เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 7
รามนรีเดินนวยนาดลงมาที่ห้องรับแขก
“นี่ขนาดไปตาม กว่าจะเสด็จลงมาได้ ให้ผมนั่งรอจนเหนียงยานแล้วเนี่ย”
“ก็เรื่องของเหนียงคุณ อยากจะยานก็ยานไปสิ คนกำลังอารมณ์ดีอย่ามาชวนทะเลาะได้ไหม มีอะไรก็รีบว่ามา”
“จ้า ผมโทรไปหาเดือนฉาย ครั้งที่ร้อยได้แล้วมั้ง”
“จะครั้งที่เท่าไหร่ก็ต้องโทร แล้วเขาว่าไง”
“เขาก็ไม่สนใจเหมือนเดิม แถมดันมีน้องสาวชื่อยัยหนูหริ่ง หนูเล็กอะไร โทรไปทำวิจัยบ้าบออะไร ให้เขาระแวงผมหนักมากกว่าเดิมอีก”
รามนรีตาโต หุบยิ้ม
“แต่ก็ยังดี ที่เขายังไม่ลืมว่าจะกลับมาเป็นเจ้าสาวของผม”
“ฉันว่าเราช่วยกันคิดอีกทีดีไหม ว่าจะทำไง ถึงจะไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องรดน้ำสังข์”
“ทำไมล่ะ ในเมื่อคุณก็โอเคกับข้อเสนอแล้วนี่”
“แต่ฉันอยากให้คุณเก็บสิ่งดีๆ เหล่านี้ไว้ให้คนที่คุณรักอย่างคุณเดือนฉายคนเดียว”
“ผมก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะคุณย่าเขาคิดไปไกลแล้ว”
ภูมิสบตารามนรีมองเข้าใจ
“ผมคงจะเอาเปรียบคุณมากเกินไปใช่ไหม คุณก็คงอยากจะเก็บสิ่งนี้ไว้ให้แฟนคุณเหมือนกัน แต่ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจคุณ ถ้าจะต้องแต่งก็แต่ง เอาให้มันจบๆ ไปละกัน”
“แล้วถ้าแฟนคุณรู้ เขาจะเข้าใจคุณไหม ผมเป็นห่วงคุณนะ”
“ฉันยังไม่มีแฟนย่ะ”
“ว่าแล้วเชียว”
“อะไร ว่าแล้วอะไร”
“เปล่าจ้ะเปล่า จะว่าไปคุณดีกับผมมาก บางทีผมอาจจะงี่เง่าเจ้าปัญหากับคุณบ้าง ผมขอโทษนะ”
รามนรีมองหน้าไม่อยากเชื่อ ตบหูตัวเอง
“นี่ฉันหูฝาดไป หรือไม่คุณก็ต้องมีแผนร้ายอะไรแน่ๆ”
“หัดมองโลกในแง่ดีบ้างได้ไหม”
“กับคนอื่นก็พอได้ แต่กับคุณ คงจะไม่”
“งั้นก็จบข่าว และก็มีเท่านี้แหละที่ผมอยากจะบอกคุณ ผมขอตัว”
ภูมิเดินออกไป แล้วนึกได้ เดินถอยหลังมาหารามนรี
“ถ้าคุณสะดวกก็กรุณาเดินไปหาคุณย่า เพราะดูท่าจะเป็นห่วงคุณมากกว่าผมซะอีก”
ภูมิเดินออกไป รามนรีหันมาเห็นโทรศัพท์มือถือของเขาวางอยู่
บุญปลูกกำลังนวดให้ย่า รามนรีเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว หายดีแล้วรึไง มาหาย่าทำไมเนี่ย”
“ใช่ค่ะ มามืดๆ ค่ำๆ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป ไม่มีใครเห็นนะคะ”
“แต่หนูหายดีแล้ว คุณภูมิก็เลยให้รีบมาเรียนคุณย่า จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงน่ะค่ะ”
“แล้วเจ้าภูมิเอาซุปไปให้ได้กินรึยังลูก”
“กินแล้วค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องไปเข้าคอร์สเจ้าสาว อบซาวน่า จะได้ไม่เพลีย”
“ค่ะ”
“งั้นก็รีบกลับไปนอนเถอะนะ พรุ่งนี้จะได้สดชื่น สดใส”
“ขอบพระคุณมากนะคะคุณย่า น้าปลูก ที่เป็นห่วงหนู”
“ก็คุณเดือนน่ารักขนาดนี้ ใครๆ ก็รักก็ห่วงค่ะ”
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว แล้วพรุ่งนี้ ไม่ต้องตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวนะ ให้บุญปลูกเขาจัดการ หนูจะได้นอนพักผ่อนให้เต็มที่”
“ค่ะคุณย่า”
ย่ากับบุญปลูก มองรามนรีอย่างเป็นห่วง
รามนรีถือโทรศัพท์ภูมิเดินมาหน้าห้อง แล้วผลักประตูเข้าไปในห้องภูมิ
“อ่ะ ฉันเอาโทรศัพท์มาให้ คุณลืมไว้ข้างล่าง”
ภูมิเปลือยท่อนบน กำลังใส่บ็อกเซอร์ ยังไม่เสร็จดี หันมามอง
“เย้ย”
รามนรีรีบเอามือปิดหน้า ก่อนมองผ่านช่องนิ้วเห็นภูมิยืนอยู่ใกล้ๆ สายตาเผลอไปมองที่เป้าชายหนุ่ม
“ว้าย”
รามนรีตกใจรีบรวบนิ้ว ไม่ให้เห็น
“คนบ้า ทำอะไรประเจิดประเจ้อ”
“แหม ทำเป็นอาย ที่แท้ก็แอบถ้ำมองผมอยู่ใช่ไหมล่ะ”
“จะบ้ารึไง ฉันไม่มีนิสัยเหมือนคุณหรอก”
“แต่ผมทั้งหล่อทั้งล่ำ คุณควรดูให้เห็นไว้เป็นบุญตา ก่อนสาวคนไหนๆ จะได้เห็นชิกแพคขั้นเทพของผม”
“ออกไป ไม่เอา ฉันไม่ดู”
“ดูหน่อยน่าจะได้หายเครียด เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งไม่สวยนะ”
รามนรีเอามือปิดตา หันหลังวิ่งออกไป เลยชนประตูเข้าเต็มๆ หน้าหงาย ภูมิหัวเราะเยาะ
“ขำอะไร ไม่เคยเห็นคนชนประตูหรือไง แล้วผู้ชายอย่างคุณก็ไม่เห็นจะมีดีอะไร ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหน”
“ได้ แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ว่าผู้ชายอย่างผมมีดีกว่าที่คุณคิด ฮ่าๆๆ”
รามนรีเดินกลับเข้ามา คว้าหมอนกับผ้าห่ม จะเดินออกไป
“นั่นคุณจะไปไหน”
“ก็ไปนอนน่ะสิ”
“คุณจะไปนอนที่ไหน ในเมื่อห้องนั้นมันนอนไม่ได้ เมื่อคืนคุณก็นอนที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
