แม่นาก ตอนที่ 11
มากยืนมองมั่นสงสัย
"เป็นอะไรของพี่"
"ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ"
มั่นออกเดินนำหน้ามากไป
ต่อมา พิมกำลังยืนคุยกับเด็กส่งจดหมาย
"เป็นอย่างไรบ้าง ส่งให้ถึงมือหรือเปล่า"
"เรียบร้อยพี่ ได้รับแน่นอน"
"ดีมาก" พิมส่งเงินให้ "ไปได้แล้ว คราวหน้าจะเรียกใช้อีกนะ"
เด็กเดินไป พิมมองตามยิ้มกริ่ม พอหันหลังกลับมา พิมชะงัก เพลิงยืนมองอยู่
"ตกลง นัดไอ้มากได้หรือยัง"
"ยัง ฉันยังไม่มั่นใจว่าพี่ตั้งใจจะญาติดีกับพี่มากจริงๆ"
เพลิงหงุดหงิด
"โธ่ป่านนี้ยังจะระแวงอีกหรือ ข้าเป็นพี่เอ็งนะ"
"ก็เพราะเป็นพี่นี่แหละ ฉันถึงหลงกลมานับครั้งไม่ถ้วน ใจร้อนก็ไปนัดเองเลยไป๊"
พิมทำไม่สนใจเดินหนีไป เพลิงมองตามหงุดหงิด
"ทำเป็นกล้า คิดหรือว่าข้าจะรู้ไม่ทันเอ็ง นังพิม คราวนี้ ไอ้มากมันไม่รอดแน่คอยดูสิ"
เพลิงหน้าร้าย
จำปี กับลำจวนเดินถือตระกร้าสำรับอาหาร จำปีมองตระกร้าในมือแบบแปลกใจ
"ป้าเงินคิดยังไงเนี่ย ถึงได้ทำกับข้าวมากมายใหญ่โตส่งมาให้พี่มาก ปกติก็ไม่ได้รักแรงแข็งขอบกันนักไม่ใช่หรือ เอ็งว่าไงลำจวน"
"ฉันว่า เวลาผ่านไป ป้าเงินคงทำใจได้แล้วมั๊ง"
"ทำใจเรื่องอะไร เรื่องนากน่ะหรือ ไม่จริงหรอก ฉันยังเห็นป้าแกแอบร้องไห้บ่อยๆ"
"หมายถึงว่า แกคงทำใจได้แล้วว่า ถ้าแกรักนากจริง แกก็ต้องรักในสิ่งที่นากมันรัก ไม่ใช่แบบนี้"
จำปีชะงัก
"ทำแบบนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา คนตายไปแล้ว ไม่รู้เรื่องหรอก"
"เอ็งก็พูดไป ถ้ามันจบมันสิ้นก็ดีสิ เมื่อคืนเอ็งก็ได้ยินกับหู นากมันมาร้องเรียก พูดแล้วขนลุก"
"บางทีพี่มากไปไหว้นากซะ จะได้รู้ไปเลยว่า อยู่กันคนละโลก คนละภพ ทุกอย่างมันอาจจะจบก็ได้นะ"
ลำจวนจิ้มหน้าผากจำปีอย่างแรง จำปีเจ็บคลำป้อย
"เอ็งนี่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย คนเคยรักกัน นอนกอดกันอยู่ทุกวัน จู่ๆจะบอกว่า ไอ้ที่เรานอนกอดนอนจูบกันทุกคืนเป็นผี มันทำใจได้ง่ายๆหรือ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา"
"ใช่สิ เอ็งมันคนรู้มากรู้เยอะ รู้ทุกอย่าง"
ลำจวนทำเชิด
"อย่างน้อยที่สุด ข้าก็รู้ว่า อยู่ยังไง จะไม่เป็นทุกข์ ไม่เหมือนเอ็ง คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูกก็จุดธูปฟ้องนากมัน เชอะ"
ลำจวนไป จำปีมองค้อน
"ก็ข้าอยากให้มันรู้ทุกเรื่องนี่นา"
จำปีตามไป
ที่เรือนของมั่น มากนั่งเหม่ออยู่อีกมุมหนึ่ง มั่นสีหน้าวิตก มองจดหมายในมือ
"ยังจะมาอีก ผู้หญิงอะไร หนังหนาหน้าทนจริงๆ"
"พี่มาก พี่มั่น"
มั่นหันไปมอง จำปีกับลำจวนเดินขึ้นเรือนมา มั่นจุ๊ปากให้ทั้งสองเบาเสียง
"เบาๆก่อน"
จำปีลำจวนลดเสียง หันไปมองตามมือมั่น เห็นมากนั่งซึม
"นี่นั่งแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย" จำปีถาม
"เป็นมาตั้งแต่ที่วัด เผลอทีไรก็ซึมตลอด นี่หลวงตาให้เข้ากรรมฐาน 7 วัน ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ ค่อยคิดอ่านหาฤกษ์บวชอุทิศส่วนกุศลให้นาก"
"ทำไมไม่ให้บวชเลยล่ะ เข้ากรรมฐานทำไม"
ลำจวนค้อน
"ผลีผลามไปบวช คิดว่าเป็นพระแล้วจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่างหรือ ... ป้าเงินก็เป็นห่วงอยู่นะ หวังว่าจะไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจพี่มากนะ"
"แน่นอนที่สุด ข้าจะระวังให้ดีที่สุด"
มั่นหน้าจริงจังมาก จำปีกับลำจวนมองหน้ามั่น
"พี่มั่นทำหน้าดุจัง ฉันชักกลัวซะแล้วสิ"
มั่นรู้ตัวฝืนยิ้ม จำปีลำจวนมองมั่นอย่างแปลกใจ ในมือมั่นกำจดหมายแน่น
เวลาต่อเนื่องมา ป้าเงินนั่งเลือกข้าวเปลือก อยู่ที่นอกชานเรือน
จำปีกับลำจวน เดินขึ้นเรือนมา
"ป้าจะทำทำไม บอกแล้วว่าฉันจะกลับมาเลือกให้เอง"
"ข้าก็ต้องหาอะไรทำบ้างสิวะ ไม่อย่างนั้นก็ง่อยตายน่ะสิ ไอ้มากเป็นอย่างไรบ้าง"
