แรงชัง ตอนที่ 13
หอมเห็นเนื้อนางยืนลุกลี้ลุกลนหาทางออก เธอเองก็ตกใจไปด้วย พูดบอกอย่างยากลำบาก
“หน้าต่าง”
เนื้อนางคิดได้ก็รีบวิ่งไปที่หน้าต่าง มองลงไปข้างล่างอย่างหวาดเสียว แล้วหันไปมองหน้าหอมอย่างลังเล หอมพยักหน้าให้ เนื้อนางจึงต้องตัดสินใจปีนหน้าต่างออกไป แล้วจะรีบวิ่งหนี แต่บ่าวที่เดินผ่านมาได้ยินเสียงคนโดดลงมาก็มองซ้ายมองขวาหาต้นเสียง เนื้อนางจึงต้องรีบหลบเข้ามุม เป็นจังหวะเดียวกับที่ชงชางเปิดประตูห้องเข้ามา แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หอมฟัง
“บ่าวมันบอกว่าเห็นมีคนนอกเข้ามาเดินเพ่นพ่าน สงสัยจะตาฝาดกัน หอมนอนเถอะ”
หอมพยักหน้าให้ แต่ยังกังวลกลัวเนื้อนางจะถูกจับได้ ขณะนั้นเอง เนื้อนางเห็นว่าบ่าวยังคงยืนงงอยู่ตรงนั้นและกำลังมองหาต้นเสียง
“มีอะไรวะ”
“เมื่อกี้ข้าได้ยินเสียงอะไรหล่นก็ไม่รู้”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย ไป๊ ไปนอนๆ”
บ่าวทั้งสองพากันเดินออกไป เนื้อนางย่องออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบวิ่งไปอีกทาง จังหวะเดียวกับที่บ่าวคนหนึ่ง เหลียวหลังกลับมามองพอดี จึงเห็นเนื้อนางเข้า
“เฮ้ย นั่น”
เนื้อนางตกใจรีบวิ่งหนี บ่าวทั้งสองรีบวิ่งตามไป
เวลาต่อมา ชงชางนอนหลับอยู่กับหอม เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัวๆ จนเขาและหอมรู้สึกตัวตื่น ชงชางเปิดประตู เห็นกล้ายืนอยู่อย่างเครียดๆ
“บ่าวมันเห็นเนื้อนางอยู่ที่เรือนเรา”
ชงชางเครียดขึ้นทันทีหันไปมองหอม รู้สึกเป็นห่วง เห็นว่าหอมมองมาด้วยความสงสัย
“ฉันจะตามไปเอง ส่วนแกก็อยู่เฝ้าทางนี้แล้วกัน เผื่อว่าศักดามันจะมากับเนื้อนางด้วยแล้วอาจจะย้อนกลับมาที่เรือนอีก ฉันเป็นห่วงหอม เชื่อฉัน ฉันจะกลับมา”
กล้าพยักหน้าให้ ชงชางหยิบดาบแล้วเดินออกจากห้องไป หอมเป็นห่วงสามี และห่วงเนื้อนางด้วย ไม่รู้ว่าที่ชงชางออกไปนั้นจะเกี่ยวข้องกับเนื้อนางหรือไม่
ศักดาอยู่ที่กระท่อม กังวลใจที่เนื้อนางหายไป
“ดึกดื่นอย่างนี้เนื้อนางหายไปไหน”
เสียงเท้าหนักๆ วิ่งเข้ามา ศักดาตกใจรีบหลบตามสัญชาตญาณ เนื้อนางวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วตายังมองไปด้านหลังอย่างหวาดกลัวเพราะบ่าวกำลังตามล่าเข้ามาใกล้ทุกที ศักดาเห็นว่าเป็นเนื้อนางก็รีบพุ่งออกมาจากที่ซ่อนเข้าถึงตัวเนื้อนาง เนื้อนางตกใจคิดว่าจะถูกจับได้ก็ร้องลั่น ศักดาต้องปิดปากไว้ พอเนื้อนางตั้งสติได้และเห็นว่าเป็นศักดาก็โล่งใจ แต่ยังไม่หายกังวล เพราะยังถูกตามล่าอยู่ ศักดามองเนื้อนางอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
เนื้อนางยังไม่ทันตอบ เสียงคนหลายคนกำลังวิ่งเข้ามา ศักดารีบพาเนื้อนางหลบ บ่าววิ่งนำชงชางเข้ามาหยุดที่หน้ากระท่อม
“มันต้องหนีมาที่นี่แน่ขอรับ”
“กระท่อมที่เนื้อนางหลอกล่อฉันมาให้ศักดาฆ่านี่เอง ทำไมถึงคิดไม่ถึงนะ” ชงชางเจ็บใจ
ศักดาและเนื้อนางแอบอยู่ ศักดามองชงชางอย่างแค้นใจ
“ตามมาถึงที่นี่เลยนะมึงไอ้ชงชาง”