“เมาไม่รู้เรื่องแล้วยังจะสู่รู้ คนอย่างฉันไม่วันทำอะไรให้เสื่อมเสียเกียรติตัวเอง”
“อ้าวเหรอ แล้วคุณไปนอนที่ไหน”
“ที่ไหนก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง”
“หือ ทำดี ก็ยังโดนด่าซะงั้น”
“ฉันอยากให้คุณเก็บความดีทั้งหมดที่คุณพอจะมี ไว้ทุ่มเทให้กับคุณเดือนฉายเถอะ อย่าลืมว่าเขาเป็นคนดี และมีคุณค่ามาก คุณต้องเลิกทำอะไรแย่ๆ เพื่อเขา”
“โห คุณย่ากับคุณแม่ผมที่ว่าแน่ๆ ยังขี้บ่นน้อยกว่าคุณเลย เอาน่า ถ้าถึงเวลาผมจะเลิกทุกอย่างเองแหละ แต่ตอนนี้ช่วงไกลหูไกลตา ขอทำอะไรตามใจก่อน”
“ผู้ชายอะไร ทุเรศจริงๆ ถ้าคุณเดือนฉายเขาไม่เอาคุณก็อย่าไปโทษเขาละกัน”
รามนรีหอบผ้าห่มกับหมอน เดินกระแทกเท้าออกไป
“ยัยนี่ อินเนอร์แรงจริงๆ ทำยังกับเป็นเดือนฉายซะเอง”
ภูมิอมยิ้มขำๆ
รามนรีนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงชั้นล่าง มองไปบนท้องฟ้า คิดถึงบ้าน
“พ่อคะ หนูขอโทษ ป่านนี้พ่อคงทุกข์ใจเพราะหนู ขอเวลาให้หนูอีกนิด แล้วหนูจะกลับไป”
รามนรีปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้า มองท้องฟ้าเรียกหากำลังใจ ในขณะที่ภูมิเปิดประตูออกมาจากห้อง มองซ้ายมองขวา ถือไฟฉายดวงเล็กๆ เดินออกไป ดูตามห้องและซอกหลืบบนชั้นสองแต่ไม่มีใคร
“แล้วเขาไปนอนที่ไหนของเขานะ”
ภูมิย่องลงบันไดมา เห็นรามนรีนอนหลับสนิทตัวงออยู่ที่โซฟา ผ้าห่มหล่นไปกองอยู่ที่พื้น
“ที่แท้ก็มานอนขดอยู่นี่เอง”
ภูมิเดินเข้ามานั่งมองหน้าหญิงสาวที่ยังหลับสนิท
“สงสัยใช้พลังด่าฉันเยอะ ถึงได้หลับสนิทขนาดนี้”
รามนรีพลิกตัว ยกขา เกือบโดนหน้าภูมิ
“หือ ขนาดหลับยังจะฤทธิ์เยอะ”
ภูมิหยิบผ้าห่มขึ้นมา มองหน้ารามนรีแอบอมยิ้ม รามนรีลุกขึ้นนั่ง มองหน้าชายหนุ่มพอดี ภูมิตกใจตัวชาวาบ มองอึ้ง รามนรีละเมอส่ายหน้าไปมา
“พ่อ อย่านะ อย่าให้หนุแต่งงานกับเขา หนูไม่แต่ง”
รามนรีหงายตึง หลับต่อ
“นี่เธอกลัวที่จะต้องแต่งงานกับฉันถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
ภูมิถอนใจ เอามือตบหน้าผากตัวเอง
“คนบ้าอะไร ละเมอเหมือนจริงมาก จะว่าไป จะมีผู้หญิงที่ไหนอึดถึกเท่าเธออีกบ้างไหมน้า”
ภูมิบรรจงเอาผ้าห่มมาห่มให้ แล้วรีบเดินออกไป รามนรีงัวเงียรู้สึกตัว ลืมตา เห็นภูมิเดินออกไป คิดว่าฝัน ก้มมองผ้าห่มที่ภูมิห่มให้ รู้ว่ามันเป็นความจริง เธอแอบมอง ครุ่นคิด
ตอนเช้า รามนรียิ้มสดใสเดินเข้ามาในสวน เห็นดอกมะลิกับดอกพุทธรักษาเต็มสวน
“โห ออกดอกเยอะจัง”
รามนรีเดินไปหยิบถุงที่เหน็บอยู่แถวนั้น เอามาเก็บดอกไม้ นึกถึงอดีตตอนที่เดือนฉายสอนเธอร้อยมาลัย
“จับดอกไม้เบาๆ นะจ๊ะหนูเล็ก อย่าจับแรงเดี๋ยวช้ำ จากนั้นก็ค่อยๆ ร้อยอย่างเบามือ แบบนี้จ้ะ”
เดือนฉายร้อยให้ดู รามนรีมองตาแป๋ว เดือนฉายร้อยมาลัยออกมาเป็นพวงสวยมาก รามนรีมองแล้วรู้สึกว่าตัวเองแย่
“พี่เดือนร้อยมาลัยสวยจังเลยค่ะ ไม่เหมือนหนูเล็ก เละทั้งพวง สงสัยหนูเล็กจะไม่เหมาะกับงานฝีมือ”
“อย่าเพิ่งท้อสิจ๊ะหนูเล็ก มือใหม่หัดร้อย ก็ต้องเละเป็นธรรมดา ถ้าฝึกทุกวันเดี๋ยวก็ร้อยสวยเองล่ะจ้ะ”
“แต่หนูเล็กจำได้ว่าพี่เดือนหัดร้อยพวงมาลัยแค่ครั้งสองครั้ง ก็ร้อยออกมาสวยจนทุกคนออกปากชม พี่เดือนนี่เพอร์เฟ็คท์ไปทุกอย่างเลยนะคะ”
“พี่ไม่ได้เฟอร์เพ็คท์อย่างที่หนูเล็กคิดหรอกนะ แต่พี่ตั้งใจและพยายามมากกว่า คนเราจะทำอะไร ถ้าเริ่มต้นที่ความตั้งใจ ไม่มีอะไรที่ไม่สำเร็จหรอกจ้ะ”
รามนรียิ้มมีความหวัง
“ใช่ ต้องตั้งใจและพยายาม”
บุญปลูกกับเภา และนิด ยกอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟ ย่าหันมาถามภูมิ
“หนูเดือนยังไม่ตื่นใช่ไหม”
“ขานั้นตื่นลงมาตั้งนานแล้วนี่ครับ เขาตื่นก่อนผมอีก”
“อ้าว แล้วเขาหายไปไหน ทำไมไม่ดูแลเมียให้ดี สอนไม่รู้จักจำ ถวิลไปดูคุณเดือนสิ”
“ครับคุณท่าน”
รามนรีถือถุงดอกไม้ เดินยิ้มร่าเข้ามา
“หนูมาแล้วค่ะ นี่ไงคะ ดอกมะลิกับพุทธรักษาในสวนคุณย่า หนูขออนุญาตเก็บมาร้อยมาลัยให้คุณย่าถวายพระนะคะ”
“หนูร้อยมาลัยเป็นด้วยเหรอ”
“เป็นค่ะ พี่สาวหนูสอนมาน่ะค่ะ”
รามนรีวางถุงดอกไม้บนโต๊ะ ก่อนหยิบดอกมะลิ ยื่นใส่จมูกภูมิ
“ดอกมะลิของคุณย่า หอมไหมคะคุณภูมิ”
นิดเบ้ปากใส่หมั่นไส้สุดขีด เภากระซิบ
“อย่าบอกนะว่าอิจฉาเขาจนเบาหวานขึ้นตา”
“รู้ได้ไง”
“ก็คนอย่างแกคิดเป็นแค่ไม่กี่อย่าง แล้วแต่ละอย่าง ก็ขั่วร้ายทั้งนั้น”
นิดกำมือแน่นหายใจแรง ถวิลหยิกแขนเภาให้หยุด ภูมิหลับตาพริ้ม สูดกลิ่นดอกมะลิ
“อืม หอมมากเลยคุณ”
