เงาเสน่หา ตอนที่13
พงศธรจอดรถหน้าบ้านนิสา พบว่าเธอเดินออกมายืนรอเขาอยู่แล้ว พงศธรหยุดยืนพิงรถ ต่างคนต่างมองและต่างคิด พงศธรนั้นลำบากใจมากที่จะต้องบอกเลิกกับนิสา
ส่วนนิสาคิดหนักเช่นกัน แต่ไม่ว่าพงศธรจะมาบอกอะไรออกมา เธอยืนยันจะยังรักเรา ขออยู่เคียงข้างเขาเหมือนเดิม
ในที่สุดนิสากับพงศธร เดินออกมาหยุดยืนคุยกันที่สวนสวยริมทาง ไม่ไกลจากบ้านนิสานัก บรรยากาศเงียบสงัด
“นิสารู้และเข้าใจค่ะ ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากนิสาเองที่ผิด” นิสายอมรับความผิดเพื่อยุติความบาดหมาง “ไม่ว่ายังไง นิสาก็อยากให้คุณพงรู้ว่านิสาคิด และทำอะไรลงไปทั้งหมด เพราะสารักคุณ เรารักคุณ”
พงศธรฉงน “เรา?”
นิสาตระหนักว่าเธอต้องใช้ทุกอย่างที่มี เพื่อช่วยแก้ไขในสถานการณ์นี้ นิสามองที่ท้องของตัวเองแล้วพูดออกมา
“นิสากับลูก รักคุณมากนะค่ะ”
พงศธรอึ้งไป “คือ นิสา ผมว่าเรา...”
ไม่ทันที่เขาจะบอกว่า “เราจบกันเถอะ”
นิสาก็ตกใจร้องขึ้นเสียงดังลั่น
“ว้ายลูก”
พร้อมกับว่านิสาผละจากพงศธรไปหาเด็กที่ขี่จักยานล้ม ร้องไห้จ้าอยู่ด้านหลังพงศธรนั้นเอง พงศธรหันไปมองตาม
“โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรนะคะ ไม่เจ็บนะคะ ไม่ตกใจนะคะ โอ๋ๆ”
พ่อเด็กวิ่งเข้ามาดูลูก
“ร้องไห้ทำไม จักรยานล้มเหรอลูก เจ็บมากมั้ย ไหนพ่อดูซิ”
พ่อเด็กยิ้มให้นิสาเชิงขอบคุณ
“เด็กซนน่ะครับ ชอบแอบเอาออกมาขี่เอง” พ่อหันไปบอกลูกชาย “ไปเข้าบ้าน ไม่ร้องๆ เอาๆ ขี่กลับเอง เดี๋ยวพ่อจับให้”
เด็กขึ้นขี่จักรยานปั่นไป คนเป็นพ่อคอยจับหลังให้ เสียงร้องไห้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ
นิสาขยับมาเดินมาใกล้ๆ พงศธรมองตามไป ภาวนาในใจให้เขาลืมทุกเรื่องและหันกลับมารักเธอและลูก
“อีกไม่นานคุณก็จะเป็นแบบนั้น เป็นพ่อของลูกเรา เป็นผู้ปกป้องของลูก อะไรก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป”
พงศธรใบ้แดก
“ในโลกนี้จะมีแค่เรา คุณ นิสา แล้วก็ลูก อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่มีอันตราย ไม่มีการต่อสู้แข่งขัน ไม่มีการแย่งชิง ไม่มีการเอาชนะ เพราะเป้าหมายของเราไม่ใช่ชัยชนะ แต่เป็นความสุข”
พงศธรเงียบกริบ
“สุขที่เรามีกันและกัน” นิสาเงยหน้าขึ้นมองคนรัก “เรามาสร้างโลกของเรากันนะคะ”
พงศธรต้องเปลี่ยนความคิดจากการมาบอกเลิก กลืนน้ำลายก้อนใหญ่ คิดหนักหน้าตาเครียดเคร่ง ก่อนจะปรับโหมดอารมณ์ คำพูด และท่าที พูดเรื่องเกาหลีขึ้นมา
“คุณยังจำประภาคารขาวที่กังวอนโดได้มั้ย นิสา”
นิสายิ้ม “จำได้สิคะ ประภาคารขาวฮาโจแด สถานที่แห่งรักนิรันดร์ของเรา”
“คุณกับผม...”
“เราค่ะ” เธอหมายถึงกับลูกในท้องด้วย
พงศธรกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ
“เรา กลับไปที่นั่นกันอีกนะ ผมอยากพาคุณไป ไปเร็วที่สุด เท่าที่ทำได้เลย”
นิสายิ้มกว้าง “จริงเหรอคะ คุณพูดจริงๆ เหรอคะ”
“แต่งงานกันแล้วก็ต้องไปฮันนีมูนสิ”
นิสาโผเข้ากอดพงศธรด้วยความดีใจและมีความสุข
“ไปกันสามคนพ่อแม่ลูกเลยนะคะ”
พงศธรยิ้มตอบนิสา มีวี่แววกังวลปนเปื้อนเพียงเล็กน้อยจนแทบดูไม่ออก
ส่วนในออฟฟิศวิศวกรเวลานี้มีธีรภาพนั่งอยู่คนเดียว และกำลังก้มหน้าดูจอคอมพ์ที่โชว์ภาพกราฟฟิกโครงสร้างเครื่องบิน
ข้างๆ คอมพิวเตอร์มีโมเดลเครื่องบินรบ เอฟ 22 แร็พเตอร์ ก่อนที่โมเดลเครื่องบินโดยสารอีกอัน จะถูกวางลงข้างๆ ธีรภาพเหลือบตามอง แล้วพูดขึ้นโดยยังไม่มองหน้าคนวาง
“โบอิ้ง 777 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ พิสัยการบินไกลแบบสองเครื่องยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีนามเรียกขานในวงการการบินว่า Triple Heaven เป็นเครื่องบินรุ่นแรกของโบอิ้งที่ใช้ระบบควบคุมการบินแบบ fly by wire สถิติการเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตของเครื่อง 777 อยู่ที่ 0.00 ครั้งต่อหนึ่งล้านเที่ยว”
ธีรภาพเงยหน้าขึ้นมองผู้วางเครื่องบินลำนั้น ปรากฏว่าเป็นกรเกียรติ ซึ่งปรบมือให้อย่างชื่นชม
“ท่าน”
“น่าภูมิใจจริงๆ ที่เรามีวิศวกรเก่งๆ แบบนี้ แล้วเครื่องนี้ล่ะ” กรเกียรติชี้ไปที่ตัวโมเดลของธีรภาพ
“เอฟ 22 แร็พเตอร์ เครื่องบินรบที่พรางตัวได้ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และเป็น เครื่องบินขับไล่”
“ทำไมถึงชอบรุ่นนี้เป็นพิเศษ”
ธีรภาพจำใจต้องตอบคำถามท่านประธาน
“ทั้งพรางตัว ทั้งขับไล่ คาแร็กเตอร์เดียวกับผม”
“ชอบเครื่องบินรบ แล้วทำไมมาทำเครื่องบินโดยสาร”
“เครื่องบินรบมีอัตราเสี่ยงต่อการสูญเสียสูงกว่าเครื่องบินโดยสาร 100% ผมไม่ชอบการสูญเสีย”
“ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะของที่เสียไปโดยที่ผมไม่รู้ ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาคืนมาให้ได้”
“ถ้าเป็นเครื่องบินก็ไม่ยากหรอกครับ แค่มีเงินจ่ายก็เอามาได้ทั้งนั้น”
“แล้วถ้าไม่ใช่เครื่องบินล่ะ ถ้าเป็นคน ผมต้องทำยังไง” กรเกียรติจ้องตาลูกชาย
“ลืมสิครับ ลืมมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี จะลืมต่อไปอีกซักหน่อยท่านก็คงทำได้ไม่ยาก”
กรเกียรติมองโมเดลเครื่องบิน “เครื่องบินรบ สมาร์ท รวดเร็ว อาวุธครบ แต่ก็แทบจะสูญเสียทุกครั้งที่ขึ้นบิน แต่เครื่องบินโดยสาร ถึงจะบินช้าแต่ก็เน้นที่ความปลอดภัย แทบไม่มีอัตราเสี่ยง ไม่ชอบความสูญเสียไม่ใช่เหรอ”
ธีรภาพอึ้งไป
“ผมไม่ได้หมายถึงเครื่องบิน”
“เราไม่สามารถสูญเสียสิ่งที่เราไม่เคยมีได้หรอกครับ” ธีรภาพมองสบตา “ผมก็ไม่ได้หมายถึงเครื่องบินเช่นกัน”
ธีรภาพจะลุกออกไปกรเกียรติเรียกไว้ “ตี้”
“อย่าเรียกชื่อนั้นเลยครับ มีแต่แม่ที่ผมรักเท่านั้นที่เรียกชื่อนั้นได้”
ธีรภาพหยิบโมเดลเครื่องบินโบอิ้งคืนให้กรเกียรติ
“เอาคืนไปเถอะครับ มันไม่เข้ากับคอลเล็คชั่นของผม” กรเกียรติเป็นฝ่ายอึ้ง “ผมไม่ได้หมายถึงเครื่องบิน”
ธีรภาพลุกเดินออกไป กรเกียรติมองตามไป ใจหายไม่น้อยที่ลูกไม่ยอมรับเป็นครั้งที่สอง!!
