เนตรนาคราช ตอนที่ 12
ขบวนของอัศวินพร้อมออกเดินทาง
“ผมจะจัดให้เป็นกลุ่มๆ ซึ่งจะต้องไปด้วยกัน เกิดอะไรขึ้นจะได้คอยระวังเฉพาะกลุ่ม ไม่ต้องพะวักพะวงถึงคนอื่นให้เสียสมาธิ”
ทุกคนฟัง แล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับอัศวิน
“พรานเมิง นำทางกับนายอง ประกบด้วย อิทธิกับคุณโรส ตามด้วย กาญจนา ชาติ ซามู คุณวีรกิจ กับ คุณรัตน์ ส่วนผม ทีมงาน พี่หมอ กับ พรานโก๊ะ ปิดท้าย”
ทุกคนพยักหน้ารับ
“จำไว้ คอยระวังคนในกลุ่มเท่านั้น” อัศวินย้ำ
พวกของเฮนรี่ก็พร้อมออกเดินทางเช่นกัน ทีมงานเข้ามารายงานกับโจซิง โจซิงพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้ามาหาเฮนรี่
“พวกมันออกเดินทางแล้วบอส”
“พราน ผมอยากให้พรานตามขบวนใกล้หน่อย ฉวยโอกาสตอนที่พวกมันฝ่าพวกวิญญาณออกไป หาทางฝ่าตามน้ำไปด้วยเลย”
พรานอองข่านพยักหน้าพอใจ
“ข้าก็คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว ให้พวกมันเจอก่อน”
“ก็ดี คนของเราเหลือน้อย กำลังเสริมช้ามาก บอส”
“อืม อาจจะต้องรอจนกว่าเราจะผ่านแดนวิญญาณบ้านี่ไปแล้ว”
“ข้าว่าดี มีเยอะก็อาจจะตายเยอะเปล่าๆ”
พรานอองข่านพูดจบก็เดินนำออกไป โจซิงมองตามไม่พอใจ
“อาจจะจริง พวกนั้นไม่คุ้นกับเรื่องลี้ลับของไทย อาจคาดไม่ถึง ไม่รู้วิธีรับมือ ขนาดนายยังถอยเลย จริงมั้ยโจซิง”
โจซิงไม่พูด พยักหน้ากับอังโซะเดินตามพรานอองข่านออกไป
พรานเมิงนำทาง ตามด้วย นายอง อิทธิและโรสเป็นกลุ่มหน้า ทันใดนั้น พรานเมิงหยุดกึก สายตากราดรอบ
“พวกมันอยู่ใกล้มาก”
อิทธิยกมือส่งสัญญานไปทางกลุ่มหลังที่ตามมา ต่างเริ่มระวังตัว จับอาวุธรวมกลุ่มกันใกล้เข้ามา โรสมองรอบๆ เห็นเงาร่างวูบวาบในแนวไม้ ทุกคนเห็นเช่นกัน
“ทุกคนจำไว้ ดูแลคนในกลุ่มของตัวเอง” อัศวินย้ำบอก
“พวกมันล้อมเราไว้หมดแล้วทุกด้าน จำไว้ จิตใจเข็มแข็ง ยืนหยัดต้านไว้ พวกมันอยู่ได้ไม่นาน”
พรานเมิงกับนายองกระชากดาบเดินป่าขึ้นมาถือไว้ในมือ
“นายองอยู่ใกล้ๆ พี่” โรสบอก
“แต่”
“นายองเอ็งอยู่ใกล้คุณโรส”
“จ้ะพ่อ”
โรสยิ้มให้ กราดสายตารอบ ทันใดนั้น มีชายฉกรรจ์นับสิบถือดาบหอก ปรากฏตัวออกมา
“อย่าวอกแวก ตั้งสติไว้” อัศวินเตือน
พรานอองข่านยกมือขึ้นสูงให้ทุกคนหยุด
“ข้าสัมผัสพลังพวกวิญญาณ พวกมันคงเจอเข้าให้แล้ว”
เฮนรี่ โจซิง อังโซะ ทุกคนกราดสายตารอบด้าน
“ดี เตรียมตัวฝ่าตามน้ำไป” เฮนรี่สั่ง
“ไม่ใช่แล้วบอส”
โจซิงกราดปืนไปมา เพราะในราวป่า พวกชายฉกรรจ์นับสิบกำลังเดินถือหอกดาบออกมา
“ลุยโว้ย” โจซิงตะโกนบอก
“เดี๋ยว”
พรานเมิงร้องห้าม แต่ช้าไป โจซิง อังโซะ ทีมงาน กราดปืนยิงใส่พวกวิญญาณชายฉกรรจ์ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงปืนดังสนั่นมาถึงกลุ่มของอัศวิน ทันใดนั้นพวกวิญญานต่างลุยเข้ามารอบด้าน อิทธิกับโรสลุยออกไปสกัด แย่งดาบพวกวิญญาณมาได้ เช่นเดียวกับรัตนากร ชาติ ออกลุยต่างแย่งอาวุธของวิญญาณมาได้ โดยมีซามูคอยคุ้มกันกาญจนาอยู่ใกล้ๆ วีรกิจหน้าตื่นถือปืนกราดไปมาสาดยิงกระหน่ำมั่วไปหมด รัตนากรรีบเข้ามาจับมือห้ามไว้
“ระวังเดี๋ยวถูกพวกเดียวกัน”
วีรกิจสะบัดมือออกไม่พอใจ หันไปกราดยิงมั่วเหมือนเดิม รัตนากรชกโครม วีรกิจสลบเหมือด
“ยัยกาญอยู่ตรงนี้ดูไว้หน่อย”
กาญจนาพยักหน้ารับ แล้วยิงเปรี้ยงไปยังวิญญาณตัวหนึ่งกระเด็นออกไปแต่มันเด้งกลับเข้ามาอีก รัตนากรฟันโครมมันกระจายหายไป รัตนากรยิ้มพยักหน้าให้กาญจนา แล้วเรียกซามู
“ซามู อยู่ระวังคุณกาญ”
ซามูเดินเข้ามา รัตนากรรีบออกไป
อัศวินลุยเข้าหาวิญญาณตัวหนึ่งที่ฟันมา เขาหลบวูบคว้าดาบแล้วยิงเปรี้ยง
วิญญาณกระเด็นออกไปแต่กลับเข้ามาอีก อัศวินควงดาบ ฟันฉับเข้าให้ วิญญาณสลายตัวไป
รัตนากรหลบคมดาบของวิญญาณ ใช้ดาบปะทะต่อสู้ลุยฟันพวกวิญญาณสลายไป เธอพุ่งเข้ามาเคียงข้างกับอัศวินฟันเปิดทาง
“ทุกคน ตามผมมาเร็วเข้า”
อัศวินกับรัตนากรเปิดทางกว้างขึ้นนำออกไป ผ่านชาติซึ่งยิงสาดพวกวิญญาณที่ล้อมกาญจนากับซามู กระเด็นออกไป พอมันกลับเข้ามาอีกชาติยิงกระดอนออกไปอีก วิญญาณยืนมองเสียอารมณ์ แล้วเดินเข้าใส่ชาติ
“ชาติ”
อัศวินเรียกแล้วโยนดาบให้ ชาติรับไว้ได้ ฟันวิญญาณสลายตัวไป ชาติตลุยฟันพวกวิญญานที่ล้อมกระจายถอยไป
