แรงชัง ตอนที่ 4
คุณหลวงนฤบดินทร์กับนรอินทร์ พากันมาด่าชงชางถึงบ้านด้วยโทสะอย่างรุนแรง
“ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นคนอย่างนี้ เสียแรงที่ฉันรัก และไว้ใจ ถึงกับจะยกลูกสาวให้ แต่สุดท้ายแกมันก็แค่ไอ้เจ๊กชั้นต่ำ ความประพฤติน่ารังเกียจ ฉันไม่ยกเนื้อนางให้แกแล้ว เรื่องแต่งงาน ยกเลิก”
คุณหลวงนฤบดินทร์เดินออกไป ชงชางยังนั่งตะลึงอยู่ คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก แต่เฟยหลงวิ่งตามออกไป
“นี่มันเรื่องอะไรกันขอรับคุณหลวง”
“ทำไมไม่ถามลูกชายเลวๆ ของแกล่ะ”
เฟยหลงหันไปมองชงชางเป็นเชิงถาม แต่ชงชางส่ายหน้าเพราะยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนไม่ได้ นรอินทร์เสียงดังใส่
“กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง นี่ยังดีนะที่เนื้อนางได้รู้เช่นเห็นชาติของแกก่อนที่จะสายเกินไป ถ้าขืนหลงลมแต่งงานกับแกไป น้องสาวฉันคงต้องตกนรกทั้งเป็นแน่ๆ ฮึ่ย”
นรอินทร์อารมณ์ขึ้น เลยจะเข้าไปต่อยตีชงชางอย่างที่เคยทำอยู่บ่อยๆ แต่คุณหลวงนฤบดินทร์ยกมือห้ามไว้ นรอินทร์เลยได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ
“เรากลับกันเถอะพ่อ ขืนอยู่นาน เสนียดจัญไรบ้านนี้มันจะติดตัวเอา”
นรอินทร์ดึงตัวคุณหลวงนฤบดินทร์ให้เดินออกไป เฟยหลงยังงงเป็นไก่ตาแตก หันกลับมามองลูกชาย
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หะ อาชาง”
“ฉันก็ไม่รู้ เตี่ย ฉันจะต้องไปหาคุณเนื้อนาง”
ชงชางจะวิ่งไป แต่แล้วก็มึนหัวจนเซ ไปต่อไม่ไหว เฟยหลงรีบเข้าประคองลูกชายด้วยความตกใจ แล้วตะโกนเรียกบ่าว
“เฮ้ย ใครอยู่ตรงนั้น มาช่วยอาชางกันหน่อยเร็ว”
ชงชางหน้าซีดเผือด
เนื้อนางนั่งร้องไห้ โดยมีคุณหญิงแจ่มจันทร์ปลอบใจ สายอยู่ด้วย ส่วนลำดวนทำทีเป็น
ทำความสะอาดบ้านง่วน แต่ความจริงคอยเงี่ยหูฟังเรื่องราวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อย่าไปเสียใจเลยลูก นี่ต้องถือว่าลูกยังมีบุญนะ ถึงได้รู้ความจริงก่อนที่จะหลวมตัวตกแต่งกันไป ถ้าไปรู้ความจริงเอาหลังแต่งงานล่ะก็ คงตกนรกทั้งเป็น”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ลูบหัวเนื้อนางเพื่อปลอบโยน เนื้อนางยังเศร้าซึมอยู่ สายพลอยซึมไปด้วย ในขณะที่ลำดวนแอบฟังตลอดเวลา
ในขณะที่นรอินทร์ยังอยู่ในอาการฮึดฮัดโมโหเรื่องของน้องสาว จึงไประบายความโกรธให้ศักดาฟัง
“ฉันไม่นึกเลยนะว่าไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่นมันจะเป็นคนอย่างนี้ เห็นท่าทางมันออกจะเรียบร้อย ไม่สู้คน ที่ไหนได้”
ศักดาหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร
“แต่เมื่อเช้าตอนที่ฉันไปด่ามันถึงบ้าน ทำไมมันทำท่าแปลกๆ เหมือนงงๆ บอกว่าไม่ได้ทำ”
ศักดายังหัวเราะชอบใจอยู่ นรอินทร์หันไปมองสงสัย แล้วก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
“อย่าบอกนะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเนี่ย เป็นฝีมือแก”
ศักดายิ้มภูมิใจ “ก็ฉันเคยบอกแล้วไงว่าไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่น มันจะต้องไม่ได้แต่งงานกับเนื้อนาง”
นรอินทร์หน้าเหรอหราด้วยคาดไม่ถึง แล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ไหน แกทำยังไงวะไอ้ศักดิ์ เนื้อนางถึงได้ตัดขาดกับไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่นถึงขนาดนี้”
“คือว่า”ศักดาตั้งท่าเล่า
ที่บ้านเฟยหลง หมอจีนกำลังใส่ยาที่แผลแตกที่ศีรษะด้านหลังของชงชางอย่างบรรจง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหัวฉันแตกได้ยังไงน่ะเตี่ย ฉันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้แต่ว่า”
ชงชางพยายามคิดย้อนเหตุการณ์ไป
“ฉันตรวจนับสินค้าอยู่ แล้วก็ มีคนมาเรียก บอกว่าคุณเนื้อนางให้มาตาม จากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้แล้ว มาจำได้อีกที ฉันก็กลับมาบ้านแล้ว”