แท้จริงแล้วธีรภาพรู้สึกสับสนอย่างหนัก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพ่อผู้ซึ่งตนโหยหามาตลอดชีวิต วิศวกรหนุ่มเดินออกมาบริเวณลานหน้าออฟฟิศ แล้ววิ่งๆๆ พาตัวเองมาหยุดยืนหอบ เสียใจและสับสนอยู่ใต้เครื่องบินลำหนึ่ง
“พ่อ”
เมื่อได้เปล่งคำที่อยากพูดมากที่สุดออกมา มันทำให้ธีรภาพอบอุ่นใจอย่างประหลาด
สองคนมาถึงกรุงโซล เกาหลีใต้แล้ว พงศธรจับมือนิสาเดินมาตามทางริมแม่น้ำฮานของกรุงโซลสวยงามในยามค่ำคืน มองไปรอบๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเย็นทำให้จิตใจของนิสาและตัวเค้าเองนิ่งลง
“ผมดีใจที่เราสองคนได้มาอยู่ด้วยกันที่นี่ นานแล้วที่คุณกับผมไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลย นิสาผมรู้ตัวดีว่าผมทำแต่งานจนไม่มีเวลาให้กับคุณ ผมอยากบอกให้คุณรู้ว่าที่ผมทำไปทั้งหมด ก็เพื่ออนาคตสำหรับเรา”
นิสามองสายตาที่ดูจริงใจและจริงจังของพงศธรที่กำลังพูดอย่างภูมิใจ
“ผมอยากให้เรามีพร้อมทุกอย่าง ผมอยากสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเพื่อคุณ”
นิสามองตาพงศธรนิ่งคิดที่ผ่านมาเป็นเพราะตัวเธอเองหวาดระแวงเกินไปต่างหาก นิสาน้ำตาเอ่อ
“พงศ์คะ นิสาขอโทษนะคะ นิสางี่เง่าเองที่คิดไปเองอยู่คนเดียวจนทำให้ เราเกือบต้องเลิกกัน นิสาผิดเองที่ไม่หนักแน่น ไม่เชื่อใจคุณ”
“คุณไม่ผิดหรอกนะ” พงศธรใช้นิ้วปาดเช็ดน้ำตาให้เบาๆ “ที่คุณทำไป ก็เพราะว่าคุณรักผมไม่ใช่เหรอ ผมเข้าใจคุณนะครับนิสา”
นิสาโผเข้ากอดพงศธรไว้แน่นร้องไห้โฮ พงศธรสวมกอดตอบ
“ขอบคุณนะคะพงศ์”
นิสาคลายกังวลสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข ใบหน้าพงศธรดูเหมือนจะจริงจังในความรัก แต่แฝงไปด้วยความคิดอื่นที่เข้ามาแทนที่ความรักนั้นจนหมดสิ้น
บรรยากาศตลาดเมียงดงที่เต็มไปด้วยผู้คน นิสาเดินดูนั่นนี่มีความสุข พงศธรมองดูนิสาที่เลือกซื้อของด้วยสายตาที่เหมือนจะจดจำรอยยิ้มความน่ารักของนิสา
พงศธรเดินตามนิสา มองความน่ารักของนิสาเสียงของวิริยาที่พูดกรอกหูให้พงศธรเลือกยังดังก้องอยู่ในหัวของพงศธรตลอดเวลา
เขาถูกวิริยากดดันหนักให้เลือกระหว่างเธอและนิสา กรเกียรติบอกกับทุกคนเมื่อไหร่ที่วิริยาแต่งงานกับพงศธร แล้วหากมีลูกด้วยกัน เขาก็จะวางมือ และยกบริษัทสายการบินมูลค่าหมื่นล้านนี้ให้ทั้งสองคนดูแลต่อไป
เรื่องราวสมัยเด็กที่พ่อมายิงตัวตายต่อหน้าเพราะความชอกช้ำและหนีหนี้ ทิ้งให้เขาเติบโตเพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหลาย รุมเร้าเข้ามาในหัวส่งผลให้พงศธรเครียดจนตาแดงก่ำ พยายามสะบัดสลัดสิ่งเหล่านั้นออกไป นิสาหันมาเห็นสีหน้าเครียดเคร่ง ทั้งที่เป็นเวลาแห่งความสุขก็แปลกใจ
“พงศ์คะ พงศ์ คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ”
พงศธรพยายามระงับสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติ
“อ๋อ เปล่าครับ”
“แต่เมื่อกี้สีหน้าคุณไม่ดีเลยนะคะ”
พงศธรเลี่ยงตอบ “สงสัยผมคงจะเพลียมั้งครับ”
“จริงสิ วันนี้นิสาพาคุณเดินทั้งวันเลย งั้นเรากลับโรงแรมกันดีกว่าค่ะ”
พงศธรยิ้มเนือยๆ “ก็ดีเหมือนกันครับ”
“งั้นไปค่ะ”
นิสายิ้มชื่นคล้องแขนพงศธรเดินออกจากตลาดเมียงดง ไม่ทันเห็นว่าสีหน้าพงศธรดูเป็นกังวลอยู่อย่างนั้น
อีกฟากหนึ่ง วิริยาว่ายน้ำอยู่ที่คฤหาสน์ กว่าจะขึ้นจากสระเดินมานั่งคิดถึงเรื่องพงศธร วิริยาส่งไลน์ไปกดดันพงศธรให้ต้องจัดการเรื่องราวต่างๆ ที่ค้างคาให้จบ ถ้าคิดจะเดินเส้นทางที่คุณเลือก ลบทุกอย่างในชีวิตคุณไม่ให้เหลือพันธะใดๆ
“ถ้าคุณทำได้ทุกอย่างจะเป็นของคุณ”
วิริยานั้นไม่รู้ว่าพงศธรจะทำอะไร แค่อยากให้เอานิสาออกไปจากชีวิตเขาและเธอ เท่านั้น
“หวังว่าคุณจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยเร็วที่สุด เพื่ออนาคตของคุณและของเรา”
พงศธรขังตัวเอง ยืนเปลือยกายอยู่ใต้ฝักบัว ปล่อยให้น้ำไหลราดรดเรือนร่างแกร่งกำยำ เครียดหนักในสิ่งที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ข้อความไลน์จากวิริยาส่งเข้ามาในมือถือที่วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้า พงศธรกดอ่าน ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกกดดัน เขาเครียดหนัก
ส่วนที่ริมหน้าต่างห้องพัก นิสายืนห่มเพียงผ้าห่มที่นอนผืนเดียวเปลือยไหล่ พงศธรออกจากห้องน้ำเข้ามาสวมกอดนิสาไว้ในอ้อมแขน นิสามีความสุขเหลือเกิน แต่ใบหน้าพงศธรกลับหมกมุ่นครุ่นคิดตลอดเวลา
กลางดึกคืนนั้น นิสาหลับไปแล้วบนอกของพงศธร ขณะที่เขายังคงนอนลืมตาโพลงคิดการบางอย่างอยู่
ตอนเช้ามืดวันนี้ หากมีใครเดินมาทางหน้าผาหลังประภาคารสีขาว คงจะแปลกใจที่เห็นพงศธรเดินยกก้อนหินมาเรียงซ้อนกันไว้ตรงริมหน้าผา และได้ลองทดสอบโดยการเหยียบหินที่โคลงเคลงจนเกือบร่วงลงไป โชคดีที่เศษหินข้างๆ กลิ้งตกหน้าผาหล่นลงทะเล ขณะพงศธรกำลังเดินกลับ เขาลื่นล้มเสื้อกันหนาวเปื้อนโคลนจากหินที่เปียกชื้นเป็นรอยคราบ พงศธรหวาดผวาไม่น้อย ปัดโคลนออกจากเสื้อ แล้วลุกขึ้น หันไปมองที่หินที่ตัวเองซ้อนไว้อีกครั้งด้วยสายตาจริงจัง
นิสาตื่นขึ้นมาหันไปมองข้างๆ แต่ไม่เห็นพงศธร คิดว่าเขาอยู่ในห้องน้ำ จึงลุกไปร้องเรียก
“พงศ์คะ”
ไม่มีเสียงตอบ นิสาเคาะประตูเรียก พบว่าประตูไม่ได้ล็อก ผลักไปดู แต่ไม่มีใครอยู่