ศักดาจะออกไปเอาเรื่อง แต่เนื้อนางดึงแขนห้ามไว้
“อย่าพี่ศักดิ์ เราไม่มีมีดหรือดาบอะไรเลย ออกไปก็สู้เขาไม่ได้ รังแต่จะทำให้ถูกจับตัวกันไปเสียเปล่าๆ ฉันว่าเราหนีไปตั้งหลักก่อนเถอะพี่ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ชงชางไม่ปล่อยเราไว้แน่”
ศักดาฮึดฮัดขัดใจ แต่ก็เห็นด้วยกับเนื้อนาง
“ไปเถอะพี่”
เนื้อนางกับศักดาแอบย่องออกไปทางด้านหลังแล้ววิ่งหายไปในความมืด ชงชางเปิดประตูกระท่อมเข้ามา ไม่เจอใคร เขากลับไปที่เรือนคุยกับกล้าด้วยความเจ็บใจที่จับตัวศักดาไม่ได้
“มันหนีไปได้ ทำไมมันโชคดีอย่างนี้ทุกทีเลยวะ แล้วอย่างนี้จะหาความสงบสุขได้เมื่อไหร่กัน”
ชงชางเงียบไปครู่หนึ่งเพราะหนักใจเหมือนกัน
“แล้วหอมล่ะ”
“ยังไม่หลับ รอแกอยู่”
ชงชางเดินเข้ามาในห้อง มองหอมด้วยความห่วงใย
“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ พี่กลับมาแล้ว หอมไม่ต้องกังวลไป”
หอมพยักหน้ารับรู้ ชงชางดึงเมียเข้ามากอดไว้ หอมหลับตาในอ้อมกอดของสามี แต่ชงชางกลับเหม่อคิดถึงเนื้อนาง
ศักดากับเนื้อนางเดินคุยกันมาอย่างเคร่งเครียด
“เนื้อนางไปทำอีท่าไหนให้ถูกตามมาถึงที่นี่ได้ หะ”
“คือฉันแค่ออกไปหาข่าวน่ะจ้ะ เผื่อชาวบ้านจะมีข่าวเรื่องท่านเจ้าคุณบ้าง”
“โอ๊ย เนื้อนาง โดนมันหลอกแบบนี้คิดว่าถ้ามีข่าวมาอีกจะเป็นเรื่องจริงงั้นรึ”
เนื้อนางก้มหน้าเงียบ
“เอาเถอะๆ ตอนนี้พี่ว่าเรากลับไปตั้งหลักที่ปากน้ำโพกันก่อนดีกว่า ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปไอ้ชงชางก็ตามล่าเราไม่เลิก รอให้ไอ้บริบรรณมันกลับจากราชการหัวเมืองแล้ว เราก็ค่อยกลับมาจัดการทีเดียวเลยดีกว่า”
เนื้อนางพยักหน้าให้ ศักดาเจ็บใจที่มาถึงพระนครแต่ยังแก้แค้นไม่ได้
ตอนเช้า หอมเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้น อาการและหน้าตาดูดีขึ้น เธอพยุงตัวขึ้นมานั่งพิงได้แล้ว ชงชางเปิดประตูเข้ามา เห็นหอมลุกขึ้นนั่งเองได้ก็ดีใจ
“ดีขึ้นแล้วรึ”
“จ้ะ แต่ฉันยังรู้สึกขยับตัวลำบาก พี่ชาญตามหมอให้ฉันหน่อยสิ”
ชงชางเรียกหาบ่าวไพร่
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ตามหมอมาสิ”
“เจ้าค่ะ”
กล้าได้ยินเสียงชงชางก็รีบเข้ามา
“หอมเป็นอะไรหนักรึ”
กล้าแปลกใจ และในเวลาต่อมา หมอมาตรวจชีพจรให้หอม เห็นว่าหอมอาการดีขึ้นก็สงสัย
“อาการดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ยาที่กระผมให้ไว้ก็แค่ประทังอาการเท่านั้นไม่คิดว่า”
“มีคนนำยามาให้ฉัน ฉันกินยานี้ไปเมื่อคืน รุ่งเช้าอาการก็ดีขึ้นอย่างที่เห็น”
หอมส่งถ้วยยาให้หมอดู หมอดูแล้วก็แปลกใจ
“กระผมไม่เคยเห็นยานี้มาก่อนเลยขอรับ เอ หรือว่าจะเป็นยาของหมอจีน”
“ของใครก็ช่างเถอะ แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องหมอสักหน่อย”
หอมมองหน้าหมออย่างขอร้องแล้วส่งถุงเงินให้
“ฉันขอร้องนะหมอ อย่าเอาเรื่องคนที่นำยานี้มาให้ฉันไปบอกใคร ถ้าพี่ชาญถาม ก็ขอให้หมอบอกว่าได้ยามาจากหมอจีนเท่านั้น”