“หัวอาชางคงถูกอะไรกระแทกเข้าอย่างแรงน่ะเถ้าแก่”
หมอจีนชี้แผลที่หัวด้านหลังของชงชางให้เฟยหลงดู
“ความจำก็เลยเลอะเลือนไป”
“ทำไมถึงเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ แล้วลื้อจำหน้าคนที่มาตามลื้อให้ออกไปได้มั้ยอาชาง”
“ไม่ได้เตี่ย แล้วตอนนี้ฉันยังงงๆ คิดอะไรไม่ค่อยออกเลย”
ชงชางเอามือกุมหัว ปวดหัวขนาดหนัก เฟยหลงหันไปมองหน้าหมอจีนเป็นเชิงปรึกษา
“เดี๋ยวอั๊วจะกลับไปต้มยาให้อาชางสักหม้อ ลื้อให้ใครตามไปเอายาหม้อที่บ้านอั๊วที”
เฟยหลงตะโกนเข้าไปในบ้าน
“ใครอยู่ตรงนั้น ออกมานี่สิ”
น้อยเดินออกมา
“อ้อ น้อย เดี๋ยวลื้อตามอาแมะไปเอายาหม้อกลับมาที่บ้านนี้ทีสิ”
“เจ้าค่ะเถ้าแก่”
หมอจีนลาเฟยหลง น้อยเดินตามไป เฟยหลงหันกลับมามองชงชางอย่างเป็นห่วง
“ต่อไปลื้อต้องระวังตัวให้มากกว่านี้นะอาชาง ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลื้อกันแน่”
ชงชางพยักหน้ารับ ยังกุมหัวอยู่ แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ลุกพรวดทันที
“ฉันต้องไปหาคุณเนื้อนาง”
ชงชางวิ่งออกไปเลย เฟยหลงจะห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง
สายมาดูสำรับกับข้าวที่เอามาให้เนื้อนางกินในห้องนอน อาหารในสำรับไม่พร่องลงเลย ส่วนเนื้อนางก็เอาแต่นอนซมอยู่บนเตียง
“คุณหนู ไม่กินข้าวสักหน่อยล่ะเจ้าคะ”
เนื้อนางยังนอนนิ่ง ไม่พูดไม่จา
“หิวมากๆ ประเดี๋ยวจะปวดท้องนะเจ้าคะ”
เนื้อนางยังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิม สายถอนใจกลุ้ม แล้วยกสำรับกับข้าวออกไป คุณหญิงแจ่มจันทร์เห็นเข้า
“เนื้อนางไม่กินเลยรึนั่น”
สายส่ายหน้ากลุ้ม คุณหญิงแจ่มจันทร์พลอยกลุ้มไปด้วย เดินถือสำรับมา เจอลำดวน ลำดวนทำหน้าเยาะเย้ย
“เป็นไงล่ะ ไอ้คนดี คนขยันทำมาหากินของพี่สายน่ะ ทำเรื่องงามหน้าแล้วมั้ยล่ะ”
“สู่รู้นักนะแก หลีกไป ฉันจะเอาสำรับไปเก็บ”
สายจะเดินหลีกลำดวนไปที่ครัว ชงชางวิ่งเข้ามา
“สาย คุณเนื้อนางอยู่ที่ไหน”
สายกับลำดวนหันไปเห็นชงชางก็ตกใจ
“คุณชงชาง”
“คุณเนื้อนางอยู่ที่ไหน ฉันจะต้องคุยกับคุณเนื้อนาง”
“แต่คุณเนื้อนางคงไม่อยากจะคุยกับคุณแล้ว”
ชงชางขัดใจทำท่าจะวิ่งขึ้นบนเรือน สายรีบวางสำรับแล้วคว้าแขนชงชางรั้งไว้
“คุณกลับไปเถอะเจ้าค่ะ”
“ไม่ จนกว่าฉันจะคุยกับคุณเนื้อนางให้รู้เรื่องก่อน”
ชงชางสะบัดจากสายจะวิ่งขึ้นเรือนให้ได้ แต่สายไม่ยอม ตามไปยื้อยุดฉุดตัวไว้ ชงชางเลยตะโกนลั่น
“คุณเนื้อนาง”
คุณหญิงแจ่มจันทร์โผล่หน้าลงมาจากบนเรือน
“ใครมาเอะอะอะไร อ้อ ยังจะมีหน้ามาหาลูกสาวฉันอีกรึ กลับไปซะไป๊ ที่นี่ไม่ต้อนรับเอ็ง”
ชงชางยกมือไหว้คุณหญิงแจ่มจันทร์
“แต่กระผมมีเรื่องจะต้องคุยกับคุณเนื้อนาง”
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย”
เสียงเนื้อนางดังมา ชงชางหันไป เห็นเนื้อนางโผล่หน้าออกมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาจากบนเรือนทางหน้าต่าง
“คุณเนื้อนาง ฟังกระผมก่อน”
“ไม่ ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่ฉันเห็น มันอธิบายทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว กลับไปเสียเถอะชงชาง เราไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีกแล้ว”
เนื้อนางเดินผละออกห่างจากหน้าต่าง หายไปในตัวเรือน ชงชางพยายามตะโกนเรียกอีก
“คุณเนื้อนาง”
คุณหญิงแจ่มจันทร์สั่งสาย
“เอาตัวมันออกไปทีไป๊ เอะอะเสียงดังหนวกหูอย่างกับเจ๊กตื่นไฟ”
สายลากตัวชงชางออกไปพ้นบริเวณตัวเรือนอย่างทุลักทุเล ลำดวนมองตามอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ไม่กล้าตามไป เพราะคุณหญิงแจ่มจันทร์ยังยืนอยู่ เลยต้องปล่อยให้สายลากตัวชงชางไปคนเดียว
“กลับไปเสียเถอะคุณชงชาง แล้วก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก แค่นี้คุณหนูก็เสียใจมากพออยู่แล้ว”
