xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงนรี ตอนที่ 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เพลิงนรี ตอนที่ 7

มันเป็นงานหมั้นเล็กๆ ไม่ได้เอิกเกริกนัก แต่ถูกจัดขึ้นอย่างงดงามถูกต้องตามประเพณี ในโถงอันโอ่อ่าของคฤหาสน์บูรพเกียรติเวลานี้ มีแขกผู้ใหญ่มาร่วมงานเป็นสักขีพยาน และร่วมยินดีหลายคน ทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสสีหน้าเบิกบานใจ โดยเฉพาะกรนันท์ยิ้มแก้มแทบแตกตลอดเวลา จะมีก็เพียงธีภพคนเดียวกระมั่งที่เงียบขรึมนิ่งขึงตลอดเวลา เพราะถูกมัดมือชกให้หมั้น

วิวรรณนั่งหน้าเปื้อนยิ้มอยู่กับผู้ใหญ่ฝ่ายธีภพที่มาเป็นตัวแทนธเนศ ต้องคอยส่งสายตากึ่งบังคับกึ่งขอร้องให้ลูกชายสวมแหวน ธีภพจำใจสวมแหวนให้กรนันท์ แสงแฟลชสว่างวาบไม่หยุดจากบรรดานักข่าวสายไฮโซและเศรษฐกิจที่มาถ่ายรูปในงาน 3-4 คน

ฝ่ายพริริสานั่งอยู่ที่เตียงมองดูตุ๊กตาแกะที่ธีภพเคยให้ มองดูมันด้วยความรู้สึกเศร้าซึม และขัดเคืองใจไปพร้อมๆ กัน ที่รู้ว่าธีภพกำลังอยู่ในพิธีหมั้นกับกรนันท์
“ถ้าตอนนี้เราสามารถทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ปล่อยใจให้ว่าง แล้วถามตัวเองว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง สำหรับผมรู้สึกเหมือนหัวใจหายไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน”
พริริสานิ่งนึกถึงคำพูดธีภพตอนอยู่ด้วยกันสองต่อสองบนหุบเขาในไทรจีส
“หัวใจคุณหายไปที่อยู่ที่คุณเกรซสินะ”
พริริสาเผลอขยำตุ๊กตาแกะ ระบายอารมณ์ ก่อนจะนึกได้กลัวตุ๊กตาจะขาด รีบลูบขนตุ๊กตาใหม่ไม่ให้ยุ่งเหยิงอย่างคนสับสนในใจ

ธีภพและกรนันท์ไปไหว้ขอบคุณแขกผู้ใหญ่ที่มาร่วมงานพร้อมกานดาและวิวรรณ ส่วนจินตนา คณิน และดร.กฤษ นั่งคุยกับแขกคนอื่นอยู่ใกล้ๆ นักข่าวเข้ามาขอถ่ายรูปคู่ธีภพและกรนันท์
“ขอรูปคู่หน่อยนะครับ” นักข่าว 1 บอก
กรนันท์ควงแขนธีภพยิ้มกว้างให้ถ่ายรูป ในขณะที่ธีภพมีสีหน้าเรียบเฉย
“คุณเกรซกับคุณภพหมั้นแบบนี้ เพื่อกลบข่าวเรื่องบริษัทบูรพเกียรติมีปัญหา ใกล้ล้มละลายหรือเปล่าครับ” นักข่าว 2 ยิงคำถาม
กานดาเป็นคนตอบว่า “ไม่เกี่ยวกันหรอกค่ะ ถ้าจะกลบข่าวเราคงไม่จัดงานเล็กๆ แค่คนในครอบครัวหรอกค่ะ อีกอย่างบริษัทบูรพเกียรติกำลังจะมีผู้ร่วมทุนใหม่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรใหญ่โตอย่างที่เป็นข่าวสักนิด”
นักข่าว1 ซัก “แล้วเรื่องผู้ร่วมทุน...”
แต่ถูกกรนันท์ขัดขึ้นว่า “วันนี้วันมงคลจะถามเรื่องงานทำไมคะ ถามเรื่องเราสองคนดีกว่า จริงไหมคะพี่ภพ”
ธีภพอึดอัดและอัดอั้นจนเริ่มทนไม่ไหว ไม่อยากอยู่ในงานนี้แล้ว
“ขอตัวก่อนนะครับ”
ธีภพปลดมือกรนันท์ออกจากแขนตน เดินเลี่ยงออกมา กรนันท์ชักสีหน้าไม่พอใจที่ธีภพทำตัวเหมือนคนเบื่อโลกในงานหมั้น
กานดารีบปลอบ “พี่เขาคงจะเหนื่อยน่ะลูก จริงไหมคะคุณวิ”
“ใช่จ้ะ เดี๋ยวป้าไปดูเอง”
วิวรรณเดินตามธีภพไป จินตนามองอยู่รีบเดินเข้ามาถามกานดา
“มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณแม่”
คณินเห็นวิวรรณเดินตามธีภพออกไป จึงเดินตามไปอีกคน

วิวรรณเดินตามธีภพออกมาหน้าคฤหาสน์
“ภพจะไปไหน”
“ผมว่าเราควรจะไปโรงพยาบาลได้แล้วนะครับ”
“รอให้แขกผู้ใหญ่กลับกันก่อนสิลูก”
“งั้นผมไปเปลี่ยนชุดเลยนะครับ”
“ลูกอย่าทำเหมือนไม่เต็มใจได้ไหม” วิวรรณตัดพ้อ
“ผมว่าคุณแม่ก็น่าจะรู้นะครับว่าผมรู้สึกยังไง”
คณินเดินเข้ามาได้ยินพอดี รู้ทันทีว่าธีภพถูกบังคับให้หมั้นกับกรนันท์ ใจหนึ่งก็โกรธแทนลูกสาว ถามธีภพขึ้นว่า
“แล้วเธอรู้สึกยังไงล่ะกับงานหมั้นวันนี้ ถ้าเธอไม่เต็มใจหรือมีปัญหาอะไรก็พูดมาได้เลย”
วิวรรณและธีภพเห็นคณินก็พากันนิ่งงันไป
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณคณิน ตาภพคงเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อเช้า ก็เลยบ่นไปเรื่อยเปื่อย”
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณวิว่าผมก็โล่งใจ เพราะผมคงไม่ยอมให้ใครเห็นการหมั้นหมายกับลูกสาวผมเป็นเรื่องเล่นขายของ”
น้ำเสียงคณินเข้มงวดไม่พอใจมาก ธีภพอยากอธิบาย แต่ไม่อยากทำให้วิวรรณต้องมีปัญหาจึงได้แต่ถอนใจ

หลังงานแขกเหรื่อกลับไปหมดแล้ว กรนันท์ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างเบื่อหน่าย
“ดูพี่ภพไม่ดีใจที่ได้หมั้นกับเกรซเลย”
กฤษก็พอจะมองออก จึงพูดออกไปตรงๆเพื่อสะกิดคนอื่นๆบ้าง
“นั่นสิ ตกลงภพเขาถูกบังคับมาใช่ไหม”
กรนันท์ไม่พอใจที่ถูกตอกย้ำ “คุณปู่”
จินตนารีบพูดแทรก โดยไม่ใส่ใจ
“จะถูกบังคับหรือเต็มใจ ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญหรอกคุณ” พร้อมกับจับมือหลานที่สวมแหวนมาโชว์ “ยังไงแหวนหมั้นก็สวมอยู่ที่นิ้วของยัยเกรซแล้ว” คุณหญิงจ๊ะจ๋ากับกรนันท์ “ในงานมีผู้หลักผู้ใหญ่ มีนักข่าว พรุ่งนี้สังคมก็จะรับรู้โดยทั่วกันว่าหลานย่าคือคู่หมั้นของธีภพ”
กานดาเสริมว่า “จริงอย่างที่คุณย่าพูดทุกอย่าง หนูควรจะยิ้มเข้าไว้นะลูก เพราะหมั้นกันแล้วอีกไม่นานงานแต่งก็ต้องตามมา”
กฤษทักท้วงเหน็บแนม “วันนี้เพิ่งจะมีงานหมั้น คิดไปถึงเรื่องงานแต่งแล้วเหรอกานดา ไหนว่าหมั้นกันไปก่อนไม่ใช่เหรอ”
“มีงานหมั้นแล้วก็ต้องมีงานแต่ง ก็ถูกแล้วนี่คะคุณพ่อ ยิ่งสมัยนี้คนรุ่นใหม่ใจร้อนกันจะตายไป เราช่วยเขาคิดเตรียมงานไว้แต่เนิ่นๆ ถึงเวลาจริงๆ จะได้ไม่ฉุกละหุกไงคะ”
กรนันท์ยิ้มกว้างคล้อยตามแม่และย่า ฝันหวานไปไกล
“งั้นตอนงานแต่งเกรซขอจัดแบบใหญ่ๆเลยนะคะ ไม่เอาเล็กๆ แบบงานหมั้นวันนี้นะคะ”
“ได้เลย หลานย่าแต่งงานทั้งที่ จะต้องจัดให้ใหญ่โตสมกับที่เป็นทายาทคนเดียวของบูรพเกียรติ เอาให้เป็น ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เลย”
กฤษฟังแล้ว ได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ

ธเนศติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายเสร็จ แต่งตัวเตรียมจะกลับบ้าน พอรู้ว่าลูกชายเพิ่งถูกจับหมั้นมา ก็ได้แต่มองอย่างเห็นใจ
“ก็คิดไว้แล้วว่าแม่เราเขาต้องแอบทำอะไรอยู่แน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเอาพ่อไปอ้างบังคับเราให้หมั้นกับหนูเกรซสายฟ้าแลบขนาดนี้”
“คุณพ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้อยากหมั้น ผมไม่ได้คิดอะไรกับเกรซมากกว่าน้องสาวเลย”
“เอาน่าไหนๆ ก็หมั้นไปแล้วนี่”
ธีภพฮึดฮัดขัดใจ “คุณพ่อ”
ธเนศยิ้มเผล่ เหล่มองลูกชาย “ท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจแบบนี้แสดงว่ามีคนที่เรารักชอบเค้าอยู่แล้วใช่หรือเปล่า”
ธีภพอึกอักไม่ตอบ ธเนศยิ้มอย่างรู้ทัน
“ไม่ตอบแสดงว่ามี ท่าทางจะเป็นคนที่แม่เขาไม่ชอบใช่ไหม เขาถึงได้รีบเร่งจับเราหมั้นขนาดนี้”
“แต่มันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกเลยนะครับ”
“นั่นสิ”
ธเนศพบว่าตัวเองติดกระดุมเสื้อผิดจึงแกะออกติดใหม่ พลางพูดไปด้วย
“จะว่าไปความรักก็เหมือนการติดกระดุมนี่ล่ะ ถ้าลองได้จับติดผิดตั้งแต่เม็ดแรก มันก็จะผิดไปหมด แต่ถึงจะติดผิดขึ้นมาจริงๆ มันก็แกะออก ติดใหม่ได้”
ธเนศเดินจับบ่าธีภพให้กำลังใจลูกชาย
“นี่แค่หมั้น ยังไงก็ยังมีเวลาแก้ไขได้ อย่าเพิ่งกลุ้มใจไปเลยไอ้ลูกชาย”
ธีภพได้แต่ทอดถอนใจ จะแก้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

ส่วนเหตุการณ์ที่ไทรจีส กลายเป็นว่าไคซัจต้องคอยล้างแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลที่ถูกยิงตรงต้นแขนให้คามิน ทั้งคู่อยู่ในห้องทำงานและห้องหนังสือภายในวัง
“เจ้าชายควรไปโรงพยาบาลให้เขาล้างแผล ดีกว่าให้กระหม่อมเป็นคนทำ” องครักษ์หนุ่มถอนใจ“กระหม่อมไม่ใช่หมอ ไม่ใช่พยาบาล กลัวจะทำแผลติดเชื้อไปกันใหญ่”
“นับวันนายจะขี้บ่นขึ้นทุกทีนะไคซัจ”
ไคซัจส่ายหน้า “บ่นเพราะเป็นห่วงหรอกพะยะค่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูท่านพ่อ ไปโรงพยาบาลติดๆ กัน คงไม่แคล้วถูกจับได้สักวัน”
ราอิลเปิดประตูห้องเข้ามา
“แล้วคิดว่าทำแบบนี้พ่อจะไม่รู้หรือไง”
คามินและไคซัจพากันตกใจ
“ท่านพ่อ”
ราอิลมองตำหนิ “หรือคิดว่าโตแล้ว จัดการทุกอย่างเองได้โดยไม่ต้องบอกพ่อ แม้แต่เรื่องสำคัญแบบนี้คามิน”
คามินหน้าเสีย

ราอิลหน้าเครียดอยู่กับคามินและไคซัจที่ห้องหนังสือ หลังฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ลูกควรบอกพ่อตั้งแต่มีการลอบยิงวันนั้น”
“ลูกก็แค่อยากให้แน่ใจก่อน”
“ถ้าเกิดมีใครเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
คามินตระหนักว่าบิดากำลังโกรธจึงไม่เถียงอีก
“เป็นความผิดกระหม่อมเองที่ไม่ได้รายงาน”
“ไม่ต้องออกรับแทนคามินหรอกไคซัจ ต่อไปถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ลูกต้องบอกพ่อนะคามิน อย่าให้พ่อต้องรู้จากหมอ ในตอนที่ลูกบาดเจ็บแบบนี้”
“ครับ”
ราอิลหน้าเครียด “รู้ไหม ตอนนี้มีข่าวจากนายพลพอล ว่าพบการลักลอบขนอาวุธสงครามเข้ามาอีก แต่คราวนี้เราจับพวกมันไม่ได้”
“พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวหนักขึ้น”
“ใช่ ดังนั้นเราต้องตามพวกมันให้ทัน เรื่องธุรกิจของลูกกับริสาพ่ออยากรีบจัดการให้เร็วที่สุด”
คามินและไคซัจต่างพากันไม่สบายใจกับข่าวที่ได้ยิน

ความเคลื่อนไหวที่ว่าเกิดขึ้น ณ บริเวณท่าเรือไทรจีส ค่ำคืนนั้น
อาซิสยืนคุมทหารกบฏลำเลียงลังอาวุธสงครามลงจากรถบรรทุกที่จอดอยู่ ไปเก็บในโกดังด้านในราห์มานเข้ามาตรวจดูอาวุธสงคราม อาซิสเข้ามารายงาน
“คราวนี้เรานำของมาได้ครบหมดครับ พวกทหารฝั่งนั้นมันติดกับ ไปดักรอรถขนสินค้าที่เราเตรียมไว้อีกด้านแทน”
ราห์มานยิ้มเยาะ “พวกโง่ในที่สุดมันก็โดนเราหลอกจนได้ ป่านนี้พวกมันคงจับได้แค่ผักหญ้าเต็มคันรถ ขนอาวุธพวกนี้ไปเก็บให้เรียบร้อย บอกพวกด้านนอกให้เฝ้าเวรยามให้ดีด้วย”
อาซิสรับเอาคำสั่ง “ครับ”
ราห์มานมองดูการลำเลียงอาวุธไปเก็บอย่างพอใจ

กรุงเทพฯ ยามเช้า
ผู้คนในตึกคอนโดเดินเข้าออกที่พักตามปกติ มิราหลบมุมชะโงกหน้ามองไปรอบๆ เพื่อดูต้นทางว่าอธิรุธแอบตามมาดักรอตนอีกหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นอธิรุธที่ก็ออกมาไปชะเง้อมองผ่านกระจกว่าด้านนอกมีใครแอบสุ่มอยู่อีกไหม
พริริสาสีหน้าเบื่อหน่ายชีวิตเดินมาที่ด้านหลังมิรา เตรียมจะไปทำงานตามปกติ
“ออกมาทำไมริสา ฉันยังดูไม่ทั่วเลย”
“ไม่มีใครหรอก ฉันดูแล้ว มองไปไม่เห็นใครน่าสงสัยสักคน ยิ่งผู้กองอธิรุธ คงไม่ซ่อนอยู่ตามซอกหลืบที่เรามองไม่เห็นหรอก”
“ตาผู้กองนั่นเจ้าเล่ห์จะตาย อย่าเพิ่งออกไปนะ ฉันไปเคลียร์ด้านนอกก่อน”
มิราจะออกไปดูด้านนอก แต่พริริสาดึงแขนไว้
“อีกไม่นานแผนของเราก็จะสำเร็จ ตอนนี้ใครอยากจับผิดอะไรก็ปล่อยเขาไปเถอะ”
พริริสาเดินออกไปจากตึกอย่างอย่างไม่แคร์อีกแล้วหากอธิรุธจะมาเห็น
“แล้วกัน”
มิราได้แต่มองตามอย่างเห็นห่วง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มิรารับสายเบอร์ไม่รู้จักอย่างแปลกใจ
“ผู้กองอธิรุธ” มิราเสียงแข็งใส่ทันที “โทร.มาทำไม”

