เสือ ตอนที่ 5
เสียงคำรามลั่นป่าของพรหมพยัคฆ์ดังมาจนถึงกลุ่มณจันทร์ ทุกคนตกใจหันกลับไปมองแล้ววิ่งไปด้วยกัน
"เสียงเสือ! อาคำสูรย์ พรหมพยัคฆ์มันใกล้เข้ามาแล้ว"
คำสูรย์เองก็ตกใจกลัวเหมือนกัน พรานสัก และพรานจุนที่ได้ยิน ก็ไม่พอใจมาก
"พรหมพยัคฆ์นี่มันเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับเสือ ทำไมต้องหนีมันด้วย" สักถาม
"กูบอกแล้วว่ากูไม่มีเวลาพูด ตอนนี้เราต้องหนีกันก่อน เข้าใจไหม"
พรานจุนโพล่งออกมาอย่างทนไม่ได้
"กูไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น พวกมึงหลอกให้พวกกูมาเจอกับอะไรบอกกูมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นกูจะทิ้งพวกมึงอยู่ในป่านี่แหละ"
"โธ่เว้ย กูบอกแล้วไงว่า…"
คำสูรย์ชะงัก เมื่อพรานจุนใช้ปืนขึ้นเล็งมา ณจันทร์และคำแปงตกใจมาก
"ทีนี้มึงจะบอกกูได้หรือยัง"
คำสูรย์นิ่งไปนิด แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด
"ได้ พวกมึงอยากรู้ใช่ไหมว่าตัวอะไรที่ตามเรามา ไอ้คนที่ชื่อพรหมพยัคฆ์นั่น มันเป็นเสือผี เป็นเสือสมิง ได้ยินชัดไหม"
พรหมพยัคฆ์และลายเมฆใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
คำสูรย์จ้องพรานจุนที่ยังนิ่งงัน แล้วพรานจุนก็พูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัว
"มึงรู้ไหมว่ามึงทำอะไรลงไป มึงกำลังจะทำให้พวกเราต้องตายกันทั้งหมด! กูจะไม่ยอมให้พวกมึงลากพวกกูมาตายด้วยเด็ดขาด"
พรานจุนละปืนลงจากคำสูรย์แล้วหันไปบอกพรานสัก
"ไปเถอะไอ้สัก กูไม่นำทางให้ไอ้ตัวซวยพวกนี้อีกแล้ว"พรานจุนทำท่าจะเดินออกไป
"ถ้ามึงออกไปตอนนี้ มึงก็จะต้องเจอมันเหมือนกัน มึงไม่เห็นเหรอว่ามันตามกลิ่นพวกเรามา จมูกของเสือมันไวแค่ไหนมึงก็รู้ มันจะหาพวกมึงเจอตอนที่มึงเดินกลับยังไม่ทันพ้นราวป่าด้วยซ้ำ"พรานจุนอึ้ง ไม่รู้จะทำยังไง
"โธ่เว้ย กูไม่น่าหลงมากับมึงเลย ไอ้คำสูรย์!"
จุนกำลังจะยิงคำสูรย์ แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อมีลมพักอื้ออึงเข้ามา
"มันมาแล้ว มันมาแล้ว"
"แล้วจะทำไงดีวะ"
คำสูรย์ล้วงเข้าไปในย่าม หยิบว่านที่เก็บมาตลอดทางออกมาโยนให้สักกับจุนส่วนหนึ่ง ที่เหลือในมือคำสูรย์ดึงขาดเป็นชิ้นเล็กๆพอเข้าปาก
"มึงเลือกเอา มึงจะไปกับกู หรือจะถูกเสือสมิงเล่นงาน"
คำสูรย์ยัดว่านใส่ปาก แล้วเคี้ยวพอแหลก ก่อนจะคายออกมาแล้วเอาลูบตามแขนขา พรานสักกับจุนมองคำสูรย์เอาว่านทาตัว ก่อนจะหันมองหน้ากันลังเล
พรหมพยัคฆ์วิ่งตามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลายเมฆก็วิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
"เร็วเข้า เราจะทันมันแล้ว"
พรหมพยัคฆ์วิ่งผ่านป่าและหมู่ไม้ไปอย่างรวดเร็ว เสียงลมหายใจรุนแรงของเสือ ผสานไปกับเสียงสวบสาบของเศษใบไม้ที่ถูกย่ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงดังก้องป่า แล้วทันใด พรหมพยัคฆ์ก็วิ่งมาจนถึงจุดที่กลุ่มของณจันทร์หยุดเมื่อครู่ บริเวณนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว พรหมพยัคฆ์หยุดชะงัก แล้วสูดกลิ่นไปรอบ ๆ เข้านั่งยอง ๆ ลง แล้วหยิบใบไม้ที่พื้นมาดม อีกมุมหนึ่งเห็นพวกณจันทร์ คำสูรย์ และคำแปง พรานสัก พรานจุนนั่งนิ่ง... ทุกคนทาว่านไปทั่วทั้งตัวและใบหน้า
พรหมพยัคฆ์เดินเข้ามาสูดกลิ่นใกล้ ๆ ณจันทร์ เธอหลับตาด้วยความกลัว ครู่หนึ่งพรหมพยัคฆ์เดินออกไปพร้อมกับลายเมฆ
พรานจุนจะขยับตัว
"มันไปแล้ว"
"อย่าเพิ่ง" ณจันทร์บอก
จุนมองงง ๆ
"คุณหนูคงกลัวว่ามันจะยังอยู่แถวนี้น่ะ...อย่าลืมสิว่ามันไม่ใช่เสือธรรมดา"
พรหมพยัคฆ์สงสัย
"ทำไมอยู่ ๆ กลิ่นของเธอก็หายไป"
"ลองไปดูข้างหน้ามั้ยครับนายท่าน"
"แกลองไปดู...ฉันจะอยู่ดูแถวนี้"
คำแปงหน้ามุ่ย พูดไปพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดถูตามตัวไป
"ทำไมไอ้ว่านนี่มันเหม็นอย่างนี้ล่ะ...ทั้งเหม็นทั้งคัน"
คำสูรย์บอก
"จะเหม็นจะคันก็ยังดีกว่าตาย"
พรานจุน และพรานสักไม่สบายใจ
"นี่เราพ้นพวกมันแล้วเหรอ" จุนถาม
"กูไม่แน่ใจ...เฮ้ยหยุด"
พรหมพยัคฆ์ยังคงยืนอยู่แถวนั้น อีกครู่หนึ่ง แล้วเดินตามลายเมฆไป คำสูรย์หันไปมองณจันทร์ คล้ายจะถามว่ารู้สึกถึงมันอีกไหม
ณจันทร์เองเข้าใจดีว่าคำสูรย์ไม่ต้องการให้พวกพรานรู้เรื่องตัวเธอ จึงพยักหน้า
"มันไปแล้ว"
คำสูรย์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่รู้ว่าณจันทร์ไม่รู้สึกถึงพรหมพยัคฆ์แล้ว หันไปยืนยันกับพรานจุนและพรานสัก
"พวกมันไปแล้วแน่ ๆ กูรับรอง"
คำสูรย์ลุกเดินนำออกไป ทั้งหมดค่อยๆเดินตาม มีคำแปงที่ชักช้า เห็นคนอื่นเดินไปกันหมดเธอก็เก็บผ้าเช็ดหน้ายัดใส่ย่ามอย่างลวกๆ โดยไม่ได้สนใจมอง แล้วรีบลุกตามอย่างร้อนรน
พรหมพยัคฆ์เดินมาแล้วยืนนิ่งอยู่ในป่า หลับตา ตั้งสมาธิถึงณจันทร์ แล้วก็ลืมตาขึ้นอย่างหงุดหงิด ลายเมฆเดินกลับมาอีกทาง
"ไม่พบเลยครับนายท่าน"
"ทำไมอยู่ๆ ฉันถึงจับความรู้สึกของพวกมัน และณจันทร์ไม่ได้"
"นี่หมายความว่า เราไม่มีทางตามหาเธอพบแล้วเหรอครับนายท่าน"
พรหมพยัคฆ์มองเห็นผ้าเช็ดหน้าของคำแปงที่ทำหล่นไว้ที่พื้น เค้าหยิบมันขึ้นมาดู
"ไม่หรอก ยังพอมีทาง ลายเมฆ"
ลายเมฆรับมาดูแล้วยิ้มตามเจ้านาย
ปักษะ อาชา และแสงปีนขึ้นมาจนถึงยอดเขาอีกลูกหนึ่ง ทุกคนต่างก็มีอาการเหนื่อยหอบ มองไปรอบๆเห็นยอดเขาหลายยอด
" ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณณจันทร์จะขึ้นมาบนเขาสูงขนาดนี้ได้ ขนาดฉันยังแทบจะหมดแรงแล้ว" อาชาว่า
ปักษะเป็นกังวลเหมือนกัน
"เรามาถูกทางแน่นะ นายแสง"
"ถูกแล้วละครับ จากที่ลุงคำสูรย์แกเคยบอก หมู่บ้านผาสมิงน่าจะอยู่ที่นั่น"
แสงชี้ไปที่เขาซึ่งห่างออกไปอีกสองลูก
"ไหนวะ ไอ้หมู่บ้านผาสมิงอะไรของแก" อาชาเอากล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู "ฉันไม่เห็นว่ามีอะไรเลยนอกจากต้นไม้"
อาชาส่องทางไกลไปเรื่อยๆ
"ไม่เห็นมีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่น นอกจากช้าง...กวาง...ชะนี... แล้วก็คนอีกห้าคน"
ปักษะสนใจทันที
"ไหนๆขอฉันดูหน่อย"
ปักษะแย่งกล้องส่องทางไกลจากอาชามาดู เห็นกลุ่มของณจันทร์เดินอยู่ตามแนวธารน้ำ ปักษะดีใจมาก
"นั่นณจันทร์นี่ เราตามมาถูกทางจริงๆ รีบไปหาเขากันเถอะ"
แล้วแสงก็รีบมาจับไหล่ปักษะไว้
"เดี๋ยวครับคุณปักษะ"
ปักษะชะงัก หันมามองแสงที่ก็ถือกล้องส่องทางไกลไว้อยู่อีกอัน
"ทำไมเหรอ"
"มีอีกสองคนกำลังตามกลุ่มพวกนั้นมา"
ปักษะส่องกล้องดูอีกครั้ง เห็นที่ห่างไปประมาณ 2 กม. มีพวกพรหมพยัคฆ์กับลายเมฆอยู่ที่นั่น ปักษะท่าทางเครียด
"พวกมันตามณจันทร์ไปจริงๆ"
อาชาเองกล้องมาดูแล้วรู้สึกตกใจไปด้วย
"พรหมพยัคฆ์เหรอ"
"ใช่ ท่าทางไม่ดีเลย เราต้องรีบไปช่วยณจันทร์ นายแสงพาพวกเราลงจากเขาไปเร็ว"
แสงพยักหน้ารับ เดินนำลงเขาไป ปักษะตามไป อาชาส่ายหน้านิดหน่อย แล้วก็เดินตามไป
กลุ่มณจันทร์ คำแปงมีท่าทางเหนื่อยอ่อนที่สุด
"โอ๊ย เดินมาตั้ง 3-4 ชั่วโมงแล้ว ขอพักหน่อยไม่ได้เหรอพี่"
"อย่าบ่นเลยนะ อีกชั่วโมงก็จะค่ำแล้ว ถึงตอนนั้นฉันจะให้แกพัก"
"อีกตั้งชั่วโมงเหรอ โธ่..."
คำแปงทำท่าหมดอาลัยตายอยาก คำสูรย์มองกลับไปเห็นว่า เริ่มออกมาห่างไกลแล้ว ก็เลยบอกกับทุกคน
"พวกเราน่าจะหนีมันมาได้ไกลพอแล้ว ... เอ็งจะเช็ดว่านออกก็ได้นะ คันนักนี่"
คำสูรย์หันพูดกับทุกคน คำแปงก้มหน้าก้มตาหาผ้าเช็ดหน้าในย่ามแต่หาไม่เจอ คำสูรย์มองแปลกใจ
"หาอะไรคำแปง"
"ผ้าเช็ดหน้าอ่ะ ฉันว่าฉันยัดมันไว้ในย่ามนะ"
คำแปงยังควานหาต่อ
"แกแน่ใจนะว่าแกเอามันมาด้วยอ่ะ"
"แน่สิลุง เมื่อกี้ ฉันยังใช้มันเช็ดไอว่านเหม็นๆของลุงอยู่เลย... โอ๊ยอยู่ไหนเนี่ย สงสัยทำหล่นไปแน่เลย"
"ทำไมไม่ระวังให้ดี แกนี่มันโง่จริงๆ รู้ไหมว่าถ้าพวกนั้นมันเกิดเก็บได้ขึ้นมา แล้วมันตามกลิ่นมา มันจะ…"
เสียงพรหมพยัคฆ์ดังเข้ามา
"มันจะทำให้ฉันหาพวกแกพบใช่ไหม"
พวกคำสูรย์ต่างตกใจ หันไปมองเห็นพรหมพยัคฆ์และลายเมฆออกมาจากพุ่มไม้ พรหมพยัคฆ์มองอย่างผู้ชนะ โยนผ้าเช็ดหน้าของคำแปงที่ถือไว้ในมือมากองที่พื้น
"พวกแกไม่มีทางหนีฉันรอดหรอก"
คำสูรย์ยกหน้าไม้ขึ้นไว้ เตรียมจะป้องกัน แล้วตะโกนบอก
"ไอ้จุนพาคุณหนูหนีไปก่อน"
พรหมพยัคฆ์ยิ้มเหี้ยม กวาดตามองพรานทั้งสาม
"พยายามไปก็เหนื่อยเปล่า ป่าเป็นบ้านของฉัน พวกมนุษย์อย่างแกไม่มีทางจะรู้จักป่าไปมากกว่าฉัน"
พวกณจันทร์ต่างนิ่งด้วยความกลัว ไม่รู้จะทำยังไงให้รอดไปได้
ฝ่ายปักษะเร่งฝีเท้าขึ้น อาชาอยู่รั้งท้ายท่าทางเหนื่อย
"เร็วๆหน่อยสิวะ เดินช้าจริงๆ แกเป็นตำรวจภาษาอะไร"
อาชาประชด
"ก็เป็นตำรวจที่ไม่ได้ห่วงหญิงเหมือนแกไงวะ"
พรหมพยัคฆ์มองณจันทร์อย่างโมโหคุกรุ่น
"ที่โรงพยาบาลนั่น คุณทำผมไว้เจ็บแสบมากนะณจันทร์"
เธอมองพรหมพยัคฆ์อย่างหวาดหวั่น รู้ว่าตอนนี้พรหมพยัคฆ์กำลังโมโหจริงๆแล้ว
"ผมเคยคิดว่าจะไม่ทำอะไรรุนแรงกับคุณ จะให้เวลาคุณจนกว่าจะถึงคืนวันเพ็ญเดือนแปด แต่คุณ คุณก็ทำให้ผมผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ณจันทร์"
เล็บของพรหมพยัคฆ์งอกออกมา ตาส่องประกาย
"ผมไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าคุณจะยอมรับมันหรือไม่ เพราะไม่ว่ายังไงคุณก็หนีความจริงไม่ได้ ว่าคุณเป็นเสือ เป็นราชินีของผม ... ผมจะพาคุณกลับไปกับผม"
"ไม่นะ!"