สายก็จะเดินกลับ แต่ชงชางวิ่งมาดึงตัวไว้
“สาย ฟังฉันนะ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันจำได้แต่ว่ามีคนมาตามฉันให้ไปพบคุณหนูที่กระท่อมหลังวัดโน่น แล้วฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย แล้วก็เจ็บที่หัวมาก แล้วมาจำได้อีกที ฉันก็อยู่ที่บ้านแล้ว”
“คุณชงชางจะให้บ่าวเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เหรอเจ้าคะ”
“แล้วฉันจะโกหกไปเพื่ออะไรล่ะ”
สายสับสน ชงชางหันหัวจุดที่ถูกตีเป็นแผลให้ดู สายเห็นหัวชงชางเป็นรอยปริแตกและยังบวมอยู่เล็กน้อยก็เริ่มอึ้ง
“สายยังคิดว่าฉันโกหกอยู่อีกรึเปล่า”
“บ่าวไม่รู้ แต่ คุณชงชางกลับไปเสียเถอะเจ้าค่ะ”
สายผลักชงชางให้ออกนอกบริเวณบ้านแล้วหันหลังเดินกลับ ชงชางฮึดฮัดขัดใจ ในขณะที่สายเดินห่างออกมาจากชงชางก็เริ่มคลางแคลงใจ
“หรือคุณชงชางจะพูดความจริง”
สายเข้าไปหาเนื้อนางที่ห้อง เนื้อนางนอนซมอยู่บนเตียง
“คุณหนู”
“เขา ไปแล้วใช่มั้ย”
“ไปแล้วเจ้าค่ะ แต่คุณหนูเจ้าคะ คุณชงชางบอกบ่าวว่า”
จวนกับไม้เดินถือห่อเสื้อผ้าข้าวของมาทางท้ายตลาด
“ทำไมเราไม่ไปนครสวรรค์ล่ะพี่ไม้ เราควรจะไปให้ไกลๆ จากที่นี่ ไกลจากคุณศักดิ์ แล้วไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ปากน้ำโพกัน”
“แล้วเราจะไปทำมาหากินอะไรที่นั่นล่ะนังจวน แต่อยู่ที่นี่ เราสองคนยังพอมีลู่ทางทำมาหากินนะนังจวน แล้วเรามาอยู่กันถึงตรงนี้ คุณศักดิ์ไม่มีทางรู้หรอกน่า แกอย่ากลัวไปเลย”
จวนคิดตามแล้วค่อยๆ พยักหน้ารับ ไม้ยิ้มพอใจ
สายเพิ่งเล่าเรื่องที่ชงชางบอกให้เนื้อนางฟังจบ
“มันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้นะคะคุณหนู เพราะที่บ่าวเห็น ที่หัวคุณชงชางก็มีแผลเหมือนถูกใครตีมาอย่างนั้นแหละ”
“มันอาจจะเป็นแผลที่เกิดจากฝีมือของผู้หญิงคนที่ฉันเห็นเขานอนอยู่ด้วยกันก็ได้นี่พี่สาย เพราะผู้หญิงคนนั้นก็มีแผลตามตัวไม่น้อยเหมือนกัน”
เนื้อนางลงนอนร้องไห้อีก สายได้แต่มองด้วยความสงสาร ขณะที่ชงชางกลับมานั่งเศร้าซึมที่บ้าน เฟยหลงเห็นลูกชายเศร้าก็พลอยเศร้าไปด้วย
“ลื้อกับคุณหนูเนื้อนางอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้”
ชงชางยังนั่งซึม เฟยหลงมองอย่างกลุ้มใจ น้อยเดินเอายาของหมอจีนเข้ามา
“ยาของหมอแมะเจ้าค่ะ”
เฟยหลงรับยาจากน้อยไปส่งให้ชงชาง
“เอ้า กินยาซะสิอาชาง แม้แผลทางใจของลื้อจะบาดเจ็บจนเกินเยียวยา แต่ลื้อก็ควรรักษาแผลทางกายให้หาย และอยู่ต่อไปเพื่อเตี่ยนะ”
ชงชางมองหน้าเตี่ย ยอมหันมารับยาจากเฟยหลงไปกินอย่างจำยอม เฟยหลงมองอาการของลูกชายแล้วได้แต่ถอนใจกลุ้ม
ศักดานำผลไม้มากราบคุณหลวงนฤบดินทร์กับคุณหญิงแจ่มจันทร์ที่บ้านอย่างนอบน้อม
“อาเปิ้ล จากเมืองฝรั่งขอรับคุณน้า เพิ่งส่งขึ้นจากเรือเมื่อเช้ามืดนี้เอง”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ยิ้มร่าชอบใจ เพราะชอบของกำนัล
“ขอบใจนะจ๊ะพ่อศักดิ์ แหม หน้าตาน่ากินจริงๆ”
“น้องเนื้อนางล่ะขอรับ”
“ออกไปไหว้พระที่วัดกับแม่พี่เลี้ยงของเขาตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ”
ศักดาผิดหวัง “ไปไหว้พระ ให้พระท่านรดน้ำมนต์ล้างซวยก็ดีเหมือนกันนะขอรับ”
ลำดวนสอดขึ้นมาทันที “คุณหนูเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเสียหลายวัน ออกมาอีกทีผอมซูบ ผิดหูผิดตาเลยเจ้าค่ะคุณศักดิ์ แหม บ่าวไม่นึกเลยนะเจ้าคะว่าเห็นคุณชงชางท่าทางเป็นคนดีจะตาย จะกลายเป็นคนอย่างนั้นไปได้”
คุณหลวงนฤบดินทร์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
“จะไปพูดถึงมันทำไม”
ลำดวนหน้าเจื่อน แต่ศักดาแอบหันไปสบตากับนรอินทร์ ยิ้มสะใจไปด้วยกัน
เนื้อนางหน้าตาซีดเซียวกว่าเคย ก้มกราบพระอยู่ สายนั่งคอยอยู่ไม่ไกล เนื้อนางกราบพระเสร็จ ชงชางก็เดินเข้าวัดมาพอดี พอเห็นเนื้อนางก็ตื่นเต้นดีใจ
