xs
xsm
sm
md
lg

แม่นาก ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม่นาก ตอนที่ 14

มากเห็นกลุ่มคนพรางหน้าวิ่งขึ้นมาบนเรือน คนจรเงื้อมีดฟันมากทันที มากหลบ หันไปคว้า พร้าที่เหน็บฝาเรือนไว้ มาต่อสู้ป้องกันตัว มากสู้สุดตัว

หมึก เก่ง เพลิง ยืนแอบมองอยู่ที่มุมหนึ่ง เพลิงยิ้มสะใจมาก
"คราวนี้ มึงตายแน่ไอ้มาก"
หมึกบอก "เห็นแล้วคันมือนะพี่เพลิง ถ้าพี่เพลิงลงมือเอง มันจะสะใจขนาดไหน"
เพลิงบอก "ทำไมกูจะต้องลงมือเอง ให้เหนื่อย กูมีอัฐ กูใช้ให้พวกมันทำ ก็ได้ผลเหมือนกัน"
"จริงพี่เพลิง พี่พูดอะไรก็ถูกไปหมดนั่นแหละ" เก่งบอก
"มึงพูดผิดแล้ว คนอย่างมึงสมควรตาย ไอ้เพลิง"
เพลิงชะงัก หันไปตบเก่งเพี้ยะ เก่งกุมแก้มตัวเอง
"พี่ตบฉันทำไม ฉันไม่ได้พูดนะ ไอ้หมึกต่างหากพูด"
เพลิงหันไปมอง หมึกเอาเรื่อง เพลิงเงื้อมือ หมึกถอยกรูด
"ฉันก็ไม่ได้พูด"
"ถ้ามึงไม่ได้พูดแล้วหมาที่ไหนพูด"
"กูเอง !"
เพลิงหมึกเก่ง ชะงัก หันไปมองอีกทาง
"อีนาก!" ท้งสามโพล่ง แม่นาก หน้าตาน่ากลัวยืนจ้องอยู่

มากวิ่งหลบกลุ่มคนจร หลบพลางสู้พลาง เข้ามาในห้องที่มั่นนอนอยู่ มากถูกถีบกระเด็นเข้ามา ล้าใกล้ๆมั่น มากหันไปมองมั่นที่นอนไม่ได้สติอยู่
คนจรพยักหน้าให้กัน แล้วกระ โดดเข้ามาจะเอามีดฟันมั่น มากเอาพร้ารับไว้ สู้กันต่อ

นากยืนจ้องหน้าเพลิง แค้นมาก
"ทำไมพวกมึงถึงได้จองล้างจองผลาญกูไม่เลิก"
"อีนาก มึงเป็นผีก็ไปอยู่ส่วนผีสิ มายุ่งกับคนทำไม"
"เพราะเอ็ง ไอ้เพลิง เอ็งทำร้ายชีวิตกูแสนสาหัสนัก ครานี้ มึงต้องได้รับบทเรียน"
นากหันไปมองเก่ง เพลิง สะกดให้สองคนอยู่ในอำนาจ เก่งหันไปจับเพลิงไว้ หมึกระดมซ้อม เพลิงอย่างเมามัน เพลิงร้องโอดโอย
นากมองสะใจ
"นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นนะไอ้เพลิง"
เพลิงถูกลูกน้องตัวเองซ้อมจนสะบักสะบอม
แม่นากหันขึ้นไปมองบนเรือนนิ่ง

มากสู้กับคนจรอย่างไม่ยอมแพ้
มั่น เริ่มรู้สึกตัว ลืมตาตื่นขึ้น เห็นคนจรกำลังเงื้อมีดฟันมาทางตัวเอง มั่นพลิกตัวหลบ แล้วหันไปคว้า ขันน้ำที่วางไว้ด้านข้างรับมีดของคนจรไว้
มากกับมั่นหันหลังชนกันสู้
"คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นเสียแล้ว"
"จะเอายังไงดี จะสู้หรือจะหนี"
มากหันไปมองสภาพมั่น แล้วพยักหน้า
"รักษาชีวิตไว้ก่อน"
มากกับมั่นพร้อมใจกันตีโต้กลุ่มคนจร แล้วกระโดดลงจากหน้าต่างเรือนหนีไป

มั่นกระโดดลงมาที่พื้นดิน ล้มลง กระอักเลือด มากรีบเข้าไปประคอง
"แข็งใจหน่อยนะ พี่มั่น"
มั่นพยักหน้า แล้วชะงัก เห็นเพลิงยืนรวมกลุ่มกับ หมึก เก่ง เพลิง ถูกหมึกเก่งรุมซ้อม
"ไป เร็วเข้า จะมัวรออะไรอยู่อีกเล่า"
มากประคอง ลากตัวมั่นไป

บนเรือนของมั่น
คนจรจะวิ่งลงจากเรือน พอเปิดประตูผาง แม่นากยืนมองอยู่หน้าประตู
"พวกมึงมาทำอะไรผัวกู"
เหล่าคนจรตกใจ เงื้อมีดจะฟันแม่นากแล้วชะงักค้าง นากใช้อำนาจผลักให้คนจร กระเด็นไปกระแทกฝาเรือนแล้วหล่นลงพื้นอย่างแรง แม่นากหันไปมองแล้วเลื่อนตัวทะลุฝาเรือนหายไป
คนจรมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วรีบวิ่งลงจากเรือนหนีไป

ทุ้ย เค้ง โพล้งเดินมองซ้ายมองขวา ดึงกันไปดึงกันมา
โพล้งบอก
"มึงมัวแต่ดึงกันไปดึงกันมา ชาตินี้จะเดินถึงเรือนลุงปลอดมั๊ยเนี่ย"
"ก็ไอ้เค้งน่ะสิ มันเริ่มก่อน ไม่น่าเลย กูยิ่งเชื่อคนง่ายอยู่ด้วย พูดถึงผีทำไมก็ไม่รู้" ทุ้ยว่าเค้งบอก "ก็ฉันอดไม่ได้นี่หน่า"
ทั้งสามคนชะงัก เสียงฝีเท้าคนวิ่งมา
"ไม่นะ กูว่าไม่ใช่" ทุ้ยว่า
"แต่ฉันว่าใช่" เค้งบอก
"มึงอย่ามาเดา"โพล้งว่า
สามคนทำหน้าหวาดเสียว เตรียมตัวกอดกัน
มากกับมั่น วิ่งเข้ามาพอดี
ทั้งสามคนตกใจ พอเห็นเป็นมาก กับมั่น ก็โล่งใจ
"ไอ้มากไอ้มั่น มึงเลือกเวลาเหมาะจริงๆ กูเกือบหัวใจวาย" โพล้งบอก
"ช่วยกันก่อน เร็ว เดี๋ยวพวกมันตามมา" มากว่า
ทุ้ยถามเพื่อความชัวร์ "พวกมันนี่ คือใครวะ"
เค้งบอก "ช่างเหอะ รีบไปดีกว่า"
ทั้งสามคนช่วยกันประคอง มั่นวิ่งหนีไป

มากหันไปมองด้านหลังอย่างวิตก แล้ววิ่งตามทุกคนไป

เวลากลางคืน ในห้องนอนป้าเงิน

จำปี พับผ้า สีหน้าครุ่นคิด ป้าเงินกับลำจวนมองหน้ากัน
"นังจำปี จะหน้าบึ้งหน้างออะไรหนักหนา"
"ฉันไม่เข้าใจเลย จนป่านนี้พี่มากทำไมถึงยังไม่ยอมไปไหว้นาก รออะไรอยู่ หรือว่าพอตายจากกันแล้วก็แล้วกันไป ใจดำกันเสียจริง"
"คือเอ็งเนี่ยยอมไม่ได้ใช่มั๊ย นังจำปี"
จำปีไม่ยอมรับ ป้าเงินส่ายหน้า
"จำปีเอ๊ย ความรักน่ะมันเป็นเรื่องของคนสองคน บางครั้ง ไม่จากเป็น ก็ต้องจากตาย คนกับคน บางทียังอยู่กันไม่ได้ ทั้งๆที่รักกันเหลือเกิน แล้วอย่างนี้ คนนึงเป็นผี คนนึงยังเป็นคน ยังมีเลือดเนื้อ จะอยู่กันได้อย่างไร"
"ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ"
"เพราะเอ็งยังไม่เคยมีความรักน่ะสิ นังจำปีเอ๊ย ถ้าเอ็งรักใครซักคนมากพอ เอ็งจะทำได้ทุกอย่างเพื่อเขา เอ็งจำไม่ได้หรือ ตอนที่นากมันผูกคอตาย เพราะข้าบังคับให้มันแต่งงานกับพ่อเพลิง นั่นแหละ"

