ฝันเฟื่อง ตอนที่ 12
อาทิตย์เข้ามาภายในห้องพัก เดินเข้ามาจุดเทียนที่วางอยู่ในห้องตามมุมต่างๆ สร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติก โดยบนโต๊ะมีข้าวผัดปูที่ซื้อมาวางอยู่ 2 จาน
อาทิตย์มองผลงานอย่างภูมิใจ คิดว่าวิไลลักษณ์จะต้องประทับใจแน่ๆ จากนั้นเดินออกไปหน้าห้องแล้วจูงมือวิไลลักษณ์ที่รออยู่เดินเข้ามา พามานั่งที่เก้าอี้
“คุณอาทิตย์เล่นอะไรคะเนี่ย”
“ใจเย็นๆ สิครับ อีกแป๊บเดียวนะ นั่งเลยครับ”
วิไลลักษณ์ลงนั่ง อาทิตย์แกะผ้าผูกตาออกให้ วิไลลักษณ์อึ้ง ที่อาทิตย์ทำเซอร์ไพรส์ อาทิตย์ลงนั่งตรงข้าม
“ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ผมยังไม่เคยพาคุณวิไลลักษณ์ไปทานอาหารดีๆเลย วันนี้ผมทำได้แค่นี้ อย่าโกรธผมนะครับ”
“วิไลลักษณ์จะโกรธคุณอาทิตย์ทำไมคะ แค่นี้ ก็ดีมากสำหรับวิไลลักษณ์แล้วค่ะ”
“แต่ยังไม่ดีพอสำหรับผมครับ” อาทิตย์จับมือวิไลลักษณ์มากุม “ขอเวลาผมหน่อยนะครับ ผมจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมสามารถดูแลเมียผมได้”
อาทิตย์หยิบแหวนที่ซื้อมาจากตลาดขึ้นมา บรรจงสวมแหวนให้ “ผมรักคุณวิไลลักษณ์นะครับ”
วิไลลักษณ์ชูนิ้มที่สวมแหวนขึ้นมาดู ซึ้งใจ “ขอบคุณค่ะ” เธอโผกอดอาทิตย์ด้วยความรัก “วิไลลักษณ์มีความสุขที่สุดเลยค่ะ”
“แล้ววันนึงผมจะเปลี่ยนแหวนวงนี้เป็นของจริงให้นะครับ”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ วิไลลักษณ์ไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ”
ส่วนรัฐรวีพามณฑิราเข้ามาหน้าร้านอาหารแตกแต่งหรู ชิค และดูทันสมัยแห่งหนึ่ง พบว่าไฟในร้านปิดหมด มณฑิรามองฉงนทำไมไม่มีผู้คนเลย
มณฑิราแกล้งถามกวนๆ “ทำไมร้านนี่ปิด หรือว่าเจ๊งแล้ว”
“ร้านปิดเฉยๆ ครับ” มณฑิรายิ้ม “ร้านนี้ผมหุ้นเปิดกับเพื่อน แต่วันนี้วันจันทร์ เราปิดทุกวันจันทร์ครับ มาสิครับ”
รัฐรวีเดินจูงมือมณฑิราเข้าไปในร้าน
รัฐรวีพามณฑิราเดินเข้าไปในร้าน พบว่าโต๊ะเก้าอี้ถูกเก็บขึ้น รัฐรวีเดินไปเปิดไฟ ไฟสว่างขึ้นพอดูโรแมนติค
“คุณฝันอยากเป็นเจ้าของร้านอาหารเหรอคะ”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมอยากทำหลายอย่าง เวลาผมเครียดๆ เบื่อๆ ผมจะชอบมาที่นี่ บางทีดึกๆ ผมก็แอบมานั่งคิดเมนูใหม่ๆ หลังๆ เพื่อนผมบอกว่าลูกค้าชักติดใจเมนูของผมด้วยนะ”
มณฑิรายิ้ม “ไม่เชื่อ”
รัฐรวียิ้มรู้ทัน
ภายในครัวของร้านแห่งนั้น รัฐรวีกำลังทำอาหาร หยิบโน่นใส่นี่ ปรุงรส ชิม อย่างคล่องแคล่ว มณฑิรานั่งดูอย่างทึ่งๆ มณฑิราเห็นใบหน้าของรัฐรวียิ้มมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
“คุณชอบทำอาหารจริงๆ ด้วย”
รัฐรวีหันมายิ้ม “ยังครับ อย่าเพิ่งชมผม จนกว่าคุณจะได้ชิมอาหารฝืมือผม เพราะหลังจากทานแล้ว คุณต้องคิดคำชมใหม่ให้ผมแน่นอน”
มณฑิราแกล้งแหย่ “เชฟคนนี้ขี้คุยจริงๆ”
รัฐรวีขำๆ หยิกจมูกมณฑิราอย่างหมั่นเขี้ยว แล้วหันไปทำอาหารต่อ ทำไปพูดไป
“ผมอยากทำอาหารให้คนทาน แล้วผมก็อยากทำที่พักแบบที่ตัวเองชอบ ให้คนมาพัก ผมชอบเห็นคนยิ้มมีความสุขกับสิ่งที่ผมตั้งใจทำให้เค้าอย่างที่นี่ ผมก็ชอบแอบมานั่งดูลูกค้าทานอาหารฝีมือผม”
มณฑิราค้อนด้วยความหมั่นไส้ “โรคจิตนะเนี่ย”
“อ่ะ เสร็จแล้ว”
รัฐรวีตักอาหารใส่จาน แล้วหันมายิ้มโชว์ผลงานให้มณฑิราดู
รัฐรวีกับมณฑิรานั่งที่โต๊ะอาหาร รอบๆ มีเทียนจุด และเปิดไฟพอดูโรแมนติก บนโต๊ะมีอาหารที่รัฐรวีทำวางอยู่หลายจาน
“ลองทานดูสิครับ”
มณฑิราตักชิมทีละอย่าง รัฐรวีมองลุ้นๆ มณฑิราแกล้งทำหน้าแปลกๆ
“ไม่อร่อยเหรอครับ”
“ก็...พอได้อยู่” รัฐรวีทำหน้าเศร้า มณฑิราขำคิกแล้วบอก “อร่อยดี”
รัฐรวียิ้มชื่น ดีใจ ตักอาหารจากจานหนึ่ง “ลองนี่ครับ เมนูเด็ดของผมตอนอยู่แคนาดาเลย ทำทีไรเพื่อนแย่งกันทานจนเกลี้ยงทุกที”
มณฑิราทานแล้วพยักหน้า ยกนิ้วให้ว่าอร่อย “แล้วตอนที่คุณเรียนอยู่ที่โน่น นอกจากทำอาหาร คุณชอบทำอะไรอีก”
“ผมชอบเที่ยวไปตามโรงแรม รีสอร์ทครับ ชอบไปดูว่าแต่ละที่เค้าทำยังไง แล้วแอบฝันว่าถ้าเป็นของเราเอง เราจะทำยังไง ผมยังเคยคิดเลยว่า ถ้าผมไม่ได้ทำงานให้คุณแม่ ผมอยากไปทำรีสอร์ตเล็กๆ ติดน้ำตก มีห้องพักแค่ไม่กี่ห้อง”
“มีตำแหน่งแม่บ้านไหม ฉันจอง”
รัฐรวียิ้ม “พูดแล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ”
“ฉันหมายถึงแม่บ้านของรีสอร์ต”
“ก็แม่บ้านรีสอร์ตน่ะสิคุณ ผมไม่ให้คุณมาเป็นแม่บ้านบ้านผมหรอก”
มณฑิราค้อน หันไปทานอาหาร รัฐรวีขำ “แล้วคุณล่ะครับ คุณมีความฝันไหม”
“ฉันไม่ได้ฝันอะไรใหญ่โตอย่างคนอื่นเค้าหรอกค่ะ ตอนเล็กๆ ฉันอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ท่านรักกันมาก ฉันชอบที่จะอยู่กับท่าน พอเสียท่านไป ฉันก็ ต้องอยู่คนเดียว”
“คุณคงเหงา”
“หลังๆ ก็ชินค่ะ ทุกวันนี้ฉันฝันแค่จะได้เจอใครที่รักแล้วอยู่กับฉันได้เหมือนกับที่คุณพ่อคุณแม่ดูแลกัน...” มณฑิราเผลอหลุดปาก “ฉันเป็นลูกคนเดียว คุณป้าท่านเลยเป็นห่วงมากด้วย”
รัฐรวีฉงน “คุณป้า” มณฑิราชะงักรู้ตัว “คุณมีป้าด้วยเหรอครับ ท่านอยู่กรุงเทพฯไหมครับ เผื่อผมจะได้ไปกราบท่าน”
“ท่านอยู่บ้านต่างจังหวัดค่ะ คงลำบาก” มณฑิรารีบเปลี่ยนเรื่อง “เอาละ คุณทำอาหารให้ฉันทานแล้ว งั้นให้ฉันทำอะไรให้คุณเป็นการตอบแทนบ้าง”
“คุณจะทำอะไร” รัฐรวีฉงนฉงาย
มณฑิราเก็บจานที่ทานวางลงซิ้งค์ล้างจานในครัว เห็นว่าสภาพครัวเละเทะไปหมด
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เด็กที่ร้านก็มาทำ”
“ได้ไงคะ ทำแล้วก็ต้องเก็บสิ คุณไปยืนเฉยๆ เถอะ เดี๋ยวฉันทำเอง” รัฐรวีหันซ้ายหันขวาอยากจะช่วย ถูกมณฑิราไล่ซ้ำ “ไปสิคะ”
รัฐรวีเลยจำต้องถอยออกมายืนรอ มณฑิราลงมือล้างเก็บทุกอย่าง อุปกรณ์ในครัว ถูกเช็ดทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย
รัฐรวียืนยิ้มมองอย่างสุขใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนมาทำอะไรแบบนี้ให้กับตัวเอง
สักครู่เดียว ทุกอย่างในครัวสะอาดเรียบร้อยเหมือนไม่ได้ถูกใช้งาน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ กลับกันได้แล้ว”
มณฑิราเช็ดมือแล้วเดินออกจากครัวไป
รัฐรวีเดินตามเข้ามาดึงมณฑิราไว้
“เดี๋ยวครับ” มณฑิราแปลกใจ “ผมขอบคุณมากนะครับ ผมไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย ผมพูดจริงๆ นะครับ คุณคือความสุขของผม”
มณฑิราอึ้งชั่วขณะ แล้วจึงตอบว่า “ฉันดีใจมากนะคะที่ฉันเป็นความสุขของคุณ” สองคนมองสบตากันแวบหนึ่ง “ดึกแล้ว เรากลับกันเถอะค่ะ”
มณฑิราเดินนำออกจากร้าน รัฐรวีมองตามแล้วอยู่ๆ เขาก็เดินเร็วรี่เข้าไปดึงมณฑิราให้หันมาหา
รัฐรวีจ้องหน้ามณฑิราด้วยสายตารักใคร่ เว้าวอน มณฑิรามองตอบด้วยรู้สึกวาบหวาม
รัฐรวีค่อยๆ โน้มหน้าลงจูบมณฑิราอย่างนุ่มนวล สองคนจูบกันในบรรยากาศแสนโรแมนติกกลางร้านนั้น
รัฐรวีลงจากรถแล้วเดินจูงมือมาส่งมณฑิราที่หน้าบ้าน
มณฑิรายังดูเขินๆ “ขอบคุณนะคะ”
รัฐรวีเย้า “ถ้าติดใจ เอาไว้แต่งงานกันแล้วผมจะทำอาหารให้คุณทานทุกวันเลยดีไหม”
“แน้! ใครจะแต่งด้วย”
“ผมนี่ไง” รัฐรวีจับมือมณฑิราไว้ทั้งสองข้าง “คุณแม่ผมยอมให้ผมพาคุณไปหาท่านแล้วนะครับ แล้วผมจะนัดวันแล้วบอกคุณอีกที คุณโอเคไหมครับ”
“ถ้าคุณโอเค ฉันก็โอเค”