"ก็ซึมเหมือนเดิม นี่เห็นว่า เตรียมตัวไปเข้ากรรมฐาน 7 วัน ถ้าพ้นช่วงนี้ไปได้ ก็คงจะบวชให้นากมัน" ลำจวนบอก
ป้าเงินยกมือไหว้อนุโมทนาสาธุ
"ขอให้มันผ่านช่วงนี้ไปให้ได้เถอะ นากมันจะได้พ้นบ่วงรักบ่วงกรรมของมันซะที"
"มันจะง่ายอย่างนั้นเชียวหรือ"
ทุกคนมองหน้าจำปี แบบเอาเรื่อง จำปีหงอ
"แบบว่า มันจะไม่มีอุปสรรคมาขัดขวางเลยหรือ"
"อีนี่ เอ็งจะพูดหาอะไร เดี๋ยวก็ได้เรื่องหรอก"
"เปล่า ฉันก็แค่ วิตกเฉยๆ ไม่ต้องโมโหก็ได้"
ทุกคนมองหน้าจำปีอารมณ์เสีย จำปีจ๋อย
มั่นนั่งนิ่ง มือกำจดหมายของพิมไว้ ความนั้น พิมกล่าวว่า
"พี่มากฉันมีเรื่องสำคัญ ที่จะต้องพบกับพี่ พรุ่งนี้เที่ยงตะวันตรงหัว ฉันจะรอพี่อยู่ที่โคนไผ่ ฉันจะรอจนกว่าพี่จะมา พิม"
มั่นขบกรามกรอด
"ยังจะมาวุ่นวายอีก พรุ่งนี้พี่มากก็จะเข้ากรรมฐานแล้ว เฮ้อ มารผจญจริงๆ"
มั่นนั่งมองจดหมาย ครุ่นคิด
"ข้าไม่ยอมให้แม่มาวุ่นวายกับมากได้หรอก แม่พิม"
มั่นยิ้มแบบหาทางออกได้
ณ มุมลับตาในเรือน หมึก เก่ง นั่งสุมหัวกันอยู่
เพลิงเดินเข้ามา เก่งกับหมึกรีบลุกขึ้นไปต้อนรับ
"พี่เพลิง พี่หายไปไหนอ่ะ ไม่เรียกใช้เรียกสอยฉันเลย"
"เฮ้ยไอ้หมึก เอ็งไปมุดหัวอยู่รูไหน พี่เพลิงกำลังยุ่ง ต้อนรับแม่หญิงที่จะมาเป็นเมียเอกอยู่ จริงมั๊ยพี่เพลิง" เก่งว่า
"เอ็งนี่แสนรู้จริงๆ เพราะอย่างนี้ไง ข้าถึงมีเรื่องให้เอ็งจัดการ"
"แหม เรื่องเลวๆร้ายๆ พอได้ แต่เรื่องดีๆนี่ ข้าไม่ถนัด"
"รับรอง ข้าใช้เอ็งทำอะไรไม่มีดีแน่นอน
เพลิงกระดิกนิ้วเรียกทุกคนเข้ามาสุมหัว แล้วกระซิบ
"เอ็งคอยจับตาแม่พิมไว้ให้ดี แต่อย่าให้ใกล้นัก ที่เหลือข้าจะจัดการเอง"
หมึกกับเก่งพยักหน้า
"ไม่มีปัญหาพี่ เรื่องแบบนี้ ไม่มีพลาด"
เพลิงหัวเราะร้าย หมึกกับเก่ง รีบหัวเราะสอพลอด้วยกัน
ในเรือนรับรอง ชมนาดมองออกไปนอกหน้าต่างห้อง ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
"จะต้องติดอยู่ที่เรือนนี้อีกนานเท่าไหร่นะ เฮ้อ"
บ่าวก้มหน้ารับฟัง มองชมนาดอย่างเห็นใจ
หลวงณรงค์เดินเข้ามา บ่าวรีบหลบไปอีกทาง ชมนาดหันมายิ้มให้
"แม่ชมนาด ทำไมไม่ออกไปเดินเที่ยวรอบๆบ้าง ใจคอจะอยู่แต่ในห้องอย่างเดียวหรือไง"
"อากาศร้อนเหลือเกิน ลูกไม่ใคร่สบายตัวเจ้าค่ะคุณพ่อ"
"ไม่สบายตัวหรือ ไม่สบายใจกันแน่"
ชมนาดนิ่ง หลวงณรงค์ยิ้ม
"เตรียมตัวให้พร้อมนะ พรุ่งนี้ เราจะไปบางพระโขนงกัน"
ชมนาดดีใจ
" จริงหรือเจ้าคะคุณพ่อ"
หลวงณรงค์พยักหน้ารับ ชมนาดดีใจ
"แหม ถ้าเช่นนั้นอิฉันจะเข้าครัวเตรียมน้ำพริกลงเรือไปดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นเสบียงเวลาเดินทาง ได้ยินว่า บางพระโขนงมีสายบัวอ่อน น่ากินหนักหนา จับคู่กับน้ำพริกคงจะเข้าทีนะเจ้าคะ"
"ก็ดีเหมือนกัน จะได้แสดงฝีมือน้ำพริกชาววังให้คนเรือนนี้เขาชิมบ้าง ฝีมือน้ำพริกลงเรือของเจ้า เป็นเลิศหาใครจับได้ยาก"
"เจ้าค่ะ คุณพ่อ"
หลวงณรงค์ไป ชมนาดยิ้มดีใจ
"เร็วเข้า ไปช่วยข้าเตรียมของ"
ชมนาดกระวีกระวาดไปทันที บ่าวยิ้มแล้วรีบตามไป
ในครัว ชมนาด กำลังชุลมุนบงการให้ทำน้ำพริก
บ่าวกำลัง แกะปลาดุกย่าง ชิ้นใหญ่โต ชมนาดเข้าไป จับมือสอน
"ปลาดุก จะต้องเอาไปทอดให้ฟู เพราะฉะนั้นแกะแต่เนื้ออย่าให้ติดหนัง ไม่อย่างนั้นจะคาว เวลาทำทอดฟูแล้ว หนังจะไหม้ก่อนเนื้อ ทำให้น้ำพริกไม่สวยเข้าใจมั๊ย
ชมนาดหันมาอีกทาง เห็นบ่าวกำลัง แกะไข่เค็มออกมาปั้นเป็นก้อน ชมนาดส่ายหน้า
"ไข่เค็มบิออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปั้นอย่าให้โตเกินไข่แมงดา เวลากินรสชาติจะผสมกับน้ำพริกและปลาดุกฟู ไม่ข่มรสน้ำพริก เข้าใจมั๊ยจ๊ะ"
อีกทาง ชมนาดเห็นบ่าวกำลังซอยหอม ซอยกระเทียม ชมนาดส่ายหน้า เดินเข้าไปหยิบมีด.... .....จากมือบ่าวมาถือไว้เอง
