เนตรนาคราช ตอนที่ 5
ชาติยืนระวังรอบนอกที่พัก เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เขาหันขวับมาเจอกาญจนา
“มีอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ออกมาคุยด้วย”
“ให้คุยแป๊บเดียวนะครับ คุณต้องพักผ่อน พรุ่งนี้เรายังต้องเดินทางอีกไกล”
กาญจนายิ้ม มีเสียงนกร้องส่งสัญญาณเข้ามา เธอมองรอบๆ
“ซามูส่งสัญญาณเข้ามาน่ะครับ ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี”
“ดีค่ะ”
ชาติจ้องกาญจนาแล้วยิ้ม
“อะไรคะ”
“ผมนับถือคุณจริงๆ ครับ ที่มุ่งมั่นที่จะหาเนตรนาคราชให้พบ”
“คุณคงคิดว่าดิฉันเพ้อเจ้อ”
“ไม่เลยครับ คุณทำให้ผมเริ่มเชื่อ เนตรนาคราชมีจริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณแล้วครับ”
กาญจนาจ้องตอบฝืนยิ้ม
“ดิฉันจะพยายามค่ะ”
“ผมยินดีจะไปกับคุณจนถึงที่สุดเลยครับ”
กาญจนายิ้มให้ ชาติยิ้มตอบแต่แล้วทำจมูกฟุตฟิตเหมือนได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
“มีอะไรเหรอคะ”
ชาติไม่ตอบ ทำจมูกสูดกลิ่น แล้วตกใจ
“กลิ่นน้ำมัน”
“พวกมันจะเผาเราเหรอคะ”
“ยากครับ โดนผมยิงสมองเละชัวร์”
กาญจนายิ้ม ชาติเดินผ่านกาญจนาไปที่รถ แล้วหันมาบอก
“พวกมันยิงถูกถังน้ำมันน่ะครับ”
“เยี่ยมมาก”
เสียงวีรกิจดังเข้ามา
“แล้วพรุ่งนี้เราจะไปกันยังไง”
ชาติยิ้ม “เดินไงครับ”
วีรกิจพูดไม่ออก
“คืนนี้ขอแนะนำให้พักผ่อนให้เต็มที่นะครับ พรุ่งนี้เราต้องเดินกันอีกไกล”
ชาติเดินออกไป วีรกิจหันมามองกาญจนา
“ไงคนเก่งของคุณ”
กาญจนาถอนใจแล้วเดินออกไป วีรกิจอารมณ์เสีย
อัศวินเติมฟืนเข้ากองไฟ รัตนากรยืนมองไปข้างหน้า
“ยัยกาญไม่เป็นไรหรอกน่า”
รัตนากรหันมาฝืนยิ้ม เดินเข้ามาใกล้
“พี่สั่งให้ชาติกับซามูคอยดูแลเป็นพิเศษ”
อัศวินลุกขึ้นเดินไปที่รถ หยิบผ้าใบมาปูข้างๆ รถ แล้วลงนั่ง
“มานั่งพักใจเย็นๆ ได้แล้ว”
รัตนากรยิ้มเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ต่างยิ้มให้กัน
“เราน่าจะจัดเวรคอยเฝ้าระวังพวกมัน”
“รัตน์นอนตามสบาย พี่ระวังเอง”
“กลัวรัตน์หลับยามเหรอคะ”
“ใช่ กรนอีกตะหาก”
รัตนากรยิ้ม เอนตัวพิงอัศวิน
“เมื่อคืนรัตน์ฝันเกี่ยวกับเนตรนาคราชค่ะ”
อัศวินแปลกใจ รัตนากรพยักหน้า
“รัตน์เองก็แปลกใจเหมือนกัน เพราะไม่เคยเชื่อ แต่เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ เห็นหมดทุกอย่าง มีการฆ่าแย่งชิงเนตรนาคราชกันจนไม่มีใครรอดชีวิต”
อัศวินโอบรัตนากรไว้
“อาจเป็นเพราะตอนนี้ทุกคนพูดถึงแต่เรื่องเนตรนาคราชเข้าหูรัตน์บ่อยๆ มั้ง ไหนจะต้อง
ระวังแผนที่อีกเลยทำให้ฝัน”
รัตนากรยิ้ม
“หรือรัตน์เริ่มเชื่อว่าเนตรนาคราชเป็นเรื่องจริง”
“รัตน์ว่าอย่างแรกมากกว่าค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
ตอนเช้า วรชัยยืนอยู่ที่รถ ชายฉกรรจ์สองสามคนยืนอยู่ข้างๆ มีคนขับและชายอีกหนึ่งคนนั่งอยู่ในรถ โรสเดินออกมาในชุดปฏิบัติการรัดกุม พกปืน ถือหน้าไม้ หิ้วเป้สัมภาระโยนโครมไว้หลังรถ ตัวเองก้าวขึ้นไปนั่งทางด้านหลัง
“ฮ.พร้อมอยู่แล้ว ระวังตัว อย่าเก่งเกินไป”
“เยส เซ่อร์”
วรชัยตบที่ตัวรถ รถเคลื่อนออกไป วรชัยพยักหน้าเรียกชายคนหนึ่งเข้ามาหา
“ให้พวกเราที่อยู่ข้างนอก แสตนด์บาย รอรับคุณโรส”
ชายคนนั้นรีบออกไป
ชาติกับทีมงานตรวจของในรถอยู่ กาญจนากับวีรกิจเดินเข้ามา วีรกิจถามทันที
“ตกลงรถใช้ไม่ได้แน่นอน”
“ใช้ได้ครับ แต่ไม่มีน้ำมัน”
วีรกิจมองไม่พอใจ
“เราจะออกเดินทางภายในครึ่งชั่วโมง”
ชาติเห็นนพดลนอนอยู่
“พี่หมอเรา ไม่ยอมตื่นซะแล้ว”
วีรกิจยิ้มเยาะ
“นึกว่าจะแค่ไหน”
“แปลก เท่าที่รู้จัก พี่หมอไม่เคยตื่นสาย”
ชาติสงสัย จ้องนพดลอย่างพิจารณา นพดลตาลืมอยู่ จ้องมายังทุกคน กาญจนากับวีรกิจเดินเข้ามา ชาติยกมือขึ้นห้าม
“บางอย่างผิดปรกติ”
กาญจนากับวีรกิจต่างจ้องนพดลอย่างสงสัย
“โธ่เอ๊ยก็แค่เข้าไปปลุก”
กาญจนาจะท้วง แต่ช้าไปวีรกิจเดินเข้าไป ชาติยกมือขวางไว้
“อย่าขยับ”
วีรกิจมองหน้าไม่พอใจ แต่ก็หยุด
“คุณกาญช่วยเดินเข้าไปหาพี่หมอหน่อยครับ ช้าๆ เบาๆ นะครับ”
กาญจนาพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปจนยืนอยู่ตรงหน้านพดล จ้องนพดลอย่างพิจารณา นพดล
จ้องตากาญจนาเขม็ง
“พี่หมอ กระพริบตาหนึ่ง ใช่ สองไม่ใช่ โอเค”
นพดลกระพริบตาหนึ่งครั้ง กาญจนายิ้มออก
“มีบางอย่างผิดปรกติ”
นพดลกระพริบตาส่งตอบมา
“บางอย่างผิดปรกติ ทำให้พี่หมอ ขยับตัวไม่ได้ค่ะ”
ชาติเครียด
“เอายังไงดีคะ”
“โธ่เอ๊ย มาผมเอง”
วีรกิจขยับตัวอีก ชาติยันอกวีรกิจไว้ จ้องหน้าเอาเรื่อง
“คุณวีช่วยอยู่นิ่งๆ ก่อนได้มั้ย”
วีรกิจไม่พอใจ ชาติถามต่อ
“พี่หมอ มีตัวอะไรมาเยี่ยมเหรอ”
นพดลกระพริบตา
“พี่หมอบอกว่าใช่ค่ะ”
“อยู่ใต้ผ้าห่ม”
นพดลกระพริบตาหนึ่งครั้ง
“ใช่อีกค่ะ”
“อ๋อรู้แล้ว ผู้หญิงขาวสวยหมวยเอ๊ก”
นพดลเหล่ตาโตกรอกไปมา กาญจนาหันมาทางชาติ
“พี่หมอไม่ขำด้วย”
“ใจเย็นน่าพี่หมอ”
ชาติเข้าไปใกล้กาญจนา
“คุณกาญจนาถอยไปข้างคุณวีรกิจได้มั้ยครับ”
กาญจนาทำตาม
“ผมต้องการให้คุณกาญเตรียมปืนให้พร้อมครับ”
กาญจนาไม่เข้าใจ แต่ก็ดึงปืนออกมา วีรกิจตื่นเต้น
“ผมคิดว่าน่าจะเป็นงู แถวนี้ไม่น่าจะมีสัตว์อื่น”
กาญจนาขยับปืนอย่างตื่นเต้น
“ผมจะดึงผ้าห่มออกจากตัวพี่หมอ คุณกาญเตรียมยิงไหวมั้ยครับ”
“พอได้ค่ะ แต่ว่า”
“คุณกาญเคยบอกผมว่ายิงแม่น ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะที่สุด พร้อมนะครับ”
“ค่ะ”
ชาติย่อตัวนั่งลงเอื้อมมือไปจับที่ชายผ้าห่มอย่างแผ่วเบาที่สุด แล้วหันมาทางกาญจนา
“พร้อมค่ะ”
“หนึ่งสองสามผมดึงนะครับ”
“ค่ะ”
“หนึ่ง สอง สาม”
ชาติดึงผ้าห่มพร้อมม้วนตัวกลิ้งออกไปอีกทางหนึ่ง ทำให้เห็นงูเห่าตัวขนาดท่อนแขน ขดตัวนอนอยู่บนอกนพดล พลางชูคอแผ่แม่เบี้ยด้วยความตกใจที่ผ้าห่มถูกดึงออกไป ทุกคนจ้องอย่างตื่นเต้น
“คุณกาญ”
กาญจนาขยับปืนเล็งที่แม่เบี้ยพร้อมจะเหนี่ยวไก ทันใดนั้นวีรกิจยิงปืนเปรี้ยงๆๆ แต่ไม่ถูก งูเห่าตกใจ พุ่งฉกนพดลอย่างรวดเร็ว นพดลยกแขนกันไว้ได้ทันท่วงที งูเห่าฉกเข้าที่แขนของเขาเต็มเขี้ยว ชูหัวขึ้นอีก กาญจนาเหนี่ยวไก เปรี้ยง งูกระเด็นออกไปจากอกนพดล ขณะที่นพดลเอามือกดที่แผลแน่น ชาติถลาเข้าไปหานพดลอย่างรวดเร็ว
“พี่หมอ”
“รัดต้นแขนผมเร็ว”
กาญจนาปลดเข็มขัดกางเกงของตัวเองมารัดต้นแขนนพดลอย่างรวดเร็ว ชาติออกไปที่สัมภาระบนรถ วีรกิจรีบเข้ามา
“ผม ผม กะ จะ ยิง งู”
กาญจนาใช้เข็มขัดมัดต้นแขนของนพดลเสร็จ ก็เข้าประคองนพดล
“คือผม”
“คุณ วี ช่วยไปอยู่ตรงโน้นได้มั้ยคะ”
วีรกิจอึกอัก
“นาว พลีส”
วีรกิจรีบถอยออกไปไกล ชาติรีบเข้ามา
“เป้ของพวกเรามีแต่ยาแก้ปวดแก้ไข้ ไม่มีเป้ของพี่หมอ เราไม่มีทางทำอะไรได้”
“เราต้องทำอะไรสักอย่าง เร็วที่สุด”
ชาตินึกขึ้นได้
“ซามู เราย้ายพี่หมอมาไปที่รถจิ๊ปก่อน”
ชาติกับกาญจนาช่วยประคองนพดลไปนั่งข้างๆ รถ วีรกิจได้แต่ฟึดฟัดอยู่ข้างๆ ชาติลุกขึ้นบอกทุกคน
“ทีมงานทุกคน วางกำลังคุ้มกัน ยิงทุกอย่างที่ขวางหน้า”
ทีมงานที่เหลือประมาณ 4 คน ต่างกระจายอยู่รอบรถ ชาติหันมาทางวีรกิจ
“คุณคอยระวังคุณกาญจนากับพี่หมอ”
วีรกิจพยักหน้า ชาติหันมามองกาญจนา
“ผมจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
“เดี๋ยว คุณจะไปใหน”
“ผมจะออกไปหาซามู ซามูอาจจะรู้จักพรานงูสักคน พามารักษาพี่หมอที่นี่”
กาญจนาพยักหน้า ชาติออกไป
อัศวินโยนสัมภาระขึ้นหลังรถ รัตนากรเดินเข้ามา หิ้วของของเธอมาโยนขึ้นหลังรถเช่นกัน
“เมื่อคืนหลับสบายนี่ ไม่เห็นฝัน”
“ไม่ได้ฝันค่ะ แต่ตอนดึกตื่นมาเห็นใครไม่รู้หลับยาม”
อัศวินยิ้มแล้วขึ้นรถ รัตนากรอ้อมไปขึ้นอีกด้านหนึ่ง
อิทธิหลบอยู่บนเนินเล็กๆ ใช้กล้องส่องทางไกลมองหน่วยของโจซิงที่พักกันอยู่
ชาติออกตามหาซามูไม่ลดละ
“ไอ้ซามูมันหายหัวไปไหนของมัน”
ชาติเห็นเงาวูบวาบอยู่ในราวป่าเบื้องหน้า จึงค่อยๆ ย่องเข้าไป เห็นซามูกำลังจ้องมองพวกของเวจาง จึงเข้าไปหา