รัฐรวียิ้ม มณฑิรารีบปล่อยมือท่าทีเขินๆ แล้วหนีเข้าบ้านไป
รัฐรวีมองตาม ยิ้มแย้มมีความสุข และหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
ที่มุมหนึ่ง เห็นนักสืบแอ๊บแมนที่ภูวเดชจ้างมา กำลังกดถ่ายรูปรัฐรวีกับมณฑิราตั้งแต่จับมือถือแขนจนอีกฝ่ายเดินเข้าบ้านไป
รุ่งเช้าอาทิตย์ วิไลลักษณ์กำลังใส่บาตรพระด้วยกัน พระให้พร สองคนหันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข
อิงอรซุ่มแอบดูอยู่ มองตามด้วยความอิจฉาริษยา
ต่อมาอาทิตย์กับวิไลลักษณ์เดินซื้อของที่ตลาด สองคนชี้ชวนกันเลือกของกิน ของใช้ ดูมีความสุขตามอัตภาพ
อิงอรที่แอบสะกดรอยตามมา มองอย่างริษยาในความสุขของคนทั้งคู่
“มีความสุขกันเข้าไปเถอะ เพราะมันจะเหลืออยู่อีกไม่นานแล้ว”
ฝ่ายแม่เมียดนั่งเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว ด้วยอาการซึม เหม่อ นายวงนั่งดูหนังสือพิมพ์ท่าทางเบื่อๆ เวกนั่งท่องหนังสือเรียนแต่ไม่มีสมาธิ อ่านไม่รู้เรื่อง ทั้งสามคนคิดถึงและเป็นห่วงวิไลลักษณ์
มือถือนายวงดัง นายวงกดรับสาย เซ็งๆ “ว่าไงไอ้ตุ๊ เลขเด็ดงวดนี้ไม่มีว่ะ ไม่ได้กลัวเลขเคลื่อน
ไม่มีจริงๆ ไม่ต้องซื้อเผื่อฉันหรอก แค่นี้นะ”
มณฑิราเดินเข้ามาในนี้ “นายวง แม่เมียด เวก”
ทั้งสามคนหันมาเห็นมณฑิราก็ตกใจ
“คุณมณลงมาถึงที่นี่มีอะไรเหรอคะ หรือเช้านี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ”
“เปล่าจ้ะ ฉันจะมาบอกว่านายวี เอ่อ เพื่อนของอาทิตย์ เค้าเจอตัวอาทิตย์แล้ว”
ทั้งสามคนดีใจ
“จริงเหรอครับคุณมณ แล้ววิไลมันเป็นยังไงบ้างครับ ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ใจเย็นก่อนนะจ๊ะ มณก็ไม่รู้อะไรมากหรอก นายวีเค้าไม่ได้เจอวิไล แต่นายอาทิตย์บอกว่าวิไลสบายดี”
นายวงกลุ้มอยู่ “เฮ้อ นี่วิไลมันไม่คิดถึงพ่อถึงแม่มันบ้างเลยหรือไง ลูกนะลูก”
“ขอบคุณคุณมณนะคะที่อุตส่าห์มาบอก”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มณเป็นคนพาวิไลไปปราณบุรีก็ควรจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”
มณฑิราได้แต่สงสารสามคน
ขณะที่รัฐรวีนั่งทำงานอยู่ในห้อง หมอฉบังเดินเข้ามา
“อ้าวไอ้หมอ! มาได้ไงเนี่ย”
“ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะมาหา”
รัฐรวียิ้มเย้า “นี่ฉันเป็นแค่ทางผ่านของแกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“โว้ว! ก็ตั้งใจมาหาแกด้วยนี่แหละ แกเจอคุณอิงบ้างไหม”
รัฐรวีฉงน “อยู่ดีๆ แกถามถึงน้องอิงทำไมวะ”
“ก็ถามดูเฉยๆ”
“ใช่เหรอ ฉันเห็นพักหลังๆ แกไปไหนมาไหนกับน้องอิงบ่อยๆ แกคิดอะไรกับน้องอิงรึเปล่าเนี่ย”
หมอฉบังปฏิเสธเสียงสูง “เปล๊า!”
“เปล่า แล้วถามถึงทำไม”
ถูกรัฐรวีจ้องจับผิด หมอฉบังเลยแถ “ก็เห็นแกมีเรื่องปวดหัวเยอะอยู่แล้ว ถ้ายังโดนคุณอิงมาตามราวีอีก แกคงรับมือไม่ไหว ฉันก็เลยอยากช่วย”
“เรื่องน้องอิงไม่เท่าไหร่หรอก เรื่องแฟนฉันน่ากลุ้มกว่า แม่จะให้ฉันพาคุณมณฑาไปทานข้าวที่บ้าน”
“ห๊ะ พูดจริงพูดเล่นเนี่ย”
“พูดจริง”
“อยากเห็นว่ะ”
“ไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ไม่ละ อยากเห็นแต่ไม่อยากโดนลูกหลง งานนี้บอกได้คำเดียวว่าเละแน่”
รัฐรวีอดเซ็งไม่ได้
อาทิตย์เดินมาที่หน้ามินิมาร์ท แล้วเดินเลี้ยวเข้าไปข้างในร้าน โดยไม่รู้ว่าอิงอรที่นั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่แถวๆ หน้าร้าน มองอาทิตย์อย่างอาฆาตแค้น แล้วเดินลงจากรถ
อิงอรพาตัวเองนั่งอยู่กับผู้จัดการร้านมินิมาร์ท ในห้องทำงาน พลางยื่นมือถือให้ดู
“นี่ค่ะ หลักฐานว่านายอาทิตย์เป็นพวก 18 มงกุฎ”
ผู้จัดการร้านดูมือถือของอิงอร เห็นในเฟซบุ๊คอิงอรมีรูปที่เคยถ่ายกับอาทิตย์ในงานปาร์ตี้วันเกิดคุณหญิงหิรัญญิการ์
“เค้าจะชอบแต่งตัวดูดีไปเข้าร่วมตามงานสังคมต่างๆ แอบอ้างว่าตัวเองเป็นคนรวย ตีสนิทกับคนในงาน แล้วก็ปอกลอกทรัพย์”
“ถ้างั้นเราแจ้งตำรวจจับเค้าเลยดีไหมครับ”
“ไม่ได้นะคะ เพราะว่าหลักฐานแค่นี้มันยังไม่พอ อีกอย่างฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น”
อิงอรยิ้มร้าย มีแผนในใจ
ทางด้านวิไลลักษณ์กำลังกวาดพื้นอยู่ มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น วิไลลักษณ์เดินไปเปิดประตู เห็นว่าเป็นเจ้าของร้านซักรีด
“อ้าวป้า มีอะไรเหรอคะ”
“หนูลงไปช่วยป้ารีดผ้าที่ร้านหน่อยสิ ป้ายังหาคนมาแทนหนูไม่ได้เลย”
“หนูไปทำไม่ได้แล้วค่ะป้า แฟนหนูเค้าไม่ชอบ เดี๋ยวเค้ารู้จะทะเลาะกันอีก”
“ไม่รู้หรอก เดี๋ยวป้าให้เราเลิกก่อนแฟนเรากลับจากทำงานก็ได้ นะ ถือว่าช่วยคนแก่”
วิไลลักษณ์อึดอัด ลำบากใจ
ขณะที่อาทิตย์กำลังถูพื้นร้านอยู่ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าร้านมา
“พี่คะ ขอแลกแบงค์ร้อยห้าใบได้ไหมคะ แท็กซี่ไม่มีทอน”
อาทิตย์มองไปที่เคาน์เตอร์ เห็นพนักงานที่เฝ้าเคาน์เตอร์ไม่อยู่เพราะเดินไปเข้าห้องน้ำ จึงเดินไปที่เคาท์เตอร์ แล้วกดเปิดเคาน์เตอร์หยิบเงินแลกให้ผู้หญิง ผู้หญิงเดินออกไป
ผู้จัดการร้านเดินออกมา เห็นอาทิตย์ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์และลิ้นชักเก็บเงินเปิดค้างอยู่
ผู้จัดการถามทันที “ทำอะไรน่ะ”
“มีคนมาขอแลกแบงค์น่ะครับ” อาทิตย์บอก
“แล้วหนิงไปไหน”
“เข้าห้องน้ำอยู่ครับ”
ผู้จัดการเสียงขุ่น “ออกมาเลย”
อาทิตย์เดินถอยออกมา ผู้จัดการรีบเดินสวนเข้าไปดูเงินในลิ้นชัก
“หยิบไปบ้างรึเปล่าเนี่ย”
“เปล่านะครับ ผมแค่แลกแบงค์ให้เค้าจริงๆ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว ผมไล่คุณออก”
อาทิตย์อึ้งตะลึงตะไล “อะ.. อะไรนะครับ”
“ผมไล่คุณออกไง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก”
“เอ่อ แต่ว่าผมไม่ได้เอาเงินไปจริงๆ นะครับผู้จัดการ”
“คุณจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีดี หรือให้ผมโยนคุณออกไป”
อาทิตย์อึ้ง มึนงง รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางกบาล
สักครู่หนึ่ง อาทิตย์เปลี่ยนชุดแล้ว เดินคอตกออกมาจากร้าน อิงอรที่นั่งมองอยู่ในรถ ยิ้มร้ายสะใจกับแผนการบีบอาทิตย์ของหล่อน
“ยังไม่จบแค่นี้หรอก”
อ่านต่อหน้า 2
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ตรงใบประกาศรับสมัครพนักงานอยู่ที่หน้าร้านขายวัสดุก่อสร้าง อาทิตย์เดินเข้าไปสอบถามด้านในไม่นานก็เดินหน้าจ๋องออกมา
อาทิตย์ไม่ท้อ เดินเข้าไปสอบถามทุกร้านที่มีติดป้ายรับสมัครงาน แต่ถูกเจ้าของร้านทุกที่โบกมือปฏิเสธบ้าง ส่ายหน้าว่าไม่รับบ้าง
อาทิตย์กำลังอ่านรายละเอียดที่ป้ายสมัครงาน แต่มีพนักงานในร้านมาแกะป้ายออก เพราะว่าได้คนแล้ว
อาทิตย์เดินย่ำต๊อกหางานทำอีกหลายที่ สุดท้ายมาสัมภาษณ์งาน กับพนักงานฝ่ายบุคคลอีกบริษัท
“ต้องทำกะดึกด้วยเหรอครับ” พนักงานพยักหน้า “แล้วพอมีตำแหน่งอื่นที่ทำงานเลิกไม่เกิน 6 โมงเย็นไหมครับ” พนักงานส่ายหน้า
อาทิตย์เดินคอตกออกมาข้างนอกอาคาร
อิงอรที่นั่งซุ่มอยู่ในรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ มองอย่างสะใจ
อาทิตย์หยิบกระเป๋าเงินออกมาดู เห็นแบงค์พันห้าใบ และแบงค์ย่อยอีกไม่กี่ใบ เขาถอนหายใจเครียดๆ โทรศัพท์ดังขึ้น อาทิตย์หยิบมาดู เห็นรัฐรวีส่งข้อความไลน์มาหา
“เป็นไงบ้างวะไอ้ทิตย์?”