หมอเริ่มลำบากใจ และหลังจากตรวจเสร็จจะกลับไป ก็ได้คุยกับชงชางและกล้า
“ต้องขอบคุณหมอมากนะที่ดูแลหอมเป็นอย่างดีถึงขั้นยอมลงทุนลงแรงเดินทางไปหาหมอจีนให้ปรุงยามาให้”
“ด้วยความเต็มใจขอรับ”
ชงชางยื่นถุงเงินให้หมอ แต่หมอไม่อยากรับ
“ไม่รับไว้ล่ะหมอ แค่สินน้ำใจเท่านั้น” กล้าบอก
“เอ่อ กระผม”
หมอก้มหน้าหลบตาชงชางและไม่ยอมรับถุงเงินนั้น
“กระผมขอไม่รับแล้วกันนะขอรับ”
หมอรีบเดินแล้วออกไป ชงชางกับกล้ามองงงๆ
ชงชางยืนเหม่อลอยนึกถึงอดีตความบาดหมางระหว่างครอบครัวเขากับเนื้อนาง หอมเปิดประตูเดินเข้ามา ชงชางมองหอมอย่างเป็นห่วง
“ไปไหนมาหอม อาการเพิ่งจะดีขึ้น”
“ฉันเอายาไปแบ่งให้พวกบ่าวมาจ้ะ แล้วพี่ชาญยืนทำอะไรอยู่”
ชงชางโอบหอมแล้วพาไปนั่งที่เตียง
“มีอะไรกังวลใจหรือเปล่า”
“เมื่อไหร่เรื่องมันจะจบนะหอม”
“เรื่องมันจะจบก็ต่อเมื่อใครคนหนึ่งยอมหยุด เลิกล้างแค้นต่อกัน พี่ชาญ ฉันขอเถอะนะ ตั้งแต่ฉันมีอาการแย่ลง ขยับตัวไม่ได้เหมือนเป็นอัมพาตนอนแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ฉันก็คิดได้ว่าคนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ พี่ชาญ เวลาที่เหลือของเรา เรามาทำให้ชีวิตมีความสุขไม่ได้หรือจ๊ะ พี่เลิกคิดล้างแค้นเอาคืนพวกคุณหลวงได้มั้ย ถ้าเราวางมือ อีกไม่นานฝั่งนั้นก็คงจะต้องยอมรามือเหมือนกัน นะพี่นะ เห็นแก่ฉัน เห็นแก่ลูกเถอะ”
ชงชางนิ่งคิด แล้วยอมตกลง
“พี่จะยอมวางมือทุกอย่าง แล้วภาวนาขอให้ฝั่งนั้นเลิกราต่อเราเหมือนกัน พี่จะพาหอมกลับปากน้ำโพนะ เราจะกลับไปหาลูก ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วลืมเรื่องราวร้ายๆ ในอดีตให้หมดสิ้น ดีมั้ยหอม”
“ดีที่สุดเลยจ้ะพี่”
หอมกอดชงชาง ชายหนุ่มกอดตอบ ตัดสินใจแล้วว่าจะวางมือจากความแค้นจริงๆ
ตอนเช้า กล้าเดินมาส่งชงชางซึ่งกำลังจะกลับบ้านที่ปากน้ำโพ
“ถ้าแกคิดจะวางมือแล้วจริงฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉันก็ไม่อยากจะแก้แค้นหรือมีเรื่องอะไรกับศักดาและเนื้อนางหรอกนะ ถ้าฝ่ายนั้นจะไม่มาทำอันตรายกับท่านเจ้าคุณ”
“ฉันก็กังวลใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ฉันก็สงสารหอม หอมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย แต่กลับต้องมารับผลที่เกิดขึ้นจนเกือบตาย”
“ฉันเข้าใจ เดินทางปลอดภัยก็แล้วกัน แล้วฉันจะหาเวลาไปเยี่ยมเยียนบ้าง เอ้อ ฝากดูแลเจ้าแก้วลูกฉันให้ดีด้วยล่ะ”
ชงชางยิ้มรับเป็นสัญญา หอมเดินเข้ามาหา
“ไปเถอะจ้ะ ป่านนี้หาญคงจะบ่นคิดถึงพ่อแม่แย่แล้ว”
ชงชางพยุงหอมพากันออกไป กล้ามองทั้งคู่อย่างเห็นใจ หากไม่มีเรื่องความเคียดแค้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งคู่คงจะมีความสุขมากกว่านี้
สายทำความสะอาดเรือนอยู่ ศักดากับเนื้อนางกลับมาจากพระนคร สายหันไปเห็น ยิ้มดีใจ แต่พอเห็นศักดาหงุดหงิด ก็มองหน้าเนื้อนางเป็นเชิงถาม เนื้อนางตัดบท
“ขอน้ำกินสักหน่อยเถอะพี่สาย”