คราวนั้น
ป้าเงินทรุดตัวลงนั่งทันที ทุกคนเห็นขานากห้อยลง
มากตกใจ ร้องเรียก "นาก!"
มากได้สติรีบอุ้มนากลงมาจากขื่อ นากหมดสติ
ป้าเงินยืนตกใจกลัวว่านากจะตาย จำปี ลำจวนตกใจร้องไห้และร้องเรียกชื่อนากตลอดเวลา
ป้าเงินขวัญเสีย
"นาก.....เอ็งอย่าเป็นอะไรนะนากเอ๊ย"
นากค่อยๆได้สติลืมตาขึ้นปรือๆ ทุกคนดีใจ ป้าเงินร้องไห้ จำปี ลำจวนก็ร้องไห้
มากคว้าตัวนากขึ้นมากกอดไว้แน่
"แม่นากของพี่ ถ้านากไม่อยู่พี่จะอยู่ได้อย่างไร"
"พี่มากจ๋า"
สองคนกอดกันแน่น
ป้าเงิน จำปี ลำจวน ป้าเงินมองภาพตรงหน้าค่อยๆถอนหายใจ ส่ายหน้า

ป้าเงิน ยิ้มเศร้า
"เพราะเช่นนี้ข้าถึงยอมให้มันสองคนได้อยู่ด้วยกัน แต่ไม่นึกเลย ว่าจะมีวันนี้"
จำปีกับลำจวนร้องไห้กระซิกๆ
"จากกันเพราะหมดลมหายใจ มันก็เจ็บปวดมากพอแล้ว แต่การจากกันทั้งที่ยังมีลมหายใจนั่นสิ มันเจ็บยิ่งกว่า"
ป้าเงินหน้าเศร้า
เสียงตะโกนเรียก "ป้าเงิน จำปี ลำจวน"
ทุกคนสะดุ้งเฮือก

ป้าเงิน จำปี ลำจวนเปิดประตูออกมา ยกตะเกียงขึ้นส่อง
ป้าเงินถาม
"ที่เรียกกูน่ะคนหรือเปล่า"
ทางด้านล่างของเรือน มาก มั่น ทุ้ย เค้ง โพล้งยืนมองอยู่
ป้าเงินถาม
"พวกเอ็งแห่มาทำอะไรดึกดื่นแบบนี้"
มั่นกระอักเลือดล้มลงที่พื้น ทุกคนรีบเข้าประคอง ป้าเงินตกใจ
"ตายจริง เร็วรีบประคองมันขึ้นเรือนมา เร็วเข้า"
ทุกคนรีบประคองมั่นขึ้นเรือนไป

นากเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ยื่นมือไปจะจับตัวมากทางด้านหลัง แต่ไม่ทัน! ประตูเรือนปิดลงเสียก่อน
ที่ประตูมีรอยเขียนเหมือนยันต์ติดไว้ พอนากแตะมือที่ประตู ก็เรืองแสง นาก ชะงักหดมือลง
เสียงพระภูมิดังก้อง
"เอ็งเข้าไม่ได้ นังนาก"
"ทำไมจะเข้าไม่ได้ ฉันเคยอยู่เรือนนี้มาก่อน"
"แต่ตอนนี้เอ็งเป็นผี ไม่ใช่คน อย่าทำให้ข้าเดือดร้อนเลย นังนากเอ๊ย"
"แต่ว่า..."
"ถึงเอ็งไม่เกรงใจข้า ที่เป็นพระภูมิ เอ็งก็ควรเกรงใจป้าเงิน ผู้มีพระคุณของเอ็งบ้างเถิด คิดดูถ้าเขาเห็นร่างของเอ็งตอนนี้ ป้าเงินจะเป็นอย่างไร"
นากชะงัก ความโกรธของแม่นากลดลง
"ก็ได้ ข้าจะไป แต่ข้าจะกลับมาหาผัวของข้าอีก ถึงเวลานั้น ท่านอย่าได้ขวางข้าเลย"
นากเลือนร่างหายไป

เพลิงถูกหมึก และเก่ง ต่อยจนทรุดตัวลงนอนที่พื้น หมึกกับเก่งก็ต่อยจนหมดแรง
หมึกกับเก่งหันไปมองหน้ากัน แล้วชะงัก ได้สติ
"นี่กูทำอะไรลงไป" หมึกถาม
"แล้วพี่เพลิงล่ะ"
ทั้งสองคนหันไปมอง เพลิงนอนกองอยู่ที่พื้น
หมึก/เก่งโพล่ง"พี่เพลิง!"

เพลิง นอนหน้าเละหมดสภาพอยู่ที่พื้น
 
อ่านต่อหน้า 2

แม่นาก ตอนที่ 14 (ต่อ)

ป้าเงินนิ่งเงียบ สีหน้าครุ่นคิด ฟังมากเล่าเรื่องราวทั้งหมด

"ฉันไม่รู้ว่า มันเป็นใครกันแน่ แต่ฟังจากสำเนียงที่มันคุยกัน ไม่น่าจะเป็นคนบ้านเรา"
"ทำไมมันถึงได้วุ่นวายกันขนาดนี้"
ป้าเงินหันไปมองมั่นนอนอยู่บนเรือน จำปี กับลำจวนช่วยกันทำแผล
"แล้วไอ้มั่นทำไมถึงได้เจ็บสาหัสถึงเพียงนี้เล่า"
"ก่อนหน้านี้ ไอ้มั่นมันหายตัวไป พอกลับมาก็มีสภาพนี้ จริงสิ ป้าพอรู้จักคนจากหัวตะเข้บ้างหรือเปล่า มันชื่อ ไอ้เพลิง"
ป้าเงินชะงัก
"ไอ้เพลิง!!! นี่พวกเอ็งไปมีเรื่องกับมันหรือ"
"ฉันเคยมีเรื่องกับพวกมันครั้งหนึ่งแต่ก็นานมาแล้ว ตั้งแต่คราวงานสมโภชน์วัดมหาบุศย์โน่นมันลวนลามนาก"
ป้าเงินตกใจ
"เวรกรรมจริง จริ๊ง"
ป้าเงินหันไปมอง มั่นแล้วถอนหายใจ มากมองป้าเงินอย่างสงสัย

ค่ำต่อมา นอกชานเรือนแม่นาก ลมพัดใบไม้ปลิว ร่างนากค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
แม่นากเดินไป ทรุดตัวลงนั่งที่มุมเรือน มองไปรอบๆตัว ด้วยความเศร้า
นากเห็นผ้าประเจียดตกอยู่ที่พื้นเรือน นึกถึงเรื่องที่นางเอื้อมมือยาวผ่านร่องมาเก็บผ้า จนเป็นเหตุให้มากเห็น รู้ ตกใจกลัว และเชื่อตามที่มั่นและเพื่อนๆบอกว่า นากตายไปแล้ว
นึกถึงแม่นากคุยกับมากบนเรือน
"จะไม่ให้ฉันเสียใจได้อย่างไร ฉันไม่เคยอยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของคนอื่น ฉันต้องการแค่พี่ แค่ได้อยู่กับพี่ อยู่กับครอบครัวของฉัน ทำไม ทุกคนต้องเข้ามาวุ่นวายด้วย ฉันเกลียดพวกมัน เกลียด"
"โธ่นากเอ๊ย เราจะบังคับปากคนไม่ได้หรอกนะแม่ สู้บังคับใจเราดีกว่า อย่าไปใส่ใจคำคนเลย ยังไงพี่ก็รักนากของพี่ พี่ไม่มีวันฟังเสียงคนซุบซิบนินทาหรอก"
"แม้ว่า ...ฉันจะเป็นผี ....อย่างที่คนเขาพูดกันน่ะหรือจ๊ะพี่มาก พี่แน่ใจหรือ"
"แน่ใจสิ พี่รู้ดีกว่าใครว่าแม่นากเมียพี่เป็นอย่างไร"
มากเชยคางนากขึ้นมอง
"สวยน่ารักออกจะปานนี้ จะเป็นผีได้อย่างไร"

นากเศร้า
"พี่มากจ๋า......พี่มากลืมคำสัญญาแล้วหรือไร"
บนท้องฟ้า เมฆดำลอยมาบังดวงจันทร์ หมาหอนเยือกที่บางพระโขนงอีกครั้ง ...