“คุณเนื้อนาง”
เนื้อนางสะดุ้ง หันไปมองชงชาง แล้วรีบลุกเดินหนีทันที ชงชางรีบวิ่งตามมาคว้ามือไว้
“คุณเนื้อนาง ฟังกระผมก่อน”
“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น เพราะสิ่งที่ฉันเห็น มันบอกอะไรได้ดีอยู่แล้ว”
เนื้อนางสะบัดมือจากชงชางแล้วเดินออกไป ชงชางจะตาม แต่สายเดินมาดักขวางหน้าไว้ ชงชางตะโกนตาม
“ไม่ว่าคุณเนื้อนางจะเชื่อกระผมหรือไม่ แต่กระผมขอสาบานต่อหน้าองค์พระที่นี่เลยว่า กระผมไม่เคยทำในสิ่งที่คุณเนื้อนางว่า และกระผมยังรักและภักดีต่อคุณเนื้อนางแต่เพียงผู้เดียว”
เนื้อนางไม่ได้หันกลับมามองชงชางเลย แต่เดินออกไปทั้งๆ ที่น้ำตานองหน้า ชงชางได้แต่มองตามคอตก หมดแรง
ศักดากับนรอินทร์ออกมาคุยกันนอกบ้านอย่างอารมณ์ดี
“ฉันไม่นึกเลยว่าแผนของแกจะทำให้เนื้อนางแตกหักชนิดไม่เผาผีกับไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่นได้ถึงขนาดนี้ อย่างนี้ต้องฉลอง ฉันได้ยินว่าบ้านแถวท้ายตลาดโน่น มีเด็กมาใหม่”
“ไม่ล่ะ ฉันจะรีบกลับไปคุยกับพ่อกับแม่เรื่องไปสู่ขอเนื้อนาง”
“เออ ตามใจ งั้นฉันไปล่ะ”
ชงชางยกลังใส่สินค้าจัดเรียงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งๆ ที่เหงื่อโทรมไปทั้งตัว เขาพยายามทำงานให้หนักเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเนื้อนาง
“อาชางเอ๊ย ให้คนอื่นมันทำเถอะ ลื้อยังไม่หายไข้ดีเลย”
“ฉันทำได้เตี่ย”
เฟยหลงส่ายหน้าอ่อนใจ น้อยเดินเข้ามา
“คุณชงชางเป็นอย่างนี้ตั้งแต่กลับมาจากวัดแล้วเจ้าค่ะ”
เฟยหลงกลุ้ม
วันต่อมา ชงชางยังคงทำงานหนักเหมือนเดิม จนร่างกายทรุดโทรม ขณะที่เนื้อนาง แม้จะเริ่มกินข้าวกินปลาบ้างแล้ว แต่ก็กินอย่างซังกะตายเต็มที โดยมีสายเฝ้าดูแลอยู่ด้วยความกลุ้มใจ
คุณหลวงนฤบดินทร์นั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานในกระทวง สักครู่ยุทธเคาะประตูเข้ามา
“มิสเตอร์โทมัสมาขอรับ”
“เอ้า ให้เข้ามาเลยสิ”
“ขอรับ”
ยุทธเดินกลับออกไป คุณหลวงนฤบดินทร์รีบขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ ยุทธกลับเข้ามาใหม่พร้อมมิสเตอร์โทมัส มิสเตอร์โทมัสยกมือไหว้คุณหลวงนฤบดินทร์ท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่ก็พยายามมาก
“กระผมเอาค่าสัมปทานป่าไม้มาส่งขอรับ”
มิสเตอร์โทมัสเอาเงินค่าสัมปทานส่งให้คุณหลวงนฤบดินทร์ คุณหลวงนฤบดินทร์มองดูเงินค่าสัมปทานป่าไม้นั้น แล้วคิดถึงเรื่องที่เคยคุยกับคุณหญิงแจ่มจันทร์
“แหม ไม่นึกเลยว่าเจ้าชงชางมันจะเป็นคนพรรค์อย่างนั้นนะคะคุณพี่ แล้วเราตัดขาดกับมันอย่างนี้ ต่อไปเราก็คงอดได้ของกำนัลสวยๆ จากไอ้เถ้าแก่เฟยหลงมันเลยสิ น่าเสียดายแท้”
คุณหลวงนฤบดินทร์มองค่าสัมปทานบนโต๊ะแล้วยิ้ม จากนั้นก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณหญิงแจ่มจันทร์ฟัง คุณหญิงแจ่มจันทร์มองค่าสัมปทานด้วยความตื่นเต้น
“คุณพี่ไปเอาเงินค่าสัมปทานป่าไม้มาอย่างนี้ จะดีรึคะ ถ้ามีใครจับได้”
“ฮื้อ ใครจะมาจับได้ แม่แจ่มอย่าคิดมากไปเลยน่า แต่เอาเป็นว่า ต่อจากนี้ไป ถึงเราจะไม่ได้ของกำนัลจากไอ้เถ้าแก่เฟยหลงอย่างแต่ก่อน แต่เราก็ยังจะมีเงินซื้อทุกสิ่งที่เราอยากได้ก็แล้วกัน”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ยิ้มดีใจ คุณหลวงนฤบดินทร์ก็ดีใจไม่ต่างกัน
เนื้อนางกับสายมาเดินตลาด เนื้อนางยังมีสีหน้าซีดเซียวอยู่
“คุณหนูออกมาเดินเล่นนอกบ้านบ้างก็ดีเจ้าค่ะ อุดอู้อยู่แต่ในบ้าน ชีวิตจะเหี่ยวเฉาไปเสียเปล่า”
สายชี้ชวนให้เนื้อนางดูโน่นนี่ เนื้อนางเริ่มเพลิน สักครู่มีชาวบ้านที่เดินในตลาดชี้ชวนกันให้ดู
เนื้อนาง
“นั่นแม่เนื้อนางลูกสาวคุณหลวงนฤบดินทร์ที่เขาว่ากันว่าจะตกแต่งกับลูกชายเถ้าแก่เฟยหลงใช่มั้ย แหมเถ้าแก่กำลังร่ำรวย แม่เนื้อนางก็คงจะสบายไปทั้งชาติแน่ๆ”
“อ้าวนี่หล่อนไม่รู้รึว่าเขายกเลิกไม่ตกไม่แต่งกันแล้ว”