“เดี๋ยวหนูจะไปร้อยมาลัยให้คุณย่านะคะ”
“ดีจ้ะดี เห็นไหม ดอกมะลิฉันปลูกมานานมาก แต่พ่อหลานชายก็ไม่เคยชายตามอง จนมีเมีย ถึงได้รู้ว่าดอกมะลิเป็นยังไง เฮ้อ เด็กสมัยนี้ เอ้า กินข้าวกันได้แล้วจ้ะ”
ทุกคนกินอาหารกันอย่างชื่นมื่น
รามนรีหยิบเข็ม ด้ายและดอกไม้ขึ้นมาร้อยมาลัยอย่างตั้งใจ
ภูมิมองรามนรีนั่งพับเพียบร้อยพวงมาลัย เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ย่ากับบุญปลูกและเภา มองรามนรียิ้มปลื้ม รามนรีร้อยพวงมาลัยเสร็จ ยิ้มภูมิใจ แล้วยื่นให้ย่า
“ไม่ได้ร้อยมานาน อาจจะไม่สวยเท่าไหร่นะคะคุณย่า”
“ไม่สวยก็ไม่เป็นไร มันอยู่ที่ความตั้งใจมากกว่านะลูก”
รามนรีเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างภูมิ ย่าถือพวงมาลัยไปยืนที่ด้านหน้าทั้งคู่ เอาพวงมาลัยใส่มือ ให้ถือด้วยกัน รามนรีกับภูมิสบตาเขินๆ
“ทำจิตใจให้สงบแล้วอธิษฐานสิ”
“อธิษฐานอะไรเหรอครับคุณย่า”
“ก็ตอนนี้ในใจแกคิดถึงใคร คิดถึงอะไรอยู่ก็อธิษฐานเอา แล้วย่าจะเอาไปถวายพระให้”
ภูมิหันไปมองหน้ารามนรีซึ่งยิ้มเขินหลบตา ทั้งสองหลับตาอธิษฐานร่วมกัน
ในครัวบ้านย่า คนรับใช้นั่งกินข้าวกัน นิดถามขึ้น
“ตกลงคุณเดือนฉายเขาเป็นคนยังไงกันแน่”
“แกหมายความว่ายังไง”
“เอาตรงๆ เลยนะ ถ้าดูจากท่าที ฉันว่าคุณภูมิน่าจะโดนแม่นี่”
บุญปลูกกับเภาหันขวับมองหน้า
“อุ้ย คุณเดือน จับเอาแน่ๆ เลย ดูสิขนาดต่อหน้าคุณย่า ยังกล้าอี๋อ๋อกับคุณภูมิเลย”
เภาพุ่งเข้าไปจะตบปาก
“ตบปากฉีกเลยดีไหมเนี่ย”
นิดโดดไปหลบที่หลังถวิลเกาะไว้แน่น ถวิลหน้าเสีย
“นิด ไปหลบห่างๆ พี่หน่อยก็ได้ ไม่อยากโดนลูกหลงน่ะ”
“นี่นังนิด แกเข้าใจไหม ว่าเขาผัวกันเมียกัน ที่ทำอย่างนั้น มันผิดตรงไหนยะ”
“ใช่ ทีแกโดดไปเกาะผัวฉันอย่างกับตุ๊กแก มันไม่น่าเกลียดกว่าเหรอวะ”
“โห เมื่อไหร่ จะเลิกพาดพิงสักทีเนี่ย”
“ถ้าเอ็งบริสุทธิ์ใจจะไปกลัวอะไรวะ ไอ้หวิน”
“ใช่”
“แต่ฉันยังสงสัย ว่าถ้าคุณสราญกลับมาจะว่ายังไง มีหวังบ้านแตกแน่”
“นั่นมันเรื่องของเจ้านายแกไม่ต้องเจ๋อ ไม่งั้นคุณท่านเอาแกตายอย่างที่ขู่ไว้แน่”
นิดหน้าจ๋อย
ย่าถือพวงมาลัยเข้ามาในห้องพระ พนมมือไว้
“ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดคุ้มครอง และให้เขาได้ครองคู่กันด้วยเถิด”
ย่ายกพวงมาลัยขึ้นจรดที่หน้าผาก ก่อนนำไปวางไว้ที่ด้านหน้าพระ
ไผทนั่งทำงานอยู่ที่ห้อง เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เขากดรับ
“ตื่นยังไอ้ไท อย่าลืมว่าวันนี้เรามีนัดกัน แล้วนี่แกอยู่ไหนทำอะไรอยู่”
“ฉันก็อยู่ที่ออฟฟิศ มาทำงานตามปกติสิวะ ว่าแต่ อย่ามามัวถามแต่คนอื่น ตัวเองน่ะตื่นได้ พอวางสาย ก็จะนอนต่ออีกไหม ไอ้เจ้าชายสายเสมอ”
“แกไม่เคยรู้อะไร ไม่อัพเดทข้อมูลว่าเดี๋ยวนี้ ฉันกลายเป็นเจ้าชายเช้าเสมอแล้ว”
“รอน้ำท่วมโลก แล้วฉันจะเชื่อแก”
“โห ฉันไม่มีเครดิตขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“เฮ้อ ยังไม่รู้ตัวอีก”
“ไม่เถียงด้วยละ เฮ้ย เมื่อกี้ฉันรู้สึกแปลกๆ กับญาติผู้ใหญ่คุณยายของแกว่ะ”
“ทำไม เขาทำอะไรให้แกรู้สึกอย่างนั้นได้ แล้วมันแปลกยังไง”
“เขาร้อยมาลัยให้คุณย่าไปถวายพระ แต่คุณย่าให้ฉันอธิษฐานมาลัยร่วมกับเขา”
“แล้วไง แกคงรู้สึกร้อนผ่าวๆ เหมือนผีโดนน้ำมนต์ รึไม่ก็หมาโดนน้ำร้อนงั้นสิ”
“จะบ้าเหรอ ณ โมเม้นท์นั้น ฉันรู้สึกดี และใจสั่นกับแม่นั่นต่างหาก”
“หา”
“คุยไป แกก็กวนทีนฉัน เอาไว้มาแล้วค่อยคุยละกัน แค่นี้นะ”
“ไอ้ภูมิ เดี๋ยวสิ อะไร คนอย่างไอ้ภูมิเนี่ยนะ จะรู้สึกอย่างนั้นกับคุณยาย”
ไผทแปลกใจมาก
รามนรีกำลังเดินอยู่ในสวน จะเข้าบ้าน ภูมิย่องตามไป ก่อนกระโดดไปยกมือขวางหน้าไว้
“อะไรของคุณอีกแล้วเนี่ย”
“ถามจริง เมื่อกี้คุณอธิษฐานว่าอะไร”
“อ๊ะ จะมาถามทำไม ของอย่างนี้ เรื่องของใคร ก็ของคนนั้นสิ”
“ไม่เอา บอกผมหน่อยสิ ผมอยากรู้”
“เรื่องอะไรฉันต้องบอกคุณด้วย”
“น่านะ บอกหน่อย ผมอยากรู้จริงๆ”
“ก็อธิษฐานให้คุณกับคุณเดือนฉาย ได้แต่งงานกันไวๆ ฉันจะได้ไปเสียที”
ภูมิมองรามนรี รู้สึกใจหาย ระคนผิดหวัง รามนรีมองหน้าชายหนุ่ม แปลกใจ
“ทำไมมองหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“ถามแต่คนอื่น แล้วคุณล่ะอธิษฐานอะไร”
“ก็อธิษฐานให้คุณไง”
“หะ อธิษฐานให้ฉัน ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“ไม่เกี่ยวได้ไง ในเมื่อเราเป็นผัวเมียกัน”
“มันก็แค่เรื่องหลอกๆ แค่การแสดง”
“ผมรู้ ผมก็แค่เผื่อเอาไว้”
“เผื่อยังไง”
“จะให้ผมพูดจริงเหรอ”