“หมอ พรานโก๊ะ เร็วเข้า ไปก่อน”
นพดลกับพรานโก๊ะรีบตามอัศวินกับรัตนากรไปติดๆ ชาติมาที่กาญจนากับซามู
“คุณกาญเร็วครับ”
“คุณวี”
“ซามู แบกไปเร็วเข้า”
ชาติสั่ง ตัวเองใช้ปืนยิงพวกวิญญาณกระเด็นไป พอมันกลับเข้ามาก็ใช้ดาบฟันกระจายหายไป ซามูแบกวีรกิจตามนพดลกับพรานโก๊ะไป ชาติคอยสกัดพวกวิญญาณที่ดาหน้าเข้ามา
“ทีมงาน เร็วเข้า”
ทีมงานขยับตัวแต่แล้วหอกปลิวมาปักอกจนทรุด ชาติแค้นหันไปหาวิญญาณที่ขว้างหอก บุกเข้าไปฟันจนสลายตัวไป ชาติลุยฟัน ฝ่าดงวิญญาณเปิดทางตามทุกคนไป
โจซิงกับอังโซะต่างใช้ดาบฟันพวกวิญญาณกระจายหายไปจนหมด แล้วเข้ามารวมตัวกับเฮนรี่
“โชคดี พวกวิญญาณไปล้อมพวกขบวนกันหมด” เฮนรี่บอก
“เร็วเข้า พวกมันเปิดทางให้แล้ว”
พรานอองข่านวิ่งนำทางไป ทุกคนรีบวิ่งตาม
อัศวินกับรัตนากรตวัดดาบฟันเปิดทางพวกวิญญาณออกไป พวกวิญญาณต่างเข้ามารายล้อม ทำให้อีกด้านหนึ่งของแนวป่าโล่ง พรานอองข่านพาพวกเฮนรี่ ซุ่มอ้อมวกการต่อสู้มาทางแนวป่าอีกด้านหนึ่ง ยกมือให้ทุกคนหยุดรอจังหวะ อัศวินกับรัตนากรต่อสู้ฟาดฟันกับพวกวิญญาณกระจายหายไป
“ฝีมือเยี่ยมมาก”
พรานอองข่านชื่นชมรัตนากรกับอัศวิน โจซิง กับ อังโซะ มองอย่างไม่พอใจ
“พราน ชมอยู่ได้ จะเอายังไงก็รีบหน่อย”
พรานอองข่านไม่สน ทันใดนั้นเห็นโอกาสเหมาะ
“เร็วเข้า”
พรานอองข่านพรวดออกไป ทุกคนต่างวิ่งตามผ่านการต่อสู้ไป
อัศวินฟันพวกวิญญานกระจายไป สายตาเหลือบเห็นพวกเฮนรี่วิ่งผ่านไป
“ไอ้”
เฮนรี่โบกมือเยาะเย้ย แล้ววิ่งตามทุกคนหายไปในแนวป่า
“ทุกคนเร็วเข้า ตามมา”
อัศวินกับรัตนากรลุยฟันเปิดทาง นำทุกคนออกไปจนได้ พวกวิญญาณหายไปหมด
“คุณอิทธิ คุณโรส กับ นายอง ไปไหน”
นพดลถามหา ทุกคนเริ่มสำรวจ
“แย่แล้ว” กาญจนาตกใจ
ทุกคนต่างเคร่งเครียด
“อิทธิ กับ คุณโรส มีฝีมือ ไม่ปล่อยให้นายองเป็นอะไรแน่นอน” อัศวินปลอบพรานเมิง
นายองใช้ดาบเดินป่าตวัดฟันไปมาต้านกับพวกวิญญาณ โรสกับอิทธิพุ่งเข้ามาสกัดจน
พวกวิญญาณกระจายไป
“ถอยไป ผมจะต้านไว้เอง”
โรสคว้ามือนายองไว้
“ทางนี้”
โรสดึงนายองออกไป อิทธิสะบัดดาบฟาดฟัน แล้วตามไป
โรสพานายองออกมาอีกทางหนึ่ง แต่ก็เจอกับพวกวิญญานอีกนับสิบขวางอยู่ โรสสะบัดดาบไปมา
“นายองอยู่หลังพี่”
“แต่นายอง”
“อย่าดื้อ ถ้านายองเป็นอะไรไป ใครจะดูแลพรานเมิงล่ะ”
นายองถึงกับเงียบไป ถอยไปอยู่ข้างหลังโดยดี โรสสะบัดดาบไปมา พวกวิญญาณรุกเข้ามาหน้าตาน่ากลัว อิทธิตามเข้ามา
“โว่ว คุณนี่เสน่ห์แรงมาก วิญญาณมากันเพียบ”
โรสกับอิทธิ แกว่งดาบไปมา พวกวิญญาณรุกเข้ามาใกล้ทุกที
อัศวินเห็นว่าอิทธิ โรส และนายองยังไม่ตามมา จึงสั่งการทันที
“พรานเมิงนำทุกคนออกไปให้พ้นจากดินแดนวิญญาณให้เร็วที่สุด ผมกับรัตนากรจะไปตามนายองและทุกคน”
“รัตน์เชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย วีรกิจเดินเข้ามา มองหน้ารัตนากร
“คุณ คุณ รัตน์ ชกผม”
ทุกคนหันมามองวีรกิจอย่างรำคาญ
“พรานเมิงนำทาง” อัศวินตัดบท
พรานเมิงนำทางออกไป ตามด้วยนพดล พรานโก๊ะ
“ทางนี้ค่ะคุณวี”
วีรหันมามองรัตนากรอย่างไม่พอใจ รัตนากรยิ้มให้แบบว่ารีบไปให้ไกล
“คุณวี”
วีรกิจหันตามกาญจนาออกไป ตบท้ายด้วยชาติกับซามู
“คุณชาติ ว่างๆ ก็ช่วยจัดการให้หน่อย” รัตนากรเปรยกับชาติ
“โชคดีครับ แล้วเจอกัน”
ชาติเดินออกไป ซามูหันมายิ้มให้อัศวินกับรัตนากรแล้วหันหลังเดินออกไป
“คิวเราแล้ว”
อัศวินกับรัตนากรรีบออกไป
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 12 (ต่อ)
โรสกับอิทธิควงดาบก้าวถอยช้าๆ สายตากราดรอบหาทางหนี พวกวิญญาณนับสิบรุกใกล้เข้ามา แต่แล้วทันใดนั้น พวกวิญญาณก็หยุดชะงักแล้วถอยตัวจางหายไป โรสกับอิทธิต่างมองกันอย่างคาดไม่ถึง
“ฝีมือพี่เองครับน้องโรส”
โรสกับอิทธิและนายองหันไป ก็เจอเคน ยืนถือดาบอยู่ในมือ
“ดาบบรรพบุรุษ วิญญาณต้องถอย”
หลิน หยก ปิง ก้าวออกมาด้านหน้า โรสกับอิทธิคาดไม่ถึง
หลิน ปิง หยก ต่างจ้อง โรส อิทธิ นายอง โดยมีเคนนั่งมอง ขวางกลางระหว่างสองฝ่าย
“เอาน่า ตอนนี้สงบศึกกันก่อน ห้ามก่อเรื่องกันในค่ายของผม”
“ขอบใจพี่เคน ที่มาช่วย แต่เราขอแยกไปก่อน”
“ไปตอนนี้ก็เจอพวกมันอีก รอก่อนดิ พี่เชื่อว่าเดี๋ยวก็ต้องมีคนมารับน้องโรส”
