆ
“บอกเขาไปลูก”
“แกะจริงๆ เนี่ยไง พ่อแกะอยู่”
ราเชนทร์ยิ้มน้อยๆ “เห็นมั้ย เด็กมันยังรับได้เลย”
“วันนี้สารวัตรมารับพี่แจ๋มไปกินข้าวอีกแล้ว”
ราเชนทร์ชะงัก พยายามเก็บพิรุธ จันทร์แจ่มกระตุกไปนิด
“เขาผ่านมาเฉยๆ ก็ดีนะ เขาก็ไม่ทิ้งคดี”
“คดีมันหมดอายุความไปแล้วมั้ง เขาชอบแจ๋มน่ะสิ” ราเชนทร์หยั่งเชิง
“หา พี่ว่าอะไรนะ”
จันทร์แจ่มหันหูอีกข้างเอียงฟังให้ชัดๆ ราเชนทร์สะท้อนใจ
“พี่ว่าเขาชอบเเจ๋มมั้ง”
“เขาจะมาชอบอะไรแจ๋ม พี่กับสารวัตรนี่ยังไม่เคยเจอกันเลยสักทีนี่นะ คลาดกันไปถากกันมา”
“ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเจอกันนี่ พี่ก็ทำงานของพี่”
“วันหลังแจ๋มจะชวนมาให้เจอกันทีเหอะ จะได้คุยกันเอง ว่าใครกันแน่ ชอบแจ๋ม”
จันทร์แจ่มชำเลืองตามอง อารมณ์ดี ราเชนทร์ก้มหน้ากินข้าว
“อย่าเลย”
“อย่าเลยอะไร” จันทร์แจ่มยิ้ม เป็นต่อ
“พี่จะเอาอะไรไปสู้เขา”
จันทร์แจ่มชี้ตัวเอง ยิ้มๆ “ถามกรรมการนี่ ลำเอียงอยู่”
ราเชนทร์อึกอักกินข้าวไม่พูดอะไร บดินทร์ยิ้มแก้มตุ่ย จันทร์แจ่มเห็นราเชนทร์นิ่งไปก็ยิ้มขำ
หมวยลงจากเครื่องบิน เดินออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า พร้อมกระเป๋าใบใหญ่ มองหาคนที่มารอรับ เฮียตงกับเล็กขาวยืนรออยู่ มีสมุนประกบ จากนั้นเล็กขาวก็ขับรถออกไปสนามบิน โดยมีเฮียตงกับหมวยนั่งอยู่เบาะหลัง
“เตี่ยคิดว่าหนูจะไม่กลับมาแล้ว”
“ถ้ามีสูงกว่าปริญญาเอก หมวยก็คงไม่กลับ”
เล็กขาวมองกระจกส่องหลัง
“คุณหมวยสวยขึ้นนะครับ”
“ขอบใจ ได้ข่าวลูกพี่เรามั่งมั้ย”
เฮียตงมองหมวย ปากกระตุก
“ใครครับ”
หมวยยิ้มหยัน “ลืมศาสดาของเราแล้วเหรอ”
“อ๋อ ฮ้า ราเชนทร์ ไกทอง ตายไปแล้วมั้ง ผมว่า ตั้งแต่พลาดไปยิงคนท้องเข้า ก็หายหัวไปเลย ไม่กล้าโผล่มา”
“พลาดหรือใครสั่ง”
เฮียตงเงียบ
“คุณหมวยไปเรียนนอก พร้อมๆ กับที่ไอ้เชนทร์มันหายไปน่ะเเหละครับ”
“ไอ้เชนทร์”
“พี่เชนทร์ครับ ผมเนี่ยนะ จะไปเรียกพี่เขาไอ้ ผมเคารพพี่เขาจะตาย”
หมวยแค่นหัวเราะ มองออกไปนอกหน้าต่างรถ
จันทร์แจ่มเหม่อๆ สอนนักเรียนอยู่ มองไปยังเก้าอี้นักเรียนที่ว่างอยู่หนึ่งตัวอย่างกังวล
“อ่ะนี่นะ นี่ตรงข้อมือนี่ นักเรียนเอานิ้วโป้งกดดูตรงใต้ข้อมือนะจะรู้สึกว่ามันเต้นตุ่บๆ เขาเรียกว่า ว่าอะไรคะ”