ในออฟฟิศบูรพเกียรติ พนักงานจับกลุ่มเม้าท์มอยกันเซ็งแซ่ เปิดหนังสือพิมพ์หน้าสังคม บ้างดูข่าวจากเน็ตทางมือถือ เรื่องข่าวงานหมั้นระหว่างกรนันท์และธีภพ โรซี่ ชนิตา บุษกรเป็นอีกกลุ่มที่ดูข่าวงานหมั้นนี้เหมือนกัน
“ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะ คุณภพกลับจากไทรจีสปุ๊บก็หมั้นปั๊บเลย”
“เขาเรียกหมั้นสายฟ้าแลบไงล่ะ ปิดข่าวเงียบมาก เงียบขนาดคนใกล้ตัวคุณภพสุดๆ ยังไม่รู้”
“แต่ฉันกับยัยโรซี่ก็ยังไปรู้มาจนได้” ชนิตาว่า
บุษกรพูดพาซื่อ “แบบนี้นี่เองที่เขาเรียกสอดรู้สอดเห็น”
โรซี่วี้ด “ว้าย! เดี๋ยวตีปากแตกเลย บังเอิญย่ะ บังเอิญไม่ได้ไปอยากสอดรู้เลย มันมาเข้าหูเอง”
ชนิตาเบ้ปาก ยักไหล่แคปหน้าจอมือถือ ก่อนหันไปบอกคนอื่นๆ
“นี่พวกเธอ หนังสือพิมพ์ฉบับไหนลงข่าวงานหมั้นคุณเกรซเก็บไว้ให้ฉันด้วยนะยะ ข่าวในเว็บก็เซฟให้ด้วย คุณหญิงจินตนาสั่งมาให้เก็บทุกสื่อ พร้อมติดบอร์ดประกาศ ให้ทั่วตึกเจ็ดวันเจ็ดคืนจ้า” ชนิตาบอก
โรซี่หมั่นไส้ “ไม่เอาป้ายจองแล้วแขวนคอคุณภพ แห่รอบกทม.เลยล่ะ จะได้รู้กันถ้วนทั่ว”
“พูดอย่างกับคุณภพเป็นแมวจะได้จับไปแห่ขอฝน” บุษกรว่า
“ก็ทำซะขนาดนี้ อย่างกับกลัวใครจะมาแย่งคู่หมั้นหลานสาวตัวเองงั้นแหละ”
พริริสาเดินเข้ามาทันได้ยินที่โรซี่พูด ยิ่งตอกย้ำว่าธีภพเป็นคู่หมั้นกรนันท์ไปแล้ว ทำให้พริริสาอดเศร้าใจไม่ได้ แต่พยายามไม่แสดงออก
โรซี่เห็นพริริสามาก็รีบปิดปาก บุษกรไม่รู้เรื่องรีบตรงไปหาเอาข่าวในมือถือไปให้พริริสาดู
“ริสาเห็นข่าวคุณภพหมั้นกับคุณเกรซหรือยัง”
พริริสาฝืนยิ้ม “ฉันรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
โรซี่และชนิตารีบเข้าไปดึงบุษกรออกมาโรซี่กระซิบตำหนิว่า
“เสนอหน้าไม่ดูกาลเทศะเลยนะยะยัยบัว”
บุษกรนึกได้ “ริสา ฉันขอโทษนะ”
“ฉันไปทำงานก่อนนะ”
“จ้ะ”
พริริสาเดินไปทันที ไม่อยากแสดงความรู้สึกในใจให้ใครเห็น
ชนิตาตำหนิบุษกรอีก “จะไปตอกย้ำริสาทำไม ก็รู้ๆกันอยู่”
“ก็ฉันลืมไปนี่นา”
บุษกรจ๋อย ถูกโรซี่และชนิตารุมตำหนิ

เมื่อพริริสาเข้ามาในห้องทำงานธีภพก็ต้องชะงัก เพราะเห็นกรนันท์มานั่งที่โต๊ะทำงานของธีภพ เหมือนมารอตนอยู่แล้ว กรนันท์ยิ้มให้ ทำทีจับหมุนแหวนหมั้นที่นิ้วอย่างตั้งใจมารอเยาะเย้ยเต็มที่
“มาทำงานแต่เช้าเลยนะริสา”
“ฉันก็มาทำงานเวลานี้ตามปกติอยู่แล้ว”
“ลืมไป ว่าเธอเป็นแค่ลูกจ้างบริษัท ก็ต้องกระตือรือร้นรีบมาทำงานหน่อย ไม่อย่างงั้นจะดูไม่มีความรับผิดชอบ”
“แล้วคุณล่ะคะมาแต่เช้าทำไม ไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ”
กรนันท์คุมแค้นขบกรามแน่น “ฉันก็มารอคู่หมั้นฉันไง ถ้าเธอไม่ได้อาศัยอยู่หลังเขา หรือใต้บาดาล ก็น่าจะรู้ข่าวแล้วนะ”
พริริสารู้เจตนา ฝืนยิ้มให้ “ทราบแล้วค่ะ ยินดีด้วยนะคะ”
“เสียดายที่เธอไม่ได้มาช่วยยกน้ำ เสิร์ฟอาหารในงานหมั้นของฉันกับพี่ภพ เอางี้สิ เธอจัดการพวกงานแบบนี้เก่ง ไว้งานแต่งฉันจะบอกพี่ภพให้เธอมาช่วยอีกแรง ดีไหม พวกงานรับใช้แบบนี้เธอถนัดนักไม่ใช่เหรอ”
“ฉันยินดีค่ะ ถ้ามีวันนั้นจริงๆ นะคะ”
กรนันท์โมโหที่ถูกจี้ใจดำ “แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง จะบอกว่าฉันจะไม่ได้แต่งงานกับพี่ภพใช่ไหม”
พริริสาไม่ตอบ ยิ้มกวนประสาทกลับไปให้แทน กรนันท์ความอดทนต่ำเงื้อมือจะเข้าไปตบ ถูกพริริสาจับมือรั้งเอาไว้
“อย่าลืมนะคะว่าคุณไม่ได้มีมือคนเดียว” พริริสาเค้นคำบอก
กรนันท์นึกได้ว่าเคยโดนพริริสาตบกลับมาแล้ว จึงสะบัดมือออก
ธีภพเดินเข้ามาเห็นสอสาวก็รู้ว่าต้องมีเรื่องกันแน่ๆ
“เกรซ มาหาพี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
กรนันท์พยายามเก็บความโกรธเอาไว้ เห็นแก่ที่เพิ่งมีงานหมั้นหมายไปเมื่อวานรีบเอาใจธีภพ
“เห็นคุณป้าบอกว่าพี่ภพต้องรีบออกมาทำงาน ไม่มีเวลาทานอาหารเช้าที่บ้าน เกรซเลยเตรียมอาหารเช้ามาให้พี่ภพน่ะค่ะ”
กรนันท์รีบเดินไปหยิบกล่องอาหารบนโต๊ะธีภพยื่นให้พริริสา “เอาไปจัดใส่จานมาสิ”
ธีภพยื่นมือไปรับกล่องอาหารมาแทน แล้ววางกลับที่โต๊ะ ตัดบทว่า
“พอดีพี่กับริสาต้องไปคุยกับอาคณินเรื่องที่ไทรจีส ไว้คุยเสร็จแล้ว พี่จะกลับมากกิน เกรซรอพี่ที่ห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่มา” เขาหันไปทางริสา “ไปริสา”
พริริสาทำหน้างวยงง เพราะธีภพไม่เคยบอกว่าจะต้องไปคุยงานกับคณินจนธีภพต้องย้ำ
“ไปสิ”
พริริสารีบเดินตามธีภพออกไป กรนันท์ได้แต่ยืนฮึดฮัด

พริริสาเดินหน้าบูดตามออกมา ธีภพหันมาอยากอธิบาย
“เรื่องเมื่อวาน...”
พริริสาแดกดันรับอรุณไปว่า “งานหมั้นคุณกับคุณเกรซน่ะเหรอคะ ยินดีด้วยนะคะ ตอนนี้คุณคงรู้แล้วว่าหัวใจอีกครึ่งหายไปอยู่ที่ใคร”
พร้อมกับว่าเจ้าหล่อนพยายามฝืนยิ้มให้ ทั้งที่รู้สึกเกลียดความหวั่นไหวในใจตัวเองที่มีต่อธีภพ
“ริสา เรื่องนี้ผมอยากจะอธิบาย”
พริริสาตัดบทด้วยน้ำเสียงตัดรอน “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณอยากจะปิดเรื่องงานหมั้นไว้เซอร์ไพร้ส์ใครต่อใคร มันก็เป็นสิทธ์ของคุณอยู่แล้ว จะมาอธิบายให้เสียเวลาทำไม”
“ผมไม่ได้ปิด แต่ผม...”
ศจีเดินเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“ริสา อยู่ตรงนี้กันพอดีเลย”
ศจีลอบสังเกตว่าทั้งคู่เหมือนกำลังมีปากเสียงกันอยู่
“ท่านประธานอยากพบริสาน่ะค่ะ”
“ผมก็กำลังจะไปหาคุณอาอยู่พอดี”
ศจีกระอึกกระอัก “แต่ท่านประธานอยากคุยกับริสาคนเดียวก่อนค่ะ คงจะคุยกับคุณภพอีกทีมั้งคะ”
ธีภพคิดว่าคณินคงยังไม่พอใจตนเรื่องเมื่อวาน จึงบอกกับพริริสาไปว่า
“งั้นคุณก็ไปเถอะ”
สองสาวเดินออกไปด้วยกัน

ศจีกับพริริสาเดินมาตามทาง เห็นพ้นจากหน้าธีภพมาแล้ว จึงรีบกระซิบถาม
“ริสา รู้เรื่องเมื่อวานหรือยัง”
“เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงาน ริสาไม่สนใจหรอกค่ะ”
พริริสาทำหน้านิ่งทั้งที่โดนจี้ใจดำจนเดือดปุดๆ เดินไปเรื่อยๆ ศจีหน้าเจื่อนเหมือนโดนตำหนิอ้อมๆ

คณินนั่งรอพริริสาอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง จนได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญ” เห็นพริริสาเปิดประตูเข้ามา “นั่งสิ”
พริริสาเดินมาลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ
“พี่ศจีบอกว่าท่านประธานอยากคุยกับดิฉัน”
“ใช่ ฉันอยากฟังรายละเอียดเรื่องที่เจ้าชายคามินจะลงทุนกับบูรพเกียรติ”
“ความจริงเรื่องนี้คุณภพน่าจะบอกท่านแล้วนะคะ”
“เมื่อวานมัวแต่ยุ่งเรื่องงานหมั้น เลยไม่ได้คุยกันเรื่องที่ไทรจีสสักเท่าไหร่ อีกอย่างฉันอยากฟังจากมุมมองของเธอด้วย”
“มุมมองของดิฉันอาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ค่ะ”
“ฉันมองออกว่าเธอเป็นคนเก่ง เธอน่าจะมีความคิดดีๆที่ช่วยให้บูรพเกียรติผ่านวิกฤตไปได้ เรื่องเจ้าชายคามินเธอมีความเห็นยังไง”
พริริสายิ้มเยาะในสีหน้า “ดิฉันมีความเห็นว่า เราควรทำให้เจ้าชายคามินพอใจกับการมาร่วมลงทุนกับบูรพเกียรติค่ะ เพราะเจ้าชายมีศักยภาพพร้อม ไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคงด้านการเงิน แต่เราจะได้แหล่งเพชรดิบใหม่ด้วย...”
พริริสาอธิบายเรื่องเกี่ยวกับคามินให้ฟัง คณินพยักหน้ารับเอาคำ คิดและเห็นงาม คล้อยตามไปกับพริริสาหมดสิ้น

ศจีนั่งทำงานง่วนอยู่ที่โต๊ะ เงยหน้ามาเห็นกานดาและจินตนาเดินตรงมาทางนี้ ก็ตกใจ รีบลุกพรวดไปรับหน้า
“คุณหญิง คุณกานดา พอดีท่านประธานกำลังคุยงานอยู่น่ะค่ะ”
“คุยอยู่กับใคร” จินตนาถาม
“เอ่อ...”
จินตนาถามเสียงเข้ม “ฉันถามว่าใคร”
ศจีสะดุ้งรีบบอก “ริสาค่ะ”
จินตนาและกานดาชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อ พากันพุ่งตรงไปที่ประตู
“จะมีอะไรอีกไหมเนี่ย”
ศจีทำหน้าสยองไม่รู้จะมีเรื่องอะไรกันอีก

คณินจะเดินไปส่งพริริสาที่ประตู หลังคุยเรื่องเจ้าชายคามินจบลง คณินเชื่อตามนั้น และอดชื่นชมความคิดเห็นของพริริสาไม่ได้
“ขอบใจมากเรื่องข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับเจ้าชายคามิน” คณินจับบ่าพริริสาเบาๆ ท่าทีอ่อนโยน “แล้วก็ขอบใจที่ช่วยงานเรื่องไทรจีสให้กับบูรพเกียรติอย่างเต็มที่ เป็นโชคดีของบริษัทเราที่ได้พนักงานที่ขยันและเก่งอย่างเธอ”
คำชื่นชมจากคณินทำให้พริริสารู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เพราะเธอมาที่นี่เพื่อแก้แค้นและทำลายบูรพเกียติต่างหาก
กานดา และจินตนาเปิดประตูห้องเข้ามา เห็นคณินแสดงท่าทีเอ็นดูพริริสาก็พากันไม่พอใจ แต่ฝืนทำหน้ายิ้มแย้มให้อย่างมีแผนร้าย
“มีพนักงานทั้งขยัน ทั้งเก่งแบบนี้น่าจะให้รางวัลพนักงานดีเด่นแบบริสาบ้าง จริงไหมคะคุณแม่”
“นั่นสิ อุตส่าห์ตั้งใจไปทำงานถึงไทรจีสกับตาภพแค่สองคน ทางเราก็น่าจะตอบแทนอะไรเขาบ้าง”
พริริสารู้ทันว่ากานดาและจินตนาพูดเหมือนหวังดี แต่ประสงค์ร้ายเต็มๆ

พักเที่ยงแล้ว กรนันท์ยกจานใส่อาหารที่เตรียมมาวางที่โต๊ะให้ธีภพอย่างเอาอกเอาใจ ในขณะที่ธีภพกังวลว่าคณินจะคุยอะไรกับพริริสาบ้าง
“เกรซใส่จานมาให้แล้ว ทานหน่อยนะคะพี่ภพ หรือจะให้เกรซป้อนให้ดีไหมคะ”
ธีภพอึดอัดไปกว่านี้ไม่ได้แล้วจึงบอกว่า “จริงๆ พี่ไม่หิวหรอกค่ะเกรซ”
กรนันท์งอน “พี่ภพไม่หิวก็ต้องทานหน่อยนะคะ เกรซอุตส่าห์ทำมาให้พี่ภพโดยเฉพาะเลยนะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น ธีภพเห็นชื่ออธิรุธรีบกดรับสาย
“ไอ้รุธว่าไง ได้ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” กดวางสาย แล้วจึงบอกคู่หมั้นว่า “พอดีพี่มีเรื่องสำคัญต้องไปหาเจ้ารุธก่อน เกรซไม่ต้องรอพี่นะคะ”
ธีภพสบโอกาสปลีกตัวหนีกรนันท์ไปอีกรอบ
“พี่ภพ”
กรนันท์มองจานอาหารที่อุตส่าห์เตรียมมาให้ แต่ธีภพกลับไม่ยอมแตะสักนิด คุณหนูเกรซทั้งโมโหทั้งน้อยใจยกทั้งจานไปโยนทิ้งลงถังขยะอย่างขัดเคืองใจ

รถแล่นมาตามทาง อธิรุธเป็นขับรถ โดยมีธีภพนั่งอยู่ข้างๆ ยอดนักสืบรู้เรื่องเพื่อนถูกจับหมั้นแล้ว
“ฉันพยายามโทร.หานายตั้งแต่เมื่อวาน แต่ติดต่อไม่ได้ ที่แท้เพื่อนก็แอบไปหมั้นมานี่เอง เซอร์ไพร้ส์มาก นายไม่เคยบอกฉันสักคำ”
“ฉันเซอร์ไพร้ส์กว่าที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า โดนจับให้ไปงานหมั้นของตัวเอง”
“ผู้หญิงนี่น่ากลัวจริงๆ”
“ว่าแต่ เรื่องสำคัญที่นายจะบอกฉัน มันเรื่องอะไร”
อธิรุธยักคิ้วให้ธีภพเป็นเชิงยักท่าว่าเรื่องนี้สำคัญมาก.....!

ไม่นานต่อมา รถอธิรุธแล่นมาจอดหน้าตึกคอนโดที่พักของพริริสากับมิรา สองเกลอลงจากรถมายืนดูหน้าอาคารทรงโมเดิร์น ตัวอาคารตลอดจนโลเคชั่นสถานที่ล้วนบ่งบอกว่าห้องพักด้านในราคาแพงลิบลิ่ว
“นี่เหรอที่พักของผู้หญิงที่ชื่อมิรา”
“ใช่ แต่ฉันยังไม่แน่ใจว่าเขาพักอยู่กับคุณริสาหรือเปล่านะ ฉันพานายมาดูก่อน เผื่อนายรู้ที่พักจริงๆของคุณริสา จะได้รู้ว่าใช่นี่หรือเปล่า”
“แล้วเรื่องสำคัญที่นายว่าล่ะ”
“เรื่องนี้สำคัญมาก นายคงต้องทำใจให้เข้มแข็งหน่อย”
“เรื่องอะไร”
“ฉันเจอ นางสาวริสา ฉันทพัฒน์ ตัวจริงแล้ว”
ธีภพใจแป้วทวนคำสีหน้าฉงน “ตัวจริง”
“ใช่ ตัวจริงของผู้หญิงที่ชื่อริสา ฉันทพัฒน์ ลูกสาวป้าสินี ที่เป็นชาวสวนอยู่ที่จังหวัดนนท์ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่นิวซีแลนด์ ส่วนคุณริสา เลขาของนาย สวมรอยใช้หลักฐานและประวัติของริสาคนนั้นอยู่”
ธีภพอึ้งไป ความรู้สึกผิดหวังแล่นเข้าจับหัวใจ เขาเคยหวังลึกๆ ว่าริสาจะไม่ได้โกหก มันจะเป็นแค่ความเข้าใจผิด แต่ตอนนี้เธอโกหกเขาจริงๆ และมีเบื้องหลังอะไรที่ซับซ้อนอยู่แน่ๆ
“ทุกอย่างที่นายสงสัย มันใช่ทั้งหมดเลยไอ้ภพ”
“แล้วริสาที่อยู่ตอนนี้เขาเป็นใคร มาทำงานที่บูรพเกียรติเพื่ออะไร”
อธิรุธส่ายหน้าจนปัญญา “ฉันก็ยังไม่รู้ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะตามเรื่องนี้ให้ได้ เที่ยงนี้ฉันนัดคุณมิราเอาไว้ จะพยายามสืบต่อให้เอง”

ธีภพใจหาย ยามนี้เขาเหลือเพียงความหวังเดียวว่า “ริสา” ที่อยู่กับเขา จะไม่ได้มาที่บูรพเกียรติ เพื่อทำร้ายใคร

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงนรี ตอนที่ 7 (ต่อ)

ช่วงพักกลางวัน พนักงานพากันไปทานข้าวเที่ยง โรซี่ บุษกร และชนิตายืนรอพริริสาอยู่ตรงทางเดิน โรซี่เอ่ยขึ้นว่า