“เงียบที่สุด แล้วถอยตามฉันมา”
ซามูส่งมือไม้ว่อนคุยกับชาติ
“แต่เราไม่มีทางเลือก เราเคลื่อนย้ายคนป่วยไม่ได้ แกรีบไปรีบมา ฉันจะหาทางขโมยรถจิ๊ปของมัน”
ซามูยิ้มเยาะทำไม้ทำมือวุ่น
“เออ ฉันคนเดียวนี่แหละ แกรีบไปได้แล้ว ก่อนจะเจอลูกถีบ”
ซามูรีบออกไป
ชาติเคลื่อนตัวเข้าไปในป่าอย่างระมัดระวัง นับคนของฝ่ายตรงข้ามได้ห้าคน เป้าหมายคือรถจิ๊ป ชาติขยับปืนในมือพร้อม มองพวกมันที่อยู่กันอย่างประมาท เขาขยับตัวจะเคลื่อนไปช้าๆ
อิทธิขยับกล้องมอง เมื่อเห็นชาติโผ่ลมาจากในป่า
“นายชาติมาทำอะไรแถวนี้วะ”
ชาติขยับตัวออกไป แต่แล้ว เสียงรถจิ๊ปกระหึ่มเข้ามาหนึ่งคัน เป็นรถของโจซิงกับอังโซะ ชาติถอยกลับเข้าที่เดิม อิทธิพลมองตลอด
“ที่แท้เป็นจุดนัดพบของพวกมัน”
ชาติค่อยๆ ถอยตัวกลับออกไป
“จุดรวมตัวของพวกมันนี่เอง” อิทธิคิด
รถของเวจางกับโจซิง เข้ามาจอด โจซิงมองคนของมันที่เหลืออยู่น้อยกว่าเดิมเกือบครึ่ง
สบตากับอังโซะ เครียด เวจางเดินเข้ามา
“พวกมันมีฝีมือใช้ได้ แต่ปัญหาก็คือ มีกำลังคนลึกลับโผล่มา ข้าจึงตัดสินใจหยุดตามพวกมัน”
โจซิงพยักหน้า
“ข้าก็เจอเหมือนกัน เจ้าตัดสินใจถูกต้องแล้ว เรายังไม่รู้ว่าศัตรูคือใคร มีคนรู้เรื่องการเดินทางครั้งนี้มากเกินคาด”
“คนของเราเอ่อ สูญเสียไปมาก”
“เชื่อมต่อการสื่อสาร”
เวจางรับคำแล้วออกไป อังโซะเดินเข้ามา โจซิงเครียด
ชาติมองสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบกริบ เห็นพวกมันเอากระเป๋ามาเปิด มีจานดาวเทียมเล็กมาต่อติดตั้ง
“มันลงทุนน่าดู กำลังคน กำลังอาวุธเพียบ”
ชาติขยับตัวเข้าไปอีก
“ถ้ามันออกตามล่าตอนนี้ พี่หมอเสร็จแน่”
เฮนรี่อยู่หน้าเครื่องสื่อสารไฮเทคในห้องทำงานลึกลับในบ้าน กำลังคุยกับโจซิง
“เราบอกท่านแล้ว ว่าอย่าประมาท”
“ท่านจะส่งคนมาได้เมื่อไหร่”
“ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ฮ.จะพาหน่วยเสริมไปโรยตัวพร้อมสัมภาระที่นั่น”
“เราจะส่งพิกัดตำแหน่งไปให้ท่าน”
“แบ่งกำลังออกเป็นสองขบวน ขบวนใหญ่ ตามไปเรื่อยๆ ไม่ต้องลงมือให้เสียกำลังคน ขบวนเล็กคอยจู่โจมยามเผลอชิงแผนที่มาให้ได้”
“รับทราบ”
“อย่าให้พลาดอีก”
เฮนรี่วางสายวิทยุ
“ไอ้พวกนี้ไว้ใจไม่ได้ เอะอะขอเพิ่ม ขอเพิ่ม”
เฮนรี่เดินออกไป
โจซิงกับอังโซะ นั่งพิงยางรถยนต์พักอยู่ เวจางเข้ามารายงาน
“หน่วยของเรากลับมารายงานว่า พวกมันกลุ่มหนึ่งยังไม่เคลื่อนย้ายออกไป มีผู้หญิงเป้าหมาย
อยู่ด้วยหนึ่งคน จะส่งคนไปดูมั้ยครับ”
“แปลก พวกมันจะอยู่ทำไม”
โจซิงหันมามองอังโซะ
“บาดเจ็บ รถเสีย หรือหลอกให้เราเขว ทุกอย่างเป็นไปได้”
“รอกำลังคนเพิ่มก่อนดีกว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องตามพวกมันตอนนี้”
เวจางพยักหน้า ออกไป โจซิงครุ่นคิด
“ยู รู้จักกับผู้หญิงคนนั้น”
“เคยฝึกร่วมกัน ทำงานร่วมกันใน ยู เอส มีฝีมือ แต่แค้นต้องชำระ”
“อย่าประมาท ไอดูแล้ว ฝีมือดีทีเดียว”
อังโซะยิ้มเครียด
ชาติสังเกตการณ์อยู่ เห็นเวจางคุยกับหน่วยตระเวณของมัน หน่วยตระเวณทำความเคารพแล้วพากันไปนั่งพักผ่อน
“ดี พักกินกาแฟให้สบายใจ อย่าเพิ่งออกมาตอนนี้”
ชาติพึมพำ พลางมองตามเวจาง
“พวกมันคงรอกำลังเสริม หวังว่าไอ้ซามูคงพาคนไปถึงพี่หมอแล้ว”
วีรกิจนั่งอยู่บนรถ ถือปืนคอยระวัง กาญจนาคอยดูอาการของนพดลอยู่ สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก ซีดเซียว
“กาญต้องคลายเข็มขัดอีกแล้ว”
“ค่ะ”
กาญจนาคลายเข็มขัดที่รัดต้นแขนเพื่อไม่ให้พิษงูเข้าหัวใจออก ยกนาฬิกาขึ้นดูจับเวลา
“หนึ่งนาที”
กาญจนารัดเข็มขัดเข้าเหมือนเดิม
นพดลยิ้ม “ไง เจอหมอลืมเป้ยาของตัวเอง ยังจะให้พี่ไปด้วยหรือเปล่า”
“ให้โอกาสอีกครั้ง ถ้าคราวหน้าลืมอีกยิงทิ้ง”
กาญจนาล้อ นพดลยิ้มแล้วหลับตาลง มีเสียงนกดังเข้ามา ทีมงานต่างขยับตัวพร้อม วีรกิจยกปืนกราดไปมา กาญจนานึกได้
“ซามู”
วีรกิจยกมือกราดจ้องไปทางด้านหน้า
“คุณวี พวกเรากันเองค่ะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“คุณชาติเคยบอกค่ะ เป็นสัญญาณของซามู”
ซามูเดินเข้ามา ทีมงานต่างผ่อนคลาย ด้านหลังของซามู มีชาวบ้านอายุราว 40 ผิวดำ แต่งตัว
เหมือนพราน สะพายย่าม มือถือลูกซอง ต่างเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ กาญจนารีบออกไปหา
“ซามู พี่หมอ”
ซามูกับชายชาวบ้านรีบเข้ามาดูนพดล กาญจนาเข้ามาช่วยประคอง
“พี่หมอ”
นพดลลืมตาขึ้น พรานโก๊ะเข้ามาตรวจดู นพดลรีบบอก
“งูเห่าดงครับ”
“ไอ้นี่พิษร้ายมาก ใครถูกกัดตายทุกราย”
กาญจนากับนพดลถึงกับอึ้ง
“ลุงช่วยได้มั้ย”
“เรียกพี่ก็ได้ ยังไม่แก่”
กาญจนาอึ้ง
“ตกลง พี่ช่วยได้หรือเปล่า”
“ได้ แต่ก็ต้องทำใจ”
พรานโก๊ะพูดพลางหยิบอะไรในย่ามมาเคี้ยวเล่นหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจแผลของนพดล
กาญจนามองซามู ประมาณว่าพาคนบ้ามาหรือเปล่า ซามูยิ้ม ทำนองว่า หาได้แค่นี้ พรานโก๊ะถุยที่เคี้ยวใส่มือ แล้วโปะไปบนแผลของนพดล
“เอ้าหนู จับไว้”
กาญจนาเงอะงะ พรานโก๊ะคว้ามือกาญจนามาโป๊ะแทนมือตน กาญจนาไม่อยากแตะสิ่งที่คายออกมาจากปากพรานโก๊ะ แต่ก็แข็งใจกดไว้ นพดลอดขำไม่ได้ทั้งที่หน้าซีด พรานโก๊ะลุกขึ้นเดินจะกลับเข้าไปในป่า กาญจนาร้อนใจ
“พี่จะไปใหน”
“ปวดฉี่ เดี๋ยวมา”
พรานโก๊ะเดินออกไปหน้าตาเฉย ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก กาญจนาหันมามองซามู
“ซามูไปเอาใครมารักษาพี่หมอ”
ซามูยิ้มกว้าง พลางส่งสัญญาญมือว่าจะไปดูข้างนอก กาญจนาพูดไม่ออก นพดลถึงกับขำขึ้นมา
“พี่หมอ พิษกำเริบเหรอ”
“เฮ้อ ก่อนจะตายได้หัวเราะนี่ถือว่ายอด คนหนึ่งก็ใบ้ คนหนึ่งก็โก๊ะ ผมว่าบ้ากันทั้งนั้น”
กาญจนาพลอยขำไปด้วย แต่แล้วพรานโก๊ะก็เดินเข้ามา ถือกล้วยมาเครือหนึ่ง พร้อมใบตอง
ปากยังเหมือนเคี้ยวกล้วยอยู่ เดินมาถึงก็ส่งกล้วยให้วีรกิจ วีรกิจรับมาไม่พอใจ พรานโก๊ะนั่งลงแล้วเอาใบตองมาพับเป็นชิ้นตามยาว
“เอามือออกหนู”
กาญจนาเอามือออกจากแผล พรานโก๊ะเอาใบตองพันรอบแผล กาญจนารื้อเป้เอาผ้าพันแผลออกมาได้ม้วนหนึ่ง
“เอ้า มัดเลย”
กาญจนาเอาผ้าพันแผลพันใบตองอย่างรวดเร็วจนเรียบร้อย
“คุณวี ยืมมีดหน่อยค่ะ”
วีรกิจดึงมีดออกจากซองข้างเอวแล้วช่วยตัดผ้าพันแผล เป็นอันเสร็จ
“จะได้ผลมั้ยพี่พราน”
“ถ้าอีกครึ่งชั่วโมง ยังไม่ตายก็รอด”
พรานโก๊ะลุกออกไป นพดลขำคิกขึ้นมา กาญจนามึน วีรกิจเสียอารมณ์ ได้แต่มองเครือกล้วยในมือ สุดท้ายโยนไว้บนรถโครม นพดลยิ่งขำ กาญจนาพลอยขำไปด้วย
ชาติจับตามองพวกมันอยู่ เห็นพวกมันพักกันสบาย ค่อยเบาใจ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงนกร้องเข้ามา ชาติขยับตัว แล้วค่อยๆ ถอยออกไป
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 5 (ต่อ)
เวจางขยับตัวกราดสายตา เสียงนกแว่วมาสองสามครั้งแล้วหายไป มันขยับตัวส่งเสียงเบาๆ ไปที่พวกทีมงาน พวกมันไหวทัน เวจางโบกมือส่งสัญญาณว่ามีคน แล้วค่อยเคลื่อนตัวออกไป พวกทีมงานกระจายกำลัง
กันเคลื่อนตาม โจซิงกับอังโซะ ต่างมอง
“เวจาง มันจะทำอะไร”
โจซิงเอนตัวหนุนตักอังโซะ
“ปล่อยมันเถอะ เดี๋ยวมันก็มารายงาน”
อังโซะยิ้ม เอามือเล่นหัวโจซิง
ชาติโผล่ออกมาจากในป่า ก็เห็นซามูนอนเอกเขนกอยู่บนกิ่งไม้ ชาติเหล่ ซามูยิ้มแล้วลงมายืนที่พื้น ชาติเดินผ่านไป ซามูรีบเดินตามไป
“หมายความว่ายังไงวะ ทำดีที่สุด แล้วตกลงเอ็งพาใครมารักษาพี่หมอกันแน่วะ”
ซามูทำมือทำไม้
“พรานสารพัด แปลว่าอะไรวะ พรานสารพัด”
ซามูยักไหล่แบมือ ว่าได้แค่นี้ ชาติเดินต่อออกไป ซามูรีบเดินตาม
“ป่านนี้คุณกาญคงคิดว่าข้าบ้า ที่พาเอ็งมา”
ซามูทำมือประกบกันเป็นรูปหัวใจ
“เอ็งอย่าทะลึ่ง”
ซามูยิ้มตบมือชอบใจ ชาติชี้หน้าซามู อีกมือหนึ่งทำนิ้วแตะที่ปากให้เงียบ ซามูไหวทันเงียบทันที พลางส่งสัญญาณมือ ประมาณว่า ปล่อยให้พวกมันตามมา
