เสือ ตอนที่ 12
ลูกปลาเดินมาตามทางเดิน ได้ยินเสียงคนกำลังฉีกกระดาษ เธอชะงัก มองไปเห็นวิฬาร์ที่กำลังดึงยันต์ออกจนหมด
"นี่เธอทำอะไรนะ"
ลูกปลารีบเข้ามาดึงมือวิฬาร์ออกไป เกิดการยื้อยุดกันขึ้น
"ปล่อยนะ"
"จะบ้าเหรอ! นี่เธอทำอะไรหา...นี่ตาเธอ"
ลูกปลาเห็นดวงตาวิฬาร์ มีสีผิดปกติไป
"นี่เธอเป็นพวกพรหมพยัคฆ์นี่"
วิฬาร์ผลักลูกปลา ก่อนที่จะคว้าของในครัวที่มีอยู่ตรงนั้นตีหัวจนลูกปลาล้มลง ทั้งคู่ตบกันนานจนลูกปลาเสียที สลบไป
วิฬาร์หันมามองแวบหนึ่ง ก่อนไปที่หน้าต่างห้องครัว ดึงแผ่นยันต์ใบสุดท้ายที่แปะไว้ให้ปลิวหลุดลงมา
ลมพัดแรงขึ้น หน้าต่างเปิดอ้าออก ก่อนที่เงาดำจะทาบทับลงมา ร่างของพรหมพยัคฆ์เข้ามาในบ้านได้แล้วพร้อมกับลายเมฆ พรหมมองไปที่วิฬาร์
"ผู้ชายคนนั้น…มันอยู่ที่ไหน"
ลมพัดวูบใหญ่เข้ามาในบ้าน เทพนิมิตสะดุ้งหันขวับมองไปทางห้องครัว รู้สึกได้ถึงกลิ่นสาปเสือ
"พวกมัน เข้ากันมาแล้ว"
คำสูรย์สะดุ้งตกใจ หันมองไป ไม่เห็นลูกปลากับวิฬาร์อยู่ รีบหันถามเทพนิมิต
"มันอยู่ที่ไหน"
คำสูรย์ลุกพรวด กระชับปืนในมือแน่น เทพนิมิตหันมองไปทางห้องครัว คำสูรย์รีบวิ่งออกไป เทพนิมิตกำสร้อยคอไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งตามคำสูรย์ออกไป
วิฬาร์รีบวิ่งนำทางพาพรหมพยัคฆ์ ขึ้นบันไดไปยังหน้าห้องนอนของปักษะที่อาชาอยู่
"ที่นี่ ห้องนี้แหล่ะค่ะ"
วิฬาร์หันบอก พรหมพยัคฆ์จะวิ่งเข้าใส่ประตู แต่ก็ต้องผงะ ก่อนจะเหลือบไปเห็นยันต์ที่แปะอยู่เหนือประตูที่หน้าห้อง เขาคำรามด้วยความโมโห วิฬาร์หันมองเห็นเข้าก็รีบดึงยันต์ออกให้
"เหมียวจัดการให้ค่ะ"
พรหมพยัคฆ์คำรามลั่น ก่อนจะพุ่งตัวพังประตูเข้าไป แล้วหยุดมองหาอาชา
พรหมพยัคฆ์กระโจนเข้ามากลางห้อง ห้องมืดสนิท ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กวาดตามองรอบห้องอย่างรวดเร็วเพื่อหาอาชา
ทว่าอาชากับปักษะไม่ได้อยู่ในห้องซะแล้ว ทั้งคู่ซุ่มอยู่หน้าบ้านพรหมพยัคฆ์ ปักษะกดดูข้อความในมือถือ เป็นข้อความจากคำสูรย์ที่ส่งมาให้
"พวกมันบุกเข้ามาในบ้านได้แล้ว"
ปักษะกดอ่านแล้วรีบหันบอกอาชา
"ต้องรีบแล้ว ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมา"
ปักษะหน้าเครียด อาชาพยักหน้ารับ ปักษะยื่นว่านพรางตัวที่คำสูรย์ให้ไว้ ให้อาชา แล้วที่เหลือก็ขยำใส่ปากเคี้ยวๆพอให้แหลก แล้วเอามาถูตามตัว อาชาเองก็ทำเช่นกัน
"ตอนจ่ายุทธบอก ฉันยังไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็เพราะไอ้ว่านนี่แหล่ะ เลยรอดมาได้"
อาชาพูดไปพลางเอาว่านถูตัวไปด้วย
"ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่แกต้องเปิดใจเชื่อว่ะ อาชา"
ปักษะพูดจริงจัง ทั้งคู่สบตากัน
"พร้อมนะ ไป"
อาชาพยักหน้ารับ ทั้งคู่ หันซ้ายขวามอง เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงค่อยๆปีนเข้าบ้านพรหมไปอย่างระวัง
พรหมพยัคฆ์อาละวาดทำลายข้าวของ คำรามเสียงดังลั่น เมื่อไม่เห็นว่าอาชาอยู่ในห้อง พรหมหันไปจ้องวิฬาร์ด้วยความโมโห เขาพุ่งตัวเข้าไปบีบคอวิฬาร์เพื่อคาดคั้น
"พวกมันอยู่ไหน ไอ้อาชา ไอ้ผู้ชายคนนั้น อยู่ไหน"
วิฬาร์ร้อนรน ร้องด้วยความเจ็บปวดและกลัว มือของพรหมพยัคฆ์บีบแน่นที่คอเธอ เธอพยายามใช้มือแกะ พูดออกมาอย่างยากลำบาก
"เหมียวไม่รู้ เหมียวไม่รู้จริงๆค่ะ"
"แกโกหกฉัน แกกล้าหลอกฉัน"
"เหมียวเปล่าค่ะ เหมียวเป...ล่า"
"งั้นพวกมันอยู่ไหน"
พรหมพยัคฆ์คำรามลั่น ยกมือที่บีบคอเหมียวจนตัวลอย ดิ้นด้วยความเจ็บปวด
"เหมียว..ไม่รู้ จริงๆ"
พรหมพยัคฆ์เหวี่ยงร่างวิฬาร์กระแทกกับพื้น เธอสำลักเพราะขาดอากาศ ก่อนมองไปรอบๆห้องอย่างใช้ความคิด วิฬาร์ไอ ก่อนจะละล่ำละลักบอก
"เมื่อเย็นเหมียวเห็นจริงๆว่าคุณอาชาอยู่บนนี้ แล้วไอคำสูรย์ก็พาคุณปักษะขึ้นมาหา แล้ว..แล้วเหมียวก็ไม่รู้อะไรอีกแล้วจริงๆ"
พรหมยัคฆ์จ้องเขม็งอย่างใช้ความคิด วิฬาร์ร้องไห้ด้วยความกลัว
"จริงๆนะคะ เหมียวไม่โกหกคุณหรอก เหมียวเป็นคนของคุณนะ"
พรหมเอะใจว่า เขาทิ้งณจันทร์ไว้ที่บ้านคนเดียว
"หรือว่า....ณจันทร์ ! พวกมันจะไปช่วยณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์ตกใจที่อาจโดนพวกปักษะหลอก
ปักษะและอาชาค่อยๆเข้าประตูบ้านมาเจอกับสมุนพรหมพยัคฆ์เดินเวรยามขวางทางอยู่ ปักษะกับอาชามองหน้ากัน ก่อนจะพึมพำท่องคาถาพรางตัวเบาๆ
"ฆะเตสิท อะหังปิตตัง นะชานามิ โจรา โจวา โจวา ปะรายันติ"
ทั้งคู่ท่องพึมพำแล้วค่อยๆหาจังหวะก้าวผ่านสมุนเข้าไป แว่บหนึ่งสมุนพรหมพยัคฆ์หันมามอง ทั้งคู่ชะงักค้าง สมุนจ้องเข้ามาใกล้แต่กลับมองไม่เห็น แล้วสมุนก็เดินผ่านไปไม่ได้สนใจทั้งคู่ ทั้งคู่สบตากันโล่งใจ แล้วค่อยๆเดินขึ้นบันไดวนเพื่อขึ้นไปชั้น 2
ทั้งคู่บุกเข้าไปจนเกือบถึงหน้าห้องที่ขังณจันทร์ไว้ เห็นลายเมฆยืนเฝ้าอยู่ ทั้งคู่หันมองหน้ากัน มองประตูหน้าห้องที่ดูน่าเกรงขาม อาชากลืนน้ำลายเอือก เขารับรู้ถึงพลังอำนาจบางอย่าง ต่างกับปักษะที่จ้องมองประตูนั้น และมองลายเมฆด้วยสายตาไม่กลัวเกรงใดๆ
พรหมพยัคฆ์จะรีบกลับ แต่คำสูรย์และเทพนิมิตตามขึ้นมา วิฬาร์เห็นก็รีบวิ่งไปแอบด้านหลังตู้ ไม่ให้ทั้งคู่เห็น คำสูรย์ยืนประจันหน้ากับพรหมพยัคฆ์ ส่วนเทพนิมิตวิ่งอ้อมไปกันด้านหลัง พรหมพยัคฆ์โมโห จ้องคำสูรย์
"พวกแกคิดว่าจะขวางฉันได้หรอ"
พรหมพยัคฆ์ตาวาว จะพุ่งเข้าใส่ คำสูรย์ควักยันต์จากกระเป๋า แปะลงที่พื้น พรหมพยัคฆ์ผงะไป ด้านเทพนิมิตไล่ติดยันต์ล้อมรอบ พรหมพยัคฆ์ไม่ทันตั้งตัว มียันต์แปะล้อมเขาไว้ จนไม่สามารถออกไปได้ คำสูรย์เยาะเย้ย หัวเราะบ้าง
"หึหึ แกจะทำอะไรฉันได้ ไอ้เสือกระจอก"
ปักษะและอาชาเตรียมพร้อมจะต่อสู้กับลายเมฆ
"เดี๋ยวฉันจะล่อมันไว้เอง แกรีบเข้าไปช่วยณจันทร์นะ" อาชาบอก
"มันอันตรายไป"
"แหม่ะ แกลืมไปรึเปล่า ฉันตำรวจมือหนึ่งเลยนะ แค่นี้สบายว่ะ"
อาชาพูดเหมือนมั่นใจ แต่ลึกๆเขาเองก็หวั่นๆกับลายเมฆ อาชาสูดลมหายใจเตรียมพร้อม ก่อนหันไปจ้องหน้าปักษะ
"โอเคนะ"
ปักษะ อาชาต่างพยักหน้าให้กัน แล้วค่อยๆปัดว่านที่ตัวออก แล้วเดินออกจากที่ซ่อน จังหวะนั้นเองเหมือนลายเมฆได้กลิ่น เขาหันขวับมาที่อาชา อาชายิ้มยียวน
"เจอกันอีกแล้วนะ ไอ้สุนัขรับใช้"
"แก... แกเข้ามาได้ยังไง หึ รนมาหาที่ตายถึงที่"
อาชาพยายามกวนประสาทลายเมฆ ค่อยๆเดินอ้อมไปข้างหน้า ให้ลายเมฆถอยห่างและละความสนใจจากประตู ลายเมฆจ้องอาชา ด้วยความแค้น โดยที่ไม่ได้สังเกตว่า ด้านหลังประตูค่อยๆเปิดออก ปักษะที่ทาว่านพรางตัวค่อยๆแทรกตัวเข้าประตูไป อาชาลอบมองเมื่อเห็นว่าปักษะเข้าไปเรียบร้อยและประตูปิดลง เขาก็เริ่มตั้งท่าจะสู้กับลายเมฆ
"เข้ามาเลย คราวนี้แหล่ะจะได้รู้กันสักที ว่าคนหรือผีดิบมันจะเจ๋งกว่ากัน"
อาชาตั้งท่า ลายเมฆพุ่งตัวเข้าใส่ ทั้งคู่สู้กันอย่างดุเดือด
ปักษะเข้ามาในห้อง เขากวาดตามองหาณจันทร์ ในห้องไม่มีใครอยู่อีก แล้วตาเขาก็ไปสะดุดที่แท่นทำพิธี ร่างณจันทร์นอนอยู่
"ณจันทร์"
ปักษะวิ่งตรงเข้าไปหาณจันทร์ที่แท่นพิธี
พรหมยัคฆ์พยายามจะออกจากวงล้อมยันต์แต่ไม่สำเร็จ คำสูรย์หัวเราะ วิฬาร์มองอย่างเป็นห่วง เธอหาจังหวะที่คำสูรย์และเทพนิมิตไม่ทันระวัง วิ่งออกจากที่ซ่อน ตรงไปดึงยันต์ที่แปะที่พื้นออก คำสูรย์เห็นก็ตกใจ
"เห้ย! จะทำอะไรน่ะ"
วิฬาร์ไล่ดึงยันต์ออกอย่างรวดเร็ว เทพนิมิตพยายามจะขัดขวางแต่ถูกวิฬาร์ผลักจนกระเด็นออกมา เทพนิมิตเห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนบอกคำสูรย์
"รีบหนีเร็ว"
พูดจบเทพนิมิตรีบยันตัวลุกแล้ววิ่งออกจากห้อง คำสูรย์ลังเลแต่ก็รีบวิ่งตามไป พรหมพยัคฆ์หลุดจากวงล้อมของยันต์ คำรามลั่นด้วยความโกรธ เขาพุ่งตัวตามคำสูรย์ไปอย่างรวดเร็ว
คำสูรย์วิ่งมาถึงหน้าประตู เทพนิมิตที่พยุงลูกปลามาสมทบ พรหมพยัคฆ์ตามมาทัน แล้วพุ่งเข้ามาทำร้าย คำสูรย์ยกปืนขึ้น ยิงไปที่พรหมพยัคฆ์สองสามนัด กระสุนโดนพรหมพยัคฆ์ เขาตะเกียกตะกายด้วยความเจ็บปวด
"ไป วิ่งเร็ว"
เทพนิมิตกับลูกปลาวิ่งออกจากประตูไป คำสูรย์วิ่งตามออกไป พรหมพยัคฆ์บาดเจ็บ วิฬาร์หน้าตาตื่นวิ่งตามลงมาเห็น แล้วรีบเข้าไปประคองไว้
"คุณพรหมพยัคฆ์ เจ็บมากมั้ยคะ"
พรหมพยัคฆ์มองแผลที่ถูกยิง
"กระสุนลงอาคม"
พรหมพยัคฆ์จ้องตามคำสูรย์ไปอย่างอาฆาต
ปักษะพยายามเรียกณจันทร์ที่นอนนิ่งอยู่ เขาประคองเธอขึ้นมาอย่างทะนุทะนอม
"ณจันทร์... ณจันทร์"
เสียงอาชากับลายเมฆสู้กันดังเข้ามา เสียงอาชาเหมือนจะเสียท่าลายเมฆ ปักษะได้ยินก็ยิ่งกังวล เขาเขย่าตัวณจันทร์เบาๆ พยายามเรียกเธอ
"ณจันทร์ ตื่นเถอะ ณจันทร์"
ปักษะเขย่าตัว ณจันทร์สลึมสลือ ค่อยๆลืมตารวบรวมสติ จ้องมอง จนเห็นชัดว่าคือปักษะ
"คุณ คุณปักษะ"
"ณจันทร์ ผมเอง ผมมาช่วยคุณแล้ว"
ณจันทร์ค่อยได้สติ ยันตัวลุกขึ้นมา ปักษะช่วยประคอง ณจันทร์หันมองไปรอบๆห้อง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือบ้านพรหมพยัคฆ์
"เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ลุงคำสูรย์ถ่วงเวลาไว้ให้ ผมกับอาชามาพาคุณหนี รีบไปเถอะณจันทร์"
ณจันทร์เข้าใจเรื่องราว รีบลุกขึ้น แต่เธอเซเพราะแรงที่ยังกลับคืนมาไม่เต็มที่ ปักษะรีบคว้าตัวเธอไว้ ทั้งสองคนสบตากัน อึดใจหนึ่ง ปักษะที่เก็บความคิดถึงและความห่วงใยไว้มาตลอด เขาดึงณจันทร์เข้ามากอด ณจันทร์ตกใจนิดๆ
"ณจันทร์ คุณรู้มั้ย ผมห่วงคุณแค่ไหน"
ณจันทร์รับรู้ถึงความจริงใจของปักษะ เธอซบหน้าลงที่หน้าอกเขา ก่อนปักษะจะคลายกอดออก ทั้งคู่มองหน้ากัน
"ไปค่ะ เราไปจากที่นี่กันเถอะ"
ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน แล้วรีบวิ่งไปยังประตู มือณจันทร์ผลักประตู กำลังจะออกไป
พรหมพยัคฆ์ชะงัก รับรู้ว่า ณจันทร์กำลังจะหนี วิฬาร์ที่ช่วยประคองอยู่ได้ยินชื่อ ณจันทร์ก็หมั่นไส้ พรหมพยัคฆ์รีบยันตัวลุกขึ้นทั้งที่เจ็บแผล
"เดี๋ยวค่ะคุณพรหมพยัคฆ์ คุณบาดเจ็บอยู่นะคะ"
วิฬาร์พยายามพยุงและห้ามด้วยความเป็นห่วง แต่เขาไม่สนใจ ปัดวิฬาร์ออกไป
"ถอยไป! ณจันทร์ คุณจะหนีผมไปไหนไม่ได้ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้น"
พรหมพยัคฆ์สีหน้าจริงจัง ก่อนจะพุ่งตัวออกไป ไม่สนใจวิฬาร์
"คุณพรหม จะไปไหนคะ รอเหมียวด้วย .. นังณจันทร์ เพราะแกคนเดียว"
วิฬาร์บ่นด้วยความแค้น ณจันทร์ก่อนจะวิ่งพรวดออกไป แต่ไม่เห็นพรหมพยัคฆ์เสียแล้ว
ฝ่ายณจันทร์เองก็ชะงักนิดๆ รับรู้ถึงพรหมพยัคฆ์ ปักษะเห็นก็เป็นห่วง
"ณจันทร์ คุณเป็นอะไรไหม"
ณจันทร์กังวล
"พรหมพยัคฆ์ เขากำลังมา ฉันรับรู้ได้"
จังหวะนั้น เสียงอาชาเรียกดังขึ้นมา
"ไอ้ปักษะ เร็ว"
ทั้งคู่หันมองตามเสียง อาชามีบาดแผลตามตัว ลายเมฆกำลังกระโดดเข้ามา ณจันทร์เห็นก็เพ่งใช้พลัง จนลายเมฆกระเด็นออกไปเต็มแรง ลายเมฆร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อาชากับปักษะตกใจมองที่ณจันทร์ทำแบบนี้ได้ ณจันทร์พอใช้พลังก็ทรุดลงไปเล็กน้อย เธอรีบบอกทั้งคู่
"หนีกันเถอะค่ะ พลังฉันคงสู้มันไม่ได้นาน"
ทั้งสามพยักหน้ารับรู้ ปักษะคว้ามือณจันทร์ ทั้งสามวิ่งฝ่าสมุนพรหมออกไป ลายเมฆยังบาดเจ็บ พยายามยันจะลุกตามไป