เนื้อนางและสายได้ยินที่ชาวบ้านซุบซิบกันก็เริ่มหน้าเสีย เนื้อนางจะเดินหนี แต่ติดว่ามีคนเดินขวางอยู่ เธอเลยยังเดินหนีไปไหนไม่ได้เสียงชาวบ้านยังพูดกันต่อ
“อ้าวทำไมล่ะ”
“ก็เห็นเขาลือกันว่าแม่เนื้อนางน่ะไปเจอลูกเถ้าแก่กำลังนอนกกบ่าวในเรือนอยู่น่ะสิ แล้วไม่กกเปล่า ยังทุบตีนังบ่าวนั่นปางตายด้วย”
“อ๊ายจริงเหรอ”
เนื้อนางทนฟังต่อไม่ไหวน้ำตาเริ่มไหลด้วยความปวดใจศักดาเสียงดังเข้ามา
“ถ้ายังอยากจะใช้ปากกินน้ำพริกได้อยู่ล่ะก็ หยุดสาระแนเรื่องชาวบ้านได้แล้ว ไม่งั้นพวกแกเจอดีแน่”
เนื้อนางกับสายหันไปดู เห็นศักดายืนด่าหญิงทั้งสองที่กำลังพูดเรื่องของเธออยู่ หญิงสองคนนั้นเห็นศักดาท่าทางนักเลงก็กลัว รีบเดินหนีไปแต่เนื้อนางยังน้ำตาไหลด้วยความปวดใจรีบเดินแหวกคนจะกลับบ้าน ศักดารีบตามไปจนถึงหน้าเรือนหลวงนฤบดินทร์ เนื้อนางจะขึ้นเรือนแต่ศักดาดึงแขนไว้ แล้วพูดเสียงนุ่มอย่างเอาใจ
“น้องเนื้อนางทำใจให้สบายเถอะนะถ้าใครมันพูดอะไรให้น้องเนื้อนางระคายใจอีกล่ะก็ พี่จะจัดการพวกมันเอง”
เนื้อนางมองหน้าศักดา น้ำตายังรื้น พูดตอบศักดาน้ำเสียงดีกว่าที่เคยๆพูดกันมา
“ขอบใจจ้ะ”
เนื้อนางวิ่งขึ้นเรือนไป สายรีบตามไป ศักดามองมั่นใจว่าเมื่อไม่มีชงชางแล้ว เนื้อนางจะใจอ่อนยอมแต่งงานกับเขาเร็วๆนี้แน่นอน
กลางคืน ชงชางทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง เพราะทำงานหนักมาทั้งวัน และติดต่อกันมาหลายวันเต็มที เฟยหลงเดินมาดูแล้วส่ายหน้ากลุ้มใจ
“อาชางเอ๊ยไม่ว่าลื้อจะทำงานหนักสักแค่ไหนลื้อก็ไม่มีวันลืมความทุกข์ในใจได้หรอก ถ้าลื้ออยากหายทุกข์ ลื้อต้องรู้จักละวางทุกข์ลืมคุณหนูเนื้อนางซะเถอะนะอาชางเอ๊ย”
“เตี่ยก็รู้ฉันไม่เคยรักใครนอกจากคุณเนื้อนาง แล้วฉันจะลืมเธอได้ยังไง”
“ผู้หญิงมีมากมายทั้งพระนคร มีคุณหนูเนื้อนางคนเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ”
“แต่ฉันรักคุณเนื้อนางคนเดียวนี่เตี่ย”
เฟยหลงได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ
พระยาสีหราฐนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงานยุทธอยู่ด้วย พระยาสีหราฐขมวดคิ้วแล้วบอกยุทธ
“งั้นไปตามคุณหลวงมาพบฉันที”
“ขอรับ”
สักครู่ คุณหลวงนฤบดินทร์เข้ามาพบพระยาสีหราฐตามคำสั่ง
“คุณพระให้คนไปตามกระผม มีธุระอะไรหรือขอรับ”
“เรื่องค่าสัมปทานป่าไม้ของมิสเตอร์โทมัสมันส่งเข้าคลังไม่ครบ”
คุณหลวงนฤบดินทร์หน้าเสีย พระยาสีหราฐเดินเข้ามาจ้องหน้าใกล้ๆ
“อย่าบอกนะว่าคุณหลวงไม่รู้ว่าเงินค่าสัมปทานมันหายไปไหน แล้วมันก็ไม่ได้หายแค่ครั้งเดียวด้วยแต่มันหายไปหลายครั้งแล้ว”
“เอ่อ”
“คุณหลวงก็รู้นี่ว่าถ้าใครรู้เรื่องที่คุณหลวงยักยอกเงินค่าสัมปทานป่าไม้ ไม่ส่งเข้าคลังให้ครบคุณหลวงจะต้องโทษอะไร ตัดคอริบเรือน”
พระยาสีหราฐตะโกนใส่ คุณหลวงนฤบดินทร์หน้าเสียขาอ่อนยืนไม่อยู่จนต้องทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง ยกมือไหว้พระยาสีหราฐปลกๆ
“คุณพระอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะขอรับ”
“แต่ถ้าฉันไม่รายงาน ฉันก็จะต้องมีความผิดไปกับคุณหลวงด้วยน่ะสิ”
“ถ้าเช่นนั้นกระผมจะเอาเงินกลับมาคืนคลังให้หมด”
“ฮื้ออยู่ๆก็มีเงินส่งเข้าคลังคนก็รู้หมดสิว่าเงินมันหายไป”
“แล้วคุณพระจะให้กระผมทำอย่างไรล่ะขอรับ กระผมจะทำทุกอย่างที่คุณพระบอก ขอเพียงอย่างเดียวอย่าให้ใครรู้”
พระยาสีหราฐทำทีคิดอยู่สักครู่ ให้คุณหลวงนฤบดินทร์ใจเสียเล่นๆ
“ถ้าคุณหลวงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ล่ะก็”
คืนนั้น คุณหญิงเด่นหล้ามองเงินกองโตที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
“นี่มันเงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะคะคุณพี่”
พระยาสีหราฐยิ้มๆ
“แล้วมันจะไม่ใช่เงินแค่นี้ด้วยนะแม่เด่นที่ต่อไปเราจะได้อีกน่ะ”
“ยังไงคะคุณพี่ น้องไม่เข้าใจ”