ไม่นานหลังจากนั้น รัฐรวีกับอาทิตย์กำลังดูเมนูอาหารกันอยู่ในร้านอาหารแห่งนั้น อาทิตย์เพียงมองยังไม่ค่อยกล้าสั่ง
“อยากกินอะไรก็สั่งเลย”
อาทิตย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที “ขอบคุณครับคุณวี” เขามองหน้ารัฐรวี พูดเองเออเอง “หน้าตาเหมือนอยากกินกุ้งนะครับคุณวี” แล้วบอกกับพนักงานเสิร์ฟ “เอากุ้งแม่น้ำเผาโลนึงครับ ปลากะพงทอดน้ำปลา หอยเชลล์ผัดฉ่า ปูม้าผัดผงกระหรี่...คุณวีไม่สั่งอะไรเพิ่มเหรอครับ”
รัฐรวีประชด “แกสั่งเผื่อฉันหมดแล้วนี่”
พนักงานเสิร์ฟเริ่มทยอยเอาอาหารออกมาวางจนครบ พร้อมตักข้าวให้ สองหนุ่มทานไปพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันไป
“แกคิดจะทำยังไงต่อไป”
“ก็ต้องหางานทำน่ะครับ”
“แล้วนี่แกมีเงินใช้เหรอ”
“คุณวีไม่ต้องให้ผมนะครับ ผมพออยู่ได้”
“แกอยู่ได้แล้วคุณวิไลลักษณ์เค้าอยู่ได้ด้วยรึเปล่า”
“พูดถึงคุณวิไลลักษณ์ก็แปลกนะครับคุณวี เป็นคุณหนูไฮโซแท้ๆ แต่ใช้ชีวิตติดดินกับผมได้ กินก็ง่ายอยู่ก็ง่าย แถมวันดีคืนดียังลงไปรับจ้างรีดผ้าหาเงินช่วยผมซะงั้น ผมโกรธแทบแย่”
“ก็ถือว่าเป็นโชคดีของแกที่ได้แฟนดีๆ”
“อย่าคุยเรื่องผมเลยครับ คุยเรื่องคุณวีกับพี่มณฑาดีกว่า”
“ถ้าไม่นับเรื่องที่แม่ไม่ชอบเค้า ฉันก็มีความสุขดี เวลาอยู่กับเค้าฉันรู้สึกสบายใจ”
อาทิตย์ยิ้ม เข้าใจรัฐรวี “ผมเห็นแล้วล่ะครับ เวลาคุณวีอยู่กับพี่มณฑา ดูคุณวีมีชีวิตชีวา จนบางทีผมก็อดน้อยใจไม่ได้ ว่าคุณวีเอาผมไปไว้ที่ไหน” คนรถจอมกะล่อนร้องเพลง ทำหน้าเศร้า พร้อมทำมือไม้ประกอบน่าหมั่นไส้ “หัวใจสลาย เมื่อเธอเดินไปกับเขา ไม่คำนึงถึงเรื่องราว...”
รัฐรวีตีมืออาทิตย์ “พอได้แล้ว ฉันอายเค้า” อาทิตย์ขำ แล้วหันไปทางพนักงานเสิร์ฟ
“น้องครับ สั่งอาหารเพิ่มหน่อย”
“เฮ้ย แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว”
“เปล่าครับ ผมจะสั่งกลับบ้านฝากคุณวิไลลักษณ์” อาทิตย์หยิบเมนูมาดู
รัฐรวีมองอาทิตย์ด้วยความเห็นใจ ดึงเมนูมาดูเอง แล้วสั่งอาหารเต็มที่
“เอาหอยเชลล์อบเนย ปลานึ่งซีอิ๊ว ต้มยำทะเล เนื้อผัดน้ำมันหอย ปูเนื้อผัดพริกไทยดำ กุ้งอบวุ้นเส้น ทำกลับบ้านนะ”
พนักงานเสิร์ฟพยักหน้ารับนอบน้อม แล้วเดินออกไป
อาทิตย์มองนายและเพื่อน สีกน้าซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะครับคุณวี
รัฐรวีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าแกหางานไม่ได้จริงๆ กลับมาเป็นคนขับรถให้ฉันก็ได้นะ”
“ครับ ถ้าผมไม่มีที่ไปผมจะกลับมาหาคุณวีครับ แต่ตอนนี้ขอผมพยายามด้วยตัวเองให้ถึงที่สุดก่อนได้ไหมครับ”
รัฐรวีมองชื่นชมที่อาทิตย์เริ่มโตขึ้นแล้ว
ต่อมา สองหนุ่มเดินออกมาหน้าร้าน อาทิตย์หิ้วถุงกับข้าวกลับไปฝากวิไลลักษณ์หลายถุง
รัฐรวีหยุด หยิบเงินในกระเป๋าออกมา 10,000 บาท แล้วส่งให้อาทิตย์
อาทิตย์ปฏิเสธ บอกเสียงจริงจังว่า “ไม่เอาครับคุณวี”
รัฐรวีเอาเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงอาทิตย์ “เก็บไว้เถอะ เผื่อฉุกเฉิน”
อาทิตย์อึ้งซึ้ง ยกมือไหว้ “ขอบคุณครับคุณวี”
หมอฉบังเดินมาพอดี “อ้าวไอ้ทิตย์ กลับมาแล้วเหรอวะ”
อาทิตย์รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณหมอ”
“ยัง มันแค่แวะมาเจอฉันเฉยๆ วันนี้ฉันไม่ไปเตะบอลกับแกแล้วนะไอ้หมอ” รัฐรวีว่า
หมอฉบังเม้ง “อ้าว ไม่เตะแล้วให้ฉันมาทำไมวะเนี่ย”
“ก็ทีแรกว่าจะเตะ แต่เพิ่งกินข้าวกับไอ้ทิตย์ไป วิ่งไม่ไหวว่ะ จุก”
“ไอ้วี โลกนี้เค้ามีเทคโนโลยีที่เรียกว่าโทรศัพท์เว้ย โทร.มาแคนเซิลฉันหน่อยก็ได้ เวลาฉันมีค่า ช่วยชีวิตคนไข้ได้เยอะแยะ”
“ก็นี่ไง พรุ่งนี้แกว่าง แกก็มาช่วยชีวิตฉัน” หมอฉบังงง “พรุ่งนี้ฉันจะพาคุณมณฑาไปเจอพ่อกับแม่ฉัน แกมาด้วยกันหน่อยสิ”
“เคสแกนี่ส่งห้องดับจิตได้เลย แม่แกเอาตายแน่” หมอบอก
“โธ่คุณหมอครับ ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณวีหน่อยเถอะครับ ตอนนี้ผมไม่อยู่ ก็มีแต่คุณหมอนี่ล่ะครับที่จะช่วยคุณวีได้” อาทิตย์อ้อนน่าขัน “นะครับพ่อฮอบบิทรูปหล่อ”
รัฐรวีกับอาทิตย์มองหมอเป็นตาเดียวกัน
หมอฉบังครุ่นคิดไม่ยอมตอบ
มณฑิรากำลังจะทานข้าวเย็นอยู่ในบ้าน มือถือเครื่องของมณฑาดัง เห็นว่าเป็นรัฐรวีโทร.มา มณฑิรากดรับสาย
“ฉันกำลังกินข้าวเย็นพอดี คุณมีอะไรเหรอ”
รัฐรวีกำลังคุยสายกับมณฑิราอยู่ตรงแถวหน้าร้านอาหารเมื่อครู่นี้
“พูดแบบนี้แสดงว่ากำลังคิดถึงผมอยู่ใช่ไหมครับ”
มณฑิรายิ้ม “อย่าพูดมาก เดี๋ยวฉันกินข้าวไม่ลง มีอะไรก็ว่ามา”
“พรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณไปพบคุณพ่อคุณแม่ผม ซัก 9 โมงครึ่งผมไปรับคุณที่บ้าน คุณโอเคไหมครับ”“ได้ค่ะ ฉันจะรอ”
“ไม่ต้องกลัวนะครับ พรุ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้คุณรู้ว่าผมจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากคุณแน่นอน แล้วเจอกันนะครับ”
รัฐรวีพูดจบก็กดวางสาย ยิ้มให้ความมั่นใจกับตัวเอง
อาทิตย์เดินหิ้วถุงกับข้าวกลับมาที่หน้าอพาร์ตเมนต์ กลุ้มหนักที่ยังหางานทำไม่ได้ และคิดว่าจะโกหกวิไลลักษณ์ยังไงที่กลับมาบ้านไว
ขณะเดินผ่านหน้าร้านซักรีด อาทิตย์มองเข้าไปในข้างในร้าน เห็นวิไลลักษณ์กำลังรีดผ้าอยู่ในนั้น
อาทิตย์อึ้ง โกรธ กระชากประตูร้านเปิดออก
“คุณวิไล”
วิไลลักษณ์หันมาเห็นอาทิตย์ก็ตกใจ “คุณอาทิตย์”
วิไลลักษณ์วางเตารีดอย่างรีบร้อนลุกลี้ลุกลน จนไม่ทันสังเกตว่าเตารีดล้มคว่ำหน้าลงบนเสื้อสูท
วิไลลักษณ์รีบตามออกมาคุยกับอาทิตย์ที่หน้าร้าน อาทิตย์โมโหมาก พูดจาเสียงดังใส่
“ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าไม่อยากให้คุณวิไลทำงานอีก”
“ป้าเค้าไม่มีคนช่วยน่ะค่ะ ก็เลยมาขอร้องให้วิไลช่วยทำงานไปก่อนจนกว่าเค้าจะหาคนได้”
อาทิตย์ขึ้นเสียงอีก “แล้วถ้าป้าเค้าหาคนไม่ได้ คุณวิไลไม่ต้องช่วยงานเค้าไปตลอดเหรอครับ”
วิไลลักษณ์ชักไม่พอใจ “เอ๊ะ! พูดกันดีๆ สิคะ ทำไมต้องเสียงดังด้วย”
อาทิตย์ยังอารมณ์ขึ้นอยู่ “ถ้าพ่อแม่คุณวิไลรู้เข้า เค้าจะคิดยังไงครับ ลูกสาวเค้าคนเดียวผมเลี้ยงไม่ได้ ต้องให้เมาเป็นลูกจ้างรีดผ้าหาเงิน”