“ทำไม มันมีอะไรนักหนาถึงจะพูดไม่ได้ หะ รีบพูดมาเดี๋ยวนี้เลยเร็ว”
“ผมอธิษฐานว่า ถ้าคุณเดือนเขาไม่เอาผม ก็ขอให้คุณเป็นภรรยาผมแทน สาธุ”
ภูมิยกมือไหว้ ก่อนยืนยิ้มเขินบิดไปมา รามนรีตกใจ
“หะ คุณคิดอย่างนั้นกับคุณเดือนฉายได้ยังไง ไอ้กะล่อน”
รามนรียกเท้ากระโดดเข้าหาจะยันภูมิ
“ตาย”
ภูมิงง ตกใจ
ย่านั่งอยู่กับบุญปลูก ไผทเดินเข้ามาสวัสดี
“สวัสดีครับคุณย่า น้าปลูก”
“อ้าวไผท ทำไมมาแต่เช้าเลยล่ะลูก”
“ก็องค์ชายเขาให้มารับไปบริษัท แล้วก็ต้องเป็นองครักษ์ ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับท่านด้วยน่ะสิครับคุณย่า”
“หือ มีย่ากับบุญปลูกไปด้วย ก็ยังไม่พอ ยังไปรบกวนไผทอีกเหรอเนี่ย ดูสิ เจ้าภูมิมันใช้แกตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบจริงๆ เดี๋ยวย่าจะบอกให้มันขึ้นเงินเดือนให้อีกเท่าหนึ่งเลย”
“ไม่เป็นไรครับคุณย่า แค่นี่ผมก็อยู่ได้ ผมพอใจแล้วครับ”
“จะมีสักกี่คนที่คิดได้อย่างนี้ เฮ้อ ถ้าเจ้าภูมิมันคิดได้ และเป็นผู้ใหญ่เหมือนไผท ก็คงจะดี นี่ไผทรู้จักแม่เดือนฉายเขามานานรึยัง”
“ยะ ยัง ครับ เจ้าภูมิ มันเพิ่งพามารู้จัก”
“อ๋อ เหรอ ย่าก็นึกว่าไผทช่วยหาให้เสียอีก”
“เขาหาเอง แต่ก็มาปรึกษาผมบ้างเป็นบางครั้งครับคุณย่า”
“เป็นบุญของเจ้าภูมิมันที่มีเพื่อนดีๆ อย่างไผท ทำให้ย่าเบาใจหายห่วงมันได้เยอะเลย”
ไผทยิ้มแหย
“แต่ย่าก็รู้นิสัยหลานย่าดีว่างี่เง่า แต่ไผทอย่าถือสา อย่าทิ้งเจ้าภูมิมันนะลูก”
“ครับคุณย่า ผมชินแล้ว ว่าแต่เจ้าภูมิกับคุณเดือนฉาย เป็นยังไงบ้าง”
“เขาคงเป็นเนื้อคู่กันมาแต่ชาติปางไหนแน่ๆ ดูเขารักกันหวานชื่นมาก ย่าเห็นก็พลอยดีใจไปกับเขา”
“ขนาดนั้นเลยครับ”
“ย่าหวังว่าหนูเดือนจะเปลี่ยนเจ้าภูมิให้ดีขึ้นได้ แล้วยิ่งมีลูกมีเต้าด้วยกันเมื่อไหร่ ย่ายิ่งมั่นใจว่าดีชัวร์ ตอนนี้ย่าก็พยายามจะให้เขามีลูกไวๆ”
“อุ๊ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ คุณย่า”
“ใช่ ก็ต้องให้ไว ก่อนที่ย่าจะตายสิ”
“เหรอครับ งั้นผมต้องขอไปดูให้เห็นกับตา ว่าคนเป็นเนื้อคู่กันแต่ชาติปางไหน เขารักกันหวานชื่นยังไง”
“ไปดูไว้ซะ เราจะได้มีแรงบันดาลใจไปหาแฟนกับเขาบ้าง มัวทำแต่งานไม่ไหวนะลูก”
ไผทยิ้มให้ย่า
รามนรีหน้าเหี้ยมนั่งคร่อมล็อคขาภูมิ ที่นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้น
“คุณพูดอย่างนี้ได้ยังไง ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้คนเห็นแก่ตัว”
“ปล่อยผมก่อนได้ไหม ผมจะอธิบายให้ฟัง”
“ฉันจำเป็นต้องฟังคุณอีกไหม วันๆ ไม่เคยอยู่กับร่องกับรอย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ฉันอยู่กับคุณแค่ไม่กี่วัน ฉันก็เห็นไส้คุณไม่รู้กี่ขด”
“แต่ผมเป็นคนดีนะ”
“อย่ามโนไปเอง คนดีจริงต้องให้คนอื่นชม ไม่ใช่มาชมตัวเอง ถึงว่า คุณเดือนเขาถึงไม่อยากจะเอาคนอย่างคุณไปทำพันธุ์ ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง”
“ก็นั่นไง ผมถึงได้อยากให้คุณเอาผมไปทำพันธุ์”
รามนรีของขึ้นอย่างแรง หักขาภูมิ จนดิ้น
“ปากดีนักใช่ไหม งั้นก็ไปตายซะ จะได้ไม่ต้องทำให้พี่เดือนช้ำใจอีก”
“อ๊าย เจ็บ เจ็บ”
ภูมิเอามือตบเบาะเหมือนมวยปล้ำ เรียกให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ผู้หญิงบ้ากำลังจะฆ่าผม ผมกำลังจะถูกฆาตกรรม”
ไผทได้ยินเสียง วิ่งเข้ามาหน้าตื่น รามนรีมองหน้าเหี้ยม เหงื่อเต็มหน้า นั่งคร่อมหักขาภูมิอยู่ ไผทหน้าเหวอ เมื่อเห็นภูมิร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด หน้าแดง
“เนี่ยเหรอเนื้อคู่แต่ชาติปางไหน รักกันหวานชื่นมากของคุณย่า”
ไผทส่ายหน้าเรียกสติ รีบวิ่งเข้าไปห้าม ภูมิกับรามนรีต่างคนต่างชิงฟ้องไผทกันล้งเล้ง ไผทหันหน้าไปมามองคนโน้นทีคนนี้ที
“ไอ้ไท ฉันขอแจ้งความฐานพยายามฆ่า”
“งั้นฉันก็จะแจ้งความฐานพยายามบ้า เพื่อนคุณมันบ้าไปแล้วจริงๆ”
“ผมแจ้งก่อน”
“ฉันแจ้งก่อน”
“ผมแจ้งก่อน”
“ฉันแจ้งก่อน”
ไผทตวาดเสียงดัง
“หยุด”
รามนรีกับภูมิหยุดกึก มองไผท
“นี่ผมกำลังดูเด็กทะเลาะกันอยู่ใช่ไหม ทำไมทำตัวยิ่งกว่าเด็กอนุบาลอีก”
“ก็เพื่อนคุณมากวนประสาทฉันก่อน”
“คุณนั่นแหละ มาทำร้ายผมก่อน”
ไผทยกมือห้ามให้หยุด
“เรื่องมันเป็นมายังไง เอ้าให้ผู้หญิงพูดก่อน”
“ก็เขา คิดไม่ดีกับพี่ เอ๊ย คุณเดือนฉาย”
ภูมิอ้าปากจะเถียง ไผทมองปรามหน้าดุ
“ฟังเขาพูดให้จบก่อนสิวะ แล้วเขาคิดไม่ดียังไงครับ”
“ก็เขา”
เจ้าสาวเฉพาะกิจ ตอนที่ 7 (ต่อ)
รามนรีมองไผท อายที่จะพูด