“เออ แล้วไง”
ชาติกระชากซามูออกไป
พวกมันกระจายกำลังเคลื่อนตัวเข้าโอบล้อมพื้นที่ด้านหน้า เวจางโบกมือส่งซิก พวกมันกระจายกำลังหายไปจนหมด
พวกมันสองคน โผล่ออกมาท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ กราดสายตาไปมาสำรวจร่องรอย ทันใดนั้น ชาติกับซามูทิ้งตัวลงมาจากด้านบน พวกมันชักปืนใส่ แต่ชาติคว้าจับตบกระชากปืนหลุด เช่นเดียวกับซามู กลายเป็นต่อสู้กันด้วยมือเปล่า พวกมันพลาด แต่แล้ว เวจางเดินเข้ามา
“หยุดเว้ย”
ชาติกับซามูหันมา พวกมันล้อมไว้หมดแล้ว พร้อมอาวุธครบมือ
“นึกว่าจะแค่ไหน ข้าส่งคนมาล่อพวกเอ็งก็หลงกลจนได้”
“ข้าบอกเอ็งแล้ว ไอ้ซามู ทำเป็นซ่า”
ซามูจ๋อย
“คราวหลังหัดฟังมั่ง”
“เฮ้ย พอแล้ว ลากตัวพวกมันไป”
เวจางสั่ง พวกมันเข้ามาคุมตัว ชาติ กับ ซามู ออกไป แต่แล้วได้ยินเสียงนกร้องดังเข้ามา
ซามูส่งซิกให้ชาติ ชาติพยักหน้า เสียงนกร้องดังเข้ามาอีก เวจาง ยกมือให้ขบวนหยุด ทีมงานหยุดขยับปืนเตรียม พร้อม
“แค่นกร้อง ทำเป็นตื่นเต้นไปได้”
ชาติพูด พวกมันคนหนึ่งเอาท้ายปืนกระแทกหลังชาติจนเซไปกระแทกซามู เสียงนกร้องดังเข้ามาอีก
ทันใดนั้นเสียงรถดังกระหึ่มพุ่งออกมาจากแนวป่าตรงหน้าของเวจาง เวจางโดดหลบได้ทันท่วงที พวกทีมงานต่างหลบกับจ้าละหวั่น ชาติกระแทกซามู ม้วนตัวกระเด็นพ้นทางออกไป รถจิ๊ปผ่านทุกคนไปเบรกพรืด เสียงอิทธิดังขึ้น
“จะนอนเล่นก็ตามใจนะเพื่อน ฉันไปก่อนแล้ว”
“เฮ้ย เดี๋ยว”
ชาติลุกขึ้น วิ่งตามรถจิ๊ปไป ตามติดด้วยซามู เวจางกับพวกมันตั้งตัวได้ ต่างคว้าปืนยิงตามหลังมา
“ไอ้อิทธิ รอก่อนเว้ย”
อิทธิยิ้มแล้วตบเกียร์ว่างปล่อยรถให้ไหลไป พลางขึ้นมายืนตรงเบาะหลัง ยิงข้ามหัวชาติกับซามูสกัดพวกมันไว้ พวกเวจางต่างพุ่งตัวเข้าหาต้นไม้หลบกันวุ่นวาย อิทธิยิงไม่ยั้ง
“เร็วเว้ย พวก”
ชาติกับซามูรีบเข้ามาถึงรถ ซามูกระโดดขึ้นท้าย ส่วนชาติกระโดดขึ้นด้านคนขับ ปล่อยให้อิทธิยิงสกัดพวกมัน
“ออกรถ”
ชาติตะโกน อิทธิโยนปืนให้ซามูแล้วโดดมานั่งด้านหน้า ซามูรับปืนแล้วยิงกราดพวกมันที่โผล่ออกมายิงใส่รถ พวกมันต่างหลบเข้าไป ชาติออกรถ
เวจางเดินนำพวกมันเข้ามาหาโจซิงกับอังโซะซึ่งยืนหน้าเข้มอยู่
“ว่าไง”
“พวกมันมีคนมาช่วย”
เวจางเดินไปเตะเป้สัมภาระเสียอารมณ์ ทีมงานแยกย้ายกันพัก โจซิงยิ้ม
“เอาน่า ถือว่าเป็นการออกกำลัง เราต้องรอหน่วยเสริมอยู่ดี ยังไงพวกมันก็ไม่พ้นมือเรา”
ชาติจอดรถพรืด เล่นเอาทุกคนหัวเกือบคะมำ เขาหันไปพูดกับอิทธิ
“ดีใจที่สุดเลยที่เพื่อนโผล่มา”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายยังอยู่แถวนี้”
ซามูโดดลงจากรถ ชาติสั่งขึ้น
“ไปดูซิพวกมันตามมาหรือเปล่า แล้วรีบกลับมารายงาน”
ซามูเผ่นออกไป
“รีบกลับมาเอาพรานของเอ็งไปด้วย”
“พรานใคร” อิทธิงง
“พี่หมอถูกงูกัด เป้ของพี่หมออยู่ในรถแก แถมรถฉันถูกยิงถังน้ำมันรั่วอีก เลยติดแหงก”
“นายโชคดีที่ฉันเห็นนายโผล่มา เลยตามมาลุย ไม่ยังงั้นนายกับซามูดับไปแล้ว”
“เออ ติดไว้ก่อน”
ชาติขับรถออกไป
พรานโก๊ะนั่งกินกล้วยอย่างอร่อย กาญจนาจ้องมองอย่างพิจารณา รอบๆ มีทีมงานคอยระวังอยู่ วีรกิจเดินเข้ามา พลางหันไปมองพรานโก๊ะ
“ไอ้ซามูไปพาคนบ้าที่ไหนมา พี่หมอจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
กาญจนาได้แต่ถอนหายใจ
“เล่นแช่งกันแบบนี้ อาจจะไม่รอด” นพดลพูดขึ้น
“พี่หมอ เป็นยังไงบ้าง”
“น่าจะดีขึ้นนะ”
นพดลนิ่งทบทวนอาการตัวเอง
“พี่หลับไปนานมั้ย”
“เกือบสองชั่วโมงแล้ว”
“อืม แสดงว่ารอด”
กาญจนายิ้มขึ้นมาได้
“ผมว่าลูกฟลุคมากกว่า” วีรกิจขัด
“โปะสมุนไพรเรื่อยเปื่อยรอดก็แล้วไปไม่รอดก็จบ”
“พี่หมอว่าไง”
“พี่คิดว่าสมุนไพรไทยบางอย่างอาจทำลายพิษงูได้”
ทันใดนั้นเสียงนกร้องดังเข้ามา กาญจนาขยับตัวอย่างตื่นเต้น
“ซามูกับคุณชาติกลับมาแล้ว”
ทีมงานต่างขยับตัวระวัง แต่ผ่อนคลาย ชาติขับรถรถวิ่งเข้ามา
“เย้ มีรถมาด้วย”
กาญจนาดีใจวิ่งผ่านวีรกิจออกไปหาชาติกับอิทธิอย่างตื่นเต้นดีใจ ผมยุ่งกระเซิง หน้าแดงสวยจนชาติอดมองไม่ได้
“คุณชาติ คุณอิทธิ ดีใจที่ได้พบกันอีก”
ชาติได้แต่มองใบหน้ากาญจนาอึ้งไม่รู้ตัว อิทธิศอกเข้าให้
“เอ่อ ครับ โชคช่วย นายอิทธิโผล่มาพอดี”
“สวัสดีครับ คุณกาญ”
“ค่ะ”
กาญจนายิ้มสดชื่น โล่งอก
ทีมงานเอาของขึ้นรถ วีรกิจเอาเป้ของตนมาขึ้นรถ พร้อมกับยืนรอทุกคน นพดลนั่งอยู่บนรถเรียบร้อย ใช้เข็มขัดของกาญจนาเป็นที่ห้อยแขน อิทธิเดินเข้ามา
“ไงหมอ เกือบไปซิ”
“อืม”
“เป้หมอผมเก็บไว้ให้แล้ว อย่าลืมอีกล่ะ”
นพดลยิ้ม
ระหว่างนั้น ชาติกับกาญจนาคุยกันอยู่ อิทธิเดินเข้าไปหา
“จะเอายังไงดีเพื่อน”
“จะปล่อยแกไว้ที่นี่ไม่ได้นะคะ”
ทุกคนมองไปที่พรานโก๊ะ ซึ่งยืนถือเครือกล้วยอยู่ ไม่ได้สนใจใคร
“เป็นพรานอะไรวะ กลับบ้านไม่ถูก”
“แกบอกว่า ซามูลากแกให้รีบมา เลยไม่ทันได้จำทาง” กาญจนาเล่า
“แล้วไอ้ซามูของนายไปไหนแล้ว” อิทธิถามชาติ
“ฉันให้มันจับตาดูไอ้พวกนั้นอยู่”
“ฉันว่าเอาแกไปด้วยเถอะค่ะ แล้วค่อยว่ากันที่หลัง”
“อืม คงต้องแบบนั้นล่ะ” ชาติเห็นด้วย
“งั้นเรารีบออกเดินทางกันดีกว่าป่านนี้ไอ้อัศวินกับคุณรัตนากรเป็นห่วงแย่แล้ว”
ทุกคนต่างแยกย้ายกันขึ้นรถ
โจซิงนั่งอยู่กับอังโซะที่รถของมัน เวจางเข้ามารายงาน
“วิทยุจาก ฮ.ว่าหน่วยเสริมกับสัมภาระกำลังเดินทางมา อย่างต่ำ 10 ชั่วโมง”
“คืนนี้พักที่นี่ รอกำลังเสริม พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง”
พวกโจซิงเตรียมตัวตั้งค่ายทันที
รถของชาติวิ่งอยู่ในแนวป่า โรสใช้กล้องส่องทางไกลมองมา จนกระทั่งรถของชาติหยุดลง ทุกคนลงจากรถ ชาติสั่ง
“เราจะหยุดให้พี่หมอได้พักหน่อย”
ทุกคนต่างเลือกที่นั่งตามสะดวก อิทธิเดินสำรวจรอบๆ
“เอ๊ะ เราเคยเจอตานั่นนี่”
โรสขยับกล้องเมื่อเห็นอิทธิยืนอยู่ จากนั้นก็โบกมือ ชายฉกรรจ์ที่มาด้วยกระโดดขึ้นรถ เคลื่อนขบวนออกไป
กาญจนาเดินมาที่รถเป็นห่วงนพดล
“พี่หมอ เป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ”
กาญจนายิ้ม อดมองพรานโก๊ะไม่ได้ เอามือตบไหล่นพดลเบาๆ แล้วเดินไปหาพรานโก๊ะ
“หวัดดีพี่พราน”
“เสียงดัง นกบินไปเลย”
“โทษที พี่พรานชื่ออะไรน่ะ”
“ชื่อโก๊ะ”
กาญจนาขำ
“ชื่อ เอ่อ เท่ห์ดี”
“ไม่ต้องยอหรอก”
“ฉันขอบใจนะ ที่ช่วยพี่หมอ”
“จิ๊บๆ ไอ้ซามูไปไหน จะกลับบ้านแล้ว”
“งั้นฉันจะไปตามซามูมาให้นะ”
พรานโก๊ะยิ้มพยักหน้า กาญจนาเดินไปหาชาติกับอิทธิ
“ยุ่งแล้วค่ะ พี่พรานถามหาซามู จะกลับบ้าน”
ชาติกับอิทธิมองหน้ากัน
“ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อน ไอ้ซามูมาเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน” ชาติบอก
ทุกคนมองพรานโก๊ะ ทั้งห่วง ทั้งขำ วีรกิจเดินเข้ามา
“เมื่อไหร่จะถึงจุดนัดพบอะไรสักที ผมอยากจะอาบน้ำเต็มทีแล้ว”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน กาญจนาถอนใจ
อัศวินยืนส่องกล้องเดินทางอยู่ข้างๆ รถ รัตนากรนั่งอยู่ตรงด้านผู้โดยสาร
"ป่านนี้แล้ว พวกนั้นยังไม่มีใครมาอีก”
“เราจะพักกันที่นี่กันเหรอคะ”
“ยังครับ ชาติจะเป็นคนนำเราเข้าไปลึกกว่านี้ เป็นบ้านเซฟเฮาส์ที่ชาติกับอิทธิมาสร้างไว้”
“งั้นใจเย็นๆ ค่ะ เดี๋ยวคงมากัน”
อัศวินลดกล้องลง เครียด
“ทั้งคุณชาติ คุณอิทธิ ต่างมีฝีมือ พี่บอกเองไม่ใช่เหรอ”
อัศวินยิ้มขึ้นมานั่งบนรถด้านคนขับ จ้องมองรัตนากร
“what”
“เปล่านี่ แค่นึกไม่ถึงว่า รัตน์จะมาตามเนตรนาคราช”
“โน พี่อัศวินกับยัยกาญตะหาก รัตน์ถูกชวนให้มา”
“นี่รัตน์ยังไม่คิดอีกเหรอว่าเนตรนาคราชมีจริง”
รัตนากรส่ายหน้า แล้วยกกระบอกแผนที่ให้ดู
“แต่ดูนี่ รัตน์กลายเป็นคนคอยระวังแผนที่ไปซะอีก”
“รัตน์อาจจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเนตรนาคราชอย่างที่ไม่คาดคิดก็ได้”
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ รัตน์ไม่เคยเชื่...”