ทั้งสามหนีขึ้นรถ แล้วขับออกไป ลายเมฆวิ่งตามออกมา แต่ไม่ทันแล้ว ทั้งหมดขับหนีออกมาได้ ณจันทร์หันกลับไปมอง
"เค้ากำลังมา เร็วค่ะ เค้ากำลังกลับมา"
ณจันทร์เร่งปักษะ เธอรับรู้ได้ถึงพลังของพรหมพยัคฆ์
พรหมพยัคฆ์บาดเจ็บหนัก เพราะโดนกระสุนอาคมกับยันต์ ทันทีที่ถึงบ้าน กลับมาพบว่าบ้านโดนบุก ลายเมฆบาดเจ็บหนัก และณจันทร์หนีไปได้ เขาโมโหมาก ปัดทำลายข้าวของ คำรามลั่นด้วยความโกรธ
วิฬาร์ตามกลับมาถึงพอดี เธอวิ่งเข้ามา พรหมพยัคฆ์พุ่งตัวไปใช้มือบีบคอเธอวิฬาร์แล้วโยนกระเด็นไปกองกับพื้น
" เพราะ เธอ"
"ฉัน…ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะคะ ไม่คิดว่าพวกมันวางแผนกันไว้ จริงๆค่ะ"
"ยังจะพูดอีกเหรอ ฉันบอกแล้วให้เธอสืบมาให้ได้ งานง่ายๆแค่นี้ยังทำไม่ได้ ไหนบอกว่าทำให้ฉันได้ทุกอย่าง"
วิฬาร์เข้ามาเกาะขาพรหมพยัคฆ์ไว้
"เหมียวพูดจริงนะคะ…ให้เหมียวแก้ตัวอีกครั้ง เหมียวจะตามไปสืบมาให้ได้ค่ะ"
"คิดว่าง่ายนักเหรอ พวกมันไม่โง่ให้เธอหลอกเป็นครั้งที่สองหรอก"
พรหมพยัคฆ์ผลักวิฬาร์ไปอีกทาง
"เธอนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว ไป"
"แล้ว…แล้วที่คุณสัญญากับฉันละคะ ที่คุณบอกฉันว่าจะให้ฉันมีอำนาจ ให้ฉันเป็นเหมือนคุณ"
พรหมพยัคฆ์ยิ้มเยาะ
"หวังมากเกินไปหรือเปล่า ผู้หญิงอย่างเธอไม่คู่ควรกับอำนาจของฉันหรอก"
วิฬาร์โกรธ
"แล้วณจันทร์ละ มันคู่ควรตรงไหน ทำไมคุณถึงอยากได้มันนัก มันไม่เคยแคร์คุณด้วยซ้ำ ฉันต่างหาก ฉันพร้อมที่จะเป็นทุกอย่างที่คุณต้องการ ฉันเหมาะสมกับคุณมากกว่านังนั่น"
แต่แล้วทันใดวิฬาร์โดนพรหมพยัคฆ์ตบจนล้มลงไป
"หุบปาก! ถ้าเธอกล้าด่าณจันทร์ให้ฉันได้ยินอีก เธอไม่โดนแค่นี้แน่ จำไว้…ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีวันเทียบกับณจันทร์ได้ และถ้าฉันไม่ได้เรียก ก็อย่ามาเสนอหน้าอีก"
พรหมพยัคฆ์เงื้อมือจะตบวิฬาร์อีก แต่แล้วด้วยความอ่อนเพลียและอาการบาดเจ็บ เขาก็ลดมือลง เซไปข้างๆ ลายเมฆรีบเข้ามาประคอง
"นายท่านโดนมันสะกดกำลังไปถึงขนาดนี้… พักก่อนเถอะครับ เรายังพอมีเวลา"
พรหมพยัคฆ์หอบเหนื่อย
"ฉันจะต้องตามณจันทร์กลับมาให้ได้ ณจันทร์ต้องเป็นของฉัน"
ปักษะ อาชา ณจันทร์ กำลังเดินทางหนีไปยังที่นัดหมาย ปักษะโทร.หาคำสูรย์
"ครับ ลุงคำสูรย์ ... ครับทุกอย่างเป็นไปตามแผน"
หันมองณจันทร์
"ครับ ณจันทร์ปลอดภัยดี ... เจอกันที่นั่นได้เลยครับ"
ปักษะวางสาย ณจันทร์มองอย่างสงสัย
"เรากำลังจะไปที่ไหนกันคะ"
ปักษะยิ้ม
"ที่ๆพวกมันจะหาเราไม่พบครับ"
ปักษะยิ้มให้ ณจันทร์ยิ้มรับ แต่เธอยังกังวล
พรหมพยัคฆ์จ้องมองที่แท่นพิธีที่ณจันทร์เคยนอน ด้วยความเจ็บปวด
"ณจันทร์ ทำไมคุณต้องหนีโชคชะตา ... ทำไมคุณต้องการหนีจากผมด้วย"
พรหมพยัคฆ์ปวดร้าว เพ่งกระแสจิตพยายามตามหาเธอ แต่ไม่เป็นผล แววตาเขาเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
"ผมจะเอาตัวคุณกลับมา คุณต้องเป็นของผม ... พวกมันที่ขวางทุกคนต้องตาย"
พรหมพยัคฆ์แววตากร้าว
ณจันทร์รู้สึกสังหรณ์บางอย่าง เธอหันมองกลับไปมองด้านหลังอย่างกังวล รถแล่นไปตามทาง จุดหมายคือที่ไหนสักแห่ง
ณจันทร์ยืนอยู่คนเดียวที่ชายทะเลซึ่งเงียบสงบอย่างเหงาๆ อีกมุมปักษะยืนโทรศัพท์อยู่ห่างๆคุยเสร็จก็เดินเข้าไปหาเธอ
ทั้งคู่สบตากัน เขายิ้มให้เธอ
"ทำไมคุณถึงพาชั้นมาที่นี่ค่ะ"
ปักษะค่อยๆจับมือเธอ เขายิ้มอ่อนโยน
"ที่นี่เป็นบ้านพักรับรองของพ่อนายอาชา ที่นี่ปลอดภัย เงียบสงบ ผมอยากให้คุณได้พัก"
"ขอบคุณนะค่ะ"
"ผมได้เห็น และ เชื่อในสิ่งที่คุณเป็นอยู่ทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องหนีผมไปไหนอีกแล้ว
ผมไม่เคยรังเกียจสิ่งที่คุณเป็น ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ผมก็ยังรู้สึกกับคุณเหมือนเดิม"
ณจันทร์มองฟ้า
"แต่คืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนวันเพ็ญอีกครั้ง วันนั้นชั้นต้องกลายร่างเป็นเสือ พวกคุณอาจจะต้องตายกันหมด"
"เราจะช่วยล้างคำสาปเสือสมิงให้คุณก่อนที่จะถึงคืนวันเพ็ญนั้น"
"ล้างคำสาป"
"หมอเทพนิมิตช่วยแปลคัมภีร์และบอกวิธีล้างคำสาปให้เราแล้วครับ"
"วิธีไหนเหรอค่ะ"
ปักษะไม่รู้จะเริ่มต้นบอกณจันทร์ยังไง ทั้งคู่จะเดินเข้าไปที่บ้านพัก อาชาเรียกและเดินมาหา
"ปักษะ พวกอาคำสูรย์มาถึงแล้ว"
"อาคำสูรย์"
"นี่แกแน่ใจใช่ไหมที่จะให้ชั้น นอนกับ ณจันทร์คืนนี้" อาชาบอก
"ถ้ามันยังเป็นทางเดียวที่เป็นการล้างคำสาปเสือให้กับณจันทร์ได้ ชั้นก็แน่ใจ"
"แล้วแกคิดว่า พอคุณณจันทร์รู้ว่านี่คือทางแก้ เค้าจะยอมนอนกับชั้นงั้นเหรอ"
ปักษะคิดบางอย่างด้วยความกังวล ก่อนจะเดินตามณจันทร์ออกไป อาชามองตาม
คำสูรย์ กำลังวางของ
"อาคำสูรย์"
คำสูรย์หันมองตามเสียง ณจันทร์ยิ้มเหมือนจะร้องไห้ วิ่งเข้ามากอดคำสูรย์
"อา ปลอดภัยดีใช่ไหมคะ"
"อาปลอดภัยดี คุณหนูไม่เป็นไรใช่ไหม มันไม่ได้ทำร้ายคุณหนูใช่ไหม"
"ค่ะ ไม่เป็นอะไร ...คิดว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว"
"ต้องได้เจอสิครับ ตราบใดที่อายังไม่ตาย อาจะไม่ยอมให้มันทำอะไรคุณหนูแน่ๆ"
ลูกปลา สมชัยเข้ามาพร้อมสัมภาระ เห็น ณจันทร์ดีใจ
"ณจันทร์"
ณจันทร์ ดีใจและแปลกใจ
"พวกเธอมาได้ไง"
"เรารู้เรื่องเธอแล้ว และพวกเราจะช่วยเธอ"
"ขอบใจพวกเธอมากนะ"
"ไม่ต้องห่วงนะ ณจันทร์ ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง เป็นอะไรก็ตาม เธอคือเพื่อนของเราตลอดกาล" สมชัยบอก
"โหซึ้งหว่ะ"
ปักษะ- อาชาเดินเข้ามา ปักษะมองไปที่คำสูรย์ เหมือนรู้กันบางอย่าง สมชัยเข้าไปดึงมือณจันทร์ มาดูเสื้อผ้า
"มานี่เลย ชั้นเอาเสื้อผ้ามาให้เธอเปลี่ยนด้วย มาทะเลทั้งทีต้องหาชุดที่มันเข้ากับบรรยากาศหน่อย"
สมชัยหยิบชุดมาหมุนตัวโพส ทั้งหมดขำกับความฮาของสมชัย บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น
"คุณ ณจันทร์ไปพักก่อนดีกว่าครับ ผมให้แม่บ้านจัดเตรียมห้องไว้ให้คุณแล้ว เดี๋ยวจะได้ทานข้าวกัน"
ณจันทร์ออกไปพร้อมกับสมชัยและลูกปลา คำสูรย์เข้ามาหาปักษะ
"คุณบอกวิธีแก้คำสาปให้คุณหนูรู้รึยัง"
"ยังครับ ผมไม่รู้จะบอกกับเธอยังไง"
คำสูรย์มองที่อาชา และ ปักษะอย่างเข้าใจ
"ผมเข้าใจคุณ ผมจะเป็นคนบอกคุณหนูเอง"
มุมหนึ่ง อาชากำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ ท่าทางจริงจัง และหันมองอย่างระวัง
"ตอนนี้ ผมอยู่ที่บ้านพักรับรอง ของพ่อผม ที่ปราณบุรีน่ะจ่า อืม ผมช่วยปักษะพาณจันทร์หนีมาจากพรหมพยัคฆ์เมื่อคืน"
"แล้วนี่หมวดจะเอายังไงต่อ เรื่อง...พรหมพยัคฆ์ กับ คุณณจันทร์" จ่ายุทธถาม
"ยังไม่รู้เลย"
"คุณณจันทร์อยู่นั่นอาจจะดีก็ได้นะหมวด"
"ดียังไงจ่า"
"ก็ไอ้เสือพรหมพยัคฆ์ มันต้องการตัวคุณณจันทร์ เราใช้โอกาสนี้ ให้ คุณณจันทร์เป็นเหยื่อล่อสิหมวด คราวนี้ จับได้เสือทีเดียวสองตัวเลย ปิดคดีได้เลยนะหมวด"
อาชาขมวดคิ้วฟัง ลังเล คิดหนัก ก่อนพูดตอบ
"ขอผมคิดดูก่อนนะจ่า แล้วยังไงผมจะรีบติดต่อกลับไป"
อาชาวางหู คิดตามคำจ่ายุทธ เริ่มสับสน
สมชัยกับลูกปลาเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ทุกคนเปลี่ยนชุดใหม่ ปักษะชะเง้อมองหาณจันทร์
"ณจันทร์หลับไปแล้วล่ะค่า คงจะเพลีย เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย"
สมชัยถอนหายใจ
"สงสารยัยณจันทร์ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย" ลูกปลาบอก
คำสูรย์บอก "โชคร้ายของคุณหนูจริงๆ"
"ว่าแต่ อาคำสูรย์คะ คือสมสงสัยมานานแล้วว่า ณจันทร์ไปซวยโดนคำสาปเสือนี่มาได้ยังไงอ่ะคะ"
ลูกปลาตีแขนสมชัยเชิงดุ แต่ก็หันไปรอฟังคำตอบจากคำสูรย์
"นั่นสิคะ จะว่าไป พวกเรายังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับที่มาคำสาปนี้เลย"
สมชัยหันมาจิ๊ปากใส่ลูกปลา คำสูรย์นิ่งไป อาชามองคำสูรย์ รอฟัง
"เรื่องมันเริ่มต้น เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนั้นคุณหนู อายุ 5 ขวบ คืนนั้น เป็นคืนพระจันทร์เลือด
คำสูรย์หันมองพระจันทร์ พรหมพยัคฆ์กับราชินีเสือคนก่อนกำลังจะสมสู่กัน ตามพิธีของเสือสมิงเพื่อที่จะเป็นอมตะ และมีอำนาจเหนือมนุษย์ แต่ถูกขัดขวางโดยคนจากหมู่บ้านผาสมิง"
ภาพแห่งความทรงจำนั้น พรหมพยัคฆ์กับอชินี กำลังจะสมสู่กันท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงเลือด ทันใดนั้น เสียงปืนดังปั้ง ทำลายพิธีกรรมนั้น อชินีในร่างเสือบาดเจ็บ โดนจับได้ใส่กรงขังไว้ ในบริเวณบ้านพ่อณจันทร์
ลูกปลากับสมชัยฟังอย่างตั้งใจ
"ราชินีเสือบาดเจ็บ และถูกคุณจรัส พ่อของคุณหนูณจันทร์จับไว้ได้ แต่ด้วยความที่ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ท่านไม่มีวันฆ่าสัตว์ป่า ท่านไว้ชีวิตมัน โดยไม่รู้เลยว่า มันจะทำให้ชีวิตของคุณหนู ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายแบบนี้"
แล้วเสือหลุดจากกรง ณจันทร์วิ่งหนี เสือตามเธอไป จนคำสูรย์ตามไปเจอ
"ในที่สุดราชินีเสือก็หลุดจากกรง มาฆ่านายจรัส พ่อของคุณหนู อายิงเสือราชินีโดนที่หัวใจ สองนัด แต่เสือมันยังไม่ยอมตาย มันตามไล่ล่าคุณหนูณจันทร์เข้าไปในป่า และก่อนที่มันจะตาย มันได้ทำพิธีถ่ายเลือดให้กับคุณหนูเพื่อสืบทอดตำแหน่งราชินี คนต่อไป"
อชินีกำลังทำพิธีถ่ายเลือดให้ณจันทร์
ณจันทร์ตื่นจากฝัน เห็นตอนเด็กที่ถูกอชินีถ่ายเลือด
คำสูรย์พูดอย่างเจ็บปวด
"เป็นเพราะอาคนเดียว ถ้าคืนนั้นอาจฆ่าไอ้เสือตัวนั้น ถ้าอาทำให้นายจรัสพ่อคุณหนูเชื่อได้ ว่ามันคือเสือผีเหมือนที่ปู่ย่าเล่า นายจรัสก็คงไม่ต้องมาตายจากไป และคุณหนูก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับคำสาปนี้"
สมชัยยกมือทาบอก อาชามองคิดตาม
"โธ่... ยัยณจันทร์"
"คุณหนูต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอด อาจะทำทุกวิถีทาง เพื่อช่วยคุณหนูให้ได้"
ทุกคนเข้าใจและสงสารณจันทร์ โดยเฉพาะ อาชา ที่มีทีท่าอ่อนลง
ปักษะยืนมองทะเลอยู่คนเดียว คำสูรย์เดินเข้ามา มองปักษะนิ่งคิดบางอย่าง ก่อนจะถาม
"คุณปักษะ"
"ครับ"
"ผมขอถาม ถามแบบลูกผู้ชาย ผมอยากให้คุณตอบผมมาตามตรง จะได้ไหม"
"ได้ครับ"
"ทำไมคุณถึงยอมช่วยคุณหนู ทำไมถึงยอมเสี่ยงชีวิต ทั้งที่คุณก็รู้แล้วว่าคุณหนู ... เป็นอะไร"
"เพราะ ผมรักณจันทร์"
"แค่นี้อะหรอ"
"ครับ แค่นี้แหล่ะ"
"ถ้าคุณรักคุณหนู คุณยังจะยอมให้คุณหนู นอนกับคุณอาชาเพื่อแก้คำสาปอีกหรอ"
"ครับ เพราะนั่นจะทำให้ผู้หญิงที่ผมรักหลุดพ้นจากคำสาปที่ทำให้เธอต้องทุกข์ทรมาน"
คำสูรย์พยักหน้า ซึ้งใจ
ณจันทร์เดินมาหยุดยืนที่มุมนึง ปักษะเดินตามมา
"ทำไมไม่นอนพักต่ออีกสักหน่อยล่ะครับ รีบตื่นมาทำไม"
"ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลับหรอกค่ะ อยู่ๆก็หลับไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน"
"คุณคงเหนื่อยมาก"
ปักษะมองณจันทร์ด้วยความรัก
"คุณยังไม่ได้บอกเลยว่า แม่หมอเทพนิมิตรบอกวิธีแก้คำสาปว่ายังไง"
ปักษะ อ้ำอึ้ง
"ทำไมค่ะ มันต้องทำยังไงเหรอค่ะ คุณถึงไม่กล้าบอกชั้น"
คำสูรย์เดินตามออกมา
"คุณหนู แม่หมอแปลตามคัมภีร์โบราณนั่น ว่า ..."