นิสาแปลกใจ จนหันมาเห็นพงศธรเปิดประตูเข้ามาก็โล่งใจ
“พงศ์หายไปไหนมาคะ นิสาตกใจหมดเลย”
“ผมออกไปเดินเล่นมาน่ะครับ” เขาส่งถุงขนมปลาไส้ถั่วแดงให้ “ผมซื้อขนมโปรดของคุณมาให้ด้วยนะ”
นิสารับถุงขนมมาสังเกตเห็นแขนและตัวเสื้อพงศธรเปื้อนคราบโคลน นิสาประหลาดใจ
“นี่เสื้อคุณเปื้อนดินอะไรมาคะ” นิสาเดินเข้าใกล้จะจับที่รอยเปื้อนนั้น
พงศธรรีบขยับหลบเล็กน้อย หลบๆ สายตาอีกด้วย
“สงสัยจะเปื้อนตอนเดินชนกับเด็กส่งของในตลาดแน่เลย”
“งั้นเหรอคะ งั้นถอดเสื้อออกมา เดี๋ยวนิสาซักให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมให้ทางโรงแรมจัดการให้ดีกว่า” พงศธรเลี่ยงไปถอดเสื้อออก “คุณรีบทานขนมสิครับเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ”
พงศธรเอาเสื้อยัดใส่ถุงที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ นิสาเดินเข้ามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ พงศธรอึ้งไปกับความน่ารักของนิสา
“ขอบคุณนะคะสำหรับขนม”
นิสายิ้มดีใจเหมือนเด็กๆ ที่ได้ของโปรด พงศธรมองตามนิสา กังวลขึ้นมา
เช้านี้ นิสาเดินมาที่โซลทาวเวอร์กับพงศธร แล้วแยกเดินมาที่ล็อกวอลล์ เห็นคู่รักกำลังคล้องกุญแจด้วยกัน นิสาแอบมองที่พงศธร เห็นอีกฝ่ายทำเฉย
จนครู่ต่อมาพงศธรจึงยัดของบางอย่างใส่มือนิสาโดยเขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เมื่อเปิดออกดูจึงเห็นเป็นแม่กุญแจหนึ่งอันพร้อมลูกสองดอก นิสายิ้มกว้างดีใจ พงศธรหันมายิ้มให้
ที่มุมคล้องกุญแจ นิสาก้มลงคล้องกุญแจ ที่กุญแจเขียนชื่อ “นิสา พงศธร” นิสายิ้มให้พงศธร
นิสากับพงศธร โยนกุญแจทิ้งออกไปไกลทางด้านหลัง โดยมีเสียงนิสาเจื้อยแจ้วอธิบายดังขึ้น
“เชื่อกันว่าถ้าเราคล้องกุญแจคู่กัน แล้วโยนลูกกุญแจไปไกลที่สุดทั้ง 2 ดอก รักของเราสองจะยั่งยืน และยาวนาน เหมือนกุญแจที่เราโยนไป เพราะจะไม่มีใคร ไขมันออกมาได้อีก จนนิรันดร์”
ทั้งสองยิ้มให้กัน สีหน้าของพงศธรยังดูมีวี่แววกังวลจางๆ แต่นิสาไม่มีทางเห็น เพราะมัวแต่ดีใจ
นิสากับพงศธรเดินผ่านหน้าร้านชุดวิวาห์ นิสาสะดุดตากับชุดเจ้าสาวแสนสวยบนหุ่นในดิสเพลย์ร้านจึงหยุดดู ฝันอยากจะได้สวมใส่ชุดนั้นตามประสา พงศธรเดินนำไป จนรู้ตัวว่านิสาไม่ได้ตามมา หันไปเห็นนิสามองดูชุดตาเป็นประกายเจิดจ้า
พงศธรเดินกลับมาหา นิสาเลยแก้เก้อ ฉุดให้พงศธรเดินต่อไป ส่วนตัวเองยังเหลียวหลังมามองชุดนั้นแทบไม่วางสายตา
รถยนต์สีดำแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถบริเวณหน้าทางเข้าประภาคารฮาโจแด พงศธรรีบลงมาเปิดประตูให้ นิสาลงมายิ้มให้ มองบรรยากาศแล้วรู้เลยว่า พงศธรพาเธอมาเซอร์ไพสร์ที่ประภาคารสีขาวนี่เอง นิสามองหน้าคนรักยิ้มชื่นใจ
“พงศ์คะ”
พงศธรยิ้มเชิงบอก คุณสมควรจะได้สิ่งนี้ แล้วหอมแก้มนิสาอย่างรักใคร่
“นิสาอยากจะเก็บภาพทั้งหมดของที่นี่เอาไว้ เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปดูจากมุมด้าน ฮาโจแด พาวิลเลียน กันน่ะค่ะ มองจากด้านบน มันเป็นมุมที่สวยมาก คุณพงษ์ต้องชอบแน่ๆ”
พงศธรมองหน้านิสาแบบยังสับสนอยู่ เปลี่ยนสีหน้ายิ้มตอบ เดินจูงมือนิสาไปทางเก๋งนั้น
ที่ฮาโจแด พาวิเลี่ยน นิสาเดินมาตามทางกับพงศธร มาหยุดยิ้มมองภาพประภาคารสีขาวตัดกับท้องทะเลสีครามอย่างชื่นชม พงศธรเข้ามาโอบเอว และแอบมองนิสาอย่างหนักใจ แล้วเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง เขาขอตัวไปห้องน้ำ
“นิสาครับ ผมขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะ”
“อ๋อ ค่ะ ห้องน้ำ อยู่ตรงคาเฟ่ ด้านขวามือนะคะ”
“คร้าบ”
พงศธรยิ้มให้เดินออกไป นิสามองตาม พงศธรหันมามองยิ้มให้กันอีก ริเวอร์ ไกด์หนุ่ม พาลูกทัวร์จีนกลุ่มเล็กๆ สวนขึ้นมาพอดี พงศธรมัวแต่หันหลังเลยชนเข้ากับริเวอร์ ต่างฝ่ายต่างขอโทษกันไป
กลุ่มลูกทัวร์ถ่ายรูปกันไป นิสาอยู่ด้านหลังกลุ่มนี้ ริเวอร์ถ่ายภาพให้ลูกทัวร์เป็นภาพวิดีโอเคลื่อนไหว
“อันนี้ผมจะถ่ายเป็นภาพวิดีโอให้นะครับ จะได้เก็บบรรยากาศครบถ้วน ทุกคน ยิ้มๆ สวยครับ”
เมื่อถ่ายเสร็จริเวอร์เห็นนิสาที่มองมา เมื่อมองหน้าแล้วคิดทบทวนจนจำได้ว่านิสาเป็นไกด์ ริเวอร์ทักถามเป็นคำเกาหลีว่า
“คุณ...ใช่นิสา ที่ทำงานไกด์ให้กับบริษัทแฮปปี้โคเรีย หรือเปล่า”
นิสานึกคุ้นๆ หน้าริเวอร์ เช่นกัน
“อืม...อ๋อ ริเวอร์ จาก don’t worry travel”
“ใช่ๆๆ โห ไม่เจอกันนานเลย ตั้งแต่ร่วมงานทัวร์กันที่ เขาซอรัคซาน สบายดีนะครับ”
นิสาพูดตอบว่า “สบายดี แหมเดี๋ยวนี้คุณริเวอร์ทันสมัยนะค่ะ เพิ่มออฟชั่น ถ่ายวิดีโอให้ลูกทัวร์ด้วย”
ริเวอร์แซว “แหม สมัยนี้ มันก็ต้องครบ ทั้งภาพนิ่ง วิดีโอ เราเป็นคู่แข่งกัน อย่าเลียนแบบผมนะ”
ทั้งสองคุยแหย่กันสักพัก จึงได้ยินเสียงลูกทัวร์เรียกหาริเวอร์ดังขึ้น ริเวอร์หันไปมอง ลูกทัวร์คนหนึ่งร้องชวนไปถ่ายรูปด้านอื่น
“งั้นไปก่อนนะครับ เออ ถ้ามีไรให้ช่วยบอกนะ นี่นามบัตรผม”
ริเวอร์ส่งนามบัตรให้นิสา นิสารับมาดูแล้วกล่าวลากัน นิสามองตามริเวอร์ที่ลูกทัวร์ยังขอให้ถ่ายวิดีโอให้อีก แล้วหันไปมองประภาคารอย่างสดชื่น สักพักได้ยินเสียงพงศธรเรียกเบาๆ
“นิสาครับ”
นิสาหันมาพร้อมกับพงศธรที่เดินเข้ามาในชุดเจ้าบ่าวหล่อเนี้ยบ ในมือถือกล่องทรงกลมมา เมื่อเปิดออกเห็นเป็นชุดเจ้าสาวสีขาวสวยงามสุดจะบรรยาย นิสาอึ้งงง ยิ้มดีใจ เพราะมันเป็นชุดที่เธอแอบมองหมายตาไว้ที่ร้านเมื่อวาน