"หอมกระเทียมประเดี๋ยวข้าจะซอยเอง"
ชมนาดลงมือซอยหอมกระเทียมอย่างคล่องแคล่ว ปุกกับบ่าวมองอย่างทึ่ง
อีกทาง พิมเดินเข้ามามองแปลกใจ
"วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรือจ๊ะ คุณชมนาดลงครัวเองเลยหรือ"
"แม่พิม ลองชิมผีมือฉันหน่อยสิจ๊ะ นี่มัสมั่นไก่ เข้าเครื่องแกงแขก ลองชิมหน่อยสิ"
ชมนาดตักแกงแบ่งใส่ถ้วยเล็กส่งให้ พิมรับไปชิมแล้วทำตาโต
"อร่อยจริงๆ ไม่เหม็นเครื่องแขกเลย คุณชมนาดนี่ทำกับข้าวอร่อยจริงๆ ฉันคงไม่ได้กระผีกของคุณหรอก"
พิมหันไปมองที่หอมกระเทียมที่ชมนาดซอยไว้
"แล้วนี่จะตำน้ำพริกอะไรหรือจ๊ะ"
"อ๋อน้ำพริกลงเรือจ๊ะ เห็นคุณพ่อบอกว่า พรุ่งนี้เราจะล่องเรือไปพระโขนงกัน จะได้เก็บไว้เป็นเสบียง"
พิมสำลักทันที ชมนาดมองแปลกใจ
"เป็นอะไรไปหรือ เผ็ดเกินไปหรือจ๊ะ แม่พิม"
"เปล่าๆ ฉันแค่หิวน้ำน่ะจ๊ะ"
ปุกรีบคว้าน้ำส่งให้ พิมรับไปกินอักๆ ชมนาดมองแล้วยิ้ม
"ชิมน้ำพริกลงเรือของฉันหน่อยมั๊ย"
"บ่าวชิมแล้วนะเจ้าคะคุณพิม อร่อยจริงๆ ไม่เคยได้ชิมที่ไหนมาก่อนเลย"
"เอ๊ะ คุณชมนาดนี่ตั้งใจทำให้ใครเป็นพิเศษหรือเปล่าจ๊ะ"
ชมนาดเขิน พิมมองอย่างสังเกต
เพลิงเดินเข้ามา
"ไอ้เพลิงจะมีบุญได้ชิมน้ำพริกของคุณชมนาดบ้างหรือเปล่านะ"
เพลิงเดินเข้ามา ชมนาดเมินหน้า ครู่เดียวก็กลับมายิ้มปกติ
"เชิญสิคะคุณเพลิง หรือว่าจะรอตั้งสำรับให้พร้อมเลย"
"รอตั้งสำรับเลยดีกว่าขอรับ แม้ไอ้เพลิงจะใจร้อน แต่ก็รอได้ น้ำพริกลงเรือของคุณชมนาด คงอร่อยสมกับที่รอคอยนะขอรับ"
เพลิงมองชมนาดแววตาเจ้าชู้ ชมนาดเมินหน้า
พิมมองเพลิงแล้วเบ้ปาก ทั้ง 3 คน คิดไปคนละทาง
อ่านต่อหน้า 2
แม่นาก ตอนที่ 11 (ต่อ)
เวลาเย็น สำรับกับข้าวของมาก มีน้ำพริกขี้กาที่ป้าเงินส่งมาให้ ปลาย่างผักสดนิดหน่อย
ทุ้ย เค้ง โพล้งมองกับข้าวน้ำลายสอ เอื้อมมือจะจก มั่นตีมืออย่างแรง
"รอไอ้มากก่อนสิ" มั่นหันไปตะโกนเรียกมาก "ไอ้มาก มากินกันพร้อมๆหน้า เดี๋ยวไอ้พวกนี้มันฉกหมด"
มากลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เดินมานั่งที่วงข้าว
มากมองไปที่ชามน้ำพริกขี้กา
"นี่มันน้ำพริกขี้กานี่นา"
ทุ้ยบอก
"ใช่น้ำพริกขี้กา แหมข้าเปรี้ยวปากเหลือเกิน ตั้งกะแม่นากตายไป ไม่เคยได้กินน้ำพริกขี้กาถูกปากเลย"
มากหน้าเศร้า มั่นกระทุ้งทุ้ยอย่างแรง ทุ้ยงง ไม่เข้าใจว่า ทำไม
"กูพูดผิดตรงไหนอีก"
โพล้งบอก
"มึงน่ะผิดทุกตรงนั่นแหละ หุบปาก กินพริกกะเกลือไปก่อนดีมั๊ย"
เค้งสะกิดให้ทุ้ยหันไปดูมาก หน้าเศร้า นิ่งมองน้ำพริกขี้กา
นากเอาน้ำพริกขี้กาไปส่งให้ มาก- นากกินข้าวด้วยกัน
"นากรู้ใจพี่จริงๆ น้ำพริกขี้กาของใครก็ไม่อร่อยเท่ามือแม่นากทำ"
"แหม พี่มาก้อ ปากหวานเสียจริง"
"พี่พูดอย่างที่คิด มันจริงนี่นา"
มากกับนาก ช่วยกันเก็บสายบัว ไปฝากป้าเงิน
นากกับมากพายเรือเก็บสายบัว ทั้งคู่มีความสุขยิ้มส่งตาให้กัน
มากเก็บดอกบัวดอกสวย แล้วเอามือจับผมของนากแล้วรวมผมทัดหูให้ นากๆยิ้มจ้องตา
นากดมกลิ่นดอกบัวแล้วส่งให้มาก มากรับมาดม แล้วเคี้ยวสายบัวกลืนเข้าคอไป
นากหัวเราะขำ
มากโน้มกิ่งโสนให้นาก เก็บดอกใส่ในใบบัวที่วางไว้ สองคนยิ้มให้กัน
มากเศร้า วางชามข้าวลง
"ข้ากินไม่ลงหรอก เห็นน้ำพริกขี้กาทีไร ข้านึกถึงนากทุกที พวกพี่กินกันเถอะ"
มากลุกขึ้น ทิ้งวง กลับไปนั่งที่เดิม ทุ้ยไม่ฟังเสียงจกน้ำพริกทันที เคี้ยวตุ้ยๆ
เค้งกับโพล้งมองหน้าทุ้ยไม่พอใจ ทุ้ยฝืดคอทันที
มั่นถอนหายใจ "โธ่ไอ้มาก"
บนเรือนรับรอง ชมนาดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตักน้ำพริกลงเรือใส่ในถ้วยสวยๆ อย่างบรรจง ผนึกด้วยเทียนอย่างดี หมายตั้งใจเอาไปฝากมาก ชมนาดเงยหน้าขึ้นยิ้ม
นึกถึงคราวที่ชมนาดเอาสำรับกับข้าวให้มากที่เรือนขุนเพชร ชมนาดให้บ่าวส่งถ้วยน้ำพริกให้มาก