“ยัยบัววันนี้เธอเลี้ยงข้าวกลางวันริสาเลยนะ ในฐานะที่ปากไม่ดีเมื่อเช้า”
“สถานการณ์บริษัทก็ไม่ค่อยดี ขอเก็บเงินไว้ก่อนได้ไหม” บุษกรว่า
“ปากไม่ดีอีกแล้ว เรากำลังจะได้ผู้ร่วมทุนใหม่ บริษัทไม่เจ๊งง่ายๆ หรอก”
ชนิตานึกได้ตีปากตัวเองไปสามที
“ห้ามพูดคำนี้ บริษัทเราไม่แย่หรอก เนอะโรซี่เนอะ”
“ก็จริงของยัยบัว พรุ่งฉันห่อข้าวมากินเองดีกว่า”
“โอ๊ย นี่ก็เออออกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไปดูริสาดีกว่าจะได้ไปกินข้าวกัน” ชนิตาชวน
สามสาวทำท่าจะเดินไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นพริริสาเดินออกไปอีกด้านพร้อมกานดาและจินตนา
ชนิตาขยี้ตา “ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ริสาไปกับ...”
บุษกรต่อคำให้ “คุณหญิงจินตนา คุณกานดา”
โรซี่สยอง “โอ๊ยลูกแกะไปอยู่ในฝูงหมาป่าตัวแม่ มีหวังโดนขย่ำเละจมเขี้ยวแน่ๆ ตาม”
บุษกรถาม “จะตามไปช่วยริสาเหรอ”
“ตามไปส่องสิยะ”
พร้อมกับว่าโรซี่นำขบวนคนอื่นๆ จ้ำตามไปดูว่าพริริสาไปไหนกับกานดาและจินตนา จนสุดทางเดิน

ที่ร้านอาหารใต้ตึกบูรพเกียรติ มิรานั่งหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่กับอธิรุธในร้านนั้น บนโต๊ะมีขนมหวานน่ากินหลายอย่าง
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอกนะ”
“จะรีบไปไหนล่ะครับ ผมอุตส่าห์ลองเสี่ยงโทร.หาคุณดูว่าคุณกลับมาหรือยัง พอรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว ผมนี่ดีใจมาก”
“ไม่ต้องมาเสียเวลานอกเรื่อง พูดธุระคุณมาเลยดีกว่า”
อธิรุธหาเรื่องมาอ้าง “ผมกำลังจะย้ายที่อยู่”
“แล้วไง เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“แหมฟังให้จบก่อนสิคุณ ผมก็แค่อยากจะปรึกษา อยากถามว่าตึกที่คุณพักอยู่ดีไหม ห้องพักเป็นยังไง ผมเห็นแถวนั้นมันเดินทางสะดวกดี”
มิราตอบโดยไม่ต้องคิด “เฉยๆ งั้นๆ ไม่ต้องมาอยู่หรอก ไปหาที่อื่นเหอะ”
อธิรุธอ้าปากจะถามต่อ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็น พนักงานร้านเดินพาจินตนา กานดาและพริริสาไปที่โต๊ะมุมหนึ่ง มิรามองตามสายตาอธิรุธเห็นพริริสาก็ตกใจ
“ริสา”
อธิรุธได้ยินหันกลับมามอง มิรารีบทำนิ่งเฉย ยอมตักขนมกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจกำลังเป็นห่วงเพื่อนที่อยู่กับกานดาและจินตนาลำพัง

พริริสานั่งร่วมโต๊ะกับกานดาและจินตนาอย่างพร้อมรับมือ ไม่ว่าสองคนนี้จะมาไม้ไหน พนักงานหยิบเมนูมาให้ทั้งสาม แล้วเดินเลี่ยงไปก่อน
“ฉันบอกคณินไว้ว่าจะพาเธอมาเลี้ยงตอบแทน ที่เธอตั้งใจทำงานให้บูรพเกียรติ อยากกินอะไรก็สั่งได้เต็มที่เลยนะ คงอดอยากปากแห้งมาตลอด นานๆ จะได้มีโอกาสได้กินของดีๆ กับเขาสักที” จินตนาว่า
“หรือจะคิดว่าเลี้ยงปลอบใจที่เธอไม่ได้ไปงานหมั้นลูกสาวฉันเมื่อวานก็ได้”
พริริสานึกโกรธ ที่แท้สองคนก็พาเธอมาเพื่อเยาะเย้ยเรื่องงานหมั้นเมื่อวาน
“ถ้าสั่งไม่เป็น ฉันจะสั่งให้ จะเลือกเมนูที่เหมาะที่ควรให้กับคนอย่างเธอเอง” จินตนาบอก
พริริสาเหน็บขึ้นว่า “คุณหญิงคงชอบเลือกอะไรให้ใครต่อใครสินะคะ”
“แน่นอน เพราะฉันมองออกว่าใครเหมาะสมกับอะไร ไม่คู่ควรกับอะไร”
“พวกคุณอยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ ไม่ต้องยกอะไรมาเปรียบเปรยให้เสียเวลา” พริริสาว่า
“ก็ดี เพราะที่ฉันกับคุณแม่พาเธอมาที่นี่ ก็แค่อยากจะบอกเธอว่าตอนนี้ภพกับยัยเกรซเป็นคู่หมั้นกันแล้ว อีกไม่นานก็จะแต่งงานกัน อย่าได้คิดยุ่งกับคู่หมั้นลูกสาวฉันอีก”
พริริสาพูดยั่วขึ้นมา “กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหรอคะ”
จินตนาและกานดาพากันสะดุ้งที่ถูกจี้ใจดำ
“แกมันรู้มากเหลือเกินนะ” จินตนาคุมแค้น
“เรื่องความรักมันเป็นอะไรที่พูดยากค่ะ มันไม่มีคำว่าถูกต้องหรือเหมาะสมสำหรับความรัก คนรักกันแต่ไปพรากเขาออกจากกัน ระวังเวรกรรมไว้บ้างก็ดีนะคะ เพราะมันมีจริง”
กานดาแผดเสียงดังอย่างลืมตัว “นังริสา”
“มื้อนี้พวกคุณคงไม่ต้องเลี้ยงปลอบใจฉันหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้เสียใจอะไรกับงานหมั้นของคุณภพกับคุณเกรซเลย” พริริสายั่วโมโหกลับอีกดอก “แหวนหมั้นวงเดียว มันไม่ได้มีความหมายสักเท่าไหร่หรอกค่ะ คุณกานดาน่าจะรู้ดี”
ขาดคำพริริสาก็ลุกเดินหนีออกไปจากโต๊ะไปเลย จินตนาและกานดาได้แต่มองตามอย่างแค้นใจ กานดาโกรธลุกตามไปเอาเรื่อง

พริริสาเดินเลี่ยงออกมา กานดาเดินตามมา
“แกอยากลองดีกับฉันกับคุณแม่ให้ได้ใช่ไหม”
พริริสาหยุด หันมาหา “ทำไมคะ คุณกับคุณหญิงจินตนาจะทำอะไรฉัน”
“แกคงคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกสินะ”
“ทำไมฉันจะคิดว่าคุณไม่กล้า คนมีเงินมีอำนาจเวลานึกอยากจะทำอะไร ก็ทำได้ตามใจชอบอยู่แล้ว โดยเฉพาะใช้เงินกับอำนาจทำร้ายคนไม่มีทางสู้ อย่างผู้หญิงกับเด็กจนต้องหนีกันหัวซุกหัวซุน”
กานดายิ่งมั่นใจว่าพริริสาต้องเกี่ยวข้องกับพีรดา
“แกเป็นอะไรกับนังพีรดากันแน่”
“คุณก็ลองเดาดูสิคะ”
พริริสาเดินออกไป กานดาจะตามไปแต่ชนเข้ากับพนักงานเสิร์ฟที่ถือถาดใส่เครื่องดื่มมา
“ขอโทษค่ะ”
กานดาโมโหที่ถูกขัดจังหวะ เลยหมดอารมณ์จะตามไปราวีพริริสาต่อ

พริริสาเดินหงุดหงิดเลี่ยงจากอีกมุมจะออกจากร้าน อธิรุธเห็นก็ตัดสินลุกจากโต๊ะไปทักทาย
“คุณริสา”
มิราเห็นอธิรุธรีบพุ่งไปหาพริริสาก็ตกใจ พริริสาไม่หยุด อธิรุธจึงเดินเร็วรีบไปดักหน้าเอาไว้
“คุณริสาครับ”
“ผู้กองอธิรุธ”
“บังเอิญจังเลยนะครับ”
พริริสากำลังหงุดหงิดจากจินตนาและกานดาอยู่ ไม่มีอารมณ์อยากคุยกับใคร
“ถ้าไม่มีอะไรขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวครับ ผมอยากแนะนำใครสักคนให้คุณรู้จัก ทางนี้ครับ”
อธิรุธหันไปที่โต๊ะ ปรากฏว่ามิราหายตัวไปแล้ว
“อ้าวเฮ้ย หายไปไหนแล้ว”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเล่นอะไร แต่ฉันไม่มีเวลาเล่นด้วย ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ”
พริริสาเดินออกไปจากร้านโดยไม่สนใจอธิรุธอีก อธิรุธยืนหันรีหันขวางมองหาว่ามิราหายไปไหน

กานดาเดินกลับมาที่โต๊ะ ท่าทางหัวเสียและเริ่มหวาดระแวง
“ดูท่าทางมันจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่ค่ะคุณแม่”
“ปล่อยให้มันยโสไปก่อน รอให้เรื่องร่วมลงทุนกับไทรจีสเสร็จเมื่อไหร่ เราค่อยหาทางเฉดหัวมันไป”
“แต่ดากลัวมันจะไม่ไปง่ายๆ น่ะสิคะ มันพูดเหมือนมันไม่แคร์ที่ธีภพหมั้นแล้ว”
“เมื่อก่อนเรายังไล่นังพีรดากับลูกมันไปได้ แล้วทำไมจะไล่นังเด็กเมื่อวานซืนคนนี้ไปไม่ได้”
กานดาตาวาวนึกถึงอดีต ถ้าจำเป็นจริงๆ เธอคงต้องใช้วิธีเดิมๆ ที่เคยทำในอดีตเพื่อกำจัดพริริสาอีกคน

พริริสาเดินออกมาหน้าร้าน จู่ๆ มิราที่ดักรออยู่รีบมาดึงแขนพริริสาไว้
“มิรา มาได้ไง”
มิราดึงพริริสาให้หลบมาด้านข้างมุมลับตา กลัวอธิรุธจะออกมาเห็น
“ก็อีตาผู้กองบ้านั่นน่ะสิ นัดฉันมาที่นี่ แล้วดันมาเจอเธอเนี่ย”
พริริสานึกได้ “ที่แท้คนที่เขาบอกว่าจะแนะนำให้รู้จักก็เธอเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเลยรีบชิ่งหลบออกก่อน รีบไปกันก่อนเถอะ”
มิรารีบพาพริริสาเดินหลบออกไป อธิรุธตามออกมาที่หน้าร้านไม่เห็นใครแล้ว

คืนนั้น ธีภพนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานที่บ้าน กองเอกสารวางอยู่เต็ม แต่กลับไม่มีจิตใจจะดูงาน จิตใจพะวักพะวนอยู่แต่เรื่องพริริสา
ทั้งตอนชิดใกล้กันที่บ้านบนเขาในไทรจีส พริริสาเอาผ้าห่มมาให้ ธีภพดึงแขนพริริสาลงมานั่งด้วยกันข้างๆ โดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ธีภพหยิบผ้าห่มมาคลุมไหล่เธอเอาไว้
“ห่มไว้ คุณจะได้ไม่หนาว”
พริริสากลัวใจตัวเองเมื่อได้ใกล้ชิดธีภพ ทำท่าจะปลดผ้าห่มออกจากตัว
“ฉันไม่หนาว”
ธีภพตัดสินใจโอบไหล่พริริสาไว้ไม่ยอมปล่อย
“คุณจะไปไหน อยู่แบบนี้ดีแล้ว”
พริริสาตกใจนิดๆ “คุณภพ”
ธีภพมองจ้องพริริสาด้วยแววตาลึกซึ้ง บ่งบอกความรู้สึกที่อยู่ในใจ
“ถ้าตอนนี้เราสามารถทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ปล่อยใจให้ว่าง แล้วถามตัวเองว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง สำหรับผม ผมรู้สึกเหมือนหัวใจหายไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แล้วคุณล่ะ”
สายตาธีภพบอกเป็นนัยว่าหัวใจอีกครึ่งของเขาอยู่ที่เธอแล้ว พริริสายอมปล่อยหัวใจให้เป็นอิสระชั่วขณะ
“สำหรับฉันถ้าสามารถทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังได้จริงๆ ตอนนี้ฉันคงรู้สึกเหมือนหัวใจของฉันลืมความเจ็บจากรอยแผลในอดีตไปได้บ้างมั้งคะ”
ทั้งคู่เปิดใจทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ต่างยิ้มให้กัน รู้สึกดีๆ ต่อกันมากขึ้นทุกขณะ
เหตุการณ์หวานๆ เหล่านั้น ถูกคำพูดของอธิรุธผุดซ้อนแทรกเข้ามา
“ฉันเจอ นางสาวริสา ฉันทพัฒน์ ตัวจริงแล้ว”
ธีภพฉงน “ตัวจริง”
“ใช่ ตัวจริงของผู้หญิงที่ชื่อริสา ฉันทพัฒน์ ลูกสาวป้าสินี ที่เป็นชาวสวนอยู่ที่จังหวัดนนท์ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่นิวซีแลนด์ ส่วนคุณริสา เลขาของนาย สวมรอยใช้หลักฐานและประวัติของริสาคนนั้นอยู่”

ธีภพคิดทบทวนด้วยสีหน้าสับสนในตัวผู้หญิงที่เขารักเต็มหัวใจไปแล้ว
“ริสา คุณเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่”
โทรศัพท์มือถือธีภพมีสายเรียกเข้าจากกรนันท์ แต่ธีภพปิดเสียงไว้ ไม่ได้สนใจว่าใครจะโทร.เข้ามา

กรนันท์พยายามโทร.หาธีภพหลายรอบ แต่ธีภพไม่ยอมรับสาย จนกรนันท์เริ่มหงุดหงิดหมดความอดทน เดินกระแทกเท้าออกจากโถงไปอีกด้านของบ้าน
คณินนั่งปรึกษาแผนงานการต้อนรับเจ้าชายคามินกับผู้เป็นพ่อ อยู่ที่ห้องทำงานในบ้าน
“ข้อมูลอื่นๆ ธีภพกับริสาจะเป็นคนจัดการครับ คุณพ่อว่าตารางที่เราพาเจ้าชายคามินไปดูงานของเรา มีตรงไหนต้องแก้ไขบ้างไหมครับ”
กรนันท์เดินกระแทกเท้าปึงปังเข้ามาในนี้
“อ้าว ไปกินรังแตนที่ไหนมาล่ะหลานปู่”
“ก็พี่ภพสิคะ เมื่อเช้าหนีเกรซบอกมีธุระด่วน ตอนนี้ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์อีก เป็นคู่หมั้นประสาอะไรกัน”
กฤษและคณินต่างถอนใจ รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจหมั้น
คณินเลยพูดปลอบว่า “ช่วงนี้ที่บริษัทงานยุ่ง ภพเขาคงทำงานอยู่”
“จะทำงานอะไรกันหนักหนาคะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
“ปู่กับพ่อเราก็ยังทำงานกันอยู่เลยนะ ดูสิ”
“ใช่ลูก อีกไม่กี่วันเจ้าชายคามินก็จะเดินทางมาแล้ว ทุกคนก็เลยมีงานเต็มมือกันหมด”
“เจ้าชายคามิน ใครคะ”
“ก็คนที่จะมาร่วมทุนกับบูรพเกียรติของเราไงล่ะ” กฤษบอก
กรนันท์เห็นกองเอกสารที่วางอยู่ มีนิตยสารต่างประเทศที่คามินขึ้นปกจึงหยิบมาดู
“คนนี้เหรอคะเจ้าชายคามิน”
“ใช่ลูก”
กรนันท์มองรูปคามินตาเป็นประกาย ถูกใจใช่เลย คุณหนูเกรซออกอาการสนใจชัดแจ้ง ไม่คิดมาก่อนว่าคนร่วมทุน จะเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงามขนาดนี้

กานดาในชุดนอนนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก สีหน้านิ่งนึกถึงเหตุการณ์ตอนปะทะคารมกับพริริสาที่ร้านอาหารใต้ตึกบูรพเกียรติ
“เรื่องความรักมันเป็นอะไรที่พูดยากค่ะ มันไม่มีคำว่าถูกต้องหรือเหมาะสมสำหรับความรัก คนรักกันแต่ไปพรากเขาออกจากกัน ระวังเวรกรรมไว้บ้างก็ดีนะคะ เพราะมันมีจริง”
กานดุมแค้นกำหวีในมือแน่น
“ฉันไม่กลัวเวรกรรมที่แกพูดหรอก”
กานดาปาหวีลงพื้นอย่างระบายอารมณ์ คณินในชุดนอนก้าวออกมาจากห้องน้ำในห้องเห็นพอดี แต่ไม่พูดอะไร เดินไปหยิบแฟ้มเอกสารเดินออกไป
กานดาหงุดหงิดจนพาลใส่ “คุณจะไปไหน”
“ผมจะไปทำงานต่อ”
“คุณไม่คิดจะถามฉันสักคำเหรอว่าฉันเป็นอะไร”
คณินเดินออกจากห้องไปเลย ไม่อยากสนใจอารมณ์แปรปรวนของผู้เป็นภรรยา กานดามองตามตาขุ่นยิ่งเจ็บแค้นในใจ เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คณินก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับตนเลย

เช้าวันนี้ บรรดาแม่บ้านของบูรพเกียรติพากันทำความสะอาดยกใหญ่ มีพนักงานช่วยยกแจกันดอกไม้มาจัดแต่งในออฟฟิศ โรซี่เดินเข้ามาบริเวณที่แม่บ้านกำลังถูพื้น ลื่นไถลเกือบหงายหลัง นางร้องกรี๊ด
“อ๊าย”
ชนิตาและบุษกรที่เดินตามหลังมาเข้าไปรับไว้ทันพอดี
“ว้าย”
“ตายแล้วอะไรกัน มาทำความสะอาดหรือมาก่อคดีฆาตกรรมกันคะคุณป้า” โรซี่ถาม
“ก็คุณเกรซเธอสั่งไว้ พื้นต้องเงา ไม่เงาโดนไล่ออกนี่คะ” แม่บ้านบอก
ศจีรีบร้อนเดินเข้ามาสมทบอีกคน
บุษกรเห็นรีบร้องบอก “พี่ศจีอย่าเข้ามาค่ะ”
ศจีรีบเบรกแทบหน้าทิ่ม
“ยัยบัว ร้องซะตกใจ มีอะไร”
“พื้นตรงนี้มันลื่นน่ะค่ะ”
ศจีได้ยินรีบถอยหนี
“มีมหกรรมอะไรกันหรือเปล่าคะเนี่ย ทั้งขัดพื้นซะเงาวับ ทั้งแจกันดอกไม้ ของตกแต่งเต็มไปหมด” ชนิตาถาม
“ก็ทำเตรียมไว้รอต้อนรับเจ้าชายคามินน่ะสิ” ศจีบอก
สามสาวตื่นเต้นอุทานลั่น “เจ้าชายคามิน”
“พรุ่งนี้ไปนวดหน้ากันนะยัยตา ฉันต้องสวยเด่นวันที่เจ้าชายมา” โรซี่เพ้อ
“นวดหน้าท่าจะไม่ทัน ฉันว่าเธอสองคนไปฉีดโบท็อกซ์เลยดีกว่า”
โรซี่ กะ ชนิตาพากันค้อนควักใส่ศจี