“นิสาครับ คุณคือผู้หญิงที่ผมเลือกแล้ว เลือกที่มายืนเคียงข้างผมตลอดไป แต่งงานกับผมนะครับ”
นิสาอึ้งพูดอะไรไม่ออก ร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มสุดๆ มองชุดในกล่องบนมือพงศธร มองหน้ายิ้มให้เขาทั้งน้ำตา พงศธรยิ้มตอบ แต่ลึกๆ ก็กระอักกระอ่วน
ไม่นานต่อมา สองคนอยู่ในชุดบ่าวสาวหล่อสวย พงศธรจับมือนิสาที่สวมแหวนแต่งงาน พาเดินไปถ่ายรูปกันที่ริมหน้าผา นิสาเดินลำบากเพราะใส่รองเท้าส้นสูง พงศธรช่วยจับมือประคองพามาที่เนินหินปลายหน้าผาของประภาคาร
“นิสา มันอันตรายนะ ผมแค่อยากจะถ่ายภาพความสุข ความทรงจำของผมเอาไว้ คุณ ไม่ต้องลงมาก็ได้”
“ได้ยังไงล่ะคะ ในภาพความทรงจำมันควรมีนิสาด้วยสิค่ะ ถึงจะเรียกว่า เรา”
ทั้งสองถ่ายรูปเซลฟี่กัน พงศธรหอมแก้มนิสาอย่างรักใคร่ หลายอิริยาบถ จู่ๆ เขาเกิดนึกสนุก ส่งกล้องถ่ายรูปให้นิสาถ่ายรูปตัวเอง
“นิสาครับ ช่วยถ่ายรูปผมให้หน่อย ผมอยากให้ทุกๆ คนได้รู้ว่า ผมคือ ผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก คนทั้งโลกต้องอิจฉาผม”
พร้อมกับว่าพงศธรเดินไปชิดปลายหน้าผามากขึ้นอีกจนนิสาตกใจ มีจังหวะที่เขาเกือบลื่นล้มจนเศษหินตกลงไปอย่างน่าหวาดเสียว แต่ก็ทำเป็นเก้อ
“คุณพงศ์ระวังสิคะ มันอันตรายค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ นิสา สบายมาก มามา ถ่ายรูปผู้ชายที่มีความสุขที่สุดให้ผมหน่อย”
นิสายกกล้องขึ้นถ่าย พงศธรยกมือขึ้นยิ้ม ตะโกน “เย้ๆๆๆ” ออกมาไม่หยุด แม้จะลื่นบ้าง แต่ก็ยังซ่า ค่อยๆ ถอยหลังไปอีก สีหน้านิสาเป็นกังวลมากขึ้น
“ถ่ายสิครับ นิสา ถ่ายเลย เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ”
นิสาถ่ายไปแอบยิ้มในความระห่ำของคนรัก พงศธรเกิดลื่นหินก้อนหนึ่งเข้า จนร่างเซถลา นิสาเห็นรีบวิ่งเข้าไปหาเขาบนส้นสูง พงศธรพยายามร้องห้ามเธอก็ไม่สนใจ จนสุดท้ายสะดุดก้อนหินส้นสูงหักเกือบพลิก
นิสาพยายามคว้ามือพงศธรไว้สุดแรงเกิด แต่พงศธรได้อาศัยลูกชุลมุนดึงนิสาเข้ามาแล้วบิดตัวเอี้ยวหลบ จนนิสาถูกแรงเหวี่ยงผสมแรงถลาของตัวเธอเอง กลับกลายเป็นคนที่หมุนไปสู่ปลายหน้าผาแทน นิสาตกใจสุดขีด มือซ้ายพยายามจับต้นแขนพงศธรไว้มั่น เล็บทั้งห้าจิกแขนเขาไว้ แต่มันกลับค่อยๆ รูดลงๆ ทั้งสองช็อกสุดขีด มือพงศธรจับได้เพียงแหวนของนิสาติดมือมาได้เท่านั้น เขากรีดร้องสุดเสียง
“นิสา...”
แต่ก็สู้เสียงคลื่นไม่ได้ ร่างของนิสาในชุดเจ้าสาวแสนสวยตกหน้าผาไปเพียงลำพัง และร่างเธอกระแทกโขดหินตกทะเลไปอย่างรุนแรง ท่ามกลางความตกตะลึงของพงศธรที่ร้องเรียกหาคนรักอย่างบ้าคลั่ง
เขาเที่ยววิ่งมองหาร่างเธอไปทั่วเท่าที่จะทำได้ แล้วค่อยๆ ทรุดลงร้องไห้ คร่ำครวญ พร่ำพรรณนาอย่างคนเสียสติ
3 เดือนต่อมา
งานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของ พงศธร กับ วิริยา ถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราวิจิตร ในสวนสวยสไตล์ฝรั่งเศส และเป็น ซิต ดาวน์ ดินเนอร์รูปตัวยู มี กรเกียรติ นั่งหัวโต๊ะ สีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนเปรมจิตหน้าตายังคงไม่สมประดีสักเท่าไร แต่ก็ฝืนยิ้มไว้ กรเกียรติแอบกระเซ้าเปรมจิตที่นั่งบอกบุญไม่รับเท่าไร
“นี่คุณ นี่วันพิเศษที่สุดในชีวิตของยัยวิวนะ ถึงจะไม่ชอบใจ แต่ช่วยทำว่าพอใจหน่อยได้ไหม”
“ที่มานั่งในงานนี้ดิฉันก็ถือว่าเห็นแก่ยัยวิว เห็นแก่หน้าคุณมากพอแล้ว”
“เราคุยกันแล้วนิ คุณต้องยอมรับและให้เกียรติการตัดสินใจของลูก นั่นคือ สิ่งที่พ่อและแม่ พึงกระทำไม่ใช่เหรอ”
เปรมจิตยอมจำนนในข้อตกลงร่วมกัน ที่ได้เคยคุยกันไว้กับกรเกียรติว่า จะยอมรับในตัวพงศธร
เพื่อนเจ้าบ่าวเคาะแก้ว เรียกทุกคนให้มาฟัง กล่าวถึงความรักความเหมาะสมเป็นที่สุดของบ่าวสาวคนดัง
“ผมต้องขออนุญาต แขกผู้มีเกียรติทุกท่านเป็นอย่างสูงนะครับ ที่รบกวนเวลาของทุกท่าน เพื่อจะแนะนำคู่รักคู่สมรสคู่ใหม่ที่เหมาะสมกันอย่างมาก ผมว่าหนังสือแท็บลอยด์ ของเดือนแห่งความรักทุกเล่ม และในโลกโซเชียลจะต้องกล่าวถึง งานสมรสอันสุดหรูแสนหวานครั้งนี้กันไปอีกหลายเดือน แหมยังไงตากล้องครับ ช่วยถ่ายรูปให้ติดผม ไปด้วยก็ดีนะครับ ผมก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ความรักในครั้งนี้ด้วย”
แขกแต่ละคนหัวเราะขบขันกันไปมา “และก็ถึงเวลาแล้วครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเปิดตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวแห่งปีครับ ทายาทรุ่นใหม่ธุรกิจหมื่นล้านจากรอยัลแอร์ไลน์ คุณพงศธรและคุณวิริยา ครับ”
แขกลุกขึ้นตบมือต้อนรับ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินเข้ามากลางโต๊ะ ยิ้มให้แขกผู้มีเกียรติ แขกทุกคนนั่งลง บ่าวสาวยืนยิ้ม ก่อนที่พงศธรจะผายมือให้วิริยาเอ่ยคำขอบคุณแขกก่อน เพื่อนเจ้าบ่าวคนเดิม แซวเข้าให้
“แหมๆๆ คุณพงศธรครับ ยังไม่ทันไรก็ยอมให้ว่าที่ภรรยาซะแล้ว”
บ่าวสาวยิ้มเขิน แขกในงานยิ้ม วิริยากล่าวขอบคุณ
“ก่อนอื่นวิวต้องขอขอบคุณท่านกรเกียรติ คุณพ่อของวิวและคุณแม่ ที่ทำให้งานวันสำคัญวันนี้เกิดขึ้นมาได้ I love you dad You are so special for me thanks.”