คำสูรย์ชะงักไปนิดๆ ลังเลที่จะพูด ณจันทร์ที่ตั้งใจฟังอยู่ ขมวดคิ้วสงสัย
"ว่ายังไงคะลุงคำสูรย์"
คำสูรย์ถอนหายใจ แล้วเริ่มเล่า
"คัมภีร์โบราณ บอกถึงคนที่จะช่วยแก้คำสาปได้ และเราเจอคนๆนั้นแล้ว"
ณจันทร์ตั้งใจฟัง
คำสูรย์อธิบายจริงจัง
"จากคัมภีร์โบราณ เทพนิมิต แปลได้ว่า ชายคนนั้นที่จะมาแก้คำสาป จะต้องเกิดในป่าลึก อาบแสงจันทร์…ในช่วงที่ดวงจันทร์เป็นรูปครึ่งวงกลมพอดี ได้ทำพิธีอาบน้ำแรก ซึ่งเป็นน้ำบริสุทธิ์ที่มาจากต้นน้ำ และจะต้องเป็นคนที่สะกดสัตว์ให้สงบนิ่งได้ด้วย ส่วนข้อสุดท้าย ..."
คำสูรย์นิ่งไป ณจันทร์รอฟัง
"ข้อสุดท้ายอะไรคะ"
"ข้อสุดท้าย ... จะต้องเป็นคนที่เจ็ดจากสิบสอง"
"คนที่ เจ็ดจากสิบสอง หมายความว่าไงคะ"
"ชายคนที่เกิดปีที่ 7 จาก 12 ของปีนักษัตร"
ณจันทร์คิดตาม
" ปีที่เจ็ดคือ... ปีมะเมีย ปีม้า"
ณจันทร์หันมองคำสูรย์ เธอคิดได้แล้ว เธอตาโต ตกใจ
"อาชา คุณอาชา"
คำสูรย์พยักหน้ายืนยันคำตอบของณจันทร์
"ใช่ครับ .. คุณอาชา"
"แล้ว .. คุณอาชาจะช่วยแก้คำสาปได้ยังไงคะ"
"คุณหนูต้อง... ต้องนอนกับคุณอาชา ถึงจะพ้นจากคำสาป"
ณจันทร์ส่ายหน้า รับไม่ได้หนีออกไป
ณจันทร์หน้าตาตึงเครียดเดินหนีออกมา คำสูรย์กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา
"คุณหนู เดี๋ยว รออาก่อน คุณหนู"
คำสูรย์วิ่งมาด้านหน้า หายใจหอบก่อนจะรีบพูด
"แล้วทำไมชั้นต้องเชื่อแม่หมอเทพนิมิตรนั่นด้วย"
"แม่หมอเทพนิมิตร เป็นคนของหมู่บ้านผาสมิง"
"จริงเหรอ อา"
"แม่หมอมีรอยสักสัญลักษณ์ของคนหมู่บ้านผาสมิงที่ข้อมือ และก็รู้วิธีปราบเสือสมิงเป็นอย่างดี แต่แม่หมอไม่เคยบอกใคร สิ่งที่แม่หมอบอกมาตามคัมภีร์มันเป็นหนทางเดียว ที่เราจะแก้คำสาปได้นะครับคุณหนู"
"ฉันต้องนอนกับผู้ชาย ผู้ชายที่ฉันไม่ได้รัก และเขาก็ไม่ได้รักฉันเนี่ยนะ"
ณจันทร์พูดด้วยความคับแค้นใจ กับโชคชะตาที่เธอต้องเจอ คำสูรย์ค่อยๆเอื้อมมือมาจับบ่าณจันทร์ทั้งสองข้าง บีบเบาๆเรียกสติและให้กำลังใจเธอ
"อาเข้าใจความรู้สึกคุณหนูดีครับ แต่นี่มันเป็นเพียงวิธีเดียว วิธีเดียวเท่านั้นที่คุณหนูจะหลุดพ้นจากไอ้เสือบ้านั่น"
ณจันทร์ส่ายหน้าช้าๆ
"อาไม่เข้าใจหรอก อาไม่เข้าใจอาไม่ได้เป็นฉัน ไม่ใช่คนที่ต้องกลายเป็นไอ้เสือบ้านั่น ไม่ใช่คนที่ต้องนอนกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก เพื่อจะได้ไม่ต้องกลายเป็นเสือ อาไม่เข้าใจ อาไม่มีทางเข้าใจหรอก"
ณจันทร์พูดอย่างเจ็บปวด ก่อนจะเดินหนีไป คำสูรย์ตะโกนเรียก
"คุณหนู เดี๋ยวก่อนครับ โธ่! คุณหนู"
ปักษะเห็นณจันทร์วิ่งออกไป เขาหันมองเห็นว่าคำสูรย์ยืนหน้าเครียดอยู่ ก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ เขามองตามณจันทร์ คิดบางอย่าง
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสือ ตอนที่ 12 (ต่อ)
บริเวณป่าโกงกาง ณจันทร์ เศร้าและสับสน ปักษะเข้ามาขวางไว้ก่อน
"ณจันทร์ เดี๋ยวครับ"
"ขอโทษค่ะ ฉันอยากอยู่คนเดียว"
"อย่าหนีอีกเลยครับ"
ณจันทร์เงยหน้าขึ้น ปักษะมองเธออย่างจริงใจ เธอส่ายหน้าเจ็บปวดรับไม่ได้กับสิ่งที่รับรู้
"จันทร์แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง ให้ยิ้มรับแล้วทำตามวิธีแก้คำสาปงั้นหรอ"
ณจันทร์จ้องหน้าปักษะ
"คุณไม่เข้าใจหรอกค่ะ คุณปักษะ"
ณจันทร์เบือนหน้าหนี แล้วทำท่าจะเดินหนี
"ณจันทร์...ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ ฟังผมก่อน"
ณจันทร์หยุด ฟังว่าปักษะต้องการจะพูดอะไร
"ทุกคนเจ็บปวดไม่ต่างกับคุณ เจ็บปวดที่เห็นคุณคนที่พวกเรารัก ต้องโดนคำสาปบ้าๆนั่น อาคำสูรย์ยอมทำทุกทางเพื่อที่จะหาวิธีแก้คำสาปนั่น ลูกปลา สมชัย ยอมเสี่ยงชีวิต ส่วนอาชาก็ช่วยพาคุณ
ออกมาจากพรหมพยัคฆ์ ทุกคนทำเพื่อคุณนะ ณจันทร์"
"แต่... แต่วิธีแก้คำสาป ฉันต้อง..ต้องนอนกับคุณอาชา"
ณจันทร์พูดออกไปด้วยความเจ็บปวด
"ฉันทำไม่ได้"
"ณจันทร์"
"คุณจะให้ฉันนอนกับเพื่อนคุณได้ยังไง"
"เพราะผมรักคุณ เพราะสิ่งเดียวที่ผมต้องการคือขอให้ผู้หญิงที่ผมรัก ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับคำสาปนั่นอีก"
ณจันทร์มองปักษะนิ่ง ปักษะเข้าไปกอดณจันทร์
"ณจันทร์ ผมรักคุณ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็รักคุณ แล้วคุณล่ะคุณรักผมไหม"
"ค่ะ... ปักษะ ฉันรักคุณ ฉันถึงนอนกับคนที่ฉันไม่ได้รักไม่ได้"
"ผมจะแต่งงานกับคุณ ณจันทร์ สำหรับผมไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การที่หัวใจคุณอยู่กับผม ณจันทร์แต่งงานกับผมนะ ผมขอสัญญากับคุณด้วยแหวนวงนี้ว่าจากนี้ไปผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด"
ปักษะ มองหน้าเธอจริงจัง ณจันทร์มองปักษะ คิดตาม หนักใจ ก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ
ทางด้านพรหมพยัคฆ์ยืนมองเตียงที่ณจันทร์เคยนอน วิฬาร์เปิดประตูห้องเข้ามาคล้องแขน
"ยังไม่หายดีเลย รีบลุกขึ้นมาทำไมคะ นอนพักอีกหน่อยดีกว่าค่ะ"
พรหมพยัคฆ์สลัดแขนออก วิฬาร์หน้าเสีย
"อย่ามาโดนตัวฉัน"
"วิฬาร์ขอโทษค่ะ วิฬาร์แค่เป็นห่วงคุณ เผื่อคุณจะต้องการอะไร"
วิฬาร์ทำท่ายั่วยวน
"ออกไป! ฉันไม่ต้องการเธอ"
วิฬาร์โมโห
"ทำไมคะ วิฬาร์มีอะไรสู้ณจันทร์ไม่ได้หรอคะ คุณถึงไล่วิฬาร์แบบนี้"
พรหมพยัคฆ์มองแล้วหัวเราะในลำคอ มองเหยียดหยาม
"เธอไม่มีอะไรที่จะเทียบกับณจันทร์ได้หรอก"
วิฬาร์พยายามเก็บอารมณ์
"แล้ววิฬาร์ต้องทำยังไงคะ คุณถึงจะหันมาสนใจวิฬาร์บ้าง"
"เธอไม่ใช่ราชินีของฉัน เธอไม่ใช่คนที่ถูกเลือก เธอไม่มีวันเป็นได้แบบณจันทร์"
"แต่ณจันทร์ก็ไม่ได้อยากเป็นคนที่ถูกเลือกนี่คะ ไม่งั้นจะหนีคุณไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งหรอคะ คุณจะไปสนใจรอคนแบบนั้นทำไม"
"ณจันทร์ไม่มีทางหนีสันชาตญาณความเป็นเสือของเธอได้ ยิ่งใกล้คืนวันเพ็ญสีเลือด เธอก็จะยิ่งแสดงออกมาเอง เพราะเธอคือราชินีของชั้น"
"แล้วถ้านังณจันทร์มันไม่กลับมาล่ะ มันไม่ได้สนใจคุณ ไม่ได้รักคุณ มันรักปักษะต่างหาก"
วิฬาร์ทำท่าจะเข้ามาออดอ้อน พรหมพยัคฆ์หันขวับมองตาขวางด้วยความโกรธ ใช้พลังทำให้วิฬาร์กระเด็นล้มไป เธอร้องเสียงหลง
"ออกไป"
"วิฬาร์ต่างหากที่รักคุณ อยากดูแลคุณ วิฬาร์อยากเป็นราชินีคุณ"
"ฉันบอกให้ออกไป ไม่งั้นชั้นจะฆ่าแก"
วิฬาร์ชะงัก ทั้งโกรธทั้งกลัว รีบลุกวิ่งออกไป พรหมพยัคฆ์คิดถึงณจันทร์
ณจันทร์และปักษะเข้ามาบอกกับทุกคน บรรยากาศก็ยังดูอึดอัด
คำสูรย์ถาม
"ห๊ะ จริงหรอครับคุณหนู" ณจันทร์พยักหน้ารับ "อาดีใจคุณหนูจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไปอีก"
ณจันทร์มองมาที่อาชา
"คุณณจันทร์... คุณ"
"คุณอาชา คุณช่วยชั้นด้วยนะค่ะ"
"ครับคุณณจันทร์"
" ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
ปักษะคุยกับอาชาที่กำลังอึดอัดอยู่ริมทะเล
"บางทีชั้นก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ ที่ชั้นต้องมานอนกับคนรักของเพื่อนชั้น เพื่อแก้คำสาปให้เธอ และเพื่อนชั้นคนรักของเธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย"
"อาชา มันไม่ง่ายสำหรับแก ฉันรู้ ... แล้วมันก็ไม่ง่ายสำหรับฉันเหมือนกัน"
อาชาถอนใจ
"แกอย่าคิดมากเรื่องชั้นเลย ชั้นเข้าใจได้ มันเป็นทางที่จะทำให้ คุณณจันทร์ ปลอดภัย
และจะไม่กลับไปเป็นเสือสมิงทุกคืนวันเพ็ญอีก คิดว่าแกได้ช่วยคุณณจันทร์ และก็ชั้นด้วย"
อาชามองปักษะที่พูดจริงจัง พยักหน้ารับอย่างจำยอมเข้าใจ คำสูรย์มองทั้งคู่ แต่ไม่แน่ใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เทพนิมิตนั่งถอดไพ่อยู่ในห้อง เธอหงายออกมาเป็นไพ่เป็น The High Priestess (ราชินีดวงจันทร์) เธอจ้องมองไพ่ที่วางอยู่ก่อนแล้วบนโต๊ะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เทพนิมิตกดรับ
"ฮัลโล ... คำสูรย์ ... คุณหนูแก ตัดสินใจได้แล้วสินะ"
" ใช่ คืนนี้ คุณหนูกับคุณอาชา... จะ..." พูดแค่นั้น คำสูรย์ก็ถอนใจ "คือ ฉันไม่ได้จะกวนหรอกนะแม่หมอ แต่ผู้ชายคนนั้นอ่ะ เป็นคุณอาชาแน่นะ ...ดูไม่ผิดคนจริงๆใช่ไหม"
"แกหมายความว่าไง"
" ไม่รู้สิ .. ฉันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมันกวนใจฉันอยู่ ... เอ้อ ช่างมันเถอะ ถ้าแกแน่ใจว่าคุณอาชา คือคนที่จะช่วยแก้คำสาปได้จริง .. ฉันก็จะเชื่อ ... งั้นแค่นี้แหล่ะ ไว้เจอกัน"
คำสูรย์ กดวางสายไป เทพนิมิตมองโทรศัพท์นิ่ง คิดบางอย่าง ก่อนมองไพ่บนโต๊ะเห็นว่า บนโต๊ะมีไพ่ The Chariot (อัศวินผู้พิชิต) / The Emperor (จักรพรรดิ) / The Lover (คนรัก) / The High Priestess (ราชินีพระจันทร์) ไพ่ใบล่าสุดที่เปิดขึ้นมา / เธอจ้องมองไพ่ใบสุดท้ายที่คว่ำอยู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมันหงายออกมา เทพนิมิตจ้องไพ่ในมือ หน้าจริงจัง เทพนิมิตวางไพ่ใบสุดท้ายลง มันคือไพ่ Death (ความตาย)
"ความตาย"
เทพนิมิตคิดทบทวนที่คำสูรย์พูด คิดหนัก
"หรือ.. เราพลาดอะไรไปจริงๆ"
วิฬาร์มองหาลายเมฆ เห็นว่าลายเมฆกำลังดูรอยแผลที่หน้าอก ที่สู้กับอาชาคราวก่อนอยู่
วิฬาร์ทำทีเป็นห่วง
"อุ้ย นั่นแผลอะไรอ่ะ ลายเมฆ"
ลายเมฆเห็นวิฬาร์มา ก็ใส่เสื้อทันที
"ให้ฉันทำแผลให้มั้ย"
"ไม่จำเป็น เดี๋ยวมันก็สมานหายเอง เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย"
วิฬาร์เดินเข้าไปประชิดตัว เขาขยับหนีนิดๆ แต่วิฬาร์พยายามยั่วยวน ใช้มือค่อยๆเปิดเสื้อที่หน้าอก ลายเมฆจะขยับหนี
"อยู่นิ่งๆสิ ฉันขอดูแผลนิดเดียวเอง"
วิฬาร์ค่อยๆใช้มือลูบแผลที่หน้าอกลายเมฆเบาๆ เธอสบตาลายเมฆ ยั่วยวน ลายเมฆไม่สนใจ
"ถอยออกไป เดี๋ยวนายมาเห็นเข้า"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย วิฬาร์ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีสักหน่อย"
วิฬาร์กระแซะเข้าใกล้ลายเมฆอีก
"วิฬาร์แค่ขอดูแผลนิดเดียวเอง ... ก็วิฬาร์เป็นห่วง"
เธอลูบไล้ไปตามตัวลายเมฆ แต่ลายเมฆไม่รู้สึกอะไร
"เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ"
"ไม่"
วิฬาร์เห็นแผนนี้ไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนท่าที
"วิฬาร์ดีใจนะคะ ที่เราสองคนได้รับพลังอำนาจจากคุณพรหมพยัคฆ์เหมือนกัน วิฬาร์จะทำทุกอย่างเพื่อรับใช้คุณพรหมพยัคฆ์ให้ดีที่สุดว่าแต่ วิฬาร์ยังไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับพลังอำนาจของพวกเราเลย"
พรหมพยัคฆ์หันไปจ้องเหมียว
"คราวก่อนที่บุกไปบ้านไอ้ปักษะ นอกจากไอ้คำสูรย์ ก็มีผู้หญิงอีก 2 คน คนนึงเป็นเพื่อนที่ทำงานณจันทร์ ฉันจำได้ ส่วนอีกคน ... ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน"
"อีกคน ... อ๋อ แม่หมอ" วิฬาร์บอก
"แม่หมอ"
"ชื่อเทพนิมิตคะ เป็นหมอดูไพ่ยิปซีผับที่พวกนังณจันทร์ชอบไป"
"หมอดูไพ่ยิปซีหรอ ลายเมฆ ไปตามสืบมา ฉันคิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น"
"เหมียวรู้ว่ามันอยู่ไหน เดี๋ยวเหมียวจัดการให้ค่ะ"
"ดี ฉันต้องการรู้ให้เร็วที่สุด"
พรหมพยัคฆ์หันมองพระจันทร์ คิดหนัก
"คืนพรุ่งนี้แล้ว จะถึงวันเพ็ญสีเลือด ถึงฉันมั่นใจว่า ณจันทร์จะทนต่อสัณชาตญาณของเสือไม่ได้
แต่ฉันมีลางสังหรณ์ว่า ทุกอย่างมันอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด"
"นายท่านกลัวว่า เธอจะล้างคำสาปได้หรอครับ"
"ณจันทร์ไม่เหมือนราชินีคนอื่น เธอไม่ยอมรับพลังแห่งเสือ ฉันต้องรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก่อนคืนพรุ่งนี้"
ลายเมฆพยักหน้ารับหนักแน่น
"ครับนาย"
เทพนิมิตหน้าเคร่งเครียด มองไพ่บนโต๊ะ ที่เธอวางเต็มไปหมดจนแทบดูไม่รู้เรื่อง เทพนิมิตทวนคำในคัมภีร์โบราณ
"เกิดในป่าลึก อาบแสงจันทร์… ทำพิธีอาบน้ำแรก"
เทพนิมิต เปิดไพ่เพิ่มอีกจนเต็มโต๊ะไปหมด
"เป็นคนที่สะกดสัตว์ให้สงบนิ่งได้"
เทพนิมิตนิ่งคิด ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์กดโทร.ออกไม่นาน ปลายสายก็รับ
"คำสูรย์ ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วย"
เทพนิมิตหยิบกระดาษมา จดบางอย่างที่คำสูรย์บอก
"ฉันยังบอกอะไรตอนนี้ไม่ได้ ขอฉันพิสูจน์ให้แน่ใจก่อน ถ้าเป็นอย่างที่ฉันสังหรณ์จริง ฉันจะรีบบอกแกทันที"
เทพนิมิตกดวางสาย หยิบกระดาษที่จดไว้ขึ้นมาดู เขียนว่า "ปฏิมา ตามด้วยเบอร์โทร..."