ธีภพและพริริสาถูกเรียกมาที่ห้องทำงานคณินแต่เช้า ในนั้นนอกจากเจ้าของห้องยังมีสองแม่ลูกอยู่ด้วย ธีภพมีสีหน้าอึดอัดใจเมื่อรู้จากปากกานดา ว่ากรนันท์จะมาช่วยเรื่องการต้อนรับเจ้าชายคามิน
“อีกไม่กี่วันเจ้าชายคามินก็จะมาแล้ว เกรซเขาอยากช่วยเรื่องการต้อนรับเจ้าชายอีกแรง” กานดาว่า
กรนันท์ประชดเล็กๆ “ใช่ค่ะ เกรซ อยากจะช่วยแบ่งเบางานของพี่ภพที่ล้นไปหมด พี่ภพจะได้มีเวลาส่วนตัวให้เกรซบ้างไงคะ”
“แต่เรื่องต้อนรับเจ้าชายคามิน ผมให้ริสาเป็นคนจัดการ”
กรนันท์แอบเบ้ปาก ปรายตาเคืองขุ่นไปให้พริริสา แต่พยายามทำตัวไม่มีปัญหา
“งั้นก็เปลี่ยนให้เกรซจัดการแทนสิจ๊ะ” กานดาบอกเสียงหวาน
“ใช่ค่ะ นี่เกรซก็สั่งให้คนจัดการเรื่องสถานที่เตรียมรอต้อนรับเจ้าชายแล้วด้วย”
พริริสาแทรกว่า “ทุกอย่างวางแพลนไว้หมดแล้วล่ะค่ะ”
กานดาไม่ยอมง่ายๆ “ยังไงก็ต้องมีคนควบคุมดูแลอีกที เผื่อมีอะไรผิดพลาด หรือดูไม่เหมาะไม่ควร เพราะนี้เป็นการต้อนรับเจ้าชายจากไทรจีส ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญที่จะทำยังไงก็ได้”
“เจ้าชายคามินไม่ชอบอะไรที่มากเรื่องหรอกค่ะ” พริริสาว่า
“นี่เจ้าชายนะ ไม่ใช่ญาติบ้านสวนของเธอจะได้ต้อนรับยังไงก็ได้” เกรซหงุดหงิด
คณินรีบไกล่เกลี่ย “เอาเป็นว่าอะไรที่เธอคิดว่าเกรซทำได้ ก็ให้เขาจัดการแล้วกันนะริสา”
“คุณพ่อ ทำไมต้องให้มัน...”
คณินพูดตัดบทเป็นเชิงเตือนสติ “เกรซไหนว่าอยากช่วยงานพ่อกับภพไง”
กานดาสะกิดให้กรนันท์ยอมๆ ไปก่อน
“พี่ว่า...”
กรนันท์รีบชิงพูดก่อนว่า “ก็ได้ค่ะ เกรซอยากช่วย จะไม่เรื่องมากอีก เกรซจะทำตัวเป็นคู่หมั้นที่ดี เชื่อฟังพี่ภพนะคะ”
กรนันท์เกาะแขนธีภพออดอ้อน เยาะเย้ยพริริสาไปในที อีกฝ่ายพยายามทำนิ่งไม่สนใจ

กรนันท์ยังตามมาเกาะติดธีภพไม่ยอมห่าง เมื่อเขากลับมาที่ห้องทำงานแล้ว
“เรื่องการเลี้ยงต้อนรับเจ้าชาย เกรซว่าเลือกร้านอาหารฝรั่งเศสดีไหมคะ”
พริริสาขัดขึ้นว่า “เจ้าชายคามินชอบอาหารไทยค่ะ”
กรนันท์มองหมั่นไส้ นึกเคืองที่ถูกพริริสาขัดคอ
“งั้นเกรซจะเลือกร้านอาหารไทยที่อร่อยที่สุดให้เองค่ะ ส่วนตอนเจ้าชายเสด็จไปโชว์รูม เกรซว่าเราเตรียมพวกช่อดอกไม้ต้อนรับเป็นดอกลิลลี่สีขาว”
“เจ้าชายคามินเกลียดกลิ่นดอกลิลลี่ค่ะ”
กรนันท์พยายามข่มกลั้นความโกรธเต็มที่
“ส่วนช่วงเบรก เกรซจะให้เขาเตรียมของว่างเป็นชา”
พริริสาขัดอีกว่า “เจ้าชายคามินชอบกาแฟมากกว่าค่ะ”
กรนันท์หมดความอดทน “เธอเป็นอะไรกับเจ้าชายคามินหรือไง ถึงได้รู้ไปหมดว่าเจ้าชายชอบอะไร เกลียดอะไร”
ธีภพเองก็รู้สึกเคืองไม่น้อย ที่พริริสาดูจะรู้เรื่องเจ้าชายคามินมากเป็นพิเศษ
“นั่นสิ ดูคุณจะรู้เรื่องส่วนตัวของเจ้าชายคามินไปทุกเรื่อง”
“ใช่ค่ะ ฉันรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายคามินเกือบทุกอย่าง เท่าที่ศึกษามาได้”
ธีภพถามกึ่งประชดในที “เหรอ งั้นเท่าที่คุณศึกษามาเจ้าชายคามินมีคนรักแล้วหรือยังล่ะ”
“ยังไม่มีค่ะ เจ้าชายเอาแต่สนใจเรื่องงาน จนไม่มีเวลาจะหาคนรัก ก็เลยยังโสดอยู่”
นัยน์ตากรนันท์วาววามเมื่อได้ยินคำนั้น ในขณะที่ธีภพยิ่งเคืองสุดจะคณาที่พริริสาตอบฉะฉานราวกับสนิทสนมกับคามินมานาน

พริริสา นั่งอยู่ที่โต๊ะในโรงอาหารบริษัทพร้อมกับสามสาว โรซี่จามไม่หยุด จนชนิตาและบุษกรต้องยกจานข้าวหนี พริริสาอดถามไม่ได้
“โรซี่เป็นอะไรน่ะ”
“ก็แพ้เกสรดอกไม้ในออฟฟิศน่ะสิ เดินไปทางไหนก็มีแต่ดอกไม้เต็มไปหมด ใครเข้ามาคงนึกว่ามีงานสวนบุปผชาติ ไม่ก็งานพืชสวนโลก ฮัดชิ้ววว...”
พริริสาได้แต่ส่ายหน้าขำกับคำเปรียบเปรยแกมเหน็บแนมของโรซี่
“ทำไงได้ คำสั่งคุณเกรซเขานี่นา แต่ถ้าเจ้าชายคามินประทับใจแล้วการร่วมทุนเป็นไปด้วยดี ก็ดีนะ พวกเราก็จะได้โล่งใจเรื่องปัญหาบริษัท” ชนิตาว่า
“หลังจากเจ้าชายคามินเข้ามาถือหุ้นที่นี่แล้ว ฉันรับรองได้ว่าพนักงานที่นี่ทุกคนจะไม่ตกงานแถมยังจะได้สวัสดิการที่ดีๆ ตามมาแน่นอน” พริริสาบอก
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิ พวกเราจะได้ไม่ต้องเสียวว่าจะตกงาน เสร็จงานคุณหญิงกับคุณกานดาได้พาริสาไปเลี้ยงข้าวอีกรอบแน่เลย” ชนิตาว่า
โรซี่พยักพเยิด “ใช่ๆ เตรียมรอกินโต๊ะใหญ่หลังเสร็จงานเจ้าชายคามินได้เลย”
พริริสาเยาะในที “แต่งงานนี้อาจจะเป็นริสาเองก็ได้นะ ที่ต้องไปเลี้ยงปลอบใจพวกคุณหญิงแทนก็ได้”
สามสาวพากันสะดุดหูกับคำพูดพริริสา
“เลี้ยงปลอบใจ” บุษกรงุนงง
พริริสายิ้มไม่ตอบอะไร ตักอาหารกินตามปกติ สามสาวไม่รู้ความนัยอะไรจึงไม่ใส่ใจอีก

อธิรุธเดินนำมิราเข้ามาในโถงตึกบูรพเกียรติ มิราฮึดฮัดทำท่าจะเดินกลับออกไป อธิรุธดึงรั้งเอาไว้
“จะไปไหนคุณ”
“คุณบอกว่ามีเรื่องจะให้ฉันช่วย แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันจะกลับแล้ว”
“เอ้า ก็ให้คุณมาช่วยงานเพื่อนผมไง”
อธิรุธลากแขนมิราให้เดินไปตามทาง

ที่ห้องประชุมบูรพเกียรติ กรนันท์นั่งติดกับธีภพแจ วางมาดเจ้านายมองมิราและอธิรุธที่นั่งอยู่ในห้องประชุมด้วยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ทีมงานเราก็มีตั้งเยอะแล้ว จะเอาคนนอกมาเพิ่มอีกทำไมล่ะคะพี่ภพ”
มิราทำท่าจะเถียงว่าก็ไม่ได้อยากมา
อธิรุธแย่งพูดก่อน “แต่คุณมิราเขาเป็นคนไทรจีสนะครับ เขาน่าจะช่วยอะไรได้มากตอนที่เจ้าชายเสด็จมา”
“แล้วผู้กองมาเกี่ยวอะไรด้วยคะ” กรนันท์ถามตรงๆ
อธิรุธเซ็ง หน้าเจื่อน “อ้าว”
“พี่จะให้เจ้ารุธมาช่วยประสานงานเรื่องการรักษาความปลอดภัยค่ะ” ธีภพบอก
“รปภ.ตึกเราก็มีตั้งเยอะแยะแล้วนี่คะ” กรนันท์ว่า
มิราหัวเราะขำคิก สมน้ำหน้าอธิรุธที่โดนแขวะ พริริสาเดินเข้าพร้อมเอกสารเห็นมิราก็ตกใจนิดๆ มิราหน้าเจื่อนๆ อธิรุธและธีภพจับสังเกต รอดูว่าทั้งสองสาวจะทำยังไงต่อ
“เป็นเลขาก็ควรมาก่อนเจ้านาย ไม่ใช่ลอยชายมาทีหลัง” กรนันท์แขวะ
พริริสาบอกเสียงเรียบว่า “ฉันไปเตรียมเอกสารมาค่ะ”
ธีภพแกล้งแนะนำ “นี่คุณมิรา ผมจะเชิญมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องการต้อนรับเจ้าชายคามิน คุณมิรา นี่...”
พริริสาตัดสินใจเปิดเผยเรื่องรู้จักกับมิรา โพล่งขึ้นว่า
“เรารู้จักกันแล้วค่ะ”
สองหนุ่มทำท่าแปลกใจ

พริริสาไม่สะทกสะท้าน เพราะหล่อนเตรียมคำตอบไว้สำหรับเรื่องนี้แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ระหว่างที่สองสาวหารือกันอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำของคอนโด มิรานั้นออกอาการจิตตก ดูออกว่าไม่สบายใจเอามากๆ
“ฉันสังหรณ์ใจ ตาผู้กองอธิรุธต้องรู้แน่ๆ ว่าเรารู้จักกัน”
“ถ้าเขารู้ คุณภพก็ต้องรู้ด้วย”
“แต่เราไม่รู้ว่าเขาสืบเรื่องของเราสองคนได้แค่ไหนแล้ว”
“ก็คงไม่มากนักหรอก ยังไงเราก็ต้องเล่นละครกันต่อไปให้จบ จนกว่าพี่คามินจะมา”

ธีภพนั่งนิ่งรอฟังว่าพริริสาจะโกหกอะไรอีก ในขณะที่อธิรุธแกล้งตกใจตามน้ำไปเนียนๆ
“อ้าว เหรอครับ แล้วรู้จักกันได้ยังไงครับเนี่ย”
“ฉันเพิ่งย้ายไปพักที่เดียวกับคุณมิราน่ะค่ะ ก็เลยได้เจอกัน” พริริสาบอก
“ใช่ค่ะ ตึกที่คุณตามฉันไปนั่นล่ะ” มิราเสริม
“อ๋อ.....” อธิรุธจงใจลากเสียงยาวเป็นเชิงประชด
“ถ้าแบบนั้นก็ดีครับ เพราะผมอยากให้คุณมิรา มาช่วยตรวจดูเรื่องการต้อนรับเจ้าชาย เพราะทางเราไม่รู้เรื่องธรรมเนียมไทรจีส เผื่อมีอะไรผิดพลาด คุณมิราจะได้แนะนำพวกเราได้” ธีภพบอก
มิราเยื้อนยิ้ม “ฟังดูเหมือนตำแหน่งที่ปรึกษา ดูใหญ่โตดีนะคะ”
“ใช่ครับ ผมอยากให้คุณมาเป็นที่ปรึกษา”
อธิรุธกระซิบแซวมิราว่า “ฟังดูดีกว่าผมเยอะ”
“คงไม่รบกวนเกินไปนะครับ”
มิราลอบมองพริริสาเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายพยักหน้าให้ตอบตกลง
“ยินดีค่ะ”
“งั้นฉันว่าเรามาเริ่มคุยเรื่องรายละเอียดทั้งหมดพร้อมกันเลยนะคะ”
ธีภพพยักหน้าให้พริริสาเริ่มการประชุมได้

ที่ไทรจีส ไคซัจ และองครักษ์ อีก 2 คน ยืนฟังคำสั่งของคามินอยู่ในวัง เรื่องการเดินทางไปเมืองไทย
“เราจะเดินทางแบบเป็นการส่วนตัว ดังนั้นเราไม่ต้องการให้มีอะไรที่เอิกเกริก”
“กระหม่อมแจ้งเรื่องนี้ไปทางสถานทูตประจำประเทศไทย และทางบูรพเกียรติแล้วพะยะค่ะ นอกจากกระหม่อมก็มีองครักษ์อีกสองคนที่จะติดตามไปด้วย”
“ดี แล้วหลังจากเสร็จเรื่องทำสัญญากับบูรพเกียรติ เจ้าหญิงพริริสาจะกลับมาพร้อมพวกเราด้วย”
ได้ฟังดังนี้ ไคซัจก็ลอบยิ้ม ดีใจที่เรื่องวุ่นๆ ของพริริสาจะจบลงสักที

กรุงเทพฯ ยามค่ำคืน
พริริสายังอยู่ที่ออฟฟิศ นั่งพิมพ์รายงานการประชุมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กระแทกแป้นพิมพ์อย่างแรง เพราะโมโหหิว
“ประชุมเสร็จ ก็ต้องมาพิมพ์รายงานต่อ ทำไมเราต้องมาทนทำงานให้ขนาดนี้ด้วยเนี่ย”
ธีภพเดินเข้ามาพร้อมถุงอาหารทันได้ยินคำบ่นพอดี
“นั่นสิ คุณจะมานั่งทนทำงานหลังขดหลังแข็งทำงานแบบนี้ทำไม มีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า”
พริริสาหันไปมองธีภพอย่างเคืองขุ่นในใจ
“ก็คุณสั่งว่าจะเอารายงานวันนี้ ฉันเป็นลูกจ้างกลัวถูกไล่ออกก็ต้องทนทำน่ะสิคะ”
ธีภพยิ้มเยาะ “ผมนึกว่าคุณอดทนทำงานเพราะมีเป้าหมายอื่นซะอีก”
“เป้าหมายอะไรของคุณ”
“ก็คงมีแต่คุณเท่านั้นที่รู้”
พริริสาได้แต่มองค้อนใส่ธีภพ ที่พูดจากวนโมโห ตอนนี้เริ่มหิว จนต้องกุมท้องกลัวเสียงท้องจะร้องดังออกมาให้ขายหน้า
ธีภพหยิบกล่องข้าวออกมาเปิดฝา เผยให้เห็นอาหารในกล่องหน้าตาดูน่ากิน พริริสานึกว่าเขาซื้อมาฝาก แต่ธีภพกลับหยิบช้อนมาตักข้าวใส่ปากตัวเองเคี้ยวตุ้ยๆ
พริริสาเหวอ “นี่คุณ ซื้อข้าวมากินคนเดียวเหรอ แล้วฉันล่ะ”
“อ้าว คุณหิวเหรอ ผมนึกว่าคุณอยากจะทำงานจนเสร็จซะอีก”
พริริสาค้อนตาคว่ำ บ่นอุบอิบ “คนใจดำ”
“บ่นอะไรผมได้ยินนะ”
ธีภพแกล้งทำเป็นใจร้ายกับพริริสาได้ไม่นาน ก็หยิบอาหารอีกกล่องจากถุงเดินไปวางให้ที่โต๊ะ
“กินเสร็จแล้วค่อยทำต่อก็ได้”
พริริสาเห็นว่าธีภพแค่แกล้งตนก็พอยิ้มออกรีบเปิดกล่องอาหาร
โทรศัพท์มือถือธีภพซึ่งวางอยู่ตรงโซฟารับรองแขกดังขึ้น เห็นชื่อกรนันท์โทร.เข้ามา แต่ธีภพไม่ยอมรับ
“โทรศัพท์คุณดัง ไม่รับหน่อยเหรอคะ อาจจะเป็นคู่หมั้นคุณโทร.มาก็ได้” พริริสาเหน็บแนม
ธีภพถอนใจเบาๆ เดาได้ว่าคงเป็นกรนันท์เป็นแน่