สายรีบไปตักน้ำมาให้เนื้อนางและศักดา ศักดาดื่มน้ำเสร็จก็กระแทกขันน้ำลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย
“เจ็บใจนัก อุตส่าห์ไปถึงพระนครแต่กลับคว้าน้ำเหลว”
“แต่เราก็ยังได้รู้นะพี่ว่าชงชางคือคนสนิทของท่านเจ้าคุณ”
สายตกใจ “อะไรนะเจ้าคะ”
“ใช่ มันอยู่ที่พระนครกับไอ้บริบรรณ แล้วสักวันฉันจะต้องรวบยอดแก้แค้นมันสองคนให้ได้”
ศักดาลุกออกไปอย่างหงุดหงิด สายมองหน้าเนื้อนาง อยากรู้เรื่องราวทั้งหมด เนื้อนางพยักหน้ายืนยันว่าสายฟังไม่ผิด
“ฉันเจอชงชาง พี่สาย ชงชางร่วมมือกับท่านเจ้าคุณบริบรรณทำให้พ่อแม่ของฉันต้องโทษตัดคอริบเรือนจริงๆ”
“โธ่ คุณหนู เวรกรรมจริงๆ”
“ฉันยังเจอคุณหอมด้วยนะพี่ เธอคงจะเป็นคนรู้จักของท่านเจ้าคุณ ถึงได้แวะไปเยี่ยมเยียน พอพี่ศักดิ์เห็นเข้าก็เหมารวมว่าคุณหอมเธอเป็นพวกเดียวกับชงชางเลยจะทำร้าย ฉันสงสารเธอ คุณหอมเธอช่วยลูกเอื้องฟ้าและยังมาซื้อหาขนมเราบ่อยๆ ฉันจึงช่วยเอาไว้ แต่ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
“ถ้าคุณหอมเธอเป็นคนดีจริง คุณพระคุณเจ้าต้องคุ้มครองเจ้าค่ะ”
เนื้อนางเป็นห่วงหอมมาก
ชงชางและหอมกลับมาถึงบ้านที่ปากน้ำโพ น้อยเดินออกมารับ
“กลับมากันแล้ว”
“หาญเป็นยังไงบ้างจ๊ะ ดื้อกับป้าน้อยมั้ย”
น้อยยิ้มๆ มองหน้าหอมแล้วชะงักไป
“หอมเป็นอะไรรึเปล่า”
หอมไม่ตอบ แต่เหลือบสบตากับชงชาง จากนั้นหอมไปคุยกับน้อยตามลำพัง น้อยฟังเรื่องที่หอมเล่าแล้วตกใจ
“ถึงกับวางยาพิษคนทั้งเรือนเลยรึ”
“ใช่จ้ะ มีบ่าวตายไปสองสามคน บางคนก็ยังกินพิษเข้าไปไม่มาก เลยไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“แล้วนี่หอมหายดีแล้วใช่มั้ย”
“จ้ะ แม่ของเอื้องฟ้าเอายาแก้พิษมาให้”
“แม่ของเอื้องฟ้า แล้วแม่ของเอื้องฟ้าไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่ถึงยังไงเขาก็มีพระคุณต่อฉันมากนะพี่”
หอมคิดถึงเนื้อนาง ซึ้งในน้ำใจ แต่น้อยกังวลใจไม่หาย
“ครั้งนี้วางยา ครั้งหน้าจะเป็นอะไรอีกนะ พี่ล่ะกลัวจริงๆ”
“พี่ชาญเขาสัญญากับฉันแล้วว่าจะวางมือจากทุกอย่าง เพราะฉะนั้นอีกไม่นานเรื่องคงจะจบไปเอง”
น้อยรับฟังที่หอมพูดแต่ยังไม่หายกังวล เพราะรู้ว่าศักดาไม่มีทางวางมือแน่ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น หอมกำลังจะออกจากบ้านกับบ่าว ชงชางเดินเข้ามา
“จะไปไหนน่ะหอม”
หอมสะดุ้ง “ฉันจะไปตลาดหน่อยน่ะจ้ะ”
“ดีเลย งั้นพี่ไปด้วย หอมจะได้มีเพื่อนเดิน”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ให้ฉันรีบไปรีบกลับดีกว่าจะได้มาทันข้าวมื้อเย็นด้วย ฉันไปนะจ๊ะ”
หอมรีบออกไป ชงชางมองแปลกใจ เมื่อหอมไปถึงตลาด เธอชะเง้อมองหาเนื้อนาง แต่ไม่เจอจึงหันมาพูดกับบ่าว
“เดินเล่นกันไปก่อนนะ ฉันขอไปทางด้านโน้นสักหน่อย”
บ่าวจะขอตามไปด้วย
“ไม่ต้องตามไป แล้วฉันจะกลับมาเจอตรงนี้ก็แล้วกัน”
หอมเดินออกไปเลย เนื้อนางนั่งขายขนมอยู่กับสาย ครู่หนึ่งหอมก็เดินเข้ามา เนื้อนางเห็นว่าเป็นหอมก็ยิ้มดีใจ โล่งใจที่หอมหายเป็นปกติแล้ว
“คุณหอม หายดีแล้วหรือเจ้าคะ”