"ฉันจะไม่ยอมทำพลาดอีก"
เทพนิมิตหยิบโทรศัพท์กดตามเบอร์ที่จดไว้ แล้วโทร.ออก ไม่นานปลายสายก็รับ
"นั่นคุณปฏิมา พ่อคุณปักษะใช่ไหมคะ"
เทพนิมิตขมวดคิ้วจริงจัง
เสียงเคาะประตูดัง ณจันทร์จ้องมองพระจันทร์อยู่สะดุ้ง ลังเล
"ค่ะ"
"ผมเองครับ" อาชาบอก
ณจันทร์นิ่งเงียบไป
"เอ่อ.. ถ้าคุณยังไม่พร้อม เดี๋ยวผมค่อย..."
ณจันทร์สวน
"ไม่เป็นไรค่ะ เข้ามาเถอะค่ะ คุณอาชา"
ณจันทร์เดินไปยืนใกล้ๆหน้าประตู อาชาค่อยๆเปิดประตูเข้ามา ณจันทร์หลบตา ทั้งคู่ประหม่า อาชายิ้มแก้เก้อ
"เอ่อ..." อาชาหันไปจะปิดประตู "คุณ.. โอเคใช่มั้ยครับ"
ณจันทร์พยักหน้า
"ค่ะ ฉันโอเค"
อาชาค่อยปิดประตู ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันแบบเก้ๆกังๆ
เทพนิมิตจดบางอย่างลงในกระดาษ ตามที่ปฏิมาบอก
"เกิดกลางป่า"
เทพนิมิตตกใจ
"อาบน้ำแรก...เอ่อ ได้อาบน้ำในลำธารด้วยหรือเปล่าคะ" เทพนิมิตฟังแล้วตกใจ "อ่อ ไม่มีอะไรค่ะ แค่ข้อมูลลงนิตยสาร ขอบคุณมากค่ะ"
เทพนิมิตวางสายโดยไม่ได้สนใจปฏิมาต่อ เธอมองข้อมูลที่จดไว้ หน้าเครียด ก่อนจะเริ่มต้นกางคัมภีร์ขึ้นมา
ทั้งคู่นั่งอยู่บนเตียง อาชาลังเล ก่อนจะค่อยๆพลิกตัวหันมาหาณจันทร์ ณจันทร์ยังคงนิ่ง ไม่พูดจา
"คือ... ผม ... ผมเพิ่งได้รู้เรื่องจากอาคำสูรย์"
ณจันทร์แปลกใจ หันมามองอาชา
"เรื่องที่คุณโดนคำสาปได้ยังไง"
"อ๋อ ค่ะ ... ตอนนั้นฉันยังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ จริงๆก็จำอะไรแทบไม่ได้แต่ก็ ....ฝันร้ายอยู่บ่อยๆ"
"ผม... ผมขอโทษนะครับ ที่เคยทำไม่ดีกับคุณ"
"คะ"
"ก็เรื่องที่... ว่าคุณเป็นฆาตรกร"
"คุณไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันก็เป็นจริงๆ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เป็นจริงๆ"
ทั้งคู่สบตากัน สายตาเต็มไปด้วยความกังวลทั้งคู่ แต่แล้วอาชาก็ตัดสินใจค่อยๆโน้มตัวเข้าใกล้ ณจันทร์ไม่ได้ขยับหนี
เทพนิมิตคิดหนัก เธอกางตำราในหน้าปีนักษัตร ไล่มือไปที่ปีเสือ
"เจ็ดจากสิบสอง … ถ้าเริ่มจากปีเสือ"
เทพนิมิตค่อยๆไล่มือวนมา นับไปเรื่อยๆ พอถึงเจ็ด มือเขาชี้อยู่ที่ปีระกา
"ปีระกา"
ตำราในช่องปีระกา จงใจวาดรูปไว้ผิด ไม่ใช่ไก่ แต่เป็นนก เทพนิมิตอึ้งไป !!
"นกหรอ... ไม่ใช่คุณอาชานี่... ปักษะ !"
เสียงโทรศัพท์ของคำสูรย์ที่วางอยู่บนโซฟา ดังขึ้นในห้องนั่งเล่น แต่ห้องมืด ไม่มีใครอยู่
เทพนิมิต ถือโทรศัพท์รออย่างร้อนใจ
"รับสิ รับ ! ฉันไม่อยากทำผิดนะ โว้ย"
ไม่มีคนรับ สายตัดไป เทพนิมิตกดโทรอีกครั้งอย่างร้อนรน
บริเวณระเบียงบ้านพัก คำสูรย์นั่งอยู่ มองปักษะที่นั่งอยู่เงียบๆ สมชัยนั่งหาว ลูกปลานั่งหน้าเครียด หันมองไปทางห้องณจันทร์ที่อยู่ทางด้านหลัง ลูกปลาถอนหายใจ ลุกขึ้นจะเดินออกไป
"ลูกปลา ! แกจะไปไหน อย่าไปขัดจังหวะคนเค้ากำลังจะ..."
ลูกปลาตีสมชัยดังเพี้ยะ สมชัยรู้ตัวรีบยกมือปิดปากตัวเอง คำสูรย์ส่ายปักษะเดินแยกออกไป
"นังสม ปากเนี่ยนะ หลายทีแล้วนะ"
สมชัยตบปากตัวเอง
"นั่นสิ"
"ฉันช่วยตบมั้ย ชั้นปวดฉี่ ไปเข้าห้องน้ำแป็บนะ"
ลูกปลาออกไปสมชัยลุกพรวดตามไป กลัวคำสูรย์
"ไปด้วย"
สมชัยเกาะแขนลูกปลาเดินออกไป คำสูรย์ส่ายหน้า
ทั้งคู่เดินผ่านห้องนั่งเล่นไป
เสียงโทรศัพท์ของคำสูรย์ที่วางอยู่บนโซฟา ดังขึ้นต่อเนื่องอีก เทพนิมิต ถือโทรศัพท์รออย่างร้อนใจ
"โอ๊ย ! มัวทำบ้าอะไรกันอยู่เนี่ย"
เทพนิมิตกำลังจะกดวาง แต่มีใครบางคนรับพอดี
"ฮัลโหลค่า"
"นั่นใคร ฉันจะคุยกับคำสูรย์ เดี๋ยวนี้"
เทพนิมิตพูดน้ำเสียงจริงจัง
สมชัยวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมกับโทรศัพท์ ลูกปลาวิ่งตามมาติดๆ
"แม่หมอค่ะ แม่หมอโทรมา"
คำสูรย์รีบรับมาทันที
"ว่าไง แม่หมอ"
คำสูรย์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"ชายคนนั้นคือคุณปักษะ" เทพนิมิตบอก
"ห๊ะ ว่าไงนะ"
"ชายคนที่จะช่วยแก้คำสาปเสือ ไม่ใช่คุณอาชา แต่เป็นคุณปักษะ"
ทั้งหมดมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ
"ผู้ชายที่จะแก้คำสาป ไม่ใช่คุณอาชา"
สมชัยร้อง
"ตายแล้ว ผิดคนหรอคะ อร๊าย ณจันทร์ !"
คำสูรย์วางโทรศัพท์ ทั้งหมดวิ่งตรงไปที่ห้องณจันทร์ทันที
ทั้งหมดมาถึงห้อง คำสูรย์ทุบประตูรัว...
"คุณหนู เปิดประตู คุณหนู"
ประตูเปิดออกเห็นอาชายืนหน้าตาเหรอหราอยู่ ด้วยความตกใจ ทั้งหมดรีบวิ่งเข้าไป แต่ไม่เห็นณจันทร์
"คุณหนู"
"เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน" อาชาถาม
อาชามองทุกคนอย่างตกใจ ลูกปลากับสมชัยมองหาทั่วห้อง
"ณจันทร์อยู่ไหน" ลูกปลาถาม
"เดี๋ยวใจเย็นก่อน เกิดอะไรกันขึ้น"
คำสูรย์กระชากคอเสื้ออาชา ด้วยความร้อนใจ จนอาชาตกใจ
"บอกฉัน แกกับคุณหนู.... แล้วคุณหนูหายไปไหน"
อาชามองคำสูรย์ที่โมโห อย่างไม่เข้าใจ
"ผมก็ไม่รู้ เราคุยกันเสร็จ ณจันทร์ก็จากห้องไป"
"คุณ... คุณกับคุณหนู"
"เห้ย! นี่มันเรื่องอะไรกันครับ"
อาชาไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฝ่ายปักษะนั่งเศร้าๆอยู่ริมทะเล
"ณจันทร์ ผมรักคุณนะ คุณต้องหาย คุณต้องกลับเป็นปกตินะ"
ที่ห่างออกไป ณจันทร์เดินเข้ามายืนจ้องพระจันทร์ ตาเหม่อลอย คิดถึงสิ่งที่พรหมพยัคฆ์กับปักษะเคยพูด
"คุณคือราชินีแห่งเสือ คุณคือผู้หญิงของผม คุณเกิดมาเพื่อเป็นของผม"
"ไม่ .. ไม่ ! ฉันไม่ได้อยากเป็นราชินีเสือ ไม่"
"ณจันทร์ ผมรักคุณ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็รักคุณ แล้วคุณล่ะคุณรักผมไหม"
"ฉันก็รักคุณปักษะ แต่ฉัน..."
"คุณไม่มีวันหนีโชคชะตานี้พ้น ณจันทร์"
"เสือ... คำสาป ฉันทำไม่ได้ "
"สำหรับผมไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การที่หัวใจคุณอยู่กับผม ณจันทร์แต่งงานกับผมนะ
ณจันทร์แต่ฉัน...ฉันจะต้องกลายเป็นเสือ"
"ใช่ณจันทร์ คุณต้องเป็นราชินีของผม"
" แต่งงานกับผมนะ ณจันทร์"
ณจันทร์สติหลุดกรีดร้อง สับสน
"ฉันจะไม่ยอมเป็นเสือ ไม่ ไม่"
ปักษะหันมองไปตามเสียงนั้น เห็นว่าเป็นณจันทร์
ณจันทร์จ้องน้ำตรงหน้าน้ำตาไหลพราก อึดใจหนึ่ง เธอวิ่งลงไปในน้ำ ปักษะตกใจกับภาพที่เห็น
"ณจันทร์"
ปักษะรีบวิ่งตรงไปร้องตะโกนลั่น
"ณจันทร์"
ณจันทร์ปล่อยร่างตัวเองให้จมดิ่งลงไป ปักษะรีบกระโดดลงน้ำ ตามไปช่วยณจันทร์
ร่างณจันทร์ร่วงลงไปใต้น้ำ เธอไม่พยายามจะว่ายขึ้นไป ปักษะรีบดำลงไป โอบร่างเธอ พยายามจะพาเธอขึ้นเหนือน้ำ แต่ณจันทร์ขัดขืน ทั้งคู่กอดรัดกันอยู่
ปักษะพยายามต่อสู้กับแรงของณจันทร์ที่ขัดขืน ทั้งคู่เริ่มขาดอากาศหายใจ ปักษะกอดณจันทร์ และตัดสินใจจูบเธอ ทั้งคู่สบตากัน ปักษะค่อยรวบตัวเธอว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ
ปักษะพาณจันทร์ขึ้นจากทะเล ทุกคนวิ่งตามมาถึง คำสูรย์ตกใจ
"คุณหนู"
ลูกปลาเรียก
"ณจันทร์"
เสียงสมชัยร้องกรี๊ดกร๊าดโวยวาย ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คำสูรย์กระโดดลงไปช่วย ดึงทั้งคู่ขึ้นมา
"คุณหนูๆ เป็นอะไรรึครับ โธ่ คุณหนู"
ปักษะเขย่าตัวณจันทร์เรียกให้ได้สติ
"ณจันทร์ ณจันทร์"
ณจันทร์ลืมตาขึ้นมา มองปักษะ เธอค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมา หันมองรอบตัวเห็นทุกคนมุงเธออยู่ คำสูรย์หน้าเครียด
ปักษะมองณจันทร์ด้วยความเป็นห่วง โผกอดเธอแน่น
"ณจันทร์ ทำไมคุณทำแบบนี้ ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไง ผมรักคุณรู้ไหม ผมรักคุณ"
"ชั้นจะไม่นอนกับคนที่ชั้นไม่ได้รัก และชั้นก็ไม่ได้อยากเป็นราชินีของพรหมพยัคฆ์ ชั้นไม่อยากกลายร่างเป็นเสืออีกแล้ว"
" คุณหนู ทำไมคิดสั้นแบบนี้"
ณจันทร์หันมองคำสูรย์ที่หน้าตาเจ็บปวดเสียใจกับสิ่งที่ณจันทร์ทำ ก่อนจะหันไปเห็นลูกปลากับสมชัยวิ่งมาประกบณจันทร์ด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ ด้วยความตกใจ อาชามองเหตุการณ์อยู่ด้วย
"ณจันทร์ แกไม่เป็นอะไรนะ"
ลูกปลาร้องไห้ถาม
"ทำไมแกทำแบบนี้ ฉันตกใจหมดเลย ไม่เอา อย่าทำอีกนะ"
ณจันทร์ร้องไห้เหมือนกัน
"ฉัน.. ฉัน ฉันไม่รู้จะทำยังไง มันไม่มีทางเลือกเลย ไม่มีเลย"
"คุณหนูเลยเลือกที่จะตาย ตายเพื่อหนีทุกคนที่รักแล้วก็ทำเพื่อคุณหนูมาตลอดเนี่ยหรอครับ"
"อาคำสูรย์ครับ"
อาชาจับแขนเตือนสติคำสูรย์ เพราะณจันทร์ยังเสียขวัญอยู่ แต่คำสูรย์ไม่ฟัง เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงเจ็บปวดเสียใจ
"อาเสียใจ ที่คุณหนูไม่รักตัวเอง ไม่รักทุกคนที่รักคุณหนู"
"อาคำสูรย์"
"อาผิดหวังจริงๆ"
คำสูรย์เจ็บปวด เดินกลับออกไป ณจันทร์ร้องไห้เสียใจ ปักษะกอดเธอไว้
เวลาต่อมา ลูกปลาถอนหายใจมองณจันทร์ที่ร้องไห้จนหลับไป ลูกปลาขยับผ้าห่มให้ ก่อนจะลุกออกไป
คำสูรย์เดินวนไปมาอย่างเป็นห่วงอยู่หน้าห้อง คนอื่นๆยืนรวมกันอยู่ พอลูกปลาเปิดประตูออกมา คำสูรย์มองเข้าไป เห็นว่าณจันทร์นอนหลับอยู่บนเตียง ลูกปลาหันมาบอกทุกคน
"หลับไปแล้วค่ะ กว่าจะหลับได้ ร้องไห้ผวาตลอดเลย"
"คงจะยังตกใจอยู่" อาชาบอก
"โธ่...คุณหนู"
ปักษะถอนหายใจ คำสูรย์หันมองทุกคน
"ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ"
ทุกคนพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ
"นี่ก็ใกล้จะเช้าแล้ว แยกกันไปพักเถอะ เก็บแรงไว้ ยังมีเรื่องให้เราต้องทำอีกเยอะ ...อาจะอยู่เฝ้าเอง" อาชาบอก
"อาคำสูรย์ไปพักเถอะครับ ผมจะอยู่เฝ้าให้เอง"ปักษะบอก
"คุณเองก็ควรพัก"
"ผมไหวครับ .. ผมคงนอนไม่หลับ ให้ผมอยู่ดูให้แน่ใจ ว่าณจันทร์ปลอดภัย ยังดีกว่าครับ"
"ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนไหม" อาชาถาม
"ขอบใจแกมาก พักเถอะ"
ปักษะพยักหน้าบอกทุกคน ทุกคนแยกกันไป คำสูรย์มองปักษะที่เฝ้ามองห้องณจันทร์อย่างเป็นห่วง
"คุณปักษะ แม่หมอบอกว่า..."