ส่วนในร้าน เห็นควันลอยขึ้นมาจากบริเวณที่เตารีดวางทับเสื้อสูท ป้าเจ้าของร้านซักรีดได้กลิ่นไหม้ เลยเดินออกมาดู
“ตายแล้ว เสื้อลูกค้าไหม้” ป้าโวยวายใหญ่โต “หนูไปไหนเนี่ย ทำไมปล่อยให้เสื้อลูกค้าไหม้อย่างนี้ ตายๆๆ”
วิไลลักษณ์ที่อยู่นอกร้านตกใจ รีบวิ่งกลับเข้าไปดู อาทิตย์รีบตามไปดูด้วย ป้าเจ้าของร้านยกเสื้อลูกค้าขึ้นมา เห็นว่าไหม้เป็นรูกว้าง สองคนอึ้งไป
สุดท้ายอาทิตย์นับเงินในกระเป๋าจ่ายค่าเสื้อสูทชดใช้ให้ป้าเจ้าของร้าน
“นี่ครับค่าเสื้อ 3,000” อาทิตย์ส่งเงินให้ป้า พูดสีหน้าจริงจัง “ต่อไปป้าไม่ต้องตามแฟนผมมาทำแล้วนะครับ”
“ทำเสื้อลูกค้าไหม้ขนาดนี้ ป้าก็คงไม่ตามมาทำแล้วละ”
อาทิตย์กับวิไลลักษณ์มองหน้า มึนตึงใส่กัน
อิงอรยืนแอบมองอยู่ ยิ้มสะใจที่เห็นอาทิตย์กับวิไลลักษณ์ทะเลาะกัน
อาทิตย์กับวิไลลักษณ์มาเดินเล่นอยู่ในตลาดนัด วิไลลักษณ์มีสีหน้าเครียดๆ เศร้าๆ ที่ทำให้อาทิตย์ต้องเสียเงิน
อาทิตย์ชวนคุย “เสื้อร้านนี้สวยดีนะครับ ดูกันไหม”
“คุณอาทิตย์เข้าไปดูเถอะค่ะ เดี๋ยววิไลรอหน้าร้าน”
“งั้นรอตรงนี้เดี๋ยวนะครับ”
วิไลลักษณ์พยักหน้า จนอาทิตย์เดินออกไปทางอื่น วิไลลักษณ์ถอนหายใจเศร้าๆ ครู่เดียวก็มีมือยื่นมาสะกิดจากข้างหลัง วิไลลักษณ์หันไปมองดูเห็นว่าเป็นอาทิตย์ที่สวมหน้ากากไอร่อนแมน
“คุณอาทิตย์ทำอะไรคะเนี่ย”
“ผมเป็นฮีโร่ที่ถูกส่งตัวมากอบกู้รอยยิ้มให้คุณวิไลครับ! ใครทำคุณวิไลเศร้าบอกผมมาครับ ผมจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้”
วิไลลักษณ์ชี้ไปที่อาทิตย์
“ฮื้อ! ไอร่อนแมนขอโทษ ไอร่อนแมนไม่ได้ตั้งใจ”
วิไลลักษณ์อาย เห็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองขำๆ
“พอได้แล้วค่ะคุณอาทิตย์ อายเค้า”
“ไม่ครับ คุณวิไลรับปากมาก่อนสิครับ ว่าจะไม่เศร้าอีก”
“ค่ะๆ”
“แล้วก็ต้องยกโทษให้ไอร่อนแมนด้วย”
วิไลลักษณ์นิ่งเพราะยังงอนเล็กๆ อาทิตย์ที่สวมหน้ากากไอร่อนแมนนั่งคุกเข่าทำมืออ้อนวอน
“นะครับ ไอร่อนแมนผิดไปแล้ว นะๆๆๆ”
“ค่ะๆๆ ก็ได้ค่ะ รีบลุกขึ้นเถอะค่ะ”
อาทิตย์รีบลุกขึ้น ถอดหน้ากากมามองวิไลลักษณ์ยิ้มชื่น
อิงอรที่ตามมาแอบดูมองอย่างเจ็บใจที่เห็นอาทิตย์กับวิไลลักษณ์คืนดีกัน
สองคนนัดเจอกันที่ผับหรู ที่เที่ยวประจำ อิงอรกินไวน์จนหมดแก้วด้วยอารมณ์เซ็งๆ ภูวเดชอยู่ด้วย
“กินแบบนี้ เดี๋ยวก็เมาหรอกครับคุณอิงอร”
“เมาก็เมาสิคะ อิงไม่เข้าใจ ทำไมอาทิตย์ไม่ทะเลาะกับเมียเค้าอย่างที่อิงคิด แถมเค้าสองคนยังดูมีความสุขกันมากอีก”
“เพราะเค้ารักกันไงครับ”
อิงอรเม้งแขวะกลับ “อ๋อ เหมือนพี่วีกับคุณมณฑิราใช่ไหมคะ ต่อให้คุณภูวเดชทำยังไง เค้าสองคนก็ไม่มีทางเลิกกัน”
“คุณอิงจะมาแขวะผมทำไม แค่นี้ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว นี่ผมให้นักสืบแอบตามสืบไอ้รัฐรวีกับผู้หญิงที่มันคบ แล้วดูสิครับ ผมได้อะไรมา”
ภูวเดชเอารูปที่นักสืบถ่ายรัฐรวีกับมณฑิราในคราบมณฑาที่ยืนจับมือกันตรงหน้าบ้านมณฑิราให้ดู
“อ้าว นี่มันคุณมณฑิรานี่คะ”
“ก็ใช่ไงครับ แล้วบ้านที่ไอ้รัฐรวีไปส่งผู้หญิงของมันก็บ้านคุณมณฑิราชัดๆ แต่นักสืบยืนยันว่านี่คือผู้หญิงคนที่รัฐรวีคบอยู่ ผมเลยงงไปหมดแล้วครับเนี่ย”
“โอ๊ย อิงก็งงเหมือนกันค่ะ เรื่องของอิง อิงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมอาทิตย์ถึงไม่เลือกอิงคะ อิงไม่ดีตรงไหน” หล่อนหยิบมือถือออกมากดรูปให้ดู “คุณภูดูเลย ดูเดี๋ยวนี้เลยว่าอิงแพ้นังเด็กนั่นตรงไหน”
ภูวเดชท่าทางหน่ายๆ เซ็งๆ แต่ก็จำต้องดูเพื่อเอาใจอิงอร ในจอมือถืออิงอรเป็นรูปอาทิตย์กับวิไลลักษณ์ที่ถ่ายคู่กันลงเฟซบุ๊ค ภูวเดชตกใจ รีบหยิบมาดู
“เด็กคนนี้ เด็กรับใช้บ้านคุณมณนี่ครับ”
“คุณภูเมาแล้วค่ะ นี่วิไลลักษณ์เป็นเมียของอาทิตย์ต่างหาก” อิงอรแย้ง
ภูวเดชดูอีกที “ไม่ผิดหรอกครับ ผมไปบ้านคุณมณทีไรก็เจอเด็กวิไลคนนี้ทุกที เค้าเป็นเด็กรับใช้ส่วนตัวของคุณมณ”
อิงอรเอะใจ “เดี๋ยวนะคะ เมื่อกี้คุณภูบอกว่าผู้หญิงที่พี่วีคบหน้าเหมือนคุณมณฑิรา ส่วนยัยเด็กที่เป็นเมียนายอาทิตย์ก็หน้าเหมือนเด็กรับใช้ของคุณมณฑิราอีก”
ภูวเดชคิดตาม “ผมว่าเรื่องนี้ชักจะสนุกแล้วครับคุณอิง”
อิงอรกับภูวเดชสงสัยมากกว่ามันคืออะไร
ทั้งคู่ดูรูปรัฐรวีกับมณฑา และอาทิตย์กับวิไลลักษณ์อีกที
ฟากอาทิตย์ วิไลลักษณ์กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง อยู่ๆวิไลลักษณ์ก็ร้องละเมอขึ้น
“พ่อ!”
อาทิตย์รู้สึกตัว หันไปดูวิไลลักษณ์เขย่าตัวเรียก “คุณวิไลครับ” จนเห็นว่าวิไลลักษณ์รู้สึกตัวขึ้นมา “ฝันร้ายเหรอครับ”
“ค่ะ วิไลฝันว่าพ่อไม่สบาย”
อาทิตย์เครียดหนัก เพราะสิ่งที่วิไลลักษณ์ฝันตรงกับที่ตัวเองรู้มาจากเวก
“ไม่ต้องคิดมากนะครับ ฝันร้ายจะกลายเป็นดี นอนเถอะครับ”
อาทิตย์โน้มหัววิไลลักษณ์ให้มานอนหนุนที่หน้าอกตัวเอง
วิไลลักษณ์ยังหลับตาไม่ลงเพราะคิดถึงพ่อ อาทิตย์เองก็ยังไม่หลับ กังวลในใจเพราะรู้ว่านายวงป่วย แต่ไม่ยอมบอกวิไลลักษณ์
รัฐรวียืนรอมณฑิราอยู่ข้างรถตรงหน้ารั้วบ้าน รอสักครู่ใหญ่จนรัฐรวีก้มดูนาฬิกา
จังหวะนั้นประตูรั้วบ้านมณฑิราเปิดออก เผยให้เห็นว่าคนเปิดประตูคือคุณต๋อย
“มารอคุณมณเหรอ...คะ”
รัฐรวีชะงักกับน้ำเสียงที่ดูนอบน้อมนั้น “ครับ”
“เข้ามารอในบ้านก่อนสิ...คะ” คุณต๋อยพยายามคุมกิริยา
รัฐรวีงงๆ ว่าทำไมวันนี้คุณแม่บ้านใหญ่ถึงพูดดีกับตัวเอง
“ครับ” รัฐรวีเดินเข้ามาในบ้าน
“อากาศข้างนอกร้อน ดิฉันว่าคุณเข้าไปรอในบ้านดีกว่าค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กเอาน้ำเย็นๆให้ดื่ม”
รัฐรวียิ้มให้ท่าทีเกรงใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมรอคุณมณตรงนี้ก็ได้”
เวกเดินมาเห็นรัฐรวี เลยเดินปรี่เข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้วี เพื่อนแกพาคุณหนูไปอยู่ที่ไหน”
รัฐรวีชะงัก คุณต๋อยด่า “พูดกับคุณเค้าดีๆ ไอ้เวก”
“คุณเคิณอะไรคุณต๋อย มันก็เป็นคนขับรถเหมือนฉัน คนใช้เหมือนกันนี่แหละ” เวกคาดคั้นรัฐรวี “บอกมานะว่าเพื่อนแกพาคุณหนูไปอยู่ที่ไหน ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่!”