“ก็เพราะเธอนั่นแหละ ฉันต้องขอบใจในน้ำใจของเธอมากนะ ถ้าไม่ได้เธอ ฉันคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ เอ้อ วันนั้นฉันก็พูดไม่ถนัดจึงไม่ได้ถาม เธอไปอยู่ที่พระนครแล้วรู้เรื่องของฉันได้ยังไงรึ”
เนื้อนางหลบตา อึกอัก ไม่กล้าตอบ สายก็อึดอัดไปด้วย แล้วหันไปเห็นบางอย่างก็ตกใจ รีบกระซิบบอกเนื้อนาง
“คุณศักดามาเจ้าค่ะ”
เนื้อนางตกใจ รีบดึงมือหอมวิ่งออกไปให้พ้นจากสายตาของศักดา หอมงง แต่ต้องยอมตามเนื้อนางไป สายแสร้งทำเป็นวุ่นวายขายขนมเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ศักดารู้ว่าเนื้อนางแอบพาหอมวิ่งหนีไป
“เนื้อนางล่ะ”
“คุณศักดามีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ฉันมาเอาเงิน บอกเนื้อนางด้วยว่าวันนี้ฉันกลับดึก ไม่ต้องรอ”
ศักดาฉวยเงินในตะกร้าไปหมด สายจะห้ามแต่ห้ามไม่ทัน ได้แต่เจ็บใจ
“ไม่ช่วยทำมาหากินก็ยังมาเบียดเบียนเอาเงินไปกินเหล้าเที่ยวผู้หญิงอีก”
สายส่ายหน้าระอา
เนื้อนางพาหอมวิ่งมาแอบศักดา เมื่อเห็นว่าศักดาไม่ได้ตามมา ก็ถอนใจโล่งอก หอมมองเนื้อนางอย่างไม่เข้าใจ
“มีอะไรรึ เธอพาฉันหนีอะไรมา”
เนื้อนางก้มหน้าไม่ยอมตอบ หอมก็อ่อนใจที่จะเซ้าซี้ถาม
“เอาเถอะๆ ไม่ตอบคำถามนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ที่ฉันถามว่าเธอไปอยู่ที่พระนครแล้วรู้เรื่องฉันป่วยได้ยังไง เธอยังไม่ได้ตอบเลยนะ”
“เอ่อคืออิฉันไปหาญาติน่ะเจ้าค่ะ ญาติอิฉันเพิ่งเสีย อิฉันจึงต้องรีบเดินทางไปให้ทันงานเผาศพ แล้วจึงได้ยินคนเขาพูดกันว่าคุณหอมป่วยเหมือนถูกยาพิษ”
“งั้นรึ ข่าวเรื่องฉันป่วยนี่กระจายกันไปเร็วเสียจริง สงสัยจะมีบ่าวในเรือนปากมากเกินไปละ”
“อย่าไปว่าบ่าวพวกนั้นเลยเจ้าค่ะ พวกมันก็คงจะร้อนใจที่เห็นนายหญิงของเรือนป่วยถึงต้องรีบออกตามหาหมอให้วุ่นวาย เอ่อ คุณหอมเจ้าคะ คุณหอมเป็นอะไรกับท่านเจ้าคุณหรือคะ”
“ท่านเจ้าคุณท่านมีบุญคุณกับฉัน ช่วยเหลือครอบครัวฉันมาตลอด ฉันนับถือและยกย่องเขาให้เป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่ฉันไปพระนครก็เพียงไปเยี่ยมเยียนเท่านั้น”
“ดูท่าทางคุณหอมจะชื่นชมท่านเจ้าคุณมากนะเจ้าคะ”
“ท่านเป็นคนมีน้ำใจไมตรีกับผู้คนทุกคน ไม่เคยคิดมีเรื่องหรือทำร้ายใครก่อน”
“แล้วเรื่องที่พระนครล่ะเจ้าคะ”
“เรื่องที่พระนคร เรื่องอะไรรึ”
เนื้อนางมองหน้าหอม พยายามหาคำตอบว่าหอมอาจจะรู้เรื่องที่พ่อแม่ของเธอต้องโทษตัดคอริบเรือน แต่หอมงง ไม่เข้าใจ เนื้อนางจึงเชื่อว่าหอมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ อิฉันต้องขอตัวนะเจ้าคะ ขนมใกล้หมดแล้วคงต้องรีบเก็บร้าน”
เนื้อนางจะเดินไป หอมดึงมือไว้
“ฉันขอบใจเธอจริงๆ นะ”
“อิฉันดีใจที่ได้ช่วยชีวิตผู้มีพระคุณอย่างคุณหอมเจ้าค่ะ”
หอมยิ้มรับ มองเนื้อนางอย่างซึ้งใจ
สายเก็บร้านอย่างเซ็งๆ เงินแทบจะไม่เหลือเพราะศักดาเอาไปหมด เนื้อนางเดินเข้ามา