พรหมพยัคฆ์เข้ามาจับตัวณจันทร์ไว้ คำสูรย์พยายามจะขวาง พรหมพยัคฆ์พยักหน้าให้ลายเมฆที่เข้ามาจับตัวคำสูรย์ไว้ทันที เกิดการต่อสู้ระหว่างคำสูรย์และลายเมฆ คำสูรย์ตะโกนร้อง
"ยิงมัน"
พรานสักลังเลตกใจ ยกปืนขึ้น แต่ไม่ทันยิง พรหมพยัคฆ์ก็เข้ามาถึงตัว แล้วตะปบที่คอทีเดียวเลือดทะลัก พรานสักจบชีวิตทันที พรานจุนยิงปืนเข้าใส่พรหมพยัคฆ์
กลุ่มปักษะ ได้ยินเสียงปืนดัง ก็ตกใจมาก
"ณจันทร์!"
ปักษะรีบวิ่งไปยังที่ต้นเสียงอย่างร้อนรน
พรหมพยัคฆ์มีสีหน้าเจ็บปวด เมื่อลูบที่ท้องก็เห็นเลือดที่พรานจุนยิงโดน พรหมพยัคฆ์โกรธแค้นมาก แล้วบาดแผลของพรหมพยัคฆ์ค่อยๆสมานตัว
ณจันทร์วิ่งหนี ลายเมฆขวางไว้ แต่โดนคำสูรย์เข้าไปต่อย
"คำแปง พาคุณหนูหนีไปเร็ว"
คำแปงดึงตัวณจันทร์พาวิ่งออกไป ณจันทร์ยังเป็นห่วงคำสูรย์
"อาคำสูรย์ล่ะ"
"ไปก่อนเถอะคะ คุณหนู"
ณจันทร์กับคำแปงวิ่งออกไป พรานจุนตามไปด้วย พรหมพยัคฆ์วิ่งตามไป พร้อมส่งเสียงคำราม คำสูรย์กับลายเมฆยังต่อสู้กันนัวเนีย คำสูรย์ล้มลงไปที่พื้น คว้าไม้ขึ้นมาได้ ตีหัวลายเมฆเสียจนทรุด แล้วคำสูรย์ก็รีบวิ่งตามพวกณจันทร์ไป
ณจันทร์วิ่งหนีกับคำแปงและพรานจุน โดยมีพรหมพยัคฆ์วิ่งตามมา
ลายเมฆที่สลบไป เริ่มรู้สึกตัว ลุกขึ้นยืน กุมหัวตัวเองที่โดนคำสูรย์ตี ทันใดนั้นปักษะและอาชากับแสงก็โผล่มาจากพุ่มไม้ ปักษะเห็นลายเมฆที่กำลังยืนโซเซอยู่รีบร้องตะโกน
"จับตัวมันไว้"
แสงวิ่งเข้าไปจะเล่นงานลายเมฆ แต่แล้วลายเมฆกลับคว้ามือ แล้วโยนตัวแสงกระแทกต้นไม้จนสลบ อาชาเอาปืนออกมา แต่ยังไม่ทันยกขึ้น ก็ถูกลายเมฆจับทั้งมือทั้งปืนบิด จนต้องปล่อยปืนทิ้ง
ลายเมฆถีบอาชาจนกระเด็นไป ปักษะรีบคว้าไม้จะเข้ามาฟาด แต่ลายเมฆจับไม้ไว้ แล้วดึงมา หักให้ดู พร้อมตะโกนลั่น
"กูจะหักกระดูกมึงแบบนี้"
อาชารีบไปลากตัวแสงให้ลุกขึ้น และหันไปบอกปักษะ
"เฮ้ย ถอยก่อนเถอะวะ"
อาชาและแสงวิ่งออกไปทางหนึ่ง ปักษะถอยหนีไปตาม ลายเมฆรีบวิ่งตามไป
ณจันทร์กับคำแปงวิ่งหนีมา มีพรานจุนคอยระวังหลังให้ พรหมพยัคฆ์วิ่งเร็วมาก ตามเข้ามาใกล้ทุกที และส่งเสียงคำรามลั่น เห็นเสือซ้อนทับมาที่หน้าพรหมพยัคฆ์
อีกมุมหนึ่ง คำสูรย์พยายามวิ่งตามมาให้ทันกลุ่มณจันทร์
พรานจุนมองพรหมพยัคฆ์เข้ามาใกล้จึงยิง แต่พรหมพยัคฆ์กระโดดสูงพ้นวิถีกระสุน แล้วขึ้นคร่อมพรานจุน ตะปบที่คอเลือดกระฉูด
ทางด้านหลัง คำสูรย์มาถึงพร้อมไม้ท่อนใหญ่ แล้วง้างสุดแรงตีใส่พรหมพยัคฆ์ทันที
พรหมพยัคฆ์ทรุดลงเกือบหมดสติ
คำสูรย์รีบวิ่งมาดึงคำแปงกับณจันทร์วิ่งหนีออกไป
พรหมพยัคฆ์พยายามทรงตัวลุกขึ้น มองหาแล้วเริ่มออกตามต่อ
ปักษะวิ่งเข้ามาในป่า มองไม่เห็นอาชากับแล้ว เริ่มกังวลว่าคงจะพลัดหลงกัน ลายเมฆตามมาเรื่อยๆ จนปักษะจนมุม ลายเมฆมองอย่างเหี้ยมโหด
"เจ้านายคงมีความสุข ถ้าได้หัวแกเป็นของขวัญ"
ลายเมฆกระโดดมาอยู่ตรงหน้า ปักษะมองอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะถอยหลังอีกครั้ง โดยไม่ทันได้ระวัง เขาสะดุดรากไม้กลิ้งลงไปตามทางลาดของป่า เขากลิ้งหายไป ลายเมฆลังเลก่อนตัดสินใจหันหลังกลับไปหาพรหมพยัคฆ์
ทั้งสามวิ่งหนีมาในป่า คำแปง และณจันทร์ท่าทางกลัวและเหนื่อยอ่อน คำแปงลงไปกองกับพื้น ขาของคำแปงมีด้ายสีขาวเหมือนกับสายสิญจน์ พันอยู่เต็มไปหมด คำแปงดึงมันออกแล้วปาทิ้งอย่างไม่ได้สนใจ ณจันทร์มองด้ายนั้นอย่างสนใจ
"โอ๊ย ฉันวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้วพี่"
คำสูรย์ดึงคำแปงขึ้นมา
"ไม่ได้นะ มันตามมาแล้ว เราต้องหนี"
"นี่มันด้ายอะไรอะอาคำสูรย์"
ณจันทร์ชี้ด้ายที่คำแปงทิ้งลงพื้น คำสูรย์ก้มหยิบด้ายที่ขึ้นมาดู มองอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ก็เห็นร่างมืดๆกระโจนอยู่บนต้นไม้ ผ่านทั้งสามไป
"มันมาแล้ว เร็วเข้า หนีก่อนเถอะครับคุณหนู"
ทันใดนั้นทั้งหมดก็ชะงัก พรหมพยัคฆ์กระโดดลงมาขวางหน้า จ้องมองอย่างเหี้ยมโหด
"ยังไงแกก็หนีไม่พ้นหรอก เตรียมตัวไปอยู่เป็นเพื่อนไอ้พรานสองตัวนั่นเถอะ"
"กูไม่กลัวตายหรอก ต่อให้กูเป็นผี กูก็จะตามล่ามึง ไม่ปล่อยให้มึงได้สมหวังหรอก" คำสูรย์บอก
พรหมพยัคฆ์หัวเราะเยาะ
"แล้วเราจะได้เห็นกัน ว่าถ้าตายแล้วจะกลับมาทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า"
พรหมพยัคฆ์ยกมือขึ้น เล็บแหลมคมออกมาจากนิ้วมือ แล้วเดินช้าๆเข้ามาใกล้ทั้งสาม คำสูรย์มองอย่างหวาดกลัว แต่ก็เอาตัวบังณจันทร์ไว้ ณจันทร์ทนไม่ไหว ดึงตัวคำสูรย์ และตัดสินใจเผชิญหน้ากับพรหมพยัคฆ์เอง
"คุณหนู"
"ถอยไปเถอะอาคำสูรย์ ฉันจะสู้กับเขาเอง"
"ไม่ได้นะ อายอมให้คุณหนูเป็นอะไรไปไม่ได้"
"ฉันก็ทนเห็นอาต้องตายไม่ได้หรอก ฉันเห็นคนต้องตายเพราะฉันมามากพอแล้วนะ
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังโต้เถียงกัน และพรหมพยัคฆ์กำลังจะเดินมาถึงตัวทั้งสาม ก็เกิดลมพัดแรงขึ้น พร้อมกับเสียงอังกอร์ที่ดังขึ้น พรหมพยัคฆ์ชะงัก เสียงดังขึ้นอีก แล้วก็มีกลุ่มคนสวมหน้ากาก ปรากฏขึ้นจากมุมต่างๆรอบตัว ยกขึ้นและยกลงเป็นจังหวะ
"ใคร! พวกแกเป็นใคร"
ไม่มีเสียงตอบจากบรรดาหน้ากาก เสียงอังกอร์ดังขึ้นอีก พรหมพยัคฆ์คำรามก้อง ทันใดก็มีธนูถูกยิงเฉียดผ่านหูพรหมพยัคฆ์ ไปปักติดที่ต้นไม้ด้านหลัง พรหมพยัคฆ์เริ่มถอยหลัง มองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง มีหอกพุ่งมาปักใกล้ตัวอีก
พรหมพยัคฆ์เริ่มตั้งท่าที่จะต่อสู้ คำรามเสียงดังกึกก้องป่า เห็นดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กงเล็บเริ่มงอกยาวออกมา เสือซ้อนทับบนหน้า
พวกณจันทร์หันมองรอบๆอย่างหวาดกลัว ไม่แน่ใจว่ากำลังเผชิญอยู่กับพวกไหน
อยู่ๆก็มีธนูยิงพุ่งตรงเข้ามา พรหมพยัคฆ์ใช้มือคว้าจับลูกธนูไว้ด้วยความเร็วเกินมนุษย์ แล้วหักทิ้ง ตะโกนแล้วกวาดตามองไปรอบๆ
"พวกแกเป็นใคร"
พรหมพยัคฆ์คำรามก้องด้วยความโกรธ ทันใดนั้นกลุ่มคนสวมหน้ากากค่อยๆก้าวออกมาจากต้นไม้ พุ่มไม้ ล้อมรอบพรหมพยัคฆ์ หนึ่งในนั้นก้าวนำออกมา
"มันไม่ใช่คน มันเป็นเสือ ! เสือสมิง" พ่อใหญ่บอก
เสียงกลุ่มคนฮือขึ้นมา ขยับวงล้อมให้กว้างขึ้น ณจันทร์หันขวับไปมองด้วยความตกใจที่พ่อใหญ่รู้ พรหมพยัคฆ์จ้อง พ่อใหญ่ถอดเขี้ยวเสือที่ห้อยคอออกมา ยกขึ้นพนมท่องคาถาพึมพำ แล้วพันไว้ที่หน้าไม้ ยกขึ้นเล็งไปที่พรหมพยัคฆ์ ชาวบ้านที่ถืออาวุธอื่นๆอยู่ มีทั้งธนูทั้งหอก ที่ล้อมรอบอยู่ทำตามแบบเดียวกับพ่อใหญ่ ถอดเขี้ยวเสือพันอาวุธไว้ พร้อมเล็งตรงไปที่พรหมพยัคฆ์
"ฆ่ามัน อย่าปล่อยให้มันรอดไปได้"
"ไอ้พวกมนุษย์หน้าโง่ แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด ให้เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน"
พรหมพยัคฆ์หัวเราะ พร้อมคำรามลั่น ก่อนจะกระโจนพุ่งใส่ พ่อใหญ่ยิงหน้าไม้ทันที พรหมพยัคฆ์เบี่ยงตัวหลบได้ พ่อใหญ่เตรียมเล็งหน้าไม้อีกครั้ง แต่ไม่ทัน พรหมพยัคฆ์พุ่งมาประชิดตัว คว้าคอพ่อใหญ่กำไว้ จ้องเพ่งพยายามจะใช้อำนาจของตน แต่กลับใช้ไม่ได้ พรหมพยัคฆ์ชะงักไปเล็กน้อย สังเกตเห็นเขี้ยวเสือที่พันหน้าไม้อยู่
จังหวะนั้นลูกธนูก็พุ่งปักที่กลางหลัง พรหมพยัคฆ์สีหน้าเจ็บปวด หันขวับกลับไปมอง เห็นกลุ่มชาวบ้านยิงธนูมาอีกหลายดอก พรหมพยัคฆ์ละมือจากพ่อใหญ่กระโดดหลบลูกธนูเหล่านั้น คำรามลั่นด้วยความโกรธ
พ่อใหญ่ยกหน้าไม้มาอีกครั้ง พรหมพยัคฆ์เห็นจะเข้าไปเล่นงานพ่อใหญ่อีกครั้ง แต่ชาวบ้านเล็งธนูมาที่พรหมพยัคฆ์อีกรอบ พรหมพยัคฆ์ลังเล หันมองณจันทร์
"ณจันทร์ คุณไม่มีวันหนีผมได้"
พรหมพยัคฆ์ กวาดตามองชาวบ้านอย่างโกรธแค้น ก่อนจะหันไปจ้องพ่อใหญ่
"ฉันจะกลับมาฆ่าพวกแกทุกคน พวกแกทุกคนต้องตาย"
พรหมพยัคฆ์พูดจบก็คำรามลั่นอีกครั้ง ก่อนจำต้องกระโจนหนีไป กลุ่มชาวบ้านยิงธนูไล่หลังไป แล้วทำท่าจะวิ่งตามไป แต่พ่อใหญ่ตะโกนห้ามไว้ก่อน
"ไม่ต้องตามมันไป กลับเข้าหมู่บ้านก่อน"
พ่อใหญ่มองณจันทร์อย่างสงสัย ณจันทร์หลบตา คำแปงกอดแขนณจันทร์แน่น คำสูรย์เบี่ยงตัวมาขวางณจันทร์ไว้
"เดี๋ยวมันก็กลับมา คนที่มันต้องการอยู่ที่นี่"
ทั้งหมดหันมองที่ณจันทร์
พ่อใหญ่พูดเป็นภาษาชาวเขา
"คุมตัวพวกนี้ไป"
ชาวบ้านเข้ามาจับตัวพวกณจันทร์ พ่อใหญ่มองป่าที่พรหมพยัคฆ์หนีไปอย่างกังวล
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสือ ตอนที่ 5 (ต่อ)