"กับข้าวถูกปากมั๊ยนายมาก"
"ถูกปากมากขอรับคุณชมนาด น้ำพริกนี่ชื่อว่าอะไรหรือขอรับรสชาติดีจริง"
"เค้าเรียกว่าน้ำพริกลงเรือ ไม่เคยกินมาก่อนหรือ"
"เคยกินแต่น้ำพริกขี้กาขอรับ อร่อยไม่แพ้กัน"
ชมนาดยิ้มมองมากๆยิ้มนั่งกินข้าว
ชมนาดยิ้ม
"หวังพ่อจะยังไม่ลืมรสมือของฉันนะจ๊ะ พี่มาก"
อีกทาง เพลิงยืนมองอยู่ เพลิงเดินเข้ามา ชมนาดสะดุ้ง
"อ้าว พ่อเพลิง เข้ามาเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยหรือ"
"กระผมต้องขอโทษแม่ด้วย จริงสิ น้ำพริกนี่ แม่ตั้งใจทำไปเป็นของกำนัลใครหรือ ใสผอบ ผนึกเทียนอย่างดี ห่อผ้าเสียสวยงาม อย่างนี้คนรับคงต้องสำคัญมาใช่ไหม"
ชมนาดนิ่ง
"จริงสิ พ่อเพลิงมาถึงเรือนมีอะไรหรือ"
"เปล่าหรอก กระผมเป็นห่วง เห็นคุณชมนาดไม่ออกไปร่วมสำรับเลยเข้ามาดู"
ชมนาดแกล้งยิ้ม
"ฉันรู้สึกร้อนๆน่ะ จริงสิ กับข้าวถูกปากหรือไม่"
"อร่อยเหลือเกิน เป็นบุญของไอ้เพลิงยิ่งนักที่ได้รับอาหารฝีมือชาววังของแม่ หวังว่า ต่อไป ไอ้เพลิงจะมีบุญได้ร่วมสำรับกับข้าวของแม่ทุกวันนะขอรับ"
เพลิงทำท่าเจ้าชู้ ชมนาดเมินแล้วแกล้งยิ้ม
" วันก่อนนี้พ่อเพลิงบอกว่า รู้จักบางพระโขนงเหมือนเป็นคนที่นั้นจริงหรือ"
"จริงสิขอรับ แม่อยากไปที่ไหนโปรดบอก กระผมจะพาไปเที่ยวทุกที่เลย"
ชมนาดยิ้มไม่ตอบ เพลิงมองชมนาดอย่างหลงไหล
มากนั่งอยู่ที่หัวสะพาน เหม่อมองพระจันทร์ในยามค่ำคืน
"แม่นาก ป่านนี้ไม่รู้เจ้าไปอยู่ที่ใด อยากให้เจ้ารู้ไว้ หัวใจข้ายังรักมั่นในตัวแม่แต่เพียงผู้เดียว"
มั่นเดินเข้ามานั่งข้างๆ
"ไอ้มาก ถึงเวลาที่พี่จะต้องตัดใจแล้วนะ"
"ทำไมพี่พูดเยี่ยงนี้"
"เอ็งจะไม่กินไม่นอน ทำตัวเหมือนซากศพแบบนี้ไม่ได้ ข้าเชื่อว่า แม่นากคงไม่ต้องการให้เอ็งอยู่แบบนี้หรอก"
"แล้วพี่จะให้ข้าทำอย่างไร แม่นากตายไป โดยที่ข้าไม่มีโอกาสได้เห็นใจ ทุกวันนี้ข้ายังไม่อยากเชื่อว่านากมันจากข้าไปแล้ว"
"เอ็งต้องตัดใจ ไม่อย่างนั้นนากจะยิ่งต้องทุกข์มากขึ้น พรุ่งนี้เอ็งต้องตั้งมั่น ตั้งใจ เข้ากรรมฐาน อุทิศส่วนกุศลให้นาก จากนั้นเอ็งก็ไปไหว้แม่นากที่หลุมซะที ตกลงมั๊ย"
มากหันมามองหน้ามั่น สีหน้ามั่นจริงจังมาก
"ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะทำได้"
"ไอ้มากที่ข้ารู้จักเป็นคนเข้มแข็ง มานะบากบั่น มองไปข้างหน้าสิ นึกดูให้ดี ถ้าเอ็งอ่อนแอ แพ้พ่ายแบบนี้ คิดว่าแม่นากจะภูมิใจในตัวเอ็งงั้นหรือ"
มากนิ่งคิด แล้วพยักหน้า
"จริงของพี่ ข้าไม่ควรทำตัวอ่อนแอแบบนี้ หลังจากกรรมฐานแล้ว ข้าจะไปหานากที่หลุมด้วยตัวเอง ข้าต้องทำให้ได้"
มากจับบ่ามั่นไว้มองมั่นนิ่ง
"ข้าขอบใจที่พี่คอยตักเตือนข้าเสมอ"
ป้าเงินเดินลงมาจากเรือน ด้อมๆมองๆแล้วชะงัก เห็นจำปี กำลังจุดธุปอยู่ที่กลางแจ้ง
"นาก เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้ป้าเงินเขาไม่ได้โกรธได้เกลียดพี่มากแล้ว ตรงกันข้าม เขาให้พวกฉันไปส่งข้าวส่งน้ำให้พี่มากด้วยนะ จริงสิ พรุ่งนี้พี่มากจะเข้าวัดถือศีล 7 วัน หวังว่านากคงจะสบายใจขึ้น นะนากนะ"
จำปีปักธูปลงบนพื้น แล้วหันมาสะดุ้งเฮือก เห็นป้าเงินนั่งมองอยู่
"ป้า มาทำไมเงียบๆ"
"ข้ามาเสียงดังเอ็งก็ว่า มาเงียบๆเอ็งก็บ่น"
"เฮ้อ ก็มันตกใจนี่นา จริงสิ ป้าว่านากมันจะรับรู้ได้มั๊ย"
"ข้าคิดว่า ถ้าไม่มีอะไรมากั้นขวาง มันคงรับรู้ทุกเรื่องนั่นแหละ"
"อะไรที่จะมากั้น มาขวางนากมันได้ มันเป็นผีนะป้า"
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะข้าไม่ใช่ผี"
จำปีนิ่งคิด ป้าเงินถอนหายใจหนักอก
เวลากลางคืน ยอดไม้ลมพัด แรง เหนือหลุมศพของนาก มีเฉลวปักอยู่ ลมพัดแรง จนใบไม้ปลิว
นางตานีค่อยๆปรากฏร่างขึ้นยืนมอง
"ข้าเตือนเอ็งแล้วใช่ไหมนากเอ๊ย ความยึดมั่นถือมั่นในรัก นั่นแหละ มันถึงได้นำพาเอ็งมาตรงนี้ นังผีไม่รู้จักคิด"