รัตนากรหยุดพูด จ้องไปทางด้านหลังของอัศวิน อัศวินหันมองตาม แปลกใจ พระอาทิตย์กำลังจะตกเป็นดวงกลมสีแดง แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ก้อนเมฆรวมตัวกันมีลักษณะคล้ายศีรษะของพญานาคและพระอาทิตย์กลมสีแดงอยู่ตรงตำแหน่งของดวงตาพอดี อัศวินตะลึงงัน
“เนตรนาคราช”
รัตนากรจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างสับสนคาดไม่ถึง
“ไม่น่าเชื่อ”
ทันใดนั้นเป็นแสงสว่างวาบ รัตนากรเห็นภาพสองพี่น้องในถ้ำ และการต่อสู้แย่งชิง
“พี่บอกแล้ว รัตน์มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเนตรนาคราช”
รัตนากรหันมามองอัศวิน
“พี่เห็นหรือเปล่า”
“หา เห็นอะไร ที่ใหน”
“คือ บนนั้น ท้องฟ้า”
อัศวินส่ายหน้า กังวล รัตนากรจ้องอัศวินอย่างสับสน
ตอนค่ำ รัตนากรนั่งคุยกับอัศวินตรงหน้ากองไฟ แปลกใจในสิ่งที่ตัวเองเห็น
“เป็นไปได้ยังไง ไม่น่าเชื่อ”
“อืม เป็นคนอื่นพูดพี่ก็จะหาว่าเกิดภาพหลอน แต่นี่เป็นรัตน์ซึ่งไม่เชื่อเรื่องเนตรนาคราชมาก่อน พี่คงไม่
มีคำอธิบาย แต่ในไม่ช้าทุกอย่างก็จะเปิดเผยออกมาเอง”
รัตนากรพยักหน้า เธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน
“เดี๋ยวก่อน รัตน์เกิดปีมะโรงนี่”
“ใช่ค่ะ อย่าบอกนะว่าลืม”
“ปีมะโรง งูเล็ก ไม่เข้าใจเหรอ งู พญานาค”
“โน อย่าพยายาม รัตน์ว่าไม่เกี่ยวหรอก รัตน์คงคิดมากไปเองจนเกิดภาพหลอนอย่างที่ว่า”
“พี่ว่าเกี่ยว แค่ยังไม่รู้ว่าเกี่ยวยังไงเท่านั้น”
อัศวินยิ้มมั่นใจ รัตนากรสับสน แต่ก็ยังไม่เชื่อเช่นเดิม
พรานโก๊ะนั่งดื่มกาแฟอยู่หน้ากองไฟ อิทธิกับชาติยืนอยู่ที่รถ นพดลครึ่งนั่งครึ่งนอนหลับอยู่
“เอายังไงกับพรานโก๊ะดีเพื่อน”
อิทธิหันมาถามชาติ
“ก็ต้องเอาไปด้วย จนกว่าไอ้ซามูจะกลับมา แล้วค่อยให้มันพาไปส่งบ้าน”
“แล้วโน่นล่ะ”
อิทธิโบ้ยหน้าไปยังกาญจนา ยิ้มล้อชาติ ชาติเหล่ๆ มอง
“นายอยู่ยามแรก ฉันนอนก่อน”
ชาติเดินออกไป อิทธิยิ้มชอบใจ
รัตนากรนั่งพิงต้นไม้หลับอยู่ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นกองไฟตรงหน้า แต่ไม่เห็นอัศวิน เธอมองฝ่าความมืดออกไป แล้วก็ค่อยๆ หลับตาลงเหมือนเดิม ขยับมือมาบังริมฝีปาก ถามออกไปเบาๆ
“พวกมันมีกี่คน”
“ไม่เกินสาม แต่นิ่งไม่มีการเคลื่อนไหว คงมาสังเกตการ”
เสียงอัศวินออกมาจากเงามืดหลังต้นไม้
“รัตน์ยกให้พี่ให้หมด รัตน์นอนต่อ”
“อ๋อเหรอ ขอบใจที่เป็นห่วง”
รัตนากรยิ้มเล็กน้อย แล้วก็ทำเป็นหลับเหมือนเดิม อัศวินพิงตัวกับต้นไม้แล้วหลับตาลงพักผ่อนเช่นกัน เพราะคิดว่าปลอดภัย
ตอนเช้าขบวนของชาติกับกาญจนาและอิทธิเตรียมตัวเก็บข้าวของออกเดินทาง กาญจนาเดินมาหาชาติซึ่งอยู่ที่รถ ตรวจความเรียบร้อยของเครื่องอยู่
“คุณอิทธิไปไหนคะ”
“ตรวจการอยู่รอบนอกครับ”
“คุณสองคนเข้าขารู้กันดีนะคะ ดูเหมือนชิลๆ แต่ความจริงพร้อมอยู่เสมอ ทำให้คนรอบข้างรู้สึกปลอดภัย”
ชาติยิ้มให้ ชำเลืองข้ามไหล่ของกาญจนาไป กาญจนาเห็นสายตาชาติจึงหันกลับไป เห็นวีรกิจเดินถือสัมภาระเข้ามา
“ขอตัวก่อนนะคะ”
กาญจนาเดินไปหาวีรกิจ ชาติยิ้มเล็กๆ ชำเลืองมองตามกาญจนา วีรกิจเดินมาหากาญจนา
“อย่าบอกนะว่ารถเสีย”
“เสียก็เดิน”
“เดิน”
“อย่าบ่น ห้ามแล้วว่าอย่ามา”
กาญจนาพูดจบก็เดินออกไป วีรกิจเหล่แล้วโยนกระเป๋าตัวเองขึ้นรถ หันมาเห็นชาติยืนมองหน้าอยู่
เขาชักสีหน้าแล้วรีบเดินออกไป ชาติยิ้มขำแล้วหันไปเห็นอิทธิเดินเข้ามา
“มีคนอยู่รอบนอก”
“จำนวน”
“ไม่เกินสิบ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหว น่าจะมาสังเกตการมากกว่า”
“เอาไง”
“ชิลไปเรื่อยๆ พร้อมก็ออกเดินทางตามปรกติ”
ชาติปิดฝากระโปรงรถ
โรสใช้กล้องส่องทางไกลมองไปเห็นอิทธิ
“ทำเป็นไก๋ไม่รู้เรื่อง ตานี่เหลี่ยมจัดน่าดู”
โรสเอากล้องลง มีชายฉกรรจ์รอบๆ ตัวอยู่ห้าคน
“ขบวนดูเรียบร้อยดี”
โรสส่งกล้องให้ชายคนหนึ่ง
“ถอนตัว”
โรสเดินออกไป ทุกคนค่อยๆ ถอยตัวตามออกไป
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทุกคนอยู่บนรถเรียบร้อย นพดลยืนอยู่ข้างๆ รถ พร้อมทีมงานที่เหลือยืนระวังรอบ
“พี่หมอ เพื่อนพี่หมอว่าไง” ชาติถามขึ้น
“พรานโก๊ะ”
นพดลเรียก พรานโก๊ะวิ่งออกมาจากป่า มือยังยุ่งอยู่กับจัดเอวกางเกงให้เรียบร้อย
“น่ารำคาญ” วีรกิจบ่น
“คุณไม่เคยปวดท้องอึหรือครับ” อิทธิพูดสวน
ชาติสำลักขำเบาๆ กาญจนากลั้นยิ้ม วีรกิจเหล่ไม่ตอบ พรานโก๊ะวิ่งมาถึงรถพอดี
“โทษที ไอ้กิ่งก่ามันมามองหน้าเลย”
“เออๆๆ ขึ้นรถ” นพดลตัดบท
ทั้งสองคนขึ้นมาเบียดทางด้านหลัง วีรกิจทำท่ารังเกียจ ชาติออกรถ
โรสใช้กล้องส่องทางไกลมองขบวนของโจซิง เธอหันมาพูดกับลูกน้อง
“อืม ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะลงมือกับขบวนเดินทางตอนนี้ คงรอกำลังเสริม พวกเราแยกไปได้ ฉันจะเดินทางคนเดียว”
“ครับคุณหนู”
พวกมือปืนต่างถอยออกไป โรสส่องกล้องดูอีกครั้ง แล้วเคลื่อนตัวออกไป
เคนตั้งแคมป์อยู่ ลูกน้องเข้ามาปลุกเขาเพื่อจะรายงานว่าโรสสั่งสลายกลุ่ม แล้วโรสจะเดินทางคนเดียว แต่เคนโมโหที่ถูกปลุก ถีบลูกน้องพรวดออกมา
“ไอ้เวร เสือกมาปลุกข้าทำไม”
เคนโวยเอามือลูบผมลูบเผ้า มือหยุดที่ตารู้ว่าไม่ได้ปิด
“เฮ้ย ที่ปิดตาข้าอยู่ใหนวะ”
ลูกน้องวิ่งเข้ามาส่งให้ เคนคว้ามาผูกปิดจนเรียบร้อย
“ผิดข้างพี่”
“ข้ารู้แล้ว เมาเว้ย”
เคนสลับมาจนถูกข้าง
“เพราะไอ้นี่เสือกมาปลุก”
“ก็พี่สั่งให้รายงานด่วนเรื่องคุณโรส”
“อ้าวยังไม่รีบบอก ชักช้าอยู่ได้ เดี๋ยวเจออีก”
“คุณโรสตอนนี้เดินทางคนเดียวแล้วครับ ไปฉลุยแน่”
“เร็วเว้ย เตรียมตัวออกเดินทาง ถ้าตามไม่ทันละก็ เอ็งโดน”
พวกมันหัวเราะกัน
“เสื้อเว้ยเสื้อ”
ลูกน้องรีบเอาเสื้อเข้ามาให้ เคนรับมาแล้วยันโครม
“ปืนเปิน อุปกรณ์ เอามาให้หมดเลยเว้ย ต้องให้เรียกที่ละชิ้นหรือไงวะ”
ลูกน้องนำอุปกรณ์มาให้อย่างลนๆ เคนคว้าเหล้ามากระดกอีกครั้งก่อนออกเดินทาง
ขบวนรถของชาติกับอิทธิ ค่อยๆ คืบคลานเข้ามายังหน้าหมู่บ้านชุมโจร ซึ่งเป็นหุบเขาแคบ มีพวกโจรยืนกันอยู่ 4-5 คน อาวุธครบมือ ด้านในมีโจรเดินกันวุ่นวาย ทีมงานของชาติ เอารถมาจอดตรงที่ว่าง ทุกคนลงจากรถ วีรกิจบ่นทันที
“นี่มันชุมโจรชัดๆ ผมขอแนะนำให้เรารีบออกไปโดยเร็วที่สุด”
“อยากไปเหมือนกัน แต่บังเอิญนัดอัศวินกับคุณรัตนากรไว้ที่นี่”
อิทธิบอก วีรกิจไม่พอใจ กาญจนาหันมามองชาติ
“ที่นี่เป็นหมู่บ้านชุมโจรก็จริง แต่มีกฏเกณฑ์เคร่งครัด”
“ล้อเล่นน่า” นพดลไม่อยากเชื่อ
“หมู่บ้านนี้มีโจรทุกรูปแบบมากบดานหนีกฏหมาย เลยตกลงกันตั้งกฎว่าไม่ให้ใครมาตามล่า หรือมาฆ่ากันตายที่นี่” ชาติอธิบาย
“ถ้าใครแหกกฏ ก็จะถูกทุกคนรวมตัวกันรุมจัดการถึงตาย”
อิทธิอธิบายเสริม ทุกคนต่างมองหน้ากันนึกไม่ถึงว่าจะมีสถานที่แบบนี้
“ดีค่ะ น่าจะเอากฎนี้ไปใช้ในกรุงมั่ง ใครทำเบ่งสร้างอิทธิพล พวกที่เหลือก็ช่วยกันรุมเหยียบซะให้เข็ด”
กาญจนาพูดพลางยิ้มสะใจ ชาติกับอิทธิมองหน้ากันยิ้มว่า ใช้ได้ วีรกิจไม่พอใจ
“โห ธาตุแท้ของ น้องเรา”
นพดลพูดขำๆ กาญจนายิ้ม วีรกิจไม่สนุกด้วย ถามขึ้นอีก
“แล้วเราจะเอายังไงกับโน่น”
ทุกคนหันไปเห็นพรานโก๊ะยืนยิ้มทักกับพวกมือปืนโจรทั้งหลายที่ผ่านไปผ่านมา ชาติเห็นพรานโก๊ะแล้วก็หงุดหงิด