"ครับ"
คำสูรย์นิ่งไป คิดบางอย่างแล้วเปลี่ยนใจ
"เปล่า ไม่มีอะไร... ฝากคุณหนูด้วย"
"ครับ ไม่ต้องห่วง"
คำสูรย์พยักหน้า เดินออกไป
เสือคำรามดูน่ากลัวกระโจนพุ่งเข้าใส่ เทพนิมิตตกใจสุดขีด สะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอฝัน
"เสือ !"
เธอหันขวับมองที่หน้าต่าง รู้สึกถึงบางอย่าง
ทันใดนั้น เสียงประตูด้านล่างถูกกระแทกเปิด เทพนิมิตตาโต ลุกพรวดจากที่นอน
ลายเมฆที่พังประตูเดินเข้ามา ตามด้วยวิฬาร์ ลายเมฆหันขวับมองไปยังตำแหน่งห้องนอนแล้วเดินไป วิฬาร์เดินเข้ามารื้อค้น
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสือ ตอนที่ 12 (ต่อ)
เทพนิมิตหลับตาเหมือนใช้จิตเพ่งมองบางอย่างอยู่ ก็ลืมตาพรวด หันมองที่ประตู ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามา เธอคว้าคัมภีร์ยัดใส่กระเป๋า เปิดหน้าต่าง
ลายเมฆเดินมาถึงหน้าประตูห้อง กระแทกประตูออก ลมพัดวูบใหญ่เข้ามา ลายเมฆกวาดตามอง ไม่เห็นใครในห้อง แต่เห็นหน้าต่างเปิดทิ้งไว้ ลายเมฆวิ่งตรงไปดู เห็นว่า เทพนิมิตกำลังสตาร์ทรถขับออกจากบ้าน วิฬาร์วิ่งออกมาจะขวาง แต่ไม่ทัน
ลายเมฆกระโจนลงมาจากหน้าต่างทันที จะวิ่งตามรถเทพนิมิต แต่ก็ต้องกระเด็นมากองกับพื้น เหมือนโดนผลักอย่างแรง ลายเมฆร้องเจ็บปวด ก่อนจะหันไปเห็นยันต์ที่แปะไว้ที่กำแพง ประตูหน้าบ้าน
"ยันต์ลงอาคมหรอ"
"เหมียวเจอนี่ นี่มันคืออะไรกัน"
ลายเมฆหันมอง หนังสือโบราณที่วิฬาร์ถือมาให้ดู
"อักษรโบราณ .. มันคือคนของหมู่บ้านผาสมิง"
"หมู่บ้านผาสมิง"
ลายเมฆมองอย่างตกใจ
เช้าตรู่ ประตูห้องเปิด ณจันทร์เดินออกมา เห็นว่าปักษะนอนเฝ้าอยู่หน้าห้อง
"คุณปักษะ"
ณจันทร์ยืนมองปักษะด้วยความรัก ปักษะขยับตัวแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาเห็นณจันทร์ออกมาจากห้องก็ตกใจ ลุกพรวดเข้ามาประคอง
"ณจันทร์ คุณเป็นไงบ้าง"
"ฉัน..ฉันไม่เป็นไรค่ะ นี่คุณนอนตรงนี้ทั้งคืนเลยหรอคะ"
"ผมกลัวคุณจะหนีผมอีก"
ปักษะยิ้มๆแซวณจันทร์ เธอยิ้มอ่อนๆ
"ฉัน ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้คุณและทุกคนต้องผิดหวัง"
"ทุกคนรักคุณ"
"แล้วก็ต้องขอบคุณคุณด้วย ไม่งั้นฉันคง..."
ปักษะจับบ่าเธอไว้
"ผมรักคุณ"
"ฉันเชื่อแล้วค่ะ แต่คืนนี้ คืนพระจันทร์แดง ฉันจะกลายร่างเป็นเสือ ฉันหนีมันไม่ได้แล้ว"
"ก็ไม่ต้องหนี" ปักษะจับมือ "เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
"ปักษะ"
"ผมเกือบจะเสียคุณไป ผมไม่สนอะไรอีกแล้ว แต่งงานกันนะ ณจันทร์"
ปักษะสบตาขอคำตอบ ณจันทร์น้ำตาคลอ
"ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ"
ทั้งคู่สบตากัน ยิ้มมีความสุข ปักษะดึงณจันทร์มากอด
ริมทะเล ณจันทร์เดินเข้ามาหาคำสูรย์
"อาคำสูรย์"
"คุณหนู"
ณจันทร์ยกมือไหว้
"ฉันขอโทษที่ชั้นตัดสินใจทำแบบเมื่อคืน ทั้งที่ลุงยอมเสี่ยงชีวิต และทำทุกอย่างเพื่อฉันมาตลอด"
คำสูรย์รีบยกมือรับไหว้แล้วห้ามณจันทร์
"คุณหนู อย่าทำอย่างนี้ อาสัญญาไว้ ตั้งแต่นาย พ่อของคุณหนูเสีย ว่าจะดูแลคุณหนูด้วยชีวิตของอา ...มันเป็นความผิดของอา ที่ไม่ฆ่าเสือตัวนั้น"
"อาอย่าโทษตัวเองอีกเลย มันคงเป็นโชคชะตาของหนูเอง หนูคงหนีมันไม่ได้แล้ว พรุ่งนี้ คืนพระจันทร์สีเลือด หนูจะกลายเป็นราชินีเสือ แล้วพรหมพยัคฆ์คงหาหนูจนเจอ เค้าคงมาที่นี่"
"ไม่ คุณหนู คุณหนูยังมีโอกาสแก้คำสาปได้อยู่"
"ชั้นทำไม่ได้ที่จะต้องนอนกับคนที่ชั้นไม่ได้รัก"
"แล้วคุณหนูรักใคร"
"ชั้น รักคุณปักษะ คำสาปคงแก้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะเค้าไม่ใช่"
"ใช่ คุณหนู ถ้ามันจะเป็นเพราะโชคชะตาจริง ปักษะ ก็คงเป็นโชคชะตาของคุณหนูด้วยเหมือนกัน เพราะเค้าคือผู้ชายคนนั้น"
"อาคำสูรย์หมายความว่ายังไง"
"ปักษะ คือชายคนที่จะแก้คำสาปให้คุณหนู"
"ทำไม ... ก็ไหนแม่หมอบอกว่าเป็นคุณอาชา"
"แม่หมอตรวจสอบทั้งหมดใหม่อีกครั้ง คัมภีร์ซ่อนนัยยะอื่นไว้ 7 จาก 12 เริ่มต้นที่เสือ และจบที่นก ซึ่งก็คือ ปักษะ"
"เป็นคุณปักษะ จริงๆหรอคะ"
"ครับ"
ณจันทร์ถึงกับอึ้ง
"ครั้งนี้แม่หมอเทพนิมิตยืนยันเป็นอย่างดี ข้อมูลอื่นก็ตรงทุกอย่างจริงๆ ทั้งเกิดในป่า การได้อาบน้ำแรก และถ้าคุณหนูยังจำได้ เหตุการณ์ที่หมู่บ้านผาสมิง ตอนที่เรากำลังจะถูกเผา เกิดเหตุการณ์ประหลาด จนปู่แถนยอมรับให้ปักษะเป็นคนพิเศษ"
"แล้วปักษะเค้ารู้เรื่องนี้รึยังค่ะ"
"อายังไม่ได้บอกอะไร เพราะเกิดเรื่องเมื่อคืนสะก่อน"
"เค้าขอหนูแต่งงาน ทั้งๆที่รู้ว่าหนูยังต้องกลายเป็นเสือ และเค้าก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเค้าจะช่วยหนูได้"
"อาเชื่อว่าเค้ารักคุณหนูจริงๆ แล้วคุณหนูตอบเค้าว่ายังไง"
"หนูรับที่จะแต่งานกับเค้าไปแล้วค่ะ"
"เค้าคือ ผู้ชายคนนั้น เค้าคือคนที่คุณหนูรัก เค้าจะช่วยคุณหนูได้จริงๆ"
สมชัยกรี๊ดกร๊าด ปรบมือด้วยความดีใจ
"โอ๊ย ฟินอ่ะ คุณปักษะคือชายที่จะแก้คำสาปให้ณจันทร์"
ลูกปลาถาม
"จริงๆแล้วใช่มั้ยคะอาคำสูรย์"
"ครับ"
"งานแต่งๆ โอ๊ย ตื่นเต้นเหมือนจะแต่งเองเลย นี่ว่าที่เจ้าสาวไปอายหลบอยู่ไหนกันเนี่ย" สมชัยถาม
"ใครเค้าจะไปประเจิดประเจ้ออย่างเธอ ยัยสม"
"เอ๊า ก็สมดีใจ ... สมขออาสาเป็นแม่งานเองค่ะ งานแต่งณจันทร์ แม้จะเร่งด่วน เย็นนี้เลย
แต่สมรับรอง ฟิน แน่น๊อน"
ลูกปลาหัวเราะส่ายหัวกับความเยอะของสมชัย คำสูรย์ยิ้มดีใจที่ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี
อีกมุมหนึ่ง อาชาส่ายหน้า ปักษะยังงงอยู่
"คราวนี้ ทุกอย่างมันจะได้ถูกต้อง ถูกตัวสักที คืนก่อนทำให้ ฉันเข้าใจเลยนะ ว่าสิ่งที่ณจันทร์ต้องเผชิญมันหนักหนามากจริงๆ"
"แล้ว... แกยังจะจับณจันทร์อยู่อีกมั้ย"
อาชาถอนใจ
"ฉันมีหน้าที่ที่ต้องทำ ... รอให้ทุกอย่างจบก่อน ตอนนั้น ฉันคงต้องทำไปตามถูกผิด ฉันหวังว่าแกจะเข้าใจฉันนะ ปักษะ"
"เออ ฉันเข้าใจ"
ปักษะพยักหน้ารับ อาชาลุกเดินนำไปที่ประตู
"ยินดีด้วยว่ะ แต่งงานสักที แกจะเชิญพ่อแกมาป่าววะ"
ปักษะคิดบางอย่าง
พรหมพยัคฆ์ตกใจคาดไม่ถึง
"คนของหมู่บ้านผาสมิง"
"ครับนาย ผมเห็นอักษรโบราณ กับข้าวของเครื่องใช้ มันมีอาคมจริงๆครับนาย มันรู้ทันและหลบหนีไปก่อน"
"เป็นไปได้ยังไง เราทำลายมันทิ้งไปทั้งหมู่บ้านแล้วนี่"
ลายเมฆวางของที่เก็บมาจากบ้านเทพนิมิต ให้พรหมพยัคฆ์ดู เห็นข้อความที่เทพนิมิต จดไว้ "เจ็ดจากสิบสอง ... ชายคนที่จะแก้คำสาป"
พรหมพยัคฆ์ตกใจ วิฬาร์วิ่งเข้ามาดู อ่านต่อ
"ชายที่จะแก้คำสาป... นก.. นก ปักษะ ...คุณปักษะ"
พรหมพยัคฆ์หน้าตาเหี้ยม
"ไม่มีทาง ณจันทร์ ไม่มีทาง เธอต้องเป็นราชินีของฉันเท่านั้น ณจันทร์ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"
พรหมพยัคฆ์พยายามใช้จิตเชื่อมโยง แต่ไม่ได้ เขาหงุดหงิด
"เหมียวรู้ค่ะ เหมียวรู้ว่าพวกนั้นอยู่ที่ไหน"
"ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไง"
วิฬาร์โชว์กระดาษที่เทพนิมิต จดเบอร์ปฏิมา เลื่อนไปด้านบนเป็นที่พักของอาชาพร้อมกับเบอร์โทรคำสูรย์
"บ้านพักรับรองของคุณอาชา ที่ปราณบุรีค่ะ"
เย็นวันนั้น ณจันทร์เดินเข้าไปหาคำสูรย์
"อาคำสูรย์"
"คุณหนู"
คำสูรย์ยิ้ม ณจันทร์ยิ้มตอบ
"ฉันโทรหาป้านวลแล้ว ป้านวลคงมาไม่ทัน และก็อวยพรให้หนู ป้านวลกับน้าคำแปงฝากบอกว่าคิดถึงอา…"
"อาก็คิดถึงทั้งคุณนวล ทั้งนังคำแปง คืนนี้แล้วทุกอย่างจะต้องดีขึ้น อาอยากเห็นคุณหนูมีความสุข"
ณจันทร์ยิ้ม พยักหน้ารับ เสียงลูกปลาดังขัดจังหวะ
" ไหนๆๆ ว่าที่เจ้าสาวอยู่ไหน"
ลูกปลาวิ่งมาดึงณจันทร์
"โอ๊ยมัวคุยเล่นอยู่ไม่ได้นะ ขอยืมตัวพาลองชุดก่อนนะอา"
คำสูรย์หัวเราะเบาๆ พยักหน้าให้
"มาเลยๆๆๆ ต้องเตรียมให้พร้อม เย็นนี้แกต้องสวยที่สุด"
แล้วทั้งคู่ก็พากันเข้าห้องไป คำสูรย์หันมองออกไปด้านนอก เริ่มกังวลใจ
เสียงรถแล่นเข้ามาจอด คำสูรย์หันมอง เห็นว่าเป็นเทพนิมิตก็ตกใจ
"แม่หมอ"
เทพนิมิตลงมาจากรถ หน้าตาร้อนรน
"พวกมันรู้แล้ว พวกมันกำลังจะตามมา"
คำสูรย์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ทั้งหมดพูดคุยกันสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนตั้งรับ และบอกจะไม่หนีอีกแล้ว คืนนี้จะจบทุกอย่าง
"มันบุกเข้าไปที่บ้านฉัน ฉันแน่ใจว่า พวกมันคงจะรู้ว่าฉันเป็น..."