นางตานียืนมองแล้วถอนหายใจ
เสียงลุงปลอดเรียก "แม่ตานีจ๋า"
นางตานีสะดุ้ง แล้วยิ้ม
"นี่ไง ความสุขของข้า นังนากเอ๊ยรักน่ะได้ แต่อย่าหมายครอบครอง ... รอประเดี๋ยวนะจ๊ะ พี่ปลอด"
นางตานีเลือนร่างหายไปทันที
เช้ารุ่งขึ้น ทุกคนนุ่งขาวห่มขาวยืนอยู่หน้าศาลา ยกเว้นมั่น หลวงตายืนมองแล้วยิ้ม
"มากันพร้อมเพรียงเลย ยายเงินล่ะ จะเข้ากรรมฐานด้วยกันไหม"
ป้าเงินบอก "อิฉันก็อยากอยู่เจ้าค่ะ แต่คราวนี้ ร่างกายไม่ค่อยดีเลย หัวเข่าก็ขัดๆ นั่งขัดสมาธินานๆคงไม่ไหว คงต้องรักษาตัวก่อน"
"ฉันก็ต้องดูแลป้าเงินคงไม่ได้เข้าหรอกจ๊ะหลวงตา" ลำจวนบอก
"แล้วเอ็งล่ะไอ้มั่น ไม่เข้าด้วยกันหรือ"
"ฉันมีธุระต้องทำน่ะ ไว้คราวหน้าก็แล้วกัน"
"แล้วนี่ใครเห็นตาปลอดบ้าง นี่ข้าไม่เห็นหน้าหลายวันแล้วนะ" หลวงตาบอก
"นั่นสิ กระผมว่าจะไปตามหาลุงปลอดนั่นแหละ งั้นกระผมขอตัวเลยนะขอรับหลวงพ่อ"
มั่นว่าพลางหันไปมองมาก แล้วพยักหน้า "ตั้งใจนะไอ้มาก เพื่อแม่นาก"
"ขอบใจมากนะพี่มั่น"
มั่นยกมือไหว้ลาทุกคนแล้วไป หลวงตามองตาม
"เป็นหนุ่มร่างกายยังแข็งแรง ไม่นึกถึงพระ พอแก่ตัวเข้าจะเข้าวัด ร่างกายก็ไม่ไหวซะแล้ว"
หลวงตายิ้มแล้วมองป้าเงิน ป้าเงินเมินหน้า จำปี ลำจวน ทุ้ย เค้ง โพล้งแอบหัวเราะขำ
"ไอ้มาก เอ็งต้องตั้งใจนะ ผลบุญที่เอ็งทำจะส่งผลให้นากมันสงบสุข รู้มั๊ย" ป้าเงินบอก
"จ๊ะป้า ฉันจะทำให้ดีที่สุด"
มากจริงจัง ป้าเงินทำหน้าโล่งอก
อ่านต่อหน้า 3
แม่นาก ตอนที่ 11 (ต่อ)
พิมเดินลงจากเรือนมา ทำท่ามองซ้ายมองขวา
ปุกถาม "คุณพิมเจ้าขา จะไปไหนเจ้าคะ"
พิมสะดุ้ง หันกลับมา
"ฉันจะไป เก็บเบี้ยให้แม่น่ะสิ ถามได้"
"ไว้ไปวันอื่นก็ได้เจ้าคะ ช้าไป 2-3 วันคงไม่กะไรหรอกมังคะ ประเดี๋ยวสายๆ เราก็จะไปพระโขนงกันแล้ว"
"ก็เพราะจะไปพระโขนงน่ะสิฉันถึงต้องรีบ ไปละนะ"
พิมไปทันที ปุกมองตามแปลกใจ
"ทำไมต้องรีบร้อนแบบนี้นะ"
อีกทาง เก่งกับหมึกแอบดูพิมอยู่
"กูตามคุณหนูพิมไปเอง เอ็งไปรายงานพี่เพลิง" หมึกบอก
หมึกกับเก่งแยกย้ายกันไป
ที่โคนต้นไผ่
พิมวิ่งกระหืดกระหอบมา หยุดยืนมองเห็นผู้ชายยืนหันหลัง อยู่ พิมยิ้มดีใจ
"พี่มาก"
พิมรีบวิ่งไปหา
ผู้ชายคนนั้นหันมา พิมตะลึง
หมึกวิ่งมามองซ้ายมองขวา บ่น
"ผู้หญิงอะไรวิ่งเร็วยังกะกระรอก หายไปไหนเนี่ย"
หมึกมองซ้ายมองขวา ชะงักเห็นสไบที่แม่พิมคลุมหน้าหล่นอยู่ที่พื้น
"ฉิบหายแล้วกู"
หมึกวิ่งไปหยิบขึ้นมามอง สีหน้าร้อนใจ มองซ้ายมองขวาหาพิม
"เอาไงล่ะทีนี้"
หมึกสีหน้าร้อนใจ
มั่นลากพิมมาตามทาง พิมร้องโวยวาย
"จะพาฉันไปไหนพี่มั่น มีเรื่องต้องคุยกับพี่มากนะ"
"รู้แล้ว ฉันก็จะพาไปหาพี่มากไงล่ะ หรือว่าไม่อยากไป"
"แล้วทำไมมาทางนี้เล่า พี่มากอยู่ที่ไหน"
"เขาไปซ่อนตัว ให้พ้นจากไอ้พวกคนชั่ว ที่คอยมารบกวน"
มั่นสีหน้าจริงจัง พิมสงสัย
"จริงหรือ"
"ไม่เชื่อก็ตามใจ อยากจะกลับไปก็ได้นะ ข้าไม่ห้ามหรอก"
"ไม่ได้ กลับไม่ได้ ครานี้สำคัญจริงๆ ถ้าคุยกันรู้เรื่องทุกอย่างก็จบ"
"สำคัญขนาดนั้นจริงหรือ"
"จริงสิ รีบไป จะได้รีบกลับ"
พิมมองมั่นอย่างจริงจัง มั่นยิ้ม
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก ตามข้ามา"
มั่นเดินไป พิมรีบวิ่งตามไปติดๆ
เก่ง มารายงานเพลิงเรื่อง พิม เพลิงหน้าเสีย
"อะไรนะ ไปแล้วหรือ ตายละ"
"เอาไงดีพี่ ตอนนี้ไอ้หมึกมันตามไปแล้ว พี่หายไปไหนเนี่ย กว่าฉันจะหาตัวเจอตั้งครึ่งวัน"
"วันนี้กูต้องจัดการธุระ ทำไงดีวะ กูต้องพาหลวงณรงค์กับแม่ชมนาดไปพระโขนงด้วย"
หมึกวิ่งซมซานเข้ามา
"พี่เพลิง"
เก่งกับเพลิงหันไปมอง
"ไอ้หมึก มึงกลับมาทำไม แล้วแม่พิมล่ะ"
หมึกหอบ "แม่พิม .... แม่พิมหายตัวไปแล้ว"
เพลิงงง เก่งส่งผ้าสไบของพิมให้ เพลิงรับมามองแววตาน่ากลัว
"ฉันตามไปถึง แม่พิมก็หายตัวไปแล้ว เหลือ..."