“ไอ้ซามูมันหายหัวไปไหนนะ จะได้คอยดูแลพรานโก๊ะ”
“ผมดูแลเอง”
นพดลเดินไปหาพรานโก๊ะ ทักทายคุยกันแล้ว ชวนกันออกไปเดินเล่น
“เดี๋ยวผมจะไปดูเรื่องที่พักแล้วก็เสบียง” อิทธิบอก
“ไป คุณวี เราไปเดินเล่นหาซื้อของกันมั่ง” กาญจนาชวน
“เอ่อ ผมว่า เราน่า”
“ถ้ากลัวก็รออยู่ที่รถก็ได้นะครับ”
อิทธิแนะ วีรกิจเหล่อิทธิ ก่อนจะฮึดสู้ ชาติรีบบอกย้ำ
“เชิญตามสบายครับ ปลอดภัยแน่นอน อาหารการกิน ช็อปปิ้งสารพัด”
“ไปครับคุณกาญ”
วีรกิจจูงมือกาญจนาออกไป อิทธิกับชาติมองตาม
“ฉันว่านายเลิกหาเรื่องคู่หมั้นคุณกาญได้แล้ว” ชาติปราม
“แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง”
“แต่มันดูเหมือนว่า นายกำลังจะแย่งคุณกาญมาโยนให้ฉัน”
ชาติดันอกอิทธิให้ถอย แล้วเดินออกไป อิทธิตะโกนตามหลัง
“บอกเฉยๆ ก็ได้ ไม่ต้องผลักหรอกเว้ย”
อิทธิเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
หน้าโรงแรม มีโจรยืนมั่วสุมอยู่สองสามกลุ่ม ทั้งหญิงและชาย อิทธิเดินเข้าไปในโรงแรม เจอ เฮียเป๋ง
“ไง เฮียเป๋ง ธุรกิจเป็นไง”
“อา อิทธิ โอ ลีใจจิงๆ หายหัวไปเป็งปี”
“เออ ดีใจที่หัวเอ็งไม่หายไปใหน”
“อาชาติ ไม่มาเหรอ”
“มา ไม่รู้หายหัวไปใหนแล้ว”
ทั้งสองต่างหัวเราะชอบใจ
“บ้านที่เราตกลงกันไว้”
“ไล่อยู่แล้ว ไม่มีปังหา”
“เออ แล้วก็จัดเสบียงเต็มชุดเดินทางสิบห้าวัน”
“ได้เลย อั๊วจัดให้ ลื้อไปเดินเล่นให้สบายใจ”
“เออ”
อิทธิเดินออกไป เฮียเป๋งตะโกนสั่งงานวุ่นวาย
ภายในบาร์ เต็มไปด้วยโจร ต่างส่งเสียงกันเฮฮา โรสเดินเข้ามา เสียงต่างเงียบลง จ้องไปที่โรส โรสยิ้ม เดินไปด้านใน พวกโจรที่ยืนอยู่ต่างขยับตัวออกให้เธอเข้าไปนั่งตรงบาร์แมน โรสยิ้มหวานให้
“น้ำส้มแก้ว”
พวกโจรหัวเราะกันครืน
“ที่นี่มีแต่เหล้า เบียร์ กับน้ำเปล่า น้ำส้มไม่มี”
“น้ำเปล่า”
โรสวางเงินปึกหนึ่งโครม บาร์แมนมองเงินพยักหน้าแล้วเดินไป โจรรายหนึ่งเดินเข้ามา
“ที่เต็นท์พี่มีน้ำส้ม น้องสนมั้ย”
เสียงพวกมันที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะกัน โรสยิ้มส่ายหน้า โจรไม่เลิกตอแย ขยับเข้ามาใกล้
“สนหน่อยน่า พี่อุ้มไปก็ได้”
โรสตบหน้ามันโครม จนมันเซออกไป โจรอีกคนเข้ามา โรสคว้าขวดเหล้าฟาดโครม มันทรุด
อีกคนหนึ่งเข้ามาชก แต่โรสชิ่งหลบ มันชกลมวูบเสียหลักไปกระแทกบาร์ พอหันมาก็เจอโรส
จระเข้ฟาดหางเข้าที่หน้า มันกระเด็นตามเท้าไปทรุดอยู่ที่พื้น พวกโจรต่างเงียบไปอึดใจ โรสเดินไปนั่งที่เดิม
บาร์แมนเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟ อาการเปลี่ยนเป็นยิ้มให้
“แก้วนี้ผมเลี้ยง”
โรสพยักหน้ายิ้มหวานให้ พวกโจรต่างคุยกันต่อ ไม่มีใครสนใจพวกที่กองอยู่บนพื้นอีกต่อไป ไม่มีใครกล้าหืออีก โรสกราดสายตามองไปยังพวกโจร ต่างก็พยักหน้าให้เป็นการยอมรับ โรสยิ้ม
มุมหนึ่งของหมู่บ้านชุมโจร มีการตั้งวงไฮโลกัน พวกโจรทั้งหลายต่างโยนเงินลงไปตามตัวเลขต่างๆ แต่มีเงินปึกหนึ่งโยนลงมาบนช่องว่างที่ไม่มีใครแทง เจ้ามือถึงกับสะอึก เงยหน้ามองเห็นสาววัยรุ่นอายุ 19 ปี หน้าตามอมแมม แต่งตัวรัดกุม พกปืนสั้น มีมีดเหน็บที่เอวครบชุด
“เฮ้ย เอ็งแน่ใจนะเว้ย เสียแล้วจะมาร้องไห้เอาคืนไม่ได้”
“ใครกันแน่ที่จะร้องไห้” นายองพูดสวน
“ข้าให้โอกาสเอ็งเอาเงินออกไปก่อนที่ข้าจะเปิด”
“เปิดเลยดิ เปิด”
พวกโจรนักพนันเริ่มรำคาญเจ้ามือ
“ในหมู่บ้านนี้ ทุกคนรับผิดชอบตัวเองเว้ย เอ็งเปิดได้แล้ว”
เจ้ามือเหล่ ส่งซิกกับพวกมันไม่ยอมเปิด
“พี่น้องมันจะโกงถึงไม่ยอมเปิด” นายองโพล่งขึ้น
“เอาตัวนังนี่ออกไป”
สมุนของเจ้ามือเข้ามาคว้าตัวนายอง แต่นายองตบหน้ามันคนหนึ่งกระเด็นไป โต๊ะไฮโลกระจาย เกิดการตลุมบอนกันวุ่น เงินกระเด็นทั่วพื้น นายองมุดตามการต่อสู้ คว้าเงินที่ตกอยู่ใส่ย่ามอย่างสนุก นายองเก็บเงินแล้วชะงัก เมื่อเจอสมุนเจ้ามือคนหนึ่งขวางอยู่ มันดึงไหล่นายองขึ้นมา
“นังตัวดี คิดจะขโมยเงินเหรอ”
“เงินข้าเว้ย เอ็งนั่นแหละโกง”
นายองพูดจบก็ตบหน้ามัน แต่มันคว้ามือไว้ได้ แล้วจะตบนายองคืน แต่มีมีดเดินป่ายื่นเข้ามาตรงหน้าอกของมัน
“เฮ้ยนั่นมันลูกสาวข้า”
สมุนหันมาเห็นพรานเมิงยืนอยู่
“ดี ข้าตบสั่งสอนมันให้”
“เอ็งจะตบก็ได้”
“อ้าวพ่อ”
“แลกกับกระเดือกของเอ็ง”
“ไอ้แก่ กฎที่นี่ห้ามสู้กันถึงตาย เอ็งผิดกฎเอ็งก็ตาย”
“ข้าไม่ได้ให้เอ็งตาย ข้าจะเอาแค่กระเดือกของเอ็ง ลองคิดดู อยู่อย่างไม่มีกระเดือก มันจะทรมานแค่ไหน”
สมุนเจ้ามือเครียดด้วยความแค้น ในที่สุดก็ยอมปล่อยนายอง
“เชือดมันเลยพ่อ”
พรานเมิงเหล่นายอง นายองจ๋อย
“ไปรอพ่อที่โรงแรมเป๋ง”
นายองหน้ามุ่ยหันมาทำหน้ายักษ์ใส่สมุนแล้ววิ่งปรู๊ดออกไป
“ขอบใจเพื่อน”
พรานเมิงดึงมีดเดินป่ากลับ สมุนฉวยโอกาสชกหน้าพรานเมิง แต่พรานเมิงเอาด้านข้างของมีดปัดหมัดของมันออกไป แล้วตอกหน้ามันด้วยด้ามมีด มันทรุดฮวบหลับไป
พวกเจ้ามืออีกสองสามคนเข้ามารุมพรานเมิง พรานเมิงโชว์ฝีมือการต่อสู้จนพวกมันหมอบยอมแพ้ แล้วเขาก็เดินออกไปอย่างใจเย็น
นายองเดินมาหยุดอยู่หน้าโรงแรม พวกชุมโจรเดินผ่านไปมามองตาเป็นมัน
“มองน่ะอยากตายหรือไง”
พวกโจรต่างหัวเราะขำแล้วเดินกันไป เฮียเป๋งเห็น เดินออกมามองอย่างสงสัย
“อีหลูเป็งสาวเป็งแซ่มายืนหน้าโรงแรม ไม่ลีนา”
“ฉันมารอพ่อฉัน”
“ไอ้หยา พ่ออะไรวะให้ลูกมารอหน้าโรงแรม”
“นี่ ว่าพ่อฉันเดี๋ยวก็โดนหรอก”
“พ่อเองเป็งใคร”
“พรานเมิง”
“ไอ้หยา ลูกพางเมิง ลื้อเข้ามาก่อง”
“นี่ ตาแก่ แกคิดอะไร”
“เฮ้ย ข้ารู้จักพ่อเอ็งลี ขืนให้เอ็งยืนรอหน้าโรงแรม พ่อเอ็งเฉือนข้าตายน่ะซิ เล็วลีกเข้ามา”
นายองมองตามนิสัยที่ถูกสอนมาไม่ให้ไว้ใจใคร
“ไอ้หยา เล็วๆ”
“ก็ได้ แต่ถ้าตุกติก ข้าเฉือน”
“เออน่า”
นายองเดินเข้ามาใกล้เฮียเป๋ง เฮียเป๋งเดินนำเข้าไปในโรงแรม
“เดี๋ยวก่อน”
เฮียเป๋งกับนายองหันมา ก็เห็นกาญจนายืนกับวีรกิจ กาญจนาจ้องอย่างสงสัย คิดช่วย วีรกิจจ้องนายองเห็นว่าหน้าตาดี น่าสนใจ
นายองกับเฮียเป๋งจ้องทั้งสองอย่างแปลกใจเพราะไม่รู้จัก วีรกิจจ้องนายองตาเป็นมัน นายองจ้องตอบแบบรู้ทัน จึงหงุดหงิด
“ลุง คิดจะทำอะไร”
“คือ ว่า เฮ้ย”
“แก่ป่านนี้ยังคิดจะหลอกเด็ก”
วีรกิจเดินเดินเข้าหานายอง กาญจนาห้ามไม่ทัน แต่นายองมายืนขวางเพราะไม่ถูกชะตาตั้งแต่ถูกมอง
“นี่ ยุ่งอะไร ฉันรู้จักอาเฮีย”
วีรกิจหยุดมองยิ้มกรุ่มกริ่ม
“งั้นเหรอ”
กาญจนารีบเข้ามา
“หนูรู้จักลุงนี่เหรอ”
“ก็ ก็ รู้จักอะ”
กาญจนาจับพิรุธได้
“รู้จักนานแค่ใหน ไว้ใจได้แน่นะ”
นายองยิ้มเขิน เพราะสัมผัสได้ว่ากาญจนาใจดี
“เอ่อ เมื่อกี้”
“อ้าว ฉิกหาย อั๊วรู้จักพ่อมันลี”
“พ่อหนูอยู่ไหน”
นายองอึกอัก เห็นพรานเมิงเดินมาพอดี
“โน่น”
กาญจนากับวีรกิจหันไป เห็นพรานเมิงเดินเข้ามา หน้าดุดัน
พรานเมิงกราดสายตามองทุกคนอ่านเหตุการณ์
“นายอง เอ็งก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“อ้าวพ่อ หาเรื่องฉันอีก”
“ไอ้แก่นี่ จะพาลูกสาวลุงเข้าโรงแรม ดีว่าผมมาทัน”
พรานเมิงมองวีรกิจไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่กราดสายตามาที่กาญจนาเห็นหน้าตาสวย กาญจนาอ่านออกว่าพรานเมิงไม่ปลื้มวีรกิจ จึงยิ้มให้