เปรมจิตฝืนยิ้มรับแกนๆ กรเกียรติยิ้มภูมิใจในตัวลูกสาว แล้วหันมามอง ตำหนิภรรยา
“นี่คุณ ยิ้มให้ลูกบ้างสิ”
“ดิฉันคงจะยิ้มไม่หุบแน่ๆ ล่ะค่ะคุณ ก็มีทั้งว่าที่ลูกเขยคนโปรด และลูกชายคนใหม่ของคุณอยู่ในงานเดียวกัน”
เปรมจิตแดกดันแล้วมองค้อนไปยังธีรภาพที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก กรเกียรติมองลูกชายด้วยความภูมิใจ จนธีรภาพหันมาเห็นสายตาพ่อจึงยิ้มให้ เปรมจิตมองเห็นพ่อลูกรักกั๊นรักกันแล้วรู้สึกหมั่นไส้ตะหงิดๆ วิริยากล่าวกับแขกต่อว่า
“และขอบคุณผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ วิวคนนี้ เขาพิสูจน์ตัวเองเพื่อวิว เพื่อความรักของเรา จนวิวมั่นใจว่าเขาจะเป็นคนที่ยืนเคียงข้างวิวไปตลอดชีวิตและจะไม่มีอะไร หรือใครมาแปรเปลี่ยนความรักของเราได้ ขอบคุณนะคะ คุณพงศ์”
พงศธรยื่นหน้าไปหอมแก้มวิริยาเบาๆ สองคนมองหน้ากัน พงศธรเริ่มกล่าวขอบคุณแขก
“ครับ ขอบคุณครับคุณวิว ขอบคุณท่านประธาน”
เพื่อนเจ้าบ่าวคนเดิมยังไม่วายแซวอีกครั้ง
“คุณพ่อได้แล้วมั้งครับ คุณพงศธร”
พงศธรหน้าแดงชี้นิ้วคาดโทษเพื่อนเจ้าบ่าวปากมอม อย่างอายๆ แล้วพูดสรรเสริญวิริยาต่อ
“หลายคนถามผมว่า ผมประทับใจอะไรในตัวคุณวิริยา ตลอดเวลาที่เราสองคนได้คบกัน ผมบอกได้เลยว่าผมภูมิใจในตัวของผู้หญิงคนนี้มาก ผมอยากจะบอกว่า ผมรักทุกอย่างที่เป็นเธอ วิธีที่เธอพูด วิธีที่เธอยิ้ม เสียงหัวเราะของเธอ”
ระหว่างนี้ศิตางค์เดินมา เยื้องกรายผ่านกรอบรูปแต่งงานขนาดใหญ่หน้างาน นวยนาดเข้ามาในงานตามจังหวะคำพูดของพงศธร
“ปากของเธอ จมูกของเธอ ดวงตาของเธอ ใบหน้าที่เป็นของเธอ ผมขอยืนยันกับทุกๆ ท่านว่าจะไม่มีอะไร”
พูดถึงตรงนี้พงศธรรับรู้ได้ว่ามี ผู้หญิงคนหนึ่งมาหยุดยืนปรากฎกายอยู่ตรงหน้าแล้ว
“หรือใครมาแปรเปลี่ยนความรักของเราได้”
พงศธรเห็น ศิตางต์ ยืนอยู่ตรงหน้าส่งสายตามายังตน ถึงกับอึ้งตะลึงตะไลในความสวยเฉี่ยว วิริยาเองก็มองศิตางค์เช่นกัน ธีรภาพนั่งอยู่ก็เงยหน้ามามองด้วย รวมทั้งแขกแทบทุกคนในงานต่างมองมายังเธอเป็นตาดียวกัน พงศธรได้สติกล่าวแก้เก้อต่อ
“เอ่อ..ขอบคุณครับ”
ทั้งบ่าวสาวนั่งลง เพื่อนเจ้าบ่าวคนเดิมช่วยตบบรรยากาศต่ออีกนิดว่า
“แหมคุณพงศธรเล่นกล่าวซะซึ้งเลย ฟังแล้วชักจะอยากแต่งงานซะแล้ว”
แขกทุกคนยิ้มหัวขบขันกันในมาดผู้ดี๊ผู้ดี
ศิตางค์มองหาที่นั่ง จนเห็นที่ข้างๆ ธีรภาพว่างอยู่ เลยเดินไปจะนั่ง พอมายืนประจันหน้าธีรภาพจังๆ ศิตางค์ก็ดีใจเผยยิ้มกว้างทักทายเขา เหมือนคนรู้จักกันมาก่อนกระนั้น แต่จำต้องหักดิบอารมณ์ด้วยอีกคำถาม
“ขอโทษนะคะ มีแขกนั่งหรือเปล่าค่ะ”
ธีรภาพยังคงอึ้ง มองหน้ารู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก รีบลุกขึ้นตอบ
“ไม่มีครับ เชิญครับ”
ศิตางค์ยื่นมือออกไปหมายจับมือ
“ฉัน ศิตางค์ นันทกุล ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ธีรภาพอึ้งๆ งงๆ จนลืมจับตอบ
“อ้อ เอ่อ ผม ธีรภาพครับ”
ธีรภาพขยับเก้าอี้ให้เธอนั่งลง ศิตางค์กล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีครับ”
พงศธรยังไม่ยอมละสายตาจากศิตางค์แม้นสักวินาที จนวิริยาต้องสะกิดเรียกสติ พงศธรรีบหันมาหา
เช่นเดียวกับธีรภาพ เขายังไม่คลายความสงสัยในศิตางค์ หันมาถามขึ้นว่า
“ขอโทษนะครับ เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ”
“ทำไมคะ เราเหมือนคนทีเคยเจอกันมาก่อนหรือคะ” เธอพูดทีเล่นทีจริง
“ครับ...แต่ผมไม่ทราบว่าที่ไหน เมื่อไร”
พงศธรออกเดินทักทายและขอบคุณแขกพร้อมกับวิริยา เวลานี้อยู่ด้านหลังธีรภาพ พงศธรเหล่ๆ มองทางศิตางค์อย่างคุ้นๆ และมองพิศความสวยของเธอเนืองๆ
“ถ้าไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันที่ไหน ก็คงสรุปได้ว่าเราคงไม่เคยพบกันมาก่อน แต่คืนนี้เราก็ได้รู้จักกันแล้วนี่คะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ธีรภาพกำลังจะเอ่ยปากตอบ แต่เสียงพงศธรก็แว่วมาขัดเสียก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ”
พงศธรเดินเข้ามาที่ศิตางค์ยื่นมือทักทาย ศิตางค์มองดูมือนั้น และใบหน้าของเขา เธอลุกขึ้นอย่างสง่างามพร้อมจับมือตอบ สองคนมองหน้ากัน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณพงศธร”
“คุณรู้จักผม” พงศธรนิ่วหน้า มองฉงน
“คงไม่มีใครมางานแต่งงานแล้วไม่รู้จักเจ้าบ่าว หรือเจ้าสาวหรอกค่ะ”
ศิตางค์ทำลืมว่ายังจับมือกับพงศธรค้างอยู่ เลยชักมือกลับ แต่ไม่วายยังทิ้งจริตหว่านเสน่ห์ใส่ วิริยาที่ยืนคุยอยู่กับกรเกียรติ มองเห็นพงศธรแอบมาคุยกับศิตางค์ จึงคอยชำเลืองอย่างหงุดหงิด
ระหว่างนี้ธีรภาพลุกขึ้นเดินไปทักแขกคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล แต่ยังคงหันมาชำเลืองมองศิตางค์เช่นกัน
“ข่าวงานแต่งงานของคุณพงศธรกับเจ้าสาวทายาทสายการบินระดับประเทศ โด่งดังข้ามน้ำข้ามทะเล มีใครบ้างละค่ะ.. ไม่รู้…ใช่ค่ะ ฉันรู้จักคุณ”
สายตาพงศธรจับจ้องมองที่ศิตางค์ไม่วางตาตา ศิตางค์จ้องมองตอบเช่นกัน แววตาคมสวยแต่ดูเจ็บปวดร้านรานคู่นั้น มีวี่แววเหมือนรำลึกจดจำเหตุการณ์เมื่ออดีตไม่นานมานี้
3 เดือนก่อนหน้านี้ ที่ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลในกรุงโซล เกาหลีใต้ เปลือกตานิสาขยับทีละนิดๆ เธอเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ใบหน้ามีพันผ้าพันแผลอยู่เต็มเว้นแค่ช่วงดวงตา สภาพใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล และกระดูกแตกหักแทบทั้งร่าง
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ฉันเป็นคนที่เจอหนู”
นิสาค่อยๆ เหลือบตามองมายังยุนฮีที่ข้างเตียง เห็นแววตาหญิงวัยกลางดูเป็นห่วงในตัวเธอเป็นอย่างมาก
ยุนฮีเริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า นิสาตกลงมาจากเขาสูง ถูกคลื่นทะเลซัดพัดพามาหมดสติอยู่ที่เขตบ้านพักตากอากาศของตน ยุนฮีตกใจสุดขีดเมื่อเห็นนิสานอนจมอยู่กับกองหินริมชายหาด สภาพเลือดท่วมใบหน้าและร่างกาย
“หนู...หนู...หนู”
ยุนฮีจำนิสาได้แม่นว่าเคยเจอกันที่วัด แถมยังเคยทำนายก่อนจากกันว่าจะได้เจอกันอีก เมื่อจับชีพจรพบว่าหัวใจยังเต้นอยู่พยายามเขย่าเรียกสติให้รู้สึกตัว คอยจับมือนิสาลูบไปมาหวังให้มีการตอบรับ จนเปลือกตาของนิสาขยับนิดๆ
ทุกอย่างในสายตานิสาเลือนลางไปหมด เห็นยุนฮีอยู่ตรงหน้าเพียงรางๆ แล้วทุกอย่างก็ดำมืดไปหมดสิ้น
ยุนฮีเล่าเรื่องราวให้นิสาฟังต่อว่า
“ฉันเป็นห่วงหนูมาก จากภาพที่ฉันเห็นหนูที่โขดหินแถวหน้าบ้านฉัน ฉันยังคิดว่าหนูคงจะไม่...”