เพลิงตบเปรี้ยง หมึกล้มลง เก่งเข้าไปประคอง เพลิงปรี่เข้าไปจะซ้ำ
"พวกเอ็งทำอะไรกัน"
เพลิงชะงักเงื้อค้าง
พวงจันทร์นั่งหน้าเครียด เพลิงมองโกรธหมึกกับเก่งมาก
"พวกเอ็งมันเลี้ยงเสียข้าวสุก ข้าสั่งให้ตามไป เอ็งยังพลาด จะทำอะไรได้วะ"
หมึกกับเก่งหน้าเสีย ก้มหน้าไม่สบตา เพลิงกวาดเท้าเตะ แบบโมโห
"พอก่อน พ่อเพลิง"
"แม่ เราจะทำยังไง ไอ้มากมันฉุดนังพิมไปไหนก็ไม่รู้"
"แม่คิดว่า พิมน่ะมันเอาตัวรอดได้ ไม่น่าห่วงเท่าไหร่หรอก"
เพลิงชะงักมองหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจ
"ตอนนี้ที่สำคัญคือ เราต้องพาหลวงณรงค์กับคุณชมนาดไปพระโขนงก่อน อย่าให้มีเรื่องอะไรมาขวางทางเราได้ แม่กับพ่อลงเงินลงแรงเรื่องนี้ไปมากโขอยู่"
"แล้วพิมล่ะแม่"
"พิมมันตัดสินใจจะไปหาไอ้มากเอง มันต้องหาทางหนีทีไล่ของมันได้ พอเราไปถึงที่โน่น ก็หาทางตามตัวมันอีกแรง แม่เชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หรือถ้ามันมี... ก็จับมันใส่ตระกร้าล้างน้ำเสีย หาผัวให้สักคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่"
"แม่คิดแบบนี้จริงๆหรือ"
"อ้าว ผู้หญิงมีผัวออกเรือนไปก็เป็นคนอื่น เอ็งดูแม่ไว้เป็นตัวอย่างนะ พอออกเรือนมากับพ่อเอ็ง แม่ก็ไม่เคยกลับไปเรือนตากับยายอีกเลย กลับไปก็เปล่าประโยขน์ ทุกอย่างก็เป็นของลุงเอ็งหมดสิ้น
ลูกชายต่างหากที่จะสืบตระกูลต่อไป เพลิงอย่าทำให้แม่ผิดหวังนะลูก"
เพลิงยิ้มรับทันที
"รับรองจ๊ะแม่ เพลิงจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังเด็ดขาด"
"ไอ้หมึก ไอ้เก่ง เอ็งเดินทางล่วงหน้าไปตามหาแม่พิม แต่อย่าให้ท่านขุนรู้เรื่องนี้เป็นเด็ดขาดเข้าใจมั๊ยพ่อเพลิง ถ้าพ่อถามถึงพิมก็บอกว่าแม่ใช้ให้มันไปเก็บเบี้ยค่าสวน" พวงจันทร์สั่งการ
"จ๊ะแม่ ไม่มีปัญหา"
"กลับมาจากพระโขนงคราวนี้ แม่เห็นทีจะต้องจัดการแม่พิมให้เข้าที่เข้าทางซะที เฮ้อ
มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้านจริงๆ"
เพลิงยิ้มสะใจ
"ครานี้กูจะจัดการไอ้มากให้สาสม คอยดูสิ"
"บางทีอาจจะไม่ต้องถึงมือลูกของแม่ก็เป็นได้"
พวงจันทร์กับเพลิงหน้าร้าย
อีกมุมหนึ่งห่างออกมา ปุกยืนตาค้างเอามือปิดปาก
ต่อมา ขุนเพชรกับชาวคณะยืนรออยู่ที่หัวท่าน้ำ
"ไปไหนกัน เสียเวลาจริงๆ"
เพลิงกับพวงจันทร์ ปุกเดินมา
"ทำไมถึงได้ช้าแบบนี้ ไม่รู้เวล่ำเวลาเสียเลย ต้องให้บ่าวไปตาม แล้วนี่แม่พิมไปไหน"
พวงจันทร์ยิ้มแย้ม
"แม่พิมไปเก็บเบี้ยให้อิฉันเจ้าค่ะ คงไม่ได้ไปด้วยดอก"
ชมนาดบอก
"อ้าว แม่พิมไม่ไปด้วยหรือ เสียดายจัง ฉันเลยไม่มีเพื่อนคุยเลย"
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับคุณชมนาด ผมจะดูแลคุณชมนาดเอง"
ขุนเพชรกับหลวงณรงค์มองหน้ากันแล้วยิ้ม
"งั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ ประเดี๋ยวฝนจะเทลงมาเสียก่อน เชิญขอรับท่านหลวง"
ขุนเพชร เชิญหลวงณรงค์กับชมนาดออกเดิน
พวงจันทร์กับเพลิงมองหน้ากันยิ้มโล่งอก ปุกมองแล้วส่ายหน้ารีบตามไปด้วย
บนท้องฟ้าเมฆครึ้ม เริ่มมีฝนโปรยปราย
ในเพิง พิมกับมั่นนั่งหลบฝนมั่นจ้องหน้าจนพิมรู้สึกหันมามอง
"จ้องฉันทำไม ฉันมีงางอกออกมาหรือ จ้องอยู่ได้"
"ถามจริงๆ จะหาพี่มากทำอะไร"
"อยากรู้เรื่องคนอื่นไปทำไม สอดรู้สอดเห็นนะเรา"
"ข้าถามว่า แม่มาหาพี่มากทำไม"
มั่นจ้องหน้าพิมจริงจัง พิมมองเริ่มรู้สึกเกรง
"จริงข้าไม่ได้อยากจะมาเองหรอก แต่พี่เพลิง อยากให้ข้ามาเจรจาความก่อน ข้าถึงต้องมาน่ะสิ"
"ไอ้เพลิงหรือ มันอยากจะเจรจาเรื่องอะไร"
พิมชะงัก
"แล้วมันเรื่องอะไรของพี่ด้วย ฉันจะรอคุยกับพี่มากคนเดียวเท่านั้น"
พิมจ้องหน้ามั่นจริงจัง ทั้งคู่ต่อตากันแล้วเมิน
"งั้นก็รอไปก่อนก็แล้วกัน"
"พี่พูดหมายความว่ายังไง"
"เปล่า ถ้าอยากคุยกับพี่มาก ก็ต้องไปหาด้วยตัวเอง ก็แค่นั้น"
มั่นลุกขึ้นเดินลุยฝนออกไป พิมงง แล้ววิ่งตามออกไป
ทุกคนนั่งอยู่บนเรือนพ่อใหญ่
อีกทางหนึ่ง ปุกกำลังดูแลให้บ่าวขนของขึ้นมาในเรือน
ขุนเพชร คุยกับ พ่อใหญ่ถึก
"ต้องรบกวนให้พ่อใหญ่ถึกเป็นธุระให้ ฉันละเกรงใจเหลือเกิน"
"โธ่อย่าพูดเช่นนั้นสิขอรับ ได้มีโอกาสต้อนรับ ท่านหลวงณรงค์ กับ ท่านขุน กระผมดีใจเหลือเกิน ผมยังจำพระคุณที่ท่านขุนช่วยผมให้มาประจำการเป็นพ่อใหญ่ที่บางพระโขนงได้"
"จริงสิ มันก็นานโขอยู่นะ เออ แล้วเรื่อง ที่เรื่องทางล่ะ ไปถึงไหนแล้ว"
ขุนเพชรหันไปมองหน้า หลวงณรงค์แล้วยิ้ม
"นั่นสิ คงต้องพึ่งพ่อใหญ่ถึกช่วยออกหน้าจัดการแล้วละ"
"เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกขอรรับ ถ้าชาวบ้านเขาอยากจะแบ่งปัน คงไม่ลำบากหรอก แต่กระผมเกรงว่า ..."