เวลาเดียวกันนั้นคุณหญิงแจ่มจันทร์เจ็บใจเมื่อได้ฟังเรื่องจากคุณหลวงนฤบดินทร์
“คุณพระสีหราฐทำอย่างนี้ก็เหมือนปล้นเราชัดๆนะคะคุณพี่”
“แต่ถ้าเราไม่เอาเงินค่าสัมปทานให้คุณพระ เราคงแย่แน่”
“เอ้าๆได้เงินน้อยลงก็ยังดีกว่าคุณพี่ต้องโทษล่ะ”
“แต่คุณพระก็ไม่ได้ขอแค่ส่วนแบ่งค่าสัมปทานป่าไม้เท่านั้นน่ะสิ”
คุณหญิงแจ่มจันทร์ตาโตตกใจ
“คุณพระยังจะเอาอะไรจากเราอีกรึคะคุณพี่”
ตอนเช้า เนื้อนาง ฟังเรื่องจากพ่อถึงกับอึ้งไป
“เจ้าคุณพ่ออยากให้ลูกแต่งงานกับพี่ศักดิ์”
คุณหลวงนฤบดินทร์เหลือบสบตากับคุณหญิงแจ่มจันทร์อย่างรู้กัน
“ก็พ่อไม่อยากให้คนเขาพูดกันอื้ออึ้งทั่วทั้งพระนครนี่ว่าเจ้าร้างขันหมาก”
“แต่ลูกเป็นคนขอยกเลิกการแต่งงานนะคะ ไม่ใช่เขา”
“ก็นั่นแหละพ่อไม่อยากให้คนพูดกันไปว่าเกือบจะได้ตกแต่งกันอยู่แล้ว ก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนแล้วยิ่งคนพูดกันไปมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะมีแต่เสียหายมากขึ้นเท่านั้นพ่อศักดิ์เองก็ใช่คนต่ำต้อยอะไร เป็นถึงลูกคุณพระ ทั้งฐานะ ทั้งชาติตระกูลก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร พ่ออยากให้เจ้าคิดดูให้ดีอีกที”
เนื้อนางนิ่งเงียบไป คุณหลวงนฤบดินทร์หันไปสบตากับคุณหญิงแจ่มจันทร์อีกครั้ง เนื้อนางลำบากใจหลบไปปรับทุกข์กับสาย
“แต่ฉันไม่ได้รักใคร่ชอบพออะไรกับพี่ศักดิ์นี่พี่สาย แล้วฉันจะแต่งงานกับพี่ศักดิ์ได้ยังไง”
สายหนักใจไม่แพ้กัน
“แต่งกันไปก็รักกันไปเองล่ะลูก”
เนื้อนางกับสายหันไปเห็นคุณหญิงแจ่มจันทร์เดินเข้ามา
“แม่”
“เจ้าชงชางมันจะได้รู้ว่าลูกแม่ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก ยังมีผู้ชายที่ดีกว่ามันให้ลูกเลือกแต่งงานด้วย แต่งงานกับพ่อศักดิ์นะลูกนะ”
เนื้อนางครุ่นคิด
ศักดาหัวเราะเสียงดังอยู่กับนรอินทร์
“ฮ่าๆๆในที่สุดฉันก็จะได้เป็นน้องเขยแกสมใจ”
ศักดาหัวเราะอีกด้วยความดีใจ นรอินทร์พลอยหัวเราะชอบใจไปด้วย
“อย่างนี้ต้องไปฉลองกันหน่อยโว้ย”
เนื้อนางคิดถึงชงชางแล้วก็อดร้องไห้ไม่ได้ สายเห็นเนื้อนางร้องไห้ก็สงสาร
“คุณหนู”
“พี่สายฉันตัดสินใจถูกแล้วใช่มั้ยที่จะแต่งงานกับพี่ศักดิ์น่ะ”
สายไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเนื้อนางตัดสินใจถูกหรือไม่
“จะถูกหรือจะผิดแต่คุณหนูก็ตัดสินใจไปแล้ว”
“ฉันตัดสินใจไปเพราะฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้ฉันลืมชงชางได้แต่”
เนื้อนางก้มหน้าร้องไห้อีก สายมองอย่างสงสารจับใจ
ชงชางตะโกนเสียงดังเมื่อรู้เรื่องเนื้อนางจะแต่งงานกับศักดา
“ไม่!!!!”
เฟยหลงมองท่าทางของลูกชายก็สงสารจับใจ
“ตัดใจเสียเถอะอาชางเอ๊ย”
ชงชางเสียใจมาก เอาหัวโขกกำแพงแรงๆคล้ายจะให้ความเจ็บทางกายทำให้เขาลืมความเจ็บทางใจ เฟยหลงตกใจรีบวิ่งเข้าไปห้าม
“อย่าทำอย่างนี้เลยอาชางเอ๊ย”
ชงชางยังเอาหัวโขกกำแพงไม่หยุด แล้วอยู่ๆก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมา
“โอ๊ย”
ชงชางเอามือกุมหัวปวดหัวขนาดหนัก แล้วก็เป็นลมล้มพับไป
“อาชาง”
น้อยได้ยินเสียงเอะอะของเฟยหลงก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา แล้วรีบช่วยเฟยหลงประคองชงชางเอาไว้
“ไปตามหมอมาเร็ว”
น้อยรีบวิ่งออกไปทันที
ตอนเช้า คุณหญิงเด่นหล้าถามบ่าวด้วยความแปลกใจ
“นี่เมื่อคืนพ่อศักดิ์ไม่ได้กลับบ้านอีกแล้วรึ”
“เจ้าค่ะ”
“ไปไหนของเขานะ”
เวลาเดียวกันนั้น ศักดากำลังแต่งตัวอยู่ภายในซ่องบนเตียงมีโสเภณีคนหนึ่งนอนอยู่และเช้าวันเดียวกันนี้ชงชางค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น พยายามลำดับความคิด ความทรงจำต่างๆ แล้วก็ลุกพรวดขึ้น
“เตี่ยฉันจำได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นฉันจะต้องไปเล่าเรื่องนี้ให้คุณเนื้อนางฟัง”