โรสกราดสายตารอบ เห็นดวงไฟวอบแวบอยู่ในราวป่า
“เราไปเองได้ ไม่ต้องสนใคร” นายองบอก
“นายองมานี่”
นายองเดินมายืนใกล้โรส แต่ไม่วายเหล่ใส่หลิน อิทธิพูดเบาๆ กับโรส และนายอง
“พวกวิญญาณยังอยู่รอบๆ เราอยู่ที่นี่ก่อน ผมเชื่อว่า นายอัศวินกับคุณรัตนากรต้องออกตามหาพวกเรา โอเคมั้ย นายอง”
นายองพยักหน้า ทั้งสามต่างสงบลง แต่สายตายังไม่วายจ้องหลิน ปิง หยก เขม็ง เคนยิ้มชอบใจ ยกขวดเหล้าดื่ม
พรานเมิงนำทุกคนพ้นออกมาจากดินแดนวิญญาณจนได้ เขายกมือให้ทุกคนหยุด
“ผมว่าเราพ้นแดนวิญญาณมาแล้ว พลังรอบตัวหายไปหมด สัมผัสพวกมันไม่ได้”
“เชอะ หนทางยังยาวไกล จะไม่มีอีกได้ยังไง”
ทุกคนต่างมองวีรกิจ
“อาจมี แต่ตอนนี้ถือว่าพ้นรอดมาได้ครั้งหนึ่ง น่าจะดีใจ”
วีรกิจเงียบไป
“ใช่ ทีมงานของเราโชคไม่ดีเหมือนเรา” ชาติบอก
ทุกคนต่างเงียบเศร้าใจ
“เราจะพักรอที่นี่ จนกว่าจะมากันครบ”
ทุกคนต่างเดินไปหาจุดเหมาะ เฮนรี่ใช้กล้องส่องทางไกลมองอยู่
“พวกมันมากันยังไม่ครบหลายคน ที่สำคัญคือผู้กองอัศวินกับคุณรัตนากร”
“คนฝีมือเยี่ยมของพราน เฮ้อ ป่านนี้ม่องไปแล้วมั้ง” โจซิงเยาะ
พรานอองข่านยิ้มหยัน
“ถ้าพวกเอ็งรอดมาได้ สองคนที่ว่านั่นรอดซะยิ่งกว่ารอด”
โจซิงมองพรานอองข่านไม่พอใจ
อัศวินกับรัตนากรค่อยๆ ซุ่มตัวเข้าไปใกล้ค่ายของเคน
“พวกไหนกันแน่” รัตนากรสงสัย
“มีบางอย่างผิดปรกติ”
“ไม่มีพวกวิญญาณมาล้อมพวกมัน”
“นั่นน่ะซิ แปลกมาก”
“แต่ก็ดี”
รัตนากรเคลื่อนตัวออกไป อัศวินตามไปใกล้ค่าย แล้วก็เห็นเคน
“นายเคนนี่เอง เดี๋ยว โรส คุณอิทธิ นายอง อยู่นั่น” รัตนากรแปลกใจ
“พวกมังกรทองก็อยู่ด้วย”
“มันเรื่องอะไรกันแน่”
“อยากรู้ก็ต้องเข้าไปถามดู รัตน์อยู่นี่ คอยคุมเชิงให้พี่ด้วย”
“พร้อมค่ะ”
อัศวินยิ้ม เคลื่อนตัวออกไป รัตนากรมองตามระวัง
หลิน ปิง หยก ต่างประสานสายตามองโรส นายอง อิทธิ ที่อยู่ตรงข้าม ตรงกลางเคนนั่งกินเหล้ามองดูทั้งสองฝ่ายสบายอารมณ์ สมุนรายงานว่ามีคนมา เคนขยับตัว เช่นเดียวกับ ทุกคน
“พี่อัศวิน” นายองร้องขึ้น
อัศวินเดินเข้ามาจากแนวป่า สายตาประสานกับหลิน หลินมองอย่างตื่นเต้น หยก ปิง มองไม่พอใจ เคนจ้องมองหัวเราะชอบใจ
“ทุกคนไม่เป็นไรนะ”
อัศวินถามอย่างห่วงใย โรส อิทธิ นายองต่างพยักหน้า
“ผู้กองอัศวิน มาจนได้” เคนทัก
“มารับคนของผมกลับ”
“อื้ม น่านับถือจริงๆ มาตามคนหลงทางด้วยตัวเอง คุณรัตนากรล่ะ”
“กำลังเล็งที่หัวนายอยู่ ถ้ามีอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว”
“ผู้กองไม่ได้สังเกตหรอกหรือว่ามีอะไรผิด”
“พวกวิญญาณไม่ได้อยู่ที่นี่ นึกไม่ถึงว่าแม้กระทั่งวิญญาณก็ไม่ชอบหน้านาย”
เคนหัวเราะหยิบดาบบรรพบุรุษขึ้นมา แล้วกระชากดาบบรรพบุรุษออกมาจากฝัก
“นี่คือสาเหตุที่พวกวิญญาณไม่กล้าเข้าใกล้”
เคนควงดาบไปมา หัวเราะชอบใจ
“คือผมห่วงน้องโรสของผม”
โรสมองอย่างรำคาญ อิทธิเหล่ นายองมองโรสกับเคนสลับกันอย่างสนใจ
“ผมว่าทางที่ดีที่สุด เราเดินทางออกไปจากที่นี่พร้อมกันดีกว่า หลังจากนั้นต่างคนต่างไป”
อัศวินมองเคนจับพิรุธ
“อย่าคิดมากน่า พวกคุณสองฝ่ายต่างมีประโยชน์กับผม ฝ่ายหนึ่งหาของมาให้ผม ฝ่ายหนึ่งมาซื้อ”
อัศวินนิ่งคิด แล้วโบกมือส่งสัญญาณเรียกรัตนากร เคนหัวเราะชอบใจ รัตนากรขยับตัวออกไป นายองวิ่งเข้ามากอดรัตนากร
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่านายอง”
“เปล่า เอ่อ พี่โรสคอยระวังนายอง”
โรสยิ้มที่นายองยอมรับตน รัตนากรยิ้ม หันไปทักโรส
“ว่าไงน้องสาว”
“กำลังสนุกค่ะ”
“คุณอิทธิ”
“กำลังเซ็งครับ”
อิทธิมองเหล่เคนที่ยืนยิ้มชอบใจอยู่ รัตนากรหันไป เคนโค้งให้ รัตนากรฝืนยิ้ม
“เจอคุณรัตนากรคนสวยอีกแล้ว”
เคนหัวเราะชอบใจ แล้วเดินไปหาพวกลูกน้อง รัตนากรมองตาม อดขำไม่ได้ พลันไปปะทะสายตากับหลินเข้า รัตนากรพยักหน้าให้ หลินยิ้มตอบเยือกเย็น อัศวินเดินเข้ามา
“เราต้องเดินทางไปกับนายเคน ทางเดียวที่จะพ้นจากพวกวิญญาณ”
“ค่ะ รัตน์เห็นแล้วว่าเพราะอะไร คุณโรส บรรพบุรุษไม่ได้ให้ดาบไว้มั่งเหรอ”
“ให้เหมือนกัน แต่ไม่เวิร์คเหมือนกับรุ่นของนายเคน”
ทั้งหมดต่างขำ รัตนากรเห็นหลินจ้องอัศวินกับตนอย่างไม่พอใจ..