กรนันท์เซ็งจัดเรื่องธีภพทำตัวเหินห่างไม่เหมือนกับเป็นคู่หมั้นกัน จึงชวนสองเพื่อนซี้มาเที่ยวผับแก้เซ็ง ช่วงหัวค่ำ อโคจรสถานแห่งนี้เปิดเพลงเบาๆ คลอสร้างบรรยากาศ กรนันท์เพิ่งกดวางสายจากธีภพด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เชอร์รี่เห็นท่าทีก็แปลกใจ
“อะไรกันยะยัยเกรซเพิ่งจะหมั้น แต่ทำหน้าเหมือนคนเพิ่งจะหย่า”
ปรางเห็นด้วย “นั่นสิ ได้หมั้นกับพี่ภพสุดที่เลิฟ มันไม่แฮปปี้เลยหรือไง”
“หมั้นก็เหมือนไม่ได้หมั้น พี่ภพไม่เห็นจะสนใจฉันสักนิด ชวนมาเที่ยวด้วยกัน ก็อ้างต้องทำงาน ทำงาน”
“งานที่ว่าจะมีเจ้าชายจากไทรจีสมาน่ะเหรอ” ปรางถาม
“ใช่”
ปรางและเชอร์รี่หันมาสนใจแต่เรื่องเจ้าชาย ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่กรนันท์กำลังหงุดหงิด
“แล้วเจ้าชายที่ว่าหล่อไหม โสดหรือเปล่า”
ปรางถามต่อว่า “ชื่ออะไรนะ เจ้าชาย...คามิน ใช่ไหม”
“เจ้าชายคามินจากไทรจีส ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังโสด” กรนันท์บอก
ปรางกะเชอร์รี่กรี๊ดกร๊าด
“โอ๊ย พาฉันไปแนะนำกับเจ้าชายหน่อยสิ โปรไฟล์เลิศขนาดนี้ โอกาสใกล้ชิดหาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ” เชอร์รี่บอก
“ถ้าฉันเป็นเธอนะยัยเกรซ อีตาพี่ภพไม่ใยดีฉันขนาดนี้ ฉันไปหาเจ้าชายดีกว่า บุญหล่นทับมาล่ะก็...แกเอ๊ย แกอาจจะได้เป็นอย่างเจ้าหญิงเคทก็ได้นะแก” ปรางค์ว่า
เชอร์รี่เสริมว่า “แบบนั้นใครๆ ก็ต้องเรียกยัยเกรซว่าเจ้าหญิงเกรซสิเนี่ย”
กรนันท์ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มมีความฝันใหม่ขึ้นมาทันที ถ้าตัวเองได้เป็นเจ้าหญิงจะเป็นยังไง

ธีภพขับรถมาส่งพริริสาที่หน้าตึกคอนโด ธีภพสีหน้าครุ่นคิดอยากให้พริริสาพูดความจริงกับตนเอง
“ตึกที่พักคุณสวยดีนี่”
“ห้องพักเป็นของญาติฉันน่ะค่ะ เขาให้มาพักฟรี ขอบคุณนะคะที่มาส่ง
พริริสารีบตัดบทจะลงจากรถ ธีภพดึงแขนเธอไว้
“คุณมีอะไรบอกผมไหม”
“บอกเรื่องอะไรคะ”
“เรื่องคุณ เรื่องการร่วมทุนของเจ้าชายคามิน มันมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า”
ธีภพจดสายตามองจ้องพริริสาด้วยแววตาว่าเขาให้โอกาสเธอพูดความจริง แต่พริริสาก็ยังยืนกระต่ายขาเดียวต่อไป
“ไม่มีค่ะ”
พริริสาจะลงจากรถ แต่ธีภพก็ยังดึงแขนไว้ไม่ให้ไป
“คนทำผิดถ้ายอมสารภาพจะได้ลดโทษกึ่งหนึ่งนะคุณ”
พริริสากวนกลับ “เหรอคะ ฉันเคยเห็นแต่พวกที่ทำผิดแต่ไม่เคยได้รับโทษ ลอยหน้าลอยตามีความสุขอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด คุณลองไปบอกให้คนพวกนั้นสารภาพผิดบ้างสิ”
พริริสาแกะมือธีภพออกแล้วผละลงจากรถไป ธีภพได้แต่นั่งถอนใจอยู่บนรถ มองตามร่างแบบบางที่เดินเข้าไปในตึก

สีหน้าและแววตาของเขาสงสัยใคร่รู้ ความจริงที่พริริสาซ่อนเอาไว้สุดจะประมาณ

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงนรี ตอนที่ 7 (ต่อ)

พริริสากลับถึงคอนโด เปิดประตูห้องเข้ามา มิรารออยู่รีบตรงเข้าไปหาถามอย่างเป็นห่วง

“ทำไมกลับดึกนักล่ะ”
“งานเอกสารเยอะมากน่ะ”
พริริสาเดินไปเทน้ำดื่มอย่างเหนื่อยๆ
“แล้วคุณภพเขาสงสัยอะไรอีกหรือเปล่า”
“เขาก็สงสัยไปสารพัดอยู่แล้วล่ะ แต่ช่างเถอะ เพราะอีกไม่นานแผนของเราก็จะจบ เขาจะทำอะไรได้”
“แล้วถ้าเกิดคุณภพ บอกคุณคณินไม่ให้ขายหุ้นให้เจ้าชายคามินล่ะ”
พริริสาบอกอย่างมั่นใจว่า “บูรพเกียรติตอนนี้ก็ไม่ต่างจากพวกที่เกาะขอนไม้ลอยคออยู่กลางทะเล มีเรือใหญ่ผ่านมารับถึงที่ มีเหรอจะไม่ยอมขึ้นไป ส่วนเธอก็อย่าลืมทำตามแผนที่เราตกลงกันไว้ล่ะ”
“ไม่ลืมหรอกน่า” มิรารับเอาคำ
พริริสาดึงแก้มมิรา “ขอบใจนะจ้ะเพื่อนรัก”
มิราหน้าหมองลง “ริสา แน่ใจนะว่าทำแบบนี้แล้วเธอจะมีความสุข”
“มาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะถามแบบนี้ทำไมอีก”
“เพราะมันยังทันไง ถ้าเธอจะเปลี่ยนใจ ปล่อยให้บูรพเกียรติเป็นไปตามยถากรรม”
พริริสาได้ยินคำนั้นก็อดหวั่นไหวในใจไม่ได้ แต่พอก้มมองรอยแผลเป็นที่ข้อมือ แววตาเจ้าหล่อนก็เปลี่ยนไป ยากจะลืมเลือนความเจ็บปวดในอดีตได้
“แค่ยถากรรมมันไม่พอสำหรับคนพวกนั้นหรอก”
พริริสาวางแก้วน้ำ แล้วเดินหนีมิราเข้าห้องนอนไปเป็นเชิงตัดบท มิราได้แต่ถอนใจเป็นห่วงเพื่อน

วันนี้ บรรยากาศในตึกบูรพเกียรติคึกคักแต่เช้ามืด ด้วยเป็นวันที่เจ้าชายรัชทายาทจากไทรจีสจะมาเยือน พนักงานในออฟฟิศต่างพากัน เตรียมพร้อมให้การต้อนรับ และจะได้ยลโฉม เจ้าชายคามิน หนุ่มโสดในฝันของสาวๆ ทั่วโลก อย่างตื่นเต้น
อีกด้านเห็นโรซี่ ชนิตา ส่องกระจกเติมแป้งเติมลิปสติก บุษกรก้มมองตรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าตัวเอง

ทีมรักษาความปลอดภัยเตรียมพร้อมที่หน้าตึก ธีภพ และ พริริสา ออกมายืนรอต้อนรับตามกำหนดเวลา
รถของคามินแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึก มีรถองครักษ์แล่นตามหลังมา ทีมรักษาความปลอดภัยประจำจุดหน้าตึกถวายการอารักขาอย่างแข็งขันเต็มอัตรา
ไคซัจลงเปิดประตูรถให้ เจ้าชายคามินในชุดสูท ไม่เนี้ยบหรูแต่มาดดูเท่ ท่าทีสบายๆ ก้าวลงมา องครักษ์ที่มากับรถอีกคัน รีบเข้ามาประกบด้านหลัง
ธีภพและพริริสาเข้าไปต้อนรับคามินก่อน ธีภพและพริริสานำทางคามินให้เข้าไปในตัวตึก ไคซัจและองครักษ์ติดตามเดินตามหลังมา

ธีภพและพริริสาเดินพาคามินเข้ามาด้านในโถงของตึก มีพนักงานยืนเรียงแถวต้อนรับ ไคซัจและองครักษ์ตามหลังมาห่างๆ
คณิน กรนันท์ และศจียืนรออยู่ กรนันท์เห็นคามินตัวเป็นๆ ที่เดินใกล้เข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม หล่อเหลาไม่แพ้ธีภพก็มองตาเป็นประกาย นึกถึงคำพูดปรางกับเชอร์รี่
“ถ้าฉันเป็นเธอนะยัยเกรซ อีตาพี่ภพไม่ใยดีฉันขนาดนี้ ฉันไปหาเจ้าชายดีกว่า บุญหล่นทับมาล่ะก็...แกเอ๊ย แกอาจจะได้เป็นอย่างเจ้าหญิงเคทก็ได้นะแก”
“แบบนั้นใครๆ ก็ต้องเรียกยัยเกรซว่าเจ้าหญิงเกรซสิเนี่ย”
กรนันท์ฝันไปไกลตามคำพูดเยินยอของเพื่อนๆ จนคณินต้องสะกิดให้เดินไปต้อนรับเจ้าชายด้วยกัน คณินโค้งทำความเคารพ กรนันท์และศจีย่อตัวทำความเคารพตาม กรนันท์ส่งยิ้มและสายตาให้คามินอย่างไม่ปิดบัง
“ยินดีที่ได้เจอกัน คุณคณิน” คามินเอ่ยทัก
“กระหม่อมเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่เจ้าชายเสด็จมาที่บูรพเกียรติของเรา”
กรนันท์กระแอมในลำคอให้คณินแนะนำตนบ้าง
“นี่กรนันท์ ลูกสาวกระหม่อม”
“จะเรียกสั้นๆ ว่าเกรซก็ได้ค่ะ เอ๊ย เพคะ ขอประทานอภัยที่พูดผิดพูดถูก”
“ไม่เป็นไรหรอกคุณเกรซ อีกอย่างผมเองก็ชอบพูดคุยแบบปกติธรรมดามากกว่า” คามินบอก
“ดีเลยค่ะ พูดคุยกันปกติจะได้สนิทสนมกันง่ายขึ้น”
“ยัยเกรซ!” คณินปรามให้ลูกสาวรักษากิริยา
“เกรซหมายถึงสนิทสนมกันในแง่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจไงคะ”
คามินมองกรนันท์ปราดเดียวก็ประเมินได้ขาดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่ก็ยิ้มให้อย่างรักษามารยาทแถมโปรยเสน่ห์ในที
“จริงของคุณเกรซ สนิทสนมกันไว้ เวลาคุยธุรกิจกันอะไรๆ ก็จะได้ง่ายขึ้น”
คณินโล่งใจ กรนันท์ยิ่งยิ้มปลื้มลืมโลกที่คามินเห็นด้วยกับตน
พริริสาเฝ้ามองดูคามินกับคณินอย่างพึงพอใจที่อีกไม่นานแผนทุกอย่างจะสำเร็จ โดยไม่รู้ตัวว่าธีภพเองก็เฝ้าจับสังเกตพริริสาอีกทอดโดยไม่วางตา

ในขณะที่ทีมรักษาความปลอดภัยประจำตำแหน่งอยู่หน้าตึกบูรพเกียรติ ไกลออกไปที่ถนนฝั่งตรงข้ามเห็นรถคันหนึ่งจอดซุ่มดูอยู่ จนเมื่อกระจกรถลดลงจึงเห็นอาซิสนั่งอยู่ในนั้น มองที่ตึกบูรพเกียรติอย่างมุ่งร้าย

มีการวางแผนมาแล้วล่วงหน้า ตั้งแต่ในเซฟเฮ้าส์ราห์มานที่ไทรจีส โดยอาซิสยืนรายงานเรื่องคามินให้ราห์มานฟัง
“สายของเราส่งข่าวกำหนดการเดินทางไปประเทศไทยของเจ้าชายคามินมาครับ”
“คามินไปประเทศไทยงั้นเหรอ” ราห์มานแปลกใจ
“เห็นว่าจะไปติดต่อเรื่องธุรกิจที่นั่น เป็นการเดินทางแบบส่วนตัว ส่วนเจ้าหญิงพริริสาเองก็อยู่ประเทศไทยเพื่อเรื่องนี้เหมือนกันครับ”
“งั้นก็ไปจัดการตามแผนการของเราซะ ตามไปเด็ดแขนเด็ดขาพี่ชายเราให้ได้ แล้วงานใหญ่ของเราก็จะสำเร็จง่ายขึ้น”
ราห์มานยิ้มเหี้ยม อาซิสโค้งรับเอาคำสั่งดังกล่าว

ระหว่างนี้อธิรุธเดินมาพูดคุยกับกลุ่มทีมรักษาความปลอดภัย
“ฝากทางนี้ด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรบอกผมได้ตลอด”
อธิรุธมองออกไปที่ถนนเห็นรถน่าสงสัยจอดอยู่ก็เพ่งมอง อาซิสเห็นอธิรุธมองเอาๆ จึงหันไปสั่งทหารกบฏที่ทำหน้าที่คนขับให้ออกรถไป อธิรุธได้แต่มองตามรถน่าสงสัยนั้นแล่นออกไป

ชนิตาวิ่งหน้าเริดเข้ามาหาโรซี่ บุษกรและกลุ่มพนักงานที่ไม่ได้ไปยืนต้อนรับคามิน
“มาแล้วเจ้าชายมาแล้ว”
โรซี่ บุษกรและพนักงานคนอื่นๆพากันตื่นเต้นวิ่งกรูกันออกไป

โรซี่ บุษกรและพนักงานคนอื่นๆ พากันวิ่งมาหลบมุมตามทางเดินเพื่อแอบดูคณะของคามิน เห็นคณิน กรนันท์ และธีภพพาคามินเดินไปตามทาง มีไคซัจ องครักษ์ 2 คน เดินตามหลัง
“นั่นไงเจ้าชายคามิน หล่อมาก” โรซี่แทบกรี๊ด
บุษกรหยิบผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากโรซี่เอาไว้
โรซี่ดึงออก “เอาผ้ามาปิดปากฉันทำไมยะ”
“จะซับน้ำลายให้น่ะ อ้าปากค้างนานเชียว”
โรซี่อาย “ว้าย! ลืมตัวไปหน่อย”
กรนันท์แกล้งเดินสะดุดทำท่าจะล้ม คามินอยู่ใกล้จึงคว้าแขนเอาไว้และช่วยพยุงขึ้น
“ขอบคุณค่ะ”
กรนันท์ส่งสายตาให้ท่าพองาม ทุกคนพากันเดินตรงไปยังห้องประชุมต่อ
ชนิตาและโรซี่ที่แอบมองอยู่ พากันเบ้ปากกลอกตามองบนรู้ทันมารยาหญิงของกรนันท์
“ฉันว่าคุณเกรซนี่ชักจะยังไงๆ แล้ว” โรซี่เปิดประเด็น
บุษกรท้วง “คุณเกรซอาจจะเดินสะดุดจริงๆ ก็ได้”
“ฉันเห็นเต็มสองตาจงใจชัดๆ”
“แต่คุณเกรซเขาเพิ่งหมั้นกับคุณภพนะ”
โรซี่เซ็งเหลือ “โอ๊ย เบื่อจริงๆ ใครก็ได้เอาแม่โลกสวยนี่ไปเก็บที”

คณิน ธีภพและกรนันท์ พาคามินเดินดูแผนกต่างๆ ภายในตึกบูรพเกียรติ ทั้งห้องแล็บตรวจเพชร ห้องเจียระไน ห้องประกอบตัวเรือน และคอยอธิบายเรื่องการทำงานของบูรพเกียรติ

อีกฟาก ในร้านอาหารเล็กๆ แต่ตกแต่งสวยงามดูเป็นส่วนตัว มีพื้นที่ด้านหน้าเป็นสวนสวย ส่วนด้านในเห็นพนักงานกำลังจัดปูโต๊ะอาหารสำหรับแขกวีไอพีที่กำลังจะมา
ตรงมุมเล็กๆ ในร้าน เป็นครัวเปิด มีเชฟหนุ่มกำลังจัดเตรียมของและตกแต่งจานอาหารไทยอย่างสวยงาม เตรียมไว้ มีมิราคอยช่วยเชฟหยิบจับโน่นนี่เล็กๆ น้อยๆ
ศจีซึ่งมาเตรียมอาหารต้อนรับคามิน มองดูเชฟที่เตรียมอาหารอย่างตื่นเต้น มิราเดินเข้ามาหาศจีและพริริสา
“นี่เชฟจากสถานทูตไทรจีสมาเองเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ เชฟเจมส์เคยทำอาหารให้เจ้าชายคามินหลายครั้ง เขาจะรู้ว่าเจ้าชายชอบรสชาติแบบไหน”
ศจีชื่นชม “มิน่าผู้กองอธิรุธถึงแนะนำคุณมิราให้มาเป็นที่ปรึกษา”
มิราเม้าท์เพลินหลุดปากไปว่า “ความจริงไม่ต้องมีฉันเป็นที่ปรึกษาก็ได้ค่ะ เพราะมีคนรู้ดีกว่าฉันอยู่แล้ว”
ศจีแปลกใจ “ใครเหรอคะ”
พริริสากระแอมเตือน
มิรารีบแก้ตัว “ฉันหมายถึงมีคนอื่นที่เก่งกว่าน่ะค่ะ ฉันก็รู้แค่ผิวเผิน”
“แหม อย่าถ่อมตัวไปเลยค่ะ”
มิราได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป

รถของอาซิสแล่นมาจอดหลบมุมที่บริเวณด้านหลังร้านอาหาร ประตูรั้วโปร่งสามารถเข้าทางด้านหลังได้
“ตามข่าวที่ได้มาอีกเดี๋ยวเจ้าชายคามินจะเดินทางมาที่นี่ครับ” ทหาร 1 รายงาน
อาซิสพยักหน้ารับรู้ ส่งสายตาให้ทหารกบฏ 2 คนลอบเข้าไปด้านใน ทหารทั้ง 2 รับเอาคำสั่ง ลงจากรถไป