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่หัวสะพาน
เรือนขุนเพชร พวงจันทร์ยืนมองเหม่อไปที่สายน้ำ สีหน้าเครียด ปุกเดินถือ ข้าวของสำหรับใส่บาตรมา พอเห็นนายหญิง ปุกก็ชะงัก
"นายแม่จะใส่บาตรหรือเจ้าคะ"
พวงจันทร์ค้อน
"มันหน้าที่ข้าหรือ เอ็งเคยทำก็ทำไป ทำไมจะต้องมาให้ข้าทำด้วยเสียเวลา"
ปุกจ๋อย พวงจันทร์หน้าเครียด
"ขอโทษเจ้าค่ะ เห็นนายแม่ลงมาแต่เช้า บ่าวก็คิดว่า…"
"ใครใช้ให้เอ็งคิด นังปุก ไม่ต้องคิด แค่ทำตามข้าสั่งก็พอ ป่านนี้พ่อเพลิงทำไมยังไม่กลับมา หายไปทั้งคืนแล้ว จะได้เรื่องหรือเปล่านะ"
"นายแม่ใช้พ่อเพลิงไปไหนหรือเจ้าคะ"
พวงจันทร์ทำท่าจะอ้าปากบอกแล้วนึกได้ หันไปมองปุกตาขวาง ปุกก้มหน้า
เสียงหมึก/เก่งเข้ามาพอดี "นายแม่ขอรับ"
พวงจันทร์"
เพลิงหน้าตาเละเทะปูดบวม

ต่อมา เพลิงนอนร้องโอดโอยบนเตียง พวงจันทร์เอาผ้าซับหน้า ประคบประหงมลูกชายอย่างเป็นห่วง
"โธ่ พ่อเพลิงลูกแม่ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
ขุนเพชรหันไปมองหมึกกับเก่ง โมโห หันไปถีบสองคนๆละที สองที หมึกกับเก่งหลบพัลวัน
"พวกมึงมันใช้ไม่ได้ ทำไมลูกกูถึงได้เป็นแบบนี้"
หมึกกับเก่งมองหน้ากัน
"ก็เพราะผีอีนากน่ะสิขอรับ" หมึกว่า
ทุกคนในห้องตะลึง
"มึงอย่ามาโกหก ผีมันจะต่อยตีลูกกูได้ขนาดนี้หรือ"
เพลิงโอดโอย
"แม่จ๋า ไอ้สองตัวนี้แหละที่มันทำฉัน"
พวงจันทร์หันขวับ
"ไอ้เวรตะไล มึงกล้าทำลูกกูหรือ มึงอยากตายใช่มั๊ย"
หมึกกับเก่ง กลัวหัวหด
"โธ่ นายแม่ ถึงหมึกมี 9 ชีวิตหมึกก็ไม่กล้า"
"แต่ผีนังนากมันบังคับให้หมึกทำ ดูสิไอ้เก่ง มันยังอัดข้าซะตาเกือบหลุด"
"จริงขอรับนายแม่" เก่งชี้แผลที่หน้า "อันนี้ พี่เพลิงฟันศอกเข้าที่หน้าข้า เห็นดาวเลยขอรับ"
ขุนเพชรกับพวงจันทร์มองหน้ากัน แล้วหันไปมองเพลิง
"จริงหรือพ่อเพลิง แน่ใจนะว่าเป็นผีมือนังนากมัน"
"แน่ใจที่สุด ไอ้คนจรที่ข้าส่งไปจัดการไอ้มาก มันกระเด็นลงมาจากเรือน เหมือนถูกยักษ์ขว้างลงมา กระเจิดกระเจิงไปคนละทาง ถ้าเป็นคนจะทำได้แบบนี้หรือแม่"
"ไหนพี่เพลิงว่า นังนากมันไม่มีทางออกมาอาละวาดแล้วไม่ใช่หรือ" หมึกถาม
"นั่นสิ แล้วทำไม"
ขุนเพชรหน้าเครียด
"แล้วอย่างนี้จะทำยังไงกันล่ะแม่พวง จะให้ฉันไปขอเลื่อนหลวงณรงค์เหมือนคราวที่แล้วน่ะ ฉันทำไม่ได้หรอกนะ มันเสียคำพูด แล้วนี่ทางโน้นก็รับปากมาแล้ว ว่าจะให้แม่ชมนาดไปดู เขาปรุงเรือนด้วยตัวเองให้ได้ ผิดพลาดอย่างนี้ฉันมิต้องเสียคำพูดดอกหรือ แม่พวง"
"นั่นสิแม่ ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ ฉันมิอดออกเรือนเป็นผัวแม่ชมนาดดอกหรือ"
"แล้วที่เราลงทุนลงแรงไปเล่า มิสูญเปล่าหมดหรือ เฮ้อ"
เพลิงกับขุนเพชรทำท่าร้อนอกร้อนใจจะโวยวาย
พวงจันทร์เสียงแข็ง
"อย่าเพิ่งโวยวายกันไปเลย ทุกอย่างมันมีทางแก้ ขอเวลาคิดหน่อยเถิด"

ขุนเพชรกับเพลิงชะงัก นิ่งเงียบ หมึกกับเก่ง นั่งหัวหด พวงนิ่จันทร์หน้าเครียด

ที่เรือนป้าเงิน ลำจวนทำหม้อข้าวหล่นแตกเพล้ง

"นี่เอ็งพูดจริงหรือ นังจำปี"
จำปีมองซ้ายมองขวา แล้วรีบวิ่งมาช่วยลำจวนเก็บของ
"ฉันจะโกหกทำไมเล่า ดูสิ เดี๋ยวป้าเงินมาเห็นเข้าก็โดนด่าเนื้อฉีก"
จำปีกับลำจวน ช่วยกันโกยหม้อข้าวที่แตกทิ้ง แต่หม้อร้อน ทำไปโอดโอยไป
ป้าเงินเดินมายืนมองแล้วถอนหายใจ
"ข้าว่าแล้วเชียว ลำจวนเอ๊ย หาผัวเป็นช่างปั้นหม้อเถอะนะ นี่ใบที่เท่าไหร่แล้วห๊า"
ลำจวนหน้าจ๋อย จำปีก้มหน้างุด
"ก็ นังจำปีน่ะสิ ดันมาบอกว่าฝันเห็นนาก"
จำปีกระโดดอุดปาก ลำจวนสะบัด
"ฉันก็ตกใจน่ะสิ"
"จริงหรือ นังจำปี"
"จริงจ๊ะป้า ฉันเห็นมันมายืนที่ปลายขา บอกว่าขอบใจที่ช่วยปล่อยมัน"
ป้าเงินนิ่งคิด
"เอ็งไปหามันหรือ"
จำปีนิ่งไม่ตอบ ลำจวนสะกิด ให้บอก
"ตอบมาสิ เอ็งไปหานังนากมันหรือ"
"จ๊ะ เมื่อวานเย็นฉันไปหานาก ที่หลุม ฉันทนไม่ได้นี่ ทำไมป่านนี้ เราถึงต้องปิดๆบังๆว่า พี่มากกำลังจะมีคนอื่น ทำไมเราจะต้องปิดบังว่า นากตาย ทำไมทิดมากมันถึงไม่ยอมไปหานากซะที"
"อีจำปี เอ็งรู้บ้างไหม เอ็งยิ่งทำแบบนี้ นังนากมันจะไม่ยอมไปตามที่ตามทางของมัน เฮ้อ เพราะความรักของมัน ทำให้มันเป็นทุกข์"
"มันยากนักหรือป้า ที่จะยอมรับความจริง"
ป้าเงินนิ่ง จำปีปาดน้ำตา ลำจวนก้มหน้า
อีกทาง มากยืนมองอยู่