“ดูเหมือนยัยหลินนั่นจะสนใจนายเป็นพิเศษว่ะ” อิทธิแซว
อัศวินหันไป หลินสบตาแล้วเดินออกไป ปิงกับหยกจ้องอัศวินไม่พอใจ แล้วเดินตามหลินไป อัศวินแปลกใจ หันมาก็เห็นรัตนากรจ้องอยู่
“พี่อัศวินเนื้อหอมจริงๆ”
อัศวินรีบยิ้มให้ ทุกคนขำ ไม่มีใครสงสัยเรื่องรัตนากรกับอัศวิน
เคนหัวเราะ ดื่มเหล้ากับสมุน อัศวินเข้ามาคุยกับอิทธิ
“นอนเปิดตาไว้ข้างหนึ่งนะเพื่อน ถึงยังไงก็ยังไว้ใจไม่ได้ ฉันไม่เห็นพวกมังกรทองเลย”
“แบบนี้ฉันว่าฉันนอนเปิดตาสองข้างเลยดีกว่า”
อัศวินยิ้ม มองรอบๆ ไม่เห็นหลินกับพวก
กลางดึก คนลึกลับอ้อมแนวป่าผ่านเคนและพวกสมุนที่ยืนระวังอยู่ โผล่ข้ามมาทางด้านที่
พวกของอัศวินพักกันอยู่ คนนั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปที่รัตนากร นายอง และ โรส ที่พักด้วยกัน ห่างออกไป
คือ อิทธิ และอัศวิน คนนั้นนั้นเพ่งมองอิทธิ และอัศวินซึ่งนอนเป็นเงาตะคุ่มอยู่ เห็นว่าอิทธิกับอัศวิน
ไม่มีความเคลื่อนไหว จึงเคลื่อนตัวไปด้านของรัตนากรกับอีกสองสาว แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อ
อัศวินยืนขวางอยู่ คนลึกลับสะบัดมีด อัศวินหลบ มีดไปปักกิ่งไม้ อัศวินหันกลับมา คนนั้นเข้าป่าไปแล้ว อัศวินตามไปอย่างรวดเร็ว อิทธิมองไปทางสามสาว เห็นทุกคนหลับอยู่ ถอนใจโล่งอก
คนลึกลับเคลื่อนตัวเร็วไปอีกด้านหนึ่งของค่าย แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกเมื่ออัศวินดักอยู่
เกิดการต่อสู้กัน อัศวินเข้าประชิดดึงผ้าปิดหน้าหลุดออก
“คุณหลิน”
หลินยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมนึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นคุณ”
“ฉันก็แค่อยากรู้ คุณมีใจกับคุณรัตนากรนี่เอง แต่น่าเสียดายคุณเป็นของฉัน”
“คุณ”
“ใช่”
หลินพุ่งหายไปในเงามืด อัศวินได้แต่ยืนงง
อัศวินกลับเข้ามายังที่ของตน เจออิทธิยืนระวังอยู่
“เป็นไงเพื่อน”
“หนีไปได้ คิดว่าคงเป็นพวกมังกรทองคิดย่องมาจะเอาแผนที่จากคุณรัตนน์”
“ตามสบายเพื่อน ไหนๆ ฉันก็ตื่นแล้ว”
“งั้นเจอกันตอนเช้า”
อัศวินเดินไปยังที่ของตัวเอง แต่เจอรัตนากรยืนอยู่
“รัตน์”
“ค่ะ รัตน์ว่าคนที่บุกมาเป็นหลิน”
“ครับ พี่เห็นว่าไม่ได้แผนที่ไป ก็เลยผ่อนมือ”
“รัตน์คิดว่าคุณหลินไม่ได้มาเอาแผนที่หรอกค่ะ”
“พี่ก็คิดเหมือนรัตน์ ถึงได้ตามไปให้รู้แน่ให้ชัดเจน”
“ดีค่ะ ที่พี่อัศวินอ่านเกมออก กู๊ดไนท์ค่ะ”
“กู๊ดไนท์จ้ะ”
รัตนากรกลับไปนอน อัศวินถอนใจเดินออกไป อิทธิมองตามทั้งสองคน
“เฮ้อ ท่าทางเรื่องจะยุ่งซะแล้ว”
ตอนเช้า บริเวณนอกเขตวิญญาณ เคนกับโรสโบกมือลากัน
“ลาก่อนน้องโรส”
“ขอบใจพี่เคน แต่ถ้ายุ่งกับเนตรนาคราชล่ะก็ โรสไม่ไว้หน้า”
“รับทราบจ้ะ”
เคนหันมาทางอัศวิน
“เดินทางปลอดภัยครับผู้กอง จนกว่าจะได้พบกันอีก”
อัศวินยิ้มให้เคน หลิน ปิง หยก จ้องประสานตากับอัศวิน รัตนากรจับตามอง อัศวินหันมาถามนายอง
“นายอง ตามรอยพ่อได้หรือเปล่า”
“สบายมาก”
นายองเดินออกไป โรส อิทธิ รัตนากร ตามติด อัศวินเดินตาม หลินมองตามไม่วางตา เคนหัวเราะดัง
“เฮ้อ ยังไงก็อย่าให้เสียเรื่องนะคุณหลิน”
หลินไม่สนใจ ยังคงจับจ้องมองตาม
นายองนำทุกคนมาจนถึงที่พักของขบวนใหญ่
“พ่อ”
นายองวิ่งผ่านทุกคนเข้าไปหาพรานเมิง ทั้งสองกอดกัน อัศวินเดินเข้ามาตบไหล่ชาติ รัตนากร
เดินมาหากาญจนาต่างโอบกอดทักทายกัน ทุกคนต่างมองนายองกับพรานเมิงอย่างอิ่มใจ
“เอ็งจะมานัวเนียข้าทำไมวะ นายอง”
“ก็แค่ดูว่าพ่อเป็นอะไรเหรอเปล่า เหย ไม่ยุ่งก็ได้”
นายองถอยออกมา ทุกคนยิ้มขำความสัมพันธ์ของสองพ่อลูก
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 12 (ต่อ)
ตอนเย็น พรานเมิงนำทุกคนมาตามเส้นทาง แล้วก็ยกมือขึ้นให้ทุกคนหยุด ตรงหน้าเป็นน้ำตกสูง มีแอ่งน้ำเบื้องล่าง ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจ ต่างรอว่ากาญจนาจะว่าอย่างไร กาญจนาดึงสมุดจากย่ามเปิดดู แล้ว
เดินเข้ามาหาทุกคนที่ยืนรออยู่ พรานเมิงเดินตามมาด้วย
“ว่าไงยัยกาญ” อัศวินถาม
“ใช่แล้วจุดแรก ปากพญานาค มีรูปพญานาคพ่นน้ำ กาญคิดว่าน้ำตกคือน้ำที่ออกมาจากปากพญานาค บนน้ำตกน่าจะมีถ้ำให้เราผ่านเข้าไปได้”
“น่าจะมีเส้นทางให้ขึ้นไปข้างบนได้ครับ” พรานเมิงบอก
“ไหนๆ ก็เจอน้ำตกแล้ว พักหน่อยก็ดีนะพ่อ”
“เอ็งอย่าพูดมาก”