คุณต๋อยตกใจ “แกน่ะสิจะตายไอ้เวก เข้าบ้านไปเลย”
คุณต๋อยดึงเวกเข้าไปทางเรือนเล็กหลังบ้าน
ขณะที่แม่เมียดกำลังทำอาหารอยู่ในครัว มีนายวง และกุ๊กกิ๊กกำลังช่วยล้างผัก หั่นผัก เป็นลูกมือ คุณต๋อยดึงเวกเข้ามาในนั้น
“ปล่อยฉันนะคุณต๋อย”
แม่เมียดละงานหันมามองฉงน “มีเรื่องอะไรกันเหรอคุณต๋อย”
“ก็คุณต๋อยสิแม่ มาห้ามฉันทำไมก็ไม่รู้ ฉันจะไปเค้นความจริงกับเพื่อนไอ้อาทิตย์สักหน่อยว่าไอ้อาทิตย์พาวิไลไปอยู่ที่ไหน” เวกโวยวาย
“ไอ้วีมาเหรอ เดี๋ยวพ่อจัดการเอง” นายวงจะเดินไป
คุณต๋อยบอกเสียงดัง “ถ้าอยากโดนไล่ออกก็ไปสิ”
นายวงหยุดชะงักทันที
กุ๊กกิ๊กเองก็งง “คุณต๋อยหมายความว่าไงคะ”
คุณต๋อยตัดบท “เอาเถอะน่ะ ฉันสั่งให้พวกแกทำอะไรก็ทำตามแล้วกัน! ห้ามใครไปทำกิริยาไม่ดีกับคุณ...นายวี เพื่อนของคุณมณเด็ดขาด ไม่งั้นเจอดีแน่”
คุณต๋อยเดินออกไปเลย ทุกคนงงปนเซ็ง
ทันใดนั้นเสียงข้อความเฟซบุ๊คของมือถือเวกดัง
เวกใครส่งข้อความอะไรมาวะ! (หยิบมือถือมาเปิดดูเห็นว่าอาทิตย์ส่งข้อความมา) ไอ้อาทิตย์ส่งข้อความมาจ้ะพ่อ แม่!
ทุกคนชะงักสนใจทันที
“มันส่งมาว่ายังไงไอ้เวก” นายวงถาม
เวกอ่านข้อความที่อาทิตย์ส่งมาให้ทุกคนฟัง “เจอกันตอนบ่ายโมงวันนี้”
ทุกคนยิ้มดีใจ มีความหวังจะได้ข่าวของวิไลลักษณ์
รัฐรวีเดินดูต้นไม้รอมณฑิราอยู่ในรั้วบ้าน
เสียงมณฑิราดังขึ้น “ขอโทษนะที่ให้รอนาน”
รัฐรวีหันมา เห็นมณฑิราในคราบสาวใช้มณฑา ใส่แว่นตาแต่แต่งตัวสวยทันสมัย ถึงกับตะลึงในความสวยของมณฑา บวกกับรู้สึกที่ว่าพอเห็นมณฑาแต่งตัวสวย ก็ยิ่งเหมือนมณฑิรามาก
“ไปกันได้รึยัง”
“แป๊บนึงนะครับ”
รัฐรวีเดินไปดึงแว่นออกจากใบหน้ามณฑา เพราะอยากเห็นว่าถ้าไม่ใส่แว่น หน้ามณฑากับมณฑิราจะคล้ายกันขนาดไหน
รัฐรวีชะงักเมื่อเพ่งพิศชัดๆ แล้วพบว่าใบหน้ามณฑาคล้ายมณฑิรามาก
“คุณเคยดูละครที่พี่น้องฝาแฝดพลัดพรากกันตอนเด็กไหม ผมว่าคุณกับคุณมณฑิราต้องเป็นแบบนั้นแน่เลย”
“เหมือนกันขนาดนั้นเลยเหรอคะ ฉันชักจะอยากเห็นหน้าคุณมณฑิราซักครั้งแล้วสิ” มณฑิรากลัวว่ารัฐรวีจะจับได้ “ขอแว่นคืนด้วยค่ะ ฉันมองไม่เห็น”
รัฐรวีส่งแว่นคืนให้ มณฑิราเอามาสวมแล้วยิ้มกลบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สักครู่หนึ่ง รถของรัฐรวีที่มีมณฑิรานั่งอยู่ด้วยขับออกจากบ้านมณฑิราไป
ภูวเดชที่แอบอยู่มุมหนึ่งโผล่ออกมา มองตามไป พร้อมกับยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์
อ่านต่อหน้า 3
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 12 (ต่อ)
สายวันนั้น วิไลลักษณ์นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวในห้อง โดยมีผ้าปิดตา อาทิตย์ที่เพิ่งทำอาหารเสร็จใส่จาน
“อาหารอิตาเลี่ยนสูตรแคนาเดี้ยนเสร็จแล้วครับ”
พบว่าที่แท้อาหารในจานคือ มาม่าผัดปลากระป๋อง ชัดๆ
“หอมจังเลยค่ะ วิไลเปิดผ้าได้รึยังคะ”
“ยังครับ ผมอยากให้คุณวิไลดมกลิ่นมันก่อน” อาทิตย์ยื่นจานให้วิไลลักษณ์ดม
“วิไลว่าอาหารอิตาเลี่ยนสูตรแคนาเดี้ยนของคุณอาทิตย์กลิ่นมันมาทางสมุทรสาครนะคะ ชื่อเมนูอะไรคะ”
อาทิตย์ออกเสียงจนน่าหมั่นไส้ “สปาเก็ตตี้ฟิ๊ชแค่น”
วิไลลักษณ์เปิดผ้ามาเห็นว่าเป็นมาม่าผัดปลากระป๋องก็ยิ้มขัน “นี่มันมาม่าผัดปลากระป๋องนี่คะ”
“อ้าว ที่เมืองไทยเรียกมาม่าผัดปลากระป๋องเหรอครับ แต่ที่แคนาดาเค้าเรียก สปาเก็ตตี้ฟิชแคน ลองชิมสิครับ” อาทิตย์ตักสปาเก็ตตี้ป้อนให้ “พอกินได้ไหมครับคุณวิไล”
วิไลลักษณ์ทานสปาเกตตี้ แล้วยิ้มปลื้ม “อร่อยมากเลยค่ะ อร่อยที่สุดเลย”
“นี่คุณวิไลพูดจริงๆเหรอครับ”
วิไลลักษณ์ตักทานอีกคำ “จริงสิคะ วิไลกินอะไรก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ ขอให้มีคุณอาทิตย์อยู่กับวิไลด้วยก็พอ”
อาทิตย์ยิ้มซึ้งใจ สองคนตักกับข้าวป้อนให้กันกินอย่างมีความสุข
อีกฟาก ภูวเดชขับรถเข้าไปจอดในบ้านมณฑิรา เวกมาเปิดประตูให้รีบมารายงานภูวเดชที่ลงจากรถ
“คุณมณเพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อกี้เองครับ”
“อ้าว เหรอ? แย่จัง”
คุณต๋อยเดินเข้ามาพอดี “คุณภูมีธุระอะไรด่วนรึเปล่าคะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอก พอดีฉันไปทำงานที่พัทยาเลยซื้อของมาฝากทุกคน อ่ะ มารับไปสิ”
ภูวเดชหยิบของฝากจากในรถส่งให้ แล้วแกล้งถาม
“เอ้อ แล้วนี่วิไลหายไปไหน ฉันไม่เห็นตั้งแต่คราวที่แล้ว”
เวกรีบตอบปัดๆ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ “วิไลมันไม่อยู่ครับ”
คุณต๋อยเอ็ด “แกจะไปอายอะไรล่ะไอ้เวก ก็บอกคุณภูเค้าไปตรงๆสิว่าน้องสาวแกหนีตาม
ผู้ชายไป”
เวกโกรธ “คุณต๋อย”
คุณต๋อยจ้องหน้า “ทำไมยะ ฉันพูดความจริง หรือไม่ใช่”
ภูวเดชแกล้งทำเป็นห่วง “อะไรกันคุณต๋อย วิไลหนีตามใครเหรอ” เวกหันมามองตาขุ่น ภูวเดชรีบออกตัว “ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอกนะเวก ก็แค่เป็นห่วง ยังไงก็เคยเห็นหน้ากันอยู่ เผื่อมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ ฉันก็จะช่วย”
เวกมองไม่ค่อยไว้ใจ ภูวเดชยิ้มรอฟังคำตอบ
“เอ้า มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่ได้ คุณภูอุตส่าห์ออกปากว่าจะช่วย งั้นเดี๋ยวป้าเล่าให้ฟังเองค่ะ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า...”