มั่นนั่งอยู่ที่บนแคร่ ทุ้ย เค้ง โพล้ง กำลังผลัดกันเอาลูกประคบสมุนไพรนวดให้มั่น มากเดินเข้ามาสีหน้าเศร้า
"เอ็งเป็นอะไรอีกไอ้มาก คอตกเป็นไก่ป่วยเลย" โพล้งถาม
มากเดินมาหยุดยืนมองทุกคน
"ถึงเวลาแล้ว ที่ข้าต้องยอมรับความจริง"
"ความจริงอะไร" มั่นถาม
"ความจริงที่ว่า นากกับข้า อยู่กันคนละโลก"
ทุกคนหันไปมองหน้ากัน แปลกใจ
"แล้วเอ็งจะทำยังไง ไอ้มาก"
มากนิ่งคิด น้ำตาคลอ
"ฉันควรจะไปบอกกับนากด้วยตัวเองสักครั้ง"
มากพูดสีหน้าจริงจัง ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

ที่โต๊ะหมู่บูชาของหมอผี ควันธูปเทียน ฟุ้งกระจายไปทั่ว ในอ่างน้ำมนต์ เห็นเงานาก นั่งอุ้มลูกหันมามอง นากปาดมือ ทำเหมือนคลี่ม่านสีดำคลุม เงานากหายไปจากอ่างน้ำมนต์
หมอผีแสยะยิ้มชั่วร้าย
"ร้ายนักอีผีตัวนี้"
พวงจันทร์กับปุกผงะ หันไปมองหน้ากัน ตกใจ
"แล้วพ่อหมอจะจัดการอย่างไรล่ะ ไหนยืนยันหนักหนาว่า มันจะออกมาไม่ได้"
"ต้องมีใครเอาของต่ำ ไปล้างอาถรรพ์ของข้า"
"ยังไง พ่อหมอก็ต้องจัดการอีนากให้ได้ เสียอัฐเท่าไหร่ ฉันมีจ่ายไม่อั้น ขออย่างเดียว อย่าให้อีผีชั้นต่ำมาขัดขวางเรื่องของคนได้อีก เป็นพอ"
"คุณนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรื่องแบบนี้มันงานของฉันอยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้ คนของคุณนายก็อย่าเพิ่งไปกวนมัน รอเวลาอีกหน่อย ข้าจะลงมือเอง"
"อย่าให้ช้าก็แล้วกัน ฉันเสียอัฐแล้วก็อยากจะเห็นผลงาน"
"ถ้าคุณนายคิดว่ามีใครทำได้ ก็ให้เขาทำก่อนเลย ไม่ต้องมารอข้า"
หมอผีกับพวงจันทร์จ้องหน้ากัน พวงจันทร์ยิ้ม
"โธ่ พ่อหมอ ถ้าฉันไม่เห็นว่า พ่อทำได้ ฉันจะมานั่งรอพ่อทำไมเล่า เอาน่า ถือว่าช่วยกัน เผื่อวันข้างหน้า ฉันอาจจะได้ช่วยพ่อบ้างก็ได้นะ"
หมอผีมองหน้าพวงจันทร์อย่างรู้เชิง
"ถ้าอย่างนั้นก้อ" หมอผีนับนิ้ว "รอวันพระจันทร์แรม ผีนังนากมันจะอ่อนแรงถึงที่สุด เวลานั้นแหละ เป็นเวลาที่เหมาะสม"
"ได้ ข้าจะรอ"
พวงจันทร์ลุกขึ้นไป ปุกรีบตามไป หมอผีมองตาม

พวงจันทร์ ปุกเดินออกมา พวงจันทร์หยุดคิด ปุกเดินมาไม่ทันระวังเกือบชนพวงจันทร์
"อีปุก เอ็งเอาตามาด้วยหรือเปล่า"
"ขอโทษเจ้าค่ะนายแม่"
"ข้ารู้สึก ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ไว้ใจไอ้หมอนี่เลย"
"อ้าว งั้นก็ยกเลิกไปสิเจ้าคะ"
"ข้าไม่ได้คิดว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ข้ารู้สึกว่าไอ้หมอนี่มันดู ไม่น่าไว้ใจ"
"โธ่ นายแม่เจ้าขา ขึ้นชื่อว่าหมอผี คุณไสย มนต์ดำ ก็ไม่น่าไว้ใจทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ"
พวงจันทร์ถอนหายใจเฮือก หันไปไม่ทันระวัง ชนกับสายที่คลุมหน้าเดินเข้ามาแบบหลบๆซ่อนๆ ผ้าคลุมหน้าของสายหล่นลงพื้น ปุกอ้าปากค้าง แล้วรีบก้มหน้า
ผู้หญิงคนนั้นรีบหยิบผ้าขึ้นคลุมหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้านหมอผีทันที
แม่พวงมองหน้า ปุกแล้วหัวเราะ
"เอ็งรู้จักหรือนังปุก"
ปุกพยักหน้า
"เจ้าค่ะ น่าจะเป็นเมียน้อยคนสุดท้องของเจ้าสัวเฮง เจ้าค่ะ"
"อืม แสดงว่าไอ้หมอนี่ต้องมีของดีจริงๆ คนจากไหนๆก็หลั่งไหลกันมา"

พวงจันทร์ยิ้มแล้วเดินไป ปุกส่ายหน้า รีบเดินตามพวงจันทร์ไป
 
อ่านต่อหน้า 3

แม่นาก ตอนที่ 14 (ต่อ)

สายเดินเข้ามายังเรือนหมอผี ปลดผ้าคลุมหัวออก

หมอผีมองสายหัวจรดเท้า แล้วยิ้ม
"จะให้ข้าช่วยอะไร"
"ฉันต้องการลงอาคม ที่ทำให้ผัวฉันหลงใหลฉันคนเดียว ไม่มีตามองใครอื่นอีก"
"ของที่เอ็งต้องการน่ะข้ามีอยู่แล้ว แต่ว่า เอ็งจะกล้าหรือเปล่า"
"ฉันกล้าทุกอย่าง ขอให้ได้อย่างที่ฉันต้องการเถอะ"
สายสบตาหมอผีนิ่ง
"ดี ดี ข้าชอบผู้หญิงกล้า ผัวเอ็งมันโง่แท้ มีของดีอยู่กับตัว ดันไปหากินนอกบ้าน"
สายเมินหน้า หมอผีเอื้อมมือไปจับไหล่สายจ้องหน้า
"ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเอ็งเอง"
หมอผีมองสายยิ้มเจ้าชู้สายหลบตาหมอผี

ที่เรือนหลวงณรงค์ ชมนาดกำลังควบคุม ให้บ่าวไพร่ร้อยมาลัยดอกไม้ ชมนาดนั่งเหม่อ
นึกถึงมาก
ชมนาดนั่งมองมากที่นั่งบนศาลาวัด มากไปวิปัสสนา เห็นมากเดินจงกรม ก้มหน้าตามองต่ำ
"พ่อมาก!"