อัศวินมองรอบๆ “แถวนี้โล่งเกินไป ไม่ว่าคนหรือสัตว์ป่าบุกเข้ามาเราจะเสียเปรียบ พรานพาทุกคนขึ้นไปด้านบนดีกว่า”
“ได้ครับ”
พรานเมิงนำทุกคนผ่านน้ำตกจนไปถึงด้านบน เป็นลานเล็กๆ มีต้นไม้รอบเหมาะแก่การตั้งค่ายพัก
“เราจะพักกันที่นี่” อัศวินบอก
ทุกคนต่างหาจุดพักของตน วางสัมภาระ กาญจนาเดินเข้ามาหาอัศวิน
“ตามแผนที่แล้วตรงนี้น่าจะมีถ้ำ แต่กาญยังไม่เห็นเลยค่ะ”
“ใจเย็นๆ พักก่อน แล้วเราจะแบ่งกำลังออกไปสำรวจ อาจจะเจอถ้ำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ก็ได้”
“ค่ะ กาญจะลองดูใกล้ๆ แถวนี้ด้วย”
“พี่เชื่อว่ากาญจะต้องพบไม่ช้าก็เร็ว”
“ค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
ชาติกราดสายตาไปตามพื้นอย่างระมัดระวัง ห่างออกไปอีกด้านหนึ่ง อิทธิสำรวจร่องรอยครอบคลุมพื้นที่ขนานกันไป สักพักชาติก็หยุดสำรวจที่พื้น พลางหันไปทางอิทธิ พร้อมผิวปากเบาๆ อิทธิหยุดแล้วเข้ามาหาชาติ ชาติย่อตัวลงชี้
“นายคิดอย่างที่ฉันคิดหรือเปล่า”
“อืม”
“อะไรวะ อืม”
“รอยเท้าคน”
“ใช่ ที่เล็กกว่าคนทั่วไป”
“เหมือนพวกชนเผ่า พาลาวัน ในฟิลิปปินส์ หรือพวกเอมอนดาวา ในป่าอเมซอน”
“ล้อเล่นน่าเพื่อน”
“ของจริงเพื่อน พวก เอมอนดาวา ในป่าอะเมซอน ยังมีอยู่ถึงปัจจุบันนี้ ที่นี่เป็นป่าหลงสำรวจ ทำไมจะมีชนเผ่าคล้ายๆ กันอยู่ไม่ได้”
“มีหลายรอยทีเดียว นายคิดว่าน่าจะมีสักกี่คน”
“จาก 40 ถึง 100 คนขึ้นไป”
“รีบกลับไปบอกพวกเราดีกว่า”
ทั้งสองค่อยๆ ถอยกลับอย่างระมัดระวัง
เมื่ออัศวินได้รับฟังเรื่องราวจากชาติและอิทธิ เขาจึงรีบแจ้งข่าวกับทุกคน
“ทุกคนต้องระวัง เราพบร่องรอยของมนุษย์เผ่าหนึ่ง ในบริเวณห่างจากที่นี่ไม่มาก ไม่ควรออกนอกรัศมีค่าย”
“แต่กาญต้องสำรวจหาถ้ำปากพญานาค”
“ได้ แต่เราต้องรอบคอบ พรานเมิงจะนำทางคุณกาญ อิทธิกับคุณโรสจะคอยระวัง ส่วนผม ชาติ
และ รัตนากร จะคอยลาดตระเวนรอบๆ”
“หนูล่ะ”
ทุกคนหันมามองนายอง
“หนูอยู่ค่ายคอยช่วยพี่หมอ กับ พรานโก๊ะ” อัศวินบอก
“โห ไม่หนุกเลย”
“ใครให้เอ็งมาสนุกนายอง เอ็งอย่าพูดมาก”
“เอางี้ พี่อยู่ค่ายด้วยดีกว่า” รัตนากรเสนอตัว
“ก็ได้ ตามนั้น”
นายองยิ้มชอบใจ
“เอ็งนี่มันยุ่งจริงๆ คราวหลังให้อยู่กับยาย”
พรานเมิงบ่น ทุกคนต่างขำ
บนลานน้ำตก ยามค่ำ ทุกคนต่างพักกันรอบๆ กองไฟ กาญจนาดูเส้นทางเดินอย่างแปลกใจ
“แปลกมาก กาญเช็คเส้นทางดูแล้ว เรามาถูกทางตามแผนที่ทุกอย่าง แต่ยังไม่พบถ้ำที่จะเป็นปากพญานาคเลยค่ะ”
“ใจเย็นๆ ถ้าแผนที่บ่งไว้ เราต้องหาพบ ช้าหรือเร็วเท่านั้น พี่ว่ากาญไปพักดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มกันใหม่” อัศวินปลอบ
“ค่ะ”
กาญจนาเดินไปยังที่นอนของตัว ชาติกับอิทธิ เดินเข้ามาหาอัศวิน
“ฉันให้ซามูคอยระวังอยู่ทางด้านนอกแล้ว” ชาติบอก
“อืม คืนนี้เราสามคนระวังจนถึงเช้า ปล่อยให้พรานเมิงกับพวกสาวๆ ได้พักกันให้เต็มที่”
“ได้เลย ชาติก่อน ฉัน แล้วก็นาย” อิทธิเสนอ
“โอเค”
อัศวินเดินออกไป อิทธิเอากำปั้นชนกับชาติ แล้วเดินออกไป ชาติกราดสายตาระวัง เห็นกาญจนากำลังใช้ไฟฉายตรวจดูบันทึกอยู่ อดยิ้มไม่ได้ มองเลยไปเห็นวีรกิจกำลังจ้องมองเขาอยู่แล้ว ชาติแกล้งทำมือตะเบ๊ะแบบทหาร วีรกิจเหล่เอามือตบเป้แล้วนอนลง ชาติยิ้ม
นายองนั่งเล่าเหตุการณ์ตอนที่หลงไปกับอิทธิและโรสให้นพดลกับพรานกโก๊ะฟัง
“พวกวิญญาณบุกเข้ามา นายองฟันด้วยดาบเดินป่าพวกมันเข้าไม่ติด พอรู้ตัวอีกที มีนายอง พี่โรส กับ พี่อิทธิ ถูกพวกวิญญาณเป็นร้อยล้อมเอาไว้ทุกด้าน”
“เป็นร้อยเลยเหรอ” นพดลตกใจ
“ไม่น่าเชื่อ” พรานโก๊ะดักคอ
“เป็นสิบๆ ก็ได้”
นพดลกับพรานโก๊ะต่างยิ้มให้กัน
“ไม่เล่าแล้ว นายองง่วง ไปนอนดีกว่า”
นายองลุกออกไป นพดลกับพรานโก๊ะต่างมองหน้ากันขำ
“ดีที่เรียนวิชาวิญญาณไล่มาจากพรานโก๊ะ เลยวิ่งออกมาทัน”
พรานโก๊ะยิ้มชอบใจ
นายองเดินมานั่งลงข้างๆ พรานเมิง ซึ่งนอนเอาผ้าคลุมหน้าอยู่
“พ่อบอกคุณโรสเหรอว่านายองมาดูแลพ่อ”
“เออ ก็เองบอกพ่อยังงั้นไม่ใช่เหรอ มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกพ่อ นอนไปเถอะ”
นายองนึกถึงช่วงที่โรสคอยดูแลห่วงใยเธอขณะเผชิญกับวิญญาณร้าย
ตอนดึก อัศวินเดินระวังอยู่ สายตากราดมองทุกคน เห็นนอนหลับเป็นเงาทอดยาวอยู่เป็นปรกติ แต่แล้วหันมาเห็นเงาวูบตรงแนวไม้ด้านนอก เขาเคลื่อนตัวตามออกไปอย่างระมัดระวัง จนถึงบริเวณที่เห็นเงาด้านนอก เขามองรอบๆ อย่างระวัง แต่แล้วมีปืนมาจ่อทางด้านหลัง อัศวินยกมือ แล้วหันขวับ มือคว้าปืนหมัดง้าง