พวกคนที่ใส่หน้ากากก้าวเข้ามาล้อมพวกณจันทร์ บรรยากาศดูน่ากลัว หนึ่งในนั้นคว้ามีดออกมา และเดินไปที่กลุ่มณจันทร์ที่ยังโดนตาข่ายคลุมอยู่
คำแปงตกใจ
"พวกแกจะทำอะไรนะ อย่านะ"
ชายคนนั้นเอามีดเข้าไปใกล้ แล้วก็ตัดตาข่ายปล่อยทุกคนให้เป็นอิสระ ทุกคนถอดหน้ากากออกมาดูเป็นชาวบ้านป่าธรรมดา หนึ่งในนั้นที่ดูเหมือนหัวหน้าก้าวเข้ามาข้างหน้าจ้องมองทั้งสามอย่างถมึงทึง
" พาพวกมันเข้าไปในหมู่บ้าน" พ่อใหญ่สั่ง
"พ่อใหญ่ พวกมันกำลังถูกตามล่า มันอาจไปลักแพะบ้านอื่นมา หรือเป็นพวกผิดผี ผิดรีต ถ้าให้รอยตีนมันขึ้นหัวเรือน ผีเรือนมีแต่จะก่นคำด่าคำแช่ง" ชาวบ้านบอก
"สูไม่ต้องห่วง หากมันเป็นพวกผิดรีตจริง ข้าจะไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่"
"แต่พ่อใหญ่"
พ่อใหญ่มองอย่างดุ
"นี่สูไม่เชื่อดาบของข้า ไม่เชื่ออาคมของปู่แถน แล้วหรือ"
ชาวบ้านนิ่งไม่กล้าพูดอะไรต่อ พ่อใหญ่จึงหันไปสั่ง
"ข้าจะหาความกับไอ้พวกนี้เอง พวกสูไปดูไอ้คนที่อยู่ไปในหลุมนั่น ไปสิ"
พ่อใหญ่เดินกลับหมู่บ้าน โดยมีชาวบ้านที่คุมตัวณจันทร์และคำสูรย์ไป ส่วนอีกกลุ่มเดินไปทางหลุมที่พรหมพยัคฆ์ตกลงไป
ชาวบ้านเดินมาตามทาง บ่นๆ
ชาวบ้าน1 บอก
"ข้าไม่วางใจ พวกมันเป็นใครก็ยังไม่รู้ พ่อใหญ่กลับคิดจะเสี่ยงต่อคำแช่ง"
ชาวบ้าน 2 บอก
"เอาเตอะ ถ้ามันเป็นพวกผิดผีจริง มันก็ต้องตายด้วยคมดาบของพ่อใหญ่อยู่แน่ละ เราช่วยเอาซากไอ้นี่ออกจากหลุมดีกว่า"
"สูรู้ได้ยังไงว่ามันตายแล้ว"
"ถามได้ สูเคยเห็นใครที่โดนขวากไม้ไผ่ลงอาคมของปู่แถนแล้วยังมีลมหายใจอยู่ได้เล่า"
ชาวบ้านถือคบไฟอยู่ในมือ ส่องไปที่หลุม แต่กลับเห็นแต่ขวากไม้ไผ่ที่มีรอยเลือดติดอยู่ ร้องบอกเพื่อน
"ไหนเล่าซากมัน ข้าไม่เห็น"
ทันใดนั้นชาวบ้านก็ชะงัก เห็นแต่ตาเรืองแสงเหลืองๆออกมาจากมุมมืด และแล้วร่างของพรหมพยัคฆ์ก็กระโจนจากหลุมขึ้นมา คำรามลั่น ชาวบ้านทั้งสองตกใจสุดขีด พรหมพยัคฆ์ปัดคบไฟในมือหลุด และตะปบจนเลือดสาดกระจายทั้งสองคน "อ๊ากส์" ชาวบ้านทั้งสองล้มลงขาดใจตาย
ภายใต้ก้นหลุมลึกในป่า ปักษะที่พลัดตกลงมานอนสลบอยู่ สักพักก็ค่อยๆฟื้น ลืมตาตื่นขึ้นมา สลัดหัวไล่ความมึน มองไปข้างบน เห็นปากหลุมอยู่สูง แต่มีไม้เถาวัลย์อยู่พอให้เกาะ ปักษะเอื้อมมือไปจับเถาวัลย์ไว้ แล้วเขาก็ขึ้นมาจากหลุมได้สำเร็จ มองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครอยู่เลย ปักษะพยายามเรียกเพื่อน
"อาชาๆ แกอยู่แถวนี้หรือเปล่า"
ไม่มีเสียงตอบ ปักษะเลยเดินร้องเรียกต่อไปเรื่อย
"อาชาๆ นายแสง"
ภายในหมู่บ้านผาสมิง พวกณจันทร์ถูกกันให้รวมอยู่ตรงกลาง มีพวกชาวบ้านอยู่ล้อมรอบอยู่ ท่าทางเหมือนกำลังพิจารณาตัดสินความผิด ตรงหน้าทั้งสามมีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง
คำแปงกลัวมาก
"จับพวกเรามาแบบนี้ นี่พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย พวกมันคงไม่ใช่พวกเผ่ากินคนหรอกนะคะคุณหนู"
คำสูรย์บอก
"พูดบ้าๆน่ะคำแปง เผ่ากินคนอะไรของแกแถวนี้มีที่ไหนกัน"
ณจันทร์ครุ่นคิด
"ฉันว่าพวกเขากำลังตัดสินกันอยู่นะ ว่าจะทำยังไงกับพวกเรา"
"แล้วใครเป็นคนตัดสินกันละคะ"
พ่อใหญ่ตะโกน
"ปู่แถนออกมาแล้ว"
ทันใดนั้น ชาวบ้านทั้งหมดก็เงียบเสียงลง กระท่อมเปิดออก ปู่แถน ชายแก่ ท่าทางทั้งน่ากลัว และน่าเกรงขาม ถือไม้เท้า นุ่งชุดขาวที่มีหนังเสือคลุมทับอยู่ ใส่เขี้ยวเสืออันใหญ่ และโพกผ้ามีตราสัญลักษณ์บางอย่างของหมู่บ้าน
ปู่แถนกวาดตามองมาที่กลุ่ม ก่อนจะเดินเข้ามาประชิด ถามด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
"พวกสูเป็นใครกัน ล่วงเข้าหมู่บ้านข้าทำไม"
ณจันทร์ตกใจพูดอะไรไม่ออก แต่คำสูรย์โกหกออกไป
"พวกเราเป็นคนเดินป่า ตั้งใจจะมาเที่ยวชมธรรมชาติกันเท่านั้น"
"หมู่บ้านของข้าไกลล้ำไกลเหลือ กว่าผู้ใดจะล่วงเข้ามา ต้องเดินเท้าไม่ต่ำกว่าห้าวันห้าคืน ข้าไม่เชื่อว่าพวกสูจะมาแค่เดินป่า"
"ไม่มีอะไรหรอกนะ คือ พวกเราเดินหลงป่าเข้ามาลึก แล้วยังเจอกับไอ้ผู้ร้ายกลางทาง มันคิดจะปล้นเรา เราถึงหนีจนมาถึงที่นี่"
ปู่แถนเข้าไปจ้องคำสูรย์ใกล้ๆ แล้วก็ใช้ไม้เท้าตบหน้า
"โกหก"
คำสูรย์หน้าชาไปเลย ปู่แถนจ้องตา
"ตาสูไม่ซื่อ ลมปากสูก็ล้วนเป็นแต่คำลวง บอกข้ามาว่าพวกสูมาทำอะไรที่นี่"
"เรา…เรามา เอ่อ เราตั้งใจจะไปหมู่บ้านผาสมิง"
ชาวบ้านทุกคนฮือฮาขึ้น แต่ปู่แถนยกมือห้ามไว้
"สูจะไปที่หมู่บ้านนั้นทำไม สูมีธุระอะไรกับที่นั่น"
"เอ่อ หลานสาวของฉันเขาเป็นคนทำหนังสือ เขาอยากไปถ่ายรูปหมู่บ้านนั่น ไปลงในหนังสือของเขา"
ปู่แถนใช้ไม้เท้าตบคำสูรย์จนหน้าหันอีกครั้ง
"โกหก"
" โอ๊ย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกแกด้วย พวกข้าไม่ได้คิดจะมายุ่งอะไรกับพวกแกเลย พวกข้าจะไปหมู่บ้านผาสมิง ได้ยินไหม"
ชาวบ้านฮือฮาอีก
"มันเกี่ยวกับพวกข้าสิ เพราะว่าที่นี่ ที่หมู่บ้านของเรา ผืนดินที่สูเหยียบอยู่นี่ มันคือ หมู่บ้านผาสมิง"
คำสูรย์ชะงัก ไม่คิดว่าตนเองจะมาถึงจุดหมายแล้ว
"ทีนี้พวกสูพูดความจริงมา สูคิดสิ่งใดจึงล่วงเข้ามาที่นี้ อย่าโกหกอีก"
คำสูรย์อึกอัก แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโหวกเหวก โวยวายขึ้นมา ปู่แถนชะงักหันไปมอง ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนรอบๆหมู่บ้าน วิ่งหน้าตื่นเข้ามา ในมือกำสายสิญจน์ แบบเดียวกับที่พันคำแปง
"มีคนบุกรุกๆ สายสิญจน์ลงอาคม ที่คุ้มกันรอบหมู่บ้านขาดครับพ่อใหญ่"
ชาวบ้านยื่นให้ พ่อใหญ่รับมา คำแปงกลืนน้ำลายเอือกหันมองณจันทร์
คำแปงกระซิบ
"ไอ้นั่นที่พันติดน้ามาจากในป่านี่คุณหนู"
พ่อใหญ่มองสายสิญจน์ในมือ
"สายสิญจน์ลงอาคม ป้องกันเสือสมิง มีคนทำแนวอาคม ...แบบนี้เอง ไอ้เสือตนนั้นถึงเข้ามาในหมู่บ้านได้"
ปู่แถนหันขวับมองไปที่กลุ่ม
"พวกเจ้าเกี่ยวข้องยังไงกับเสือตนนั้น บอกความจริงข้ามา"
ณจันทร์สีหน้าตกใจ ปู่แถนจ้องจะเอาความจริง พ่อใหญ่ และทุกคนในหมู่บ้านจ้องไปที่เธอ
เวลาต่อเนื่องมา ปู่แถน พ่อใหญ่ และชาวบ้านก้าวมายืนหยุดที่หน้าหมู่บ้าน ปู่แถนมองไปที่แคร่ซึ่งมีร่างของชาวบ้านสองคนนอนตายอยู่ พ่อใหญ่เข้าไปดูใกล้ๆ
"รอยเล็บเสือ ไม่ผิดแน่"
"ข้าเห็นพวกมันหายไปนาน เลยกลับไปดูที่หลุมดัก ก็เจอพวกมันสองคนนอนตายอยู่หน้าหลุม แต่ในหลุมไม่มีอะไรอยู่ในนั้น"
ปู่แถนนิ่งอึ้ง หน้าซีดด้วยความกลัว
"ไม่มีใคร หรือสัตว์อะไร จะรอดพ้นขวากอาคมของข้าไปได้ นอกจากมันเท่านั้น"
พ่อใหญ่ชะงัก
"นี่หมายความว่า มันกลับมาแล้วจริงๆหรือปู่แถน"
ปู่แถนพยักหน้าช้าๆ
"สูเจ้าก็เห็นกับตาแล้วนี่ ไม่ผิดไปจากนี้แน่"
พ่อใหญ่ท่าทางตื่นกลัว
เวลาผ่านไป ทั้งสามถูกผลักลงล้มกับพื้น มีปู่แถน พ่อใหญ่ และชาวบ้านจำนวนหนึ่งล้อมอยู่
พ่อใหญ่คว้าดาบออกมา และเดินไปดึงตัวคำสูรย์ให้ลุกขึ้น พร้อมกับเอาดาบจ่อที่คอ ณจันทร์และคำแปงตกใจมาก
"เพราะพวกสูแท้ๆ มันถึงได้กลับมา บอกมา พวกสูไปทำผิดผี ผิดรีตอะไรไว้"
คำสูรย์บอก
"กูไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น กูบอกแล้วไงว่ากูจะขึ้นไปถ่ายรูปวัดแค่นั้นจริงๆ"
"ไม่จริง ถ้าพวกสูไม่ทำอะไร แล้วไอ้ผีร้ายมันมาที่นี่ได้ยังไง ไอ้เสือผี เสือเจ้าตัวนั้นมันตามพวกสูมาใช่ไหม"
ทั้งคำสูรย์ และณจันทร์ต่างตกใจที่พ่อใหญ่รู้เรื่องเสือผี
"พูดความจริงออกมา ไม่เช่นนั้นดาบข้าได้ดื่มเลือดสูแน่"
พ่อใหญ่ทำท่าจะกดมีดลงไป ณจันทร์ตกใจรีบลุกขึ้นมา
"อย่านะ อย่าทำอะไรลุงคำสูรย์"
พ่อใหญ่เห็นเขี้ยวเสือที่คอณจันทร์ เข้ามาดึงดูใกล้ๆ
"เขี้ยวเสือ! สูเกี่ยวข้องอะไรกับเสือสมิงตัวนั้น"
ณจันทร์ตกใจ
"ฉัน เปล่านะ ฉันไม่ได้"
พ่อใหญ่โมโห
"สูปากแข็งนัก ขนาดนี้ยังบอกไม่รู้ไม่เห็น ดีละ งั้นข้าจะเป็นคนเอาเลือดของสูมาล้างคำแช่งของเสือเจ้าเอง"
พ่อใหญ่คว้ามีดออกมา แล้วกดมีดที่คอของณจันทร์ จนเลือดเริ่มไหล
"คุณหนู"
ณจันทร์เริ่มรู้สึกหน้ามืด สัญชาตญาณในตัวเธอเริ่มแสดงออกมา ตาเริ่มมีแสงสีเหลือง แล้วกรงเล็บก็งอกออกมา เธอใช้กรงเล็บตะปบที่มือของพ่อใหญ่จนมีดหลุด พ่อใหญ่ชะงัก ถอยหนีออกมา ปู่แถนมองอาการประหลาดที่เกิดขึ้น แล้วก็เห็นแผลที่คอของณจันทร์กำลังสมานตัวอย่างรวดเร็ว
ปู่แถนหลังจากมองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
"ข้ารู้แล้ว ไอ้เสือสมิงตัวนั้นมันต้องการอะไร มันต้องการตัวสู สูเป็นคู่ของมัน เป็นเสืออีกตัวหนึ่ง!"