ภูวเดชรีบแอบออกมาโทรศัพท์หาอิงอรทันที หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดจากคุณต๋อย
“ฮัลโหลคุณอิงเหรอครับ โป๊ะเช๊ะเลยครับ วิไล เด็กรับใช้ของคุณมณ คือคนเดียวกับวิไลลักษณ์ เมียของนายอาทิตย์แน่นอนครับ”
อิงอรคุยมือถืออยู่ที่ใดที่หนึ่ง หล่อนยิ้มร้ายสะใจกับข้อมูลที่ได้รู้
“ขอบคุณนะคะคุณภู คราวนี้นายอาทิตย์จะได้รับรู้รสชาติของความเจ็บปวดที่แท้จริงสักที”
ส่วนทางรัฐรวีกับมณฑิราเดินมาที่หน้าตัวบ้าน รัฐรวีกำลังจะเดินนำเข้าไป มณฑิราดึงแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณแน่ใจนะว่าคุณโอเค”
“โอเคสิครับ ผมอยากให้คุณเจอพ่อกับแม่ผมจริงๆ”
มณฑิราเครียดนิดๆ ด้วยรู้อยู่แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรกับรัฐรวี เลยเป็นห่วงว่าเขาจะรับมือไหวไหม
“แล้วถ้าแม่คุณไม่ชอบฉันขึ้นมา คุณจะทำยังไงคะ”
รัฐรวีคิดว่ามณฑิรากลัว เลยให้กำลังใจ “ผมก็จะพิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่าท่านคิดผิด ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะอยู่ข้างคุณ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรเราก็จะผ่านไปด้วยกัน”
รัฐกับภัสสรเดินออกมาจากข้างในบ้าน
“ได้ยินเสียงรถมาถึงนานแล้ว ต้องให้ออกมารับใช่ไหม ถึงจะเข้าไปกันได้”
รัฐรวีอึ้ง หนักใจที่เห็นแม่อคติกับมณฑิรา
รัฐรวีแนะนำกับสาวใช้ว่า “คุณมณฑาครับ นี่คุณพ่อคุณแม่ผมครับ”
มณฑิรายกมือไหว้รัฐกับภัสสร รัฐรับไหว้ยิ้มๆ ส่วนภัสสรทำเหมือนรับไหว้อย่างเสียไม่ได้
ถัดมา รัฐ ภัสสร รัฐรวี และมณฑิรานั่งกินน้ำชาอยู่ด้วยกันในสวนสวย แม่ชื่นจัดจานคุ้กกี้มาเสิร์ฟให้บนโต๊ะ บรรยากาศอึมครึมสุดๆ
“กินน้ำชาสิ.. กินเป็นหรือเปล่า” ภัสสรเปิดฉากว่าที่แม่สามีอย่างสมบทบาท
“เป็นค่ะ” สาวใช้ยกน้ำชาขึ้นจิบอย่างเรียบร้อย รัฐรวีมองยิ้มให้กำลังใจ
“อย่าหาว่าฉันอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วพ่อแม่ทำงานอะไร”
รัฐปรามตามความรู้สึกจริงๆ “เสียมารยาทน่ะคุณ”
“เสียมารยาทยังไง เค้ามาคบลูกชายเรา เราก็ต้องรู้สิ” ภัสสรขึ้นเสียง
“มณเป็นเด็กกำพร้าค่ะ พ่อแม่มณเสียตั้งแต่มณยังเด็ก คุณท่านก็เลยเก็บมาเลี้ยง”
“เลี้ยงเป็นคนใช้น่ะเหรอ” น้ำเสียงภัสสรเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
รัฐรวีปราม “แม่ครับ”
“แม่พูดผิดตรงไหน หรือไม่จริง” คำตอนท้ายภัสสรหันมาทางมณฑา และสอบสวนมณพิราต่อหน้าลูกชาย
“จริงค่ะ”
“แล้วเธอเรียนจบอะไร”
“มณเรียนจบ ม.6 ค่ะ”
“จบ ม.6! แล้วก็มาเป็นคนใช้ ไม่คิดจะเรียนต่อเลยเหรอไง”
“ก็คิดจะเรียนต่อเหมือนกันค่ะ กำลังเก็บเงินอยู่”
“ตอนนี้ก็ไม่ต้องเรียนแล้วมั้ง ได้ลูกชายฉันเป็นแฟน สบายแล้วนี่”
รัฐชักฉุน “คุณ”
“หรือไม่จริง ก็เค้าเป็นแฟนกันนี่คะคุณ” ภัสสรขึ้นเสียงใส่สามี
รัฐรวีขัดขึ้น “แม่ครับ คุณมณฑาเค้าไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ”
“แม่จะไปรู้ได้ยังไง ก็แม่ไม่ได้รู้จักเค้านี่”
รัฐรวีเปลี่ยนเรื่อง หันไปหามณฑิรา “เอ้อคุณ เมื่อกี๊คุณบอกว่าจะเข้าห้องน้ำนี่ เดี๋ยวผมพาไป”
ขณะมณฑิราลุกขึ้น ภัสสรพูดลอยๆ “ให้เข้าห้องน้ำข้างหลังล่ะ อย่าให้เข้าปนกับเรา”
รัฐรวีชะงักหันมามองภัสสรอย่างน้อยใจ “แม่ครับ นี่แฟนผมนะครับ”
ภัสสรทำลอยหน้าลอยตา ไม่แคร์ รัฐรวีพามณฑิราเดินออกไป
รัฐรวีมณฑิราคุยกันอยู่ตรงสวน หน้าห้องน้ำหลังบ้าน
“ผมขอโทษแทนแม่ผมด้วยนะครับที่ท่านพูดกับคุณแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ”
รัฐรวียิ้มแล้วให้กำลังใจแฟนสาวใช้กำมะลอ
“อดทนหน่อยนะครับ ผมเชื่อว่าคุณจะชนะใจแม่ผมได้”
“หยุดพูดเถอะค่ะ”
รัฐรวีเข้าใจผิด คิดว่ามณฑิราท้อ “อย่าเพิ่งท้อสิครับ”
“เปล่าค่ะที่ชั้นบอกให้หยุดพูด เพราะฉันจะเข้าห้องน้ำ เริ่มปวดจริงๆ แล้ว”
รัฐรวียิ้มเจื่อนๆ “ขอโทษครับ”
อีกฟากหนึ่ง นายวงกำลังเดินงุ่นง่าน หงุดหงิดที่แม่เมียดไม่ยอมให้ตนไปหาอาทิตย์กับเวก
“โธ่เอ๊ย ทำไมแม่ไม่ยอมให้พ่อไปกับไอ้เวก? พ่อจะต่อยไอ้คุณอาทิตย์มันให้สลบเลย”
“ถ้าเค้าสลบ แล้วแกจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าพาลูกเราไปอยู่ที่ไหน”
“ก็รอให้มันฟื้นก่อนไงแม่!”
“ฟื้นแล้วเค้าจะบอกแกไหม เกิดเค้าโมโหแล้วพาวิไลหนีไป ชาตินี้เราคงไม่ได้เจอลูกอีก ให้ไอ้เวกมันไปคุยกับเค้าดีๆ แล้วเดี๋ยวพอเค้ากลับ ไอ้เวกมันจะได้แอบตามไป ทีนี้เราจะได้รู้ว่ามันพาลูกเราไปไว้ที่ไหน เข้าใจรึยัง”
นายวงขัดใจ
ฝ่ายทางเวกเดินเข้าไปหาอาทิตย์ที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ
“คุณอาทิตย์”
อาทิตย์หันมาเจอเวก เลยลุกเดินไปหา
“สวัสดีเวก”
เวกโมโหมากต่อยหน้าอาทิตย์ทันที ผัวะ อาทิตย์ล้มลง หันมามองเวกอึ้งๆ
เวกคาดคั้นอาทิตย์ “บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกพาคุณวิไลลักษณ์ไปอยู่ที่ไหน”
“ผมยังบอกไม่ได้ ฝากขอโทษพ่อแม่คุณวิไลลักษณ์ด้วยนะครับที่ผมพาคุณวิไลลักษณ์หนีมา แต่ที่ผมทำไปเพราะผมรักคุณวิไลลักษณ์จริงๆ”
“ถ้าแกรักคุณวิไลลักษณ์จริงๆ” อาทิตย์ชะงัก กับสรรพนามที่เวกเรียกตัวเองเปลี่ยนไป “แกจะไม่โกหกคุณวิไลลักษณ์หรอก”
“เวกหมายความว่ายังไง”
“ทุกคนเค้ารู้ความจริงหมดแล้วว่าแกเป็นคนขับรถ”
อาทิตย์ชะงักกึก
ระหว่างรอเชือดมณฑาอยู่นั้น ภัสสรคุยกับสามี
“คุณว่าฉันพูดแรงไปรึเปล่า สงสารตาวีจังเลย”
“สงสารก็เลิกสิคุณ”
“เลิกไม่ได้สิคุณ หนูมณเค้าเคยสงสัยลูกเราขนาดนั้น ก็ต้องทำให้เค้าเห็นสิว่าลูกเราเป็นคนดีจริงๆไม่ได้ๆ ใจอ่อนไม่ได้ เดี๋ยวต้องจัดเต็มกว่านี้อีก” ภัสสรว่า
“แล้วคุณจะมาถามผมทำไม”
“ฉันแค่อยากระบาย ไม่ได้อยากได้ความคิดเห็นนี่” นายพลรัฐมองภริยาเอือมๆ
แม่ชื่นที่คอยรับใช้อยู่สะดุดหู “เดี๋ยวนะคะ ทั้งหมดนี่คืออะไรคะ ชื่นงงไปหมดแล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอกชื่น เมียฉันเค้าอยากจะพิสูจน์ใจลูกชาย ก็เลยให้หนูมณมาช่วยเล่นละคร ไว้วันหลังฉันจะเล่าให้ฟัง”
“เล่นละครอะไรคะ”
ภัสสรกำลังจะเล่า แต่สาวใช้แตงอ่อนเดินเข้ามาพอดี
“คุณผู้หญิงคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
รัฐกับภัสสรหันมองหน้ากันสงสัยว่าใครมา?
รัฐรวีจะพามณฑิราเดินกลับเข้ามาที่ตัวบ้าน
“สงสัยจะเข้าไปนั่งในบ้านกันแล้วครับ”
ระหว่างนี้รัฐรวีเหมือนได้ยินเสียงคนคุยกัน เลยชะโงกแอบดูในบ้าน รัฐรวีเห็นพ่อกับแม่กำลังคุยกับคุณหญิงหิรัญญิการ์อยู่ที่ห้องรับแขก
“ใครเหรอคะ”
รัฐรวีอึ้งไป “คุณหญิงหิรัญญิการ์ เพื่อนคุณแม่น่ะครับ”
มณฑิราก็อึ้งเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าคุณหญิงป้าจะมาแจมด้วย
“คุณมณครับ ผมว่าวันนี้คงไม่สะดวกแล้ว คุณมณกลับเลยดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“แต่ฉันยังไม่ได้ลาพ่อแม่คุณเลย”
“ไม่ต้องลาแล้วล่ะครับ”
รัฐรวีจะพามณฑิราออกไป ทว่า ภัสสร รัฐ และคุญหญิงหิรัญญิการ์เดินออกมาจากในบ้าน
“จะไปไหนตาวี”
สองคนชะงัก รัฐรวีแนะนำมณฑา “คุณมณฑาครับ นี่คุณหญิงหิรัญญิการ์ เพื่อนของคุณแม่ครับ”
มณฑิรายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ”
คุณหญิงรับไหว้แบบขอไปที แล้วแกล้งพูด “นี่น่ะเหรอผู้หญิงที่ทำให้ลูกชายคุณภัสสรทิ้งหลานดิฉันแล้วไปคบด้วย”
รัฐรวีอึ้ง มณฑิรามองรัฐรวี สงสารจับใจ
ทางด้านอาทิตย์นั่งอึ้ง ตะลึงตะไล ใบหน้าฟกช้ำจากที่โดนเวกตะบันอยู่ที่เก้าอี้ในสวนเดิม เวกมองอย่างแค้นใจ กำลังพยายามเค้นอาทิตย์อยู่
“ตกลงแกจะบอกได้รึยังว่าแกพาคุณวิไลลักษณ์ไปอยู่ที่ไหน”
“ผมยังบอกไม่ได้ครับ” เวกโมโหลุกขึ้นจะเอาเรื่อง อาทิตย์รีบบอก “แต่ผมสัญญานะครับ ผมจะบอกความจริงกับคุณวิไลลักษณ์ว่าผมเป็นใคร จากนั้นผมจะพาคุณวิไลลักษณ์กลับบ้านเองครับ”
เวกอึ้งไป ไม่คิดว่าอาทิตย์จะทำได้จริงๆ “แกสัญญาแล้วนะ”
“ครับ”
อาทิตย์รับคำไปอย่างกังวลใจ ด้วยยังคิดไม่ตกว่าจะบอกความจริงกับวิไลลักษณ์ยังไง
ขณะเดียวกันหมอฉบังหิ้วกล่องยาลงมาจากรถ วิ่งหน้าตาตื่นตรงมาหารัฐรวีที่ยืนรออยู่
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้วี มีใครเป็นอะไร”
“ฉันกำลังจะตายไอ้หมอ”
หมอฉบังมองฉงน “อะไรของแก ท่าทางแกก็สบายดีนี่หว่า” เขาแตะหน้าผากเพื่อน “ตัวก็ไม่ร้อน”
“ฉันกำลังจะตายจริงๆ แกต้องช่วยฉันนะไอ้หมอ” หมอฉบังงุนงงหนัก
ฉากการแสดงในห้องรับแขกบ้านรัฐรวีดำเนินต่อไป มณฑิรา ภัสสร คุณหญิงหิรัญญิการ์คุยแผนกันอยู่ รัฐ กับแม่ชื่นมองสามคนเครียดๆ
ภัสสร ในฐานะผู้กำกับใหญ่ คนเขียนบท และนักแสดงนำ หันมาทางสามี “คุณไปดูต้นทางสิ ถ้าตาวีมาบอกชั้นด้วย”
รัฐทำท่าไม่อยากร่วมแผนด้วย
ภัสสรเร่ง “ไปสิคุณ” นายพลรัฐเดินไปดูต้นทางอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
คุณหญิงถามภัสสร “แล้วดิฉันต้องทำอะไรบ้างคะคุณภัสสร”
“คุณหญิงกับดิฉันยังไม่ต้องทำอะไรค่ะ เดี๋ยวให้หนูมณเข้าไปในครัวกับแม่ชื่น ทำเป็นว่าหนูมณทำอาหารมาให้พวกเรากิน จากนั้นคุณหญิงกับดิฉันก็มีหน้าที่เล่นละครพูดโขกสับหนูมณแค่นั้นเองค่ะ”
มณฑิราทักท้วง “จะดีเหรอคะคุณป้า”
“ดีสิหนูมณ สนุกดีออก” ภัสสรหันไปร้องถามสามี “คุณ ตาวีมารึยัง”
รัฐหันไปมองหน้าตึก เห็นว่ารัฐรวีกำลังเดินมากับหมอฉบังแล้วตอบเซ็งๆ “มาแล้ว มากับหมอฉบังด้วย”
ภัสสร กับคุณหญิงมองหน้ากัน
คุณหญิงอุทาน “ตายแล้ว คุณหมอรู้จักยัยมณนี่คะ”
ทุกคนอึ้งไป ไม่รู้จะทำยังไง รัฐรวีพาหมอฉบังเข้ามาพอดี
“คุณหญิงครับ ผมขออนุญาตให้หมออยู่ทานข้าวกับเราด้วยนะครับ ไอ้หมอ นี่คุณมณฑา
“สวัสดีครับ...ยินดีที่ได้รู้จักคุณ...” พอเห็นหน้ามณฑิราชัดๆ หมอก็จำได้ทันที “มณฑ...”