“รัตน์”
“เยส”
อัศวินยิ้ม ดึงรัตนากรหลบเข้ามา
“คิดถึงพี่ใช่มั้ยล่ะ”
“คงงั้นมั้ง”
อัศวินดึงรัตนากรเข้ามากอด
“รัตน์อยากจะถามอะไรอย่างหนึ่ง”
“ได้จ้ะ”
“คุณหลินหลงใหลพี่อัศวินมากแค่ไหน”
อัศวินถึงกับอึ้งไป
“รัตน์จะได้ระวังตัว”
“อันตรายมาก รัตน์ต้องระวังตัวให้ดี”
รัตนากรยิ้มกอดอัศวิน
“เสน่ห์แรงน่าดู”
อัศวินฝืนยิ้ม
“ขอบคุณค่ะที่บอก”
ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
กาญจนาหลับอยู่ เธอฝันเห็นตัวเองกำลังเดินอยู่ในความมืด หลงทาง แต่แล้วก็ดีใจเมื่อเห็น ดร.มานพ
ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณพ่อ”
กาญจนาวิ่งเข้าไปกอดพ่อด้วยความดีใจ
“ลูกทำได้ดีมาก ความสำเร็จอยู่ข้างหน้า”
“แต่ คุณพ่อคะ กาญกำลังหลงทาง กาญหาปากพญานาคตามที่แผนที่บ่งบอกไม่พบ”
“บางอย่างก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน บางอย่างก็ต้องมีหลายอย่างประกอบกัน ดูให้ดีๆ คิดให้ลึกซึ้ง พ่อเชื่อว่าลูกจะต้องหาพบ”
“ค่ะ ลูกจะพยายามค่ะ คุณพ่อ”
ทันใดนั้นเหมือนภาพเคลื่อนไหวเร็ววูบ กาญจนาลืมตาตื่นขึ้นมาพรวด เห็นรัตนากรนั่งอยู่ตรงหน้า
“พี่รัตน์”
“ฝันเหรอ”
“ค่ะ เห็นคุณพ่อ”
“อืม พี่ก็เคยฝัน คุณพ่อคอยช่วยเรา”
“ค่ะ”
กาญจนารีบรื้อสมุดบันทึกออกมาตรวจดู รัตนากรยิ้ม ลุกขึ้นเดินออกไปที่ของตน มองดูกาญจนาดูสมุดบันทึกอย่างตั้งใจ
ตอนเช้า ชาติกับอิทธิ เดินสำรวจรอยเท้าตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
“จริงอย่างที่ไอ้ซามูมันส่งสัญญานเข้ามาบอก พวกมันเข้ามาใกล้แล้วจริงๆ” ชาติบอก
“อืม ใกล้เกินไป”
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แต่แล้วอิทธิหยุดเดิน
“มีความเคลื่อนไหวทางขวา”
“ซ้ายด้วย”
“อืม ไม่เกินห้าคน พวกลาดตระเวน”
“เก็บให้เงียบที่สุด ไม่ยังงั้นเดี๋ยวพวกมันจะแห่กันมา”
“โอเค”
ทั้งสองหยิบมีดสั้นขึ้นมา ทันใดนั้นร่างของคนตัวขนาดเล็กกว่าคนธรรมดา วิ่งพรวดออกมาจากป่าพุ่งเข้าใส่ชาติกับอิทธิอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งสองคนตั้งตัวรออยู่แล้ว ต่างหลบ
แล้วลุยต่อสู้อย่างรวดเร็ว สักพัก อิทธิกับชาติก็จัดการกับพวกมันได้จนหมด
“ได้เวลาเผ่นแล้วเพื่อน”
ทั้งสองคนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ชาติกับอิทธิรีบมาเล่าเรื่องที่ไปเจอคนตัวเล็กให้กับอัศวินฟัง
“พวกมันมาถึงแน่”
“เราต้องรีบไปจากที่นี่”
อัศวินพยักหน้า แล้วสั่งการ
“นายสองคนคอยระวังถ่วงเวลาไว้ก่อน ยัยกาญอาจจะเจอเส้นทางก่อนที่พวกมันจะมาก็ได้”
“โอเค”
อัศวินเครียด
กาญจนาเดินสำรวจ เทียบแผนที่กับสถานที่รอบๆ รัตนากรเดินเข้ามาหา
“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”
“กาญไม่เข้าใจเลย เรามาตรงจุดทุกอย่าง ตามแผนที่แล้วที่นี่จะต้องเป็นปากพญานาค”
“ใจเย็นๆ จะต้องมีเงื่อนงำบางอย่างที่อธิบายได้”
กาญจนาพยักหน้าแล้วเดินไปที่ริมน้ำตก รัตนากรเดินตามไปถึงริมน้ำตก มองลงไปยังเบื้องล่างเห็นเป็นแอ่งที่น้ำตกไหลลงไปจนผิวน้ำกระจายเป็นฟอง
“ไม่มีถ้ำอยู่แถวนี้ที่จะบ่งบอกว่าเป็นปากพญานาคได้เลย” กาญจนาแปลกใจมาก
“กาลเวลาผ่านไป สถานที่อาจคลาดเคลื่อน เป็นไปได้มั้ยที่จะเกี่ยวพันกับเวลา”
“กาญไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะลองตรวจดูรอบๆ ดูอีกสักหน่อย”
“เป็นความคิดที่ดี ลองเอาความฝันของคุณพ่อมาพิจารณาดูด้วยก็ดี”
“ค่ะ จริงด้วย”
อัศวินเดินเข้ามาหาสองสาว
“ตื่นแต่เช้าเลยนะสาวๆ”
“มีร่องรอยพวกเฮนรี่หรือยังคะ” รัตนากรถาม
“ยัง เจอแต่รอยเท้าของพวกชนเผ่า ใกล้เข้ามาทุกที กาญต้องรีบแล้วล่ะ” อัศวินเตือนอย่างกังวล
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทีมงานเข้ามารายงานกับโจซิง เฮนรี่กับทุกคนที่ซุ่มอยู่ในราวป่า
“พวกมันขึ้นไปบนถ้ำน้ำตก” โจซิงบอก
“เรารอที่นี่ดีกว่า ขืนขึ้นไปเกิดมันซุ่มยิงสวนลงมาจะตายกันหมด ส่งทีมงานไปดูก็พอ” เฮนรี่สั่ง
“ทีมงานสองคน ออกไปดูพวกมัน แล้วกลับมารายงาน”
ทีมงานสองคนวิ่งออกไป
“คราวนี้เราก็ได้แต่รอ” เฮนรี่บอก
กาญจนาตรวจดูสมุดบันทึกและแผนที่เส้นทาง มองไปรอบๆ บริเวณนั้นอีกครั้ง ถอนหายใจ ปิดสมุดเงยหน้าขึ้น พึมพำถึงคำพูดของดร.มานพ จากความฝัน
“ดูหลายๆ อย่างประกอบกัน”