“สวัสดีจ้ะลุง”
พรานเมิงพยักหน้าให้กาญจนา
กาญจนาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“เรื่องเป็นแบบนี้เองจ้ะ ไม่ได้คิดอย่างอื่น”
“อ้อ ดีนะครับที่ยังมีคนอย่างหนู คอยสนใจช่วยเหลือผู้อื่น นายอง เอ็งยังไม่รีบขอบใจ”
“ขอบใจเรื่องอะไร”
“เอ็งนี่ ก็ขอบใจที่เขาคิดช่วยเอ็งนะซิ ไม่งั้นเอ็งถูกหลอกเข้าโรงแรมไปแล้ว”
“อ้าวพางเมิง”
“นายอง”
นายองกลัวพรานเมิง แต่ก็ชอบกาญจนาด้วย เลยยิ้มยกมือไหว้
“ขอบใจพี่ผู้หญิงจ้ะ”
นายองไหว้กาญจนาคนเดียว ไม่ไหว้วีรกิจที่ยังคงเผลอจ้องนายองบ่อยๆ พรานเมิงเฉยไม่พูดอะไร
“จ้ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”
พรานเมิงพยักหน้าให้กาญจนา ไม่มองวีรกิจ กาญจนาดึงวีรกิจเดินออกไป พรานเมิงมองตาม ก่อนจะหันมาจ้องเฮียเป๋ง
“เอ็งคิดจะพาลูกข้าเข้าโรงแรมเหรอวะไอ้เป๋ง”
เฮียเป๋งตาเหลือก พรานเมิงขำ
บริเวณตลาดชุมโจร ร้านค้าแต่ละร้านมีเจ้าของเป็นพวกโจร มีผู้หญิงก็แต่งตัวแบบโจรเป็นคนขาย แต่ละคนท่าทางเอาเรื่อง กาญจนากับวีรกิจหยุดดูของร้านหนึ่ง
“ไม่ชอบไม่เป็นไร ไม่มีการต่อ”
กาญจนายิ้มให้ วีรกิจทำมาดเข้มมอง
“ถ้าต่อแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าต่อคิดเป็นสองเท่า”
กาญจนากับวีรกิจหันไปก็เห็นโจรชายสองสามคนยืนอยู่
“คิดสองเท่าก็ไม่ซื้อ”
“ต่อแล้วต้องซื้อ”
วีรกิจเริ่มแผ่ว พูดไม่ออก
“ซื้ออะไรกันอยู่ครับ”
ทั้งสองหันมาเจอชาติยืนอยู่ พวกโจรมองชาติ พร้อมมีเรื่อง
“พวกนี้จะบังคับให้ซื้อ” วีรกิจฟ้อง
“อ้อ ถ้าต่อแล้วต้องซื้อครับ จ่ายสองเท่าด้วย”
พวกโจรชายพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ
“ฉันเอาผ้าพันคอผืนนั้น แล้วก็”
กาญจนาชี้โน่นนี่ หญิงโจรส่งสายตาหวานให้ชาติ ชาติยิ้มให้ พวกโจรชายค่อยๆ ถอยออกไป วีรกิจมองชาติเสียอารมณ์ เสียฟอร์มด้วย
อิทธิเดินมาตามถนนชุมโจร จนมาถึงหน้าบาร์ มีคนกระเด็นออกมาหนึ่งคน อึดใจอีกคนก็ตามติด พร้อมคนเชียร์อีกสองสามคน พวกมันชกกันต่อ อิทธิยิ้มขำแล้วเดินเข้าไปในบาร์ เขาถึงกับตื่นเต้น เพราะเห็นโรสยืนอยู่ ท่ามกลางพวกโจรหลายคน ต่างส่งเสียง เฮกัน อิทธิรีบแทรกเข้าไป
“หวัดดีครับ เจอกันอีกแล้ว”
“หวัดดี”
โรสทักแล้วไม่สนใจ บาร์แมนเอาน้ำส้มมาวางตรงหน้าโรส
“ผมให้คนไปหามาให้”
“น่ารักมาก”
“ดริ๊งนี้ผมจ่ายนะครับ” อิทธิพูดขึ้น
“ไม่ต้อง”
“คือว่า”
โจรกระชากไหล่อิทธิ
“หญิงบอกว่าไม่ต้อง”
“เอ็งไม่ได้ยินเหรอ”
อิทธิมองหน้ามันแล้วชกโครม มันกระเด็นออกไป เท่านั้นเอง วงแตกอีก คนหนึ่งชกอิทธิแต่อิทธิยกแขนกั้นไว้ได้แล้วชกโครม คนแรกตั้งตัวได้พรวดเข้ามา อิทธิซัดตูม กระเด็น อีกคนหนึ่งยันด้านหลัง อิทธิกระเด็นไปตรงที่โรสยืนอยู่พอดี โรสมองเฉย
“hi” อิทธิทัก
โจรคนหนึ่งซัดอิทธิกระเด็นออกไป โรสยิ้ม
“บ๊าย บาย”
อิทธิซัดกับพวกมันนัวเนีย พวกมันสามคนรุมอิทธิ อิทธิเสียหลักหลุดออกมา กระแทกใครคนหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นอัศวิน
“ใจเย็นเพื่อน”
“ไอ้อัศวิน”
พวกโจรคนหนึ่งพรวดเข้ามาทางด้านหลังอิทธิ อัศวินเห็นในมือมันมีขวดเหล้าเงื้อสูงหมายตีหัวอิทธิทางด้านหลัง อัศวินตะโกน
“หมุนเก้าสิบ”
อิทธิหมุนตัวเก้าสิบองศาแล้วยิงหมัดตรงเข้าหน้าของมันตูม มันหงายไปพร้อมปล่อยขวด อิทธิรับไว้ได้พอดี ฟาดหัวอีกคนที่บุกเข้ามาโครม มันกระเด็นไปที่โรสยืนอยู่ โรสเบี่ยงตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มัน
ทรุดคว่ำอยู่บนบาร์ รัตนากรมาดึงคอเสื้อของมันออก ร่วงโครมไปที่พื้น
“ที่นี่ตื่นเต้นดีนะ มีโชว์ดีๆ ให้ดู”
รัตนากรพูดขึ้น โรสยิ้ม
“ก็ โอเค ใช้ได้”
“รู้สึกว่าเราจะเคยเห็นกัน”
“อาจจะ”
โรสตอบแต่เฉย ทั้งสองจ้องอิทธิสู้กับพวกมัน รัตนากรจ้องโรสพิจารณา แต่แล้วเงาวูบเข้ามา รัตนากรหันไปเห็นคนหนึ่งกำลังเซเข้ามา เธอหลบ มันกระแทกขอบบาร์ทรุดลงไป รัตนากรยิ้ม หันมาโรสหายไปแล้ว
“คุณรัตน์สบายดี”
รัตนากรหันมาเจออิทธิยืนตรงหน้า ตรงมุมปากมีเลือดอยู่เล็กน้อย
“คุณอิทธิก็สบายดีนะ”
อิทธิพยักหน้า อัศวินเดินเข้ามาสมทบกอดไหล่อิทธิที่ยังหอบอยู่
“ไปกันดีกว่า”
อัศวินลากอิทธิเดินข้ามพวกมือปืนสองคนที่นอนแผ่หราอยู่ที่พื้น รัตนากรเดินตาม โยนเงินไปให้ที่บาร์ปึกหนึ่ง บาร์แมนรับไว้ได้พอดี
“รอบนี้พวกฉันเลี้ยง”
เสียงพวกมือปืนรอบๆ ต่างเฮเข้าไปสุมกันที่บาร์ รัตนากรเดินออกไป โรสกลับเข้ามาที่บาร์ ท่ามกลางพวกมือปืน ผลักคนหนึ่งที่เซเข้ามาออกไป มองตามแล้วยิ้มอย่างพอใจ ด้านหลังของโรส หลินแทรกออกมาจากกลุ่มโจร พร้อมกับบอดี้การ์ดคู่ใจ
“แผนที่อยู่ที่นั่น”
รัตนากรสะพายกระบอกแผนที่อยู่ บอดี้การ์ดสองคนพยักหน้ารับ หลินยิ้มเยือกเย็น
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 5 (ต่อ)
อัศวินกับรัตนากรและอิทธิออกมานอกบาร์ ต่างเดินคุยกันไป
“เซ็งหรือไงเพื่อน ถึงได้ไปซัดกับไอ้พวกนั้น”
“ฉันกำลังคุยกับสาวอยู่ มันทะลึ่งเข้ามาก็เลยต้องสั่งสอน”
“แกนี่เจอสาวเป็นไม่ได้”
“เฮ้ย ฉันรู้จักเว้ย เจอที่สามเหลี่ยมทองคำ เข้ามาช่วยฉันซัดพวกนักเลง แต่วันนี้ทำเฉยแฮะ”
“แปลก รัตน์ก็เห็นหลายครั้ง”
“ใช่แล้ว เจ้าของหน้าไม้”
“ใช่ค่ะ ที่คอนโดยัยกาญ”
อิทธิหยุดกึก ทุกคนหยุดไปด้วย
“อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้ไปโผล่ที่กรุงเทพฯ”
“อืม คราวหน้าเราต้องถามสาวลึกลับคนนี้ให้ชัดๆ หน่อยว่าเป็นใครกันแน่”
“นายแอบมาจีบสาว คนอื่นไปใหนกันหมด”
“เดินช็อปปิ้งอยู่แถวนี้มั้ง”
อัศวินกับรัตนากรต่างมองหน้ากันยิ้มแย้มแจ่มใส ดีใจที่จะได้เจอทุกคน
ชาติ กาญจนา และวีรกิจ เดินมาที่รถ มีข้าวของถือกันมาหลายอย่าง กาญจนาขำ
“มีการบอกกันก่อน ก็ยุติธรรมดีค่ะ”
“ครับ ของขนมากันไกล ยากเย็น”
“ปล้นมาไม่ว่า”
“ครับ มีแต่ของปล้นทั้งนั้น ถึงได้แพงไงครับ เพราะต้องบวกข้าลูกปืน ค่าบาดเจ็บ ค่าทำขวัญลูกน้องที่ตาย สารพัด”
วีรกิจเงียบไป กาญจนายิ้ม
“ของที่ซื้อมาอาจเป็นของคนตายก็ได้ครับ”
วีรกิจหน้าตื่น กาญจนายิ้มขำ
“พี่หมอกับพรานโก๊ะมาแล้ว”
ทั้งหมดมองไปเห็นนพดลกับพรานโก๊ะยืนคุยกันอยู่ที่รถเรียบร้อย
อัศวินกับอิทธิ นั่งอยู่บนรถที่จอดหน้าร้านหนึ่ง รัตนากรโยนของขึ้นรถสองสามอย่าง แล้วโดดขึ้นหลังรถ
อิทธินั่งประจำคนขับ
“ผู้หญิง ไปที่ไหนก็ต้องหาเรื่องช็อปปิ้งจนได้” อัศวินพูดขึ้น
“คุณอิทธิไม่เห็นบ่นเลย”
อิทธิยิ้มแล้วเคลื่อนรถออกไป อัศวินส่ายหน้า เลยโดนรัตนากรผลักไหล่เข้าให้
รถของอัศวินกับรัตนากรวิ่งเข้ามา ชาติและทุกคนอยู่ที่รถแล้ว ทั้งหมดลงจากรถ ต่างทักทายกัน
กาญจนาวิ่งเข้ามากอดอัศวิน
“พี่อัศวิน”
“ยังครบสามสิบสอง ใช้ได้”
“ค่ะ ได้ทุกคนคอยช่วยค่ะ”
“ไงชาติ ได้ข่าวว่าโดนเต็มๆ”
“อืม เกือบแย่ ดีว่าไอ้อิทธิมันโผล่ไปพอดี”
อิทธิก้มโค้งเล็กน้อยประมาณว่าใช่แล้วเพื่อน อัศวินตบไหล่อิทธิเบาๆ ว่าเยี่ยมมาก
“เสียรถไปคันหนึ่ง คนไปหนึ่ง”
ชาติบอก อัศวินเครียด รัตนากรเดินเข้ามาใกล้ ถามกาญจนา
“ไม่เป็นไรนะ”
กาญนาพยักหน้า
“คุณวี”
“ไม่เป็นไรครับ”
นพดลลากพรานโก๊ะเข้ามา
“นี่พรานโก๊ะ”