นิสารู้ทันทีว่ายุนฮีคิดว่าเธอคงต้องตายแน่ๆ นิสาได้แต่นิ่งอึ้ง ยังคงงงๆ ความทรงจำขาดหายไปเป็นห้วงๆ
“หมอช่วยตัวหนูไว้ได้ แต่หมอไม่สามารถ...”
ยุนฮีนิ่งงันไปไม่พูดอะไรต่อ จนนิสาเหลือบตามองยุนฮีเชิงถาม
“ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในท้องของหนูได้”
นิสาอึ้ง งง เธอมีลูกด้วยเหรอ นิสาพยายามนึก และจะพูดออกมา แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาเป็นเสียงปกติได้ เนื่องจากกล่องเสียงถูกทำลายไป จึงมีเพียงลม พ่นออกมา
“ลูก...”
ยุนฮีสงสารเหลือเกิน จับมือของนิสาแน่นพูดปลอบเรื่องลูกในท้องนิสา
“ลูกในท้องของหนู หมอไม่สามารถช่วยเขาไว้ได้ เพราะหนูได้รับการ กระทบกระเทือนอย่างแรง ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ยังไง”
นิสายังจำอะไรไม่ได้นัก ได้แต่พูดคำว่าลูกอยู่อย่างนั้น
“ลูก...ลูก...”
“หมอบอกว่า ความทรงจำของหนู อาจจะยังไม่กลับมา คงต้องใช้เวลาฟื้นความทรงจำสักระยะหนึ่ง เพื่อย้อนความทรงจำทั้งหมดให้กลับมา”
ในห้องพักของโรงพยาบาล ร่างกายอันแสนบอบช้ำของนิสาได้รับการช่วยเหลือจากยุนฮีเป็นอย่างดี นิสาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ความจำของเธอหายไปชั่วขณะ ยุนฮีคอยดูแลอย่างดี คอยปรับเตียงให้ และช่วยนวดคลายกล้ามเนื้อให้นิสาตามคำแนะนำของคุณหมอ
นิสาอยู่ในสภาพพันแผลทั้งตัว ราวกับมัมมี่กระนั้น นั่งเหม่ออยู่ในห้องพักวีไอพีเพียงลำพัง มองเหม่อไปทางหน้าต่าง สุดท้ายเธอลุกเดินไปที่ริมหน้าต่าง ความทรงจำค่อยๆ กลับมาทีละนิดๆ เริ่มจากสมัยเด็กๆ มาจนถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน
หมอบอกเธอว่า “ความทรงจำระยะไกลจะค่อยๆ กลับมาก่อน ส่วนความทรงจำระยะใกล้จะมาเป็นความทรงจำชุดสุดท้าย”
ความทรงจำเก่าๆ ของนิสาเริ่มฟื้นคืนมา เธอจำเรื่องราวสมัยสอบเป็นมัคคุเทศน์ เริ่มทำงานไกด์ มีศักดิ์ชายยิ้มสุขใจคอยเป็นกำลังให้ ความทรงจำหนหลังเริ่มกลับมาเป็นบางส่วน นิสายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อนึกถึงศักดิ์ชาย พูดพ่นเป็นลมออกมาด้วยความคิดถึง
“พ่อ...พ่อ...พ่อ”
นิสาน้ำตาไหลออกมา ร้องเรียกหาศักดิ์ชาย คนที่เธอรักมากที่สุด
นิสายังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ใบหน้าพันแผลปิดไว้ หมอเข้าเผือกเบาในขั้นการรักษาแขนข้างซ้ายให้ เวลานี้กำลังคุยอยู่กับคุณหมอเจ้าของไข้ ยุนฮีร่วมสนทนาอยู่ด้วย
“ตอนนี้ส่วนระบบภายในร่างกาย รวมทั้งระบบสมองของคุณนิสา เริ่มกลับมาทำงานจนเกือบปกติแล้ว เหลือแต่ในส่วนของร่ายกาย ภายนอกที่ต้องได้รับการรักษาก่อนที่เนื้อเยื่อภายนอกจะตายไป และ ไม่สามารถรักษาได้อีก”
“ดูจากบาดแผลที่เกิดขึ้น มันแทบจะต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นใหม่แทนของเก่า”
หมอพยักหน้ารับ “ใช่ครับ การรักษาก็จะเหมือนเปลี่ยนผิวทุกส่วนของร่างกาย ทั้งใบหน้า และตามร่างกาย กล่องเสียง รวมถึงศัลยกรรมกระดูกบางส่วนด้วย”
ยุนฮีประหลาดใจ “หมอกำลังจะหมายความว่า ทุกส่วนในตัวของแม่หนู มันจะเปลี่ยนไปหมดเลย งั้นหรือคะ”
“ครับ ในบางจุดแทบจะไม่มีเนื้อเยื่อเก่าของคุณนิสาที่ยังพอใช้ได้ หรือพูดอีกอย่างว่า ใช้ได้น้อยมากๆ คงต้องปลูกถ่ายกันใหม่เกือบทั้งหมด”
ยุนฮีถามซักว่า “มันเหมือนกับแม่หนูจะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปงั้นหรือค่ะ”
นิสาส่ายหน้ารับไม่ได้ ร้องไห้โฮ ยุนฮีรู้สึกสงสารจับใจ พยายามปลอบ นิสานิ่งคิดถึงพงศธร
ภาพความสัมพันธ์ของนิสาและพงศธรผุดซ้อนขึ้นมาราวสายน้ำ สองคนเจอกัน และพบรักกันที่เกาหลี ความสัมพันธ์งอกงามเมื่อกลับถึงเมืองไทยจนได้เสียกัน พงศธรย้ำคำหวานให้นิสาฟังโดยไม่รู้เบื่อและขอร้องให้เธอเป็นนิสาคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่บนเตียงพงศธรพร่ำคำหวานว่า ชอบตา จมูก ปาก นิสามากๆ
เมื่อนึกขึ้นได้ นิสาอึ้งไปกับคำพูดของพงศธรที่เคยขอไว้ เธอบอกปฏิเสธการผ่าตัดทันที
“ไม่...ไม่...ไม่...”