แสงอาทิตย์เริ่มขึ้นมาสูง แสงเริ่มสาดลงมาที่ยอดเขาเหนือน้ำตก กาญจนาเดินไปยืนอยู่ที่น้ำตกมองไปรอบๆ แสงอาทิตย์สาดมา เธอมองลงไปยังแอ่งน้ำตกเบื้องล่าง ทันใดนั้นสายตาเบิกโพลง คาดไม่ถึง เพราะบนผิวน้ำปรากฏเป็นเงาที่แสงอาทิตย์สาดสะท้อนโขดหินผาเป็นหัวพญานาคอ้าปากตรงแอ่งน้ำพอดี
“ทุกคนทางนี้”
ทุกคนรีบมายังหน้าผา
“มีอะไรยัยกาญ” อัศวินร้องถาม
“ดูนั่น”
ทุกคนมองลงไปเห็นชัดถนัดตา
“นายองไม่เข้าใจ แปลว่าอะไร”
“ปากพญานาคคือแอ่งน้ำ เราต้องลงไปที่แอ่งน้ำ”
“ใต้น้ำน่ะเหรอ” รัตนากรถาม
“ดูเหมือนจะใช่” โรสตอบแทน
“ล้อเล่นหรือเปล่า” อิทธิฟังแทบไม่เชื่อ
ทุกคนถอนใจเฮือก แต่แล้วแสงพระอาทิตย์เริ่มเบี่ยง เงาของศีรษะพญานาคเริ่มเปลี่ยนรูป
“แย่แล้ว เงาเปลี่ยน เราต้องลงไปเดี๋ยวนี้” กาญจนาบอก
“ทุกคนเก็บข้าวของเร็วเข้า” อัศวินสั่ง
ทุกคนวิ่งไปเก็บสัมภาระของตน กาญจนาวิ่งมาถึงก่อนเพื่อน
“เร็วที่สุดก่อนที่ประตูจะหายไป”
“เราไม่มีทางลงไปได้ทัน” รัตนากรบอก
“มีทางเดียวเท่านั้น” โรสคิดได้
“ยังไงเหรอ” อิทธิแปลกใจ
“ผมรู้แล้ว”
อัศวินถอยหลังแล้ววิ่งโดดลงไปจากหน้าผา ลงไปสู่แอ่งน้ำตรงปากพญานาคอย่างแม่นยำ ทุกคนมอง ตกใจ
ทุกคนต่างตกใจกับการตัดสินใจของอัศวิน รัตนากรร้องสั่ง
“ทุกคนเร็วเข้า ของไปก่อน”
ทุกคนต่างโยนสัมภาระของตนลงไป แสงพระอาทิตย์เคลื่อนตัวทำให้รูปพญานาคจางลง
“นายอง ยัยกาญ จับมือพี่ไว้”
กาญจนากับนายองทำตาม แล้วทั้งสามก็โดดลงไปพร้อมกัน ลงสู่แอ่งน้ำข้างล่าง
“พรานโก๊ะไป”
นพดลบอก พรานโก๊ะโดดลงไป
“คุณวีรกิจ ไป พร้อมกัน” นพดลหันมาบอกวีรกิจ
“บ้าที่สุด”
วีรกิจบ่นแล้วโดดลงไป นพดลตามติด
“พรานเมิง แล้ว นายกับคุณโรส” ชาติบอก
พรานเมิงโดดลงไป อิทธิกับโรสมองหน้ากัน โรสวิ่งพุ่งโดดลงไป
“เจอกันเพื่อน”
อิทธิวิ่งโดดลงไป ชาติยิ้มแล้วผิวปากเป็นสัญญาณ ซามูพุ่งเข้ามา ทำมือทำไม้
“พวกไอ้เฮนรี่”
ซามูพยักหน้า
“เอ็งไปก่อนเลย”
ซามูโดดพรวดลงไป ชาติมองกราดแล้วยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนจะพุ่งตัวโดดลงไปยังแอ่งน้ำเบื้องล่าง สักครู่พวกชนเผ่าก็ออกมาจากแนวป่า ต่างแยกกันมองหาทุกคนแต่ไม่มีใครสนใจตรงน้ำตก
อัศวินโผล่พรวดพ้นน้ำขึ้นมาใต้ถ้ำ เห็นพื้นที่อยู่ตรงหน้าจึงรีบว่ายลุยน้ำขึ้นไป ครู่หนึ่ง รัตนากร กาญจนา และนายองก็โผล่ขึ้นมา แล้วลุยน้ำไปหาอัศวินซึ่งยืนคอยช่วยอยู่ จากนั้นก็เป็น นพดล พรานโก๊ะ พรานเมิง อิทธิ โรส ซามู และชาติ
“เยส สุดยอด” อิทธิอุทาน
พรานอองข่านนำทุกคนมายังเสียงปืน แล้วโบกมือให้ทุกคนหยุด ต่างเห็นพวกชนเผ่าเดินไปมาอยู่ตรงลานเหนือน้ำตก
“ทำไมมีแต่ไอ้พวกชนเผ่า ขบวนของพวกมันหายไปไหน” เฮนรี่แปลกใจ
“คงหนีพวกมันไปได้”
“พรานแน่ใจนะว่าเสียงปืนมาจากที่นี่”
พรานอองข่านมองหน้าโจซิงรำคาญ
“เอ็งคิดว่ามาจากทางไหนก็ไปทางนั้น ไม่ต้องมาถามข้า”
โจซิงเงียบไปแต่แค้น พรานอ่องขานไม่สนใจ
“พวกมันไปหมดแล้ว” อังโซะบอก
ทุกคนเห็นพวกชนเผ่าแยกย้ายกันไป พรานอองข่าน เฮนรี่และทุกคนเดินตรวจบนลานน้ำตก
“บ้าที่สุด มีแต่รอยไอ้พวกชนเผ่า รอยขบวนเดินทางถูกกลบจนหายไปหมด” โจซิงหงุดหงิด
เฮนรี่มองพรานอองข่านที่ตรวจร่องรอยห่างออกไป
“ลองไปถามพรานคนเก่งของบอสดูซิ”
เฮนรี่เหล่โจซิง เอือมระอา แล้วเดินออกไป โจซิงกับอังโซะต่างยิ้มให้กันอย่างสนุกที่กวนอารมณ์เฮนรี่ได้
“พวกเรารออยู่ที่นี่ ปล่อยให้ไอ้พรานแก่มันหารอยไป”
พวกทีมงานต่างหยุดพักกัน โจซิง กับ อังโซะ ยิ้มมองพรานอองข่านกับเฮนรี่
เฮนรี่เดินมาหาพรานอองข่าน
“มีปลอกกระสุนของพวกมัน แต่ยังไม่เห็นรอยว่าพวกมันไปทางไหน”
พรานอองข่านส่งให้เฮนรี่ แล้วเดินออกไปสำรวจ จนมาถึงขอบน้ำตก พลันสายตาเหลือบเห็นกระสุนปืนตกอยู่ จึงหยิบขึ้นมา
“กระสุนปืนของพวกมันทำไมมาตกอยู่ที่นี่”
“หรือว่าพวกนั้นโดดน้ำตกหนีพวกชนเผ่า”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ ทางออกทางอื่นมีหลายทาง”
พรานอองข่านมองกระสุนแล้วมองรอบๆ ขอบน้ำตก เฮนรี่มองตามอย่างสนใจ พรานอองข่านก้ม
ลงสำรวจอย่างใกล้ชิดที่พื้นดิน หยิบขอบดินที่ร่วนเพราะถูกเหยียบยุบลงไป
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ พวกนั้นกระโดดลงไปจากที่นี่”
“คงรีบหนีพวกนั้น”
“หรือไม่ก็เป็นเส้นทางเดียวที่จะไปสู่เนตรนาคราช”