ชมนาดครุ่นคิด แล้วถอนหายใจ
บ่าวชมนาดส่งดอกไม้ให้ชมนาดดู
"คุณชมนาดเจ้าคะ"
ชมนาดสะดุ้ง หันไปมอง
"อะไรหรือ"
"คุณหนูสั่งให้บ่าวร้อยเครื่องแขวน"
ชมนาดพยักหน้า หยิบดอกไม้ที่ร้อยเสร็จแล้วมามองดู
"ช่องไฟเหมาะแล้ว แต่มือหนักไปหน่อย กลีบดอกไม้ช้ำ พอแขวนทิ้งไว้โดนลมจะเหม็นเขียว ระวังด้วย"
"แม่ชมนาด มัวแต่มานั่งร้อยมาลัยอยู่ที่นี่เอง"
หลวงณรงค์เดินขึ้นมาบนศาลา ชมนาดรีบลุกขึ้นมาต้อนรับ บ่าวหลบไปอย่างรู้งาน
"ตั้งแต่กลับมาจากพระโขนง เห็นลูกดูซึมๆนะ"
"คงเป็นเพราะอากาศร้อนน่ะเจ้าคะ จริงสิ เมื่อวานนี้ขุนเพชรมาคุยราชการกับคุณพ่อหรือเจ้าคะ"
"อ๋อ เรื่องนี้แหละที่พ่อจะไหว้วานลูก พ่อสั่งให้เขาปรุงเรือนที่พระโขนงไว้ สำหรับเป็นที่พัก เผื่อว่าเราจะเดินทางไปเปลี่ยนอากาศบ้าง ลูกเห็นว่าเป็นเช่นไร"
ชมนาดก้มหน้าแอบยิ้ม แล้วตีหน้าเฉย
"เรื่องนี้ลูกเห็นตามคุณพ่อเจ้าค่ะ"
"ก็ดี ทีนี้พ่อจะปล่อยให้เขาปรุงเรือนตามใจช่าง พ่อก็เกรงจะไม่ถูกใจลูก ถ้า.... พ่อให้เจ้าเป็นธุระไปดูช่างเขาปรุงเรือน เจ้าจะลำบากใจหรือเปล่า ชมนาด"
ชมนาดแกล้งนิ่งทำลีลา
"แล้วทางโน้นเขาจะไม่ว่าหรือเจ้าคะ ว่าลูกเป็นหญิงไปเกะกะ กิจการงานช่าง"
"ใครจะกล้าว่ากระไรได้ ลูกพ่อเก่งเกินหน้าชายเสียด้วยซ้ำ ลูกจะว่าอย่างไร"
"หากลูกไปคนเดียว เกรงจะมีข้อครหา ลูกคิดว่า .....ลูกจะขอตัวยืมแม่พิม ลูกขุนเพชร ไปเป็นเพื่อนลูกเสียที่พระโขนง คุณพ่อคิดว่าดีไหมเจ้าคะ"
หลวงณรงค์ดีใจ
"จริงสิ ทำไมพ่อไม่นึกถึงเรื่องนี้นะ ได้ไม่มีปัญหา พ่อจะบอกขุนเพชรเอง ลูกก็จัดการทางนี้ให้เรียบร้อยนะ พ่ออยากให้ลูกเดินทางไปเร็วที่สุด"
"เจ้าค่ะ คุณพ่อ"
หลวงณรงค์ลุกขึ้น หยิบดอกไม้ขึ้นมามอง แล้วหัวเราะ
"พ่อว่า ไอ้ร้อยมาลัยนี่ มันเสียเวลานะลูก เอาเวลาไปนั่งคิดอ่านเรื่องกิจการค้าๆขายๆ บ้างก็คงไม่เลว เผื่อวันหน้า เราอาจจะต้องควบคุมการค้าบ้างก็ไม่แน่นะ"
หลวงณรงค์ส่งดอกไม้ให้ชมนาดแล้วเดินไป ชมนาดยิ้มมองตาม
"นึกไม่ถึงเลย โอกาสจะไปพระโขนงมาหาข้าเร็วกว่าที่คิดซะอีก"
ชมนาดยิ้มปลื้มดีใจ
"แล้วคุณชมนาดจะเอาแม่พิมไปทำไมล่ะเจ้าคะ"
ชมนาดยิ้ม
"อย่างน้อยที่สุด ข้าควรจะมีไม้ไว้ป้องกันตัวเองไม่ใช่หรือ"
ชมนาดยิ้มมีแผน

ดงกล้วย ลุงปลอดเดินจูงมือนางตานีคุยกันกระหนุงกระหนิง ลมพายุพัดแรง นางตานีชะงัก แล้วหันไปมอง นากยืนมองอยู่
นางตานีบอกกับลุงปลอด
"กลับไปก่อนเถอะนะจ๊ะ วันหลังค่อยมาคุยกันใหม่"
"แต่ว่า พี่ยังคิดถึงน้องอยู่นะจ๊ะ"
นางตานีทำหน้าแอบเบื่อ แล้วเป่ามนต์ใส่ ลุงปลอดชะงัก หันหลังเดินออกไปทันที พอลุงปลอดลับตา นางตานีหันมามองนากแบบหงุดหงิด
"อะไรของเอ็ง ผีกำลังจะมีความสุข เอ็งก็อิจฉางั้นหรือ"
"ทำไม ข้าถึงอ่อนแรง อ่อนล้าลงทุกที ข้าปรากฏร่างกลางวันไม่ได้ด้วยซ้ำ"
"โธ่ คิดว่าเรื่องอะไร ข้าเคยบอกเอ็งแล้วไม่ใช่หรือ เพราะแรงอธิษฐานสุดท้ายก่อนตาย เจตนามุ่งมั่นแรงกล้าของเอ็ง ทำให้เอ็งมีพลังแรงกล้า แต่ตอนนี้ แรงกรรมของเอ็งกำลังมาตัดรอน เอ็งอยู่แบบนี้ได้ไม่นานหรอกนากเอ๊ย"
"แต่ว่าข้าต้องอยู่กับผัวข้า ต้องอยู่กับพี่มาก"
"นังผีหัวดื้อ เอ็งถามผัวเอ็งบ้างหรือยังว่าเขาอยากอยู่กับเอ็งหรือเปล่า นังโง่ ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ เลิกเพ้อว่า ผีกับคนจะอยู่ด้วยกันซะที"
"แต่ว่าเอ็งกับลุงปลอด"
"ข้าบอกแล้ว มันไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่ตัณหา"
"ไม่จริง ระหว่างข้ากับพี่มาก มันคือความรัก"
"อีผีบ้า จะไปไหนก็ไปไป๊"
นากชะงัก แล้วหันขวับไปมองอีกทาง เปลี่ยนสีหน้าเป็นตื่นเต้น
"พี่มาก พี่มากกำลังไปหาข้า"
นากสีหน้าตื่นเต้นเลื่อนตัวหายไปทันที นางตานีมองตามหงุดหงิด

"โธ่ อีผีไม่มีหัวคิด"