เด็กตอบพร้อมกัน “ชีพจร”
“อ่ะ ลองจับดูนะ เต้นมั้ย ทุกคน มันต้องเต้นตุ่บๆ นะ ตามจังหวะหัวใจ”
เด็กๆ ผลัดกันจับหาชีพจรกันสนุกสนาน จันทร์แจ่มมองออกไปข้างนอกเห็นราเชนทร์อุ้มบดินทร์มา
“ทำไมวันนี้มาสาย”
“เห็นบ่นไม่ค่อยสบาย ฝากด้วยนะ”
“ขี้เกียจเรียนรึเปล่า”
บดินทร์ส่ายหน้า ไม่สบายตัว
“อ่ะ ไปหาคู่จับชีพจรดู ที่สอนไป ดูซิ หาของเพื่อนเจอมั้ย”
จันทร์แจ่มดันบดินทร์เข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อน
“สุขศึกษา หาอะไรให้เด็กเล่นมั่ง จะได้ไม่เบื่อ”
ราเชนทร์พยักหน้า
“ไหน มาตรวจชีพจรหน่อยซิ”
จันทร์แจ่มจะดึงมือราเชนทร์มาจับ แต่ชายหนุ่มรั้งไว้ ซ่อนมือไว้ด้านหลัง
“อย่าเลย พี่ไม่มีหัวใจ”
จันทร์แจ่มยิ้ม “มันมีจริงๆ นะพี่ ทำเป็นเล่นไป คนที่ไม่ใช้หัวใจน่ะ”
ราเชนทร์มองหน้าหญิงสาว ไม่สบายใจนัก รู้สึกผิด จันทร์แจ่มเหม่อ เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอดังแว่วมา
“มันนิ่งมาก มันทำทุกอย่าง เหมือนเครื่องจักร หัวใจมันเต้นเป็นปกติมาก แม้ในขณะที่มันกำลังจะฆ่าคน”
จันทร์แจ่มนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อน วันนั้นเธอถูกเล็กขาวกดหน้าอยู่กับพื้น มีหูฟังสวมอยู่
เล็กขาวเอาหูฟังแนบกับอกของราเชนทร์ ขณะที่เขากำลังเล็งประทับปืนอยู่
“แจ๋มว่า ชีพจรมันไม่ได้เต้นตามหัวใจหรอก”
ราเชนทร์กลืนน้ำลายหนักใจ เสียงหัวใจยังคงดังก้องเหมือนว่าเขาจะได้ยินด้วย
“ไม่หรอก คนเราต้องใช้หัวใจสูบฉีดโลหิต”
จันทร์แจ่มมองราเชนทร์เต็มตา เจ็บช้ำแต่ไม่ได้สงสัยอะไร
“แจ๋มว่า ชีพจรมันเต้นตามไกปืน”
ราเชนทร์ถอนหายใจหนักหน่วง มองดูลูกที่อาการไม่ค่อยดีนัก นั่งเล่นจับชีพจรอยู่กับเพื่อน
“พี่ไปทำงานเหอะ ไม่ต้องห่วงไอ้หนู”
ราเชนทร์พยักหน้า เห็นใจหญิงสาว
“พี่เสียใจด้วยนะ ที่แจ๋ม ไม่ได้เป็นหมออย่างที่เคยฝัน”
จันทร์แจ่มยิ้ม เคาะหูตัวเอง
“เสียใจทำไม พี่ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้หูแจ๋มเสียซะหน่อย”
ราเชนทร์หม่นหมอง พยักหน้า รู้สึกผิด อยากสารภาพเหลือเกิน แต่ก็ต้องจำใจเดินหันหลังจากมา
หมวยกำลังพูดโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่บนรถเฮียตง