เฮนรี่เครียด พรานอองข่านมองแอ่งน้ำเบื้องล่างอย่างตื่นเต้นคาดไม่ถึง บอกว่าพวกอัศวินโดดลงไปข้างล่าง
“โดดลงไปเนี่ยนะ พวกนั้นคงบ้าไปแล้ว”
โจซิงมองพรานอองข่าน
“รอยบ่งว่าพวกนั้นกระโดดลงไป”
“พรานคิดว่ามีเส้นทางอยู่ใต้น้ำที่จะพาเราไปโผล่อีกที่หนึ่ง” เฮนรี่บอก
“เราไม่ต้องรีบ เราไม่ต้องหนีใคร เดินลงไปข้างล่างแล้วลุยไปน่าจะดีกว่า” อังโซะเสนอ
“น่าจะได้ใช่มั้ยพราน” เฮนรี่หันมาถาม
“ข้าบอกว่าพวกนั้นกระโดด ส่วนพวกเอ็งจะเอายังไงก็ตามใจ”
โจซิงเหล่พรานออกข่านเซ็งๆ
“เอาล่ะ เอาล่ะ เรารีบไปได้แล้ว ก่อนที่ไอ้พวกตัวเตี้ยนั่นจะโผล่มา” เฮนรี่ตัดบท
พรานอองข่านเดินผ่านพวกโจซิงกับทีมงานไป
พรานอองข่านพาพวกเฮนรี่ลงมายังแอ่งน้ำตกเบื้องล่าง
“ส่งทีมงานลงไปดูซิว่ามีทางใต้น้ำไปโผล่ที่ไหนหรือเปล่า”
เฮนรี่สั่ง โจซิงพยักหน้าให้ทีมงาน พวกทีมงานสองคนเดินออกไป โจซิงหันมาทางพรานอองข่านยิ้มเยาะ ไม่ค่อยเชื่อนัก
“หวังว่าพรานคงเดาถูกนะ”
พรานอองข่านมองโจซิงไม่สนใจ
สักพัก ทีมงานสองคนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แล้วมุดลงไปอีกครั้ง เฮนรี่ กับ พรานอองข่าน โจซิง อังโซะ และทีมงานที่เหลือต่างยืนกราดสายตาระวังรอบๆ เฮนรี่ลุ้น โจซิง กับ อังโซะ เยาะๆ สักครู่ทีมงานสองคนก็โผล่ขึ้นมาอีก แล้วก็ยกมือขึ้นส่ายหน้าว่าไม่มีเส้นทางใต้น้ำที่จะไปโผล่ที่อื่น โจซิงกับอังโซะต่างหัวเราะคิก เยาะพรานอองข่าน พรานอองข่านไม่สนใจมองแอ่งน้ำอย่างพิจารณา
“ขึ้นมาได้” เฮนรี่สั่ง
ทีมงานสองคนขยับตัวขึ้นมา แต่แล้วทันใดนั้นลูกธนูสองสามดอกวิ่งมาปักอกทีมงานคนหนึ่งทรุดลง
“ทุกคนระวัง” โจซิงตะโกน
เสียงโห่ร้องของชาวเผ่าตัวเล็กดังออกมาจากราวป่า พวกมันแห่กันออกมานับสิบ โจซิง กับ อังโซะ กราดยิงแล้วพุ่งเข้าหากลุ่มพวกมัน ทั้งสองมีฝีมือสมชื่อทั้งเตะต่อย ยิง พวกชนเผ่าเข้าไม่ติด พวกทีมงานกับเฮนรี่ตั้งตัวได้สาดกระสุนเข้าใส่พวกชนเผ่ากระจัดกระจายถอยไปในที่สุด
“ยังไงต่อดีพราน” เฮนรี่ถามร้อนใจ
พรานอองข่านมองแอ่งน้ำและน้ำตกเบื้องบน
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง เราต้องกลับขึ้นไปข้างบน”
“หา”
โจซิงกับทุกคนต่างเสียอารมณ์
“ทุกคน ข้างบน” เฮนรี่สั่งเฉียบขาด
ภายในถ้ำใต้น้ำ ขบวนของอัศวินนั่งรอบกองไฟ ผึ่งให้เสื้อผ้าแห้ง
“คนโบราณนี่ทำแผนที่เก่งนะ ลึกล้ำซับซ้อน” รัตนากรเปรยขึ้น
“แต่ถ้าคิดให้ดีก็ตรงจุดนะ ปากพญานาค ซึ่งปรกติที่เราเห็นก็คือพญานาคพ่นน้ำ เราก็เจอทางเข้าที่เป็นน้ำจนได้” กาญจนาบอก
“เหตุผลคุณกาญจนาน่าฟัง แบบนี้จุดหมายต่อไป ผมคิดว่าคุณกาญนาคงหาพบได้ไม่ยาก” ชาติชื่นชม
“ก็คงต้องเดาเอาด้วยน่ะค่ะ”
ทุกคนต่างยิ้มกัน กาญจนาสบตากับชาติ วีรกิจเห็นพยายามฝืนยิ้ม ทุกคนอยู่ในสายตาของรัตนากร
“เดี๋ยว ผม ชาติ และ อิทธิ จะออกตรวจรอบๆ ดูก่อน ทุกคนระวังตัวด้วย” อัศวินบอก
อัศวิน กับ ชาติ และ อิทธิ เดินตรวจเข้ามาในถ้ำอย่างระมัดระวัง ต่างแยกย้ายกันตรวจตามซอกมุมต่างๆ จนกระทั่งมาถึงลานเล็กแห่งหนึ่ง มีทางไปถึงสามทาง
“นึกแล้ว” อิทธิอุทานขึ้น
“อะไรของนายวะ” ชาติแปลกใจ
“ก็มีทางให้เลือกถึงสามทางน่ะซิ”
“เอ้า ไม่งั้นเขาจะมีคำว่าทางสามแพร่งเหรอ” อัศวินบอก
ทั้งสามต่างมองรอบๆ
“ยุ่งล่ะซิ”
ชาติปราดเข้าไปตรงทางด้านหน้าก้มลงตรวจ อัศวินกับอิทธิ กราดปืนคอยระวังคุมเชิง
“ว่าไง”
“เจอเพื่อนตีนเล็กของเราอีกแล้ว”
“นี่มันอยู่ทั้งบนข้างล่างเลยเหรอ”
อัศวินเดินไปยังทางเข้าที่สอง เช่นเดียวกับอิทธิที่ไปยังช่องที่สาม
“ฉันว่ามันอยู่ทุกที่เลยเพื่อน”
อัศวินยืนอยู่ตรงทางเข้าช่องที่สอง
“ที่นี่ด้วย”
อิทธิยืนอยู่ตรงทางเข้าที่สาม
“ดูเหมือนว่า รอยจะเข้าออกระหว่างสามช่องทางนี้” อัศวินคาด
“แปลกมาก ทำไม่ไม่มีรอยพวกมันตรงบริเวณที่เราโผล่ขึ้นมาจากน้ำ” ชาติสงสัย
“ก็เพราะว่ามันไม่ต้องใช้วิธีโดดลงมาเหมือนเราน่ะซิ” อิทธิบอก
“ดูจากรอยเท้าแล้วเหมือนว่าเป็นแค่ทางผ่านสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด รอยเก่าด้วย” อัศวินมองอย่างพิจารณา
“ฉันเดาว่าเป็นเส้นทางขนเสบียงมากกว่า”
อิทธิบอก อัศวินเห็นด้วย
“เป็นไปได้ หวังว่าพวกมันยังมีเสบียงเหลือเฟือ ยังไม่ต้องผ่านมาทางนี้”
“แสดงว่า หนึ่งในสามทางนี้ ต้องมีทางหนึ่งที่ออกทะลุไปข้างนอก” ชาติเดา
“ล่าสัตว์ หาผลไม้” อิทธิประเมิน
“ปัญหาก็คือ ทางไหน” อัศวินถามขึ้น
อ่านต่อตอนที่ 13