ส่วนในร้านอาหาร ศจีหยิบมือถือมาเปิดตารางวันนี้ดูอีกรอบ พลางดูเวลา
“อีกเดี๋ยวจะได้เวลาท่านประธานจะพาเจ้าชายมาที่นี่แล้ว”
“เดี๋ยวฉันไปดูความเรียบร้อยด้านนอกให้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
มิราเดินออกไป พนักงานที่จัดเรียงจานอยู่ จู่ๆ ก็ทำจานหล่นแตกเสียงดังเปรื่องปร่าง ศจีสะดุ้ง
“ว้าย ตายแล้ว ระวังหน่อยสิ”
“ขอโทษค่ะ”
“เก็บกวาดให้เรียบร้อยเลย ห้ามมีเศษกระเบื้องเหลือแม้แต่นิดเดียวเลยนะ โอ๊ยลางไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย” ศจีกังวล “อย่าให้มีอะไรผิดพลาดเลย งานนี้ถ้าเจ้าชายเกิดไม่พอใจอะไรขึ้นมาอนาคตบริษัทเราเลยนะ”
พริริสาปลอบ “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะพี่ศจี ต่อให้มีอะไรผิดพลาดมากแค่ไหน ยังไงเจ้าชายก็ร่วมทุนกับบูรพเกียรติแน่”
ศจีมองฉงน แปลกใจมาก “เอาอะไรมามั่นใจขนาดนี้ริสา”
พริริสายิ้มมั่นใจโดยไม่ตอบ

ทหารกบฏ 2 คน ลอบเข้ามาในบริเวณสวนสวยของร้านอาหาร ขณะที่มิราออกมาที่ด้านนอกพอดี ทหารกบฏรีบหลบมุมซ่อนตัว พนักงานอีกคนเดินผ่านมา มิราเดินเข้าไปหา
“มีคนของบริษัทบูรพเกียรติมาถึงหรือยังคะ”
“ยังเลยครับ”
“เดี๋ยวจะได้เวลาเจ้าชายเสด็จมาแล้ว ตาผู้กองอธิรุธมัวไปทำอะไรอยู่”
มิราส่ายหน้า คิดว่าอธิรุธทำงานไม่ได้เรื่อง

อธิรุธขับรถมาที่บริเวณด้านหลังร้าน มองไปข้างหน้าเห็นรถคุ้นตาจอดซุ่มดูอยู่
เขาจำได้แม่นว่าเป็นรถที่เห็นตอนมองออกไปหน้าตึกบูรพเกียรติ เห็นรถน่าสงสัยจอดอยู่ก็เพ่งมอง อาซิสรู้แกวรีบหันไปสั่งทหารกบฏที่ทำหน้าที่คนขับให้ออกรถไป อธิรุธได้แต่มองตามรถน่าสงสัยนั้นแล่นออกไป
อธิรุธ แปลกใจที่รถคันเดิมบังเอิญมาอยู่บริเวณนี้ ตัดสินใจชะลอรถและจอดเลียบข้างทาง
อาซิสนั่งอยู่ในรถรอฟังข่าว มองไปที่กระจกมองหลังเห็นรถอธิรุธหยุดจอดก็แปลกใจ
อธิรุธลงจากรถตัดสินใจเดินตรงไปดูรถต้องสงสัย ตรงไปกระชากประตูรถเปิดออกดู แต่ด้านในกลับไม่มีใครอยู่ อธิรุธยิ่งแปลกใจที่ประตูรถไม่ได้ล็อคแต่ไม่มีใครอยู่ในรถ
ที่แท้อาซิสหลบอยู่ตรงมุมซ่อนตัวบริเวณนั้น หยิบปืนออกมากระชับในมือ หากอธิรุธผลีผลามเข้าใกล้พร้อมจะเล่นงานทันที

มิราเห็นอธิรุธยังไม่มาสักที จึงเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นเงาใครคนหนึ่งทอดยาวออกมาเหมือนยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ก็แปลกใจ ตัดสินใจเดินไปดู
“ใครน่ะ”
ทหารกบฏตกใจ คนหนึ่งเข้าชาร์จล็อคตัวและปิดปากมิราเอาไว้ มิราตกใจพยายามกรีดร้องและดิ้นรนขัดขืน แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
เมื่อเห็นพนักงานร้านเดินออกมาอีกด้าน มิราพยายามสุดกำลังจะร้องให้ช่วย พนักงานเหมือนได้ยินเสียงอู้ๆ อี้ๆ เหลียวซ้ายแลขวาดู แต่ทหารกบฏลากมิราหลบไปอีกทาง เมื่อไม่เห็นอะไรพนักงานจึงคิดว่าตนหูแว่ว เดินกลับเข้าร้านไป
มิราถูกลากไปอีกด้านตัดสินใจสู้ใช้ศอกกระแทกใส่สีข้างทหารกบฏเต็มแรง และดิ้นหลุดมาได้ รีบแหกปากร้องตะโกนเสียงดังลั่น
“ช่วยด้วย...”

อธิรุธค่อยๆ สืบเท้าเดินไปดูบริเวณที่อาซิสหลบอยู่ กบฎจากไทรจีสกระชับปืนในมือแน่นเตรียมพร้อม
“ช่วยด้วย...”
อธิรุธได้ยินเสียงมิราร้องก็ตกใจ รีบวิ่งไปทางประตูรั้วด้านหลังร้านทันที อาซิสเก็บปืน

ทหารกบฏอีกคนพยายามเข้ามาตะครุบตัวมิราไว้ ปิดปากแน่นแต่อีกฝ่ายไม่ยอมง่ายๆ ทหารกบฎคนนั้นจึงต่อยเข้าท้องมิราจังๆ มิราเจ็บจุกหมดแรงสู้ อธิรุธวิ่งเข้ามาเห็นมิราถูกทำร้ายก็ตกใจ รีบชักปืนออกมาเล็งใส่
“เฮ้ย ปล่อยผู้หญิง”
ทหารกบฏยอมปล่อยร่างมิราร่วงลงกับพื้น ทั้งคู่ทำทีเป็นยกมือขึ้น
พออธิรุธเข้าไปใกล้ ทหารกบฏได้จังหวะเล่นงานอธิรุธ เตะปืนในมืออธิรุธจนกระเด็นไป อธิรุธต่อสู้กับทหารกบฏ 2 ต่อ 1 ทหารกบฏทั้งสองมองหน้ากันไม่อยากให้เรื่องบานปลาย จึงพากันวิ่งหนีออกไปทางประตูรั้วด้านหลัง อธิรุธจะตามไป แต่หันมาเห็นมิรานอนเจ็บกองอยู่ที่พื้นจึงเปลี่ยนใจ เข้ามาดูมิราแทน
“คุณ...คุณเป็นยังไงบ้าง”
มิราจุกพูดอะไรไม่ออก ลุกขึ้นไม่ขึ้น อธิรุธตัดสินใจอุ้มมิราขึ้น รีบพาเข้าไปในร้าน

มิรานั่งที่โต๊ะอาการดีขึ้นแล้ว ศจีและพริริสาคอยดูแลอย่างเป็นห่วง
“ตายแล้วทำไมถึงมามีเรื่องวันนี้ด้วยนะ พวกมันเป็นใครคะ” ศจีถาม
“ฉันก็ไม่ทราบหรอกค่ะ อาจจะเป็นพวกหัวขโมยที่แอบเข้ามา”
อธิรุธเดินกลับเข้ามาสมทบ
“ผมแจ้งตำรวจท้องที่และให้ทีมรักษาความปลอดภัยตรวจดูบริเวณรอบๆ แล้ว”
“ดีนะคะที่พวกมันไม่มาตอนเจ้าชายเสด็จ ไม่งั้นล่ะก็...”
ศจีไม่ทันพูดจบ พริริสาตัดบท “ผู้กองคะ ช่วยพาคุณมิรากลับไปพักหน่อยก่อนได้ไหมคะ”
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว โอ๊ย” มิราเจ็บท้องขึ้นมาอีก
“อย่าฝืนเลยคุณ งานทางนี้ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ คุณมิรากลับไปพักก่อนเถอะนะคะ”
“ฝากด้วยนะคะผู้กอง” พริริสาบอก
“ไม่ต้องห่วงครับ ส่งถึงที่หมายแน่นอน”
อธิรุธเข้าไปประคองมิราให้ลุกขึ้น สาวไทรจีสจำใจต้องกลับก่อน พริริสาและศจีได้แต่มองตามมิราอย่างเป็นห่วง
ศจีนึกได้ “อุ๊ย ได้เวลาพี่ต้องไปเคลียร์ทางโชว์รูมก่อนนะริสา พี่ฝากทางนี้ด้วยนะ”
“ค่ะ”
ศจีรีบออกไปอีกคน

บริเวณหน้าร้านทีมรักษาความปลอดภัยคุยผ่านสมอลล์ทอล์ค
“เรียบร้อยใช่ไหม”
ไคซัจและองครักษ์ 2 คน คอยดูแลความเรียบร้อยด้านในและสวนหลังร้าน

เชฟมาอธิบายอาหารแต่ละจานบนโต๊ะอาหาร โดยมีพนักงานยืนรอบริการ คามินมองอาหารบนโต๊ะอย่างพอใจ คณินและกรนันท์เห็นก็พากันโล่งใจ จากนั้นทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันอย่าง เอร็ดแอร่ม
ธีภพพยายามมองหาว่าพริริสาไปหลบอยู่ไหน คามินลอบสังเกตธีภพอยู่เงียบๆ
“ผมขอตัวสักครู่” คามินขยับลุกขึ้น
“เชิญครับ”
คามินลุกออกจากโต๊ะ เดินไปทางห้องน้ำของร้าน
กรนันท์เอ่ยขึ้นว่า “ท่าทางเจ้าชายดูจะพอใจการต้อนรับของเรานะคะ โดยเฉพาะอาหารมื้อนี้ เกรซ
เป็นคนเลือกปิดร้านนี้เลยนะคะ”
“เจ้าชายพอใจพ่อก็สบายใจ ภพคิดว่าไง”
“ถ้าทุกอย่างราบรื่น ผมว่าเราควรจะพูดเรื่องข้อเสนอการร่วมทุนหลังจากพาเจ้าชายไปดูโชว์รูมของเรา คุณศจีไปเตรียมทุกอย่างที่โน่นแล้ว”
“อาเห็นด้วย”
กรนันท์เอะใจ “คุณศจีไปคนเดียวเหรอคะ”
“ทำไมเหรอ” คณินงง
กรนันท์หวาดระแวง เหลียวมองไปรอบๆ ร้าน ไม่เห็นพริริสาเลย
“เกรซขอไปดูเจ้าชายก่อนนะคะ”
กรนันท์ลุกออกไปจากโต๊ะทันที คณินและธีภพพากันแปลกใจ

คามินหลบมุมมาคุยกับพริริสาเรื่องที่มิราถูกทำร้าย
“มีเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ดีนะที่มิราไม่เป็นอะไร แล้วจับคนร้ายได้หรือเปล่า”
พริริสาส่ายหน้า คามินยิ่งโกรธ
“ทำไมพวกบูรพเกียรติหละหลวมขนาดนี้ มิน่าถึงได้บริหารธุรกิจออกมาย่ำแย่ มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด”
“ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอกคะ”
“พูดแบบนี้กำลังเข้าข้างพวกบูรพเกียรติอยู่รู้ตัวหรือเปล่า” คามินเคือง
“ริสาจะเข้าข้างพวกนั้นทำไม”
“หรือว่ากำลังแก้ตัวแทนนายธีภพอยู่”
พริริสาเคืองขึ้นมาบ้าง “พี่คามิน”
“พี่เห็นหมอนั่นมองหาเราตั้งแต่เข้ามาในร้านแล้ว”
“เขาจะมามองหาริสาทำไม คู่หมั้นเขาก็อยู่ที่โต๊ะด้วย”
คามินแปลกใจ “คู่หมั้น คุณเกรซน่ะเหรอ”
“ใช่ กลับจากไทรจีสเขาก็หมั้นกันแล้ว”
คามินนึกพอใจที่ได้รู้ว่าธีภพหมั้นกับกรนันท์แล้ว
“นายธีภพมีคู่หมั้นแล้วก็ดี ไม่เสียใจใช่ไหม”
คามินจับหัวพริริสาโยกอย่างหยอกเอิน ตามความเคยชิน
“พูดดีๆ นะ ริสาจะเสียใจทำไม”
กรนันท์เดินเข้ามาอีกด้านมองหาคามิน
“เสียใจก็บอกมาพี่จะได้กอดปลอบใจ”
คามินจับบ่าพริริสาทำท่าจะกอดหยอกล้อ พริริสาใช้แขนดันไว้ไม่ยอมให้กอด
กรนันท์เดินมาเห็นภาพนั้น ชะงักกึก ตาลุกวาวเข้าใจไปว่าพริริสาให้ท่าเจ้าชายคามินอยู่

ด้านมิรานั่งเอนอยู่ที่โซฟาในห้อง อธิรุธยืนเตรียมอาหารที่ครัวมุมห้อง
“นี่คุณยังไม่กลับไปอีก”
อธิรุธยกจานอาหารและน้ำมาให้มิรา
“จะกลับได้ไง คุณยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ กินอะไรก่อนแล้วจะได้กินยาแก้ปวด”
อธิรุธทำทะเล้นจะป้อนมิรา
“มาผมป้อน”
มิราแย่งช้อนมา “ฉันกินเองได้”
อธิรุธหยิบช้อนอีกคันมาตักแย่งกิน
“อะไรเนี่ย มาแย่งฉันกินทำไม”
“อ้าวคุณ ผมก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเหมือนกันนะ ผมหิว แบ่งกันนะ”
อธิรุธตักกินต่อไม่สนใจ มิราลอบมองนึกขำอีกฝ่าย รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

คามินผละจากพริริสาจะกลับไปที่โต๊ะ หันมาเห็นกรนันท์ยืนอยู่ก็ชะงัก
กรนันท์ขบกรามแน่น พยายามรักษามารยาท “เกรซมาดูน่ะค่ะ เผื่อเจ้าชายจะอยากได้อะไรเพิ่มเติม”
“ขอบคุณมากที่เป็นห่วง ผมกำลังจะกลับไปที่โต๊ะพอดี”
รอจนคามินเดินกลับเข้าร้านไป พริริสาจะเดินหลบไปอีกทาง กรนันท์เรียกไว้
“จะรีบไปไหน”
“คุณเกรซมีอะไรกับฉันเหรอคะ”
“ทำเป็นมุดหัวอยู่หลังร้าน ที่แท้ก็แผนสูงรอจังหวะอยู่สินะ”
พริริสารู้ทันทีว่ากรนันท์คงเห็นตนกับคามินที่หยอกล้อกันเมื่อครู่
“ฉลาดดีนี่ พอรู้ว่าพลาดท่าจากพี่ภพ ก็เปลี่ยนเป้าหมายไปหาเจ้าชาย” กรนันท์มองพริริสาหัวจรดเท้า “พวกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
พริริสายิ้มเยาะ “คงไม่ใช่แค่ฉันหรอกมั้งคะที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คุณเองก็เหมือนกัน แต่เท่าที่ดูเจ้าชายเป็นคนไม่ถือตัว ไม่แบ่งแยกคนจากฐานะ โดยเฉพาะกับฉัน ไม่ใช่แค่คุณ”
ธีภพเดินเข้ามาได้ยินพอดี พริริสาเห็นธีภพยืนมองตนอย่างไม่พอใจนักก็ชะงักไป
กรนันท์โกรธสุดขีด “นังริสา แก...”
เสียงธีภพดังขัดขึ้น “เกรซคะ ทำไมหายไปนาน เจ้าชายกำลังจะไปที่โชว์รูมแล้ว”
กรนันท์กัดฟันกรอดๆ “เกรซกำลังเตือนเลขาของพี่ภพอยู่ ว่าอย่ามายืนลับๆ ล่อๆ คอยดักรอเจ้าชาย นี่คงหวังอาศัยหน้าที่การงานบังหน้า แต่จริงๆ กำลังหาทางยกระดับตัวเอง ฝันเฟื่องไม่เข้าท่า”
“คุณอารออยู่ เกรซรีบไปเถอะค่ะ”
ธีภพตัดบทโอบไหล่กรนันท์พาเดินออกไป กรนันท์ประหลาดใจนิดๆ แต่หันมายิ้มเยาะให้คู่ปรับ
พริริสาได้แต่มองตามอย่างรู้สึกเจ็บลึกๆ อยู่ข้างใน

สององครักษ์ยืนยามเฝ้าอยู่ด้านหน้าโชว์รูมอย่างแข็งขัน ส่วนด้านใน คณิน ธีภพ และกรนันท์ พาคามินเดินชมโชว์รูม มีพนักงานคอยต้อนรับ กรนันท์รีบแนะนำส่วนต่างๆ ในโชว์รูมให้คามินฟัง

ที่ห้องรับรองในโชว์รูม คามินนั่งอ่านเอกสารเรื่องข้อเสนอการร่วมทุน ธีภพและคณินนั่งรอดูท่าที คามินอ่านเอกสารจบปิดแฟ้มส่งให้ไคซัจที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ข้อเสนอของเรา ถ้าเจ้าชายมีปัญหาตรงไหนบอกได้เลยนะครับ”
“ผมมาที่นี่ก็เพื่อทำเรื่องข้อตกลงระหว่างเราให้จบลงแบบเร็วที่สุด”
“ทางเราก็ยินดีครับ ถ้าเราจะตกลงกันได้โดยเร็ว จริงไหมภพ”
ธีภพไม่มั่นใจนักว่าการร่วมทุนครั้งจะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าแต่ก็ต้องตอบไป
“ครับ”
“ผมขอเอาสัญญานี้กลับไปศึกษาก่อน แล้วจะให้ข่าวดีกับพวกคุณอย่างเร็วที่สุด” คามินสรุป
คณินดีใจในท่าทีของคามิน ในขณะที่ธีภพกลับกังวลใจโดยประหลาด

ทันทีที่กลับถึงบ้าน กรนันท์ฟ้องเรื่องเห็นพริริสามีท่าทีสนิทสนมกับคามินจนผิดปกติให้กานดาฟัง
“เกรซเห็นกับตาว่ามันกำลังให้ท่าเจ้าชายคามิน แถมมันยังกล้าพูดว่าเจ้าชายไม่ถือตัวกับมัน”
“นังริสามันคงจะเบนเข็มไปหาเจ้าชายแล้วสิท่า งั้นก็ปล่อยมันไป มันจะได้เลิกยุ่งกับตาภพของเรา”
“ไม่ได้นะคะ เกรซไม่ยอม”
กานดาแปลกใจกับคำพูดและท่าทีของกรนันท์
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันยัยเกรซ”
“ก็เกรซจะไม่ยอมให้มันแย่งเจ้าชายคามินไปได้น่ะสิคะ”
“แล้วตาภพล่ะ ลูกหมั้นกับเขาแล้วนะ”
“ก็แค่หมั้น แหวนวงเดียวมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรนักหนาหรอกค่ะคุณแม่ ปกติพี่ภพก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรเกรซอยู่แล้ว คุณแม่ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าเจ้าชายหันมาสนใจเกรซมันจะดีแค่ไหน”
กรนันท์ทำหน้าฝันหวาน กานดาคิดตามก็พลอยเห็นดีเห็นงามไปกับลูกสาวด้วย มีลูกเขยเป็นเจ้าชายยังไงก็ย่อมดีกว่าคนธรรมดาสามัญ
“ถ้าอย่างงั้นลูกสาวแม่ก็ต้องลองดูท่าทีเจ้าชายคามินแล้วล่ะว่าจะสนใจเราสักแค่ไหน”
กรนันท์มั่นหน้ามั่นใจมาก “เกรซมั่นใจค่ะว่าเจ้าชายจะต้องสนใจเกรซมากกว่านังเลขาต่ำเตี้ยเรี่ยดินนั่นแน่”
“งั้นเราก็ต้องหาโอกาสใกล้ชิดเจ้าชายให้มากกว่านี้”
“คุณแม่มีวิธีเหรอคะ”