“เออ เพิ่งลงเครื่องเลย ได้ๆ แล้วจะไปหา ให้ฉลอง แค่นี้นะ”
“กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าซะให้สบายตัวก่อน แล้วจะไปไหนก็ค่อยไป”
หมวยมองเฮียตง เอือมนิดๆ แล้วหันไปพูดกับเล็กขาว
“แวะร้านสะดวกซื้อหน่อย”
เล็กขาวมองกระจกหลัง มองหมวย แล้วมองเฮียตงเหมือนจะให้สั่ง
“หมวยบอก ก็เหมือนเตี่ยบอกน่ะแหละ”
“เราอยากได้อะไร” เฮียตงถาม
หมวยมองเล็กขาวเอาแต่ใจว่าจะจอดหรือไม่จอด
แล้วรถขาวก็จอดรถให้ หมวยเดินเลือกซื้อของกินกระจุกกระจิกในร้านสะดวกซื้อ เฮียตงเดินเข้ามาเป็นเพื่อน
เล็กขาวนั่งรออยู่ในรถ มองรอบด้านระเเวดระวัง แล้วก็ต้องรูดตัวลงกับเบาะคางชิดพวงมาลัยรถ เมื่อเห็นรถตำรวจแล่นเข้ามาจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อ จ่าสมานกับสารวัตรเชลียงเดินลงจากรถตำรวจมา แล้วก็เดินตรงเข้าไปด้านในร้าน เล็กขาวมองอย่างไม่สบายใจ
จ่าสมานกับสารวัตรเชลียงผลักประตูเข้าไปภายในร้าน คนละล็อคกับหมวยเเละเฮียตงที่กำลังเดินเข้ามายืนต่อแถวรอจ่ายเงินอยู่ ภายในร้านมีคนท่าทางไม่น่าไว้ใจสองคนเดินตามหมวยกับเฮียตงไปยังช่องจ่ายเงิน โดยไม่เห็นว่าจ่าสมานกับสารวัตรเชลียงเดินอยู่อีกล็อคหนึ่ง ชายสองคนมองหน้ากัน แล้วชักปืนออกมา
“เงียบๆ นะ ทุกคน”
“อ๊าย” หมวยร้องตกใจ
คนร้ายล็อคคอหมวยเอาไว้เป็นตัวประกัน เฮียตงตกใจ
“อย่าเสียงดัง ได้เงินแล้วจะไป ไม่มีใครตาย”
จ่าสมานกับสารวัตรเชลียงได้ยินเสียง ค่อยๆ ย่องไปอีกล็อค จ่าสมานเห็นสารวัตรเชลียงปลดล็อคปลอกใส่ปืน เขาส่ายหน้าเหมือนจะเตือน สารวัตรเชลียงทำมือไม่ให้จ่าสมานพูดมาก
“ไอ้น้อง ใจเย็นๆ ปล่อยลูกอั๊ว”
“บอกให้เงียบ”
คนร้ายถีบเฮียตงลงไปนอนจุก คนร้ายอีกคนบุกเข้าไปเอาเงิน
“อย่าพูดมาก ไม่งั้นโดนอีก”
คนร้ายกวาดเงินอย่างเร่งรีบ เล็กขาวอยู่ในรถ ชะเง้อมองเข้าไปในร้าน อยู่ในมุมที่ไม่เห็นอะไร
“ซื้ออะไร นานนักวะ”
เล็กขาวสองจิตสองใจ เปิดคอนโซลรถมองปืนอย่างชั่งใจ เวลาเดียวกันนั้น สารวัตรเชลียงกับจ่าสมาน อ้อมแยกกันไป มองกระจกมุมห้องเห็นคนร้ายกำลังเก็บเงิน เก็บโทรศัพท์มือถือจากลูกค้าอยู่
“ได้เงินแล้วก็ไปซะ” เฮียตงพูดอย่างใจเย็น
“ยังพูดอีก” คนร้ายดุ
คนร้ายอีกคนเห็นจ่าสมานกับสารวัตรเชลียงในชุดตำรวจ ผ่านจอกล้องวงจรปิด