ฉับพลันทันใดนั้นเอง คุณหญิงก็แกล้งเป็นลมตึง พิงไปกับพนักเก้าอี้ ท่ามกลางสายตาตะลึงของทุกคน ภัสสรรีบรับลูก เล่นละคร แกล้งทำเป็นตกใจทันควัน
“อุ๊ย คุณหญิงเป็นอะไรคะ ตายแล้วคุณหมอ มาช่วยดูหน่อยเถอะค่ะ”
อ่านต่อหน้า 4
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 12 (ต่อ)
หมอฉบังงงมาก แต่ก็จำต้องรีบเข้ามาดูอาการคุณหญิง
“คุณหญิงเป็นไงบ้างครับ”
คุณหญิงหิรัญญิการ์พยายามขยิบตาส่งซิกให้หมอฉบัง
หมอฉบังดันไม่เก็ต “ตาคุณหญิงเป็นอะไรเหรอครับ”
คุณหญิงบ่นๆ “ไม่รู้เป็นอะไรอยู่ๆ ก็หน้ามืดขึ้นมาเฉยๆ ค่ะ”
“คุณหมอช่วยพยุงคุณหญิงไปนอนอีกห้องนึงดีกว่าค่ะ คุณก็มาช่วยด้วยสิคะ”
“ผมเองดีกว่าครับแม่” รัฐรวีอาสา
ภัสสรรีบบอก “ไม่ต้อง เรารออยู่ตรงนี้กับแฟนเราเถอะ ไปค่ะคุณหญิง ไปเร็วค่ะคุณหมอ”
หมอฉบัง ภัสสร รัฐ ช่วยกันประคองคุณหญิงหิรัญญิการ์ออกไปอีกห้องนึง
รัฐรวีไม่สบายใจมาก มณฑิราลอบสังเกต แล้วยิ่งรู้สึกสงสารมาก
โทรศัพท์มณฑิราดัง มณฑิราหยิบมาดู เห็นว่าเป็นภูวเดชโทร.มา จึงเดินเลี่ยงออกมารับสาย
“สวัสดีค่ะคุณภู โทร.หามณมีอะไรเหรอคะ”
ภูวเดชคุยโทรศัพท์กับมณฑิรา
“พอดีวันนี้มีนิทรรศการอาหารนานาชาติ เผื่อคุณมณสนใจ ผมจะได้ไปรับคุณมณไปด้วยกันไหมครับ”
“วันนี้มณไม่ว่างค่ะ”
“คุณมณอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“มณออกมาเดินเล่นกับเพื่อนที่ห้างน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ชวน แค่นี้ก่อนนะคะ”
มณฑิราวางสาย แล้วเดินกลับไปหารัฐรวี
ภูวเดชกดวางสาย เขาอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ขัดใจที่มณฑิราไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน
“คุณมณไปไหนกับไอ้รัฐรวีนะ”
มือถือภูวเดชดัง ภูวเดชกดรับสาย
“มีอะไรครับคุณอิง จะให้ผมไปหาพ่อแม่ของวิไล เรื่องอะไรครับ”
ฝ่ายหมอฉบังตกใจมากกับเรื่องที่รู้จากภัสสร คุณหญิง และรัฐ
“อะไรนะครับ นี่ทุกคนกำลังช่วยกันหลอกไอ้วีเหรอครับ”
“ใช่ค่ะคุณหมอ แล้วคุณหมอก็ต้องช่วยฉันกับคุณภัสสรด้วย ห้ามบอกความจริงกับรัฐรวีเด็ดขาดนะคะ”
หมอฉบังทักท้วง “แต่... ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ทำไมไอ้วีมันมองไม่ออก ก็คุณมณฑากับคุณมณฑิราเหมือนกันขนาดนั้น”
“เราทุกคนถึงต้องมาช่วยกันเล่นละครอยู่นี่ไงคะคุณหมอ”
“อาก็ไม่เห็นด้วยหรอก” ภัสสรกระแอมเตือน รัฐอ่อนลงทันที “แต่ก็ไม่รู้จะขัดยังไง”
“คุณหมออยู่ด้วยกันอย่างนี้แล้วก็เหมือนลงเรือลำเดียวกันแล้วค่ะ ถ้าอยากช่วยเพื่อนก็ต้องช่วยกัน”
“แต่ผมว่าผมกลับ...”
หมอพูดไม่ทันจบภัสสรรีบแทรก “กลับไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวตาวีจะสงสัย ถ้าหมอเชื่อในความดีของวีเหมือนที่อาเชื่อ หมอต้องช่วยอาหลอกตาวี”
หมอฉบังมองทั้งสามคนที่ส่งสายตาคาดคั้นแกมบังคับ แล้วกลืนน้ำลายเอื้อก
ภัสสร รัฐ และหมอฉบังเดินออกมาจากห้องรับแขก มณฑิราสบตากับหมอฉบัง พยายามจับอาการว่าหมอฉบังรู้เรื่องทั้งหมดหรือยัง หมอฉบังทำหน้าไม่ถูก
“คุณหญิงเป็นไงบ้างไอ้หมอ”
“เอ่อ ก็โอเค ให้นอนพักสักครู่ เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น” หมอบังเมียงมองท่าทีมณฑิรา
รัฐรวีเห็นหมอฉบังมองมณฑาเลยรีบแนะนำอีกที “ฉันแนะนำอีกทีแล้วกัน คุณมณครับนี่หมอฉบัง เพื่อนสนิทผม นี่คุณมณฑา แฟนฉัน”
มณฑิรามองด้วยสายตาอ้อนวอนและขอโทษที่ทำให้ต้องลำบากด้วย “สวัสดีค่ะ”
หมอฉบังยิ้มตอบเป็นเชิงบอกว่า ไม่เป็นไร “สวัสดีครับ”
“แม่ว่าระหว่างนี้ให้แฟนเราเค้ารีบไปทำอาหารมาดีกว่า” ภัสสรแกล้งพูดประชด “หน้าตาจืดๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าจะทำได้แต่อาหารจืดๆเหมือนหน้าตาหรือเปล่า”
รัฐรวีชะงักมองสงสารมณฑิรา รัฐหันไปสบตากับหมอฉบัง พร้อมกับส่ายหน้าระอาใจ มณฑิราเดินออกไปกับแม่ชื่น
“เดี๋ยวผมไปช่วยนะครับคุณมณ” รัฐรวีขยับจะไป ถูกภัสสรห้าม
“ไม่ต้องไปตาวี แม่อยากรู้ว่าแฟนเราเค้าจะมีฝีมือทำอาหารแค่ไหน”
รัฐรวีเครียด หมอฉบังมองเพื่อนอย่างเห็นใจ
ฟากภูวเดชยืนรอที่หน้ารั้วบ้านมณฑิรา สักครู่หนึ่งแม่เมียด นายวงเดินออกมาหา
“คุณภูวเดชมีอะไรเหรอครับ ทำไมต้องโทร.เข้าไปให้ผมกับแม่เมียดออกมาพบที่หน้าบ้านด้วยล่ะครับ”
“นั่นสิคะ มีอะไรทำไมไม่เข้าไปคุยในบ้านล่ะคะ”
“ก็ฉันจะมาคุยกับนายวง แม่เมียดเรื่องของวิไลไงล่ะ”
นายวงกับแม่เมียดตกใจ หันมองหน้ากัน
“วิไล มันทำไมเหรอครับ” เมียดงง
นายวงฉงน “แล้วคุณภูวเดชรู้เรื่องนังวิไลได้ยังไงครับ”
“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน ฉันเห็นว่ายังไงก็เป็นเด็กของคุณมณเลยไม่อยากปล่อยให้เป็นแบบนี้... คือ... ฉันรู้ว่าตอนนี้วิไลอยู่ที่ไหน”
แม่เมียดกับนายวงดีใจ หันมาจับมือกันอย่างมีความหวังว่าจะได้เจอกับวิไล
ภูวเดชลอบยิ้มร้าย
สักพักใหญ่ มณฑิรา แม่ชื่น และแตงอ่อนช่วยกันยกอาหารออกมาวางที่โต๊ะ คุณหญิงหิรัญญิการ์เพิ่งเดินมาลงนั่ง รัฐ ภัสสร รัฐรวี หมอฉบังลงนั่งตาม
รัฐรวีลุกเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้มณฑิรา
มณฑิราลงนั่ง “ขอบคุณค่ะ”
“คุณหญิงเป็นยังไงบ้างครับ” รัฐรวีถาม
“ก็ดีขึ้นแล้วละจ้ะ ทานข้าวกันดีกว่า”
“นี่หนูมณฑาทำเองหมดเลยใช่ไหม น่ากินทั้งนั้นเลย” รัฐชม
“ลองชิมก่อนไหมคุณ อาจจะสวยแต่รูปก็ได้”
ภัสสรตักน้ำแกงขึ้นมาชิมแล้วบ้วนใส่กระโถน “อื้อหืม เค็มปี๋! นี่เธอทำมาแกล้งฉันใช่ไหม”
“มณเปล่านะคะ” มณฑิราตกใจจริงๆ กับท่าทีและแอ็คติ้งของภัสสร
รัฐหมั่นไส้ ตักน้ำแกงชิม “ต่อมรับรสเสียรึเปล่าคุณ ผมว่าก็อร่อยดีออก”
ภัสสรมองรัฐเซ็งๆ รัฐทำไม่รู้ไม่ชี้
“ไข่เจียวดูน่าทานดีนะคะ”
มณฑิราเอาใจคุณหญิง “มณตักให้นะคะ” พลางเอื้อมไปตักไข่เจียวกุ้งสับให้
“ขอบใจ” คุณหญิงเคี้ยวไข่เจียวกับข้าวแล้วอยู่ๆคุณหญิงก็ทำท่าไอทันที
“อร่อยดี” แต่คุณหญิงเริ่มไอไม่หยุด หายใจเริ่มติดขัดทันที
รัฐรวี กับหมอฉบังตกใจ หมอฉบังรีบเข้าไปดูอาการคุณหญิง
“สูดลมหายใจลึกๆครับคุณหญิง”
คุณหญิงพูดทั้งที่หายใจไม่สะดวก “นี่เธอทำอะไรให้ฉันกินเนี่ย”
“ไข่เจียวกุ้งสับค่ะ”
“ฉันแพ้กุ้ง” คุณหญิงทำเป็นทุรนทุรายหายใจไม่ออก
รัฐกระซิบกับภัสสร “คุณหญิงเค้าเล่นสมจริงสมจัง หวังชิงนาฏราชรึไง”
ภัสสรตีรัฐ ดุมณฑิรา “นี่เธอเอากุ้งมาให้คุณหญิงทานได้ไง ไม่รู้เหรอว่าคุณหญิงแพ้กุ้ง”
“คุณมณฑาเค้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับแม่ว่าคุณหญิงแพ้กุ้ง” รัฐรวีเครียด
“ผมเป็นหมอประจำตัวคุณหญิง ผมยังไม่รู้เลยครับ คุณหญิงแพ้กุ้งตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย” คำพูดหมอฉบังทำเองรัฐรวีงง
คุณหญิงหิรัญญิการ์รีบดึงคอเสื้อหมอฉบังมาพูดใกล้ๆ “ฉันแพ้นานแล้ว หมอลืมได้ยังไง” หมอฉบังพยายามนึก คุณหญิงเสียงดุ “นึกออกรึยัง”
หมอฉบังเหวอ “นึกออกก็ได้ครับ”
มณฑิราหน้าเสีย “มณขอโทษนะคะ มณไม่รู้จริงๆ”
ภัสสรเอาเรื่องกับมณฑิรา “ไม่ต้องแก้ตัว ถ้าคุณหญิงเป็นอะไรไป เธอต้องรับผิดชอบ!”