“ฮื้อ หลักฐานอะไรลื้อก็ไม่มีสักอย่าง แล้วคนที่มาตามตัวลื้อออกไปเป็นใครก็ไม่รู้แล้วลื้อคิดว่าถ้าลื้อเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณหนูฟัง แล้วจะเชื่อลื้อมั้ยล่ะ”
ชงชางนิ่งอึ้งไป
ศักดาเดินออกมาจากห้องภายในซ่องนรอินทร์ก็เดินออกมาจากห้องอีกห้องหนึ่ง พอนรอินทร์เห็นศักดาก็ยิ้ม
“เป็นไงไอ้ศักดิ์ เด็กคนที่ฉันว่าพาแกขึ้นสวรรค์ทั้งคืนเลยใช่มั้ย”
ศักดาไม่ตอบแต่ยิ้ม ทั้งคู่เดินออกไปด้วยกัน
“ถ้าแกแต่งงานกับเนื้อนางแล้ว แกจะมาเที่ยวแบบนี้บ่อยๆไม่ได้นะโว้ย”
ศักดายิ้ม ไม่รับปาก แล้วก็หันไปเห็นจวนกับไม้กำลังช่วยกันทอดของขายอยู่ แต่สองผัวเมียไม่เห็นศักดา ศักดาโมโหขึ้นมาทันที
“นังจวน”
จวนกับไม้หันขวับไปมอง พอเห็นว่าเป็นใคร จวนก็ขาอ่อนลงทันที ไม้ทรุดลงนั่งตาม สีหน้าหวาดกลัวศักดาไปด้วยกันทั้งผัวทั้งเมีย ศักดาปราดเข้าไปหาจวนจวนกลัวมาก ยกมือไหว้ศักดาปลกๆ นรอินทร์ยืนมองอยู่ห่างๆงงๆยังไม่รู้เรื่องอะไร
“คุณศักดิ์อย่าทำอะไรบ่าวเลยนะเจ้าคะ”
“ทำไมพวกเอ็งมาอยู่ที่นี่ ข้าบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้พวกเอ็งสองคนออกนอกพระนครไปเอ็งไม่รู้รึไงว่าถ้าเนื้อนางหรือไอ้เจ๊กโฉ่งฉ่างนั่นมันมาเห็นเอ็งสองคนที่นี่ความคงแตกหมดเอ็งสองคนนี่พูดไม่รู้เรื่องเลย”
ศักดาโกรธจัดทำท่าจะตบตีจวนเหมือนที่เคยทำ ไม้ทนไม่ไหว พุ่งเข้าไปจับมือศักดาไว้ไม่ให้ตบตีจวนได้ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรศักดามากไปกว่านั้น แต่ศักดายิ่งโมโหใหญ่
“มึงคิดจะทำร้ายกูเรอะ ไอ้ไม้”
ศักดายกเท้าถีบไม้ ไม้กระเด็นหงายหลังล้มลงไปในกระทะที่น้ำมันกำลังเดือดดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด จวนเห็นอย่างนั้นก็ตกใจสุดขีด
“พี่ไม้”
จวนจะวิ่งเข้าไปดูอาการของไม้ ศักดาเลยถีบจวนไปอีกคน จวนเสียหลักล้มลงใส่เตาไฟกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดิ้นพล่านไม่ต่างกับไม้นรอินทร์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“บรรลัยแล้ว”
นรอินทร์รีบเข้าไปฉุดแขนศักดา
“ไปเร็วไอ้ศักดิ์ ก่อนที่จะมีใครมาเห็น เร็ว”
นรอินทร์ฉุดแขนศักดาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่จวนกับไม้ยังดิ้นพล่านและร้องด้วยความเจ็บปวด
นรอินทร์พาศักดาวิ่งมา พอแน่ใจว่ามาไกลจากที่เกิดเหตุแล้วก็หยุดยืนหอบกันทั้งสองคน
“ไอ้อีสองคนนั่นมันเป็นใครกันวะไอ้ศักดิ์ แล้วมันทำอะไรให้แกต้องโกรธถึงขนาดนั้นด้วยวะ”
ศักดาถอนใจแรงๆอย่างมีอารมณ์ ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้นรอินทร์ฟัง นรอินทร์ตาโตเมื่อรู้ว่าจวนกับไม้เป็นใครและเคยทำงานอะไรให้ศักดา
“ก็ไอ้อีสองคนผัวเมียนั่นมันวอนหาเรื่องเองนี่หว่า ฉันอุตส่าห์ให้เงินมันไปตั้งตัว ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กันแล้วมันก็ไม่รู้จักไป”
“เอองั้นก็สมน้ำหน้ามันแล้วล่ะ แกอย่าไปใส่ใจเลยวะตอนนี้มันก็คงได้รับบทเรียนแล้ว”
จวนกับไม้ยังนอนหายใจรวยรินอยู่ที่เดิม อาการสาหัสด้วยกันทั้งคู่ จวนพยายามเหลียวมองไม้ เห็นไม้นอนหายใจแผ่วเต็มที
“พี่ไม้พี่ไม้เป็นยังไงบ้าง”
“ฉันคงไม่รอดแล้วล่ะนังจวน”
“ไม่ๆ พี่อย่าพูดอย่างนี้สิ เราสองคนต้องอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า”
“มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะนังจวน ฉันรู้ตัวดี”
ไม้มองหน้าจวน เห็นหน้าจวนเป็นแผลไหม้น่าเกลียดไปแถบหนึ่ง เขาพยายามยกมือขึ้นแตะแผลที่หน้าของจวนอย่างยากลำบาก
“นังจวนฉันว่าที่เราสองคนต้องเป็นอย่างนี้ ก็เพราะเวรกรรมที่เราทำไว้กับคุณหนูเนื้อนาง กับคุณชงชางกรรมมันเลยตามสนองเราสองคนทันตาอย่างนี้”
ไม้เริ่มสะอึก ท่าทางแย่ลงทุกทีจวนเริ่มร้องไห้
“พี่ไม้”
ไม้เหมือนจะไม่ได้ยินที่จวนเรียกแล้ว ตาลอยคว้าง พูดเหมือนเพ้อ
“คุณหนูคุณชงชางอโหสิให้ข้าด้วย”
ไม้สะอึกอีก 2-3 ทีก็สิ้นใจไป จวนกรีดร้องลั่น
“พี่ไม้ !!!!!!”