พ่อใหญ่และชาวบ้านตกใจ มองณจันทร์อย่างหวาดกลัว พ่อใหญ่สั่งคนในหมู่บ้าน
"เราต้องกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก ฆ่าผู้หญิงคนนี้ซะ"
ณจันทร์ และคำสูรย์ตกใจมาก
ปักษะกลิ้งมาแล้วสลบอยู่ ค่อยๆลืมตัว ยกมือกุมขมับด้วยความเจ็บ ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้น หันมองรอบตัว เค้ากลิ้งตกลงมาในป่าลึก ปักษะพยายามไล่เรียงเรื่องราว จนจำได้ว่าเค้ากำลังตามหาณจันทร์อยู่
"ณจันทร์"
ปักษะยันตัวลุกขึ้น ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ใกล้ๆ เขาเงี่ยหูฟัง ก่อนจะค่อยลุกแล้วออกเดินไปตามต้นเสียง
พวกของณจันทร์ถูกจับมัดตัวไว้แน่นหนา คำแปงพยายามขอร้อง
"อย่าทำอะไรคุณหนูเลย คุณหนูต้องคำสาปเสือ เธอไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ เธอเป็นคนดีจริง ๆ นะ อย่าฆ่าเธอเลย"
ปู่แถนเริ่มมีท่าทางลังเล
"มันเป็นเสือ ต้องฆ่ามัน ก่อนที่พวกมันจะฆ่าพวกเราทุกคน"
"ฟังเราก่อน พวกเราตั้งใจมาที่นี่ ก็เพราะรู้ว่ามีวิธีล้างคำสาป เราต้องการช่วยให้คุณหนูกลับมาเป็นเหมือนเดิม คุณหนูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ไม่ได้ต้องการเป็นเสือ"
ณจันทร์สีหน้าเจ็บปวด กับชะตากรรมที่ต้องเจอ
"หุบปากได้แล้ว เสือก็คือเสือ พวกมันต้องตายที่นี่"
ปักษะเดินตามธารน้ำมา จนถึงทางเข้าหมู่บ้าน ปักษะเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเดินเวรยามอยู่ เค้ารีบหลบหลังพุ่มไม้ สังเกตเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆย่องหลบสายตาชาวบ้านเข้าไปในหมู่บ้าน พ่อใหญ่ให้พวกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งคุมตัวคนทั้งสามออกไปที่ลานทำพิธีกลางหมู่บ้าน ปู่แถนมองตามอย่างไม่สบายใจนัก
ปักษะได้ยินเสียงโห่ร้อง เสียงอังกอร์ดัง ก็รู้สึกไม่สบายใจนัก กังวลว่า มันอาจจะเกี่ยวข้องกับณจันทร์ เขาค่อยๆเดินอย่างระวังตามเสียงที่มาจากกลางลานหมู่บ้าน
ทุกคนถูกมัดไว้ที่เสาแห่งหนึ่ง โดยมีพ่อใหญ่ยืนคุมอยู่ ชาวบ้านเริ่มขนฟืนและไม้วางไว้รอบๆ ชาวบ้านอีกกลุ่มยืนล้อมรอบ พร้อมกับสั่นอังกอร์ดังลั่น เสียงโห่อื้ออึง คำสูรย์ตกใจ
"นี่มันเอาฟืนมาทำไม หรือว่า…"
ชาวบ้านเอาคบไฟมาถือไว้ จ้องไปที่ทั้งสาม
คำแปงบอก
"แย่แล้ว ทีนี้พวกเราต้องกลายเป็นไก่ย่างแน่ๆ"
ชาวบ้านเอาคบเพลิงก้าวเข้ามาใกล้ทั้งสาม ณจันทร์พยายามดิ้น ให้หลุดจากเชือก
"อย่านะ"
"พวกแกจะทำอะไร ฉันไม่ใช่อาหารของพวกแกนะ...อย่า" คำแปงบอก
ไฟจากฟืนเริ่มลุกสว่างขึ้น พ่อใหญ่ยิ้มอย่างพอใจ แต่ปู่แถนมองอย่างไม่สบายใจนัก
"อีกไม่นาน พวกแกก็จะเหลือแต่ซาก เสืออย่างแกต้องตาย" พ่อใหญ่บอก
ปักษะวิ่งมาถึง เห็นว่าเป็นณจันทร์ ก็ตกใจมาก
"ณจันทร์ นั่นคุณนี่"
ปักษะหันมองรอบตัว เค้าคว้าไม้ที่อยู่แถวนั้น วิ่งออกไปที่ลานกลางหมู่บ้านทันที
ปักษะวิ่งเข้าไป ชาวบ้านต่างตกใจ วิ่งมากันปักษะไว้ ณจันทร์เห็นเขาทั้งดีใจและตกใจ เขาใช้ไม้ตีพวกชาวบ้านจนคว่ำ และวิ่งเข้าไป ใช้เสื้อดับไฟให้ ไฟดับลง แต่ปักษะก็โดนพวกชาวบ้านชกและลากออกไปหน้าพ่อใหญ่
ปักษะพยายามดิ้นบอก
"ปล่อย! พวกแกจะทำบ้าอะไร ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ"
"สูเป็นพวกเดียวกับมันเหรอ" พ่อใหญ่สั่งลูกบ้าน "มัดมันไว้ กำจัดพวกมันให้สิ้นซากไปพร้อมกันเลย"
ณจันทร์ตกใจ
"ไม่นะ! เขาไม่เกี่ยว ปล่อยเขาไป"
"พวกของสู มันก็คือพวกเสือสมิง เสือผีเหมือนกัน ข้าปล่อยมันไว้ไม่ได้"
ณจันทร์อึ้ง แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา
"แต่ฉันไม่รู้จักเขา"
พ่อใหญ่ชะงัก ปักษะเองก็อึ้ง
"ฉันไม่รู้จักว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ถามเขาสิ เขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย"
พ่อใหญ่ถามปักษะ
"สูรู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม"
ณจันทร์พยายามส่งสัญญาณว่าอย่าพูดอะไรทั้งนั้น พ่อใหญ่ขู่
"สาบานต่อหน้าข้า ถ้าสูกล่าวคำลวงละก็ ขอให้…"
ปักษะพูดสวนขึ้นมาทันที
"ไม่จำเป็นหรอก ผมรู้จักผู้หญิงคนนี้" ณจันทร์ตกใจ "ผมมาที่นี่เพื่อตามหาเธอ"
พ่อใหญ่ยิ้มเหี้ยม
"สูรับแล้วหรือว่าสูเป็นพวกมัน จับมันมัดไว้"
ปักษะที่ถูกมัดไว้และชาวบ้านพาตัวมาผูกไว้ที่เสาเดียวกับณจันทร์ เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
"ทำไมคุณทำแบบนี้ ทำไมไม่โกหก ทำไมไม่หนีไป"
ปักษะสบตาณจันทร์และพูดอย่างหนักแน่น
"ผมไม่มีวันจะทิ้งคุณหรอกณจันทร์"
ณจันทร์นิ่งอึ้ง ซึ้งใจในความรักของเขา
พ่อใหญ่สั่ง
"จุดไฟได้"
ไฟถูกจุดอีกครั้งหนึ่ง ชาวบ้านเอื้อมมือไปจุดไฟที่ฟืน รอบๆพวกณจันทร์เริ่มมีไฟลุกอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นก็เกิดเงาใหญ่ดำมืดทาบทับ ชาวบ้านชะงัก มองขึ้นไปที่ฟ้า
พระอาทิตย์เกิดเงามืดมิดมาบัง เกิดสุริยคราส ชาวบ้านต่างตื่นตกใจวิ่งกันวุ่น พ่อใหญ่ และปู่แถนก็นิ่งตะลึงไป
"เกิดอาเพศใหญ่แล้ว ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะเกิดกับหมู่บ้านเราแล้ว"
ปักษะและพวกณจันทร์ก็มองอย่างตกตะลึง
"หยุดพิธีเดี๋ยวนี้"
ชาวบ้านรีบเข้าไปดับไฟ ทันใดที่ไฟดับลง ฟ้าก็เปิดโล่งสว่างเหมือนเดิม ชาวบ้านต่างอัศจรรย์ใจในปาฏิหารย์ ปู่แถนนิ่งมองปักษะ แล้วก็รู้สึกได้ในพลังพิเศษที่ส่องประกายมาจากตัวเขา ปู่แถนนิ่งงัน จ้องหน้านิ่งนาน ก่อนที่จะจ้องไปที่ท้องฟ้า และเข้าไปคุกเข่าคำนับตรงหน้าปักษะ
"ยกโทษให้พวกข้าด้วย"
พ่อใหญ่นิ่งอึ้ง
พ่อใหญ่ถาม
"ปู่แถน นี่สูทำอะไรนี่"
"สูคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้! สูไม่เห็นเหรอว่าฟ้าส่งชายคนนี้มา ห้ามใครทำอะไรชายคนนี้เด็ดขาด"
"แต่..."