มณฑิราแกล้งหน้าเสีย รัฐรวีเครียดจัด มองหมอฉบังที่กำลังปฐมพยาบาลคุณหญิงอยู่แล้วมองสงสารมณฑิรา หมอฉบัง มณฑิราก็แอบสบตากัน มณฑิราสงสารรัฐรวี
“โอ๊ย! ฉันรู้สึกเหมือนจะอาเจียน พาฉันไปห้องน้ำหน่อยค่ะ” หญิงชราแอบขยิบตาให้ภัสสร
“ได้ค่ะ” ภัสสรดุมณฑิรา “นี่! ยืนเฉยอยู่ได้ รีบมาช่วยฉันประคองคุณหญิงไปห้องน้ำสิ”
มณฑิรารีบเข้าไปช่วยภัสสรประคองคุณหญิง
รัฐรวียืนกระวนกระวายใจอยู่ที่หน้าห้องน้ำ หมอฉบังยืนเครียด รัฐยืนเซ็งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ด้วย
“ไอ้หมอ..แกเป็นหมอภาษาอะไรวะ..ไม่เข้าไปดูคนไข้”
หมอฉบังไม่ทันตอบ รัฐพูดแทรก
“ใจเย็นตาวี พ่อว่าคุณหญิงเค้าไม่เป็นอะไรมากหรอก ลูกอย่าห่วงไปเลย”
“แกว่าไงไอ้หมอ”
หมอฉบังอึกอัก “ก็อย่างที่พ่อแกบอกแหละ เมื่อกี๊ฉันทั้งตรวจอาการเบื้องต้น ทั้งจับ ชีพจรคุณหญิงดูแล้ว ปรกติ”
“ปรกติ แต่ทำไมเมื่อกี้ตอนคุณหญิงแพ้ อาการเหมือนคนป่วยเป็นลมชักเลยวะ”
หมอฉบังกับรัฐลอบสบตากัน รัฐรวีท่าทางกังวลอยู่ไม่คลาย
ส่วนในห้องน้ำ คุณหญิงกับภัสสรยืนยิ้มหัว ชอบใจกันอยู่
“แหมคุณหญิงคะ จะมาไม้นี้ก็ไม่เตี๊ยมกันก่อน”
คุณหญิงยิ้มขัน “แต่คุณภัสสรก็ไหวพริบดีนะคะ เล่นตามน้ำมายังกับนักแสดงอาชีพ”
“คุณหญิงเห็นตาวีไหมคะ หน้าเสียเลยค่ะ” ภัสสรยิ้มๆ ขำกับมณฑิรา “หนูมณก็เล่นเก่งใช่ย่อยนะลูก”
มณฑิรายิ้มแหยๆ “มณว่าวันนี้เราพอแค่นี้เถอะค่ะ มณสงสารคุณวี”
ภัสสร กับคุณหญิงยิ้มย่องเบิกบานใจฝุดๆ
ขณะที่ด้านในรื่นเริง ส่วนรัฐรวีร้อนใจอยู่หน้าห้องน้ำ
“นี่นานแล้วนะไอ้หมอ ทำไมเค้ายังไม่ออกมากันเลย”
“เชื่อพ่อ เดี๋ยวก็ออกมา”
สักครู่จึงเห็นมณฑิรา ภัสสรช่วยกันประคองคุณหญิงเดินออกมาจากห้องน้ำ
“เห็นไหม พูดถึงก็ออกมากันเลย”
“แกรีบไปดูคุณหญิงสิไอ้หมอ!”
หมอฉบังถามอาการคุณหญิงตามน้ำ “คุณหญิงเป็นยังไงบ้างครับ”
“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ” คุณหญิงแกล้งหันไปดุมณฑิรา “ปล่อย! ไม่ต้องมาประคองฉัน”
มณฑิราหน้าเสีย รีบปล่อยมือออกจากคุณหญิง
รัฐรวีมองมณฑิราอย่างเห็นใจ ภัสสรกับคุณหญิงลอบยักคิ้วให้กัน
ต่อมาหมอฉบังตรวจดูอาการคุณหญิงหิรัญญิการ์ รัฐรวีมองเป็นห่วงเพราะกลัวมณฑาจะซวยถ้าคุณหญิงเป็นอะไรไป ภัสสรแอบอมยิ้มที่แกล้งรัฐรวีให้เจื่อนได้ รัฐ แม่ชื่น หมอฉบังมองภัสสรเซ็งๆ
“ชั้นดีขึ้นแล้วล่ะหมอ”
ภัสสรหันมาตำหนิมณฑิรา “ดีนะที่คุณหญิงไม่เป็นอะไร ไม่งั้นเธอซวยแน่”
มณฑิราไหว้คุณหญิงเป็นการใหญ่ “หนูต้องขอโทษคุณหญิงด้วยนะคะ หนูไม่รู้ว่าคุณหญิงแพ้กุ้ง”
“คุณมณอย่าคิดมากเลยครับ ตั้งแต่ผมเป็นหมอมา..ผมก็เพิ่งเคยเห็นอาการแพ้กุ้งฉุกเฉินแบบนี้”
คุณหญิงมองดุหมอฉบัง หมอฉบังยิ้มแหย
รัฐช่วยรัฐรวีเพื่อให้มณฑิรากลับบ้าน “พ่อว่าแกพาหนูมณฑากลับบ้านไปก่อนเถอะตาวี”
“ครับพ่อ งั้นผมขอตัวพาคุณมณกลับก่อนนะครับคุณแม่ คุณหญิง”
มณฑิราไหว้ลาทุกคน สองหนุ่มสาวเดินออกไป
“คุณหญิงไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวกลับด้วยแล้วกันนะครับ”
หมอฉบังรีบตามรัฐรวีออกไป
ภัสสร คุณหญิงหิรัญญิการ์มองตาม เห็นว่ารัฐรวี มณฑิราไปแล้วหันมาแท็กมือกันอย่างขำๆ ที่แกล้งรัฐรวีสำเร็จ
นายพลรัฐ และแม่ชื่น ส่ายหน้า มองเอือมๆ
อาทิตย์เดินกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ โดยไม่รู้ว่าที่ทางเดินด้านหน้า เห็นเวกเดินย่องเลาะมาตามเสาไฟ
อาทิตย์นึกขึ้นได้ “ลืมซื้อน้ำดื่มอี้ก” เขาเดินเข้าไปในมินิมาร์ทหน้าอพาร์เม้นท์
เวกเห็นอาทิตย์เดินไปในมินิมาร์ทหยุด เลยชะงักหยุดหลบหลังเสาไฟ
“อะไรของมันอีกวะ”
เวกมองไป เห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดเลยไปไม่ไกล มีนายวง แม่เมียดลงจากรถท่าทางร้อนใจก็ตกใจ “พ่อแม่”
แม่เมียด นายงวงได้ยินเสียงเรียกก็หันมา เห็นเวก
“ไอ้เวก น้องอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
“น่าจะใช่จ้ะ แล้วพ่อกับแม่มาได้ยังไง”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ขึ้นไปหาน้องก่อนดีกว่า”
“ฉันก็รออยู่นี่แหละจ้ะ นี่ฉันแอบตามไอ้คุณอาทิตย์มา ตอนนี้มันเข้าไปซื้อของอยู่”
“งั้นเราขึ้นไปพาวิไลมันกลับบ้านเลยดีกว่า” นางเมียดร้อนใจ
“แต่เรายังไม่รู้เลยนะจ๊ะว่าวิไลมันอยู่ห้องไหน”
ครู่ต่อมา ป้าเจ้าของร้านซักรีดกำลังมองดูรูปวิไลลักษณ์ในมือถือของเวก
“เคยเห็นผู้หญิงในรูปไหมครับป้า” ป้าส่ายหน้า เวกผิดคาด “ไม่เคยเจอเลยเหรอครับ”
“เปล่าๆ ป้าเห็นไม่ชัด ถือห่างๆได้ไหมป้าสายตายาว”
เวกถือมือถือออกห่างจากหน้าป้า
“อ๋อ วิไล”
“ใช่ครับ”
นายวง แม่เมียดดีใจหันมามองหน้ากัน
“ป้ารู้ไหมครับว่าวิไลเค้าอยู่ห้องไหน”
เห็นนายวง แม่เมียด เวกหยุดอยู่หน้าห้องๆ หนึ่ง
เวกบอก “ห้องนี้แหละพ่อ”
นายวงเคาะประตูห้องทันที
ขณะที่วิไลลักษณ์กำลังกวาดบ้านอยู่ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น วิไลลักษณ์เดินไปเปิดประตู ปรากฏว่าคนที่ยืนอยู่คืออิงอร วิไลลักษณ์อึ้ง ตะลึงตะไลคาดไม่ถึง
“คุณอิงอร”
อ่านต่อตอนที่ 13