"คนของหมู่บ้านผาสมิง" คำสูรย์บอก
"ใช่... ฉันเองก็หนีหน้าที่นี้ไม่พ้น"
เทพนิมิตมองทุกคน หน้าเครียด
"คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เลือด สัญชาติญาณเสือในตัวเธอจะรุนแรงมาก มากจนเธออาจจะต้านทานมันไม่ได้"
"ฉันควรทำยังไง" ณจันทร์ถาม
"ฉันจะใช้ยันต์ลงอาคมสะกดไว้ มันจะช่วยให้พลังเสือเบาบางลง แต่ฉันไม่รับรองหรอกนะ"
"แล้วผมล่ะ"
"คุณคือชายที่ถูกเลือก คนที่จะช่วยแก้คำสาปได้ คัมภีร์บอกไว้ คำสาปจะแก้ได้โดยสมบูรณ์
ถ้าคุณสมสู่กับราชินีเสือก่อนที่เธอจะสมสู่กับราชาเสือ แต่การสมสู่กันในคืนจันทร์เลือด มันจะเสี่ยงมากทีเดียว"
"ยังไงๆคืนนี้มันต้องมาเอาตัวคุณหนูไปแน่ๆ"
อาชาบอก
"ผมจะช่วยอาขวางพวกมันให้ได้"
"จำไว้ว่า วิธีเดียวที่จะฆ่ามันได้คือ ควักหัวใจมันออกมาทำลาย วิธีเดียวเท่านั้น"
เทพนิมิตหันมองณจันทร์
"พวกเราจะต้านมันไว้ เท่าที่จะทำได้ คำสาปจะแก้สำเร็จไหม ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว คืนนี้ จะเป็นคืนที่ตัดสินชะตาชีวิตทุกคน"
ณจันทร์คิดหนัก
อาทิตย์อัสดง งานแต่งกำลังจะเริ่มขึ้น ปักษะแต่งตัวเสร็จแล้ว ยืนชะเง้อรอเจ้าสาวอย่างประหม่านิดๆ ปฏิมามาถึง มองดุนิดๆ อาชามาต้อนรับด้วย
"นี่ชั้นมาแทบจะไม่ทัน อะไรมันจะเร่งด่วนขนาดนี้"
"ปักษะมันรักเค้ามากจนรอต่อไปอีกไม่ไหวแล้วไงครับพ่อ"
"เออ คนสมัยนี้มันใจร้อนจริงๆเลยเว้ย"
ปฏิมาหัวเราะอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปแซว
"ว่าแต่ แต่งสายฟ้าแล่บแบบนี้ ..เบลโลรึเปล่า"
"พ่อ ! ผมยังไม่มีไรกับเธอน่ะครับ"
"แหมเสียดาย ถ้าใช่พ่อจะดีใจมากเลย จะได้อุ้มหลานไม่ต้องรอนาน"
สมชัยพาณจันทร์ออกมา
"เจ้าสาวที่สวยที่สุดในหาดมาแล้วค่า"
ปักษะหันมอง เห็นณจันทร์ที่หันหลังอยู่ ถูกสมชัยจับหมุน ให้หันมา ณจันทร์สวยจนปักษะตะลึง เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
"เจ้าบ่าวคะ เจ้าบ่าว อ้าวเจ้าบ่าวช็อกค้างไปแล้ว"
ปักษะสะดุ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าสมชัยเรียก คนอื่นหัวเราะ
"มารับเจ้าสาวไปด้วยค่ะ สมส่งแค่นี้พอ หรือจะรับสมไปแทนก็ได้นะคะ .. สมยอม"
"เยอะตลอดเลยนะ ยัยสม"
ปักษะเดินมารับ ทั้งคู่สบตา ยิ้มให้กัน ปักษะพาณจันทร์ไปหาปฏิมา ณจันทร์ยกมือไหว้
"สวัสดีหนู"
ปฏิมามองณจันทร์แล้วยิ้มให้
"วันนี้หนูเป็นเจ้าสาวที่สวยมาก ทำให้ไอ้ลูกชายลุงดูหล่อขึ้นมานิดนึง... แต่ก็ยังหล่อน้อยกว่าพ่ออยู่ดี"
ณจันทร์ยิ้มเขินๆ ปักษะมองณจันทร์ยิ้มมีความสุข
งานแต่งถูกจัดอย่างเรียบง่าย มีดอกไม้ มีซุ้มเล็กๆ ทุกคนแต่งตัวด้วยชุดเรียบง่ายแปลกตา คำสูรย์ อาชาหันมองรอบๆอย่างระแวง ลูกปลาเดินอ้อมมายืนมองณจันทร์ข้างๆสมชัย สองคนจับมือกัน ดีใจที่เห็นณจันทร์ในชุดเจ้าสาวยืนเคียงข้างกับปักษะ
"โอ๊ย สวยอ๊ะ ... นี่สมจัดให้เลยน่ะเนี่ย ... รสนิยมดีจริงๆเลยน่ะเรา ฮ่าๆๆ"
ฝ่ายเทพนิมิต แปะยันต์สะกดเสือไว้ในห้องหอ
"ชั้นคงช่วยเธอได้เท่านี้ ที่เหลือคงอยู่ที่ใจของเธอแล้วณจันทร์"
เวลาต่อมา สมชัยร้องบอก
"ได้เวลาแล้วจ้า เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวทางนี้เลย"
ปักษะจูงมือณจันทร์ไปที่หน้าซุ้ม สมชัย เชิญปฏิมา กับ คำสูรย์ยืนขนาบข้าง ปฏิมามองคำสูรย์แปลกใจ คำสูรย์ที่แต่งตัวเรียบร้อย หวีผมเรียบแปล้ หลบตาเขินๆ แต่ทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
"ผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าว คุณลุงปฏิมา แล้วก็ผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาว คุณลุงคำสูรย์ เชิญผู้ใหญ่พูดอะไรสักนิดก่อนไหมครับ"
สองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คำสูรย์ให้ปฏิมาพูดก่อน ปฏิมายิ้มก้าวออกไปข้างหน้า ยิ้มมองปักษะและณจันทร์ ปฏิมาเริ่มพูด
"พ่อดีใจนะที่แกมีวันนี้ วันที่แกจะได้แต่งงาน ใช้ชีวิตกับผู้หญิงที่แกรัก และเขาก็รักแก ...ถึงจะฉุกละหุกไปหน่อย แต่งแบบสายฟ้าแล่บ แต่ก็ขอให้รักกันนานๆ อยู่เคียงข้างกันนะ ไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์"
"อาขอให้...ทุกอย่างสำเร็จ ทั้งคู่ปลอดภัย อาดีใจที่วันนี้มาถึง..เอ่อ และมีความสุขกันตลอดไป"
ปฏิมามองงงๆที่คำสูรย์อวยพรแปลกๆ
ทั้งคู่ต่างหอมแก้มกัน สบตากันน้ำตาไหล
เมื่อพิธีเสร็จ เพื่อนๆเดินเข้าไปหา
"ดีใจด้วยว่ะเพื่อน ที่แกได้แต่งกับผู้หญิงที่แกรัก...ยินดีด้วยครับ"
ลูกปลามองณจันทร์
"ดีใจด้วยนะแก"
ลูกปลาบีบมือ ณจันทร์พยักหน้ายิ้มรับ
"โอ้ย!ปลื้มปริ่มกับเพื่อนชั้นจริงๆ"
สมชัยดูนาฬิกา
"อร๊าย ได้เวลาส่งตัวแล้วค่า"
เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอได้แล้วค่าอย่าได้ช้า"
เทพนิมิตรที่ร่วมงานอยู่ด้วยมองยินดีกับทั้งคู่
"ขอให้คืนนี้เป็นคืนที่ดีของทั้งคู่ด้วยเถอะ"
ค่ำแล้ว พรหมพยัคฆ์มองพระจันทร์แดง วิฬาร์มีแผน
"ชั้นเริ่มรู้สึกถึงเธอ เธออยู่ใกล้แล้ว"
สองคนหันมองรอบห้อง ที่เต็มไปด้วยยันต์ที่เทพนิมิตทำไว้ให้
"ยันต์สะกดเสือสินะคะ" ณจันทร์ถาม
"แม่หมอบอกมันจะช่วยสะกดสัณชาติญาณเสือในตัวคุณได้"
"ฉันอาจทำร้ายคุณได้นะ ปักษะ"
"ผมไม่กลัว"
ปฏิมานั่งอยู่กับทุกคน ยกแก้วน้ำดื่ม ก่อนจะเห็นว่าพระจันทร์เต็มดวงอยู่บนฟ้า
"คืนนี้พระจันทร์สวยจริง ดวงใหญ่มาก แต่ดู... น่ากลัวพิกล เอ๊ะ หรือว่าพ่อจะเมา ฮ่าๆๆ"
"คุณพ่อดื่มแต่น้ำเปล่าเมาได้ด้วยเหรอค่ะ ฮ่าๆๆ" สมชัยว่า
ปฏิมาหันมาขำกับสมชัย
ด้านคำสูรย์กับอาชา หันมองรอบบ้านอย่างระวัง
"คุณลูกปลา กับสมชัย พาลุงปฏิมาไปพักที่โรงแรมในเมืองดีกว่าครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัย"
"แต่..."
"ไม่ต้องห่วง ทางนี้ปล่อยเป็นหน้าที่พวกลุงเอง"
"ผมฝากด้วย" อาชาบอก
ปฏิมาท่าทางงงๆ
"ทำไมต้องออกไปนอนโรงแรมด้วย"
"ให้บ่าวสาวเค้าเป็นส่วนตัวไงคะ เผื่ออยากจะออกมาวิ่งไล่จับกัน แบบหนังอินเดียอะค่ะ โผต้นไม้ต้นโน้นที นี้ที จะได้ไม่เขินพวกเรา"
"อือๆ เด็กสมัยนี้เข้าใจยากจริง"
ลูกปลาส่ายหน้ากับมุกสมชัย ที่ยิ้มแหะๆพูดโน้มน้าว ปฏิมาพยักหน้ารับมึนๆ
"โชคชะตากำหนดทุกอย่างไว้แล้ว" เทพนิมิตบอก
"ผมไม่รู้หรอกนะว่าโชคชะตากำหนดอะไรไว้ แต่ผมไม่ปล่อยไอ้เสือฆาตรกรไว้แน่" อาชาบอก
ลูกปลากับสมชัยพยักหน้ารับ แล้วแยกออกไป เหลือ อาชา เทพนิมิต และคำสูรย์
เทพนิมิตเพ่งมองพระจันทร์
"คืนนี้แหล่ะ จะตัดสินทุกอย่าง"
ภายในห้องนอน ปักษะยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆโอบกอดณจันทร์ เขาลูบไล้ร่างของเธออย่างทะนุถนอม ก่อนจะก้มลงจูบ เสื้อของเธอค่อยๆถูกปลดเลื่อนหลุดไปกองที่พื้น
พรหมยัคฆ์จอดรถ ถึงที่พัก ทั้งสามเดินเข้าไปดูน่ากลัว
ร่างของทั้งสองแนบชิดเข้าหากันภายใต้ผ้าห่ม ณจันทร์เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของปักษะ ในขณะที่นัยน์ตาเธอก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีเหลือง แขนของณจันทร์กอดหลังเปล่าเปลือยของปักษะเอาไว้อย่างแนบชิด
มือของณจันทร์ค่อยๆมีเล็บงอกยาวออกมา
พรหมพยัคฆ์ปรากฏตัวขึ้น เขาใช้สายตาของเสือ หันขวับตรงไปยังห้องที่ณจันทร์อยู่ เพ่งกระแสจิตส่งถึงณจันทร์
"คุณต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น ณจันทร์"
ร่างของทั้งสองแนบชิดเข้าหากันภายใต้ผ้าห่ม ณจันทร์เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสของปักษะ แต่อยู่ๆที่นัยน์ตาก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีเหลือง เสียงพรหมพยัคฆ์
"ณจันทร์ คุณคือราชินีเสือ คุณเกิดมาเพื่อผมคนเดียวเท่านั้น ณจันทร์"
ณจันทร์ผงะออกจากปักษะ เหมือนโดนสะกด มือของณจันทร์กำลังค่อยๆมีเล็บงอกยาวออกมา ปักษะหันมอง เธอกำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ยันต์ที่แปะไว้ที่ผนังห้อง เหมือนถูกแรงลมพัด จะปลิวหลุด ปักษะมองกังวล
"ณจันทร์ คุณต้องทำได้ เราจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน ผมรักคุณ ณจันทร์"
ณจันทร์เหมือนจะเริ่มต้านทานพลังของเสือไม่ไหว
"ณจันทร์ คุณคือราชินีเสือ ณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์คำรามลั่นด้วยความโกรธ
ริมทะเล อาชาก่อกองไฟเสร็จเรียบร้อยพอดี คำสูรย์กำลังสวมเสื้อเกราะกันกระสุน อาชาหันมองเทพนิมิตยืนจ้องมองพระจันทร์อย่างเคร่งเครียด
"คืนนี้พระจันทร์แดง พลังอำนาจพวกมันจะยิ่งมากขึ้นอีก เมื่อได้อาบแสงจันทร์ เราอาจต้านทานมันไม่ได้ ป้องกันไว้ทุกทางเท่าที่จะทำได้"
"เรียบร้อยแม่หมอ ว่าแต่ให้จุดกองไฟไว้รอบๆ แบบนี้มันช่วยอะไรได้"
คำสูรย์พูดแทรก
"ผีดิบ พวกสมุนไอ้พรหมพยัคฆ์มันแพ้ไฟ ... ชุดนี่มันอึดอัด ไม่ใส่ได้ไหม ไม่คล่องตัวเลย"
"เสื้อกันกระสุนก็แบบนี้แหละลุง ใส่ไว้ป้องกันดีกว่า"
อาชาไปช่วยจัดชุดให้คำสูรย์ อยู่ๆลมวูบใหญ่ก็พัดมา เทพนิมิตหันขวับไปทางถนนด้านหน้า ตาโตตกใจ ก่อนหันมาบอกคำสูรย์กับอาชา
"พวกมันมากันแล้ว"
คำสูรย์กระชับปืนในมือแน่น อาชาก้าวมายืนเคียงข้าง
"ไอ้พรหมพยัคฆ์"
"พลังของมันแข็งแกร่งมาก"
เทพนิมิตควักบางอย่างออกมาจากกระเป๋า กำไว้ใกล้ปากท่องคาถาพึมพำ ก่อนยื่นให้อาชากับคำสูรย์ เห็นว่าเป็นกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่ดูเก่าแก่และโบราณ
"กระดูกเสือลงอาคม ถึงพลังจะเทียบกับเขี้ยวเสือไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ต้านทานมันได้ช่วงระยะหนึ่ง"
อาชากับคำสูรย์รับมาพนมมือไหว้
"ไม่มีเวลาแล้ว ยันต์คงต้านทานมันได้ไม่นาน อย่าให้มันอาบแสงจันทร์แดงสำเร็จ ไม่งั้นมันจะได้รับพลังแห่งเสือโดยสมบูรณ์"
คำสูรย์พยักหน้ารับ
"ฉันจะไม่ยอมให้มันบุกเอาตัวคุณหนูไปได้เด็ดขาด"
เทพนิมิตบอก
"จำไว้ หากคืนนี้ณจันทร์แก้คำสาปไม่สำเร็จ เธอจะไม่มีวันได้กลับมาเป็นคนธรรมดาอีก ตลอดกาล"
คำสูรย์หันมองอาชา แล้วพยักหน้า สองคนรีบวิ่งนำออกไป เทพนิมิตมองพระจันทร์ ลูบรอยสักที่แขนตัวเอง เต็มไปด้วยความกังวล
พรหมพยัคฆ์ชะงัก เหมือนปะทะกับพลังบางอย่างที่หน้าบ้านพัก พรหมพยัคฆ์เห็นว่ามียันต์แปะอยู่
"พวกแกคิดว่าจะขวางชั้นได้เหรอ"
พรหมพยัคฆ์หันมองพระจันทร์ ดวงตาเขาเป็นสีเหลือง เริ่มอาบแสงจากพระจันทร์แดง
" ฉันจะไม่ยอมให้แกทำสำเร็จหรอก ไอ้เสือผี"
คำสูรย์ยิงปืนใส่พรหมพยัคฆ์ทันที ระหว่างที่เขากำลังอาบแสงจันทร์ เขาหันมาเห็นและหลบทัน วิฬาร์เห็นท่าไม่ดีก็รีบวิ่งไปซ่อนตัวหลังต้นไม้แถวนั้น
"นาย"
ลายเมฆเห็นก็พุ่งตรงไปที่คำสูรย์ทันที คำสูรย์กับลายเมฆต่อสู้กัน อาชาเข้ามาขวางพรหมพยัคฆ์ เทพนิมิตที่ตามมาทีหลัง เห็นเข้าก็รีบใช้อาคมสวดคาถาขัดขวางอีกแรง อาชาเสียท่าโดนพรหมพยัคฆ์เหวี่ยงกระเด็นออกมา ส่วนลายเมฆเห็นเทพนิมิตใช้คาถา ก็ใช้ไม้แถวนั้นทำหอกพุ่งไปที่ตัวทำลายการสวดคาถาขัดขวาง จนเทพนิมิตล้มลงไปกองกับพื้น คำสูรย์ถูกเหวี่ยงกระเด็นมากองอยู่ข้างๆ เทพนิมิตหันไปมองที่พรหมพยัคฆ์อีกครั้งก็เห็นแสงสีแดงอาบร่างพรหมพยัคฆ์ อาชาวิ่งเข้ามาประคองเทพนิมิต
"แย่แล้ว ! มันอาบแสงจันทร์แดงสำเร็จแล้ว"
ทันทีที่อาบแสงจากพระจันทร์แดงสำเร็จ ใบหน้าตาพรหมพยัคฆ์ก็กลายเป็น เสือครึ่งหนึ่งทันที
"ยากที่พวกเราจะต้านทานได้แล้ว"
พรหมพยัคฆ์หันกลับไปจ้องยันต์ที่แปะอยู่ เพ่งพลังไป ไม่นานก็เกิดลมพายุ ยันต์ฉีกขาดกระจายทันที
หน้าต่างห้องทุกบานก็ถูกแรงบางอย่างผลักเปิดออก แสงจันทร์สาดเข้ามา ยันต์หลุดปลิวร่วงลง ณจันทร์หันมองพระจันทร์ ทันใดนั้น ดวงตาเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง เล็บค่อยๆงอกออกมา เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอผลักปักษะออกไป หน้ากลายเป็นเสือครึ่งหนึ่ง และคำรามลั่นออกมา
"ณจันทร์ คุณต้องควบคุมมันให้ได้ ณจันทร์"
ริมทะเล พรหมพยัคฆ์คำรามลั่น วิฬาร์แอบซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ ทึ่งในพลังของพรหมพยัคฆ์ ก้าวออกมามองเต็มตา
"นี่แหละคือสิ่งที่ชั้นต้องการ ฉันจะต้องเป็นราชินีของคุณให้ได้ พรหมพยัคฆ์"
พรหมพยัคฆ์สั่งวิฬาร์และลายเมฆ
"ฆ่ามันให้หมด"
ทั้งสามพุ่งตัวเข้าไป คำสูรย์และอาชาระดมยิง เทพนิมิตวิ่งหลบเข้าไปในบ้านเพื่อไปดูณจันทร์
"แกคิดว่ากระสุนลงอาคมจะจัดการชั้นได้เหมือนคราวก่อนเหรอ ถึงเวลาตายของพวกแกแล้ว"
พรหมพยัคฆ์กระโดดอย่างเสือ เข้าไปปัดปืนคำสูรย์ และอาชาได้
คำสูรย์บอก
"ถึงกูจะตาย กูก็ไม่ยอมให้มึงเอาตัวคุณหนูไป"
พรหมพยัคฆ์หันไปสั่ง
"ลายเมฆ วิฬาร์ รีบเข้าไปเอาตัว ณจันทร์ออกมาให้ได้"
ลายเมฆ วิฬาร์ วิ่งไปทางห้องณจันทร์ คำสูรย์ตะโกนสั่ง
"อย่าให้มันถึงตัวคุณหนูได้"
อาชาเข้าไปขวางลายเมฆไว้ แต่โดนเหวี่ยงจนลงไปกองกับพื้น อาชาบาดเจ็บ ปืนกระเด็นหลุดมือไป ลายเมฆจะเข้าไปซ้ำ วิฬาร์เห็นปืนที่ตกอยู่ รีบเข้าไปเก็บ และวิ่งตรงไปที่ห้องณจันทร์
"เหมียวจัดการเองค่ะ"
อาชาและคำสูรย์ใช้ปืนไฟ สู้กับพรหมพยัคฆ์ และ ลายเมฆเพื่อประวิงเวลาให้ณจันทร์ทำสำเร็จ
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสือ ตอนที่ 12 (ต่อ)
วิฬาร์กำลังเข้าบ้านพัก เทพนิมิตรีบมาขวาง
"เข้าไปไม่ได้ เธอต้องการจะทำอะไร"
"ถอยไป อย่าขวางทางฉัน"
วิฬาร์ยกปืนขึ้นเล็งเทพนิมิต
"เธอ เธอทำแบบนี้ทำไม"
"หึ ทำทำไม ... ฉันก็อยากจะเป็นราชินีเสือน่ะสิ"
วิฬาร์ยิงเทพนิมิตลงไปกองกับพื้น มีดในกระเป๋าเทพนิมิตโผล่ออกมา วิฬาร์ก้มหยิบมีดก่อนที่กำลังจะเดินเข้าบ้านพักไป เทพนิมิตยังพอมีสติพยายามขัดขืน
"อย่า เปลี่ยนใจเถอะ... ฉันช่วยให้เธอกลับมาเป็นคนธรรมดาได้"
"ฉันไม่ต้องการเป็นแค่คนธรรมดา ฉันไม่ต้องการ"
วิฬาร์กระชากมีดมาจากเทพนิมิต เก็บใส่กระเป๋า
"ฉันต้องการเป็นราชินี ราชินีเสือเท่านั้น"
วิฬาร์หันมองเทพนิมิตที่บาดเจ็บ แสยะยิ้ม ก่อนเดินเข้าบ้านพักไป
ภายในห้องนอน ปักษะบอก
"ณจันทร์คุณต้องตั้งสติไว้"
"แต่ฉัน ..."