พ่อใหญ่ถึกเหลือบตามอง พวงจันทร์ทำหน้าดุใส่
"แหม อย่าเพิ่งคุยเรื่องงานเลยขอรับ พักผ่อนให้สบายใจก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันดีไหมขอรับ"
"จริงสิ พรุ่งนี้ พ่อใหญ่ถึกช่วยพาคุณพี่ กับท่านหลวงไปดูพื้นที่จริงหน่อยเป็นไร" พวงจันทร์บอกกับขุนเพชร "ดีไม๊จ๊ะพี่ขุน เผื่อจะชอบที่แปลงไหน ก็ให้พ่อใหญ่ถึกออกหน้าคุยให้เลย"
"ดีไหมขอรับ ท่านหลวงณรงค์"
"ดีสิ ดีมากเลย รบกวนพ่อใหญ่ถึกด้วยนะ"
พ่อใหญ่ถึกอึดอัด
"ได้ขอรับ"
ชมนาดนิ่งฟังอย่างสนใจ เพลิงมอง
..ชมนาดเมินหน้าเพลิงยิ้มกรุ้มกริ่ม
อ่านต่อหน้า 4
แม่นาก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ชมนาด นั่งนิ่งมองโถใส่น้ำพริกลงเรือ ชมนาดใช้ความคิดแล้วหันไปมองบ่าว
"พรุ่งนี้เอ็งตื่นแต่เช้า เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าอยากจะออกไปเดินเที่ยวเล่นที่ตลาด"
"คุณหนูอยากได้อะไรหรือเจ้าคะ ให้บ่าวไปหามาก็ได้"
"ข้าไม่อยากได้อะไร แต่อยากเห็นว่า คนบางนี้เขาอยู่กินกันอย่างไร เอ็งอย่าถามให้มากความ"
บ่าวก้มหน้ารับคำ ชมนาดนิ่งคิด
"ข้ามาถึงบางพระโขนงทั้งที ข้าต้องเจอพ่อมากให้ได้"
ชมนาดหันไปมองโถน้ำพริกแล้วยิ้ม
ภายในห้อง พวงจันทร์นั่งเช็ดเนื้อเช็ดตัวอยู่บนเตียง ปุกคอยดูแลปรนนิบัติอยู่ ปุกนิ่งมองสุดท้ายทนไม่ไหว
"นายแม่เจ้าขา นายแม่จะไม่ห่วงคุณหนูพิมบ้างหรือไรเจ้าคะ"
พวงจันทร์หน้าเฉย
"แล้วเอ็งจะให้ข้าทำยังไงในเมื่อนังพิมมันแล่นออกจากบ้านไปหาผู้ชายเอง"
"แล้วจะปล่อยไปอย่างนั้นได้หรือเจ้าคะเราไม่ควรจะออกตามหาหรอกหรือ"
พวงจันทร์หันไปมองปุกนิ่ง
"เอ็งมันไม่มีหัวคิด ถ้าขืนเราแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป พิมมันมีแต่จะเสียหาย"
ปุกงง พวงจันทร์ยิ้มร้าย
"ถ้าคุณพี่รู้เข้า นังพิมคงหลังขาดเพราะโดนหวาย ตอนนี้หลวงณรงค์ แม่ชมนาดก็อยู่กันแน่นบ้านแน่นเรือน ถ้ารู้เรื่องนี้ ก็คงลือกันไปถึงพระนคร คิดดูสิ ใครจะเสียหาย"
ปุกอึ้ง "แต่ว่า...."
"ถ้านังพิมกลับมา อย่างดีเราก็จับใส่ตระกร้าล้างน้ำเงียบๆ เรื่องมันก็จบได้ แต่ขืนโหวกเหวกโวยวายจะเสีย มีแต่จะขาดทุน"
ปุกแปลกใจ
"แต่นายแม่ก็รู้นี่เจ้าคะ พ่อเพลิงเธอใช้ให้คุณพิมไป"
"ก็ช่วยไม่ได้ มันดันไม่เชื่อใจพี่ กลัวว่าพี่จะไปทำร้ายไอ้มาก วางแผนท่าโน้นท่านี้ ทีนี้เป็นไงล่ะ ถ้าทำตามง่ายๆ ตรงๆ ป่านนี้พ่อเพลิงก็ฆ่าไอ้มากได้แล้ว หมดเสี้ยนหนาม"
" นี่นายแม่ก็เห็นพ้องด้วยกับพ่อเพลิงหรือเจ้าคะ โธ่แล้วคุณพิมจะทำอย่างไรเล่า"
"เอ๊ะอีนี่ นังพิมมันเป็นลูกข้าเหมือนกัน ทำไมข้าจะไม่ห่วง แต่ยามนี้ ข้าต้องเห็นประโยชน์ของพ่อเพลิงกับคุณพี่เป็นหลัก ข้าจะไม่ให้เรื่องของมันมาทำให้เสียการใหญ่หรอก"
พวงจันทร์ทิ้งผ้าลงหน้าปุกแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง
"พรุ่งนี้ พอฟ้าสาง ถ้าเอ็งเป็นห่วง เอ็งก็ไปตามหานังพิมได้ ข้าอนุญาต แต่อย่าให้เป็นเอิกเกริกก็แล้วกัน ถ้าเรื่องนี้ถึงหูคุณพี่เอ็งหลังลายแน่ อีปุก"
พวงจันทร์หน้าเฉย ปุกก้มหน้าเศร้า
"เจ้าค่ะ นายแม่" ปุกพึมพำ "คุณพิมของบ่าว ไม่น่าเลย"
พวงจันทร์เหลียวมามองปุก แล้วเมินหน้า
ในศาลาตอนกลางคืน พระประธานดูสงบเยือกเย็น หลวงพ่อนั่งสมาธิแล้วลืมตาขึ้นมองเห็น มาก นั่งสมาธิอยู่พร้อม ทุ้ย เค้ง โพล้ง มากยุกยิกไม่สงบ เกิดมโนภาพในความคิด
มากเดินใส่ชุดขาว เดินตามเสียงเรียกของแม่นากไป
"นากนากอยู่ที่ไหน"
ยอดต้นตะเคียนคู่ ไหวเกรียว มากหันขวับมาดู เห็นหลุมศพแม่นาก
"แม่นาก!"
มากลืมตาขึ้นหอบหายใจแรง
"เป็นอย่างไร ไอ้มาก เห็นอะไรหรือ"
"ข้าเห็น..เห็นหลุมฝังศพแม่นากขอรับหลวงตา ได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่เห็นตัว"
หลวงตายิ้มเมตตา
"มันคือภาพหลอน เพราะจิตเอ็งยังไม่สงบนิ่ง ตั้งใจใหม่นะ เมื่อไหร่นึก เมื่อไหร่คิดถึง ย้ายกลับมาพิจารณาที่ลมหายใจของเรา ความพยายามความอดทน จะนำพาเอ็งให้ข้ามผ่านเรื่องนี้ไปได้ ใครก็ช่วยไม่ได้ นอกเสียจากตัวเอ็งไอ้มากเอ๋ย"
มากนิ่งคิด
"ข้าต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ได้ เพื่อแม่นากจะได้สงบสุข"
มากหลับตาลงอีกครั้ง นั่งนิ่ง สมาธิลงลึก .เกิดเป็นเส้นใยเหมือนแสงสีเงินสว่างออกมาจากร่างมาก ค่อยๆม้วนตัวปลิวออกไป
หลุมฝังศพแม่นาก ยอดตะเคียน ไหวสั่นด้วยแรงลม
แสงสว่างสีเงิน ค่อยๆพัดตัวลงมาปกคลุมที่หลุมศพ
เฉลวที่ปักไว้ สั่นไหว แต่ยังไม่หลุดออก