ณ หลุมศพของนาก รกเรื้อ มากนั่งเศร้าอยู่

มั่นบอก
"นี่แหละ หลุมศพแม่นาก ข้าเป็นคนยกแม่นากลงหลุมด้วยตัวเองกับมือ"
มากเดินไปคุกเข่าที่หลุมศพนาก
"นาก พี่มาหาแล้ว"
ลมพายุพัดกระหน่ำ ยอดไม้ไหวโอนเอน
ทุ้ย เค้ง โพล้ง มั่นมองพายุที่เกิดขึ้น เริ่มกลัว
นากปรากฏร่างขึ้นที่ด้านหนึ่ง นากเดินสีหน้ายินดีเข้าหามาก
"พี่มาก"
นากเดินไปหยุดตรงหน้า เข้าไปกอดมาก แต่มากเดินทะลุตัวนากไป นากชะงัก
มากไปหยุดยืน แล้วทรุดตัวลงคุกเข่าที่หน้าหลุมศพนาก นากเดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้ามาก
"นาก พี่มาแล้ว"
นากจ้องหน้ามาก แต่มากไม่เห็น
"นากเอ๊ย พี่ขอโทษ ที่ทิ้งแม่ไว้ยามที่แม่ลำบาก ขอโทษที่รักษาสัญญาว่าจะสร้างครอบครัวกับแม่"
"ทำไม ทำไม พี่ไม่รักฉันแล้วหรือ พี่มาก พี่หมดรักฉันแล้วหรือไร"
"แม้ว่าแม่จะตายจากโลกนี้ไป พี่ไม่เคยหมดรักแม่เลย มีแต่จะคิดถึงแม่มากขึ้นมากขึ้นทุกที"
"พี่มาก เราไปอยู่ด้วยกัน ที่บ้านของเรา มีแค่เรา พี่ ฉัน ไอ้แดง นะจ๊ะพี่จ๋า"
"คนกับผีอยู่ร่วมกันไม่ได้ แต่ขอให้แม่วางใจ จากนี้ไป พี่ไม่มีวันจะรักหญิงอื่นได้ เพราะหัวใจของพี่ มอบให้แม่นากไปหมดแล้วทั้งดวง"
นากโผเข้ากอดมากแต่กลายเป็นวิ่งทะลุมาก นากพยายามจะเข้าไปใกล้มากอีกครั้งแต่ก็สัมผัสมากไม่ได้
"ข้าขอให้แม่นากไปสู่สุขคติ ข้าสัญญาจะไม่มีหญิงใดมาแทนที่แม่ในใจข้าได้ ข้าสัญญา"
มากลุกขึ้น นากลุกขึ้นเอื้อมมือไปจับมือมากอีกครั้ง แต่ก็ผ่านไปเหมือนเช่นเคย นากทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ตรงหน้ามาก นากเงยหน้าขึ้นสบตามาก ก้มลงกอดขามาก มากซึมซับความรู้สึกตรงนั้น ชั่วครู่ แล้วค่อยเดินทะลุร่างนากจากไปช้าๆ
นากนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น อยู่ตรงนั้น

พวงจันทร์นั่งอยู่บนเรือน ใช้ความคิด ขุนเพชรกับเพลิงนั่งจ้องแม่พวง แบบรอคำตอบ
"แม่พวงจะว่ากระไรก็ว่ามา ฉันร้อนใจเต็มทีแล้ว นี่หลวงณรงค์เขาก็กำหนดวันมาแล้ว ว่าจะเดินทางไปพระโขนง คืนแรมหน้า"
"ใจร้อนจริงเชียว จะรออีกสักวันสองวันไม่ได้หรือคะ ทำไมต้องไปคืนแรมด้วย"
"อ้าว ไหนแม่บอกว่ายิ่งเร็วยิ่งดีไม่ใช่หรือ" เพลิงว่า
"ถ้าแม่ทำได้เอง แม่ทำไปแล้วละพ่อเพลิง แต่บางเรื่องมันก็ทำเองไม่ได้ ถึงต้องรอไงล่ะ"
"จะเอายังไง"
"จะไปก็ไป"
"งั้นตกลงตามนี้ อีปุก เอ็งไปบอกให้แม่พิมเตรียมตัว"
ทุกคนมองหน้าขุนเพชร
"ให้นังพิมมันไปไหน อิฉันคาดโทษมันอยู่นะเจ้าคะ"
"แม่ชมนาดเขาขอมา ว่าให้พิมมันไปอยู่เป็นเพื่อนที่พระโขนงด้วย จะได้ไม่เป็นข้อครหา ฉันก็เลยรับปากเขาไป ทำไมหรือ"
พวงจันทร์กับเพลิงมองหน้ากัน เพลิงสะกิดยิกๆให้แม่อนุญาต พวงจันทร์มองเพลิงแบบเสียไม่ได้
"ก็ตามใจคุณพี่ก็แล้วกัน มาถึงขนาดนี้แล้วนี่"
ปุกถอยหลังออกไป พวงจันทร์มองตาม
"แม่ชมนาดนี่ก็ฉลาดไม่เบาเลย ...เห็นทีพ่อเพลิงของแม่จะเจองานหินเข้าซะแล้ว"
"แม่พวงหมายความว่ากระไรหรือ"
"ก็แม่ชมนาดน่ะสิเจ้าคะ ขอนังพิมไปเป็นเพื่อน จริงๆ คือเอาไปเป็นไม้กันหมา ใครก็ว่าไม่ได้ว่า แม่ชมนาดมาอยู่เรือนผู้ชายคนเดียว ฉลาดจริงๆ"
เพลิงกับขุนเพชรมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
"พ่อเพลิงก็ต้องทำตามแผน เผด็จศึกแม่ชมนาดให้ได้เร็วที่สุด" พวงจันทร์บอก
"แต่ว่านังนากน่ะสิ มันจะเป็นก้างขวางคอ"
"อย่าห่วงเลย แม่คิดวิธีแก้ไขไว้แล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรมาขวาง ไม่เกินคืนแรมนี้ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย"
"ข้าจะไม่เสียหน้ากับหลวงณรงค์ แน่ใจมั๊ยแม่พวง"
"รับรองเจ้าค่ะคุณ อิฉันไม่มีวันทำให้คุณพี่กับพ่อเพลิงต้องวุ่นวายใจเป็นแน่"
พวงจันทร์ยิ้มร้าย เพลิงยิ้มสะใจ
"ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะแม่ เรื่องแบบนี้ฉันไม่พลาดแน่"

เพลิงมั่นใจมาก ขุนเพชรกับพวงจันทร์มองเพลิงชื่นชม
 
อ่านต่อหน้า 4

แม่นาก ตอนที่ 14 (ต่อ)

กลางคืน เวลาต่อเนื่องมา พิมนั่งนิ่งคิดถึงตอนที่มั่นกับพิมร่ำลากัน

ปุกเดินเข้าห้องมา ท่าทางร้อนรน
"คุณหนูเจ้าขา เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ"
พิมรำคาญ
"เกิดเรื่องอะไร ถ้าเรื่องพี่เพลิง ไม่ต้องเล่า ไม่อยากฟัง"
"จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว แต่เกี่ยวกับคุณหนูมากกว่า ท่านขุนบอกให้คุณหนูเตรียมตัว คืนแรมจะให้คุณหนูไปพระโขนงกับคุณชมนาด"
พิมตกใจ
"ไปพระโขนงหรือ ทำไมข้าต้องไปพระโขนงกับคุณชมนาด"
"บ่าวก็ไม่รู้ แต่เห็นว่า คุณชมนาดจะไปคุมช่างปรุงเรือนเจ้าค่ะ เลยขอคุณหนูไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย"
พิมนิ่งคิดหนัก แล้วเข้าใจ
"ข้าเข้าใจแล้วละ ใครว่าผู้หญิงโง่ บางทีผู้หญิงฉลาดกว่าผู้ชายบางคนด้วยซ้ำ"
พิมยิ้มขำ ปุกมองพิมไม่เข้าใจ

คืนเดียวกัน มากนั่งเหม่ออยู่นอกชาน มั่นเดินเข้ามานั่งข้างๆ
"คิดอะไรวะไอ้มาก"
"ข้ากำลังคิดว่า แม่นากอยู่ที่ไหน"
"ข้าว่า แม่นากคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เอ็งนั่งแหละ"
"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้.......ข้าคงไม่ยอมไปเป็นทหาร ถ้าข้าไม่ไป นากคงไม่..."
"ไม่มีใครรู้หรอกว่า วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น"
"จริงสิ พี่ไปโดนอะไรมา พี่สามคนมันบอกว่า พี่มีเรื่องกับไอ้เพลิงหรือ"
มั่นชะงัก
"ข้าว่าแล้ว ไอ้สามตัวนั่นมันต้องอดไม่ได้"
"มันจริงใช่มั๊ยเรื่องมันยังไงกันแน่"
"เรื่องมันโยงใยกันซับซ้อน ข้าคิดว่ามันคงไม่จบแค่นี้หรอก เอ็งจำแม่พิมได้ใช่ไหม"
มากพยักหน้า มั่นยิ้มเขิน
"ตอนเอ็งไปเข้ากรรมฐาน แม่พิมมาหาเอ็งที่บ้าน แต่ว่า ข้าฉุดแม่พิมไป"
มากชะงัก มั่นยิ้ม เริ่มเล่าเรื่องให้มากฟัง
มากนิ่งคิด
มั่นบอก
"ข้าอดคิดไม่ได้ว่า ไอ้คนจรที่มันมาทำร้ายพวกเรา น่าจะเป็นผีมือของไอ้เพลิง"
"พวกเรา กับไอ้เพลิง คงผูกเวรสร้างกรรมกันมาแต่ชาติก่อน ชาตินี้ถึงได้ต้องมาจองล้างจองผลาญกันไม่สิ้นสุด"
มากกับมั่นมองหน้ากัน มั่นตบบ่ามากให้กำลังใจกัน