“ตำรวจ”
คนร้ายยิงใส่ตำรวจก่อนทันที
“ว้าย”
หมวยร้องลั่น แต่ยังโดนล็อคอยู่
“อย่า”
เฮียตงร้องขึ้นเป็นห่วงหมวย จ่าสมานกับสารวัตรเชลียงพุ่งหลบ เล็กขาวได้ยินเสียงปืน ก็คว้าปืนออกจากรถไปยังประตูร้านทันที
“เอาแล้ว”
เล็กขาววิ่งสวมหมวกไอ้โม่งไป
เฮียตงเซหลบลูกกระสุนไปทางประตู คนร้ายยังคงล็อคหมวยไว้กำบัง สารวัตรเชลียงยังหาจังหวะยิงไม่ได้ เล็กขาวพรวดเข้าประตูมา คนร้ายหันไปยิง เล็กขาวยิงสวนไป แล้วลากเฮียตงออกมา
“หนีก่อนเตี่ย”
“หมวย”
สารวัตรเชลียงโผล่เข้ามา
“หยุดนะ”
คนร้ายยิงสวนจนสารวัตรเชลียงต้องหลบไป
“ตำรวจ” เฮียตงอุทานอย่างตกใจ
เล็กขาวลากเฮียตงออกจากร้านมา คนร้ายยิงไล่ไม่โดน หมวยมองตามเล็กขาวที่ลากเฮียตงออกไป และเฮียตงเองก็ไม่ขัดขืนซ้ำยังรีบตามออกไปด้วย เล็กขาวลากเฮียตงไปที่รถ ขับออกไปทันที เสียงปืนยังคงดังอยู่ภายในร้าน
ลูกค้าในร้านกรีดร้องด้วยความกลัว หมวยยังคงโดนล็อคเป็นเกราะกำบังอยู่ สารวัตรเชลียงมีโอกาสก็โผล่ออกมายิงคนร้ายเข้าที่หน้าอกร่วงไป อีกคนที่ล็อคหมวยอยู่ตกใจ
“อย่าเข้ามานะ เข้ามาอีนี่ตาย”
“มอบตัวซะ ถ้าไม่อยากโดนวิสามัญ” จ่าสมานร้องบอก
“ไม่ ไม่”
คนร้ายยิงสวนไปทางจ่าสมาน แล้วก็ลากหมวยออกไป สารวัตรเชลียงโผล่มาดักหน้า คนร้ายยิงสารวัตรเชลียงแต่ปืนกระสุนหมด สารวัตรเชลียงยิงสวนไปทันทีหนึ่งนัด เข้าที่คอคนร้ายร่วงไป หมวยยืนหอบตื่นเต้นตกใจ จ่าสมานดูสภาพรอบร้าน สารวัตรเชลียงเขี่ยปืนออกห่างจากร่างคนร้าย หมวยยังคงยืนหอบอยู่
จ่าสมานส่งคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเดินอกสั่นขวัญแขวนออกจากห้องสอบสวนไป
“คนต่อไป เชิญครับ”
หมวยเดินเข้าไปด้านในห้องสอบสวน ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าสารวัตรเชลียง
“ต้องขอโทษด้วย ที่ทำให้ตกใจ”
“ใครบอกว่าฉันตกใจ”
สารวัตรเชลียงชะงัก ชำเลืองมอง
“เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก”
สารวัตรหนุ่มมองพาสปอร์ตแล้วส่งคืนให้ หมวยรับมาใส่กระเป๋า พยักหน้า
“มากะใคร”
“เตี่ย”
“ดูจากกล้องวงจรปิด คนที่ถูกลากออกไป” จ่าสมานถาม
หมวยพยักหน้า “มั้ง”
“ใครลาก” สารวัตรเชลียงถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้”