จวนซบหน้าลงร้องไห้กับศพไม้แทบจะขาดใจ
เนื้อนางนั่งเหม่อซึมอยู่ริมสระบัว สายได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ อย่างกลุ้มใจจวนในสภาพเป็นแผลผุพองไปทั้งตัวแต่มีผ้าคลุมหัวและหน้าตาไว้ เดินโซซัดโซเซใกล้จะหมดแรงเต็มทีเข้ามาลำดวนเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้า ก็หยุดดูอย่างสนใจสอดรู้สอดเห็นอย่างเคย
“นั่นใครวะ”
สายเห็นจวน เห็นท่าทางเดินแปลกๆของจวนก็สงสัย เนื้อนางเห็นสีหน้าของสาย ก็เลยมองตามสายตาของสายไป เห็นจวนเดินโซซัดโซเซเข้ามา
“ใครน่ะพี่สาย”
สายส่ายหน้าไม่รู้แต่ก็ผลักเนื้อนางให้ไปอยู่ข้างหลัง จวนเดินโซซัดโซเซมาจนใกล้จะถึงตัวสายและเนื้อนาง แต่ก็หมดแรงและล้มลงเสียก่อน ลำดวนแอบดูอยู่ตกใจ ตัดสินใจวิ่งกลับไปที่เรือน
“คุณหลวง คุณหญิงเจ้าขาเร็วๆเจ้าค่ะ”
ทุกคนหันไปมองลำดวนอย่างสงสัย คุณหญิงแจ่มจันทร์ ตาเขียวดุใส่ลำดวน
“เอะอะอะไรนังลำดวน”
เวลาเดียวกันนั้น สายกับเนื้อนางเห็นจวนนอนเงียบอยู่ ก็ตัดสินใจเข้าไปดู เห็นผ้าที่คลุมหน้าจวนเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าที่มีแผลผุพองเต็มหน้า แลดูน่ากลัวมาก
“ใครน่ะพี่สาย ทำไมหน้าตาเขาถึงเป็นแผลอย่างนี้”
สายส่ายหน้าไม่รู้ แล้วค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้จวน เอามือไปรองที่ใต้จมูก เห็นว่าจวนยังหายใจอยู่
“ยังไม่ตายเจ้าค่ะคุณหนู”
จวนพยายามปรือตาขึ้นมองเพ่งที่เนื้อนางโดยเฉพาะ
“คุณหนูเนื้อนาง”
“รู้จักฉันด้วยรึ”
จวนพยักหน้าอย่างอ่อนแรงมาก
“บ่าวมีเรื่องจะต้องสารภาพกับคุณหนูก่อนตาย”
“สารภาพ สารภาพเรื่องอะไร”
“เรื่องคุณชงชาง”
“ชงชางชงชางทำไมรึ”
“คือว่า”
ศักดาตื่นเต้นดีใจมากเมื่อเห็นบรรยากาศภายในเรือนกำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวไปสู่ขอเนื้อนางอย่างเป็นทางการ
“ลูกตื่นเต้นจังเลยขอรับเจ้าคุณพ่อ”
พระยาสีหราฐเห็นท่าทางลูกชายก็หัวเราะ
“จะแต่งงานอยู่แล้วยังทำท่าตื่นเต้นเหมือนเด็กๆไปได้”
ศักดาหัวเราะ พระยาสีหราฐหันไปถามคุณหญิงเด่นหล้า
“เอ้าจัดเตรียมข้าวของเสร็จหรือยังแม่เด่น จะได้ไปเรือนคุณหลวงกันสักที”
“จวนเสร็จแล้วค่ะคุณพี่”
คุณหญิงเด่นหล้าหันไปตรวจดูข้าวของที่จะยกไปสู่ขอเนื้อนางให้เรียบร้อยอีกที
จวนสารภาพความจริงให้เนื้อนางฟังจนหมดสิ้น
“คุณหนูบ่าวกับผัว ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายคุณหนูกับคุณชงชางเลย แต่ที่ทำลงไปก็เพราะบ่าวกับผัวอยากได้เงินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เท่านั้นเอง”
จวนพยายามยกมือขึ้นพนมไหว้เนื้อนางอย่างยากลำบากเพราะแผลผุพองที่มีอยู่เต็มตัว
“คุณหนูอโหสิให้บ่าวกับผัวด้วยนะเจ้าคะ”
เนื้อนางสับสนพูดไม่ออกอยู่สักครู่ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าให้จวน
“เอาเถอะฉันอโหสิให้จ้ะ”
จวนยิ้มดีใจ น้ำตาไหล ก่อนที่มือจะตกลง และสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาเนื้อนางเนื้อนางกับสายตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก แล้วลำดวนก็วิ่งนำหน้าคุณหลวงนฤบดินทร์คุณหญิงแจ่มจันทร์ นรอินทร์ และบ่าวอื่นๆเข้ามา
ทุกคนมองศพจวนด้วยความเครียดไปตามๆกัน บ่าวผู้ชายคนหนึ่งค่อยๆเอาผ้าคลุมศพจวนไว้ คุณหลวงนฤบดินทร์ลังเล ไม่แน่ใจ
“พ่อศักดิ์จะกล้าทำเรื่องร้ายขนาดนั้นจริงๆรึ”
“คนใกล้ตายไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกนี่คะเจ้าคุณพ่อ และถ้าเรื่องมันเป็นอย่างที่บ่าวนั่นเล่าให้ลูกฟังจริงๆล่ะก็ลูกก็เห็นจะแต่งงานกับพี่ศักดิ์ไม่ได้หรอกค่ะ”
นรอินทร์ตกใจ ค่อยๆเดินออกไปโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็นมุ่งหน้าไปที่เรือนของพระยาสีหราฐ ขณะนั้น ศักดายืนดูคุณหญิงเด่นหล้าและบ่าวไพร่ในเรือนช่วยกันเตรียมข้าวของอย่างตื่นเต้นนรอินทร์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“ไอ้ศักดิ์”
นรอินทร์เห็นพระยาสีหราฐกับคุณหญิงเด่นหล้าก็ยกมือไหว้อย่างรีบร้อน แล้วหันไปคว้าตัวศักดาลากให้เดินห่างออกไป ก่อนจะกระซิบบอกอย่างร้อนใจ
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
อ่านต่อตอนที่ 5