"คุกเข่าลง! หรือสูอยากเห็นคำแช่งของฟ้าอีก"
พ่อใหญ่นิ่ง แล้วคุกเข่าตามปู่แถน แล้วชาวบ้านทั้งหมดก็คุกเข่าให้กับปักษะ
ปักษะอึ้ง ณจันทร์เองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
เวลาต่อมา ปักษะถูกแก้เชือกที่มัดออกแล้ว ปู่แถนถามอย่างเคารพ
"ท่านมาทำอะไรที่นี่"
"ผม เอ่อ ผมมาตามหาเพื่อน ผมเห็นว่าพวกคุณจับเพื่อนของผมไว้ คงเกิดความเข้าใจผิดอะไรกันบางอย่าง"
ปู่แถนชะงัก
"นี่พวกนั้นเป็นเพื่อนของท่านงั้นเหรอ"
"ใช่ เธอชื่อณจันทร์ ผมมาตามหาเธอ"
ปู่แถนนิ่งไปสักพัก ก่อนตัดสินใจบอกชาวบ้าน
"ปล่อยพวกนั้นออกมา"
"แต่ปู่แถน"
ปู่แถนมองอย่างจริงจัง
"ถ้าสูยังนับถืออาคมของข้าอยู่ ก็ทำตามที่ข้าพูด"
พ่อใหญ่นิ่งอึ้ง ชาวบ้านเดินไปแก้มัด พวกณจันทร์ที่ถูกแก้มัดแล้วเดินออกมาจากกองฟืน เธอมองปักษะอย่างคิดไม่ถึง เขายิ้มด้วยความดีใจ แต่เพราะยังไม่แน่ใจว่า ณจันทร์จะยังผลักไสเขาอยู่หรือเปล่า จึงไม่กล้าแสดงออกมา
"ณจันทร์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า"
ณจันทร์ซาบซึ้งจนลืมที่จะห้ามความรู้สึกตนเอง เธอเข้าไปกอดปักษะไว้ ปักษะชะงัก
"คุณปักษะ คุณรู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่เห็นคุณ ฉันคิดว่าฉันคงไม่ได้เจอคุณอีกแล้ว"
ปักษะนิ่งไปเพราะคิดไม่ถึง
"คุณก็รู้นี่ ว่ายังไงผมก็ต้องตามหาคุณจนเจอ"
อีกมุมหนึ่ง พ่อใหญ่ยังคงคัดค้านการตัดสินใจของปู่แถน
"ปล่อยเสือผีให้อยู่รอด นี่สูคิดอะไรของสูกันแน่ปู่แถน"
"ตามข้าไปที่เรือน สูกับข้ามีเรื่องต้องพูดกัน คนอื่นรออยู่ที่นี่"
ปู่แถนออกไปพร้อมพ่อใหญ่ที่เดินตามไปติดๆ
ในกระท่อม พ่อใหญ่ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงกับปู่แถน
"เลิกพูดเรื่องหน้าที่ของหมู่บ้านได้ไหม หน้าที่ของข้าคือปกป้องทุกคนในเผ่า"
"สูก็รู้ดี ตำนานตั้งแต่ปู่ย่าบอกชัด หมู่บ้านผาสมิงของเราถูกสร้างมาเพื่อการนี้ เพื่อจะเป็นที่ให้ผู้ที่อยู่ในเงามืดได้พบแสงสว่าง เพื่อลบล้างคำสาปของเสือสมิง เราต้องทำพิธีให้ผู้หญิงคนนั้น"
"แล้วถ้าพิธีไม่สำเร็จละจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเสือตัวนั้นเข้ามาหาคู่ของมัน อาคมของสู กับดาบของข้าจะทานมันไหวเหรอ ไม่แค่สูกับข้าที่จะต้องตาย แต่คนทั้งเผ่าเราก็จะตายหมด เหมือนที่เคยตาย"
"จะไม่มีใครตายทั้งนั้น เพราะฟ้าอยู่ข้างเรา เจ้าก็เห็นว่าฟ้าส่งชายหนุ่มนั่นมาให้เรา มันเปิดฟ้าได้ และข้ามองเห็นรังสีบางอย่างจากตัวมันด้วย เมื่อมีมันอยู่ข้างเรา เราจะไม่มีทางแพ้เสือผี"
พ่อใหญ่นิ่งคิดสับสน
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสือ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ปักษะกำลังอยู่กับพวกณจันทร์ที่โดนปล่อยตัวแล้ว ปักษะดูกระวนกระวาย
"พวกนั้นหายไปตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันบ้าง"
"นั่นนะสิคะ ไม่รู้จะจับเราไปเป็นทำอาหารแบบอื่นอีกหรือเปล่า" คำแปงว่า
ปักษะทนไม่ไหว จึงลุกขึ้น
"ผมจะไปดู เผื่อจะช่วยพูดอะไรได้ คุณรออยู่ที่นี่นะ"
"คุณปักษะ"
ณจันทร์เรียกไม่ทัน ปักษะเดินออกไปอย่างเร็ว ณจันทร์ท่าทางกังวล
"ไม่ต้องห่วงหรอกคะคุณหนู คุณปักษะพูดให้พวกนั้นปล่อยเราออกมาได้ ก็ต้องช่วยเราได้อีกแน่"
"แต่…ฉันกลัวว่าพวกนั้นจะพูดอะไรเกี่ยวกับตัวฉันให้เขารู้น่ะซี"
คำแปงชะงัก รู้ว่าจริงๆแล้วณจันทร์กลัวปักษะจะรู้เรื่องเสือสมิง !
"ข้าว่าก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าไอ้หนุ่มนั่นมันจริงใจกับคุณหนูแค่ไหน"
ณจันทร์ยิ่งรู้สึกกังวล
ปู่แถนพยายามหว่านล้อมพ่อใหญ่
"สูยังไม่เข้าใจอีกเหรอ สูจะฆ่าพวกนั้นไม่ได้ บรรพบุรุษสั่งสอนสืบต่อกันมา ดาบของสูมีไว้เพื่อรักษารีต ไม่ใช่เพื่อเข่นฆ่า ถ้าสูฝืนรีต ก็เท่ากับผิดคำสั่งฟ้า ฟ้าจะลงโทษเรา จะเกิดอาเพศ หมู่บ้านเราจะต้องหายนะ"
พ่อใหญ่ชะงัก เริ่มกลัวเรื่องผิดผีเช่นกัน
"เมื่อใดที่สูคิดละหน้าที่ สูนั่นแหละจะเป็นคนนำความตายมาสู่เผ่าเรา"
พ่อใหญ่นิ่งอึ้ง
ปักษะเดินมาถึงที่หน้ากระท่อมของปู่แถน พ่อใหญ่และปู่แถนก็เดินออกมาพอดี แต่ทั้งคู่ยังโต้เถียงกันอยู่
"อย่ามาขู่กันเลย ฟ้ามีแต่จะยินดีที่หมู่บ้านเราช่วยกำจัดเสือผีให้หมดไป เชื่อข้าเถอะปู่แถน ฆ่าผู้หญิงคนนั้นเสีย แล้วทุกอย่างก็จะจบ"
ทั้งคู่ต้องชะงัก เมื่อเห็นปักษะยืนอยู่ตรงหน้า
"พวกคุณจะฆ่าใคร"
เวลาผ่านไป อีกมุมหนึ่งของหมู่บ้าน พ่อใหญ่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ปักษะฟังหมดแล้ว
"นี่ นี่คุณคิดว่า ณจันทร์เป็น...เป็น...เสือสมิง"
"ข้าเห็นมากับตาข้า เล็บมันงอก ตามันวาว ไม่ช้าไม่นาน เมื่อถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง มันก็จะคืนสู่ธรรมชาติเดิมของมัน แล้วไอ้เสือผีคู่สมสู่ของมัน ก็จะตามมาที่นี่ ข้าไม่มีทางเลือก ถ้าข้าไม่ฆ่ามัน คนในหมู่บ้านก็อาจจะต้องตายหมด"
ปักษะทั้งงง ทั้งอึ้ง นิ่งไปนาน ในใจไม่ได้เชื่ออย่างที่ได้ยิน และเข้าใจไปว่าเป็นแค่ความเชื่องมงายของชาวบ้าน แต่ปักษะก็รู้ว่าถ้าเขาหัวเราะเยาะหรือขัดขวางก็อาจยิ่งเป็นอันตราย เลยต้องแกล้งทำเป็นเชื่อตามไปด้วย
" เพราะอย่างนี้เหรอคุณถึงจะฆ่าเธอ"
"มันเป็นทางเดียวเท่านั้น"
"ไม่จริงหรอก มันมีอีกทาง เราอาจจะแก้คำสาปได้ ถ้าทำพิธีให้เธอ"
"ปู่แถน ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก"
"ข้าจะพูด และจะพูดจนกว่าเจ้าจะฟัง หน้าที่ของเราคือช่วยเหลือผู้ตกอยู่ในคำสาปของเสือสมิง เราต้องทำพิธีถอนคำสาปให้ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่ฆ่าเธอ"
ปักษะนิ่งฟังปู่แถน แล้วคิดอะไรได้ ตัดสินใจพูดออกมา
"ผมเห็นด้วยนะ ผมว่าเราควรจะทำพิธีให้เธอ"
ปู่แถนและพ่อใหญ่ชะงัก
"ฆ่าเธอแล้วจะได้อะไรขึ้นมา คุณก็บอกเองว่ายังมีเสืออีกตัวหนึ่งตามเธอมา เป็น เอ่อ เป็นคู่ของเธอ"
"คู่สมสู่"
"นั่นแหละ ถ้าณจันทร์ตาย เสือตัวนั้นจะต้องโกรธมากแน่ๆ มันต้องตามเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้าน แต่ถ้าพวกคุณช่วยล้างคำสาปให้เขา ณจันทร์ก็จะไม่เป็นเสือสมิงอีก แล้วเสือตัวนั้นก็จะเลิกสนใจเธอ หมู่บ้านก็จะปลอดภัย"
ปู่แถนเห็นด้วยกับปักษะ
"เขาพูดถูก พ่อใหญ่ ถึงสูไม่ฟังข้า ก็ขอให้ฟังคำของเขาเถอะ อย่าลืมว่าเขาเป็นใคร"
พ่อใหญ่นิ่งไป เริ่มครุ่นคิดตาม ปักษะฟังประโยคสุดท้ายของปู่แถนไม่ถนัด แต่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมพ่อใหญ่ต่อ
"อย่าทำอะไรณจันทร์เลย ช่วยเธอ ทำพิธีให้เธอก็ได้ แต่อย่าทำร้ายเธอเลยนะครับ ผมขอร้อง"
พ่อใหญ่เหมือนจะเริ่มยอมรับ
ในกระท่อมของณจันทร์คืนนั้น เธอรู้ข่าวจากปักษะแล้ว
"จริงเหรอคะ นี่เขาจะไม่ทำอะไรพวกเราแล้ว"
"ใช่ แล้วเขาจะยอมจะให้เราพักที่นี่ด้วย แต่ณจันทร์ คุณต้องเข้าทำพิธีล้างคำสาป...เอ่อ ... เสือ เอ่อ คือพวกเค้าคิด คือเข้าใจผิดว่าคุณเป็น..."
"อ๋อ..ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำพิธีได้ ไม่มีปัญหาอะไร แค่พวกเค้าไม่ฆ่าพวกเราก็พอแล้ว"
คำแปงบอก
"โอ้ย ดีใจจริงๆเลย ไม่ต้องถูกย่างแล้ว"
ณจันทร์มองปักษะอย่างซาบซึ้ง
"ขอบคุณมากจริงๆนะคะ คุณปักษะ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณก็รู้ว่าผมเต็มใจทำให้คุณอยู่แล้ว"
"น่าแปลกที่อยู่ดี ๆ ทำไมพวกนั้นถึงยอมทำทุกอย่างให้เรา"
คำสูรย์บอกและมองปักษะอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก คำแปงไม่คิดอะไรมาก
"จะมาสงสัยอะไรทำไม เขาไม่ฆ่าพวกเราก็น่าจะดีใจแล้ว ไปเหอะ"
"ไปไหน" คำสูรย์ถาม
"ไปเหอะน่า"
แล้วคำแปงก็ดึงคำสูรย์ออกมาจากกระท่อม เหลือเพียงปักษะและณจันทร์สองคน
"ผมยังไม่ได้ถามคุณเลย คุณเข้ามาในป่านี่ทำไม"
ณจันทร์อึกอัก
"เอ่อ คือ ป้านวล ป้าของฉันนะคะ ท่านไปดูดวงมา แล้วหมอดูก็ทักว่าฉันจะมีเคราะห์หนักช่วงเดือนนี้ ทางเดียวที่จะช่วยได้ก็คือต้องเข้ามาสะเดาะเคราะห์ที่หมู่บ้านนี้"
"เพราะเรื่องนี้เหรอ คุณถึงต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่"
ปักษะถามอย่างไม่อยากเชื่อ
"คุณไม่รู้หรอกคะว่าบ้านฉันนะเป็นคนหัวโบราณมากแค่ไหน ป้านวลเป็นห่วงฉันมากจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ฉันก็เลยตัดสินใจขอให้อาคำสูรย์นำทางฉันมาที่นี่"
"งั้นนี่ก็เป็นสาเหตุให้คุณพาคุณคำสูรย์ออกมาจากโรงพยาบาล"
"คะ แต่คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ อาคำสูรย์แกไม่ได้ผิดปกติอะไร แกแค่เป็นคนขี้โวยวายเท่านั้น แต่จะรออธิบายให้หมอเข้าใจ อาจต้องใช้เวลา ฉันเลยต้องใช้วิธีนี้"
ณจันทร์ไม่รู้ว่าปักษะจะเชื่อที่ตนเองพูดหรือเปล่า
"ว่าแต่ คุณไปพูดอะไรคะ พวกเค้าถึงยอมทำพิธี..เอ้ย ถึงยอมที่จะปล่อยพวกเราไป"
"ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนะครับ ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไร แต่ผมคิดว่า คนที่นี่คิดว่าผมเป็นใครบางคน ที่ผมไม่ได้เป็น"