“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับคุณยาย ผมพร้อมที่จะเป็นคนกลางให้”
“เขาบอกว่า ถ้าคุณเดือนเขาไม่เอาผม ก็ขอให้คุณเป็นภรรยาผมแทน”
“หะ แกพูดจริงเหรอ”
“จริงแล้วไง ฉันก็แค่พูดเล่นขำๆ แต่ยัยนี่ดันเอาจริงเอาจังไปได้ เล่นฉันซะเกือบตายเลย”
“คุณเคยพูดเล่นกับใครก็เล่นไป แต่อย่ามาเล่นกับฉัน ไม่งั้นโดน”
“ดูสิ นี่ขนาดต่อหน้าทนายประจำตัว ยังจะกล้ามาขู่”
“พอได้แล้ว ภูมิ ครั้งนี้แกทำผิด แกต้องขอโทษคุณยาย”
“ฉันไม่ผิด ก็บอกแล้วว่าพูดเล่นขำๆ เรื่องอะไรต้องขอโทษด้วย”
“หรือแกจะให้เขาโมโห แล้วขอยกเลิกสัญญา เร็วขอโทษเขาเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้ ผมขอโทษ”
“ฉันจะให้อภัยคนหน้าไหว้หลังหลอกอีกสักครั้งเพื่อเห็นแก่คุณไผท ฉันไปนะ”
รามนรีเดินสะบัดออกไป
“ดู แกดูเอาเองละกันว่ายัยนี่ร้ายกาจแค่ไหน ใครได้ไปเป็นเมีย ก็ซวยตาย”
“แล้วแกคิดว่าแกซวยไหมล่ะ”
“เกี่ยวอะไร”
“ก็เขาเป็นเมียแกอยู่นี่ไง”
“เออ จริง ถึงว่าซวยจัง”
“เมื่อกี้แกบอกกับฉันอยู่หยกๆ ว่า ณ โมเม้นท์นั้นแกรู้สึกดี และใจสั่นกับพวงมาลัยพวงนั้นของเขาอยู่เลย”
“ถือว่าฉันไม่ได้พูดละกัน ฉันลืมมันไปแล้ว”
“เอ้าไอ้นี่ ตกลงจะเอายังไงกันแน่ ดูท่าน่าจะเป็นไพโบล่า โรคอารมณ์สองขั้วนะแกเนี่ย”
ภูมิเดินหน้าเซ็งออกไปอีกคน ไผทมองสองคนเหนื่อยใจ
รถตู้จอดรออยู่หน้าบ้านย่า บุญปลูกยืนสั่งงานเภากับนิด รามนรีประคองย่าพามาขึ้นรถตู้
“ค่อยๆ นะคะคุณย่า”
“จ้ะ ขอบใจนะจ๊ะ”
ย่าขึ้นไปนั่งที่เบาะคู่กับรามนรี
“เดี๋ยวเจ้าภูมิเขาจะตามไปตอนถ่ายพรีเวดดิ้งเลย”
รามนรีแอบเซ็ง
“ค่ะคุณย่า”
บุญปลูกเดินไปเปิดประตู ขึ้นไปนั่งคู่ถวิล ถวิลขับรถออกไป นิดจึงเดินคุยมากับเภา
“พี่เภา นี่ตกลงเราจะได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเจ้านายเราจริงๆ เหรอ”
“โห เจ้านายยังไม่ทันคล้อยประตู ก็นินทาเผาเลย”
“ไม่ได้นินทา แต่เป็นห่วงต่างหาก”
“ห่วงกระเพาะกับลำไส้ของตัวเองดีกว่าไหม จะเสือกอะไรกับเขาวะ”
“ก็ฉันไม่เชื่อ ว่าทำไมคุณภูมิถึงได้ใจเร็วด่วนได้ขนาดนี้”
“แกอยู่มาตั้งนาน ยังไม่รู้อีกหรือไง ว่าคุณภูมิเขาได้มาเยอะแล้ว แกเห็นผู้หญิงมาซ้ำหน้าไหมล่ะ เพียงแต่คนนี้ เขาเอาจริงก็เลยพามาอยู่เป็นเมียใหญ่เมียเบิ้มไงอีโง่”
“ก็รู้ แต่เป็นห่วง นี่ถ้าคุณสราญกลับมาจะเป็นยังไง ต้องใจสลายแน่ๆ”
“แกเป็นคนใช้ ไม่ใช่แม่เขา อย่าเจ๋อไปคิดแทน นี่นังนิด ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าเรื่องเจ้านายคนใช้ไม่เกี่ยว”
“ฉันไม่มีสิทธิ์เห็นต่างบ้างเลยรึไง ไม่เป็นประชาธิปไตยเลยนะพี่”
“ฉันว่าแกน่าจะสมองน้อย ไปทำความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยใหม่เถอะไป๊ รำคาญ”
เภาเดินไป นิดยืนคิดตามสักครู่
“หือ อีนังกระเพรา มันว่าเราโง่นี่หว่า ฝากไว้ก่อนเถอะมึง อย่าให้เป็นวันของกูมั่ง จะฉลาดซะาให้เข็ด”
นิดมองแค้นเภา
ภูมินั่งเอกเขนกในห้องทำงาน เซ็ง ระบายกับไผทเพราะอารมณ์ค้าง
“เสียอารมณ์ว่ะ เสียอารมณ์แต่เช้าเลย”
“เอาน่า ให้มันจบๆ กันไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าบ่าวหน้าเหี่ยวไม่หล่อนะ”
รุ้งกับเหมียวเปิดประตูถือถ้วยกาแฟกับน้ำเดินตามกันเข้ามา ได้ยินไผทกับภูมิคุยกัน ภูมิเห็นมีคนเข้ามาจึงหยุดพูด รุ้งได้ยินคำว่าเจ้าบ่าว หันมองงภูมิกับไผทงงๆ
“เสร็จธุระแล้ว ก็เชิญกลับไปทำงานได้แล้วจ้ะสาวๆ”
“ค่ะ ไปเร็วรุ้ง”
เหมียวดันตัวรุ้งออกไป ภูมิคุยต่อ
“นี่แกทำอย่างกับเจ้าสาวสวยตายเลย ถ้าแคนเซิ่นได้ฉันคงทำไปแล้ว”
“ทำเป็นว่าเขาจัง ระวังจะรักเขาจริงนะโว้ย”
ภูมิหัวเราะในลำคอ
“ฉันภูมิ รัตนบดินทร์ ซีอีโอ เก่งรวยหล่อระดับประเทศ ไม่ว่าใคร ผู้หญิงคนไหน ก็รอให้ฉันเลือก”
“เหรอ แต่แปลกจัง ทำไมคนดีๆ อย่างคุณเดือนฉาย กับคุณยายเขาไม่เลือกแกวะ”
ภูมิรู้สึกเสียฟอร์ม เหล่มองไผท อารมณ์เสีย
“โทรไปงอนง้อคุณเดือนเป็นนานสองนายเขาก็ไม่โอเค ลองเปลี่ยนเวย์มาโยนหินถามทางกับลูกจ้างอย่างคุณยายเขาก็ยังไม่เอาแกอีก ก็ไหนบอกหล่อเลือกได้ไง”
“แทนที่อะไร ฉันแค่กะจะสแปร์ เอาไว้เป็นตัวสำรองเผื่อเดือนทิ้งฉันต่างหาก”
“คุณยายเขาเป็นผู้หญิง แล้วเขาก็รักศักดิ์ศรี แกไปพูดอย่างนั้นมันเหมือนดูถูกเขา”
“แหม ฉันก็แค่พูดเล่น ทำเป็นปรี๊ดแตกไปได้ คงเห็นฉันยอมให้ เพราะถูกแกกับคุณย่าบังคับบ่อยๆ จนยัยนั่นเคยตัว กล้าเหิมเกริมกับฉัน”