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“ดูท่าทางคุณหอมเธอจะไม่รู้เรื่องที่ท่านเจ้าคุณบริบรรณทำเลวกับเราไว้เลยพี่สาย ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ช่วยคุณหอม พี่ศักดิ์ไปไหนแล้วล่ะพี่สาย”
“ได้เงินแล้วก็ไปเลยเจ้าค่ะ ก็คงเอาไปจมกับเหล้ากับผู้หญิงตามเคย”
สายส่งตะกร้าเงินให้เนื้อนางดู เนื้อนางหน้าสลดลง
“ทำอย่างไรดีเจ้าคะถึงจะหนีจากผู้ชายแบบนี้พ้น”
“จะหนีอย่างไรล่ะพี่สาย ก็ฉันแต่งงานกับเขาแล้วนี่” เนื้อนางถอนหายใจเศร้า
เช้าวันรุ่งขึ้น เนื้อนางกับสายเตรียมขนมออกไปขายที่ตลาด ศักดาเพิ่งจะกลับเข้ามา สายมองอย่างไม่พอใจ
“เพิ่งจะนึกทางกลับบ้านได้รึเจ้าคะ”
“ทำไม ฉันจะกลับเช้ากลับค่ำแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกวะนังสาย”
ศักดาจะเอาเรื่องสาย เนื้อนางรีบกันไว้
“ไม่เอาน่าพี่ศักดิ์”
“ก็ดูมันพูดสิ เป็นแค่ขี้ข้า แต่เสือกมายุ่งเรื่องเจ้านาย”
เนื้อนางดันศักดาให้ไปจะได้ไม่มีเรื่องกับสาย แต่ศักดาก็ขืนตัวเอาไว้แล้วหันมาหาเรื่องอีก
“แล้วช่วงนี้เอื้องฟ้ามันไปยุ่งกับไอ้ลูกเจ๊กนั่นอีกรึเปล่า หะ”
“โธ่ แต่ละวันก็หมดไปกับการช่วยแม่ขายขนม จะเอาเวลาที่ไหนไปเกี่ยวข้องกับเด็กนั่นล่ะเจ้าคะ”
“ลูกสัญญาแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับเขาอีก พี่ต้องเชื่อใจลูกสิ”
เนื้อนางรีบดึงศักดาเข้าไปด้านในเพราะกลัวจะมีเรื่องอีก ศักดาหงุดหงิดไม่หาย
“อย่าให้พี่รู้นะว่าเอื้องฟ้าไปยุ่งกับไอ้เด็กลูกเจ๊กนั่นอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะตีให้เนื้อแตกเลย เพราะพี่เห็นหน้าไอ้ลูกเจ๊กทีไรนึกถึงไอ้ชงชางทุกที ชาตินี้ถ้าไม่ได้แก้แค้นมัน ฆ่าทั้งไอ้ชงชางและไอ้บริบรรณด้วยมือพี่เอง พี่ตายตาไม่หลับแน่”
“ฉันก็เหมือนกัน แต่ครั้งต่อไปเราต้องวางแผนให้รอบคอบกว่านี้ ชงชางอยู่ที่เรือนท่านเจ้าคุณที่พระนคร ไหนจะคนสนิทที่ชื่อกล้าอีก เราคงเข้าถึงตัวท่านเจ้าคุณบริบรรณลำบาก”
“ลำบากอย่างไรก็จะทำ นานแค่ไหนก็จะรอ พี่จะไม่ยอมให้พ่อแม่เราต้องมาตายเปล่าด้วยฝีมือของมันเด็ดขาด”
ศักดาและเนื้อนางแค้นใจมาก
ชาญและหอมใส่บาตรอยู่ที่ท่าน้ำอย่างมีความสุข สบายใจ ไร้ความแค้น น้อยมองทั้งสอง มีความสุขไปด้วย
“หวังว่าจะมีความสุขกันแบบนี้ตลอดไปนะ ขอคุณพระคุณเจ้าช่วยดลใจให้คุณศักดาและคุณเนื้อนางเลิกราความแค้นใจที่มีต่อกันเถิดเจ้าค่ะ สาธุ”
น้อยยกมือท่วมหัว หอมและชงชางเดินกลับมาจากใส่บาตรด้วยกัน
“พี่สบายใจขึ้นมากเลยเมื่อทำใจปล่อยวางความแค้นใจได้ ขอให้เป็นอย่างนี้ต่อไปแล้วกัน อย่าได้กลับมาพัวพันกันอีก”
“ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้นจ้ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
6 ปีผ่านไป หาญย่างเข้าวัยรุ่น ถือสมุดเล่มหนึ่ง คุมคนงานยกกระสอบข้าวเตรียมส่งออกขาย หอมเดินเข้ามามองอย่างภูมิใจ
“หาญ”
หาญในวัย 12 ปี หันมายิ้มให้หอม เดินเข้าไปกอดแม่อ้อนๆ
“เหนื่อยจังเลยขอรับคุณแม่”
“เหนื่อยก็ต้องทน หัดเรียนรู้งานจากพ่อไว้ให้มาก อีกหน่อยหากพ่อไม่อยู่จะได้ให้หาญทำหน้าที่แทนพ่อ” ชงชางบอก