"ใครบางคน ... หมายความว่าไงคะ"
"บางคนที่พิเศษ อะไรแบบนั้นมั้งครับ"
ณจันทร์คิดตามที่ปักษะพูด ปักษะถอนหายใจ
"บอกตรงๆนะณจันทร์ เมื่อก่อนผมนะไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย"
ณจันทร์เริ่มกังวล
"แปลว่าตอนนี้คุณเริ่มจะเชื่อแล้วหรอคะ"
ปักษะนิ่ง ไม่พูด เค้าจ้องหน้าณจันทร์ ยิ่งทำให้เธอกังวล
"เรื่องไหนบ้างคะ ... ชาวบ้านบอกเรื่องอะไรกับคุณบ้าง"
"พวกนั้นเขาบอกผมว่า ... พวกเค้าคิดว่าคุณเป็นเสือสมิง"
ณจันทร์สะดุ้ง รีบกลบเกลื่อน
"เหรอคะ แปลกจัง" เธอพูดพลางหัวเราะเฝื่อน
ยิ่งปักษะทำหน้าเฉยๆ ณจันทร์ยิ่งกลัวว่า ความลับแตกแน่แล้ว
"แล้วคุณ ... คุณคิดว่ายังไงคะ คุณปักษะ คุณเชื่อมั้ย"
"ผมก็นิ่ง แบบว่าอึ้งไปเลย ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะปิดบังผมเรื่องนี้"
ณจันทร์อึ้ง ใจหายวูบ คิดว่าปักษะรู้แน่แล้ว แต่แล้วเขาก็ยิ้มกว้างที่อำเธอได้สำเร็จ
"อย่างคุณเนี่ยนะจะเป็นเสือ มันไร้สาระมากเลย นี่ถ้าคุณเป็นจริงๆ ผมก็คงถูกคุณกินไปนานแล้วสิครับ"
แล้วปักษะก็หัวเราะ ณจันทร์นิ่งไป แต่แล้วก็โล่งใจที่ปักษะไม่เชื่อ
อาชาและแสงเดินมาตามทางในป่าหนาทึบ อาชามีท่าทางอ่อนเพลีย
"โอ๊ย เมื่อไรจะถึงเนี่ยนายแสง มาทางนี้ถูกแน่เหรอ"
"ผมเห็นรอยทางเดิน แถวนี้น่าจะมีหมู่บ้านคนอยู่ไม่ผิดแน่ครับนาย"
"งั้นเดี๋ยว ขอฉันพักสักแป๊บหนึ่ง เดินมาตั้งแต่เช้าแล้ว"
อาชาพิงต้นไม้ แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนไปเหยียบอะไรเข้า อาชาก้มลงมองแล้วก็ตกใจ
"เฮ้ย!" อาชามองดู เริ่มหายตกใจ "กระต่าย ซากสัตว์อีกแล้วเหรอวะ นี่เราเจอสัตว์ตายมาตลอดทางเลยนะ"
"แถวนี้คงเป็นที่หากินของตัวอะไรสักอย่างนะครับ ถึงมีซากที่มันทิ้งไว้เต็มไปหมด"
อาชาครุ่นคิด
"ตัวอะไรวะ มันจะกินเยอะขนาดนี้"
พรหมพยัคฆ์ที่กำลังนอนบาดเจ็บในถ้ำ มีรอยเลือดอยู่ ลายเมฆเดินเข้ามาพร้อมกับซากกระต่ายตัวหนึ่ง
"มาแล้วครับ นายท่าน"
พรหมพยัคฆ์รับเอาซากกระต่ายมาจากลายเมฆ จ้องอย่างโมโห แล้วก็โยนทิ้ง กระชากคอลายเมฆเข้ามาใกล้
"แกจะให้ฉันกินอาหารสวะแบบนี้เหรอ พวกซากสัตว์ไม่ทำให้กำลังฉันกลับคืนมาได้ ฉันต้องการอาหารสด อาหารที่มีวิญญาณ ฉันต้องการมนุษย์"
"โธ่ นายท่านครับ ผมเองก็หมดกำลังไปเยอะ ถ้าต้องเข้าไปล่าคนในหมู่บ้าน ผมกลัวจะสู้พวกมันไม่ไหวน่ะซีครับ"
พรหมพยัคฆ์ปล่อยลายเมฆออกไป มีสีหน้าแค้นจัด
"เพราะพวกมันทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ คอยดูนะณจันทร์ ฉันจะไม่มีวันยอมให้เธอแก้คำสาปได้ เธอจะไม่มีวันสมหวังไปได้หรอก"
รุ่งขึ้น คำสูรย์เดินมาตามทางในหมู่บ้านผาสมิงกับณจันทร์
"อาไปคุยกับปู่แถนนั่นมาแล้ว เลยได้รู้ประวัติหมู่บ้านนี้ เมื่อเกือบพันปีก่อน มีราชาและราชินีเสือสมิง ต้องการจะขยายเผ่าพันธุ์ มีอำนาจปกครองเหนือมนุษย์ มันฆ่ามนุษย์ทุกคนที่ขัดขวางมัน แต่โชคดีที่พระจากเนปาลล่วงรู้แผนการ ตามมาปราบมันจนเกือบสำเร็จ" คำสูรย์บอก
"เกือบสำเร็จ หมายความว่าไงคะอาคำสูรย์"
"ใช่ แค่เกือบสำเร็จ ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่า พวกมันสามารถส่งมอบอำนาจแห่งเสือให้กับคนที่มันเลือก เพื่อเป็นตัวแทนสืบต่อไปได้"
ณจันทร์นิ่งคิดตาม
ในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ... เสือที่อยู่ในกรงหันกลับมาจ้องณจันทร์ในวัยเด็กแสดงถึงพลังอำนาจบางอย่าง ณจันทร์สบตากับเสือนิ่ง เหมือนทำพันธะสัญญาเชื่อมโยงจิต
ในป่า ณจันทร์มีรอยเลือดเปื้อนเต็มตัว เธอกำลังใช้มือแตะเลือดจากตัวเสือขึ้นมาดื่มกินซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เลือดเปรอะเปื้อนหน้าตา เธอเหมือนโดนมนต์บางอย่างสะกด
ณจันทร์นิ่งไป คำสูรย์มองอย่างกังวล
"แต่หลังจากนั้น พระเนปาลรูปนั้น ท่านก็ได้สร้างหมู่บ้านผาสมิงขึ้นมา และจารึกตำนาน เรื่องราวของคนกับเสือสมิง รวมถึงบทภาวนาสำหรับถอนคำสาปไว้ในถ้ำ เพื่อช่วยแก้คำสาปให้กับคนที่ต้องกลายเป็นเสือสมิง"
คำสูรย์เขยิบเข้าไปใกล้ พูดกับณจันทร์น้ำเสียงจริงจัง
"อย่ากังวลไปเลยนะคุณหนู ตอนนี้เรามาถึงแล้ว หมู่บ้านผาสมิง ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยเหลือทำพิธีถอนคำสาป คุณหนูต้องปลอดภัย ต้องกลับเป็นเหมือนเดิมได้แน่ๆ"
"นี่คงเป็นความหวังสุดท้ายแล้ว ... ฉันคงจะโชคดีมากๆ ถ้าพวกเขายอมทำพิธีให้จริง และถ้ามันจะสำเร็จ"
"ครับ คุณหนูอย่าเพิ่งหมดหวังนะครับ คืนวันเพ็ญพรุ่งนี้แล้ว คุณหนูจะได้ทำพิธีแก้คำสาปสักที และมันต้องสำเร็จแน่นอน"
"ค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวลุงจะคุยกับปู่แถน เรื่องพิธีสำหรับคืนพรุ่งนี้ก่อนนะครับ"
ณจันทร์พยักหน้ารับ คำสูรย์เดินออกไป เธอมองเห็นชาวบ้านหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งทอผ้าด้วยกี่กระตุกอยู่ มีลูกสาวเล่นอยู่ใกล้ๆแถวนั้น ก็เดินเข้าไปผูกมิตรด้วย
"ผ้านี่สวยจังเลยนะคะ"
ชาวบ้านหญิงหันมามองณจันทร์ ท่าทางกลัวๆ
"ขอฉันลองทำบ้างได้ไหมคะ"
ชาวบ้านหญิงลุกขึ้นโดยเร็ว แล้วรีบไปจูงลูกสาวให้ออกห่าง
หญิง1บอก
"สูทำไปเถอะ ข้าไม่ทอแล้ว"
ชาวบ้านหญิงรีบเดินออกไป เธออึ้ง ก่อนมองไปเห็นชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งกำลังเอาผ้าที่ทอเสร็จแล้วใส่ตะกร้า
หญิง2บอก
"เอาเร็วเข้า ยังมีผ้าอีกเยอะให้พวกสูซัก"
"ให้ฉันช่วยด้วยไหมคะ"
กลุ่มชาวบ้านหญิงหันมามองเธออย่างกลัวๆ แล้วก็รีบอุ้มตะกร้าผ้าเดินหนีไปเลย ณจันทร์อึ้งอีกครั้ง เหลือชาวบ้านหญิงคนเดียวมองเธออย่างเห็นใจ แล้วก็ยื่นตะกร้าผ้าให้
คำฝางบอก
"สูมาช่วยข้าก็ได้"
ณจันทร์มองชาวบ้านหญิง แล้วก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร
ชาวบ้านหญิงกำลังช่วยกันเอาผ้าลงในลำธารและซักที่มุมหนึ่ง ณจันทร์และชาวบ้านหญิงชื่อคำฝาง กำลังช่วยกันซักผ้าอยู่
"สูมาที่นี่ก็เพื่อจะทำพิธีเหรอ"
"ใช่จ้ะ ..เธอชื่ออะไรจ๊ะ ฉันชื่อณจันทร์นะ"
"คำฝาง ข้าชื่อ คำฝาง"
ณจันทร์ยิ้ม รู้สึกดีที่คำฝางยอมคุยกับเธอ
"คำฝางจ๊ะ .. ผ้าพวกนี้ทอกันเองเลยหรอ"
เธอก้มมองผ้าที่ซักอยู่ในมือ คำฝางพยักหน้า
"พ่อใหญ่กับปู่แถน สอนให้เราทอผ้าใช้ ปลูกผักปลูกผลไม้กินกันเอง"
"ดีจัง ... ที่นี่น่าอยู่ ทั้งสงบ เรียบง่าย บางทีฉันก็อยากมีชีวิตแบบนี้บ้าง"
"หึ ... แต่คนที่นี่บางคน ก็คงอยากมีชีวิตแบบสู ไม่งั้นคงไม่หอบผ้าพาลูกหนีไปหรอก"
คำฝางพูดจบแล้วก็นิ่งไป ณจันทร์มองไม่เข้าใจ คำฝางเหมือนเพิ่งรู้ตัวก็รีบพูด
"อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่นึกถึงน้าสาวของข้าน่ะ"
เธอหันมองรอบๆหมู่บ้าน
"ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่คิดว่าที่นี่น่าอยู่ ข้าว่า ข้าชักจะพูดมากไปละ แล้วนี่พอสูทำพิธีเสร็จแล้ว ก็จะกลับไปกับผัวของสูใช่ไหม"
ณจันทร์ชะงัก
"ว่าไงนะ"
"ก็ผู้ชายที่มาตามหาสูนะ ไม่ใช่ผัวของสูเหรอ ข้าเห็นสูกอดมัน"
ณจันทร์หน้าแดง
"เปล่า เขาเป็นเพื่อนฉัน เราแค่ทักทายกัน"
"งั้นเหรอ ที่นี่มีแต่ผัวเมียเท่านั้นแหละที่จะกอดกัน"
ณจันทร์เขินกับคำพูดตรงๆของคำฝาง เธอเผลอปล่อยผ้าในมือเกือบจะหลุดลอยไปตามกระแสน้ำ แต่คำฝางรีบเอื้อมคว้าไว้ได้ ณจันทร์ตกใจรีบช่วย แต่จังหวะนั้นเธอเงยหน้า คอเสื้อคำฝางเปิดกว้างทำให้เห็นรอยบางอย่างที่หน้าอกซ้ายของคำฝาง เธอเผลอมองอย่างสงสัย
"ระวังหน่อยสิ"
คำฝางเห็นณจันทร์มองรอยสักที่หน้าอกเธอ เธอดึงคอเสื้อลงให้ณจันทร์ดู เห็นเป็นรูปเขี้ยวเสือเล็กๆ สักอยู่
"มันเป็นสัญลักษณ์ของคนในหมู่บ้านน่ะ เด็กทุกคนที่เกิดที่นี่ ต้องผ่านพิธีผนึกเขี้ยวเสือที่หัวใจ เพื่อจะได้เป็นชาวผาสมิงโดยสมบูรณ์"
คำฝางพูดจบก็ดึงคอเสื้อกลับ ณจันทร์พยักหน้าคิดตาม ห่างออกไปเล็กน้อย ปักษะกำลังเดินมาหาณจันทร์
"โน่นไง มันมาหาสูแล้ว" คำฝางบิดผ้าแล้วลุกขึ้น "ซักเสร็จแล้ว สูก็ไปเอาผ้าตากที่ราวด้วยนะ"
คำฝางอุ้มตะกร้าผ้าเดินออกไป ปักษะเข้ามานั่งข้างๆ ณจันทร์
ปักษะแซว
"มาช่วยชาวบ้านซักผ้าแบบนี้ คิดจะเป็นแม่บ้านให้คนในหมู่บ้านนี้เหรอครับ"
"ฉันแค่อยากผูกมิตรกับพวกเขาน่ะค่ะ"
"แล้วคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ"
ณจันทร์หน้าแดง
"เรื่องทั่วๆไป ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ"
เธอหลบตาปักษะอย่างเขินอาย โดยปักษะไม่รู้อะไร
"ให้ผมช่วยไหมครับ"
"อย่าเลยค่ะ ที่นี่ผู้ชายเค้าไม่ซักผ้ากันหรอก"
"ผมไม่ใช่คนที่นี่นี่นา มาเหอะ"
แล้วปักษะก็เอาผ้าจากณจันทร์มาช่วยซักในน้ำ ทั้งสองช่วยกันซักผ้าอยู่ริมลำธาร บรรยากาศดูสวยงามโรแมนติก ทั้งคู่ต่างก็มีความสุข
ป่านเวลามาราวตากผ้า ชาวบ้านตากผ้าชุดสีขาวที่ซักเพื่อเตรียมไว้ใส่ทำพิธี เรียงยาวซ้อนกันเป็นแถวหลายแถว ทั้งคู่ช่วยกันตากผ้าที่ซักเสร็จแล้ว ปักษะหันมองรอบๆตัว ลมพัดเย็น พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แสงสีส้มอ่อนๆดูอบอุ่น ก่อนจะหันมาพูดกับณจันทร์