สารวัตรเชลียงมองหมวยจับพิรุธ หมวยมองสบตาไม่หลบ
ภาพในจอโทรทัศน์
เป็นภาพรายงานข่าวด้านหน้าร้านสะดวกซื้อ มูลนิธิเปิดไฟไซเรน ชาวบ้านยืนมุง นักข่าวรายงาน
“เป็นอีกครั้ง ที่สารวัตรเชลียง วิสามัญคนร้าย ณ ที่เกิดเหตุ ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สี่แล้วในรอบปีนี้ ยังไม่นับสถิติในอดีต”
ราเชนทร์ปิดเสียงโทรทัศน์ มองดูลูกที่นั่งอาการไม่ดีนัก
“ไม่ดีขึ้นเลยเหรอลูก”
บดินทร์พยักหน้า
“คนนี้ ที่มาหาพี่แจ๋ม”
บดินทร์ชี้ในจอโทรทัศน์
“พ่อรู้แล้ว พรุ่งนี้หนูคงต้องไปโรงพยาบาลนะลูก”
“ตามนั้น พี่แจ๋มไปป่ะ”
“เขาต้องไปไหนกะแฟนเขารึเปล่า”
ราเชนทร์มองในจอโทรทัศน์ ที่เงียบปิดเสียงอยู่ สารวัตรเชลียงเดินหนีนักข่าวไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น ราเชนทร์ปิดโทรทัศน์ แล้วอุ้มลูกไปนอนที่เตียง
“นอนซะลูก”
“พ่อ หนูกลัว”
“ไม่ต้องกลัว อยู่กับพ่อ”
“หนูกลัวพ่อต้องอยู่คนเดียวต่างหาก พ่อ หนูอยากมีแม่”
“นึกยังไงไอ้หนู ใครเขาจะมาเป็นแม่ให้ง่ายๆ”
“น้าแจ๋มไงพ่อ”
“หือ”
“นะพ่อ นะๆ หาแม่ให้หนูคนนึง”
“อืม จะลองดูนะ”
“สัญญานะ”
“เออๆ นอนซะ”
“ลูกผู้ชายต้องมี”
“ลูกผู้ชายต้องมีสัจจะ”
ราเชนทร์ขยับตัวนอนกับลูก กอดลูกไว้
คืนนั้น หมวยนั่งแท็กซี่กลับมาบ้าน เฮียตงเดินสวนออกมา
“เป็นไงบ้าง เตี่ยเป็นห่วง”
“ไม่ต้องห่วง ตำรวจไม่ได้ถามอะไรถึงเตี่ย”
“เตี่ยไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น”
เล็กขาวก้มหน้า ใบหน้ามีรอยโดนซ้อม ริมฝีปากแตก หมวยมองเล็กขาว
“ทำหน้าที่ได้ดีมากนะ ได้กระดูกไปกี่ชิ้นวันนี้”
“เหตุการณ์มันชุลมุน”
“มันลากเตี่ยออกมา เตี่ยตบสั่งสอนมันไปหลายทีแล้ว”
หมวยเดินจากไป เฮียตงจะเดินตามเเล้วชะงัก หันมามองเล็กขาว
“วันนี้ขอบใจมากนะ”
“ครับเตี่ย”
ราเชนทร์นอนหลับอยู่ข้างๆ ลูก เขาบิดตัวลุกขึ้น เดินไปเปิดกระติกตักน้ำกิน แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังถี่ๆ จากทางห้องนอน เขาตกใจวิ่งกลับไป เห็นบดินทร์นอนชัก ไม่ได้สติ
“ลูกๆๆ ไอ้หนู เป็นอะไรลูก”
ราเชนทร์เรียกลูกอย่างร้อนรน แต่บดินทร์ก็เหมือนจะยิ่งชักแรงขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
“หนู ลูก”
อ่านต่อตอนที่ 2