กานดาพยักหน้ารับ วาดแผนการให้กรนันท์ได้ใกล้ชิดคามินในหัวทันที

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงนรี ตอนที่ 7 (ต่อ)

พริริสาถึงตึกบูรพเกียรติแต่เช้า เวลานี้ชงกาแฟอยู่กับบุษกร โรซี่ และชนิตา ผ่านมาเห็นปรี่กันเข้ามาหาร้องเรียกพริริสาเสียงดังพร้อมๆ กัน

“ริสา”
บุษกรรีบกางมือกั้นสองคน
“หยุด รู้นะรีบมาหาริสาเรื่องอะไร”
โรซี่ค้อนควัก “ที่รู้เพราะเธอมาชิงตัดหน้าถามริสาเรื่องเจ้าชายคามินไปแล้วใช่ไหมยัยบัว”
บุษกรยิ้มกริ่ม “ใช่แล้ว”
โรซี่เข่นเขี้ยว ทำท่าอยากจะบีบคอบุษกร
“งั้นเล่าอีกรอบนะริสานะ พวกเรายังไม่ได้ฟังเลย อยากรู้เจ้าชายตัวจริงเป็นยังไง” ชนิตาถาม
“เจ้าชายคามินก็...”
พริริสาไม่ทันได้พูดต่อ กานดาก็เดินเข้ามาแววตาจงใจหาเรื่อง ทุกคนพากันชะงัก ที่กะลังฟูๆ อยู่ แฟบหงอกันไปเลย
“เป็นไง ได้เจอเจ้าชายแล้วคงกำลังคิดฝันเฟื่องกันสนุกเลยสิ”
พริริสายิ้มทัก “คุณกานดา”
กานดาส่งสายตาพิฆาตสั่งให้พวกโรซี่ออกไป สามสาวจำใจถอยออกไปจากห้อง ได้แต่ส่งสายตาขอโทษพริริสาที่อยู่ด้วยไม่ได้
“ฝันไปไกลถึงไหนแล้วล่ะ” กานดาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแดกดัน
พริริสาย้อนว่า “ก็คงใกล้ความจริงแล้วมั้งคะ”
“งั้นก็แสดงว่าเธอยังไม่ตื่น เพราะไม่ว่าเธอจะฝันอะไร มันไม่มีทางจะเป็นจริงขึ้นมาได้ทั้งนั้น”
กานดาดึงถ้วยกาแฟในมือพริริสา มาเทลงอ่าง และทิ้งแก้วกาแฟลงถังขยะ
“ถ้าไม่อยากเป็นอย่างแก้วกาแฟใบนั้นที่ต้องลงไปนนอนที่ก้นถังขยะ อยู่ให้ห่างจากเจ้าชายคามินไว้”
กานดาเดินออกไปเลย พริริสาได้แต่มองตามอย่างเกลียดชังเป็นที่สุด

ธีภพเดินผ่านมาเห็นกานดาเดินออกมาจากห้องชงกาแฟ ก่อนจะเห็นพริริสาเดินตามออกมาสีหน้าไม่ดีนัก ธีภพจึงเดินเข้าไปหาพริริสา
“อากานดามาหาคุณทำไม”
“มาเตือนฉันด้วยความหวังดีมั้งคะ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องเจ้าชายคามิน”
“เกรซคงไปบอกคุณอาเรื่องเมื่อวาน ที่คุณแอบคุยกับเจ้าชาย”
“ฉันไม่ได้แอบ ก็แค่ทักทายกัน”
ธีภพตีรวน “ทักทายหรือนัดแนะกัน”
พริริสาหน้าตึง นึกโมโห “คุณภพ”
“ทำไม ทำเป็นโมโหเพราะผมรู้ทันคุณใช่ไหม”
พริริสาย้อนกลับ “ฉันว่าแทนที่คุณจะเอาเวลามารู้ทันฉัน เอาเวลาไปรู้เรื่องคู่หมั้นคุณบ้างก็ดีนะคะ”
“เกรซมาเกี่ยวอะไรด้วย”
พริริสายิ้มเยาะที่ธีภพไม่รู้อะไรเลย “ไม่แปลกใจบ้างเหรอคะทำไมคุณกานดา จะต้องมาเตือนฉันเรื่องเจ้าชายคามิน คงไม่ใช่ฉันหรอกที่จะถูกเททิ้ง”
พริริสาเดินออกไปเลย ปล่อยให้ธีภพยืนงง ไม่เข้าใจคำพูดประชดเสียดสีของเจ้าหล่อนนัก

อีกฟาก คามินและกรนันท์อยู่บนเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา กรนันท์ชี้ชวนคามินดูวิวริมแม่น้ำ ไคซัจและองครักษ์ 2 คน อยู่ที่ท้ายเรือ คอยดูแลความปลอดภัย

ไคซัจและองครักษ์ลงจากเรือมายืนรอ คามินยื่นมือให้กรนันท์จับลงจากเรือ กรนันท์สบช่องทำเป็นเซถลาซบกับอกคามิน เจ้าชายยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน แต่ไม่พูดอะไร ส่วนกรนันท์ฟูฟ่องหัวใจพองโต ลอบยิ้มคิดว่าคามินมีใจให้ตน
มีทหารกบฏ 2 คน หลบมุมมองดูคามินอยู่ห่างๆ ท่ามกลางคนสัญจรผ่านไปมาตามปกติ
ไคซัจและองครักษ์กวาดสายตาสอดส่องดูโดยรอบ ทหารกบฏ 2 คน รีบหลบไม่ให้พวกไคซัจเห็น
กลุ่มคามินเดินออกไป ทหาร 1 หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาติดต่อหาอาซิส
“เจ้าชายคามินมาถึงแล้วครับ”

ต่อมา กรนันท์เป็นไกด์พาเจ้าชายคามินเดินเที่ยวชมบรรยากาศตามทางในคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้ โดยไม่รู้เลยว่ามีกลุ่มอาซิสซุ่มรออยู่ และแอบตามมาห่างๆ
“วิวที่นี่สวยมาก” คามินว่า
ลับหลังกรนันท์แอบเบ้ปาก ไม่ได้สนใจวิวทิวทัศน์สักน้อย เพราะทั้งร้อนทั้งเหนื่อย แต่พยายามฝืนยิ้มเข้าไว้
“ค่ะสวยมากเลย แต่คงสู้ไทรจีสไม่ได้ เกรซอยากจะมีโอกาสได้ไปเห็นไทรจีสบ้างจัง”
“แต่ละที่ก็มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ถ้าคุณอยากเห็นไทรจีส ก็ลองไปเที่ยวสักครั้งสิครับ” คามินเปิดทาง
“เกรซถือว่านี่เป็นคำชวนจากเจ้าชายได้ใช่ไหมคะ”
กรนันท์ยิ้มระรื่น ทำใจกล้ายื่นมือไปแตะแขนคามินแสดงความสนิทสนม คามินปรายตามองมือนั้นรู้ทันว่าอีกฝ่ายกำลังหยั่งเชิง จึงยกมือขึ้นจับมือที่แตะแขนตนอีกที ให้เห็นว่ายอมให้สนิทสนมด้วย แต่ในใจมีแผนบางอย่าง
“อีกหน่อยถ้าเราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันแล้ว ผมก็ต้องมีโอกาสต้อนรับคุณที่ไทรจีสแน่ๆ”
“ทำไมใช้คำว่าถ้าละค่ะ”
“ผมก็เผื่อไว้ก่อน”
“อย่าเผื่อเลยค่ะ เจ้าชายคงไม่เปลี่ยนใจใช่ไหมคะ”
“อย่าเพิ่งคุยเรื่องงานเลย ท่าทางคุณจะเหนื่อยแล้วนะตอนนี้”
คามินทำทีหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อให้สาวเจ้า กรนันท์เป็นปลื้มจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่
“เกรซไม่เหนื่อยเลยค่ะ แต่อากาศร้อนแบบนี้น่าจะมีร่มสักหน่อยนะคะ”
กรนันท์เห็นคามินเทคแคร์ตนก็เริ่มลืมตัว หันไปมองจิกไคซัจกึ่งๆ ตำหนิ
“นี่ ไม่มีใครเตรียมมาเลยหรือไง”
คามินพยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้ไปหาร่มมา ไคซัจโค้งรับคำสั่ง ลอบทำหน้าเซ็งกรนันท์ ก่อนจะเดินออกไป

อาซิสเห็นไคซัจออกไป นับเป็นโอกาสที่ดี หยิบปืนออกมาเดินตรงมาใกล้คามินหวังจะจัดการแบบระยะประชิด
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีนักข่าวกรูกันเข้ามาล้อมกรอบคามินและกรนันท์ขอถ่ายรูป ทำให้อาซิสต้องชะงัก
“เจ้าชายคามิน จากไทรจีสใช่ไหมครับ” นักข่าว1 ยิงคำถาม
องครักษ์รีบเข้ามากันไม่ให้ใครเข้าใกล้คามินและกรนันท์
คนที่เดินผ่านไปมาพากันชะงักมุงดู บ้างหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูป ถ่ายคลิป จนคนที่อยู่อีกด้านเห็นไทยมุง ก็รีบเดินมาดูบ้างบางคนกระแทกอาซิสไปโดยไม่ได้สนใจ
กรนันท์ได้โอกาสรีบเกาะแขนคามินทำทีเป็นตกใจ เพื่อให้นักข่าวถ่ายภาพช็อตเด็ด
“ตายแล้ว นักข่าวมากันได้ยังไงคะเนี่ย”
นักข่าว 2 ถามอีกว่า “วันนี้เจ้าชายมาคุยธุรกิจหรือมาเที่ยวส่วนตัวคะ”
ไคซัจถือร่มวิ่งกลับเข้ามา เห็นกลุ่มนักข่าวกลุ่มไทยมุงมารุมคามินก็ตกใจ อาซิสเห็นไคซัจกลับมาและสถานการณ์ไม่เปิดช่องให้ตน เพราะมีคนเคลื่อนไหวไปมารอบตัวคามิน จึงตัดสินใจหลบออกไปก่อน
“เจ้าชายเสด็จมาเป็นการส่วนตัว ไม่อนุญาตให้มีการสัมภาษณ์ใดๆ ทั้งนั้น”
ไคซัจและองครักษ์แหวกทางให้คามินและกรนันท์ รีบเดินหลบนักข่าวออกไปก่อน

คามินและกรนันท์เดินหลบนักข่าวมาอีกด้าน พร้อมองครักษ์ 2 คนตามมาติดๆ คามินออกอาการหัวเสียมากๆ
“นักข่าวพวกนั้นตามมาได้ยังไง”
กรนันท์ทำแบ๊ว ไม่รู้เรื่อง “นั่นสิคะ”
“ผมบอกไปทางบูรพเกียรติแล้วว่าไม่ต้องการให้เป็นข่าว จนกว่าเราจะตกลงเซ็นสัญญากัน ถึงจะให้มีการทำข่าวได้”
กรนันท์หน้าเสีย “เจ้าชายอย่าเพิ่งโกรธไปเลยนะคะ พวกนักข่าวอาจจะรู้ข่าวจากคนอื่นแล้วมากันเอง ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อหรอกค่ะ”
“ยังไงผมก็ถือเป็นความผิดของทางบูรพเกียรติ ที่ทำตามที่ตกลงกันไม่ได้”
สักครู่หนึ่ง ไคซัจจึงเดินกลับเข้ามา
“นักข่าวไปหมดแล้วพะยะค่ะ”
“งั้นก็กลับ”
คามินหมดอารมณ์ ไม่พอใจมาก เดินออกไปเลย ไคซัจและองครักษ์ รีบตามไป ไม่มีใครสนใจกรนันท์
“เจ้าชายรอเกรซด้วยสิคะ”
กรนันท์รีบเดินตามไป

ฟากกานดาคุยโทรศัพท์กับนักข่าวด้วยสีหน้าพอใจกับผลงาน
“เจ้าชายไม่ให้สัมภาษณ์แต่ได้รูปมา ก็น่าจะทำให้เป็นข่าวได้แล้วนี่ใช่ไหม ยังไงก็อย่าลืมลงรูปคู่เจ้าชายกับลูกสาวฉันด้วยล่ะ”
คณินเดินหน้าเครียดเข้ามาได้ยินตอนท้ายก่อนกานดาจะวางสาย
“ที่แท้คนที่บอกนักข่าวเรื่องเจ้าชายคามินก็คือคุณนี่เอง คุณทำแบบนี้ทำไมกานดา รู้ไหมว่าเจ้าชายในคนโทรมาต่อว่าผมขนาดไหน ที่ปล่อยให้นักข่าวไปถึงตัวเจ้าชายได้”
กานดาไม่แยแส “ยังไงก็ต้องมีข่าว จะมีวันนี้มันจะเป็นอะไรไปคะ”
“แล้วทำไมต้องให้เจ้าชายเป็นข่าวกับลูกเราด้วย ยัยเกรซมีคู่หมั้นแล้วนะ คนที่เขาเห็นข่าวจะนินทาว่าลูกเราเสียๆ หายๆ ได้”
กานดายิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ได้แคร์สักนิด เพราะอยากให้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
คณินเห็นสีหน้าภรรยาก็นึกเอะใจ “หรือคุณคิดจะทำอะไรกานดา”
“ฉันก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ยัยเกรซได้สิ่งที่ดีที่สุดไงล่ะ”
คณินรู้ทันทีว่ากานดาคิดจะจับคู่ให้กรนันท์กับคามิน และยิ่งโมโห
“ในชีวิตคุณคงมีแต่แผนการสินะ เที่ยวหาวิธีสารพัดเพื่อเอาชนะทุกอย่างจนไม่สนความถูกต้องความดีงามอะไรทั้งนั้น”
“ใช่สิคนอย่างฉันไม่ดี ไม่งามเหมือนกับนังพีรดา”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว”
กานดาโกรธจนตัวสั่น จินตนาเดินเข้ามา
“มีอะไรกัน”
“คุณแม่ก็ถามกานดาดูก็แล้วกันครับว่าเขาคิดจะทำอะไร”
คณินเดินหัวเสียออกไป จินตนาหันมามองกานดาอย่างคาดคั้น
“กานดา ทำอะไรให้คณินไม่พอใจอีก”
กานดาได้แต่กัดฟันคุมแค้น คนที่ทำคือคณินต่างหาก

ที่ห้องรับรองในสถานทูตไทรจีส คามินนั่งลงตบโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย ในห้องนอกจากไคซัจ ยังมี พริริสาและมิรา ที่เพิ่งมาถึงและรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว
“สมน้ำหน้า ใครใช้ให้ไปเที่ยวสองต่อกับยัยคุณเกรซ”
คามินมองหน้าไคซัจเป็นเชิงตำหนิ แก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ
“สองต่อสองที่ไหน มีทั้งไคซัจ ทั้งองครักษ์”
“พวกนั้นนับได้ที่ไหน คอยดูนะพรุ่งนี้ ได้มีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่ๆ”
มิรานึกได้ “แล้วถ้าพระชายาเห็นข่าวหนังสือพิมพ์จากประเทศไทยล่ะ”
พริริสาตกใจลืมเรื่องนี้เสียสนิท “พี่คามินห้ามให้แม่เห็นข่าวเด็ดขาดเลยนะ แม่จะรู้เรื่องนี้ไม่ได้จนกว่าทุกอย่างจะจบ”
“กระหม่อมโทรไปสั่งคนที่วังไว้แล้ว” ไคซัจบอก
“ได้ยินแล้วนะริสา ไม่มีอะไรต้องห่วง”
“ถามจริงๆ เถอะ ทำไมพี่คามินต้องออกไปกับคุณเกรซด้วย”
“ก็ว่าง เลยหาคนพาเที่ยว”
“นี่อย่าบอกนะว่าพี่...” พริริสากระดากที่จะพูด “ชอบคุณเกรซ”
คามินหัวเราะร่า “เอาส่วนไหนคิดริสา คนอย่างกรนันท์คงมีแต่คู่หมั้นเขาเท่านั้นละที่เหมาะสมกัน เก็บไว้ให้นายธีภพเถอะ”
พริริสาอดสะท้อนใจไม่ได้ที่มีคนคอยตอกย้ำว่า ธีภพเป็นคู่หมั้นกับกรนันท์
“ทุกอย่างที่พี่ทำก็เพื่องานของเราจะได้ง่ายขึ้น ทำให้พวกนั้นตายใจ ไม่คิดสงสัยอะไรมาก ไม่ดีหรือไง”
มิรานั่งฟังพริริสาและคามินเถียงกัน จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บท้องที่โดนทำร้ายขึ้นมาอีก สีหน้าไม่ดีนัก

ทางด้านธีภพคุยกับอธิรุธเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“ฉันมั่นใจว่าพวกที่ทำร้ายคุณมิรา ไม่ใช่พวกโจรกระจอกที่เข้ามาเพื่อขโมยของแน่ๆ ฝีมือแบบนั้นเหมือนพวกที่ถูกฝึกมาอย่างดี ถ้ามันไม่หนีไปก่อน ฉันก็จะโดนเล่นงานไปอีกคน”
ธีภพอดนึกถึงเหตุการณ์ที่มีคนลอบทำร้ายคามินที่ไทรจีสไม่ได้
คามินยื่นมือมาให้พริริสาจับ พริริสาจะเดินเข้าไปหาแต่เกิดสะดุดก้อนหินเซไป คามินและธีภพต่างถลาเข้าไปคว้าตัวพริริสาไว้ กระสุนจากปืนสไนเปอร์ยิงมาผ่านคามินไปเฉียดฉิว
ทุกคนพากันตกใจ คนขับรถและเจ้าหน้าที่ธรณีวิทยารีบหาที่กำบังตนเอง ไคซัจและองครักษ์ต่างชักปืนออกมากันคามินไว้ ธีภพรีบดึงพริริสาไปหลบหลังรถที่จอดอยู่ กอดปกป้องพริริสาไว้แน่น
ธีภพใคร่ครวญครุ่นคิด
“หรือจะเป็น...”
“นายรู้เหรอว่าเป็นพวกไหน”
“ฉันก็ไม่แน่ใจ”
“แต่ที่แน่ๆ ฉันมั่นใจ คุณมิรา คุณริสา ต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าชายคามิน แต่จะเกี่ยวข้องกันแบบไหนนี่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะเพื่อน”
ธีภพเองก็คิดแบบเดียวกับอธิรุธ แต่คิดไปไกลกว่านั้น ในแง่ที่ว่าพริริสากับคามินสนิทสนมกันไปในเชิงชู้สาว

ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ไคซัจเริ่มสังเกตเห็นมิรามีอาการแปลกๆ
“คุณมิราเป็นอะไรไปครับ”
คามินและพริริสารีบหันมาดูมิราที่เอามือกุมท้อง
“มิรา”
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกจุกขึ้นมาอีก เดี๋ยวกินยาก็น่าจะดีขึ้น”
“ตั้งแต่เมื่อวานได้ไปหาหมอหรือยังมิรา” คามินถาม
“ยังเลยเพคะ กินยาแล้วดีขึ้นก็เลยคิดว่าไม่เป็นอะไร”
“งั้นไปให้หมอดูหน่อยดีกว่า”
“นั่นสิ” พริริสาเห็นด้วย
มิราพยักหน้ารับเอาคำ

รถของสถานทูตแล่นออกมาถนนด้านหน้าเพื่อพามิราไปโรงพยาบาล ในนั้นพริริสานั่งอยู่ข้างๆ มิรา ส่วนรถของคามินแล่นตามออกมาติดๆ มีไคซัจเป็นขับให้
อีกมุมเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดซุ่มอยู่บริเวณนั้น มองตามรถคามินที่แล่นออกไป รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร.รายงานอธิรุธ

อธิรุธยังคุยอยู่กับธีภพในห้องทำงานที่บูรพเกียรติ
“ว่าแต่คุณเกรซพาเจ้าชายคามินไปเที่ยวทั้งๆ ที่ไม่มีในโปรแกรม นายไม่คิดอะไรบ้างหรือไง”
“นายจะให้ฉันคิดอะไร เอาแค่เรื่องตอนนี้ฉันก็มีเรื่องต้องคิดมากพออยู่แล้ว”
อธิรุธมองธีภพอย่างรู้ทัน ว่าไม่อยากสนใจกรนันท์มากกว่าไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อธิรุธรีบรับสาย
“โอเค ตามไปเลย แล้วโทรบอกฉันด้วยว่าพวกนั้นเขาไปที่ไหนกัน”
ธีภพมองฉงนทำหน้าสงสัยว่าอธิรุธคุยกับใคร
อธิรุธวางสาย “สายฉันโทรมารายงาน คุณริสากับคุณมิราออกไปกับเจ้าชายคามินแล้ว”
ธีภพนึกเคือง อยากรู้ความจริงให้ได้ว่าพริริสาเป็นใครเกี่ยวข้องอะไรกับคามินกันแน่

เย็นแล้ว ขณะมิราเดินออกมาจากห้องตรวจพร้อมพยาบาล พริริสารีบเข้ามาดูมิรา
“เดี๋ยวเชิญรับยาด้านโน้นนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันจัดการให้เอง นั่งรอตรงนี้เถอะ”
พริริสาพามิราไปนั่งรอที่เก้าอี้แล้วเดินออกไป อธิรุธรีบร้อนเดินเข้ามาหาอย่างเป็นห่วง
“คุณมิรา”
มิราตกใจรีบยืนขึ้น “ผู้กอง คุณมาได้ยังไง”
“หมอบอกว่าไงบ้าง”
อธิรุธจับไม้จับมือมิรา แต่ถูกปัดออกอย่างไม่ไว้ใจ ที่อยู่ๆ อธิรุธก็โผล่มาแบบนี้
“ก็ช้ำน่ะสิ คงต้องกินยาต่ออีกหลายวัน”
“วันนั้นผมน่าจะพาคุณมาหาหมอแต่แรก ผมผิดเอง”
“โอ๊ย” มิรารู้สึกเจ็บท้องขึ้นมาอีก ร่างซวนเซ อธิรุธรีบเข้าไปประคอง
“ไหวไหมคุณ”
มิราสะบัดตัวไม่ยอมให้อธิรุธประคอง
“นี่คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าคุณรู้ได้ไงว่าฉันมาที่นี่”
อธิรุธอึกอัก ไม่กล้าบอกว่าแอบให้คนสะกดรอยตามมา

ฝ่ายพริริสารับยาให้มิราเสร็จ เมื่อหันเจอธีภพยืนจ้องอยู่ก็ตกใจ
“คุณภพ”
“เห็นผมทำไมต้องทำท่าตกใจด้วย”
พริริสามองไปรอบๆ กลัวธีภพจะเห็นตนมากับคามิน
ธีภพดักคอ “หรือกลัวผมจะเห็นว่าคุณมากับใคร”
“ฉันพาคุณมิรามาหาหมอ”
“แต่คุณคงไม่ได้มากับคุณมิราแค่สองคน
คามินเดินเข้ามาจนได้ พริริสาหน้าเสียเล็กน้อย คามินเห็นธีภพก็แปลกใจที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่
“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่”
“ผมก็เหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเจอเลขาตัวเองมากับเจ้าชาย”
คามินมองออกว่าธีภพกำลังหึงหวงตน ทำให้ไม่ชอบใจนัก
“เมื่อวานมีคนบาดเจ็บเพราะผม ผมก็อยากแสดงความรับผิดชอบบ้าง”
“ความจริงเรื่องนี้ผมควรจะเป็นคนจัดการมากกว่า เพราะผมเป็นคนขอให้คุณมิรามาช่วยงานนี้”
“แต่คุณก็ความรู้สึกช้าไปหน่อยนะ” คามินเหน็บ
“ผมคงต้องโทษเลขาตัวเองที่ไม่รายงานเรื่องสำคัญ แต่กลับต้องให้เจ้าชายมาเป็นธุระให้ ทั้งที่ไม่จำเป็น”
ขณะที่ทั้งสองหนุ่มทะเลาะกันอยู่ โดยมีพริริสายืนอยู่ตรงกลางนั้น นักข่าวจอมเผือกยืนหลบอยู่ที่มุมทางเดิน ยกกล้องขึ้นมาแอบถ่าย โฟกัสเลนส์ไปที่คามิน

มิรารีบร้อนเดินไปหาพริริสา แต่เจ็บท้องจึงเดินเร็วมากไม่ได้ อธิรุธตามมาดึงแขนไว้
“จะรีบเดินไปไหนคุณ”
“ก็จะไปหาเพื่อนฉันน่ะสิ”
“รีบเดินมากๆ เดี๋ยวก็เจ็บอีกหรอก”
อธิรุธตัดสินใจเข้าไปช้อนอุ้มมิราขึ้นมา คนผ่านไปมาพากันมอง มิราอายไม่กล้าดิ้น
“ปล่อยฉันนะ คุณจะทำอะไร”
“ก็คุณดื้อนี่ บอกว่าอย่าเพิ่งเดิน เดี๋ยวผมหารถเข็นให้ดีกว่า”
มีบุรุษพยาบาลเดินผ่านมาพอดี อธิรุธรีบบอกว่า
“ขอรถเข็นด้วยครับ”
บุรุษพยาบาลยิ้มขำ “สักครู่ครับ”
มิราอายใหญ่ “ปล่อยฉันได้แล้ว”
“รอรถเข็นก่อนสิคุณ แล้วอย่าดิ้น ตกไปอายคนผมไม่รู้ด้วยนะ”
“แค่นี้ฉันก็อายจะแย่แล้ว”
มิราถูกขู่ก็ไม่กล้าดิ้น อธิรุธยิ้มกริ่มพอใจที่มิราเชื่อฟังโดยดี

ส่วนเหตุการณ์บริเวณโถงหน้าเคาน์เตอร์รับยา
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ ผมจะพาริสากับคุณมิรากลับเอง”
พร้อมกับว่าธีภพจับแขนพริริสาจะพาออกไป คามินไม่ยอม ดึงแขนพริริสาอีกข้างเอาไว้
“พวกเขามากับผม ผมจะไปส่งเอง”
นักข่าวได้จังหวะถ่ายรูปช็อตศึกชิงนางเอาไว้
“ผมว่าคุณไม่ควรรบกวนเจ้าชายให้มากเกินไป เพราะเจ้าชายเป็นแขกของเรา”
“แต่ผมไม่ถือว่ารบกวน”
พริริสาอึดอัด ตัดสินใจดึงแขนออกจากทั้งคู่
“พอเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันกับมิราจะกลับกันเอง”
“แต่...”
พริริสาทำตาดุใส่ คามินจำใจต้องหยุด
“ขอตัวนะคะ”
พริริสาเดินหนีออกไปเลย ธีภพตัดสินใจเดินตามพริริสาไป คามินไม่ยอมเดินตามไปบ้าง แต่ไคซัจเข้ามาหาเสียก่อน
“เจ้าชาย เมื่อกี้กระหม่อมเห็นคุณธีภพ”
“ใช่ ไม่รู้ว่าโผล่มาได้ไง”
คามินหัวเสีย และรู้สึกเหมือนมีคนแอบดู หันไปมองทางที่นักข่าวหลบมุม นักข่าวรีบหลบไปอีกด้าน

นักข่าวถือกล้องเดินหลบมาอีกด้าน จู่ๆ ไคซัจก็โผล่มาล็อกตัวเอาไว้
“โอ๊ย ปล่อย!”
“นายเป็นใคร แอบถ่ายรูปเจ้าชายทำไม”
“ผมเป็นนักข่าว ไม่ใช่คนร้าย”
ไคซัจเห็นว่าเป็นนักข่าวจึงยอมปล่อย
“ทำแบบนี้รู้ไหมว่าคุณจะถูกฟ้องเอาง่ายๆ ส่งกล้องมา”
นักข่าวกลัวรีบส่งกล้องให้ ไคซัจดึงเมมโมรี่ออกจากกล้องแล้วส่งกล้องคืนให้นักข่าว
“อย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างงั้นเจ้าชายเอาเรื่องคุณแน่”
รอจนไคซัจเดินพ้นไป นักข่าวจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดดูคลิปที่แอบถ่ายเอาไว้สั้นๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

พริริสาเดินมาหน้าห้องตรวจมองหามิราจนทั่วบริเวณ พอไม่เห็นก็แปลกใจ
“มิราหายไปไหนแล้ว”
พริริสาหยิบโทรศัพท์จะโทรหามิรา ธีภพเดินตามมา
“ไม่ต้องโทรหรอก คุณมิรากลับไปกับเจ้ารุธแล้ว”
“กลับไปแล้ว แล้วฉันล่ะ”
“ก็ไปกับผมไง”
พริริสาถูกธีภพดึงแขนพาออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

ธีภพดึงพริริสาออกมาที่บริเวณสวนสวยหน้าตึกผู้ป่วยโรงพยาบาล พริริสาสะบัดมือออกมองหน้าธีภพอย่างเอาเรื่อง
“นี่คุณกับผู้กองอธิรุธสะกดรอยตามฉันกับมิรามาใช่ไหม”
“ใช่” ธีภพบอกหน้าตาเฉย
พริริสาได้ฟังก็ยิ่งโกรธ “นี่คุณ”
“ผมทำอะไรก็ยอมรับว่าทำ แล้วคุณล่ะไปทำอะไรที่สถานทูตไทรจีสถึงได้มากับเจ้าชายได้”
“ฉัน...ก็แค่ไปสถานทูตเป็นเพื่อนมิรา แล้วมิราก็ปวดท้อง เจ้าชายก็เลยพามาโรงพยาบาล”
ธีภพฉุน “จะมีสักครั้งไหมที่คุณพูดความจริงกับผม”
“นี่คุณหาว่าฉันชอบโกหกเหรอ”
“หรือไม่จริง งั้นคุณก็บอกมาว่าที่คุณบอกผมมีอะไรบ้างที่ไม่ได้โกหก”
พริริสาอึ้ง ตอบไม่ถูก
ไพูดไม่ออกเพราะจำไม่ได้สิท่าว่าโกหกอะไรไว้บ้าง”
พริริสาโมโหกลบเกลื่อน “คุณภพมันจะมากไปแล้วนะ”
คามินกับไคซัจเดินตามหาพริริสาและธีภพมา เห็นทั้งสองยืนทะเลาะกันอยู่ก็พากันหยุดดู
ไคซัจมองพริริสาอย่างเป็นห่วง ในขณะที่คามินแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจธีภพที่มาวุ่นวายกับน้องสาวตน
พริริสาพูดเอาชนะธีภพไม่ได้ เลยพาลพาโลใส่
“ถ้าฉันมันแย่ขนาดนั้น ฉันก็คงไม่เหมาะจะทำงานเป็นเลขาคุณต่อ ฉันลาออกก็แล้วกัน คุณจะได้สบายใจ”
พริริสาพูดจบก็เดินหนีไป ธีภพอึ้งที่พริริสามาบอกลาออกดื้อๆ
คามินเห็นพริริสาเดินแยกจากธีภพ จึงพยักหน้าเชิงสั่งให้ไคซัจเดินไปรับพริริสาอีกด้าน

พริริสาเดินหงุดหงิดออกมาตามทาง โมโหธีภพไม่หาย รถคามินแล่นมาจอดเทียบข้างๆ
พริริสาจำรถได้ “พี่คามิน”
ไคซัจและคามินลงจากรถ
“พี่ไปส่ง”
พริริสาลังเล มองไปด้านหลังกลัวว่าธีภพจะตามมาเห็น
“ทำไมกลัวนายธีภพจะมาเห็นหรือไง ถ้าหมอนั่นสร้างปัญหามากนัก พี่จะจัดการให้เอง”
เมื่อพริริสาเห็นท่าทางคามินเอาจริง ก็นึกห่วงธีภพ ไม่อยากให้มีปัญหา
“ริสาจัดการเองได้ กลับกันเถอะค่ะ”
พริริสารีบขึ้นรถไปกับคามิน

ทางด้านจินตนานั่งอยู่กับกานดา คาดคั้นเรื่องที่กานดาบอกเรื่องคามินกับนักข่าว
“เรื่องนักข่าวแห่กันไป เป็นแผนที่เธอคิดจะจับคู่เจ้าชายให้ยัยเกรซงั้นเหรอ”
“แล้วไม่ดีเหรอคะคุณแม่”
จินตนาชั่งใจจะว่าดีก็ดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“แต่ยัยเกรซหมั้นกับธีภพแล้วนะ อีกอย่างเจ้าชายเขามีใจให้ยัยเกรซหรือไง ถ้าไม่ เกิดทางวงศ์ทวีกาลเขาไม่พอใจเท่ากับเราก็ชวดทั้งสองฝ่ายน่ะสิ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณแม่ ดาทำอะไรต้องให้คนคอยติดตามผลอยู่แล้ว”
จินตนาแปลกใจมาก “หมายความว่าไง”
กานดายิ้มเยือกเย็นไม่ยอมบอกเรื่องที่ให้นักข่าวแอบตามคามินต่อ

ระหว่างนี้ กรนันท์เดินรีบเร่งเข้ามาสองคน ถามขึ้นอย่างร้อนใจทันทีที่มาถึง
“คุณย่าขา คุณแม่ขา เกรซจะทำไงดี เจ้าชายโกรธมากเลยนะคะตอนที่นักข่าวไปทำข่าว”
“แล้วก่อนที่นักข่าวจะเข้าไป เจ้าชายเป็นยังไงบ้างล่ะ” กานดาถาม
“เจ้าชายดีกับเกรซมากเลยนะคะ ทั้งเทคแคร์ดูแล เป็นห่วงเป็นใย”
“งั้นก็ไม่ต้องห่วงไปหรอกลูก เดี๋ยวเจ้าชายก็หายโกรธ”
กรนันท์โล่งอก “งั้นเกรซก็ค่อยหายห่วงหน่อย คุณแม่ว่าเกรซควรพาเจ้าชายไปเที่ยวที่ไหนอีกดีคะ ไปต่างจังหวัดดีไหมคะ”
จินตนาท้วงติง “ทำแบบนี้แล้วคู่หมั้นเราล่ะยัยเกรซ”
กรนันท์กลอกตา ทำหน้าเบื่อหน่ายเพื่อพูดถึงธีภพ
“คุณย่าอย่าไปพูดถึงเลยค่ะ ป่านนี้คงคลุกอยู่กับงานๆๆ ปกติเคยสนใจเกรซที่ไหน ดีไม่ดีเห็นข่าวเกรซกับเจ้าชายคามิน พี่ภพอาจจะดีใจก็ได้นะคะ”
เสียงโทรศัพท์มือถือกานดาดังขึ้น กานดารับโทรศัพท์เดินเลี่ยงมาอีกมุม
“ว่าไง ตามเจ้าชายไปแล้วได้อะไรบ้าง” กานดาฟังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดตกใจ “ว่าไงนะ”
กานดารอรับคลิปที่นักข่าวส่งมาให้ กรนันท์เดินตามมาดูอย่างสงสัย
“ใครส่งอะไรมาคะคุณแม่”
คลิปวิดีโอในโทรศัพท์มือถือกานดา เป็นภาพธีภพและคามินต่างแย่งกันยื้อยุดแขนพริริสาอย่างไม่ยอมกัน กรนันท์ดึงมือถือกานดามาดูใกล้ๆ ปากคอสั่นด้วยความโกรธ
จินตนาเห็นแม่ลูกเงียบผิดสังเกต จึงลุกตามมาดู “มีอะไรยัยเกรซ”
กรนันท์แทบจะปาโทรศัพท์มือถือในมือทิ้ง แต่ทำได้เพียงกำไว้แน่นแทนด้วยความโกรธถึงขีดสุด
จินตนาดึงมือถือกานดามาดูบ้าง เห็นคลิปวิดีโอศึกชิงนางก็ตกใจ
“ตายแล้ว! นังริสานี่”

กานดากัดฟันกรอด โกรธแค้นไม่แพ้กรนันท์ ที่เห็นภาพคามินและธีภพยื้อแย่งพริริสาชนิดไม่มีใครยอมกัน

อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น