"ที่นี่ดูสงบ ร่มรื่น น่าอยู่ดีนะครับ"
ณจันทร์ละมือจากผ้าที่ตาก มองปักษะแล้วยิ้มอ่อนๆออกมา
"ใช่ค่ะ ที่นี่น่าอยู่"
ณจันทร์หันกลับมามองปักษะ ก็เห็นว่าเค้าจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว เธอหลบตาอายๆ หันไปขยับผ้าที่ตากแก้เก้อ ปักษะยิ้ม
"ตอนแรก ผมคิดว่าคุณจะไม่ชอบชนบทแบบนี้ซะอีก"
"ทำไมล่ะ ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น"
"ก็ ... คุณดูเป็นผู้หญิงมั่นใจ ทันสมัย ครั้งแรกที่เจอกัน ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณ คุณดูเป็นผู้หญิงเก่ง .... และสวย"
ณจันทร์หัวเราะ
"แล้วตอนนี้ล่ะคะ ฉันดูเป็นยังไง"
ณจันทร์ก้มดูตัวเองที่ดูเป็นสาวชาวบ้าน หน้าตาไม่ได้แต่ง แล้วหัวเราะ ปักษะหันมาจ้อง
อย่างสำรวจจริงจัง จนเธอต้องหลบตาด้วยความเขินที่ถูกจ้อง
"คุณ... ดู"
ปักษะเว้นไป จนณจันทร์ต้องหันกลับมามอง เธอเลิ่กคิ้วรอฟังคำตอบด้วยความสนใจ
"ฉันดู .... เป็นยังไงหรอคะ"
ปักษะแกล้งไม่ตอบ ทำท่าอึกอัก จนณจันทร์ทนไม่ไหว
"อะไรคุณปักษะ ... ฉันดูเป็นยังไง"
ณจันทร์เริ่มกังวล จนปักษะอดขำออกมาไม่ได้กับท่าทางของณจันทร์ เขาหัวเราะ
"ผมล้อเล่นน่า ... คุณก็ยังดูเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน ครับ เก่ง และ... สวย"
ณจันทร์แอบค้อนนิดๆที่ปักษะแกล้งเธอ ก่อนทั้งคู่จะเผลอสบตา ณจันทร์หลบ
ตา ซ่อนความรู้สึกกังวลบางอย่างไว้
"แต่บางที ฉันอาจไม่ได้เป็นแบบที่คุณเห็นก็ได้ คุณยังไม่รู้จัก..คุณยังไม่รู้จักตัวตนของฉันจริงๆหรอกค่ะ คุณปักษะ"
ณจันทร์รู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่เธอเป็น เดินหนีไปตามแนวของราวผ้าขาวที่ปลิวตามแรงลม ปักษะรีบเดินตาม ไม่เข้าใจที่เธอพูด
"เดี๋ยวณจันทร์ คุณเป็นอะไร"
ณจันทร์ไม่ฟัง ก้าวเร็วขึ้น ก่อนปักษะจะคว้าแขน เอาตัวไปขวางหน้าเธอไว้
"เดี๋ยวครับณจันทร์ เดี๋ยวก่อน"
ณจันทร์หันหน้าหนีไปอีกทาง
"จริงอยู่ ผมอาจยังไม่รู้จักคุณจริงๆแบบที่คุณบอก ... แต่ผมอยากรู้จักคุณ อยากรู้จักคุณที่เป็นคุณจริงๆ"
เธอสับสนปนเจ็บปวด
"บางที ถ้าคุณรู้ ... รู้จักตัวตนฉันจริงๆ คุณอาจจะไม่คิดแบบนี้ก็ได้"
เขามองเธอนิ่งไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ยิ้มจับไหล่ของณจันทร์ให้หันมองหน้าเขา ทั้งคู่สบตากัน ปักษะยิ้มอ่อนๆออกมา
"อย่าเพิ่งรีบตัดสินผม ผมอาจไม่รู้จักคุณดี แต่ผมรู้จักตัวเองดี ให้โอกาสผมได้รู้จักตัวตนจริงๆของคุณก่อนเถอะนะ ณจันทร์"
แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนๆส่องทะลุราวผ้าสีขาวที่โอบล้อมทั้งคู่อยู่ ปักษะกระชับไหล่เธอแน่นขึ้นเบาๆ เหมือนกับจะย้ำให้เธอมั่นใจ ก่อนจะพูด
"ผมมั่นใจ ผมจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่เปลี่ยนไปจากนี้แน่นอน"
เขายิ้มมั่นใจ ณจันทร์กลับไม่แน่ใจ
ปักษะปล่อยมือที่บีบไหล่ณจันทร์ ก่อนจะค่อยๆก้มจับมือเธออย่างนุ่มนวล ทั้งคู่จูงมือกันเดินท่ามกลางผ้าขาว แสงสีส้มของอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน
คำสูรย์เดินไปเดินมาอยู่หน้าเรือนปู่แถน ทำท่าจะตะโกนเรียกแต่ก็ไม่กล้าเรียก ไม่นานปู่แถนก็เปิดประตูออกมา คำสูรย์เห็นก็รีบวิ่งเข้าไปหา
"ปู่แถน .... เอ่อ คือเรื่องพิธี"
ปู่แถนจ้องคำสูรย์ ก่อนพูดน้ำเสียงจริงจัง
"ข้าบอกไปแล้วไง ชาวบ้านผาสมิงของเราจะทำพิธีแก้คำสาปเสือให้ผู้หญิงคนนั้น"
คำสูรย์มองปู่แถน หันมองซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นใคร ก็ถามปู่แถนด้วยน้ำเสียงกังวลๆ
"ข้ากับหลานสาว ต้องขอบคุณท่านจริงๆ แต่... ข้าอยากรู้ว่า พิธีมันจะ... สำเร็จไปได้ด้วยดีใช่มั้ย"
ปู่แถนจ้องหน้าคำสูรย์ ที่รอฟังคำตอบด้วยแววตาที่เป็นกังวล
"ข้าคงตอบเจ้าไม่ได้"
"อ้าว ! ถ้ามันไม่สำเร็จแปลว่าคุณหนู เอ้ยหลานข้าต้องกลายเป็นเสือสมิงจริงๆหรอ"
ปู่แถนถอนหายใจ ก่อนจะหันมองชาวบ้านที่อยู่รอบๆหมู่บ้าน
"มันอาจเป็นลิขิตของฟ้า ข้าหรือเจ้าหรือใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้"
คำสูรย์มองปู่แถน สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลกลัวพิธีจะไม่สำเร็จ
คำสูรย์เอ่ยเบาๆ
"โธ่ คุณหนู ...ขอให้พิธีคืนพรุ่งนี้สำเร็จทีเถอะ"
คำสูรย์หันมองออกไปที่ลานหมู่บ้าน ด้วยความหวังสุดท้าย
ในเวลากลางคืน ณจันทร์ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้านพักในหมู่บ้านผาสมิง เหม่อมองฟ้าอย่างกังวล คิดถึงความน่ากลัวของพรหมพยัคฆ์ แล้วถอนใจ
เวลาเดียวกัน พรหมพยัคฆ์ที่บาดเจ็บอยู่คำรามลั่นด้วยความโกรธ มีลายเมฆคอยดูแลอยู่
"ไอ้พวกมนุษย์หน้าโง่ ฉันจะฆ่าพวกแกทุกคน"
พรหมพยัคฆ์จ้องมองดวงจันทร์ด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะหันมองตรงเข้าไปที่หมู่บ้าน แล้วเพ่งมองเหมือนส่งกระแสจิต ดวงตาพรหมพยัคฆ์กลายเป็นสีเหลืองวาว
"ณจันทร์ คุณไม่มีวันหนีผมพ้นหรอก"
กระแสจิตนั้น ทำให้จันทร์ผงะนิดๆ ยกมือลูบแขนรู้สึกขนลุก รับรู้ถึงความน่ากลัวของพรหม
พยัคฆ์
ณจันทร์รำพึงกับตัวเองเบาๆ
"พรหมพยัคฆ์"
ณจันทร์ก้าวถอยหลังด้วยความกลัว จังหวะนั้นเอง
"คุณหนู"
เธอสะดุ้งหันขวับมองด้วยความตกใจ จนคำแปงเองก็ตกใจอุทานออกมา
"อุ้ยแม่ ป้อ ตายๆแล่ว"
คำแปงทำท่าตลกๆ ด้วยความตกใจ ทั้งคู่นิ่งมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
"โอ่ยคุณหนู พี่คำแปงตกใจหมดเลย"
"ฉันต่างหากที่ตกใจ อยู่ๆก็เรียกซะดังเชียว มีอะไรหรอ พี่คำแปง"
"คำแปงจะมาตามให้ไปนอนค่ะ ไม่เห็นคุณหนูเข้าไปสักที ทำอะไรอยู่"
คำแปงชะโงกหน้ามองออกไปด้านนอก เห็นแสงไฟวับแวมของกลุ่มชาวบ้านอยู่ไกลๆ ณจันทร์หันมองตาม
"คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะพี่คำแปง"
เธอพูดน้ำเสียงกังวล คำแปงมองด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องให้ผ่อนคลาย
"เหมือนสมัยเด็กๆเลยนะคะ คำแปงจำได้คุณหนูชอบเกาะระเบียง มองโน่นนี่ ซนอย่างกับเด็กผู้ชาย"
ณจันทร์นึกตามแล้วก็หัวเราะ
"แล้วพี่คำแปงก็ต้องออกมาตามให้ไปนอนแบบตอนนี้ใช่มั้ยล่ะ"
คำแปงหัวเราะ
"ไปค่ะ ไปนอนได้แล้ว"
คำแปงพยักหน้า ณจันทร์ยิ้มและหันออกไปมองด้านนอกอีกครั้ง นึกถึงสมัยเด็ก ที่เธอแอบดูเสือ และให้คำแปงเล่าเสือในตำนานให้ฟัง
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสือ ตอนที่ 5 (ต่อ)
กลางดึก ณจันทร์สะดุ้งตื่นพรวด เหงื่อเต็มหน้า
"พ่อ"
เธอหายใจหอบ มือจับหน้าอก หัวใจเต้นแรง มองรอบๆตัว พบว่า เธอนอนอยู่ในห้องที่หมู่บ้านผาสมิง คำแปงนอนอยู่ข้างๆ พลิกตัวขยับไม่รู้เรื่อง เธอค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราว แล้วพบว่าเธอแค่ฝันไป ณจันทร์หอบเหนื่อย แล้วซุกตัวลงนอนตามเดิม เธอขดตัวกับผ้าห่มด้วยความกลัว เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นพระจันทร์ที่ยังไม่เต็มดวง น้ำตาเธอไหลออกมา
"พ่อคะ"
ปักษะเดินออกมาตรวจตราความเรียบร้อยกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง
"เอ่อ ผมขอถามอะไรหน่อย"
ชาวบ้านหยุดเดินหันกลับมา
"คือ ผมเข้าป่ามากับเพื่อนอีกสองคน แต่พลัดหลงกัน ... พวกพี่เดินตระเวนรอบๆหมู่บ้าน เจออะไรบ้างมั้ยครับ"
ชาวบ้าน1บอก
"เจอ ... เจอแต่ซากศพสัตว์เล็กสัตว์น้อย น่าจะเป็นฝีมือเสือ"
ปักษะชักกังวล
"แล้ว... ไม่เจอ"
ชาวบ้าน2 บอก
"เรายังไม่เจอศพคนนะ เพื่อนสูอาจจะหลงป่าอยู่ก็ได้"
ชาวบ้าน3 บอก
"ไม่ก็อาจจะกลับออกไปแล้ว"
ชาวบ้าน1บอก
"หรือเป็นอาหารเสือไปแล้วก็ได้"
ปักษะสีหน้ากังวล ด้วยความเป็นห่วงอาชา
"ไอ้อาชาเอ๊ย แกหายไปไหนวะ" ปักษะบ่นอุบ
ปักษะหันมองออกไปทางด้านป่า
อาชาจามออกมาเสียงดัง อาชาทำจมูกฟุดฟิด พลางบ่น
"นี่จะเป็นหวัดหรือใครแช่งวะ ... นายแสง นี่เราจะรอดกันใช่มั้ย"
แสงเดินเข้ามายื่นสมุนไพรชนิดหนึ่งให้ อาชารับมาแล้วดมแก้คัดจมูก แสงลงนั่งข้างๆ กวาดตามองรอบๆตามนิสัยพรานป่า
"ถ้าเราไม่เจอเสือ ก็น่าจะรอดครับ"
"นี่ฉันเป็นอะไรกับเสือวะเนี่ย มันถึงได้มาวนเวียนอยู่รอบๆตัวตลอด"
รอบๆป่า ที่มืดสนิท
"ไอ้ปักษะ หวังว่าแกก็คงจะไม่เจอเสือ ไม่ถูกมันจับกินซะก่อนนะ"
อาชาส่ายหน้า อย่างกังวลใจ
ปักษะที่เดินคุยกับกลุ่มชาวบ้านผ่านหน้าที่พักของณจันทร์ เขาหยุด ปล่อยให้ชาวบ้านเดินตรวจต่อไป ปักษะยืนมองห้องณจันทร์แล้วเผลอยิ้ม หน้าเขิน ยืนยิ้มคนเดียว และขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินกลับไป เธอก็เปิดประตูเดินออกมาพอดี เพื่อยืนสูดอากาศที่ระเบียง เธอถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องพรหมพยัคฆ์และฝันร้าย ลมพัดมา... เธอยกมือลูบแขนตัวเอง อากาศเย็นขึ้นมาก เธอกำลังจะหันกลับเข้าห้อง ก็เห็นปักษะที่ยืนมองเธออยู่พอดี เธอชะงักนิดๆ ตกใจเพราะไม่รู้ตัวว่าเขามองเธออยู่นานแค่ไหน ทั้งสองคนสบตากัน รอยยิ้มนั้นแล้ว ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้น เธอพยักหน้าให้นิดๆแล้วยิ้มตอบ ก่อนหันหลังกลับเข้าห้องไป เขามองจนเธอเข้าห้องเรียบร้อย ก็เดินกลับออกไป