ป้าเงินนั่งกราบพระอยู่
.....จำปีกับลำจวนนั่งกิน มะดันจิ้มกะปิ จำปีนั่งเฉาะมะพร้าวอ่อน
ป้าเงินหันกลับมามองแล้วส่ายหน้า
"ดึกป่านนี้ยังกินอะไรก็ไม่รู้ ไม่กลัวเสาะท้องบ้างหรือไง"
"จำปีมันชวนกินเป็นเพื่อนน่ะป้า ฉันน่ะไม่เท่าไหร่หรอก"
"กินแต่ของเปรี้ยว ท้องหรือไงวะ"
"แหม ท้องก็ดีสิป้า แต่อย่างฉันเนี่ยจะออกลูกเป็นคนหรือออกเป็นไข่ดี" ลำจวนบอก
"นังนี่ ไม่มีสะทกสะท้านเลย ข้าด่านะไม่ได้ชม"
ป้าเงินหันไปทางจำปี ที่กำลังจะยกน้ำมะพร้าวขึ้นซด
"นังจำปี ไหนเอ็งบอกว่าครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ทับระดู กินน้ำมะพร้าวนี่เอ็งอยากตายหรือ"
จำปีชะงัก
"ถึงตายเลยหรือจ๊ะป้า"
"เอ็งอยากลองก็เอาสิ"
จำปีขยาด มะพร้าวตกจากมือทันทีไปบนพื้น
มั่นส่งมะพร้าวให้พิมกิน พิมรับมาแล้วมอง
"นี่ฉันจะต้องเดินอีกไกลแค่ไหน"
"จะว่าไกลก็ไกล"
พิมจ้องหน้ามั่น มั่นเมินหน้า พิมทุ่มมะพร้าวใส่มั่น มั่นสะดุ้งเฮือก
"จะบ้าหรือ นี่ข้านะไม่ใช่หมานึกจะทุ่มอะไรใส่ก็ทำ"
"นี่เอ็งหลอกข้าใช่มั๊ย ไอ้มั่น"
มั่นทำไม่รู้ไม่ชี้
"หลอกอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง"
"เอ็งหลอกว่าจะพาข้าไปหาพี่มาก แต่มันไม่จริงใช่มั๊ย"
มั่นนิ่ง หันไปมองหน้าพิม ทั้งสองคนจ้องตากัน พิมกรี๊ด โผเข้าทุบมั่น มั่นตกใจผลักพิมกระเด็นไป
"พอเลย คิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดจะทุบจะตีใครก็ทำงั้นหรือ"
"ไอ้คนเลว ไอ้คนหลอกลวง"
"จะด่าก็ด่าไป ด่าให้พอ แต่ยังไง แม่ก็ต้องอยู่กับข้าอีกนาน จนกว่า"
"จนกว่าอะไร"
"ข้าจะพอใจ"
พิมหน้าแค้น พอลุกขึ้นได้ พิมวิ่งหนีทันที
"จะไปไหน ป่ารกแบบนี้"
มั่นวิ่งตามพิมไป
พิมวิ่งหนีสุดชีวิตไปตามทาง พิมหยุดมองซ้ายมองขวา
"ไปทางไหนดีล่ะเนี่ย"
พิมตัดสินใจวิ่งหนีเข้าไปซ่อนในพงหญ้า
มั่นวิ่งตามมามองหา
"จะหนีไปไหน แถวนี้ เห่าไฟ จงอางมันชุมนัก ระวังหน่อยนะ"
พิมชะงัก มองซ้ายมองขวาวิตก เริ่มระแวงมั่นเดินมองหา ปากก็ขู่
"ถ้าเจอบึ้งพิษ หรือแมงป่องก็โชคดีไป อย่างดีแค่โดนต่อยหน้าบวม แต่ถ้าโชคร้ายแพ้พิษมัน แผลก็แค่เน่าเฟะ ระวังอย่าให้มันกัดโดนหน้าก็แล้วกัน"
พิมหันหลังจะหนี พิมกรี๊ดเห็น แมงมุมยักษ์หรือบึ้งชักใยอยู่ตรงหน้าพิมวิ่งไม่คิดชีวิต
มั่นเห็นพิมวิ่งออกจากที่ซ่อน มั่นรีบวิ่งตามไป
ในเรือนพ่อใหญ่ถึกเวลากลางคืนต่อเนื่องเพลิงยืนหน้าหงิก ไม่พอใจ ปุกยืนร้องไห้กระซิกๆ
"พ่อเพลิงเจ้าขา จะไม่ออกตามหาคุณพิมดอกหรือเจ้าคะ"
"เบาๆหน่อย จะให้คนรู้ทั้งพระโขนงหรือไง ว่าพิมมันหนีตามผู้ชายไป"
"ตายจริง ทำไมถึงได้พูดถึงน้องแบบนั้นล่ะเจ้าคะ"
"หรือว่ามันไม่จริง ฉันแค่ใช้ให้มันนัดไอ้มากออกมา แต่มันดันทำเรื่องมาก ทุกอย่างต้องเป็นเรื่องลับ แล้วยังไง ทีนี้หนีตามไอ้มากไปซะแบบนั้น"
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ คุณหนูพิมไม่มีทางจะหนีตามผู้ชายคนไหนไปทั้งนั้น"
"ของอย่างนี้มันเชื่อได้หรือ อายุก็มากแล้ว ยังไม่มีผู้ชายหน้าไหนมาแล เพราะมันทำตัวมันเองนั่นแหละ ก๋ากั่นซะเหลือเกิน ไปให้พ้นไป๊ อย่ามารำพันแบบนิ้รำคาญ ไปสิ"
"พ่อเพลิงใจร้าย ไม่เป็นห่วงน้องบ้างหรือไรเจ้าคะ"
"ไม่ห่วงใครทั้งนั้นแหละ ไสหัวไปไป๊นังปุก อ้อ แล้วอย่าแหกปากไปฟ้องพ่อข้าล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือน"
เพลิงจ้องหน้าปุกขู่ แล้วไป ปุกนั่งกอดเข่า
"โธ่คุณพิมของปุก ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้"
ปุกนั่งกอดเข่าร้องไห้กระซิกๆ
พิมวิ่งหนีมั่นไปสะดุด กิ่งไม้ล้มลง
มั่นวิ่งตามมาทัน
"จะหนีไปไหน ยังไงข้าก็จับแม่ได้อยู่ดี"
"ไอ้มั่น เอ็งเข้ามาข้าจะฆ่าเอ็งด้วยมือข้าเอง"
มั่นยิ้มเยาะ
"ดุจริงๆนะ จะฆ่าคนด้วยก้อนหินเนี่ยนะ อย่างน้อยมันควรจะต้องเป็นมีด แบบนี้"
มั่นหยิบมีดออกมา ประกายคมมีด คมมาก พิมมองหวาดเสียว
"ข้าไม่กลัวเอ็งหรอก"
พิมขว้างก้อนหินอย่างแรง มั่นไม่ทันหลบ หัวแตกเลือดซึม พิมตะลึง
"ข้า..ไม่ได้ตั้งใจ"
"ฤทธิ์มากจริงนะเรา ดูซิว่าจะเก่งได้แค่ไหน"
มั่นเดินย่างเข้ามาหาพิมพิมกรีดร้อง
"อย่าเข้ามานะ"
มั่นกระโดดเข้ามาจับตัวพิมตกใจ ทั้งเตะทั้งข่วน
.....มั่นโมโหจับมือพิมไว้ มั่นก้มหน้าลงมาใกล้พิม เหมือนจะจูบ ทั้งคู่กลิ้งล้มลงไปด้วยกัน
"บอกว่าให้อยู่เฉยๆ อย่าโวยวาย"
"เอ็งจะทำอะไรข้า อย่านะ"
พิมกับมั่นจ้องตากันในระยะประชิด .มั่นก้มลงมาใกล้ๆ พิมหลับตา กลัวสุดขีด
อ่านต่อตอนที่ 12