“โธ่ คุณพ่อขอรับ คุณพ่อจะไปไหนได้”
“จะไปไหนหรือไม่ไปไหนก็ต้องช่วยงานพ่อเข้าใจมั้ย แล้วไหน รายการสินค้าที่จะส่งออก ที่พ่อเคยสอนให้จดไว้เป็นระบบทำได้หรือเปล่า”
“ขอรับ”
หาญส่งสมุดให้ ชงชางจะเปิดดูแต่หอมรีบห้ามไว้
“ตะวันตรงหัวแล้วค่ะ พ่อลูกไปพักกันดีกว่านะ”
“อย่างนั้นก็ได้” ชงชางเดินออกไป
“รีบตามมานะลูก”
หอมบอก แล้วตามชงชางออกไป หาญจะเดินตามไป แต่แก้ววิ่งเข้ามาหาหาญอย่างรีบร้อน
“หาญ หาญ งานเสร็จหรือยัง นัดเอื้องฟ้าไว้ไม่ใช่รึ”
“จริงด้วย ทำยังไงดีล่ะแก้ว แม่เรียกไปพัก แล้วต้องรอพ่อตรวจรายการสินค้าอีก”
“โธ่ กว่าน้าชาญจะตรวจเสร็จก็เย็นพอดี เรากลับมาทันน่า ไปเร็วๆ”
แก้วจะดึงหาญออกไป แต่หอมเดินออกมาตามลูกชายอีกครั้ง
“จะไปไหนกัน”
แก้วกับหาญชะงัก หน้าเจื่อน ที่หอมรู้ทัน
สายเดินมาส่งเนื้อนางซึ่งจะไปขายขนมที่ตลาด เนื้อนางกังวลใจเพราะสายบอกว่าเอื้องฟ้าไม่สบาย
“ฉันฝากดูเอื้องฟ้าหน่อยนะพี่ จู่ๆ มาไม่สบายแบบนี้ฉันใจไม่ดีเลย”
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ บ่าวจะหาหยูกหายาให้กินเอง ปวดท้องแค่นิดหน่อยวันเดียวก็หาย”
“จ้ะ ฉันฝากด้วยนะพี่”
สายพยักหน้าหนักแน่น เนื้อนางจึงยอมเดินออกไป แล้วสายก็รีบวิ่งเข้าบ้านไป เปิดประตูเข้าห้องมามองเอื้องฟ้าที่นอนหันหลังให้
“คุณแม่ไปแล้วเจ้าค่ะ รีบเถอะค่ะคุณหนูเอื้องฟ้า”
เอื้องฟ้าลุกจากที่นอน หันมายิ้มให้สาย
“แม่ไม่สงสัยเลยเหรอป้าสาย”
สายส่ายหน้า แล้วหน้าสลดลง รู้สึกผิด
“แต่ถ้าคุณเนื้อนางรู้คงเสียใจ”
เอื้องฟ้าหน้าเศร้า “เอื้องทำตัวไม่ดีเลยใช่มั้ยป้าสาย”
“โธ่คนดีของบ่าว อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลยเจ้าค่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวคุณหาญจะรอนานนะเจ้าคะ”
เอื้องฟ้ากอดสายแน่น ขอบคุณที่สายเข้าใจเธอ
หาญและแก้วยืนชะเง้อรอคอยเอื้องฟ้าอยู่ที่หน้าโรงละคร ครู่หนึ่งเอื้องฟ้าก็วิ่งเข้ามา แก้วหันไปเห็นชี้ให้หาญดู
“เอื้องฟ้ามาแล้ว”
หาญยิ้มดีใจ
“นึกว่าจะมาไม่ได้ซะแล้วเอื้องฟ้า”
“สัญญาแล้วก็ต้องมาสิเจ้าคะ”
“งั้นเข้าไปดูละครกันเถอะ”
ทั้งสามคนจะเดินเข้าไปด้านใน แต่คนอื่นๆ ก็เดินสวนกันออกมาหน้าเซ็งๆ ปากก็บ่นว่าเสียเวลามา ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นรึเจ้าคะ”
“นั่นสิ หรือว่า จะยุบโรงละครแล้ว”
แก้วทำตาโตจนหาญและเอื้องฟ้าตกใจคิดว่าโรงละครอาจจะถูกยุบจริงๆ จึงไปถามหัวหน้าคณะละคร
“ยุบอะไรกัน ไอ้เด็กพวกนี้จะมาแช่งให้โรงละครถูกปิดหรือไงวะ”
“อ้าวลุง ก็ฉันเห็นคนเดินคอตกออกไป ก็คิดว่าจะไม่ได้ดูละครแล้วน่ะสิ” แก้วอธิบาย
“ที่วันนี้ไม่มีการแสดงเพราะขาดตัวละครเอกเท่านั้น จู่ๆ คนแสดงมันก็หายตัวไป เสียดายอุตส่าห์ฝึกฝนมันตั้งนานพอจะให้เริ่มเล่นกลับหายตัวไปซะอย่างนั้น”
“ถ้าไม่มีคนแสดงแล้วอย่างนี้เราจะได้ดูหรือจ๊ะ” เอื้องฟ้าถาม
“ได้ดูสิ แต่ต้องสอนคนใหม่มาแทน มันฝึกก็หนัก เรียนก็ยากกว่าจะหาคนมาเล่นได้ก็นานอยู่เหมือนกัน”