รัตนากรกับอัศวินต่างยิ้มรับ
“สวัสดีพรานโก๊ะ”
พรานโก๊ะยิ้มกว้างมองรัตนากรไม่วางตา รัตนากรอดดขำไม่ได้ อิทธิเดินเข้ามา
“เราไปที่พักกันดีกว่า”
ขบวนรถสองคันวิ่งเข้ามาในบริเวณกระท่อมหลังหนึ่ง จอดลงทางด้านหน้า
“มีแค่หลังเดียวอีกแล้ว” วีรกิจบ่น
“เหมือนเดิม พวกทีมงานตั้งเต๊นท์นอนเฝ้ารอบๆ เชิญทุกคนตามสบาย” ชาติบอก
“แต่ถ้าจะพักในชุมโจรก็มีห้องที่โรงแรมไอ้เป๋งว่างอยู่” อิทธิเปรย
วีรกิจเหล่อิทธิ แล้วคว้าของของตนเดินขึ้นไปก่อน
“ขอบคุณนะคะคุณชาติ”
“เป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ”
กาญจนายิ้ม คว้าเป้ของเธอเดินขึ้นไป
รัตนากรยิ้ม “ไม่ค่อยชอบคำว่าหน้าที่เท่าไหร่ แต่ก็ขอบคุณ”
“ไอ้ชาติมันทำลีลาไปอย่างนั้นเองล่ะครับ” อิทธิแซว
รัตนากรยิ้มคว้าเป้ เดินขึ้นไป
“ถ้าไม่รังเกียจฉันอยากจะนอนเต็นท์ว่ะเป็นเพื่อนพรานโก๊ะ” นพดลบอก
“แน่ใจเหรอว่าพรานโก๊ะอยากเป็นเพื่อนนาย”
อัศวินแซว พรานโก๊ะยิ้ม
“ไปพราน”
นพดลเดินออกไป พรานโก๊ะเดินตาม ถูกคอกันดี อัศวินหันมาบอกชาติ
“ขอบใจมากเพื่อน ฉันรู้ว่านายสองคนลำบากใจ”
“เสร็จงานคราวนี้นายโดนพวกฉันล้มถังแตกแน่”
“ด้วยความยินดี”
“ตามสบายเพื่อน ฉันจะเข้าชุมโจรซะหน่อยมีคนที่ฉันอยากเจอ” อิทธิบอก
“ระวังนะเพื่อน ติดโรคแล้วอย่าหาว่าไม่เตือน” ชาติแซว
“ไอ้บ้า ฉันนัดคนไว้เว้ย”
อิทธิฉุน เดินขึ้นไปที่รถ คว้าถุงของชาติโยนใส่ชาติ ชาติรับไว้ได้ขำๆ อิทธิสตาร์ทเครื่องขับรถออกไป
อิทธิขับรถมาจอดพรวดที่หน้าโรงแรมเฮียเป๋ง มีพวกโจรยืนอยู่แถวหน้าโรงแรม เขาลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในโรงแรม เจอเฮียเป๋งกำลังคุยกับพวกโจรสองสามคนที่มาจองห้อง อิทธิแทรกเข้าไป
“เป๋ง เอ็งเห็นพรานเมิงมาหรือยัง”
“มาแล้ว ไปแล้ว”
“อ้าว ไปใหนวะ อั๊วนัดมันที่นี่”
“อั๊วม่ายรู้ มังมากับลูกสาวมัง ยุ่งฉิบเป๋ง เล่นเอาอั๊วเกือบซวยไปล่วย”
“เฮ้ย บ้าจริง”
“ฉันเห็นพรานแก่ๆ กับเด็กผู้หญิงเดินอยู่แถวตลาด” โจรคนหนึ่งบอก
“ไอ้บ้า พรานแก่ กับเหล็กผู้หญิงมีเยอะแยะ เอ็งพูกเรื่อยเปื่อย”
“แต่สองคนนี่พิษสงร้ายกาจ มีเรื่องกับพวกบ่อน ซัดพวกมันซะหมอบ ฉันเห็นกับตา”
“ขอบใจเพื่อน”
อิทธิพรวดออกไป
ที่ตลาดชุมโจร อาเฮียเจ้าของร้าน ถือจานข้าวสองจานเดินมาวางให้นายองกับพรานเมิง
“ตกลงพ่อกับเฮียเป๋งเป็นเพื่อนกันเหรอเปล่าเนี่ย”
“ใช่ แต่ยังไงเอ็งก็ต้องระวัง ไว้ใจใครไม่ได้เต็มร้อยจำไว้”
“ไม่ต้องห่วงน่า ขนาดพ่อ ฉันยังไม่ไว้ใจเต็มร้อยเลย”
“อ้าวเดี๋ยวก็สวย”
นายองยิ้มขำ
“มันสองตัวอยู่นี่พี่”
พรานเมิงกับนายองหันไปก็เจอพวกโจรสี่คนยืนอยู่ โจรคนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจเพราะเป็นเรื่องธรรมดา
“นังนี่มันโกงเงินบ่อนไป”
“พวกเอ็งนี่ ไม่ยอมเลิก”
“ข้าเล่นได้ พวกเอ็งนั่นแหละโกง”
พวกมันจ้องนายองและพรานเมิงพร้อมที่จะเอาเรื่อง
“คืนเงินมาซะดีๆ จะได้ไม่มีเรื่อง”
“พ่อ อัดพวกมันเลย”
“อ้าว เอ็งก่อเรื่องจะให้ข้าเดือดร้อน ข้าไม่เกี่ยว”
พรานเมิงลุกขึ้นเดินเข้าหาพวกมัน
“เอางี้ เอ็งทวงมันเองก็แล้วกัน ข้าขอตัวก่อน”
พรานเมิงทำมือแหวกขอทาง พวกมันมองหน้ากันมึนๆ แต่แล้วหัวหน้าก็พยักหน้า พวกมันเปิดทางให้พรานเมิงเดินออกไป
“โห พ่อเนี่ย เฮงซวยเป็นบ้า”
พรานเมิงหันมา
“นี่ เอ็งว่าข้าเหรอ พวกเอ็งดู เด็กสมัยนี้ ข้าขอบอก พวกเอ็งอย่าได้คิดมีลูก โตขึ้นมาเป็นโจรอย่างพวกเอ็งยิ่งซวยหนัก”
“อ้าวไอ้แก่”
ก่อนที่โจรจะได้พูดอะไรต่อ หมัดของพรานเมิงก็ซัดโครมเข้าให้ หัวหน้ากระเด็น แต่ลูกน้องของมันไวกว่า มันเตะผลักเข้าสีข้างพรานเมิงเซไปชนโต๊ะที่นายองนั่งอยู่ แล้วตามเข้าไป นายองถีบมันโครม มันเซออกมา
“สั่งสอนพวกมัน เอาเงินข้าคืนมา”
หัวหน้าโจรสั่ง สมุนปราดเข้าไป แต่แล้วก็ชะงักเพราะอิทธิดึงคอเสื้อมันสองคนเอาไว้ทางด้านหลัง อิทธิชกโครม พวกมันกระเด็นไป
“เฮ้ย เอ็งเสือกอะไรวะ”
“คนแก่นั่น เป็นเพื่อนข้า”
“สวัสดีครับ คุณอิทธิ”
“ไปเว้ย แล้วเอ็งระวังตัว”
“เออ”
พวกมันพากันออกไป
“แน่จริงกลับมาก่อนดิ”
นายองโวยแล้วหันมาเจออิทธิมองอยู่ นายองถึงกับมองนิ่ง พูดไม่ออก
“ซ่าแบบนี้เอง มิน่า ไอ้เป๋งถึงบ่น”
นายองได้แต่มอง ตาลอย
“ยังไม่รีบไหว้คุณอิทธิ”
นายองสะดุ้งรีบยกมือไหว้อิทธิ
“ลูกสาวผมเองครับ”
อิทธิเหล่นายองแล้วลากพรานเมิงออกมาห่างนายอง ทำหน้าโบ้ยไปทางนายอง
“อยู่ๆ พรานเมิงมีลูกสาวตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็มีมาตั้งนานแล้วครับ แต่ผมไม่เคยบอกใคร”
“อย่าบอกนะว่าพรานเมิงจะพาลูกสาวไปด้วย”
“เฮ่ คือ อ้า”
อิทธิเครียด หันไปมองนายอง ซึ่งรีบยิ้มให้ ตาลอย อิทธิฝืนยิ้มตอบ
“ผมนึกว่าพรานตัวคนเดียว ถึงให้มา เพราะมันอันตราย แบบนี้ผมว่าพรานอยู่ดูลูกดีกว่า”
“เดี๋ยวครับ คุณอิทธิ ตอนนี้ก็เหลือมันกับผม คุณก็รู้จักผมมานาน ผมรับผิดชอบมันได้ครับ”
“ฉันเป็นห่วงพรานเมิงกับลูกสาวนะ ไม่ใช่ว่ารังเกียจ หนทางมันอันตราย ผมก็บอกพรานเมิงแล้วว่าเราจะไปใหนกัน”
“ครับ ผมถึงเต็มใจมาไงล่ะครับ ถ้าผมไม่รอดกลับไปเห็นหน้าลูก ผมขอเลือกเอาลูกไปด้วยได้อยู่กับลูกทุกวันตอนนี้ดีกว่า เรื่องอื่นผมไม่สน”
“อย่าเลยพราน ผมให้พรานกับลูกสาวไปด้วยไม่ได้หรอก”
พรานเมิงคาดไม่ถึง ผิดหวัง อิทธิได้แต่ถอนใจ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมพาสองพ่อลูกมาด้วย
“พ่อบอกว่าคุณเป็นตำรวจชายแดน มือเจ๋งมากเลย”
อิทธินั่งเงียบ เครียด คิดไม่ตกว่าจะอธิบายกับอัศวินอย่างไร เพราะตัวเองเป็นคนจัดการเรื่องพรานนำทาง
“พ่อบอกว่าคุณนำขบวนพวกสำรวจ”
อิทธิเหล่พรานเมิง พรานเมิงรีบบ่นนายอง
“ถ้าเอ็งไม่เงียบ ข้าจะไล่เองกลับบ้านไปอยู่กับยายหมาก”
นายองเงียบทันที
รถของเคนเดินทางเข้ามาในชุมโจร พวกโจรเดินไปเดินมา ไม่มีใครสนใจใคร
“บรรยากาศครึกครื้นดีเว้ย”
พวกมันต่างเฮ เคนกราดสายตามองรอบ รถผ่านโจรกลุ่มหนึ่ง เคนคว้าคอเสื้อคนหนึ่งหมับ รถจอดพรืด
“เฮ้ย บาร์อยู่ไหนวะ ข้าหิวเหล้าเว้ย”
“ข้าทำไมต้องบอกเอ็ง”
“ก็แค่ถามน่ะพี่ แต่ถ้าพี่ไม่บอกก็ ไม่เป็นไร”
เคนยิ้มกวน แล้วตบเปรี้ยง โจรหงายไป พวกมันที่เหลือโดดใส่พวกของเคน เกิดการตะลุม
บอนกันอย่างเมามัน พวกเคนเป็นฝ่ายชนะ พวกโจรต่างหมดแรงสู้ เคนหัวเราะชอบใจ หันไปบอกลูกน้อง
“เฮ้ย เงินมา”
ลูกน้องส่งเงินให้ปึกหนึ่ง เคนโดดขึ้นบนรถ
“ข้าชอบออกกำลัง เอาเว้ย นี่ค่าทำขวัญ”
เคนเหวี่ยงเงินปลิวว่อนออกไป พวกโจรต่างเฮ มีแรงเก็บเงินกันวุ่นวาย คนที่ถูกเคนคว้าคอเดินเข้ามาใกล้
“บาร์อยู่เลยโค้งนี้ไป”
“ขอบใจเพื่อน ไปเว้ย”
คนขับออกรถไป เคนยังยืนอยู่
“ใครอยากกินเหล้าฟรีตามข้ามา”
พวกโจรต่างเฮ เดินตามรถของเคนไป
ที่ลานหน้าบ้านที่พัก ทุกคนนั่งบ้างยืนบ้างคุยกัน นพดลเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง
“ดีว่าพรานโก๊ะช่วยไว้ได้”
“โธ่เอ๊ยพี่หมอ เสียท่าจริงๆ เกือบโดนงูเขียวกัดตาย” รัตนากรพูดแซว
“งูเห่าน้อง”
ทุกคนต่างยิ้มมองพรานโก๊ะ พรานโก๊ะยิ้มกราดทุกคน
“ดีใจที่แกรอดมาว่ะไอ้หมอ ขอบใจทุกคนที่ช่วยดูแลยัยกาญให้รอดปลอดภัยมาถึงจนได้”
อัศวินเอามือโอบไหล่กาญจนาที่นั่งข้างๆ ทั้งหมดต่างยิ้มกัน