ณ ลานพิธี ในเวลาเช้า ชาวบ้านเตรียมอุปกรณ์ ณจันทร์มองอยู่มุมหนึ่ง คำแปงเกาะแขนชะโงกมองอยู่ด้วย คำสูรย์อยู่ข้างๆ มองดูด้วยสีหน้าจริงจัง
คำฝางเรียก
"ณจันทร์ ...คุณณจันทร์"
คำฝางเดินเข้ามาพร้อมชาวบ้านหญิงอีกสองคน
"ว่าไงจ๊ะ คำฝาง"
"ปู่แถน ท่านให้ข้ามาตามคุณไปอาบน้ำสุดท้าย"
"ห๊ะ ตามไปทำไรนะ" คำแปงว่า
"อาบ อาบน้ำ... สุดท้าย"
"อะไรคืออาบน้ำสุดท้าย"
"อาบน้ำสุดท้าย เป็นการเตรียมตัวก่อนเข้าพิธีล้างคำสาปเสือ"
คำฝางพยักหน้าให้ ณจันทร์ขมวดคิ้วสงสัย หันมองหน้ากับคำสูรย์กับคำแปง
ณจันทร์แช่น้ำอยู่ริมธาร มีคำฝาง คำแปงมาช่วยกันขัดตัวให้
คำแปงถาม
"เอ่อ นี่ คำฝาง ไอ้...อาบน้ำสุดท้ายนี่ มันคือพิธีอะไรกัน"
ณจันทร์อยากรู้เหมือนกัน คำฝางยังขัดตัวให้ พลางตอบ
"อ๋อ มันเป็นพิธีโบราณสืบมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าของชาวผาสมิง"
คำฝาง พลิกตัวณจันทร์ ไปอีกทาง แล้วเริ่มขัดถูที่หลัง ณจันทร์ยังเหลียวมาฟังต่อ
"ชาวผาสมิง มีพิธีอาบน้ำแรก กับ อาบน้ำสุดท้าย"
คำแปงถาม
"ห๊ะ มีอาบน้ำแรกด้วย"
"แล้วอาบน้ำแรกคืออะไรอะจ้ะ"
"พิธีอาบน้ำแรก มีไว้สำหรับเด็กที่เกิดในคืนพระจันทร์ครึ่งซีก ชาวบ้านผาสมิงเราเชื่อว่า เป็นเด็กที่ฟ้าประทานมาให้ หลังจากคลอด เราจะพาเด็กคนนั้นไปอาบน้ำบริสุทธิ์"
"เด็กที่ฟ้าประทานมาให้ ... ประทานมาให้ทำไมล่ะ" คำแปงถามอย่างสงสัย
"มาเพื่อปราบเสือสมิง"
ณจันทร์ชะงักนิดๆ เมื่อได้ยิน คำแปงอึกอัก คำฝางสำรวจหน้าตา แขนณจันทร์แล้วก็พยักหน้ายิ้ม
"เรียบร้อยแล้วล่ะ"
คำฝางยิ้ม ณจันทร์ก้มมองดูตัวเองแล้วคิดถึงพิธีที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ก่อนจะหันไปมองคำฝาง
"ขอบใจจ๊ะคำฝาง"
คำฝางยิ้ม
"ข้าขออวยพรให้พิธีสำเร็จ"
ณจันทร์ยิ้มบอก
"ฉันก็หวังอย่างนั้นจ้ะ"
ณจันทร์ยิ้มตอบ คำแปงเอื้อมหยิบผ้ามาคลุมตัวณจันทร์ ให้ลุกจากน้ำ
ปู่แถนยืนดูชาวบ้านจัดเตรียมของสำหรับทำพิธีอยู่ที่ลานหมู่บ้าน ปักษะยืนดูอยู่ด้วย ปักษะหันมองปู่แถนแล้วสังเกตเห็นเขี้ยวเสือที่ปู่แถนสวมอยู่ เหมือนนึกอะไรได้ เผลอพูดออกไป
"เขี้ยวเสือ"
ปู่แถนได้ยินก็หันมองปักษะ
"อ๋อ คือผมเห็นแล้วก็เพิ่งนึกได้ว่า ตอนเป็นเด็กๆแม่ผมเคยให้เขี้ยวเสือห้อยคอผมไว้"
ปู่แถนหันมองด้วยท่าทีที่สนใจ
"สูมีเขี้ยวเสือด้วยหรอ"
"ของแม่ผมน่ะครับ"
"แล้วแม่สูอยู่ไหน"
"แม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเล็กๆแล้วล่ะครับ"
"แล้วเขี้ยวเสือล่ะ"
"เขี้ยวเสือ... อ๋อ พ่อเผามันไปพร้อมกับแม่ เพราะเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่แม่พกติดตัวตลอด"
ปู่แถนจ้องมองปักษะ ด้วยความสนใจ คิดบางอย่าง
"คนที่ถูกเลือก"
"ครับ ... อะไรนะครับ"
"โชคชะตาฟ้ากำหนดไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาสูก็จะเข้าใจเอง"
พ่อใหญ่เดินเข้ามาพอดี
"ทุกอย่างเตรียมเรียบร้อยแล้ว ปู่แถน"
ปู่แถนพยักหน้า มองออกไปยังลานที่ชาวบ้านยืนเรียงกันอยู่
"บอกให้ทุกคนมารวมกันที่ลานพิธี"
ปู่แถนสีหน้าจริงจัง
ชาวบ้านหญิงในชุดขาวเรียงราย พ่อใหญ่เดินนำชาวบ้านชายกลุ่มหนึ่งมา พร้อมอาวุธ
คำสูรย์มองท้องฟ้าอย่างกังวล ปู่แถนมองที่แท่นบูชาของตัวเอง อย่างแน่วแน่
ณจันทร์เปิดประตูที่พักเดินออกมา ปักษะมายืนรอรับอยู่ เธอหลบตานิดๆ ณจันทร์สูดลมหายใจแล้วพยักหน้ารับ พร้อมเดินลงไปหาปักษะ พร้อมกับคำแปง คำสูรย์ตามมา
ณจันทร์สะดุ้งขึ้นมา หันมาหาคำสูรย์
"อาคำสูรย์ ฉันรู้สึกถึงมันอีกแล้ว"
คำสูรย์ชะงัก ตกใจเหมือนกัน แต่ก็พยายามปลอบณจันทร์
"ไม่มีอะไรหรอกครับคุณหนู"
"แต่มัน มันกำลังมาที่นี่"
"พวกชาวบ้านจะช่วยกันวางยามไว้แน่นหนา มันคงเข้ามาไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ ยังไงพิธีคืนนี้ก็ต้องสำเร็จ คุณหนูอย่าห่วงเลย"
ณจันทร์นิ่งไป แต่ยังมีท่าทางกังวล ปู่แถนเดินเข้าไปที่ ณจันทร์
"สูพร้อมรึยัง พิธีสำคัญกำลังจะเริ่มแล้ว"
"พร้อมค่ะ"
ณจันทร์พยักหน้ารับ แล้วเดินตามปู่แถนไป
พรหมพยัคฆ์ เดินออกมามองพระจันทร์ ที่หน้าถ้ำ
ลายเมฆบอก
"คืนนี้คือวันเพ็ญเดือนหก คุณณจันทร์จะต้องกลายร่างเป็นเสือ"
"แต่คืนนี้เธอคงพยายามล้างคำสาปเสือสมิงกับไอ้พวกชาวบ้านนั่นอย่างแน่นอน"
"ท่านจะทำยังไงครับ"
"ฉันจะไม่ยอมให้ณจันทร์ล้างคำสาปเสือสมิงได้เด็ดขาด"
พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่ ขบวนพิธีของคนในหมู่บ้าน กลุ่มชายหญิง ชายใส่โสร่งสีขาว ท่อนบนเปลือย หญิงนุ่งกระโจมอกด้วยผ้าสีขาวพริ้วบางยาวถึงข้อเท้า แสงไฟส่องกระทบจะเห็นเหมือนร่างเปลือยเปล่า มีแค่ผ้าขาวเพียงผืนเดียวที่ห่อหุ้มร่างคนกลุ่มนี้ไว้ ผู้ชายจะถืออังกอไว้พร้อมคบไฟ ฝ่ายหญิงจะถือเหมือนของไหว้ ที่คอทุกคนจะห้อยเขี้ยวเสือ คบไฟส่องให้เห็นวอมแวม บรรยากาศดูขลัง โดยมีปู่แถน ณจันทร์ ปักษะ คำแปง คำสูรย์เดินอยู่ร่วมพิธีด้วย
ชาวบ้านประจำตำแหน่ง ยืนเรียงกันโอบล้อมถ้ำไว้ ปู่แถนหันไปบอก
"พวกสูทุกคนถอดเขี้ยวเสือ ออกมารวมกันไว้"
ชาวบ้านต่างถอดเขี้ยวเสือที่ห้อยคอออกมา ณจันทร์มองอย่างแปลกใจ
"ทำไม...ทำไมต้องให้ทุกคนถอดเขี้ยวเสือออกมา มันจะเป็นอันตรายนะคะ" ณจันทร์ว่า
ปู่แถนหันกลับมาตอบณจันทร์ ด้วยสีหน้าจริงจัง
"เพราะการแก้คำสาปเสือ ต้องแลกด้วยพลังอำนาจทั้งหมดของคนในหมู่บ้านผาสมิง สูเข้าใจแล้วใช่มั้ย ทำไมทุกคนถึงกลัวสู เพราะการช่วยสูมันคือการแลกด้วยทุกชีวิตของคนในหมู่บ้าน"
ณจันทร์มองชาวบ้านที่ทยอยวางเขี้ยวเสือของตนในพานของปู่แถน ด้วยสีหน้ากังวล ในขบวนเห็นลูกสาวของชาวบ้าน มีท่าทางร้อนรน สะกิดบอกแม่
"แม่ ข้าลืมเขี้ยวเสือไว้บนเรือน"
แม่ส่งเสียงดุ
"สูนี่ขี้ลืมจริง รีบไปเอามาเร็ว แล้วรีบกลับมา พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว"
ลูกสาวรีบวิ่งลงไปจากเขา แตกกลุ่มออกไป
หลังจากทุกคนถอดเขี้ยวเสือเรียบร้อย พ่อใหญ่หันกลับมาพูดกับชาวบ้าน
"ข้าขอให้ทุกคนประจำตำแหน่ง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ... นี่เป็นเกียรติสูงสุด เพราะมันเป็นหน้าที่ของหมู่บ้านผาสมิงที่ปู่ย่าสืบต่อกันมา"
ณจันทร์รู้สึกขอบคุณและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน ชาวบ้านสีหน้ามุ่งมั่น รับคำ กลุ่มนักรบแยกตัวออกไปเพื่อคอยป้องกัน กลุ่มผู้หญิง จุดไฟเพื่อบูชาพระจันทร์ บรรยากาศยิ่งดูขลังและศักดิ์สิทธิ์ ณจันทร์นิ่งมองดูสักพัก
"ขอบคุณทุกคนนะคะ ... ฉันขอบคุณทุกคนจากใจจริงๆ"
ปู่แถนหันพยักหน้าให้
"สูตามข้ามา"
ณจันทร์เดินตามปู่แถนไป ปักษะจะเดินตามไปด้วย
"แค่สูคนเดียวเท่านั้นที่เข้าไปในโบสถ์ คนอื่นต้องอยู่ข้างนอก"
ปักษะชะงัก มองณจันทร์อย่างเป็นห่วง
"ผมจะรอคุณอยู่ตรงนี้นะครับ"
ณจันทร์พยักหน้ารับ ก่อนเดินตามปู่แถนเข้าไปในโบสถ์
พวกของพ่อใหญ่เดินมาถึงจุดสังเกตการณ์ของหมู่บ้าน
"คืนนี้ไอ้เสือสมิงมันบุกพวกเราแน่ๆ พวกเราอย่าประมาทเด็ดขาด"
เล่าซอบอกด้วยรู้สึกกลัว)
"พวกเราไม่มีเขี้ยวเสือ แล้วเราจะต้านพลังอำนาจของไอ้เสือสมิงได้ยังไงล่ะพ่อใหญ่"
"เราอาจป้องกันพลังอำนาจของมันไม่ได้ แต่อาวุธของพวกเรายังสู้กับมันได้ เราต้องยิงมันที่หัวใจ แล้วควั๊กหัวใจของมันออกมา หรือถ้าเราต้านทานไม่ให้ไอ้เสือสมิงตัวนั้นเข้าไปทำลายพิธีได้ จนถึงรุ่งเช้า เราก็จะแก้คำสาบให้คุณ ณจันทร์ได้สำเร็จ ตำนานเสือสมิงก็จะไม่มีอีกต่อไป เสืออีกตัวมันก็จะตายไปเอง"
"แล้วถ้ามันแปลงร่างมาเราจะรู้ได้ยังไงล่ะ"
"เสือสมิงแปลงร่างเหมือนพวกเราได้ แต่มันจะไม่มีรอยสักลงคาถาเหมือนพวกเรา"
พวกพ่อใหญ่เดินต่อไป ส่วนเล่าซอเฝ้ายามอยู่บนห้าง ถือหน้าไม้ในมือ มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
ลูกสาวชาวบ้านวิ่งมาตามเจอกับคำสูรย์
"หนูจะไปไหน"
"หนูลืมเขี้ยวเสือไว้ที่บ้าน"
"เขี้ยวเสือ"
"พวกเราต้องเอาเขี้ยวเสือมาถอดรวมกันเพื่อบูชาพระจันทร์ เพื่อช่วยล้างคำสาปเสือสมิงให้คุณ ณจันทร์ไงจ๊ะ"
ดวงตาสีเหลืองฉายออกมา พร้อมเสียงคำรามลั่น ลูกสาวชาวบ้านตกใจสุดขีด คำสูรย์กลายร่างเป็นพรหมพยัคฆ์ และเอากรงเล็บตะปบลูกสาวชาวบ้านจนเลือดสาดกระจาย
พรหมพยัคฆ์เดินออกมาจากหลังต้นไม้ ที่มุมปากยังมีรอยเลือดอยู่ เดินไปหาลายเมฆที่ยืนอยู่ด้านนอก
"พลังของฉันกลับมาเหมือนเดิมแล้ว"
พรหมพยัคฆ์มองขึ้นไปที่แสงไฟบริเวณถ้ำ เห็นรอบๆถ้ำมีแสงไฟวอมแวมของชาวบ้าน
"ตอนนี้พวกชาวบ้านมันไม่มีเขี้ยวเสือไว้ป้องกันพลังอำนาจของฉันแล้ว ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอแก้คำสาปได้แน่ ณจันทร์"
พรหมพยัคฆ์มุ่งมั่นจะทำลายพิธีให้ได้
อ่านต่อตอนที่ 6