“ลุง ฉันขอเรียนการละครกับลุงได้มั้ย ต่อให้ฝึกหนัก เรียนยาก ยังไงฉันก็จะสู้จ้ะ” หาญเสนอตัว
แก้วกับเอื้องฟ้าตกใจ หัวหน้าคณะละครมองหน้าหาญอย่างพิจารณา
“เอาจริงหรือวะ”
หาญพยักหน้าหนักแน่น หัวหน้าคณะมองหาญแล้วเห็นถึงความตั้งใจ คิดว่าหาญน่าจะมีแววในการแสดงเป็นอย่างดี
หอมเดินวนไปมาอย่างกังวลใจที่หาญกับแก้วยังไม่กลับมา น้อยเดินเข้ามาเห็นท่าทางหอมก็สงสัย
“หอม เป็นอะไร”
“พี่น้อย ฉันอนุญาตให้หาญออกไปข้างนอกกับแก้ว ป่านนี้ยังไม่กลับเลย อีกเดี๋ยวพี่ชาญก็คงเรียกหาหาญแล้ว ถ้ารู้ว่าหาญแอบหนีไปเที่ยวอีกอย่างนี้ ลูกถูกเอ็ดแน่เลย”
“เออๆๆ เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่จะไปตามให้ แกก็รอรับหน้าคุณชาญเขาแล้วกัน”
“จ้ะพี่”
น้อยเดินออกไป เวลาเดียวกันนั้น สายเดินมุ่งหน้าไปทางโรงละครตั้งใจว่าจะไปตามเอื้องฟ้า
“เย็นแบบนี้ยังกลับไม่ถึงบ้าน ถ้าคุณศักดิ์กลับมาไม่เจอมีหวังบ้านพังแน่ๆ”
สายรีบเดินไป น้อยเดินมาอีกทาง แต่เห็นสายก็ชะงักไป
“นั่นมันบ่าวคนสนิทของคุณเนื้อนางนี่นา”
น้อยรีบเดินตามสายไป มุ่งหน้าไปโรงละครเหมือนกัน
หาญ แก้วและเอื้องฟ้าเดินออกมาจากโรงละคร หาญมีความสุขที่จะได้เล่นละคร ในขณะที่แก้วกังวลใจ
“เอาจริงรึหาญ ถ้าน้าชาญรู้มีหวังโดนเอ็ดหนักแน่ๆ แล้วหาญก็ต้องทำงานที่บ้านอีกนะ”
“นั่นสิเจ้าคะคุณหาญ อย่างนี้คงเหนื่อยแย่” เอื้องฟ้าเป็นห่วง
“ฉันชอบ เหนื่อยแค่ไหนก็ทนได้”
สายรีบเดินเข้ามาหาเอื้องฟ้า
“เอื้อง อยู่นี่เอง รีบกลับเถอะเย็นแล้วนะ”
“จ้ะ ฉันไปนะเจ้าคะ แล้วจะมาดูคุณหาญเรียนละคร”
เอื้องฟ้าออกไปกับสาย แก้วกับหาญก็เดินกลับเหมือนกันแล้วผงะไป เมื่อเห็นน้อยยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้า
หอมยังคงยืนชะเง้อคอยหาญกับแก้วอยู่ น้อยก็ยังไม่กลับมาเสียที ชงชางเดินออกจากห้องมาพร้อมสมุดค้าขายที่เพิ่งตรวจเสร็จ หอมสะดุ้งตกใจรีบเดินเข้าไปหา
“พี่ยังไม่นอนรึ”
“เพิ่งจะตรวจงานของลูกเสร็จ แล้วนี่หายไปไหนล่ะ”
“อยู่นี่ขอรับคุณพ่อ”
หาญเดินเข้ามาหาชงชาง หอมโล่งใจ
“คุณพ่อมีอะไรจะใช้หาญหรือครับ”
“พ่อดูงานที่หาญทำเสร็จแล้ว หาญยังทำงานไม่เรียบร้อยดี เจ้าต้องทำงานให้รอบคอบและเรียบร้อยกว่านี้นะ”
“ขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นให้ลูกไปอาบน้ำนอนเลยนะคะ”
หอมรีบพาหาญและแก้วออกไป น้อยมองหน้าชงชางอย่างกังวล
“คุณชาญเจ้าคะ”
น้อยเล่าบางอย่างให้ชงชางฟัง
“เจอสายที่เป็นพี่เลี้ยงของเนื้อนางอย่างนั้นรึ”
“เจ้าค่ะ บ่าวว่าบ่าวจำไม่ผิด คุณชาญเจ้าคะ บอกตามตรงว่าบ่าวไม่สบายใจเลยที่เจอตัวแม่สายแบบนี้ ถึงคุณชาญจะวางมือจากความแค้น และเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขมาตลอดห้าหกปี แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจะจบลงนะเจ้าคะ ตราบใดที่คนเลือดร้อนอย่างคุณศักดายังอยู่ เราจะยังไม่ปลอดภัย”
ชงชางเครียด เห็นด้วยกับน้อยทุกอย่างเพราะรู้จักศักดาดี
อ่านต่อตอนที่ 14