“แต่ฉันว่าคุณยาย เขาเป็นคนมีหลักการและเหตุผล เขาชัดเจนและซื่อตรง ไม่เหมือนแก ที่พลิ้วพลิกลิ้นไปเรื่อย นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงจะยื่นข้อเสนอยอมเป็นกิ๊กแกไปแล้ว และที่หนักกว่านั้น”
“อะไร”
“ถ้าคุณเดือนฉายรู้เรื่องนี้เข้าล่ะมึงเอ๋ย เขาถีบหัวส่งแกแน่”
“ก็อย่าให้รู้สิวะ รักแท้อยู่ในใจ รักต่อๆ ไปคือกำไรของชีวิต”
“คิดอย่างนี้ หายนะรออยู่ตรงหน้า ฉันว่าแกเลิกจับปลาสองมือ ไม่งั้นจะไม่ได้สักมือ”
“ฉันจับเดือนฉายมือเดียวอยู่แล้ว”
“ฉันดีใจแทนคุณยายที่ไม่ได้อยู่ในช่วงราหูเข้า ถึงไม่ได้หลงคารม หมาหยอกไก่ของแก”
“ตกลงฉันเป็นไก่”
“ไม่ใช่ หมาต่างหาก”
ภูมิชูกำปั้น ทำท่าจะชกหน้า
ย่าพารามนรีมาส่งที่หน้าสปาหรู บุญปลูกเดินถือกระเป๋าตามหลังมา พนักงานเดินเข้ามาพินอบพิเทา
“สวัสดีค่ะท่าน”
“สวัสดีจ้ะ คอร์สเจ้าสาวหลักสูตรเร่งรัด ช่วยดูแลหลานสะใภ้ฉันให้ดีๆ ด้วยนะ”
รามนรีเขิน
“ด้วยความยินดี เราบริการเต็มที่ค่ะท่าน”
“เดี๋ยวใกล้เสร็จช่วยโทรแจ้งฉันด้วยนะ จะได้มารับ”
“ได้ค่ะท่าน”
“แม่เดือน ย่าไปนะ”
“ค่ะคุณย่า”
ย่ากับบุญปลูกเดินไป พนักงานผายมือเชิญ
“เดี๋ยวเชิญด้านในเลยค่ะคุณผู้หญิง”
รามนรียิ้มให้
รุ้งดึงแขนเหมียว เดินมาคุยกันที่มุมหนึ่งของบริษัท
“นี่เธอเป็นอะไร ลากฉันมาทำไม มีอะไรก็พูดมาสิ”
“บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ว่าเรื่องที่เราได้ยินว่าคุณภูมิจะเป็นเจ้าบ่าวมันจริงไหม แล้วทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“จริง”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันลาไปแค่ไม่กี่วัน มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“สำหรับความรัก อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ แล้วคุณภูมิ เขาก็เป็นเจ้านาย จำเป็นต้องบอกเลขาอย่างเธอ อย่างฉันไหม”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“เขาชื่อคุณยาย ม่านแก้ว ตอนนี้เขาก็ไปอยู่ที่บ้านคุณภูมิ เขากำลังจะแต่งงานกัน แล้วคุณหญิงท่านก็ปลาบปลื้มมาก”
“แล้ว”
“พอได้แล้วรุ้ง ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องเจ้านาย ขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
เหมียวเดินออกไป รุ้งกรี๊ดเก็บเสียง
ภายในห้องรับรองของสปาหรู รามนรีนั่งจิบน้ำที่พนักงานยกมาให้ ประตูเปิดออก พนักงานก้มหัว ผายมือเชิญ เสี่ยอุดรเดินวางมาดโอบไหล่ประกายฟ้าเข้ามา มีพวงศรีกับประกัน ตามมาไม่ห่าง พนักงานหลายคนต้อนหน้าต้อนหลังดูแล ประกันแอบจิกตาใส่พนักงานสาวๆ ประกายฟ้าถามพนักงาน
“ที่นี่มีคอร์สอะไร น่าสนใจบ้างจ๊ะ”
“เอาดีที่สุด แพงที่สุดของที่นี่ให้สมศักดิ์ศรี เสียอุดรเลยนะคะ”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจัดการให้สมเกียรติสมฐานะเสี่ยเลยนะคะ”
เสี่ยอุดรควักแบงค์พันแจก
“น้อง ช่วยดูแลผู้หญิงของผม และคุณแม่ยายให้ดี อย่าให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง”
พนักงานมองเงินตาโต รีบรับไป ยัดไว้ที่หน้าอก
“แน่นอนที่สุดค่ะท่าน”
ประกายฟ้ากอดซบหน้าที่แขนเสี่ยอุดร
“ขอบคุณมากนะคะเสี่ยขา”
“ขอบคุณที่ดูแลน้องฟ้า และครอบครัวเราเป็นอย่างดีนะคะเสี่ย”
“สำหรับหนูฟ้า น้อยกว่านี้ได้อย่างไร ผมยินดีจ่ายไม่อั้น”
รามนรีมองเลี่ยน หยิบแว่นสายตาสั้นมาสวม ก่อนยกหนังสือมาอ่าน ไม่สนใจ ประกายฟ้าปรายตามองรามนรี
"เดี๋ยวผมจะพาคุณพ่อตา ไปดูรถก่อน ส่วนของหนูฟ้าเขาเลือกเอาไว้แล้ว"
"และผมก็จองไว้ให้แล้ว อีกไม่กี่วัน เขาจะลัดคิวเอามาให้"
พวงศรีหันไปสบตาประกัน ยิ้มดีใจ
“ไม่มีใครดีกับเราเท่าเสี่ยอีกแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นเสี่ยขอตัวก่อนนะ ไปครับคุณพ่อ เราปล่อยให้สาวๆ เขาทำสวยกันดีกว่า”
“ดีครับดี”
“บายค่ะเสี่ย แล้วเจอกันนะคะ”
เสี่ยอุดรพาประกันเดินออกไป ประกายฟ้ามองพนักงานหน้าดุ
“นี่เธอ คราวหน้า ถ้าไม่ใช่ห้องวีไอพี อย่าพาฉันมาที่นี่อีก เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมานั่งร่วมห้องด้วย”
รามนรีมองประกายฟ้าไม่พอใจ
“ถ้าไม่ชอบก็เชิญออกไปสิคะ”
ประกายฟ้าโมโหมากหันขวับไปมอง
“นี่เธอเป็นใคร มาพูดกับลูกสาวฉันอย่างนี้ได้ยังไงกัน หะ”
“แล้วทีลูกสาวป้า มาหาเรื่องชาวบ้านเขา ทำไมไม่สั่งสอน มาว่าคนอื่นทำไมคะ”
“อ๊าย นี่แก แกมาเรียกฉันว่าป้าได้ยังไง ฉันยังสวยยังเซี้ยะอยู่นะ”
“ป้าคิดไปเองรึเปล่า”
พวงศรีจะเอาเรื่อง เดินไปหารามนรี ยกมือจะตบ
“คนอย่างนี้ ต้องตบสักทีถึงจะหายซ่า”
“ก็ลองดูซิ คุณตบ ฉันต่อย”