“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” วีรกิจโว
ทุกคนต่างลอบมองหน้ากัน
“ไอ้ซามูมาแล้ว”
ทุกคนหันไปเห็นซามูเดินยิ้มเข้ามา
“มาซะที เอ็งรีบพาพรานโก๊ะไปส่งบ้านด้วย”
ซามูทำหน้างง ส่งภาษามือส่งเสียงกับชาติพักหนึ่ง ชาติหันมาทางพรานโก๊ะ กาญจนาแปลกใจ
“มีอะไรเหรอคะ”
“ไอ้ซามูบอกว่า มันไม่รู้จักบ้านพรานโก๊ะ มันเจอพรานโก๊ะเดินเก็บสมุนไพรอยู่ในป่า ถามว่ารักษาพิษงูได้มั้ย พรานโก๊ะบอกว่าได้ มันเลยลากมา”
ทุกคนต่างมองพรานโก๊ะเป็นตาเดียว พรานโก๊ะยิ้มให้ทุกคน เขินเพราะโกหก
“ผมว่าให้แกไปด้วยก็ดีนะครับ เผื่อว่าผมเป็นอะไร แกก็ยังช่วยได้”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“กาญก็ว่าโอเคนะคะ สงสารแก”
ทุกคนมองไปทางพรานโก๊ะซึ่งกำลังส่งภาษามือกับซามู ต่างคุยกันไม่รู้เรื่อง
“ผมฉุนตรงที่แกบอกว่ากลับบ้านไม่ถูก ทำให้เราต้องลากมารอไอ้ซามูที่นี่” ชาติบ่น
รัตนากรกับอัศวินต่างขำ
“โอเค พรานโก๊ะไปด้วย ไอ้หมอจะได้มีเพื่อน ไอ้หมอ หน้าที่แกดูแลพรานโก๊ะ พรานโก๊ะก่อเรื่องแกโดน”
“อ้าว”
ทุกคนต่างขำ ชาติหันไปตะโกนเรียกซามู
“เลิกเถียงกันได้แล้วไอ้ซามู บอกพรานโก๊ะว่า อยากจะมาก็มา”
“ผมฟังมันไม่รู้เรื่องหรอกครับ บอกผมเลยก็ได้”
“วะ ส่งภาษามือกันได้อยู่ตั้งนาน”
ทุกคนต่างกลั้นขำ ซามูทำมือทำไม้ใส่ชาติ
“เออๆ ไม่ต้องไปนานนักนะเว้ย”
ซามูวิ่งพรวดหายกลับเข้าไปในป่า
“ไอ้นี่ มันกวน”
นพดลเดินไปหาพรานโก๊ะ ตบไหล่เบาๆ เสียงคนรายงานว่ามีรถเข้ามา ทุกคนมองไปเห็นรถอิทธิกำลังวิ่งเข้ามา
“มีใครมาด้วย”
“พรานเมิง” ชาติบอก
รถของอิทธิเข้ามาจอดตรงหน้าทุกคน ทั้งหมดลงจากรถ ทุกคนต่างมองอย่างสงสัย
“เอ๊ะนั่นเด็กกับลุงที่เราเจอนี่”
รัตนากรหันมามองกาญจนา คาดไม่ถึงว่ากาญจนาจะรู้จักมาก่อน
“อืมใช่”
วีรกิจมองนายองตาวาว รัตนากรเห็นแว่บพอดี หน้าขุ่นไม่พอใจ อิทธิเดินเข้ามาหาอัศวินที่ยืนอยู่กับชาติ
“โทษที พรานเมิงมีลูกสาวมาด้วย ฉันไม่รู้จะทำยังไง”
อิทธิกับชาติมองหน้ากัน กังวล หันไปมองอัศวิน ซึ่งมองมาด้วยความแปลกใจที่เห็นเด็กสาวมาด้วยอีกคน
“ในเมื่อพรานเมิงยืนกราน ก็ถือว่าตามนั้น”
อัศวินหันมาทางรัตนากรส่งสายตาให้ รัตนากรเข้าใจยิ้มให้นายอง
“นายองมานี่ซิ”
พรานเมิงพยักเพยิดให้นายอง นายองเห็นรัตนากรท่าทางเข้มแต่ยิ้มใจดีให้ ก็เดินเข้าไปหาโดยดียกมือไหว้
“หน้าตาสวยนะเรา”
นายองยิ้มเขิน เผลอชำเลืองไปทางอิทธิ รัตนากรสังเกตเห็นอีกเช่นเคย
“มาเรามาเป็นพี่น้องกัน โอเค”
“โอเค”
“ห้ามดื้อกับพี่ล่ะ”
นายองยิ้มพยักหน้า รัตนากรโอบนายอง ชำเลืองมองกาญจนาที่มองอยู่เป็นเชิงส่งข้อความว่าน้องไม่ควรดื้อ กาญจนารู้ไต๋ ทำเป็นไม่สนใจ
“นั่นพี่กาญจนา น้องสาวพี่ ไปหวัดดีซะ”
รัตนากรแกล้งแนะนำนายองเน้นคำว่าน้องสาว กาญจนาไม่ทันตั้งตัว นายองมาอยู่ตรงหน้ายกมือไหว้แล้ว
“หวัดดีจ้ะ พี่สาว พี่ใจดีนะ”
“จ้ะ ใจดีที่หนึ่งเลย”
กาญจนาเหน็บรัตนากรกลับ อัศวินกับนพดลต่างยิ้มให้กัน
“นี่คุณวีรกิจ”
“แฟนพี่เหรอ”
อิทธิซึ่งยืนใกล้ชาติ แกล้งตบไหล่ชาติเบาๆ เป็นเชิงล้อ รู้กันเองแค่สองคน แต่ไม่พ้นสายตารัตนากรอีก
“นายอง เอ็งอย่าพูดมาก มานี่”
นายองเดินกลับไปหาพรานเมิง
“เอาล่ะ ถือว่าทุกคนรู้จักพรานเมิง พรานเมิงรู้จักทุกคน วันนี้แนะนำแค่นี้ว่างๆ ก็คุยกันเองก็แล้วกัน”
พรานเมิงกราดสายตาทักทุกคน ทุกคนยกไม้ยกมือทักด้วย ตามอัธยาศัย ชาติเดินเข้ามาตบไหล่อิทธิบ้าง
“ฉันว่าลูกสาวพรานเมิงซนเป็นลิง แกหาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว”
อิทธิชำเลืองมองนายอง นายองยืนมองอิทธิอย่างพอใจ รัตนากรลอบสังเกตได้อีกครั้ง ยิ้มเข้าใจว่านายองตกหลุมรักอิทธิเข้าแล้ว
เคนยกแก้วดื่มพรวดรวดเดียวหมด ท่ามกลางเสียงเฮของพวกโจร
“จะไม่เลี้ยงเหล้าฉันเหรอ”
เคนหันมา เห็นหลินยืนอยู่ พร้อมบอร์ดี้การ์ดคู่ใจ
“คุณหลินก็มาแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อวาน ทุกคนมาแล้ว ยกเว้นพวกของเฮนรี่”
“ชุมโจรเป็นที่สำหรับทุกคน ใครจะมาจะไปก็ย่อมได้”
“เราเห็นแผนที่แล้ว ถ้าท่านสามารถเอามาขายให้เรา”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมขอเป็นคนดู ถ้าคุณกลัวว่าผมจะลงมือ ผมขอบอกว่าโน”
“คนดูก็คือคนที่ได้แต่ดู ในขณะที่คนอื่นได้รับชัยชนะ”
“หรือว่าผมอาจจะได้ชัยชนะ โดยไม่ต้องออกแรงก็ได้ แต่ไม่ต้องห่วง เตรียมเงินไว้ก็แล้วกัน ผมพร้อมจะขาย ผมชอบเงิน”
“เงินมีอยู่แล้ว”
“เรื่องเงินอาจไม่สำคัญ ถ้าเรารู้จักกันมากขึ้น”
“ถ้ามีของมาให้เห็น ก็ไม่แน่”
หลินยกดื่มรวดเดียวหมด แล้วโยนแก้วทิ้ง เดินออกไป เคนขยับตัวจะตาม แต่บอดี้การ์ดสองคนเข้ามาขวาง เคนยิ้มชอบใจ
พวกของอัศวินต่างนั่งรอบกองไฟ กินข้าวกัน คุยกันไป
“ในเมื่อเรามีสมาชิกสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน เอาเป็นว่า สาวทั้งสามพักบนบ้าน พวกเราจะพักกันที่เต็นท์” อัศวินเสนอ
“ผมว่าผมพักบนบ้านได้ ยังมีที่เหลือ”
ทุกคนต่างหันมามองวีรกิจเป็นตาเดียว อัศวินชำเลืองมองรัตนากรกับกาญจนา
“น่าจะได้ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก นายองกับรัตน์อยู่ด้านหนึ่ง กาญกับคุณวีอยู่อีกด้านหนึ่ง คุณวีรกิจก็เป็นคู่หมั้นคุณกาญคงไม่เป็นไร”
กาญจนาชำเลืองมองรัตนากร โล่งใจ คนอื่นต่างเงียบเข้าใจรัตนากร
“โอเค ตกลงตามนั้น คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า ก่อนที่ไอ้พวกหิวแผนที่จะมาถึง”
เสียงฟ้าร้องครืนๆ
“สงสัยจะยาก”
ทุกคนหันมามองพรานเมิง
“ยากเยิกอะไรพ่อ ตื่นก็ลุยเลย”
พรานเมิงเหล่ นายองจ๋อย
“พายุมาฝนน่าจะตกติดต่อกันหลายวัน”
“ถ้าพรานเมิงบอกว่าพายุมาก็คือพายุมา”
อิทธิรู้จักพรานเมิงดี รัตนากรมองหน้าอัศวิน
“ถ้าฝนตกเราจะเดินทางลำบาก ภูมิประเทศจะสับสนใช่มั้ยพรานเมิง”
“ครับ ฝนทำลายรอยกับเส้นทางหมด เกิดเราหลง อยากย้อนกลับก็ลำบาก แต่ทิ้งรอยให้คนตามชัดๆ ยังมีพวกโรคภัยไข้เจ็บอีก”
“ผมว่ารอให้พายุผ่านไปก่อนน่าจะดี”
ทุกคนหันมามองวีรกิจประมาณว่า ใครๆ ก็รู้
“แปลว่าพวกไอ้เฮนรี่ก็ต้องตามเราทันจนได้” ชาติกังวล
“ก็ดี จะได้นั่งกินเหล้าคุยกันซะเลย” อิทิพูดขำๆ
“อย่าว่าแต่พวกไอ้เฮนรี่เลย อย่างช้า พรุ่งนี้กลางวันมากันครบแน่”
“เจอหน้ากันจังๆ ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่ามีใครมั่ง” อัศวินพูดขึ้น
“โชคดีที่นี่มีกฏห้ามฆ่ากัน ไม่ยังงั้นคงได้ซัดกันเละ” นพดลบอก
“พรุ่งนี้เช้า เราจะคอยดูสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยว่ากัน” อัศวินสรุป
คืนนั้น อัศวินเดินนำอิทธิและชาติออกมาคุยด้านนอก
“กฏของชุมโจรห้ามล่าห้ามฆ่ากัน แต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้มีการขโมยหรือบุกรุก คืนนี้บอกทีมงานอย่าประมาท”
“ฉันคอยระวังเองเพื่อน พวกนายพักกันให้เต็มที่” อิทธิเสนอตัว
“ฉันจะมาเปลี่ยนก่อนเช้า” ชาติบอก
“โอเค อัศวิน นายพักยาวได้ แต่ถ้าฝนตกยาวอย่างพรานเมิงว่า พรุ่งนี้ตานาย”
“โอเคเพื่อน”
ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน
อ่านต่อตอนที่ 6