“ใจเย็นๆ ก่อนไหมจ๊ะหนู ค่อยๆ คิด บางทีการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของหนูดีขึ้นก็ได้นะ” ยุนฮีปลอบ
“หมอยืนยันว่าทุกอย่างต้องดีกว่าที่...เป็นอยู่นี้แน่นอน”
นิสาไม่ยอมท่าเดียว “ไม่...ไม่...ไม่”
ทั้งยังเขียนหนังสือในกระดาษบอกความต้องการ
“ฉันสัญญากับเขา จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ฉันจะต้องเป็นฉัน”
นิสากอดยุนฮีแน่น ยึดเป็นหลักชีวิต
“ไม่เป็นไร ชิวิตนี้เป็นของหนู หนูเลือกได้เอง ไม่เป็นไร”
ยุนฮีปลอบใจและมองหน้าหมออย่างหนักใจ นิสาเอาแต่ร้องไห้อย่างน่าเวทนา
ระหว่างพักรักษารอแผลหายอยู่ที่บ้านของยุนฮี นิสาคิดถึงเมืองไทย เธอจำเบอร์โทรศัพท์มือถือของพงศธรได้แม่น รีบจดเบอร์ลงบนกระดาษทีละตัวๆ 081- 8417432 นิสาพยายามออกเสียงพูดแต่พูดไม่ได้
นิสามองโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น มือสั่นๆ ขณะกดตัวเลขจนครบ แต่ปรากฎว่าเป็นเบอร์ที่ไม่ใช้แล้ว นิสากดเบอร์นั้นซ้ำๆ แต่ก็ได้ยินข้อความตอบรับเหมือนเดิม นิสาหมดหวังมือที่ถือโทรศัพท์ค่อยๆ ทิ้งลงมาข้างตัว น้ำตาหยดริน
ที่บ้านของยุนฮี นิสาในสภาพพันแผลทั่วใบหน้าเว้นบริเวณดวงตา และเข้าเฝือกเบาที่แขนซ้าย กำลังเปิดอินเตอร์เน็ต เข้าเว็บเพื่อหาทางติดต่อพงศธร พิมพ์ชื่อพงศธร แล้วเซิร์ชหา มีชื่อขึ้นมาเพียบ นิสาไล่สายตาหาจนเจอภาพ พงศธร รีบกดคลิกเข้าไปที่ภาพนั้น ปรากฏเป็นกรอบข่าวใต้ภาพ
“คุณพงศธร วรเดชเดชา ประกาศหมั้นกับ คุณวิริยา ศุภดำรงกุล ทายาทสาวสายการบินรอยัลแอร์ไลน์” และในบทสัมภาษณ์เขายังบอกว่าเขาชอบวิริยาเพราะเธอเป็นคนสวยและเก่ง!
นิสาช็อกไปชั่วขณะ เสียใจและแค้นใจว่าสิ่งที่เขาเคยพูดกับเธอ ล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
นิสาค้นในเน็ต จนได้เบอร์ติดต่อพงศธรจากสายการบิน เธอตัดสินใจโทร.หาเขาที่ห้องพักทันที ด้วยมืออันสั่นเทา เสียงปลายสายผู้รับเป็นเสียงของพงศธรเธอจำได้ไม่รู้ลืม
“สวัสดีครับ ผมพงศธรพูดสายครับ”
นิสาดีใจเหลือแสนที่ได้ยินเสียงคนรักอีกครั้ง พยายามจะพูดบอกไป แต่เธอพูดได้ไม่เต็มเสียง และไม่เป็นคำ เพราะกล่องเลียงของเธอถูกทำลายลง สาเหตุจากการตกเหวนั่นเอง
“พ...พ...”
พงศธรทัก “สวัสดีครับ”
“พ...พ...นิ...” นิสาพยายามสุดชีวิตจะพูดให้เป็นคำ
“ใครนะครับๆ นั่นใครเหรอครับ”
นิสาพยายามจะพูดอีก แต่แล้วสิ่งที่นิสาได้ยินชัดเจนคือเสียงของผู้หญิงที่แทรกเข้ามา
"ใครโทรมาเหรอคะที่รัก"
นิสาอึ้งกับเสียงวิริยาที่ได้ยิน
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่ยอมพูดอะไรเลย ถามก็ไม่ตอบ”
“งั้นก็วางไปซะสิคะเสียเวลาเปล่าๆ เรารีบไปลองชุดแต่งงานกันดีกว่าค่ะที่รัก ไปค่ะ วางๆ”
เสียงวางโทรศัพท์วางลง
นิสาช็อกนิ่งงันไป เมื่อได้ยินเสียงของทั้งสองคนที่ดูมีความสุขจนเหลือล้น นิสาน้ำตาตกใน
ที่ห้องพักภายในบ้านของยุนฮี นิสาในสภาพพันแผลแค่หน้า เข้าเฝือกเบาที่แขนซ้าย หน้าจอคอมพิวเตอร์ เห็นภาพข่าวของพงศธรและวิริยาถ่ายรูปคู่กัน โดยมีข้อความพาดหัวข่าวเขียนไว้ว่า
"นายพงศธร วรเดชเดชา ประกาศจัดงานแต่งกับ นางสาว วิริยา ศุภดำรงกุล วันที่ 14 ก.พ.นี้"
นิสาเลื่อนเม้าส์ไปดูคลิประกอบข่าว เป็นวิดีโอการสัมภาษณ์พงศธรกับวิริยาที่งานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง
“คุณพงศธรถือว่าเป็นหนุ่มผู้โชคดี ที่คว้าหัวใจสาวสวยทายาทธุรกิจสายการบินรอยัลแอร์ไลน์นับหมื่นล้านไปได้ คุณวิริยาเห็นอะไรในตัวชายหนุ่มคนนี้คะ”
“ดิฉันชอบผู้ชายฉลาด เก่ง และที่สำคัญ รักดิฉันเพียงคนเดียว ซึ่งคุณพงศธรคือผู้ชายคนนั้นค่ะ”
นักข่าวสาวเผือกมาทางพงศธร “แล้วคุณพงศธรล่ะคะ รักอะไรในตัวคุณวิริยาคะ”
“ผมรักทุกอย่างที่รวมมาเป็นตัวเขา รักปาก รักจมูก รักคิ้ว และก็รักดวงตาคู่นี้ ก็เลยรักคุณวิริยา” พงศธรยิ้มพราย
นักข่าวถามว่า “แหมหวานแล้วก็โรแมนติกจังนะคะ แล้วจากงานหมั้นในวันนี้ กำหนดการแต่งงานจะเริ่มเมื่อไรคะ”
“ก็อีก สามเดือนข้างหน้าครับ ยังไงฝากเชิญทุกคนมาร่วมงานมงคลสมรสของเราทั้งสองคนด้วยนะครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
นักข่าวสาวหันมาพูดปิดข่าว กับกล้องทีวี สีหน้าแววตา และ น้ำเสียงนั้น เผือกเต็มขั้น
“นั่นแหละค่ะ คู่หมั้นสดๆ ร้อนๆ ของเซเลบเมืองไทย ที่เป็นที่จับตามองอย่างมากถึงความเหมาะสมของทั้งสองท่าน ฝ่ายชายก็เป็นกำลังสำคัญของสายการบินรอยัลแอร์ไลน์ ฝ่ายหญิงก็เป็นทายาทโดยตรงเพียงคนเดียวของสายการบินรอยัลแอร์ไลน์ เช่นกัน”
มือนิสาที่กำเม้าส์อยู่สั่นสะท้าน ความเสียใจ ความน้อยใจ แล่นลิ่วเข้าสู่ทรวงอก เมื่อรับรู้ว่าพงศธรกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ นิสาคิดหนัก
นิสาตัดสินใจบอกกับหมอเจ้าของเคสว่า เธอเปลี่ยนใจจะขอทำศัลยกรรมเพื่อเปลี่ยนเป็นคนใหม่ และเธอจะทิ้งความทรงจำที่เลวร้ายนี้ไปพร้อมๆ กับหน้าตาเดิมของเธอ
นิสาเขียนข้อความเป็นภาษาเกาหลีทั้งน้ำตา และพยายามพูดบอกกับหมอไปด้วย โดยมียุนฮีนั่งอยู่ข้างๆ
“ช่วยพาฉันกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงด้วยเถอะค่ะ”
ยุนฮีทักท้วง “นิสา หนูแน่ใจแล้วเหรอ...หือ”
นิสากุมมือยุนฮีแทนตอบ ยังคงสะอื้นไห้เบาๆ พร้อมกับหันไปยกมือไหว้ข้อร้องคุณหมอ
“ช่วย...ฉัน...”
นิสากอดยุนฮีสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้นเป็นที่น่าเวทนา ยุนฮีกอดปลอบด้วยความสงสารและเข้าใจ
ภายในห้องตรวจ คุณหมอหัวหน้าทีมศัลยแพทย์กำลังอธิบายขั้นตอนการผ่าตัดกล่องเสียงให้นิสาและยุนฮี ฟัง
“กล่องเสียงของคุณถูกทำลายหมด จากการกระแทกอย่างหนัก ผมจะผ่าตัด เปลี่ยนกล่องเสียงให้คุณ คุณจะพูดได้ปกติ แต่น้ำเสียงจะไม่เหมือนเดิม”
คุณหมออธิบายถึงขั้นตอนการผ่าตัดต่อ พร้อมกับให้ดูภาพเสมือนจากจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำการจำลองรูปร่างนิสาเป็นภาพ 3 มิติ และขั้นตอนสุดท้ายการผ่าตัดใบหน้า จากใบหน้าเดิมของนิสาค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นใบหน้าใหม่ นิสามองจ้องใบหน้าใหม่ในจอคอมพ์แล้วถึงกับอึ้ง น้ำตาไหลริน
ในห้องผ่าตัดเวลานี้นิสานอนสลบอยู่บนเตียงผ่าตัด มีคุณหมอศัลยแพทย์หัวหน้าทีมและลูกทีมผ่าตัด ตลอดจนพยาบาลผู้ช่วยยืนอยู่รอบเตียง มีการประเมินผลการผ่าตัดบนจอคอมพ์ในห้อง มีกล้องขนาดเล็กคอยบันทึกทุกขั้นตอนโดยละเอียด การเริ่มผ่าตัดเริ่มขึ้นตามเวลาที่กำหนด เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ยุนฮีคอยอยู่ด้านนอกห้อง ไหว้ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี
คุณหมอศัลยแพทย์ยังคงคร่ำเคร่งต่อผ่าตัด เปลี่ยนมีด เปลี่ยนกรรไกร อย่างเชี่ยวชาญ พยาบาลผู้ช่วยเช็ดหน้าเหงื่อให้
ยุนฮีคอยมองมาที่ห้องผ่าตัดอย่างเป็นห่วง
หมอตัดไหมสุดท้าย และวางกรรไกรลงในถาดอุปกรณ์ ถอนหายใจโล่งอก ทุกอย่างจบลงด้วยดีและเป็นที่น่าพอใจของทีมแพทย์ ไฟในห้องผ่าตัดถูกปิดวูบลง
ในช่วงพักฟื้นร่างกาย นิสาได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จากการรักษาตั้งแต่หัวจดเท้า แต่ไม่ว่าจะเจ็บปวดมากเพียงใด แววตาภายใต้ผ้าพันแผลนั้นมันช่างมุ่งมั่น และแข็งกร้าว เต็มไปด้วยไฟแค้นมากมายเหลือคณานับ
นิสาเริ่มมีอาการที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงมีผ้าพันแผลที่ใบหน้า เธอลุกขึ้นเดินเหินเองได้ โดยในแต่ละวันจะก้าวไปหยุดมองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างกรุงโซล ราวกับจะมองทะลุไปถึงกรุงเทพฯ เมืองไทย ด้วยแววตาที่แข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม
เมื่อครบกำหนดเปิดใบหน้า ทุกคนในห้องพักฟื้นต่างตื่นเต้น แน่นอนคนที่ลุ้นมากกว่าใครคือนิสานั่นเอง คุณหมอค่อยๆ แกะเอาผ้าพันแผลออก ผลของการรักษาครั้งนี้ดูน่าพอใจเป็นอย่างมาก หมอยิ้มพราย ส่วนยุนฮีตะลึงกับใบหน้าใหม่ของนิสา และนึกหวั่นใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้านับต่อจากนี้
นิสาถือกระจก ยกมือลูบใบหน้าใหม่ของตัวเองในขณะมองดูจากกระจกอย่างพึงพอใจ
นิสากลับมาพักฟื้นที่บ้านยุนฮีแล้ว เริ่มฝึกเดิน และทำกายภาพที่ระเบียงบ้านตามคำแนะนำของหมอ และเธอทำอย่างนี้เป็นประจำสม่ำเสมอระหว่างนี้
ต่อมาจึงเริ่มออกกำลังกายหนักเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งซิตอัพ โยคะเบาๆ อยู่บริเวณริมระเบียงเช่นเคย
และเริ่มออกไปนอกบ้านในชุดวอร์มเสื้อฮูทคลุมศีรษะ ดูแลร่างกายตัวเอง ด้วยการออกกำลัง วิ่งตามชายหาดริมทะเลสวย ร้างไร้ผู้คน ไม่นานต่อมา เธอก็ออกวิ่งมาตามถนน ในย่านผู้คนพักอาศัยละแวกบ้านยุนฮี
นิสาออกกำลังกายอยู่ที่บ้านยุนฮี สภาพตอนนี้ ดูเหมือนว่าเธอพร้อมแล้วทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อการล้างแค้นที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ด้านหลังสองคนเป็นบรรยากาศงานแต่งงานในสวนสวยสไตล์ฝรั่งเศสอันแสนหรูหราสมเกียรติบ่าวสาวคนดัง เป็นงาน ซิต ดาวน์ ดินเนอร์ มีแขกไฮโซ และนักธุรกิจสายการบินมาร่วมงานคับคั่ง ดื่มกิน เม้าท์มอยตามอัธยาศัยใครมัน
พงศธรและนิสาในคราบศิตางค์สบตากันนิ่งนาน จนศิตางค์เป็นฝ่ายเย้าหยอกทีเล่นทีจริงขึ้นว่า
“แล้วคุณพงศธรจำฉันได้ไหมคะ”
“คือ...”
“ฉันล้อเล่น น่ะค่ะ”
ศิตางค์ยิ้มพราย หยิบนามบัตรของเธอออกจากกระเป๋า
“ทีนี้คุณคงปฎิเสธฉันไม่ได้แล้วนะคะ ว่าไม่รู้จัก เจอกันคราวหน้า เราจะได้ข้ามไปคุยเรื่องที่มันสำคัญกันเลย”
ศิตางค์ส่งนามบัตรให้พงศธร จังหวะหนึ่งเธอแกล้งสะดุดซวนเซให้พงศธรช่วยพยุงไว้ได้ทัน เขากับมือประคองเธอไว้ไม่ให้ล้ม
วิริยาก้าวฉับๆ เข้ามาขัดจังหวะทั้งสองคน หลังยืนมองธีรภาพคุยกับแขกอยู่นานสองนาน และทันได้ยินคำพูดศิตางค์ด้วย
“ข้ามที่จะแนะนำฉันด้วยหรือเปล่าค่ะ”
พงศธรรีบปล่อยมือออกจากศิตางค์ หันมายิ้มกลบเกลื่อนตั้งใจแนะนำให้วิริยารู้จักกับแขกคนสวย
“อ๋อ วิวจ๊ะ.. นี่คุณ...”
พงศธรนึกได้ว่ายังไม่ได้ถามชื่อศิตางค์ รีบอ่านที่นามบัตร แต่นามบัตรดันกลับหัวเห็นไม่ถนัด เขารีบหมุนนามบัตรเพื่ออ่าน ศิตางค์เห็นเลยชิงแนะนำตัวเอง
“ศิตางค์ค่ะ”
“ค่ะ” วิริยาทักตอบสั้นๆ
“ยินดีด้วยนะคะที่คุณวิริยา คว้าทั้งตัวและหัวใจผู้ชายอย่างคุณพงศธรไว้ได้”
วิริยาถือโอกาสเกาะแขนพงศธรอวดความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างภาคภูมิ
“ขอบคุณนะคะ”
“คืนนี้ฉันมาเพื่ออวยพรคุณทั้งสองโดยเฉพาะ คงต้องขอตัวก่อนนะคะ”
ศิตางค์ยิ้มให้ทั้งสองแล้วเดินออกไป แต่แล้วศิตางค์ก็หยุดชะงักนึกขึ้นได้ หันไปทางพงศธร
“อุ๊ย เกือบลืมมือถือที่คุณให้ฉันยืมโทร.เข้าเบอร์ตัวเองเมื่อกี้ ฉันนี่แย่จัง ลืมกระทั่งมือถือตัวเอง คงจะลืมไว้ในรถ นี่ค่ะ มือถือคุณ ขอบคุณมากนะคะ”
ศิตางค์เดินสวยๆ จากไปอย่างงามสง่า พงศธรยังงงไม่หายว่ามือถือตนไปอยู่ที่ศิตางค์ได้ยังไง วิริยามองตามด้วยอารมณ์ขุ่นๆ ธีรภาพมองตามและรีบเดินตามศิตางค์ไป
ศิตางค์เดินไปยังรถบริเวณริมถนนหน้างาน พนักงานรับรถกุลีกุจอเปิดประตูให้ ศิตางค์ขึ้นรถมองผ่านกระจกข้าง เห็นธีรภาพเดินออกมาเหมือนมองหาเธอ ศิตางค์ปิดกระจกรถแล้วขับออกไปเลย
ธีรภาพมองตามรถไปจนลับตา ก่อนจะหันไปเห็นความผิดปกติอีกมุม รูปบ่าวสาวสวยหล่อราวกิ่งทองใบหยกของพงศธรและวิริยาในกรอบงามวิจิตรถูกกรีดขาดจนดูน่าสยดสยอง
ธีรภาพมองฉงนฉงาย ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาพนั้น
อ่านต่อตอนที่ 14