บนท้องฟ้า พระจันทร์ข้างแรม ท้องฟ้าหม่น
นากยืนมองหลุมศพตัวเอง นิ่ง นางตานีปรากฏร่าง ยืนมอง
"นังนากเอ๊ย ยืนมองซากตัวเองยังกะไม่เคยเห็นผี"
"นี่ข้าตายแล้วจริงๆหรือ ข้าควรจะทำยังไง"
"อีผีบ้า เพิ่งจะมาถามตอนนี้ เอ็งก็ควรจะเป็นผีไปสิ จะไปยุ่งกับคนเขาทำไม"
"แต่คนคอยมาวุ่นวาย คอยมาทำร้ายข้าตลอด"
"เอ็งพูดเหมือนไม่เคยเป็นคนมาก่อน คนน่ะน่ากลัวกว่าผีซะอีก คนน่ะไม่ได้กลัวผีหรอกนะ คนกลัวความคิดของตัวเองต่างหาก ไอ้ที่ล้มตายกันมากมายเพราะเอ็งน่ะ เอาเข้าจริง เอ็งได้หักคอพวกมัน
บ้างมั๊ย ก็เปล่าเลย พวกมันตายเพราะเวรกรรมของมันต่างหาก"
"แต่ข้าอยากอยู่กับคนที่ข้ารัก อยากอยู่กับครอบครัวของข้า ทำไม พวกเขาต้องมาวุ่นวายกับข้าด้วย"
"นากเอ๊ย เวลาของเอ็ง ที่จะอยู่ใกล้ชิดผัวน่ะ เหลือน้อยเต็มทีแล้ว"
นากชะงักมองมือตัวเอง
มือนากเริ่มโปร่งแสง แทบจะมองไม่เห็นตัว
"ที่เอ็งยังอยู่ได้เพราะบุญเก่า แต่ถ้าหมดบุญเก่า เอ็งก็ต้องไปตามกรรมของเอ็ง ทำใจซะเถอะนังนากเอ๊ย"
นากนิ่งเศร้า นางตานีมองอย่างสงสาร นากเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้
ใบไม้แห้งโดนลมพัด หล่นจากขั้ว ปลิวลงมาที่พื้น

พิม เพลิง นั่งอยู่บนเรือน สองคนมองหน้ากันแล้วเชิด ปุกมองสองพี่น้องแล้วส่ายหน้า
พวงจันทร์เดินถือห่อผ้าเข้ามานั่งตรงกลาง
"แม่เรียกฉันมามีธุระอะไรจะใช้ฉันหรือ"
"ข้ามีของจะให้"
พวงจันทร์เปิดห่อผ้าที่วางตรงหน้า มีสร้อยทองเส้นโต คล้องพระองค์ใหญ่ กับสร้อยแบบเป็นเชือกฝั้น ห้อยพระองค์เล็ก พวงจันทร์หยิบสร้อยองค์ใหญ่ สวมให้ลูกชาย เพลิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"อันนี้ของพ่อเพลิง พระองค์นี้พ่อเอ็งได้ประทานมาจากขุนน้ำขุนนางใหญ่ ใส่ไว้นะ ไปพระโขนงอย่าถอดออกจากคอเด็ดขาด"
เพลิงยิ้มรับ แล้วกอดแม่
"รักแม่จังเลย"
พวงจันทร์ยิ้มปลื้มใจ แล้วหันไปมองพิมหน้าเฉยเมย
"อันนี้ของเอ็งนังพิม นี่เป็นพระที่ข้าได้ติดตัว ตอนแต่งงานออกเรือนมาอยู่กับพ่อเอ็ง พระอะไรก็ไม่รู้ ยายเอ็งเขาให้มา สร้อยก็ไม่มี เขายกให้ลุงใหญ่ของเอ็งไปหมด ข้าได้มาแค่นี้แหละ"
พวงจันทร์หยิบพระส่งให้ พิมรับมา แล้วยกมือไหว้ ก่อนจะคล้องคอ
"ไม่ว่าพระอะไร แม่ให้ฉันก็พอใจทั้งนั้นแหละจ๊ะ"
พวงจันทร์ชะงักมองหน้าพิม แล้วเมิน
"ข้าขอเตือน เอ็งไปพระโขนงครั้งนี้ ทางนึงคือเป็นเพื่อนแม่ชมนาด แต่อีกทางหนึ่ง คือไปเพื่อช่วยครอบครัวเรา เพราะอย่างนี้ เอ็งต้องให้ความร่วมมือกับพี่เพลิงทุกอย่างเข้าใจไหม"
พิมนิ่งคิด
"ถ้าพี่เพลิงสั่งให้ฉันทำเรื่องไม่ดี ฉันก็ต้องทำด้วยหรือ"
"นี่นังพิม เอ็งอย่าย้อนแม่ เอ็งเคยเห็นข้าทำเรื่องไม่ดีหรือ"
"บ่อยไป"
พี่น้องจ้องหน้ากัน แม่พวงหันไปด่าพิม
"เอ็งไม่ต้องพูดให้มากความ เอาเป็นว่า พี่เพลิงสั่งอะไรก็ให้ทำตาม เข้าใจไหม"
"ถ้า..."
พวงจันทร์โมโห เงื้อมือ พิมหลบวูบ
"อีนี่ จะหาเรื่องไปถึงไหน หรือว่าอยากจะโดน อย่าให้เกิดเรื่องอีก คราวนี้ แม่ไม่ให้อภัยเอ็งแน่นังพิม"

พวงจันทร์หน้าตาจริงจัง เพลิงยิ้มชอบใจ พิมก้มหน้ารับ ปุกเมินหน้าหนี สงสารพิม

พิมเดินเข้ามาในห้อง นั่งลง ยกสร้อยขึ้นมามองแล้วนิ่งคิด ปุกตามเข้ามายืนมอง

"อย่าน้อยใจนายแม่เลยนะเจ้าคะ ธรรมดา คนเป็นแม่ ถ้าลูกคนไหนเข้มแข็งดูแลตัวเองได้ แม่ก็ไม่ค่อยห่วง"
"เปล่า ข้าไม่ได้น้อยใจเรื่องนั้น ข้าแค่คิดว่า" พิมยกสร้อยขึ้นมอง "มันต้องมีเรื่องอะไรซ่อนเร้นอยู่ แต่ข้ายังคิดไม่ออกว่ามันเป็นเรื่องอะไรเท่านั้นเอง"
"คุณหนูเจ้าขา รู้ตัวไหมว่า คุณหนูน่ะเหมือนนายแม่จริงๆ เจ้าความคิด เจ้าอุบาย เจ้าวางแผน"
"ข้าอาจจะคล้ายแม่ แต่ข้าไม่มีวันเหมือนแม่เด็ดขาด ไม่มีวัน"
พิมหยิบสร้อยคอขึ้นมาไหว้และสวมไว้
"ยังไงเสีย ข้ารักครอบครัวของข้า ของที่พ่อแม่ให้มา ย่อมเป็นของดีที่สุด ... แต่ข้าจะไม่มีวัน ทำเรื่องที่ผิดศีลธรรมแน่นอน"
พิมนิ่งคิด ปุกมองดูพิมแล้วยิ้มภูมิใจ