รามนรีกำหมัดใส่ พวงศรีเห็นรามนรีเอาจริง หน้าเหวอลดมือลง พนักงานรีบมาห้ามไว้ พวงศรีได้ทีแก้เก้อ
“ดีนะที่ห้ามไว้ ไม่งั้น สวย”
“อยากสวย ก็เข้ามาสิ ฉันไม่หนีไปไหนแน่”
“ไปค่ะ เราอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลย มันคนละชั้น มันไม่คุ้มกันค่ะแม่”
“ทั้งจริง ทั้งใช่เลยลูก ไปลูกไป”
พนักงานผายมือพาประกายฟ้ากับพวงศรีออกไป
“เพราะแบงค์พัน มาทีหลังแต่ได้ไปก่อนเฉยเลย เฮ้อ ประเทศไทย”
รามนรีเซ็ง
ผสานนั่งครุ่นคิดหน้าเครียดเรื่องของรามนรี แล้วแค้น
“ไอ้จอส ไอ้จอส เอารถออกเดี๋ยวนี้”
“ครับนายหัว”
ภายในห้องของสปาหอมกรุ่นกลิ่นอโรม่า รามนรีนอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ่างอย่างมีความสุข สักครู่เสียงประตูห้องข้างๆ เปิดออก ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักคุยกันลั่นห้อง รามนรีลืมตาเซ็ง
“ทำไมไม่มีมารยาทเอาเสียเลย คนพวกนี้”
ห้องอบซาวน่าของประกายฟ้าและพวงศรีติดกับห้องของรามนรี ประกายฟ้ากับพวงศรีใส่กระโจมอก และผ้าโพกหัวนั่งในตู้อบ
“อ๊าย ได้อบตัวแล้วโล่ง เหมือนยืนอยู่บนเทือกเขาแอลป์เลย จริงไหมลูก”
“จริงค่ะแม่ สปาที่นี่ทำดีกว่าอเมริกาอีกนะคะ”
“อ๊ะ ทั้งนวดไทยและสปาไทย เป็นท็อปไฟว์ของโลกนะจ๊ะลูก”
“ถ้าอย่างนั้นเราให้เสี่ยทำเมมเบอร์ ไว้เป็นปีเลยดีไหมแม่”
“ต้องคิดให้ได้อย่างนี้ ถึงจะสมกับเป็นลูกแม่ ฉลาดสุดๆ เลยลูกเอ๊ย”
“นาทีนี้ฟ้าขออะไร เสี่ยก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และฟ้าก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมอีตาเสี่ยนี่มันโง่จริงๆ”
“นาทีนี้ ยิ่งโง่ยิ่งหลอกง่าย นับว่าเป็นบุญของเราที่เจอคนโง่ เห็นไหม อยากได้อะไรก็ทูลหัวทูลเกล้าให้หมด จะไปหาคนโง่ๆ อย่างนี้ได้ที่ไหน”
“จริงค่ะแม่”
“ว่าแต่ หนูเลือกรถอะไรไป ทำไมไม่บอกแม่ ให้แม่ช่วยเลือกล่ะลูก”
“ก็เสี่ยเขาใจร้อนส่งไลน์มาให้ ฟ้าเลยเลือกเบนซ์สปอร์ตไป แม่ชอบเบนซ์ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ลูกใช่ แม่ชอบ มาเราเลิกคุย แล้วมาทำสมาธิกันดีกว่าหน้าจะได้ตึง อย่าลืมว่าเราต้องการออร่า เพื่อไปเอาชนะใจคุณย่าเศรษฐีกันนะคะ”
ประกายฟ้ายิ้มดีใจ พยักหน้าให้ รามนรีเงี่ยหูฟัง
“นึกว่าใคร ที่แท้ก็สองแม่ลูกอีแร้งมหาภัย หลอกกินตังค์ตาเสี่ยแก่นั่น เฮ้อ คนเรา มือตีนก็มี สติปัญญาก็ดี แต่ไม่รู้จักทำมาหากิน ชอบยืมจมูกคนอื่นหายใจ สักวันจะรู้สึก”
รามนรีหลับตาพริ้ม แช่อ่างน้ำวนต่ออย่างมีความสุข
ระพี ศจี และผสาน มาทานข้าวกันที่ร้านอาหาร
“ขอบคุณมากนะคะ คุณผสาน อาหารมื้อนี้อร่อยมากเลยค่ะ”
“ใช่ อร่อยทุกอย่างเลย นี่ถ้ายัยหนูเล็กได้มา ต้องชอบแน่ๆ”
“ผมก็อยากให้มีวันนั้นเร็วๆ ผมเป็นห่วงเขามากเลยครับ”
“เมื่อวานผมเพิ่งลงประกาศในเว็บ ดีที่วันนี้คุณผสาน พามาลงประกาศที่หนังสือพิมพ์อีก ต้องขอบคุณมากเลยนะครับ”
“ผมต้องทำทุกอย่าง เพื่อคนที่ผมรักอยู่แล้วครับพี่”
ศจีมองสงสารผสานจับใจ
“หรือว่าเราจะไปที่มูลนิธิกระจกเงาอีกที่ดีคะ เพราะที่นี่เขาตามหาคนหายได้เยอะมากเลย”
“ก็ดีนะครับ”
“ผมว่าเรารอสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนดีกว่า ถ้าไม่ได้ผลแล้วค่อยไป”
“เอาอย่างพี่ระพีว่าก็ได้ครับ”
“ศจีเข้าใจคุณผสานนะคะ หนูเล็กโชคดีที่ได้คนดีๆ อย่างคุณผสาน ถ้าเขารู้ว่าคุณผสานรักเขาขนาดนี้ เขาจะต้องดีใจแน่ๆ ค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ คุณศจี ที่เข้าใจ และให้กำลังใจผม”
“ทนอีกนิดนะครับคุณผสาน มีความคืบหน้าอะไร ผมจะบอกให้ทราบเป็นระยะ เพราะช่วงบ่าย ผมจะกลับบ้าน”
“ไปทำไมเหรอครับ”
“คือผมกับศจี กำลังจะจัดงานหมั้นกันที่กรุงเทพ ก็เลยจะพาเขาไปกราบคุณพ่อก่อน”
“เหรอครับ ผมขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ถ้าไม่ติดอะไร ผมขอเรียนเชิญคุณผสาน ไปร่วมงานของเราในฐานะญาติ ด้วยนะครับ”
“ด้วยความยินดีเลยครับพี่ แล้วไม่ทราบพี่จะกลับใต้กี่วัน”
“คงหลายวันเหมือนกัน”
“ถ้าผมกลับไปทัน ผมจะไปหานะครับ อยากจะไปกราบคุณพ่อ ไม่ได้เจอท่านนานแล้ว งั้นวันนี้ผมขออาสาไปส่งที่สนามบินนะครับ”
ศจี ระพี พยักหน้ายิ้มให้ผสาน ก่อนหันไปสบตากันยิ้มปลื้ม ผสานแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
ประกายฟ้ากับพวงศรี เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ประกายฟ้าเปิดประตูจะเดินออกไป
รามนรีจะเข้ามาพอดี ทั้งสองมองหน้ากัน พยายามจะเดินหนี แต่หันไปทางเดียวกันตลอด จนประกายฟ้าหงุดหงิด