"คุณจะต้องแก้คำสาปเสือให้ได้ ถ้าเราทำไม่สำเร็จ คุณจะต้องกลายเป็นเสือตลอดไปนะ"
ปักษะเริ่มควบคุมณจันทร์ได้ เธอจ้องปักษะ คิดตาม แล้วทั้งคู่โน้มตัวลงอีกครั้ง
คำสูรย์ อาชา ยังใช้ไฟสู้กับ พรหมพยัคฆ์และลายเมฆ ทั้งคู่บาดเจ็บหนัก เห็นว่ากระดูกเสือที่ทั้งคู่ห้อยคอไว้ ผุกร่อนไปเรื่อยๆ
"เราคงจะต้านมันไว้ได้อีกไม่นาน"
อาชาชูกระดูกเสือที่คอให้คำสูรย์ดู คำสูรย์เห็นก็ตกใจ รีบดูของตัวเอง เห็นว่ามันกร่อนลงเรื่อยๆ
"กระดูกเสือลงอาคมกำลังเสื่อมพลังแล้ว อาชาคุณยังไหวไหมW
อาชาที่ดูแย่พอๆกับคำสูรย์ ยิ้มออกมาก่อนพูด
"สบายมากลุง ยังลุยได้อีกพักใหญ่ ลุงล่ะ หมดแรงรึยัง"
"แค่นี้ สบายมาก"
ทั้งคู่ลุยกับพรหมพยัคฆ์กับลายเมฆเต็มกำลัง
จันทร์กลายจากการเป็นเสือแล้ว ทั้งคู่อยู่บนเตียงกำลังจะทำได้สำเร็จ ประตูห้องเปิดอย่างแรง เห็นวิฬาร์ยืนจ้องอยู่ด้านหน้า
"วิฬาร์"
"หึ ไม่เจอกันนานนะ ณจันทร์"
วิฬาร์เข้ามาจับตัว
"ออกมานี่ ชั้นไม่ยอมให้เธอแก้คำสาปได้หรอก"
ปักษะขวางไว้
"คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ"
วิฬาร์ผลักปักษะไปกองกับพื้น ก่อนยกปืนยิง ณจันทร์ตกใจ
"คุณปักษะ"
ณจันทร์วิ่งไปประคองปักษะ เธอโกรธมาก หันมองวิฬาร์แยกเขี้ยวกลายเป็นเสือ ปักษะพยายามห้าม
"อย่า ณจันทร์ อย่าให้มันควบคุมคุณ"
ณจันทร์ลังเล
"ไม่ ฉันไม่ยอมให้มันทำร้ายคุณ"
ณจันทร์ใช้พลังเสือกระโจนหา วิฬาร์หลบได้ ทั้งสองสู้ก่อน ก่อนที่ณจันทร์จะเสียท่า วิฬาร์ยิงด้วยกระสุนลงอาคม จนณจันทร์บาดเจ็บหนัก ปักษะร้องลั่น
"ณจันทร์"
"แกรู้ไหม นี่คือกระสุนลงอาคมของพวกแกเองไง แค่นี้เธอไม่ตายหรอกณจันทร์ หึแต่มันจะทำให้ราชินีเสืออย่างเธออ่อนแรง"
วิฬาร์จับตัวณจันทร์ออกไป ปักษะบาดเจ็บสลบไป
อาชาเห็นคำสูรย์กำลังเสียท่า จะถูกพรหมพยัคฆ์หักขา อาชาเห็นเข้าไปช่วยทัน อาชาเข้าไปสู้กับพรหมพยัคฆ์
พรหมพยัคฆ์หันมองสั่งลายเมฆ
"ลายเมฆ เอาตัวณจันทร์ มาให้ฉันเดี๋ยวนี้"
ลายเมฆพยักหน้ารับ ก่อนรีบออกไปเพื่อตามตัวณจันทร์
วิฬาร์ ลากณจันทร์ออกมามุมหนึ่ง
"คุณปักษะ เธอจะทำอะไรน่ะเหมียว"
"หึ ทำอะไรน่ะหรอ ก็ทำให้ฉันได้เป็นราชินีเสือคนต่อไปน่ะสิ"
วิฬาร์ชักมีดที่เอามาจากเทพนิมิตออกมา
"ทำแบบนี้ทำไมเหมียว"
"นี่เธอไม่รู้หรอกหรอว่า การได้มาซึ่งตำแหน่งราชินี พลังอำนาจแห่งเสือ มันสืบทอดกันได้
เหมือนที่เธอสืบทอดมันมาไง"
"เธอคิดอะไรเหมียว เธอจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ"
"ทำไม! คิดว่ามีแค่เธอหรือไงที่เหมาะสม หึ ใครก็เป็นได้ทั้งนั้นแหล่ะ ฉันก็เป็นได้เหมือนกัน
ขอแค่ได้ดื่มเลือดของเธอในคืนพระจันทร์เลือด ฉันก็จะได้สืบทอดเป็นราชินีเสือคนต่อไป คู่กับคุณพรหมพยัคฆ์"
"ไม่นะเหมียว เธอทำแบบนั้นไม่ได้"
วิฬาร์ใช้สองมือบีบไหล่ณจันทร์สุดแรง
"ทำไมจะทำไม่ได้ ฉันจะทำอยู่ตอนนี้นี่ไง"
วิฬาร์จะแทงที่หัวใจณจันทร์ แต่จังหวะนั้นลายเมฆเข้ามาพอดี ปัดวิฬาร์กระเด็นไปอีกทาง วิฬาร์หันมามองตาขวาง
"ขวางทางฉันทำไม ลายเมฆ"
ลายเมฆเข้าไปดูแผลณจันทร์
"เธอต่างหาก ทำแบบนี้ทำไม"
"ทำทำไมน่ะหรอ แกก็น่าจะรู้นะ ถอยไปอย่ามาขวางทางฉัน"
"ผู้หญิงอย่างเธอมันไว้ใจไม่ได้"
วิฬาร์หัวเราะไม่สนใจ ยิงลายเมฆ แต่ลายเมฆหลบได้ เข้ามาประชิดตัว บีบคอวิฬาร์ วิฬาร์ใช้แรงที่เหลือ ใช้มีดปักลงที่หลังลายเมฆจนทรุดลง วิฬาร์รีบใช้ปืนยิงใส่ลายเมฆทันที
"ทำให้ผีดิบอย่างแกอ่อนแรงด้วยสินะ ใครก็ขวางทางฉันไม่ได้"
วิฬาร์หันมองณจันทร์ที่อ่อนแรง
พรหมพยัคฆ์ได้ยินเสียงปืน ก็จัดการจนอาชาสลบ และกำลังไปทางเสียงปืน คำสูรย์ตะเกียกตะกาย เพราะขาหัก ไปที่ปืนตกอยู่ คำสูรย์ยิงพรหมพยัคฆ์สองนัด จนร้องลั่น
"กูไม่ยอมให้มึงจับคุณหนูไปเด็ดขาด"
ปักษะฟื้น บาดเจ็บหนัก แต่ รีบออกไปตามหาณจันทร์
พรหมพยัคฆ์โกรธจัดเข้าไปจัดการคำสูรย์ จนลงไปกองแน่นิ่งก่อนออกไป
"แกขวางฉันไม่ได้หรอก"
วิฬาร์หันไปคว้าท่อนไม้จากกองไฟที่ก่อไว้ใกล้ๆ เดินตรงมาที่ลายเมฆ
"ฉันจะเผาแกตามที่แกแนะนำเองW
"อย่า"
วิฬาร์เผาลายเมฆจนตาย ณจันทร์ตกใจ
"เหมียว ไม่ เหมียว"
"ฉันจะเป็นราชินีเสือ ใครก็ขวางฉันไม่ได้"
วิฬาร์ตรงไปที่ณจันทร์ที่กำลังอ่อนแรง หยิบมีดและมองไปที่ณจันทร์
ปักษะวิ่งไปดูอาชา
"อาชา อาชา"
อาชาฟื้น มีบาดแผลเต็มตัว ร้องออกมาเบาๆด้วยความเจ็บ
"ฉัน ฉันไม่เป็นไร ลุงคำสูรย์! ลุงคำสูรย์ล่ะ"
ปักษะหันมองรอบๆเห็นคำสูรย์กองอยู่ไม่ไกลมาก รีบพยุงอาชาตรงไปหาคำสูรย์ แต่คำสูรย์ดูแย่มาก
"ลุงคำสูรย์"
ปักษะกับอาชามองหน้ากัน คิดว่าคำสูรย์คงไม่รอดแน่ คำสูรย์ ค่อยลืมตาขึ้นมา พูดอย่างยากลำบาก
"คุณปักษะ ... ลุง ลุงฝากคุณหนูด้วย"
"ลุง"
"ดูแลคุณหนูแทนลุงด้วยW
คำสูรย์กำมือปักษะแน่น สิ้นใจตาย ปักษะกับอาชามองหน้ากันต่างเสียใจ
วิฬาร์ใช้มีดแทงที่หัวใจณจันทร์ เต็มแรง ณจันทร์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จนสลบไป วิฬาร์กำลังจะกินเลือดณจันทร์ พรหมพยัคฆ์เข้ามาทัน กระชากตัววิฬาร์กระเด็นออกไป แล้วเข้ามาดูอาการของณจันทร์ แล้วหันไปที่วิฬาร์ ด้วยความโกรธจัด
"เธอทำอะไร"
"ชั้นจะเป็นราชินีของคุณ ชั้นเต็มใจยอมรับอำนาจของเสือ คืนนี้ชั้นจะสมสู่กับคุณโดยไม่มีเงื่อนไข เราจะเป็นอมตะ และมีอำนาจเหนือมนุษย์ไปด้วยกัน เมื่อฉันได้ดื่มเลือดของณจันทร์ คืนนี้ ชั้นก็จะเป็นราชินีของคุณ"
พรหมพยัคฆ์เดินเข้าไปหาวิฬาร์
"เธอไม่มีค่าและคู่ควรที่จะมาเป็นราชินีของชั้น"
พรหมพยัคฆ์หักคอวิฬาร์ตายไป
"เธอตายไม่ได้ณจันทร์เธอคือราชินีของฉัน"
พรหมพยัคฆ์กำลังจะอุ้ม ณจันทร์ออกไป ปักษะ อาชา ถือปืนเข้ามาขวาง เขาใช้พลังเสือ ปล่อยพลังใส่ปักษะจนล้มไป แล้วอุ้มณจันทร์และหายไป
ปักษะ วิ่งตามหาแต่ไม่เจอแล้ว ร้องเรียก ณจันทร์ เสียใจมาก
พรหมพยัคฆ์พาณจันทร์มาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง บริเวณใกล้ๆ เขาวางเธอลงอย่างทะนุถนอม ณจันทร์ดูอ่อนแรง เลือดออกเยอะมาก พรหมมองอย่างเป็นห่วง เขาเองก็บาดเจ็บ
"คุณจะไม่เป็นอะไรณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์ถ่ายทอดพลังตัวเองเฮือกสุดท้าย เอาเลือดของตัวเองให้ณจันทร์ดื่ม
ปักษะอยู่กับอาชา และศพคำสูรย์ ทั้งคู่บาดเจ็บสาหัสพอๆกัน
เทพนิมิตที่เพิ่งฟื้น โดนวิฬาร์ยิงก็เข้ามา เธอมอง เห็นศพวิฬาร์และ ลายเมฆ ก่อนหันบอกปักษะ
"จากนี้ มีแต่คุณคำเดียวเท่านั้นแล้ว คุณปักษะ ฉันและทุกคนคงช่วยณจันทร์ได้แค่นี้"
"ผมต้องทำยังไง ผมไม่รู้มันพาณจันทร์ไปไหน"
"คุณรู้"
"ผมรู้"
"ใช่ คุณรู้ ... คุณมีจิตผูกพัน เชื่อมโยงกับณจันทร์ ใช้มันคุณปักษะ ใช้มันติดต่อกับณจันทร์"
"มันเองก็บาดเจ็บหนัก คงพาณจันทร์ไปไม่ได้ไกลมาก" อาชาบอก
"นึกถึงเธอ ความรักที่มีให้เธอ มันจะเชื่อมคุณกับเธอได้" เทพนิมิตหันมองพระจันทร์ "ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว เรามีเวลาแค่ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป"
ปักษะพยักหน้ารับ พยายามทำสมาธิ แต่ไม่เห็นเพราะณจันทร์ยังไม่ฟื้น
ณจันทร์ค่อยๆฟื้น แต่พรหมพยัคฆ์อ่อนแรงมาก
"คุณทำอะไรฉัน"
"พลังของผม ช่วยคุณได้"
ณจันทร์ผลักพรหมพยัคฆ์ออก
"ฉันไม่ต้องการพลังของคุณ ฉันเกลียดพลังของคุณ เกลียดคุณ"
"แต่ผมรักคุณ"
ณจันทร์ชะงักค้างไปนิด พรหมพยัคฆ์มองณจันทร์ด้วยความรัก สองคนสบตากัน แต่อยู่ๆณจันทร์ก็ได้ยินเสียงปักษะ
"ณจันทร์ คุณอยู่ที่ไหน ณจันทร์"
ณจันทร์สะดุ้งหลุดจากภวังค์
"คุณปักษะ"
ปักษะสะดุ้ง หันขวับไปทางทิศของถ้ำ
"ผมรู้สึกถึงเธอแล้ว ณจันทร์ ผมเห็นถ้ำ"
อาชาหันมองตาม
"ใช่ แถวนี้มีถ้ำอยู่ถ้ำนึง ไม่ไกลจากที่นี่ งั้นรีบไปกัน ฉันจะช่วยแกเอง"
"ขอบใจมากว่ะอาชา แต่จากนี้ เป็นหน้าที่ของฉันคนเดียวแล้ว"
"แต่ มัน ..."
อาชาหันมองเทพนิมิต เธอพยักหน้ารับ อาชาจำใจยอมรับ ปักษะบอกทั้งคู่
"ผมจะจบมันด้วยตัวผมเอง"
"ระวังตัวด้วยว่ะเพื่อน"
"โชคชะตาของคุณ ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้ว"
เทพนิมิต ยื่นกริชให้ ปักษะมองรับมา ก่อนพยักหน้ารับ หันมองทางถ้ำ แน่วแน่...
พรหมพยัคฆ์โกรธที่ได้ยินณจันทร์พูดถึงปักษะ เขาคำรามลั่น ก่อนพุ่งตัวเข้ามาบีบแขนเธอไว้แน่น
"ณจันทร์ เธอคือเสือ คือราชินีของฉัน" พรหมพยัคฆ์จ้องตาเธอ "เธอเกิดมาเพื่อฉัน ณจันทร์"
"ไม่ ฉันไม่ใช่เสือ และฉันก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อคุณ คำสาปบ้าๆนั่น ทำอะไรฉันไม่ได้แล้ว"
พรหมพยัคฆ์พลิกตัวณจันทร์นอนลงบนโขดหิน จ้องหน้าเธอ ณจันทร์จ้องตอบ
"เธอทำลายทุกสิ่ง เธอแก้คำสาปกับไอ้ปักษะ เธอทำแบบนั้นทำไม ทั้งที่ฉันรัก และรอคอยที่จะได้พบเธอมาตลอด"
"ไม่ พรหมพยัคฆ์ คุณไม่ได้รักฉัน"
"รักสิ ฉันรักเธอ"
"คุณรักใครก็ได้ ที่เป็นราชินีเสือ"
"นั่นก็คือเธอ ณจันทร์"
ณจันทร์ย้ำ ช้าๆ
"ใครก็ได้ ราชินีจะเป็นใครก็ได้ คุณก็จะรักเธออยู่ดี"
พรหมพยัคฆ์พยายามอธิบาย
"เธอไม่เข้าใจหรอกณจันทร์ ฉันรักเธอ และเธอมีความหมายกับฉันและเผ่าพันธุ์เสือของพวกเราแค่ไหน"
"ฉันเข้าใจ คุณต่างหากที่ไม่เข้าใจ"
พรหมหันกลับมามอง แปลกใจที่เธอพูด
"ความรักของเราต่างกัน และคุณไม่ได้รักฉัน คุณแค่รักราชินีของคุณ ใครก็ได้ที่ถูกราชินีเสือถ่ายเลือดให้ก่อนตาย ใครก็ได้ที่สืบทอดตำแหน่งนี้ ... คุณแค่ซื่อสัตย์กับหน้าที่ของเผ่าพันธุ์ แต่ฉันไม่ใช่ ฉันต่างจากคุณ ฉันรักใครสักคนด้วยหัวใจ ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องสืบทอด"
พรหมพยัคฆ์เดินเข้ามาใกล้ สองคนสบตากัน ณจันทร์จ้องไม่หลบตา
"และคนที่ฉันรัก ไม่ใช่คุณ"
พรหมพยัคฆ์คำรามออกมาด้วยความโกรธ ผลักณจันทร์ลงแล้วขึ้นคร่อม ณจันทร์พยายามขัดขืน
"ปล่อยฉัน"
"เธอจะต้องเสียใจที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ณจันทร์"
ณจันทร์ร้องขัดขืน จังหวะนั้นเองเสียงปืนดังขึ้น พรหมผงะล้มลงไป ปักษะที่ยิงกระสุนเข้าที่หลังพรหมพยัคฆ์ เลือดเริ่มไหลออกมา บวกกับเสียพลังให้กับณจันทร์ไป ทำให้เขาบาดเจ็บมากกว่าปกติ
"แก!"