ผ่านเวลาจนถึงวันใหม่ ในวันหนึ่ง ชมนาดนั่งอยู่บนเรือนพ่อใหญ่ถึก แลดูบ่าวไพร่ขนของขึ้นเรือนมา
"ถ้าคุณชมนาดต้องการอะไรเพิ่มเติมขอให้บอกกระผม อย่าได้เกรงใจนะขอรับ"
"แล้วนี่ทางหัวตะเข้มีใครมาหรือยัง"
พิมกับปุก เดินขึ้นเรือนมา พิมเดินมานั่งลงไหว้ชมนาด
"คุณชมนาด"
ชมนาดยิ้ม
"แม่พิม ดีใจจังที่ได้เจอ ตั้งแต่กลับไปคราวก่อน แม่พิมสบายดีนะจ๊ะ"
"สบายดีจ๊ะคุณชมนาด แล้วนี่คุณหลวงไม่ได้มาด้วยหรือจ๊ะ"
"คุณพ่อยังติดราชการอยู่ ถ้าเรียบร้อยก็คงจะตามมานั่นแหละ อ้าวแล้วพ่อเพลิง"
"อ๋อ พี่เพลิงไม่ได้มาด้วยหรอก มีธุระสำคัญต้องจัดการก่อน"
ชมนาดก้มหน้าแอบยิ้มโล่งใจ เดินมาจับมือพิม
"ดีเลย จะได้คุยกันประสาผู้หญิงนะ"
ชมนาดยิ้มให้พิม
ปุกแอบมอง แล้วยิ้ม
" มีอะไรก็บอกฉันนะ แม่ปุก"
"ได้ยินว่าบางพระโขนงนี่ปลาช่อนตัวใหญ่หนักหนา ฉันอยากจะได้สักตัว2 ตัว มาทำห่อหมกน่ะจ๊ะพ่อใหญ่"
"ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอามาส่งให้นะ หวังว่าฉันจะได้ชิมห่อหมกฝีมือแม่ปุกสักครั้งนะจ๊ะ"
พ่อใหญ่ถึกแอบทำตาหวานใส่ปุก ปุกมองค้อน

ในเวลากลางคืน
หมอผีลุกขึ้นนั่ง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย สายลุกขึ้นก้มหน้า หยิบสไบมาห่ม หมอผี หันไปมองแล้วยิ้มเยาะหยิบขวดน้ำมันเล็กๆขึ้นมาส่องดู เป็นว่านแกะสลัก มีรูปชายหญิงอยู่ในขวด แช่น้ำมัน
"เอ็งเอาน้ำมันในขวดนี้ ใส่กับข้าวให้ผัวเอ็งกิน ส่วนข้าวสุก พอลงจากเตาเอ็งอย่าลืมนั่งคร่อมให้กะไอร้อนมันขึ้นมาปะทะของๆเอ็ง แล้วตกกลับลงไปในหม้อข้าวก่อนเข้าใจมั๊ย"
"ทำไมต้องทำแบบนี้ล่ะ"
"วิธีนี้ เขาเรียกหงส์ร่อน ถ้าเอ็งทำแบบนี้ครบ 7 วัน รับรองผัวเอ็ง ทั้งรักทั้งหลง แล้วอีกอย่าง ข้าลงนะ ที่ของเอ็งเรียบร้อยแล้ว รับรองผัวเอ็งติดใจไม่มีวันลืม"
"แน่ใจนะว่าได้ผล"
"ได้ผลสิ ข้าลงเองกะมือ"
หมอผี เชยคางสาย สายสะบัด
"ถ้าไม่ได้ผล ข้าจะมาเอาเรื่อง"
"อย่างข้านี่ ไม่มีไม่ได้ผล อย่าลืมล่ะ ห้ามผัวเอ็งเดินลอดราวตากผ้าถุง หรือห้ามทำกับข้าวพวกฟักแฟงให้กินเด็ดขาด มันล้างอาคม เข้าใจมั๊ย"
สายนิ่งคิด คว้าขวดน้ำมันมาถือไว้ แล้วเดินออกจากบ้านไป
หมอผียิ้มร้าย

สายวิ่งออกไป สวนทางกับเพลิง หมึก เก่ง เดินเข้ามา เพลิงมองตาม
"ดูท่าทาง ไอ้หมอนี่ มันจะมีของดีโว๊ยเฮ้ย"
หมึกบอก
"งั้นพี่ก็ขอมั่งสิ จะได้เก็บไว้เผด็จศึกแม่ชมนาด"
"แหม อย่างพี่เพลิง น้ำมันพรายไม่ต้องหรอกม๊าง พี่เขาแน่อยู่แล้วจริงมั๊ยพี่"เก่งบอก
"ของแบบนี้ มีไว้ติดตัว หยิบใช้ได้ไม่ขัดเขินโว๊ย"
3 คนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ เดินไปไปที่เรือนหมอผี

หมอผี หยิบมีดหมอลงอาคมขึ้นมา กวัดแกว่ง แล้ววางลง หันไปหยิบ แส้ที่ทำจากเส้นผมขึ้นมา พร้อมด้วยเข็มขัดที่ทำจากกระดูกของผีตายโหงร้อยต่อกันเป็นพวง จัดเก็บใส่ย่าม
เพลิง หมึก เก่งมองอย่างทึ่ง
หมอผีหันไปบริกรรมคาถา แล้วเป่ามนต์ลงไปที่ขันน้ำมนต์
ในขันน้ำมนต์ เห็นมากกับมั่นกำลังหาปลาอยู่ที่ริมน้ำ แม่นากแอบมองอยู่ห่างๆ
หมอผีหัวเราะในลำคอ
"อีผีตัวนี้ มันผูกพันกับผัวมันเหลือเกิน อ่อนแรงขนาดนี้ยังเฝ้าเมียงมองอยู่ไม่ห่าง"
"แล้วพ่อหมอจะลงมือเมื่อไหร่ล่ะจ๊ะ"
"ข้าบอกแล้ว วันที่มันจะอ่อนแรงที่สุด ก็คือวันข้างแรม คืนเดือนมืด ถ้าเอ็งใจร้อนเอ็งก็ลงมือทำเองเลย"
"เปล่าจ๊ะ ฉันไม่ได้จะเร่ง ที่มานี่ คือ ...เอ่อ พ่อพอจะมีของดีๆอะไรให้ฉันไว้ใช้...กับผู้หญิงบ้างไหมจ๊ะ"
หมอผีหัวเราะร้าย
"มีแน่นอน แต่รอให้งานนี้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ข้าไม่อยากคุยให้เกินตัว ในบ้านนี้เมืองนี้ จะหาหมอผีเรืองวิชาอาคมแบบข้าไม่มีอีกแล้วละ"
"พ่อหมอสัญญานะว่าเสร็จเรื่องนี้แล้วจะ ให้ของดีฉันไว้ใช้บ้าง"
"ได้สิ พวกเอ็งจงไปเตรียมข้าวของให้ข้าก่อน"
เพลิง หมึก เก่งมองหน้าหัน
"พ่อต้องการอะไรขอให้บอก"
หมอผียิ้มร้าย มองที่ขันน้ำมนต์

บริเวณริมคลอง มากกับมั่นช่วยกัน เหวี่ยงแห มากกับมั่น ช่วยหัน คัดปลาตัวโตๆใส่ตะข้อง
"จะเอาไปทำไมเยอะแยะ ตัวเดียวก็พอกินถมเถแล้ว"
"ไม่พอหรอก พ่อใหญ่ถึกเขาวานให้หาให้ เห็นว่าจะมีคนใหญ่คนโตจากพระนครมา"
"คนใหญ่คนโตมาอีกแล้วหรือ"
มากมองปลาแล้วนิ่ง ถอนหายใจ
"ถ้านากยังอยู่ เราคงได้กินห่อหมกใบยอ"
"อย่าคิดมากน่า ไปกันเถอะ แค่นี้ก็พอแล้ว"
มั่นปล่อยปลาตัวเล็กตัวน้อยลงน้ำ
"ไม่รู้จะเอาไปทำไม แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว"
มากกับมั่นมองหน้าแล้วยิ้มให้กัน
มากเดินถือปลาไป
นากยืนมองอยู่ในเงามืด ก่อนจะตัดสินใจก้าวออกมาเผชิญหน้ามาก

มากเดินทะลุร่างของนากไป
 
อ่านต่อตอนที่ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น