“นี่ จะไปทางไหนก็ไปซะทาง ฉันจะได้ออกไปเสียที”
“คุณจะออกก็ออกไป ฉันจะได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที”
“ฉันจะออก”
“ฉันจะเข้า”
พวงศรีมองรามนรีเอาเรื่อง ก่อนดึงประกายฟ้าไปอยู่ด้านหลัง เอาตัวดันรามนรี แล้วพาลูกสาวออกไป รามนรีมองตามหน้าหงิก
“วันพระไม่มีหนเดียว ได้เจออีกเมื่อไหร่ล่ะน่าดู พวกอีแร้งคู่ เฮ้ย”
รามนรีรีบผลุบหายเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่ย่ากับบุญปลูกนั่งรอที่ด้านหน้าสปา สักครู่รามนรีเดินเข้ามา
“ว้าว ออร่าเจ้าสาว มาเต็มมากเลยค่ะ คุณเดือน”
“ใช่ ไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตา ก็ดูผุดผ่องมากเลย”
“คุณย่ากับน้าปลูก ชมซะหนูเขินเลย”
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา”
“งั้นเรารีบไปกันเถอะลูก ต้องรีบไปแต่งหน้า ทำผมอีกนะ”
“ค่ะ คุณย่า”
“บุญปลูก โทรตามเจ้าภูมิมันด้วยนะ”
“ค่ะ คุณท่าน”
ทุกคนเดินตามย่าไป
ภายในร้านกาแฟ ถ้วยกาแฟเปล่าสี่ถ้วยวางอยู่ ภูมินั่งละเลียดกาแฟอย่างเย็นใจ ไผทเหล่มอง
“กินบ้าอะไรตั้งสี่ห้าแก้ว มันอันตรายนะรู้ไหม”
ภูมิเบ้ปากยักไหล่
“นี่แกกะจะแกล้งเขา จะให้เขารอใช่ไหม”
“ก็ ไม่รู้สินะ”
เสียงโทรศัพท์ภูมิดัง แต่ไม่ยอมรับ
“ฉันรู้ ว่าแกกำลังจะซวย เพราะทั้งคุณย่า ทั้งน้าปลูกโทรมา แต่แกไม่ยอมรับสาย แล้วเขาก็ส่งข้อความมาหาฉันทางไลน์หลายรอบแล้ว”
“ก็เรื่องของแก”
“ไปเดี๋ยวนี้”
“ไม่ไป”
“อย่างี่เง่า แกลืมไปแล้วรึไง ว่านี่คือความสุขของคุณย่า”
ภูมิอึ้งคิด
ห้องแต่งตัวในสตูดิโอ ร้านเวดดิ้ง ช่างเอาภาพทรงผม มาให้ทุกคนดู
“ชอบทรงไหนแม่เดือน”
“หนูว่าเอาตามที่ช่างเห็นว่าเหมาะกับหนูละกันค่ะ”
“แต่ย่าว่าทรงนี้ เหมาะกับรูปหน้าหนูดีนะ”
ช่างเห็นด้วย
“ดีค่ะ เหมาะกับรูปหน้า และเข้าได้กับทุกชุดที่เลือกไว้เลยนะคะ”
“คุณท่านนี่ตาถึงจริงๆ”
“งั้นเอาตามนี้เลยนะคะ”
ช่างบรรจงทำผมให้รามนรี ย่ากับบุญปลูกนั่งยิ้มปลื้มมอง
ประกันขับรถญี่ปุ่นป้ายแดงเข้ามาในบ้าน สะอิ้ง สาวใช้ที่เสี่ยอุดรส่งมา เริ่มมาทำงานวันแรก วิ่งมาเปิดประตู ประกันหันไปสบตาพวงศรี ยิ้มปลื้ม
“วันนี้ฉันมีไอเดียเด็ด”
“เด็ดอะไร ไหนว่ามาสิ”
ประกันกระซิบข้างหู พวงศรีตาโต หัวเราะคิกคัก
“ไอเดียดี ตีเหล็กก็ต้องตีตอนร้อนถึงจะถูก ไปเร็วเข้า”
ประกันขับรถนำเข้าไปในบ้าน เสี่ยอุดรกับประกายฟ้า ขับรถหรูตามเข้าไป
ไผทดันหลังภูมิ เดินเข้ามาหน้าร้านเวดดิ้ง
“จะรีบไปไหนวะ”
พนักงานกะเทย เดินตุ้งติ้ง เข้ามาให้การต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ เชิญค่ะเจ้าบ่าวที่หล่อมากๆ”
ภูมิยืดอกยิ้มปลื้ม
“ครับ งั้นช่วยเอาเจ้าบ่าวที่หล่อมากๆ ไปจัดการทีนะครับ”
“อ๊าย ได้เลยค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ คุณผู้ชาย”
พนักงานเดินสะดิ้งนำทาง ส่งสายตาหวานฉ่ำ มองภูมิตลอดเวลา ภูมิยิ้มแหย หันไปมองไผท พยักหน้าให้
“ไปด้วยกันสิ”
“ไปเถอะ ฉันจะรออยู่ตรงนี้”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ สมชายไปเป็นเพื่อนคุณภูมิอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรนะคะ”
ภูมิหันไปกระซิบไผท
“ฉันไม่ได้กลัวอะไร แต่ฉันกลัวสมชายนั่นแหละ”
ไผทกลั้นขำ
“ไปเถอะ”
ไผทดันหลังภูมิไป
กระเป๋าเสื้อผ้าของศจีกับระพีวางอยู่ภายในบ้าน เจือจันทร์เข้ามาเตือน
“ลืมอะไรกันรึเปล่าลูก ดูให้ดีๆ นะ”
“หนูดูดีแล้วค่ะแม่”
“จอส มายกกระเป๋าของคุณๆ ไปใส่รถ”
“ครับนายหัว”
จอสเดินเข้ามา ยกกระเป๋าไป ระพียกมือไหว้เจือจันทร์
“ขอบคุณมากนะครับคุณแม่ ที่อนุญาตให้ศจี ไปหาคุณพ่อกับผม”
“ไม่เป็นไร อีกไม่นานก็จะหมั้นหมายกันแล้ว คงจะไม่น่าเกลียดอะไร ยัยศจี จะได้ไปกราบคุณพ่อ ให้ท่านได้รู้จักบ้างก็ยังดี ว่าว่าที่สะใภ้คนนี้ใช้ได้ไหม ถูกใจรึเปล่า”
“แล้วถ้าคุณพ่อพี ไม่ขอบศจีล่ะคะ”
“คุณพ่อผมท่านเข้าใจ ถ้าลูกรักใคร ท่านก็รักด้วยแน่นอนครับ”
เจือจันทร์มองรู้ทันศจี
“โล่งใจแล้วล่ะสิ”
“ค่ะแม่”
“ฝากดูแลลูกสาวแม่ด้วยนะพี”
“ครับคุณแม่ ผมจะดูแลอย่างดีที่สุด”
“ขอบใจมากนะคะคุณผสาน ที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาให้บริการถึงที่เลย จะว่าไปน่าดีใจแทนหนูเล็กที่จะได้คู่ครองดีๆ แบบนี้ เป็นกำลังใจให้หากันเจอไวๆ นะคะ”
“กราบขอบพระคุณ คุณน้า มากนะครับ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวตกเครื่องไม่รู้ด้วยนะ”
ศจีกับระพี ผสาน กราบลาเจือจันทร์
จบตอนที่ 7