"ปักษะ !"
พรหมพยัคฆ์คำรามลั่น เขาพยายามลุกขึ้น แต่ก็ทรุดลงไป ปักษะวิ่งไปประคองณจันทร์
"ณจันทร์ คุณไม่เป็นอะไรนะ"
ณจันทร์ดูแผลที่โดนยิง
"คุณล่ะ"
พรหมพยัคฆ์กับปักษะมองกันด้วยความแค้น ลมวูบใหญ่พัด บริเวณรอบๆดูแปรปรวน เมฆลอยมาบังดวงจันทร์แดง ณจันทร์มองทั้งคู่
"แกสินะ คนที่ถูกเลือก คนที่เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับฉัน"
"ฉันไม่มีวันให้แกทำอะไรณจันทร์"
ณจันทร์ค่อยๆเดินถอยไป อย่างกังวล
"แกคิดว่าแกจะทำอะไรฉันได้ ไอมนุษย์หน้าโง่"
พรหมพยัคฆ์พุ่งเข้าใส่ปักษะทันที ทั้งคู่ต่อสู้กัน ณจันทร์มองเหตุการณ์อย่างตื่นกลัวด้วยความเป็นห่วงปักษะ พรหมพยัคฆ์ดูจะเสียท่าหลายครั้งเพราะบาดเจ็บและเสียพลังไปมาก ส่วนปักษะเองก็เช่นกัน
ปักษะหยิบกริชที่เทพนิมิตให้ออกมา ทั้งคู่กระโจนเข้าใส่กัน ปักษะจะใช้มีดปักที่หัวใจพรหมพยัคฆ์ แต่จังหวะนั้นฟ้าเปิด เมฆลอยออกไป แสงจันทร์แดงสาดเข้ามาในถ้ำอีกครั้ง พรหมเหมือนได้รับพลังเพิ่ม เขาคำรามลั่น ก่อนจะพลิกตัวมาได้เปรียบปักษะ เขาขึ้นคร่อมร่างปักษะ กริชในมือปักษะกระเด็นหลุดออกไป
"ถึงเวลาตายของแกแล้ว"
พรหมเงื้อมมือจะตะปบปักษะ จังหวะนั้นเองกริชปักลงที่กลางหลังของเขา เขาชะงักร่วงลงไปที่พื้น หันมองเห็นว่าเป็นณจันทร์ที่แทงเขา ณจันทร์รีบวิ่งไปหาปักษะที่บาดเจ็บหนัก พรหมพยัคฆ์มองทั้งคู่ แผลที่โดนแทง ถูกแสงจันทร์สมานกลับมาเป็นปกติ ณจันทร์ตกใจ
"แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ณจันทร์พลังของเธอจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เธอกำลังจะกลายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ พอพระอาทิตย์ขึ้น คำสาปจะถูกแก้โดยสมบูรณ์"
พรหมพยัคฆ์ลุกขึ้น จ้องมองทั้งคู่ สายตาเหี้ยม
"เธอจะได้กลับไปเป็นมนุษย์ตามที่เธอต้องการ แต่คนที่เธอรักจะต้องตาย ณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์พุ่งเข้าใส่ปักษะทันที ณจันทร์ร้องออกมาด้วยความตกใจ พรหมพยัคฆ์ใช้มือข้างหนึ่งบีบคอและยกขึ้น ปักษะดิ้นเจ็บปวด ณจันทร์รีบเข้าไปช่วย ณจันทร์คำรามลั่น ตาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอีกครั้ง
ปักษะร้องเตือน
"อย่า ณจันทร์"
ณจันทร์พุ่งตัวใส่ เธอจ้องตาเขาพร้อมสู้ เธอกำกริชไว้ในมือแน่น พรหมพยัคฆ์จ้องตอบ มือยังคงบีบคอปักษะอยู่
"ณจันทร์….ถ้าฉันตาย คำสาปทั้งหมดจะย้อนกลับ เธอจะต้องกลับไปเป็นเสือ... เดียวดายตลอดไป"
ณจันทร์ตกใจ ชะงักไป พรหมพยัคฆ์บีบคอปักษะแน่นขึ้น ยกจนขาลอย
"ไม่ ณจันทร์ อย่า"
ณจันทร์ตัดสินใจปักกริชลงที่หัวใจพรหมพยัคฆ์ที่คำรามลั่นด้วยความเจ็บปวด ปล่อยมือจากปักษะทันที ณจันทร์ขึ้นคร่อมร่างพรหมพยัคฆ์
"โชคชะตาอาจกำหนดไว้หมดแล้วจริงๆ ฉันยอมเป็นเสือตลอดไป"
ณจันทร์สบตากับพรหมพยัคฆ์เป็นครั้งสุดท้าย
"นี่สินะความรักของเธอ"
ณจันทร์ควักหัวใจพรหมพยัคฆ์ออกมาทำลาย เธอน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงปักษะไอสำลักออกมา เธอได้สติ หันกลับไปประคองปักษะ ปักษะมองเธอเป็นห่วง
"มันจบแล้ว มันจบแล้วจริงๆ"
ทั้งคู่กอดกัน พระจันทร์แดงถูกเมฆบังอีกครั้ง ทั้งคู่พยุงกันเดินออกมาหน้าถ้ำ
ฟ้ามืดสนิท ปักษะล้มลงเพราะบาดเจ็บหนัก ณจันทร์ค่อยๆประคอง เธอนั่งลงข้างๆเขา สองคนสบตากัน หิ่งห้อยบินมารอบๆ ทั้งสองหันมองตาม
"หิ่งห้อย... พวกมันจะออกมาปรากฏตัวต่อเมื่อไม่มีแสงจันทร์"
ณจันทร์นิ่งคิดถึงตัวเองเศร้าๆ
"ณจันทร์"
ปักษะมองณจันทร์จริงจัง
"ฉัน... ฉันกลับไปเป็นคนเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว"
ปักษะนิ่งงัน ไม่อยากยอมรับความจริงที่น่าเศร้าที่สุด
"รู้ไหมคะปักษะ คุณพูดถูกว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราสองคนพบกัน…คุณเกิดมาเพื่อฉัน"
ณจันทร์น้ำตาก็เริ่มไหลออกมา
"เพื่อให้สิ่งที่สำคัญที่สุดกับฉัน"
ทั้งคู่วบตากัน เธอเศร้ามาก แต่พยายามเก็บเอาไว้ เธอเสหันไปมองทางอื่นก่อนที่น้ำตาจะไหล ณจันทร์หันไปเห็นดอกหญ้าที่ขึ้นที่โขดหินใกล้ๆ เธอยิ้มนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนค่อยๆเอื้อมมือไปเด็ดดอกหญ้าขึ้นมา ยื่นให้ปักษะดู
"ดอกหญ้า"
ณจันทร์ยิ้ม
"จำได้มั้ย"
"ผมให้คุณเป็นของขวัญวันเกิด"
"ใช่ค่ะ คุณบอกว่า ดอกหญ้า แต่เป็นพืชที่อดทนที่สุด อยู่ได้ไม่ว่าจะเป็น ภูมิประเทศ ภูมิอากาศแบบไหน"
สองคนสบตากัน นึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอกัน
"และคุณก็อวยพรให้ฉัน"
"ผมอวยพรให้คุณ เข้มแข็งเหมือนมัน"
"ค่ะ ... ฉันจะเข้มแข็งเหมือนมัน"
บนท้องฟ้าเมฆลอยออก เห็นพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่ ณจันทร์เงยหน้ามอง
"พระจันทร์คืนนี้สวยจริงๆ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ฉันเคยทั้งกลัว เคยเกลียดคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ฉันชอบคืนนี้ เพราะมีคุณอยู่กับฉัน"
ณจันทร์มองหน้าปักษะ
"ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร…แต่ฉันจะจดจำคืนนี้ไปชั่วชีวิต"
ณจันทร์ลุกขึ้นมาเข้าใกล้ ปักษะก้มลงจูบจะณจันทร์ ทั้งคู่นั่งมองพระจันทร์นิ่งๆข้างกันไม่พูดอะไรอีก ปักษะลอบมองณจันทร์เขาพยายามจดจำเธอ เก็บภาพเธอไว้ให้นานที่สุด ...ไม่นานพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น แสงสีทองฉาบมาแทนแสงจันทร์
"หลับตาก่อนคะ…ฉันอยากให้คุณจำฉันในแบบนี้"
ปักษะหลับตา ณจันทร์มองเขาอย่างเต็มตา เป็นความทรงจำสุดท้าย ก่อนก้มลงจูบปักษะ แล้วกระซิบที่ข้างหูเขา
"ฉันรักคุณปักษะ"
ปักษะน้ำตาไหลออกมา พอเขาลืมตา ก็ไม่เห็นณจันทร์อีกแล้ว ที่พื้นใกล้ๆ เห็นดอกหญ้าวางอยู่ น้ำตาเขาไหลออกมา
"ผมก็รักคุณ ณจันทร์"
ปักษะแหงนหน้ามองอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นเจ็บปวด วันใหม่เริ่มขึ้น วันใหม่กับชีวิตที่ไม่มีณจันทร์
หลายวันต่อมา ในห้องแถลงข่าว กองปราบปราม นักข่าวกำลังเข้ามาถ่ายรูปกันเต็มไปหมด อาชานั่งแถลงข่าวอยู่ที่โต๊ะ
"จากที่ทางตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นที่บ้านของพรหมพยัคฆ์ ทางเราได้พบหลักฐานของการทำธุรกิจลักลอบค้าขายสัตว์ป่า ซึ่งสามารถโยงมาถึงผู้ร่วมธุรกิจอีกคนคือ นายสิงหล จงรัชตะไวย์ หัวหน้าพรรคพิทักษ์ธรรม ซึ่งทางตำรวจจะดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป"
นักข่าว1ถาม
"แล้วตกลงคดีฆาตกรรมที่ผ่านมา เป็นฝีมือของเสือที่ถูกลักลอบออกมาเหรอครับ"
"ครับ ตำรวจได้พบเสือตัวหนึ่งนอนตายอยู่ในถ้ำ ซึ่งคาดว่าพรหมพยัคฆ์คงจะพาหนีแต่ไม่สำเร็จส่วนตัวของนายพรหมพยัคฆ์ได้หายตัวไปอย่างไรร่องรอย ทางเราจะพยายามตามจับมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด"
"แล้วยังมีเสือที่หลุดออกมาอีกไหมคะ"
อาชาชะงักนิดหน่อย ก่อนตอบอย่างมั่นใจ
"ไม่มีครับ"
"ทางตำรวจจะมีมาตรการยังไงคะ ถ้าเกิดว่ามีเสือหลุดออกมาฆ่า แล้วก็ทำร้ายชาวบ้านแบบนี้อีก"
อาชานิ่งไปนิดก่อนตอบ
"ผมเคยคิดว่าเสือดุร้ายน่ากลัว แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า พวกสัตว์ป่ามันไม่ต้องการจะทำร้ายใคร แต่มันทำไปเพราะสัญชาติญาณในตัวมันมากกว่า สัญชาติญาณที่จะปกป้องตัวเอง สัญชาติญาณที่จะหาอาหาร สัญชาติญาณที่จะมีชีวิตรอด ไม่แตกต่างอะไรกับมนุษย์เลย"
อาชาปรากฏอยู่ที่จอทีวี
"มนุษย์กับสัตว์มันต่างกันตรงไหน ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ผมเชื่ออย่างหนึ่ง สิ่งที่เรามีเหมือนกันก็คือ…หัวใจ ทุกชีวิตต่างก็มีหัวใจ และผมก็เชื่อว่ามันรู้สึกได้เหมือนกับที่เรารู้สึก เจ็บปวดเหมือนอย่างที่เราเจ็บ แล้วก็รักได้เหมือนกับที่เรารัก"
ปักษะดูทีวีอยู่ รู้ว่าความคิดของเพื่อนเปลี่ยนไปมาก เขาถอนหายใจ ก่อนหันไปจัดเป้ กับอุปกรณ์เดินป่า เขาหยุดมองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตน นึกถึงณจันทร์
"ณจันทร์ คุณอยู่ที่ไหน ... ผมคิดถึงคุณ"
หลายปีต่อมา ปักษะสะพายเป้แต่งตัวทะมัดทะแมง ก้มหน้าดูบางอย่างอยู่ เขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก นิ่งขึ้น ผมยาวขึ้น หน้าตาดูกร้านขึ้น เสียงอาชาเรียกดังมาจากด้านหลัง
"เฮ้ย ปักษะ"
อาชากวักมือเรียกให้เพื่อนเดินมาหา อาชายืนอยู่กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้นายหนึ่ง ปักษะพับแผนที่ป่าในมือแล้วเดินไปสมทบ อาชาชี้จุดในแผนที่แล้วบอก
"ตรงนี้คือจุดที่พบเสือครั้งล่าสุด"
เจ้าหน้าที่บอก
"ครับ แต่ก็... เมื่อหลายเดือนมาแล้วนะครับ แล้วยังไม่เจออีกเลย สมัยนี้เสือในป่าแทบจะไม่มีเหลือแล้ว ไม่โดนล่าก็โดนจับหมด ใครเจอนี่ถือว่าโชคดีสุดๆ"
ปักษะยิ้มมีหวัง
"ผมเองก็อยากจะโชคดีแบบนั้นบ้าง"
เจ้าหน้าที่หัวเราะ
"ยากครับ ยาก"
เจ้าหน้าที่หัวเราะ ปักษะยิ้ม อาชามองปักษะอย่างเข้าใจ
ในระหว่างที่สองคนเดินป่าก็คุยกัน
"แกคิดว่า เสือตัวนั้นจะคือ ..."
"ณจันทร์ คือณจันทร์แกจะถามแบบนี้ใช่มั้ย"
อาชาถอนใจ
"เออ ... เรื่องมันผ่านมาตั้งห้าปีแล้ว อะไรๆก็เปลี่ยนไป แกเองก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว จะเดินป่าทั้งปีแบบนี้ตลอดไปเลยหรือไงวะ"
ปักษะแซว
"อะไรๆก็เปลี่ยนไป แกยังลาออกจากตำรวจเลย"
"อย่าเปลี่ยนเรื่องว่ะ ฉันถามแกจริงๆเหอะ แกยังหวังอีกหรอวะ ว่าจะได้เจอ..คุณณจันทร์"
ปักษะนิ่ง
"เออ ... ก็ความหวังเป็นสิ่งเดียวที่ฉันมีได้นี่หว่า"
อาชามองเพื่อนสงสาร
เสียงพุ่มไม้ไหว ทั้งคู่หันขวับ อาชากระชับปืน ปักษะยกมือห้ามเพื่อน เขาค่อยๆเดินตรงไปที่พุ่มไม้ มีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ เขาเข้าไปใกล้ แต่จังหวะนั้นเอง ลมวูบใหญ่ก็พัด เสียงต้นไม้กระทบกันดัง ปักษะหันมองรอบๆแปลกใจ
ที่พุ่มไม้ บางอย่างที่ซ่อนอยู่กระโดดหลบเข้าป่าไป
ปักษะหันกลับมา รีบพุ่งตัวไปที่พุ่มไม้นั้น ไม่เห็นว่ามีใครหรืออะไรอยู่ เขาแปลกใจ อาชาเดินเข้ามา
"มีอะไรรึเปล่าว่ะ"
ปักษะพึมพำ
"ฉัน... ฉันรู้สึกเหมือน … ณ.."
อาชาตบบ่า ถอนใจ
"รีบไปต่อเถอะว่ะ เดี๋ยวจะค่ำ"
ปักษะพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมองที่พุ่มไม้อีกครั้งอย่างคาใจ เขาเห็นบางอย่างร่วงอยู่ ปักษะแหวกพุ่มไม้ไป เห็นว่าเป็นดอกหญ้าที่ถูกเด็ดมารวมกันอยู่กำหนึ่ง ปักษะตกใจ รีบหยิบขึ้นมาดู
"ณจันทร์ "
ปักษะหันมองไปรอบๆ มองหา อาชาแปลกใจ
"อะไรวะปักษะ"
"ณจันทร์"
ปักษะยกดอกหญ้ากำนั้นขึ้นดู อาชามองตามไม่เข้าใจ ปักษะยิ้มอ่อนๆ
ปักษะมองไปรอบป่า
"ผมดีใจ ... ที่รู้ว่าคุณอยู่ใกล้ๆ"
ปักษะยิ้ม
มุมหนึ่งในป่า มือของณจันทร์สวมแหวน กำดอกหญ้าอยู่ในมือ เกาะต้นไม้อยู่ ก่อนจะผละออกไป
จบบริบูรณ์